ยอดสตรีฉางอิ๋ง

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 เวลา 17.20 น.

  35 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2563 17.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

25) มื้อค่ำ (2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
ฮูหยินซ่งถลึงตาแล้วกล่าวว่า "แล้วการที่เจ้ามาพูดบ่นอยู่ตรงนี้จะมีประโยชน์อะไร เจ้าจัดกองกำลังได้หรือว่าไปฆ่าศัตรูได้กัน?" แล้วนางก็รู้สึกขึ้นมาว่าดุกับบุตรสาวเกกินไป จึงลดน้ำเสียงลงแล้วกล่าวว่า "เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยอย่างนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก! เจ้าคิดดู หากว่าการคาดเดาของเจ้าแพร่กระจายออกไป ไม่ว่าจะจริงหรือเท็จ เฟิ่งโจวรู้ว่าเผ่าหรงจะบุกเข้ามา แล้วจะไม่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์หรือ ถึงตอนนั้นจิตใจผู้คนต่างก็สั่นไหว เจ้าคิดว่านี่แค่เรื่องที่พูดกันได้เล่นๆ หรือ?"
"...ข้าก็แค่พูดที่นี่เท่านั้น" เว่ยฉางอิ๋งคิดแล้วก็รู้สึกว่าถูก จึงยอมรับผิดอย่างเก้อเขิน "ข้าไม่ได้คิดเลยว่าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะทำให้ประชาชนต้องตกใจ ท่านแม่เตือนได้ถูกต้อง ข้าไม่พูดแล้ว"
นางพลันมีความคิดหนึ่งขึ้นมาแล้วกล่าวว่า "ท่านแม่ ท่านพี่ไม่อยากกลับไปเป็นชายารัชทายาทที่เมืองหลวง หากว่าข่าวตอนนี้เป็นจริง จะใช้เรื่องนี้อ้างให้ท่านพี่อยู่ที่บ้านเราไปอีกระยะหนึ่งได้ไหม?"
ฮูหยินซ่งได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าว่า "เจ้าเด็กนี่!"
แม้ว่าจะกล่าวไปอย่างนั้น แต่ว่าเว่ยฉางอิ๋งที่เชี่ยวชาญการคาดเดาอารมณ์ที่แม้จริงของท่านแม่กลับฟังออกว่าฮูหยินซ่งไม่ได้คิดจะรีบบีบให้ซ่งไจ้สุ่ยต้องกลับไปที่เมืองหลวงทันที จึงกล่าวเตือนต่อว่า "ท่านแม่เขียนจดหมายให้กับท่านลุง บอกว่าเมืองเหลียวเฉิงมีเรื่องด่วน สงสัยว่าเผ่าหรงบุกเข้ามา และทางจากเฟิ่งโจวไปที่เมืองหลวง แม้ว่าใช้ม้าเร็วก็ยังต้องใช้เวลาถึงสองวันถึงจะออกไปจากเขตของเฟิ่งโจวได้ และทางยังต้องมุ่งไปทางเหนืออีก ท่านพี่ขี่ม้าไม่ได้ นั่งรถม้ามีแต่จะยิ่งช้ากว่า สถานการณ์ในตอนนี้ หากว่าเกิดอะไรขึ้น ตระกูลพวกเราจะรับผิดชอบไหวหรือ ท่านลุงเองก็ไม่แน่ว่าจะวางใจ เป็นอย่างนี้ท่านลุงก็ต้องยอมตกลงให้ท่านพี่กลับเมืองหลวงช้าหน่อยแน่"
ฮูหยินซ่งถอนหายใจแล้วกล่าวว่า "แต่จะยืดต่อไปอย่างนี้ก็ไม่ได้! อีกอย่างหากว่าเมืองเหลียวเฉิงไม่ได้มีเผ่าหรงบุกรุกล่ะ รายงานข่าวลวงแบบนี้ไปจะได้อย่างไรกัน ท่านลุงของเจ้าแม้ว่าจะไม่ใช่เสนาบดีฝ่ายพิธีการ แต่จะถามเรื่องการทหารก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่าให้ถึงตอนนั้นทำให้เขายิ่งเคืองมากขึ้น เขาทำอะไรเจ้าไม่ได้ กลับไปลงที่ท่านพี่เจ้าแทน"
"จริงๆ แล้วข้าเองก็แปลกใจ พูดถึงยศศักดิ์แล้ว ตระกูลทั้งหกของพวกเราไม่รู้มีขุมกำลังลึกล้ำกว่าราชวงศ์ต้าเว่ยตั้งเท่าไหร่! ของที่ในวังไม่มี กลับไม่ใช่ว่าในตระกูลอย่างพวกเราจะไม่มี" เว่ยฉางอิ๋งเม้มปากแล้วกล่าวว่า "นอกจากนี้ท่านลุงเองก็ไม่ใช่คนที่คิดจะได้ยศสูงใหญ่อย่างนั้น ทำไมถึงต้องบีบท่านพี่ให้แต่งกับรัชทายาทด้วย รัชทายาทคนปัจจุบันไม่ใช่คู่หมายที่ดีอะไร ได้ยินท่านพี่กล่าวว่า ตอนนี้ในวังตะวันออกมีหญิงมากมาย กระทั่งหลานยังมีแล้วถึงสี่ห้าคน ท่านพี่แต่งงานเข้าไป แม้ว่าต่อหน้าคนอื่นจะมีหน้ามีตาว่าเป็นชายารัชทายาท แต่ว่าฐานะเดิมของนางที่เป็นคุณหนูสายตรงของตระกูลซ่งก็ใช่ว่าจะไร้หน้าตา! แล้วทำไมต้องไปทนลำบากด้วย?"
นางกล่าวเสียงต่ำต่อว่า "แล้วข้ายังได้ยินว่า ตำแหน่งฐานะของฮองเฮาองค์ปัจจุบันนี้ก็ไม่มั่นคง รัชทายาทเองก็เพราะท่านแม่ได้รับความรักใคร่ถึงได้ยศมา หากว่าฮองเฮาถูกลดยศ เกรงว่ารัชทายาทก็คงเหมือนกับเหล่ารัชทายาทที่ถูกถอดยศไปก่อนหน้านี้หลายคน...ถึงตอนนั้น ท่านพี่..."
ฮูหยินซ่งได้ยินก็หน้าเปลี่ยนไปแล้วกล่าวว่า "ไม่ต้องพูดมากแล้ว!”
เว่ยฉางอิ๋งกล่าวอย่างสับสนว่า "แล้วทำไมท่านลุงจะต้องให้ท่านพี่ไปเป็นชายารัชทายาทอะไรนั่นให้เหนื่อยด้วยกัน?"
"ท่านลุงของเจ้าเป็นคนถือในคำสัตย์มาตลอด" ฮูหยินซ่งขมวดคิ้ว ใบหน้าก็มีประกายเยือกเย็นแล้วกล่าวว่า "พอแล้วๆ ข้าจะเขียนจดหมายให้เขา บอกว่าซ่งไจ้สุ่ยไม่อยากแต่งเข้าวังตะวันออก...เจ้าไม่ต้องสร้างเรื่องแล้ว!"
เว่ยฉางอิ๋งถามอย่างแปลกใจว่า "แล้วท่านลุงจะตกลงหรือ ท่านพี่เขียนจดหมายไปหลายครั้งแล้ว"
ฮูหยินซ่งกล่าวอย่างวุ่นวายใจว่า "ข้าจะรู้ได้อย่างไรเล่า ตอนนี้ข้ายังไม่ได้ไปเขียนเลย! แต่ว่าอย่างไรไจ้สุ่ยก็เป็นผู้น้อย และยังเป็นบุตรสาวด้วย ข้าเป็นน้องสาวท่านลุงของเจ้า คำพูดของข้าอย่างไรท่านลุงเจ้าก็คงจะพอฟังบ้าง"
นางแสดงท่าทีว่าไม่อยากจะกล่าวเรื่องเหล่านี้ต่อไปอีก นางดันแก้วออกไปแล้วให้คนมารินชา
เมื่อทานข้าวเสร็จแล้ว เว่ยฉางอิ๋งก็กลับไปที่เรือนเสียนซวง เพิ่งจะเข้าไปก็เห็นเหล่าสาวใช้ตัวน้อยอย่างพวกจูสือกำลังหัวเราะคิกคักกันที่ใต้บันไดเป็นวง เหมือนกำลังปอกอะไรอยู่ แม่นมเฮ่อที่ดูแลอย่างเข้มงวดมาตลอดเองก็ยืนมองอยู่ที่ระเบียงคดด้วย นางเองก็หัวเราะออกมาอย่างไม่สนใจ นางจึงถามอย่างแปลกใจว่า "กำลังทำอะไรกัน?"
"ไอหยา คุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว!" ทุกคนได้ยินเสียงก็รีบโยนของในมือทันที แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดพร้อมมาคารวะ
แม่นมเฮ่อเข้ามารับที่บันไดแล้วกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า "วันนี้คุณหนูใหญ่กลับมาเร็ว ตอนนี้แกงซวนเหมย[1]ช่วยย่อยยังไม่เย็นเลย"
"ไม่ต้องรีบ ตอนนี้ข้าก็ยังไม่หิวน้ำ" เว่ยฉางอิ๋งชี้ไปยังตระกร้าเล็กหลายอันบนระเบียง ตอนนี้ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว แม้ว่าตระกูลเว่ยจะร่ำรวย แต่ก็อยู่กันอย่างประหยัด ในเมื่อเจ้านายไม่อยู่ ก็จะยังไม่จุดตะเกียง ห่างไปหลายก้าว จึงมองไม่เห็นว่าภายในนั้นคืออะไร นางจึงถามว่า "คืออะไร ทำไมหลายคนถึงมุงกันอย่างนั้น"
แม่นมเฮ่อกล่าว "เมื่อครู่นี้จูสือกับจูเซวียนว่าง จึงไปเล่นน้ำที่สวนด้านหลัง ผลคือไปเก็บเอาหลิงเจียว[2]ป่ามามากมาย ใช้กระโปรงห่อไว้ ทำเอากระโปรงไหมตัวใหม่สองตัวถูกย้อมเปลี่ยนสี เด็กสาวทั้งสองก็ช่างลืมได้ง่ายเสียจริง เพิ่งจะร้องไห้ไปไม่นาน คราวนี้กลับชวนทุกคนให้มาปอกกินด้วยกันอีก"
เว่ยฉางอิ๋งกล่าว "เด็ดจากที่สวนหรือ ข้าไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน หลิงเจียวป่าเหมือนกับหงหลิง[3]ไหม?"
"แน่นอนว่าไม่เหมือนกัน หากพูดถึงเรื่องงดงามมีน้ำก็ต้องหงหลิง" แม่นมเฮ่อกล่าว "หลิงเจียวป่านี้เมื่อครู่จูสือบิออกให้สาวใช้ นางตั้งใจเลือกอยู่นาน ผลที่ใหญ่ที่สุดมีขนาดเป็นสองในสามของหงหลิงเท่านั้น รสชาติของมัน หวานสดชื่น ตอนที่บิออกมาหากไม่ระวังถูกน้ำในเปลือกมันเข้าก็จะขมฝาด ไม่ได้หวานอย่างหงหลิงดิบ เวลาสุกแล้วจะอ่อนนุ่ม เอามากินสนุกๆ เท่านั้น"
เว่ยฉางอิ๋งกลับสนใจขึ้นมา "เอามาให้ข้าบ้าง"
จูสือยิ้มแล้วตอบรับ นางวิ่งไปเอาชามดอกซิ่งฮวาสีน้ำเงินมาแล้วกล่าวว่า "คุณหนูใหญ่กลับมาพอดีเลย พวกบ่าวเพิ่งจะปอกเปลือกออกมาได้ค่อนชามใหญ่ ยังไม่ทันได้กิน ตอนนี้ได้น้อมเอาให้คุณหนูใหญ่พอดี"
แม่นมเฮ่อได้ยินก็ตำหนิทันทีว่า "เจ้าคนใจแคบ! กลัวว่าคุณหนูใหญ่จะจดจำความดีของพวกเจ้าไม่ได้รึ ยังจงใจกล่าวขึ้นมาอีก พวกเจ้าต่างก็เป็นคนที่คอยปรนนิบัติคุณหนูใหญ่ ปอกเปลือกให้คุณหนูใหญ่แปดชามสิบชามก็ยังสมควร"
แม้ว่าแม่นมเฮ่อจะกล่าวสั่งสอน แต่จริงแล้วจูสือ หลานสาวแท้ๆ ของแม่นมเฮ่อกลับไม่ได้กลัวนาง สาวใช้ตัวน้อยแลบลิ้นออกมา แล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "ท่านอาดุจัง บ่าวจะเอาหน้าเอาความดีจากคุณหนูที่ไหนกัน ไม่ใช่ว่าแค่บอกคุณหนูใหญ่มีลาภปากหรือ?"
ตอนที่แม่นมเฮ่อสั่งสอนจูสือนั้น เว่ยฉางอิ๋งก็ใช้ช้อนชิมเนื้อหลิงเจี่ยวเม็ดหนึ่งแล้ว นางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า "หวานสดชื่น ไม่เหมือนกับหงหลิง"
ลวี่ฝางแสดงความเห็นว่า "ในเมื่อมีในสวน วันหลังไปเตรียมให้คุณหนูใหญ่วันละชามดีไหม?"
"เอาอย่างนั้นเลย!" เว่ยฉางอิ๋งชี้ไปที่ชามในมือของจูสือ "เอาไป เดี๋ยวสักครู่พอว่างแล้วก็เอาไปกินได้พอดี"
"บ่าวเอาไปไว้บนถังน้ำก่อน ไม่อย่างนั้นอากาศเช่นนี้เกรงว่าจะเสียเอา" จูสือรีบกล่าว
เว่ยฉางอิ๋งพยักหน้าอย่างพอใจ "พวกเจ้าปอกเปลือกกันมาตั้งนางกลับเป็นข้าที่ลาภปาก จะให้พวกเจ้าดีใจกันเก้อก็ไม่ได้ พรุ่งนี้ให้คนครัวทำของหวานอย่างที่ทำให้ข้า ให้พวกเจ้าคนละอย่าง"
ทุกคนต่างก็ยิ้มขอบคุณ แล้วห้อมล้อมเว่ยฉางอิ๋งเข้าห้องไป
..............................................
[1] แกงซวนเหมย : เป็นเครื่องดื่มของชาวจีนมีส่วนประกอบคืออูเหมย ซานจา กันเฉ่า กุ้ยฮัว และปิงถาง ซึ่งมีสรรพคุณในด้านของการช่วยปรับปรุงระบบย่อยอาหาร และ ช่วยยับยั้งการสร้างกรดแลคติคในร่างกาย
[2] หลิงเจียว : กระจับ
[3] หงหลิง : กระจับแดง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา