[Omega Queen] โอเมก้าควีน | KOOKV

-

เขียนโดย NyxLuna

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.57 น.

  9 chapter
  0 วิจารณ์
  7,915 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 20.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) CHAPTER VII : นอร์ธเวล์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
CHAPTER VII : นอร์ธเวล์
 

 
 
"เปิดประตูรถหน่อย!!"
 
          เสียงตะโกนเรียกที่ดังมาจากทางของป่าทำให้ผมที่พึ่งตื่นจากการงีบไปราวครึ่งชั่วโมงต้องรีบหันมองไปยังต้นเสียง สองร่างสูงที่กำลังเร่งก้าวเท้าเดินเข้ามาพร้อมกับพยุงอีกร่างนึงไว้ทำให้ผมเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าเสื้อเชิ้ดสีขาวสะอาดตอนนี้มันกลับมีสีแดงเจือปน แถมยังขาดไม่เป็นชิ้นดี 
 
"เขาเป็นอะไร?"ผมเอ่ยถามคนร่างสูงที่ผมไม่รู้จักขึ้นเมื่อก้าวลงมาจากรถเพื่อรับร่างหนามาพยุงไว้แทน 
 
"หมาป่าพวกนั้นมีมากกว่าหนึ่งตัว ไอ้เจคเลยไม่ทันระวัง"
 
"แต่ยังไงฉันก็สู้พวกมันได้อยู่ดี"
 
"ก่อนพูดนี่ดูสภาพตัวเองก่อนดีมั้ย สู้ได้แต่เลือดอาบขนาดนั้น"คนผมส้มพูดขึ้น
 
"ก็พวกนั้นแม่งหมาลอบกัด ถ้าเข้ามาตรงๆอย่าหวังว่าจะได้แตะตัวกูเลยเหอะ"
 
"เออๆ เก่งที่สุดในเขตแล้วมึงอ่ะ ไปทำแผลไปเดี๋ยวที่เหลือพวกกูจัดการให้"
 
"ยังไงก็ฝากด้วยนะน้อง ถ้ามันกวนประสาทก็ตบมันเลย ^^"
 
"พูดมากว่ะ ไปได้แล้ว"
 
"ค้าบบบบ เจ้าน๊าย"
 
          ผมไล่สายตามองคนผมส้มหน้าตาทะเล้นด้วยความงุนงง รู้จักกันมั้ยก็ไม่แต่อีกคนกลับเรียกเขาว่าน้องแถมคุยหยอกเล่นใส่สะอย่างกับรู้กันมาสามชาติเศษ แล้วจึงค่อยละความสนใจกลับมามองคนที่ตนประคองอยู่จนเห็นว่าอีกคนก็กำลังมองมาที่ผมอยู่ก่อนแล้วถึงได้ขมวดคิ้ว
 
"มองอะไร - -"
 
"พึ่งสังเกตว่าเวลานายไม่พอใจแล้วจะชอบทำหน้ายู่เหมือนเด็ก"
 
"ฉันไปทำตอนไหน อย่ามั่ว"
 
"ตอนนี้ก็ทำอยู่ไม่ใช่รึไง"
 
          ผมปั้นหน้านิ่งทำเป็นหูทวนลมเพื่อไม่พาลอารมณ์เสียไปกับความกวนประสาทของอีกคนแล้วรีบพยุงร่างหนาขึ้นมานั่งบนรถเพื่อไปยังโรงพยาบาลสำหรับส่งคนบาดเจ็บแต่ปากดีไปทำแผล
 
"ไปโรงพยาบาล/กลับบ้าน"
 
          ผมหันหน้าขวับไปมองคนที่เลือดอาบตัวพร้อมคิ้วขมวด คนที่พาเขามาส่งเมื่อครู่ก็ยังบอกอยู่หยกๆว่าให้ไปทำแผล แล้วนี่เขาโดนหมากัดจนประสาทกินไปแล้วหรือไงถึงบอกว่าจะกลับบ้านทั้งๆที่ทั้งตัวยังเต็มไปด้วยแผลอยู่แบบนี้
 
"คุณต้องไปทำแผล"
 
"จะกลับไปทำที่บ้าน"
 
"ตามใจคุณ - -*"
 
          เพราะขี้เกียจเถียงผมจึงเออ ออตามอีกคนไปโดยง่าย ใช้เวลาไม่นานรถยนต์ก็จอดเทียบท่าที่หน้าบ้านทำให้ผมต้องรีบลงจากรถไปพยุงเจ้านายของตัวเองเข้ามาในตัวบ้านจนเรียกความตกใจให้แก่พวกแม่บ้านจนพากันกรูเข้ามาดูเจ้านายของตัวเองด้วยความตกใจ 
 
"ตายแล้ว! คุณเจคโดนอะไรมาคะ"
 
"อย่างหมอนี่ไม่ตายง่ายๆหรอก คุณแม่บ้านไม่ต้องเป็นห่วง"
 
"แผลใหญ่ขนาดนี้คุณเจคน่าจะไปโรงพยาบาล"
 
"ก็แค่หมากัด พวกเธอไม่ต้องตื่นเต้น แยกย้ายกันไปทำงานได้แล้ว"
 
"งั้นเดี๋ยวดิฉันขอไปเอากล่องยาก่อนนะคะ แผลแบบนี้ปล่อยไว้นานจะแย่เอา"
 
"ไม่ต้อง เธอไปทำมื้อเที่ยง"
 
"ได้ยังไงกันหล่ะคะ"
 
          ผมมองบนใส่เพดานเมื่อเริ่มรู้ถึงสิ่งที่อีกคนจะสื่อ ด้วยสายตาที่มองมาของคนที่นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับการไม่ยอมให้แม่บ้านไปทำแผลให้ หน้าที่นั้นมันก็ย่อมตกมาอยู่ที่ผมแทนอยู่แล้ว
 
"คุณแม่บ้านทำตามที่เขาบอกเถอะ เดี๋ยวผมทำแผลให้เขาเอง"
 
"ถ้างั้นก็..ฝากคุณวีด้วยนะคะ"
 
          ผมพยักหน้ารับปากเพื่อให้แม่บ้านหายกังวลเพราะเป็นห่วงเจ้านายก่อนที่เจ้าหล่อนจะเดินหายไปทางครัว พอหันไปมองคนที่นั่งสบายใจอยู่บนโซฟาเลยเห็นว่าสายตากวนประสาทกำลังถูกส่งมาให้ 
 
"กล่องยาอยู่ไหน"
 
"ห้องแม่บ้าน"
 
          ผมเดินออกมาจากตัวบ้านหลังใหญ่เพื่อไปยังบ้านเล็กอีกโซนที่ถูกจัดไว้ให้สำหรับคนงานและแม่บ้านโดยเฉพาะ กล่องยาขนาดพอดีถูกผมยื้มมาใช้แต่พอเดินกลับมายังห้องรับแรกคนที่ต้องได้รับการทำแผลก็กลับหายหัวไปเสียดื้อๆ 
 
"คุณเจคขึ้นห้องไปแล้วน่ะค่ะ นายท่านฝากบอกให้คุณวีตามขึ้นไปเลย"
 
"ครับ"สรุปเดินเองได้ แล้วไอ้ที่ผมเสียเวลาพยุงเขามานี่หมายความว่าไง สำออย? - -
 
ก๊อก ก๊อก!
 
"ผมเข้าไปนะ"
 
          ปากบางเอ่ยพูดออกไปตามมารยาทก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเดินเข้ามาในตัวห้องนอนที่กว้างกว่าห้องของตัวเองอยู่พอสมควร กล่องยาถูกวางไว้บนเตียงตามด้วยร่างบางที่หย่อนก้นลงนั่งแล้วมองสำรวจไปรอบๆห้อง จนได้ยินเสียงน้ำที่ไหลออกมาจากห้องน้ำที่อยู่ปลายเตียงถึงรู้ว่าอีกคนกำลังอาบน้ำอยู่ เสียงน้ำที่ไหลอย่างต่อเนื่องกินเวลาสักพักจนเปลือกตาบางเริ่มหนักขึ้นเมื่อผมเริ่มง่วงเต็มที
 
กึก!
 
          เสียงประตูที่ถูกเปิดออกทำให้ผมที่นั่งหลับตาต้องลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ตัวว่าเกือบเผลอหลับ ดวงตาคมหันไปมองทางประตูห้องน้ำจนสายตาประทะเข้ากับร่างเปลือยท่อนบนของเจ้านายตัวเองที่กำลังใช้ผ้าขนหนูขยี้ไปที่เส้นผมที่เปียกน้ำจนต้องเลื่อนสายตาหนี
 
"รอนานมั้ย"
 
"หึ"
 
     ผมส่ายหน้าเบาๆ แต่ไม่ได้หันไปมองหน้าอีกคนเพราะกลัวสายตาไม่รักดีจะมองอย่างอื่นเสียมากกว่า แรงยวบของเตียงที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าอีกคนได้นั่งลงบนเตียงข้างๆกับผมแล้ว 
 
"หันหลังมา จะทำแผล"
 
          เสียงเรียบเอ่ยบอกจนรู้สึกได้ถึงแรงขยับทำให้รู้ว่าอีกคนได้ทำตามที่เขาบอกแล้วจึงหันหน้ามามองแผ่นหลังเปลือยเปล่าที่บัดนี้มีรอยแผลลากยาวอยู่ที่บนช่วงบนของแผ่นหลัง รอยกัดขนาดใหญ่แต่ไม่ได้ลึกมากกับรอยข่วนที่ลากยาวกลางแผ่นหลังไม่ได้ทำให้กล้ามเนื้อแน่นๆของแผ่นหลังตรงหน้าน่ามองน้อยลงแต่อย่างใด ผมชันเข้าเพื่อยกระดับความสูงของตัวเองให้สามารถทำแผลให้คนตรงหน้าได้ถนัดก่อนที่มือบางจะหันไปหยิบสำลีชุบด้วยยาฆ่าเชื้อแล้วค่อยๆ แตะลงตามรอยแผลอย่างเบามือ
 
.....
 
"ถ้าเจ็บก็บอก"
 
"อืม"
 
          ราวหลายนาทีที่ผมใช้เวลาไปกับการทำแผลให้อีกคนจนขั้นตอนสุดท้ายก็คือการใช้ผ้าก๊อชปิดทับแผลพวกนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้นขั้นตอน
 
"เสร็จแล้ว"
 
"ไดร์ผมเป็นมั้ย"
 
"จะใช้ทุกอย่างเลยรึไง"
 
"ผมจ้างคุณตั้งแพงก็คงต้องใช้ให้คุ้ม"
 
"เอาไดร์มา"
 
"อยู่ในลิ้นชักข้างเตียง"
 
          ผมคลานมาที่หัวเตียงแล้วก้มลงเปิดลิ้นชักเพื่อเอาไดร์ไปเป่าผมให้อีกคนตามที่เขาสั่ง มือบางค่อยๆสางผมที่เปียกให้ไม่พันกันก่อนจะเริ่มใช้ลมร้อนเป่าไปทั่วทั้งศีรษะ จนผมสีน้ำตาลเข้มเริ่มจะแห้งถึงได้ผ่อนแรงลมลงทำให้เสียงจากไดร์เบาลงพอที่เสียงคนจะลอดผ่านจนได้ยิน
 

"ต้องไปไหนต่ออีก"

 
"ตอนหนึ่งทุ่มคุณต้องไปงานเลี้ยงที่บ้านใหญ่"
 
"งั้นก็มีเวลาพัก"
 
หมับ!
 
          มือหนาจับเข้าที่ข้อมือเล็กจนผมต้องกดหยุดไดร์ แรงดึงจากคนตรงหน้าที่ล้มตัวลงนอนทำให้ผมที่โดนดึงต้องล้มลงไปนอนด้วยอีกคน 
 
"ทำอะไร - -"
 
"นานๆทีจะมีเวลาว่าง ง่วงก็นอนสะ"
 
          ผมเลื่อนสายตามามองใบหน้าด้านข้างของคนที่นอนอยูู่ข้างๆ เปลือกตาติดขนตาบางกำลังหลับตาพริ้ม จมูกโด่งเป็นสันสูดลมหายใจเข้าพร้อมๆกับริมฝีปากสีสดที่พ่นลมหายใจออกอย่างเป็นจังหวะดูผ่อนคลาย พอได้มีโอกาสมองใบหน้าของอีกคนชัดๆแบบนี้ก็ยิ่งยืนยันได้ดีถึงความดูดีของอีกคนที่หล่อเหลาจนไร้ที่ติ
 
"มองอะไร"
 
          ดวงตาคมที่ลืมขึ้นมามองตอบผมทั้งๆที่ควรจะหลับไปแล้วทำให้ผมต้องรีบเบือนสายตาหนีไปมองเพดานด้านบนแทน
 
"ป่าวสะหน่อย"
 
"ก็เห็นอยู่ว่ามอง"
 
"ไม่ได้มอง"
 
          ผมเถียงข้างๆคูๆแล้วรีบพลิกตัวนอนตะแคงข้างหันหลังให้อีกคนจนได้ยินเสียงขำในลำคอเเบาๆส่งตามมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะหันไปตอบโต้อีกคนต่อ เปลือกตาสวยปิดลงเพื่อพักผ่อนในช่วงเวลาสั้นๆก่อนจะต้องตื่นอีกครั้งในตอนเย็นเพื่อออกไปกินเลี้ยงที่คฤหาสน์ตะกูลนอร์ธเวล์อีกที
 
........
 
.
 
 
.
 
.
 
     
"ตื่นแล้วไง?"
 
          เสียงทักทายจาากคนที่กำลังยืนหันหลังมองกระจกอยู่ที่ปลายเตียงทำให้ผมที่พึ่งลืมตาตื่นจากฝันเมื่อครู่ต้องเรียกสติตัวเองที่กำลังงัวเงียให้เข้าที่ มือบางถูกใช้ขึ้นมาลูบใบหน้าลึมสลือก่อนที่จะเงยหน้ามองเจ้านายคนตนที่กำลังติดกระดุมเสื้อเชิ้ตอยู่อย่างไม่เร่งรีบ
 
"นายยังไม่ได้อาบน้ำ มีเวลาอีกนานไปอาบก่อนเถอะ"
 
"อืม"
 
          ด้วยความที่พึ่งตื่นกับไม่มีสติมากเท่าไหร่ทำให้ผมเชื่อฟังอีกคนอย่างว่าง่าย ขาเรียวพาตัวเองเข้ามาในห้องน้ำพลางเปิดน้ำล้างหน้าชำละร่างกายจนลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองไม่ได้เตรียมอะไรสักอย่างเข้ามาด้วย ดวงตากลมที่เคยเหม่อตื่นเต็มตาเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขาไม่มีแม้แต่ผ้าเช็ดตัว น้ำจากฝักบัวถูกปิดลงพร้อมกับร่างบางที่ยืนมองซ้ายมองขวาอยู่ในห้องน้ำพลางขมวดคิ้ว
 
"แม่งเอ้ย"
 
          ปากเล็กสบ่นก่อนจะใช้มือขยี้ผมตัวเองอย่างหงุดหงิด ผมเดินไปเอาหูทาบกับประตูเพื่อจะได้รู้ว่าคนข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับมีเพียงความเงียบสงบไม่มีแม้แต่เสียงใดๆ เท้าเล็กเดินวนไปวนมาในขณะที่สมองก็คิดหาวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขสถานการณ์นี้ จะตะโกนบอกให้อีกคนเอาผ้าเช็ดตัวมาให้ยังไงก็ต้องออกไปพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนเดียว จะใส่ชุดเก่าที่พึ่งถอดไปก็ไม่ได้อีก หรือยิ่งจะให้อีกคนวิ่งไปเอาเสื้อผ้าที่ห้องตัวเองมาให้ยิ่งแล้วใหญ่ ถึงจะไม่ได้นับถือกันมากแต่ยังไงอีกคนนั่นก็ขึ้นชื่อว่าเจ้านายอยู่ดี
 
"ช่างแม่ง"
 
          ปากเล็กบ่นเป็นรอบสุดท้ายก่อนจะเดินมาหมุนลูกบิดเปิดประตูออกเล็กน้อย หัวกลมสอดส่ายสายตามองภายในห้องเพื่อมองหาเจ้านายของตนแต่กลับไม่เจอแม้แต่เงา จะมีเพียงก็แต่เสื้อผ้าหน้าประตูที่ถูกแขวนไว้ให้จากประตูอีกฝั่งที่มีตะขอให้แขวน ผมจึงรีบหยิบเสื้อผ้าพวกนั้นเข้ามาใส่โดยไม่ต้องมีใครมาบอก ผมในชุดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงขายาวที่ดูเนี๊ยบจนไม่มีที่ติเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยความเกร็งเล็กน้อยกับชุดที่ตัวเองใส่เพราะมันไม่ใช่ชุดของเขาและหนำซ้ำมันยังดูแพงและดูใหม่มากทีเดียว 
 
"มาช่วยฉันหน่อย"
 
          เสียงเรียกจากอีกคนที่ผมไม่เห็นตัวก่อนหน้านี้ดังขึ้นเรียกสติจนผมต้องหันไปมองเจคที่อยู่ในชุดสูทเนี๊ยบพอกัน บนต้นคอถูกเนคไทสีดำสนิทเหมือนกับสูทตัวนอกพาดเอาไว้แต่ยังไม่ได้ผูกให้เรียบร้อย ผมใช้มือสองข้างจับปลายเนคไททั้งสองด้านก่อนจะผูกมันอย่างใจเย็น
 
"ไปกินข้าวกับครอบครัวจำเป็นต้องเนี๊ยบขนาดนี้เลยหรือไง"
 
"ขึ้นชื่อว่านอร์ธเวล์มีอะไรธรรมดาบ้างหล่ะ"
 
"งั้นที่ฉันได้ยินมาว่าเป็นตระกูลสร้างภาพก็คงจะจริง"
 
"เดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง"
 
          ร่างหนาละสายตาออกจากใบหน้าหวานแล้วหันไปมองสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก เนคไทและสูทตัวนอกถูกจัดให้เข้าที่พร้อมกับนาฬิกาข้อมือแสนแพงที่ถูกสวมใส่เข้าที่ข้อมือ 
 
"เอานี่ไปใส่"
 
          กล่องเครื่องประดับถูกส่งให้คนที่อยู่ข้างๆที่เอาแต่ยืนมึนไม่ยอมรับไปจนเขาต้องเป็นคนเปิดกล่องนั้นเอาเครื่องประดับออกมาถือด้วยตัวเอง สร้อยคอมุขสีขาวนวลถูกคนตัวบางมองด้วยความไม่เข้าใจจนปากบางต้องเอ่ยถามขึ้นแต่คนเป็นเจ้านายก็ชิงตอบขึ้นมาเสียก่อน
 
"คุณเป็นเลขาของผม คุณเองก็ต้องดูดีในสายตาพวกเขาเหมือนกัน"
 
"ยุ่งยากชะมัด"
 
          ปากบางเบะปากแต่ก็ยอมยืนให้คนสูงกว่าใส่สร้อนให้ตัวเองนิ่งๆ แล้วค่อยหยิบเอาต่างหูอีกสองข้างมาใส่จนครบเครื่อง ถ้ามองตัวเองจากในกระจกตอนนี้มันดูเหมือนกับว่าเขากับเจ้านายกำลังจะไปร่วมงานใหญ่ระดับประเทศแทนการกินเลี้ยงที่บ้านตัวเองเสียด้วยซ้ำ แต่อย่างว่า..หมาป่าจรจัดแต่เด็กอย่างเขาจะไปเข้าใจพวกหมาป่าสูงศักดิ์ได้ยังไงหล่ะ 
 
.
 
.
 
.
 
          เสียงดนตรีคลาสสิคดังไปทั่วทุกบริเวรในคฤหาสน์หลังใหญ่ทำให้สองร่างที่พึ่งก้าวเข้ามาในตัวบ้านได้ยินมันอย่างชัดเจน ผมมองผู้คนที่ยืนพูดคุยกันอยู่ตามมุมต่างๆด้วยความแปลกใจเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าจะมีคนมาร่วมงานเยอะขนาดนี้ ในหัวของผมที่คิดก็คงจะเป็นงานเลี้ยงส่วนตัวในบ้านเท่านั้น แต่เท่าที่เห็นมันกลับเหมือนงานทางการเสียมากกว่า ผมเดินตามเจคมายังชั้นสองที่คนไม่พลุกพล่านก่อนที่อีกคนจะพาผมเข้ามายังห้องห้องหนึ่งซึ่งเป็นห้องทำงานของใครสักคน
 
"มาแล้วเหรอ"
 
          เสียงทุ้มน่ายำเกรงของชายวัยกลางคนค่อนไปทางเริ่มมีอายุทำให้ผมที่เดินตามเข้ามาชะงักเท้าอยู่กับที่ เพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังรับรู้ได้ถึงกลิ่นอัลฟ่าที่แกร่งกล้าพอๆกับของเจ้านายของตน ชายมีภูมิฐานในชุดสูทเต็มยศหันมาสบตากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลูกชายก่อนจะมองเลยมายังร่างเล็กที่ยืนอยู่ด้านหลัง
 
"เปลี่ยนเลขา?"
 
"จินไปพักร้อนผมเลยจ้างเขามาทำงานแทนสักพัก"
 
".....โอเมก้า"
 
"เขาทำงานได้ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไร"
 
"หึ..ช่างเถอะ ว่าแต่เรื่องธุรกิจเป็นยังไงบ้าง"
 
"กำไรเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ต้นปี ผมกำลังจะเพิ่มสาขาอีกสามที่เร็วๆนี้"
 
"ดี แต่เหมือนฉันจะได้ข่าวมาว่านนายมีปัญหากับคุณวิลสัน"
 
"....."
 
"ตอบตกลงไปสะ ฉันเห็นด้วยกับวิธีการนั้น"
 
หมับ!
 
          ทันที่ปากเล็กทำท่าจะโพล่งอะไรออกไป แรงจับที่ข้อมือก็ทำให้ผมต้องหยุดความคิดลงเสียก่อน จนทำได้แต่ยืนกำหมัดแน่นสบตาคนแก่กว่าไปเท่านั้น 
 
"ผมไม่อยากให้มีใครต้องตายเปล่า ภายในหนึ่งเดือนผมจะหาวิธีมาแก้ไขเรื่องนี้เอง"
 
"นายจะกังวลไปทำไม จำคำสอนของฉันไม่ได้หรอกหรอ โอเมก้าเป็นเพียงแค่สิ่งที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น ต่อให้พวกมันมีชีวิตต่อไปก็เปลืองทรัพยากรเสียเปล่าๆ"
 
"ผมขอโอกาส..แค่ครั้งนี้ ตลอดที่ผ่านมาผมยอมทำตามสิ่งที่พ่ออยากให้ทำมาตลอด แต่ครั้งนี้..ผมคิดว่ามันเกินไป"
 
"นายนี่มันเหมือนแม่ของนายไม่มีผิด ขี้เห็นใจจนน่ารำคาญ แต่เอาเถอะ..ฉันให้เวลาแกสองอาทิตย์ ถ้ายังหาทางมาแก้ไขเรื่องนี้ไม่ได้ ฉันจะอนุญาตให้สภากลางดำเนินการทดลองทันทีเข้าใจมั้ย"
 
"....ครับ"
 
          แรงบีบที่ข้อมือทำให้ผมที่อารมณ์พลุกพล่านยังพอมีสติอยู่บ้าง แม้ใจจริงจจะอยากออกปากเถียงคนตรงหน้าไปเท่าไหร่แต่ก็รู้ตัวดีว่าสิ่งที่จะตามมามันคงจะไม่สวยนัก ปากบางเม้มเข้าหากันพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อสงบสติแม้มันจะทำได้ยากเหลือเกินในเวลานี้ก็ตาม
 
"ลงไปข้างล่างเถอะ ฉันมีใครอยากแนะนำให้แกรู้จัก"
 
"ครับ"
 
.
 
 
.
 
 
.
 
ไรท์:ขอโทษจ้าาาาา กลับมาแล้วหงึ คืนดีกันนะ <3
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

สนุกมั้ยคะ *-*

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา