Engineering ตกหลุมรักยัยรุ่นพี่ 18+

9.0

เขียนโดย Kanoomjj

วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 09.54 น.

  16 ตอน
  0 วิจารณ์
  12.55K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2562 10.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) พบเจอครั้งที่ 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Engineering ตกหลุมรักยัยรุ่นพี่ 2 พบเจอครั้งที่ 2

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

 

 

 

          หมับ!

 

 

          “เจ๊จะลากผมไปไหนนนนนนนนนนนน!” ลูกไม้มันร้องลั่นอย่างไม่อายใคร แต่ฉันอาย!

          หลังจากที่ฉันไปชนไอ้เด็กหน้าหล่อนั้นแถมยังโดนมันด่ามาอีกยกนึงก็เดินตรงดิ่งไปคว้าคอเสื้อไอ้ลูกไม้มันทันที ฉันลากมัน ย้ำน่ะ ลากมันให้เดินตามฉันมาจนคนรอบข้างต่างมองมาที่ฉันกับมันอย่างสนอกสนใจพร้อมกับคำสรรเสริญที่ทำเอาคิ้วฉันกระตุกไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว

 

          “ตาย! เด็กนั่นป่าเถื่อนจริง ๆ”

 

          “ตัวอย่างกับลูกแมวแต่แรงควายจริง ๆ”

 

          “นั้นคนรึอะไรลากผู้ชายที่ตัวใหญ่กว่าไหวด้วย”

 

          “ผู้หญิงอะไรออกจะน่ารักแต่กลับถึกจริง ๆ”

 

          และอีกบลาๆ ๆ ที่คุณเธอทั้งหลายสรรหามาเรียกฉัน แต่ก็น่ะ ลูกขนุนซะอย่างถึงฉันจะตัวเล็กและเตี้ย! แต่ฉันก็ถึก อึด ไม่แพ้พวกผู้ชายตัวใหญ่ๆหรอกนะ ฉันจัดการลากน้องชายตัวดีมาที่เต็นท์ฝั่งตรงกันข้ามกับหอประชุมใหญ่ซึ่งเป็นจุดลงทะเบียนของคณะวิศวกรรมศาสตร์จริง ๆ เต็นท์ที่แยกมากนี้เป็นของสาขาวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมโยธาซึ่งทางคณบดีของคณะจะแยกออกมาให้เป็นการส่วนตัวเพราะเดี๋ยวได้ตีกันตายก่อนลงทะเบียนเสร็จเป็นแน่แท้ ฉันเดินตรงดิ่งไปที่เต็นท์สีน้ำเงินซึ่งเป็นจุดรายงานตัวของนักศึกษาใหม่สาขาวิศวกรรมโยธาระหว่างทางก็ผ่านก็เต็นท์ของวิศวกรรมเครื่องกล พวกรุ่นน้องที่รู้จักฉันก็ยกมือไหว้ฉันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู เด็ก ๆ พวกนี้มันน่ารักทุกคนแหละแต่คนภายนอกชอบมองแบบติดลบ ฉันยิ้มรับก่อนจะพาลูกไม้ไปที่จุดลงทะเบียน

          “อ้าว พี่หนุนมาทำไรพี่ เอ๊ะ! รึมาส่องเด็กสาขาหนู” ไอ้ กวาง รุ่นน้องปีสามฉันสนิทกับมันตั้งแต่ตอนรับน้องรวมของคณะสมัยมันอยู่ปี 1 มันมองมาด้วยสายตาจับผิด

 

          “ส่องบ้านแกสิ ฉันพาน้องมาลงทะเบียน” ฉันว่าพลางดันลูกไม้ไปตรงหน้ามัน

          “ไหว้ซะ พี่เขาชื่อกวางอยู่ปีสาม” ฉันบอก ลูกไม้มันยกมือไหว้

 

          “หวัดดีครับพี่ ผมชื่อลูกไม้ครับ”

 

          “จ้าๆ พี่ขอบัตรประชาชนหน่อย” กวางเอ่ย ลูกไม้มันก็ส่งบัตรประชาชนให้ไป ฉันเลยปล่อยให้มันจัดการเรื่องเองแต่ก็ยืนดูอยู่ข้างๆมันล่ะนะ

 

          “อ้าว เจ๊มาทำไรคร้าบบบบบบบ” เสียงกวนอวัยวะเบื้องล่างลอยมาแต่ไกล ไม่ต้องหันไปมองฉันก็เดาออกว่ามันผู้นั้นคือใคร

          “น้องนุ่งทัก ไม่สนใจเลยหรอเสียใจอ่ะ” ไอ้ เต้ รุ่นน้องปีสามเหมือนกับไอ้กวางว่าพลางซบไหล่ฉันอย่างอ้อนๆ อ้อนได้น่าถีบมากค่ะ! ฉันผลักหัวมันออกก่อนจะหันไปมองหน้ามัน

 

          “มึงเป็นใครหรอ?”

 

          “ใจร้ายยยยยยยยยยยยยย” ไอ้เต้แดดิ้นไปมาอย่างกับหมาโดนน้ำร้อนสาดใส่ ฉันส่ายหน้าเอื้อมๆก่อนจะหันไปรับไหว้น้อง ๆ คนอื่น ๆ

 

          “เจ้มาทำไรอ่ะ” ดิฟ รุ่นน้องปีสองสาขาโยธาถาม

 

          “มีใครจะถามอีกไหม กูจะได้ตอบทีเดียว?” ฉันถามพลางมองไปรอบ ๆ พวกมันหัวเราะร่าก่อนจะพยักหน้ารัวๆ

 

          “เจ๊เสร็จล่ะ” ลูกไม้หันมาบอก ฉันพยักหน้ารับก่อนจะดึงมันมายืนข้างๆ

 

          “เนี่ยน้องกู ชื่อลูกไม้ ฝากมันด้วยล่ะกัน” ฉันบอก

 

          “เดี๋ยวจัดให้ครับผม” กร รุ่นน้องปีสองมันรับคำ ฉันพยักหน้ารับคำมันน้อย ๆ ดูท่าปีนี้ว๊ากของโยธาคงจะเป็นมันสินะ หึๆ ไม้เอ่ย มันส์ล่ะมึง!

 

          “เจ๊ทำไมคนเขารู้จักเจ๊เยอะจังวะ” ลูกไม้มันกระซิบถาม

 

          “ก็พี่มึงเป็นทั้งดาวคณะ ทั้งประธานสโมสรไงล่ะครับ” ศิวะ เพื่อนซี้ต่างสาขาเดินเข้ามากอดคอฉัน ฉันรู้จักกับมันตั้งแต่ปี 1 แล้ว จริง ๆ รู้จักตั้งแต่ตอนปรับพื้นฐานแล้วล่ะเรียกได้ว่าซี้ปึกเลยทีเดียว

 

          “จิ๋วๆอย่างเจ๊เนี่ยนะ”

         

 

 

          ผลัก!

          “มันเจ็บนะเจ๊” ลูกไม้ลูบหัวน้ำตาคลอหลังจากโดนฉันตบเข้าไปเต็มแรงไม่ยั้งแรงเลยแม้แต่น้อย คือกูเตี้ยแล้วมันหนักหัวใครนักหนาวะ!

 

          “มึงอีกคน กูยิ่งเตี้ยๆอยู่เสือกมาเท้าหัวกูอีก” ฉันพูดอย่างหงุดหงิดพร้อมกับปัดแขนศิวะออกจากหัว

 

          “แล้วนี่จะแวะไปที่สโมสรรึเปล่า” ศิวะถาม

 

          “ขี้เกียจ กว่าจะดูเรื่องไอ้ไม้จบก็หมดเวลาแหละ” ฉันตอบ

 

          “เออๆ งั้นหลบไอ้ปอให้ดี ๆล่ะมึงโดนลากไปทำงานอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ศิวะว่าก่อนจะเดินจากไปอีกทาง ฉันส่ายหัวไปมาด้วยความขนลุกเมื่อนึกถึง แมงปอ สาวอุตสาหการ(วิศวกรรมอุตสาหการ) ที่เป็นเลขาของฉันด้วยใบหน้าเหยเก ยัยนี่มันขยันมากกกกกกกกกกกกกก มากซะจนฉันต้องวิ่งหนีทุกครั้งที่เห็นเงาของนาง - -*

 

          “พี่ไปล่ะ” ฉันว่าก่อนจะโบกมือลาแล้วเดินนำลูกไม้กลับไปที่หอประชุมอีกครั้ง

 

          “เจ๊ รู้จักคนเยอะเนอะ” ลูกไม้ว่า

 

          “อืม ระวังตัวไว้ล่ะ เป็นน้องกูระวังจะโดนเล่น” ฉันบอกก่อนจะคว้ามือมันให้เดินตามไปยังจุดทำบัตรนักศึกษาและเปิดบัญชี

 

          “มึงทำเรื่องตรงนี้เสร็จเดินไปที่ประตูนั่นกูจะเดินไปรอแถวนั้น โอเค?”

 

          “โอเคครับผม” ลูกไม้รับปากก่อนจะเดินหายเข้าไปในฝูงชนส่วนฉันที่นึกถึงคำพูดของศิวะขึ้นมาก็เดินลัดเลาะไปตามหอประชุมใหญ่ทันทีก็ไม่ได้จะหนีใครหรอกนะ จริ๊งจริงงงงงงงงงง! ฉันแค่เบื่อคนเยอะเฉยๆ -*-

 

          “มาสค่ะไปเรียนกับเคธี่เถอะนะที่นี่มันโกโรโกโสจะตาย!”

 

 

 

          กึก!

          ฉันที่กำลังจะเดินผ่านมุมตึกไปได้ยินเสียงใสๆที่โคตรนุ่มหูดังขึ้นทำเอาชะงับเท้ากึกเลย ไม่ใช่เพราะตกตะลึงในความไพเราะของเสียงนางหรอกแต่เพราะคำพูดของนางต่างหาก

 

 

          โกโรโกโส!!

          แหม่ ฉลาดใช้คำจริงนะตัวเธอ!

 

 

          “เคธี่นี่มหาลัยที่เราเลือกนะ! ทำไมต้องใช้คำแย่ๆแบบนั้นด้วย” เสียงหล่อๆที่คุ้นหูดังขึ้น ทำเอาฉันที่กำลังจะไปฉะกับยัยเสียงนุ่มนั้นถอยหลังกลับมาก้าวหนึ่งทันที คำพูดใช้ได้แต่เสียงคุ้นหูเกินไปจริง ๆ

 

          “เราขอโทษ” ยัยคาที่อะไรนั้นเอ่ยเสียงหง่อย สงสัยคงจะเป็นคู่รักที่ต้องพลัดพรากจากกันเป็นแน่แท้ แหวะ! น้ำเน่าอ่ะ ฉันเบ้ปากไปมาด้วยความหมั่นไส้แต่จะว่าไปฉันมาแอบฟังคนอื่นคุยกันทำไมฟ่ะเนี่ย เฮ้อออออ!

 

          “ไปรอที่รถเถอะแถวนี้คนเยอะเดี๋ยวเราทำอะไรเสร็จแล้วจะตามไป” นายเสียงหล่อนั้นพูดก่อนที่ฉันจะได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงเดินจากไป

 

 

 

          What!?

          นางใส่ส้นสูงมามหาลัย สวดยอดดดดดดดดดดดดดดดดดด ปรบมือให้ค่ะ!

 

 

          “จะแอบฟังอีกนานไหม?” นายเสียงหล่อนั้นพูดขึ้นนิ่งๆทำเอาฉันที่แอบฟังอยู่สะดุ้งด้วยความตกใจ มันรู้ตัวได้ไงวะว่าฉันยืนอยู่ตรงนี้ก่อนที่ฉันจะก้มหน้าลงไปแล้วก็ต้องสะดุ้งอีกรอบเมื่อเห็นเงาของตัวเองทอดยาวออกไปสู่ทุ่งหญ้าอันกว้างไกล ~~

 

 

          กระทืบเงาแมร่ง! ฉันกระทืบเงาตัวเองไปสองสามทีก่อนจะเดินออกไปเผชิญหน้ากับนายเสียงหล่อนั้น

 

 

          อึก!

          ฉันสะอึกเล็กน้อยกับความหล่อเว่อร์โคตรอลังการของคนตรงหน้า ตาสีฟ้าสดใส ผมสีน้ำตาลอ่อน ผิวขาวเนียนอมชมพูแถมยังหุ่นดีเว่อร์วังมากเลยค่ะคุณเทอออออออ น้ำลายจิไหล -.,-

 

          “ยังจะมาหื่นอีก” นายหน้าหล่อเว่อร์ดุเสียงขรึม เรียกสติอันแตกกระเจิงจากความหล่อของนางกับคืนมา นายหน้าหล่อกอดอกมองฉันด้วยสีหน้านิ่งๆ หล่ออ่ะ หล่อมากพ่อคุณ! อย่างงี้ต้องให้ยัย เฟย์ หัวหน้าคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของมหาลัยจับเข้าประกวดเดือนมหาลัยซะแล้ว

          “จะมองอีกนานไหมหนู?” นายหน้าหล่อเสียงเพราะนั้นพูดขึ้นอีกครั้ง เดี๋ยวนะ! หนู!? นี่แกเรียกฉันที่แก่กว่าแกสี่ปีว่าหนูหรอ? ไอ้เด็กเวร!

 

          “เรียกใครหนูฮ่ะ?!” ฉันถามด้วยความหงุดหงิด นายหน้าปลาจวด(เปลี่ยนด้วยความโมโห)เลิกคิ้วก่อนจะเดินเข้ามาหาฉันด้วยท่าทางนิ่งๆ พอมันเดินเข้ามาใกล้ก็ทำเอาฉันต้องถอยหลังไปสามก้าวแล้วค่อยเหงยหน้ามองมันด้วยความหงุดหงิด ก็น่ะฉันสูงแค่หน้าอกของไอ้เด็กเวรนี่เอง

 

          “ก็เรียกหนูนั่นแหละ เป็นเด็กเป็นเล็กหัดทำตัวสอดรู้สอดเห็นได้ไงหืม?”

 

          “มึง!”

 

 

 

 

          พรึ่บ!

 

          หมับ!

 

          “ปล่อยกู!!” ฉันที่ตั้งใจจะซัดหน้าคนตรงหน้าให้มันหน้าหงายด้วยความโมโหแต่ไอ้เด็กนี่มันหลบทันเท่านั้นยังไม่พอ มันยังรวบฉันเข้าไปไว้ในอ้อมกอดของมันอีกด้วย ฉันดิ้นไปมาด้วยความโมโหแต่ดูเหมือนกับว่าฉันจะสู้แรงของคนตรงหน้าไม่ได้เลยสักนิด ฉันว่าฉันแรงควายแล้วนะ ไอ้นี่มันโคตรควายเลยนี่หว่า ฮึ่ม! หงุดหงิดค่ะ!

 

          “พูดไม่เพราะเลยนะเด็กน้อย หึๆ”

 

 

 

 

          ฟอด!

 

          “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด!” ฉันร้องลั่นทันทีที่ไอ้เด็กนั่นมันหอมเข้าที่แก้มนุ่มนิ่มของฉันเสียเต็มปอดเลยทีเดียว โธ่ แก้มซาลาเปาน้อยของแม่ช้ำไหมลูก T^T

          “ไอ้โรคจิตปล่อยนะ!” ฉันพูดพลางดิ้นหนักกว่าเดิมแต่ก็เท่านั้นแขนของหมอนี่ไม่ต่างอะไรกับคีมเหล็ก มันล็อคตัวฉันจนเจ็บไปหมดแล้ว

 

          “เกิดอะไรขึ้น!” เสียงใสคุ้นหูดังขึ้นทำให้ฉันรีบหันไปมองทันทีด้วยความดีใจ โอ๊ย! ตั้งแต่รู้จักกับมันมาเป็นครั้งแรกที่ฉันอยากจะกระโดดกอดมันจริง ๆ แมงปอวิ่งหน้าตั้งเข้ามาดูด้วยความตกใจ

          “เห้ย! เจ้หนุนทำไมไปยืนโง่ๆให้เด็กมันกอดล่ะนั่น” แมงปอมันถาม

 

          “มาช่วยกูก่อนไอ้ปอ” ฉันเรียก ส่วนที่มันด่าฉันว่าโง่ค่อยคิดบัญชีทีหลัง แมงปอที่เห็นฉันจมมุมมันก็วิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้า... ขบขัน! - -^

 

          “ฮ่า ๆ น้องค่ะพี่ว่าปล่อยรุ่นพี่เขาก่อนเถอะคะ” แมงปอขำก่อนจะบอกไอ้หน้าปากจวดให้มันปล่อย ไอ้เด็กนั่นมันเอียยงคอมองฉันก่อนจะหันไปมองแมงปออีกรอบแต่ประเด็นคือมันยังไม่ปล่อยช้านนนนนนนนนนนนนน!!

 

          “รุ่นพี่?” มันทวนคำด้วยความสงสัย

 

          “ใช่ค่ะ พี่ลูกขนุนเป็นรุ่นพี่ปีสี่ของพี่เอง พี่ว่าน้องปล่อยเจ๊แกก่อนเถอะนะตัวยิ่งจิ๋วๆอยู่” แมงปอว่า ฉันจิกตาใส่มันอย่างหงุดหงิดกับคำว่าจิ๋ว!

 

          “จิ๋วจริงครับ” ไอ้เด็กนั่นว่าก่อนจะปล่อยฉัน

 

 

 

          หมับ!

 

          “เจ๊ๆ ใจเย็น” แมงปอมันคว้าฉันที่พุ่งเข้าไปต่อยไอ้เด็กนั่นอีกรอบไว้ได้ทันก่อนจะดันฉันไปอยู่ข้างหลังมันพร้อมกับเอาแขนกันตัวฉันเอาไว้

 

          “พี่ว่าเราไปลงทะเบียนเถอะนะ คณะอะไรล่ะ” แมงปอถาม

 

          “บริหารครับ” มันตอบ ดี! ถือว่ารอดตัวไปนะมึง!

 

          “อ้อ งั้นไปเถอะตอนนี้คนเริ่มซาแล้ว พี่ไปก่อนนะ” แมงปอบอกพร้อมกับดึงแขนฉันให้เดินตาม ฉันชี้หน้าคาดโทษไอ้เด็กเวรนั้นเอาไว้ก่อนจะเดินไปตามแรงดึงของแมงปออย่างว่าง่าย

 

 

 

 

          “เจ้ก็ไปหาเรื่องน้องเขา” แมงปอมันว่าเสียงนิ่ง

 

          “มันหาเรื่องกูก่อนไหม หอมแก้มกูด้วยนะสัส” ฉันบอกพลางถูแก้มตัวเองแรงๆด้วยความรังเกียจ แมงปอหันมามองฉันทันขวับ

 

          “หะ...หอมแก้ม! หอมแก้มเจ๊อ่ะนะ” แมงปอถามย้ำด้วยความตกใจ

 

          “เออ”

 

          “โคตรน่าอิจฉาเลยวะ หนูขอหอมแก้มเจ๊มั้งดิ” แมงปอว่าพร้อมกับโน้มตัวเข้ามาหาฉัน

 

          “เฮ้ย! อีปอกูขนลุก!” ฉันว่าพลางดันหน้ามันออกไปห่างๆด้วยความตกใจ

 

          “ฮ่า ๆ หนูแกล้งเล่น!” มันขำเสียงดังลั่น ฉันถอนหายใจด้วยความโล่งอก ขนอ่อนตามตัวที่ลุกชันขึ้นมาค่อยๆสงบลง

          “เออ เจ๊งานสโม...”

 

          “ไปล่ะบายยยยยยยยยย” ฉันบอกพร้อมกับวิ่งหนีแมงปอมันทันทีที่มันเอ่ยถึงงานของสโมสร เสียงแมงปอด่าตามหลังมาดังลั่นแต่ก็ไม่อาจรั้งฉันเอาไว้ได้ ฉันวิ่งหนีไม่คิดชีวิตมาที่จุดนัดพบทันทีก่อนจะเดินไปหาโต๊ะไม้หินอ่อนนั่งรอลูกไม้

 

 

 

 

 

          “ยิ้มหน้าบานเลยนะมึง” ผมมองพี่มาร์ท พี่ชายคนโตที่ยืนพิงผนังหอประชุมใหญ่อยู่

 

          “เรื่องของผมน่า” ผมว่าก่อนจะเดินผ่านมันไป

 

          “เด็กนั่นกูรู้จัก” พี่มาร์ทมันพูดขึ้นมาลอย ๆ แต่มันก็ดึงความสนใจของผมได้ล่ะนะ ผมหันไปมองพี่มันนิ่งๆ พี่แกยังมีหน้ามาเลิกคิ้วที่โคตรกวนตีนใส่ผมอีก

 

          “ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก” ผมพูดก่อนจะหันหลังเดินกลับไป

 

          “ลูกขนุน รวิสรา อาทิตฏวงศ์” พี่มาร์ทมันเอ่ยขึ้นเสียงนิ่งก่อนจะเดินมาตบไหล่ผมเบาๆ

 

          “คู่หมั้นสุดรักสุดหวงของไอ้กฤต ศัตรูคู่แค้นของมึงไง” มันพูดขึ้นอีก ผมนิ่งไปด้วยความรู้สึกรังเกียจก่อนจะกำหนัดแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา

 

          “จะทำอะไรก็คิดดี ๆ กูไม่อยากให้มึงเสียใจเอาทีหลัง” พี่มาร์ทมันบอกพร้อมกับเดินนำผมเข้าไปในหอประชุม ผมยืนระงับอารมณ์ของตัวเองสักพักก่อนจะเดินตามมันเข้าไป

 

          รวิสรา อาทิตฏวงศ์... ผมจะจำชื่อนี้ให้ขึ้นใจเลยทีเดียว!

 

 

 

 

 

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

ชอบนิยายของขนมไหมคะ ฝากติดตามด้วยนะคะ

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา