สายสืบสุดอึด

-

เขียนโดย Vorapoch

วันที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.42 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,078 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 3

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          แกออกอุทานอย่างพรึงเพริศ  ทำท่าจะส่งเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดหวาดกลัวอีก  แต่ทว่า

          ฉึกก!!

          ปลายดาบที่แหลมคมถูกมือของเจ้านายมันคือผ่าเผย  ใช้เสือกแทงด้วยความรวดเร็วและแม่นยำตรงไปที่คอหอยของอาแป๊ะ  แกส่งเสียงเพียงแค่อ๊อกเดียวในลำคอก่อนที่จะตาเหลือกลานล้มวูบลงกับพื้นขาดใจตายทันที

          “มึงไปฆ่ามันทำไมวะไอ้เผย?”

อ้วนร้องโวยวายขึ้นหลังจากตั้งสติรับรู้ต่อเหตุการณ์  ที่เกิดขึ้นอย่างค่อนข้างรวดเร็วตรงหน้า

“ไอ้ห่า  นี่เราแค่มาปล้นเอาปืนเองนะโว้ย...ไอ้ฉิบหายกูไม่ได้บอกให้มึงฆ่ามันซะหน่อย”

          “ก็มันด่าพ่ออ้วนและก็จะกดกริ่งสัญญาณเตือนภัยไปที่ สน.นี่”

ผ่าเผยตอบเรียบๆพร้อมกับเสียบดาบเข้าฝัก

          “เฮ้อ...มึงนี่...”

อ้วนมองหน้าผ่าเผยแล้วก็ถอนใจ

“อะไรจะยกย่องกูมากมายขนาดนี้วะ...แค่ไอ้แป๊ะมันโวยวายด่ากูนิดหน่อย  ก็ถึงขนาดฆ่ามันเชียวหรือวะ?”

          “ใครทำให้พ่ออ้วนระคายเคืองอะไรนิดหน่อย...ผมก็ไม่ไว้มันแล้ว”

ผ่าเผยพูดอย่างจริงจัง

          “เอ้า  ก็ตามใจ...ยังไงก็ฆ่ามันไปแล้วนี่...”

ว่าอย่างปลงๆต่อความภักดีของลูกบุญธรรมของตนเองซะเหลือเกิน

          ก่อนที่จะหันไปส่งเสียงสั่งลูกน้องอีก 3 คนที่มาด้วยกัน  ซึ่งยังคงตกตะลึงต่อเหตุการณ์ในการฆ่าคนอย่างรวดเร็วของผ่าเผยเป็นที่ยิ่ง

“เฮ้ยพวกมึง  รีบขนอาวุธไปเลยโว้ย...อย่ามัวตะลึงอะไรกันนักหนา...ชักช้าเดี๋ยวพ่อมึงก็ได้แห่กันมาอัญเชิญไปเข้าคุกกันซะหมดหรอกเว้ย”

ท้ายเสียงลูกพี่ใหญ่ของโจรกลุ่มนี้  กำชับเสียงกร้าวพลางขยับตัวรีบชิ่งออกจากร้านนี้ก่อนเพื่อน

          “เฮ้ยไอ้บึน...มึงเห็นความจงรักภักดีของไอ้เผยมันรึเปล่าวะ?”

ช่วงจังหวะที่กำลังขนอาวุธปืนที่ปล้นเอาจากร้านปืนแห่งนี้อยู่นั้น  1 ใน 3 ที่กำลังช่วยกันขนก็เอ่ยกระซิบกระซาบตั้งคำถามกับเจ้าบึนที่เดินอยู่ด้านหน้าของตนเอง

          “เห็น  ทำไมวะไอ้แขม?”

เจ้าบึนพยักหน้ารับพลางย้อนถามกลับเอาบ้าง

          เจ้าแขมยักไหล่แล้วพยักพเยิดไปทางอ้วนที่กำลังเร่งรีบเดินนำหน้าอยู่

“กูจะบอกว่า  มึงอย่าได้คิดเป็นศัตรูหรือทำอะไรให้ไม่เป็นที่พอใจของน้าอ้วนแกเลยนะโว้ย”

          เจ้าบึนปรายตามองตามเจ้าแขมบอก  แล้วก็เลยมองไปทางผ่าเผยด้วย  ก่อนที่หงึกหน้ายอมรับกับคำพูดของเพื่อน  พลางกระซิบตอบเสียงแผ่ว

          “กูไม่หาเรื่องอย่างแน่นอน...ไอ้เผยมันทั้งหนักและก็โหดออกอย่างนั้น...ไม่ขอเสี่ยงล่ะกู”

          “เฮ้ย  ไอ้สองตัวนั่นอย่ามัวชักช้าอยู่เว้ย...ไอ้ฉิบหายจะรอตำรวจรึไงวะ  เร็วๆเข้า”

อ้วนร้องเตือนเมื่อปรายตามามองมาที่สองคน  แล้วเห็นว่าสองคนนี้ทำตัวช้าจนเกินไป

          “ครับน้าอ้วนขอโทษทีครับ...รีบไปเดี๋ยวนี้แล้ว”

เจ้าบึกตะโกนบอกพลางรีบสาวเท้าเดินให้ทันคนอื่นๆ  ที่ล่วงหน้าไปพอควรแล้ว

          “เออให้มันรีบๆหน่อยซี...อย่าให้กูต้องสั่งไอ้เผยมันไปเร่งเลยวะ”

อ้วนขู่ตบท้าย

          “ไม่ต้องหรอกครับน้าอ้วน  ผมตามไปเองได้ไม่ต้องรบกวนไอ้เผยให้มันยุ่งยากหรอก”

เจ้าคนชื่อแขม  ปฏิเสธเสียงลั่นพร้อมกับรีบจ้ำเท้าเดินตามกลุ่มไปอย่างเร่งรุด...

                                                *        *        *

          “อะไรกันวะไอ้โด่ง...”

โอบกิจโวยวายขึ้นทันท่วงทีที่  โด่งระบือบอกงานจ๊อบใหม่ที่หัวหน้าสั่งให้ดำเนินการฟังแล้ว

“แค่คดีไอ้พวกโรคจิตชอบลวนลามนักศึกษาในมหาวิทยาลัย  ต้องมาให้ระดับพวกเราทำ...โธ่  ข้าว่ามันจะกระจอกเกินไปหน่อยล่ะมั้งวะ?”

พลางบ่นตามท้าย

          “กระจอกหรือเปล่าฉันก็ไม่รู้ล่ะ...แต่ที่แน่ๆหัวหน้าเขาให้งานมาอย่างนี้”

โด่งระบือเบะปากสรุปกับเสียงบ่นของเพื่อนร่วมงานรุ่นน้าอีกที

          “ไอ้ประเภทคดีที่มันจะมีความดีความชอบ...เสี่ยงๆตายนี่มันไม่มีบ้างรึไงกันวะ...ไอ้ห่าทำงานเป็นสายสืบมาจนหัวหงอกจะหมดทั้งกระบาลอยู่แล้ว  ยังให้งานมาทำได้เพียงแค่นี้”

โอบกิจยังคงบ่นต่อเนื่อง

          โด่งระบือถอนใจแล้วเอ่ยเสียงขึงขัง

“ก็เพราะน้านั่นแหละ  ปอดแหก!”

          “พูดงี้หมายความว่าไงวะ?” สวนคำถามกลับ

          “หมายความว่าตามที่บอกไปแล้วนั่นแหละน้า...ถ้าน้าปอดไม่แหกคอยแต่จะจับงานแบบไม่ต้องเสียงอันตรายมากนักอย่างที่ผ่านมา...เราสองคนคงได้ลุยงานประเภทถึงลูกถึงคนกันไปบ้างแล้วล่ะ...ผมว่านะ  ขอโทษเถอะน้านะกลัวตาย”

          “อะไรกันวะไอ้โด่ง”

โอบกิจออกเสียงโวยวายที่ถูกเพื่อนรุ่นหลานปรามาสเอาซึ่งๆหน้าเช่นนี้  ก่อนที่จะยืดอกคุยเขื่องอย่างแข็งขัน

“คนหยั่งข้ารึว่ะกลัวตาย...ไม่มีทางเสียล่ะ  ข้าน่ะใครๆในหน่วยสืบสวนพิเศษเขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าใจถึง  กล้าบ้าบิ่นลุยแบบถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว”

          “นั้นมันเมื่อตอนหนุ่มๆ”

โด่งระบือยิ้มเยาะเหน็บแนม

          “ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมโว้ย”

โอบกิจเถียง

          “ถ้าใจถึงแล้วไหนล่ะปืน?”

          โด่งระบือกระทู้ถามเสียงกระหึ่มทำนองเย้ยหยัน  พร้อมกับกระตุก.44 แม็กนั่ม กระบอกโต  คู่มือของตนเองที่เสียบในซองข้างรักแร้ด้านในที่มีเสื้อแจ็คเก็ตสีดำที่สวมทับเสื้อยืดชั้นในอยู่อีกที  ขึ้นมาอวดโฉมควงไปมาในมือขวาให้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้าดูเป็นขวัญตา  พลางยักคิ้วแผล็บๆให้อีกทำนองเย้ยหยัน

          โอบกิจใช้เท้าเขี่ยขาตั้งรถ  ก่อนที่จะเดินรี่เข้าไปจนใกล้โด่ง  แล้วจึงแบมือทั้งสองข้างมาด้านหน้าเขาพลางยักไหล่  พร้อมเอ่ยเสียงอย่างทำท่าจริงจังแต่ออกอาการอ่อยๆคล้ายยอมรับคำกล่าวหาของเพื่อนร่วมงานรุ่นหลาน

          “อะไรกันวะไอ้โด่งคนหยั่งข้าเหรอไม่มีปืน...ปัดโธ่เอ็งก็รู้ๆอยู่ว่าบ้านข้าน่ะมีแต่เด็กเล็กๆทั้งนั้นขืนพกปืน  แล้วไปไว้ที่บ้านเกิดไอ้พวกทะโมนมันเอาไปเล่น  คิดว่าเป็นปืนเด็กเล่นขึ้นมาล่ะก็...ได้ฉิบหายกันใหญ่แน่”

          “แล้วตกลงน้าจะทำงานที่หัวหน้าสั่งใหม่รึเปล่าล่ะ?”

โด่งระบือเปลี่ยนเรื่องถามเนื่องจากเริ่มรำคาญกับเสียงคร่ำครวญของรุ่นใหญ่แล้ว

          โอบกิจเบะปากแล้วก็ยักไหล่อีกที  ก่อนที่จะพูดอย่างยอมรับแต่ก็โอ่อยู่หน่อยๆ

          “ยังไงมันก็ต้องทำล่ะวะ...ไอ้แก่มันสั่งให้ทำแล้วนี่  ข้าน่ะถึงจะขี้บ่นยังไงก็ตามที  แต่ความรับผิดชอบต่อหน้าที่แล้วไม่ต้องห่วง...คนอย่างโอบกิจไม่เคยทิ้งงาน”

          “ดีน้า  งั้นเราไปเตรียมตัวกันเถอะ”

โด่งระบือสรุปตัดบทพลางสตาร์ตเครื่องรถช๊อปเปอร์คู่ใจ  บิดนำหน้าไปก่อนขณะที่โอบกิจก็สตาร์ตเจ้าซูซูกิเลิฟรุ่นบุโรทั่งของตนเองบิดตามหลัง...

                                                *        *        *

          “อย่ายึกยักนะโว้ย...ใครกระดุกกระดิกนิดเดียว  กูยิงไส้ไหลแน่!”

          เจ้าแขมสั่งเสียงเฉียบขาดพร้อมกับส่ายปากกระบอกปืนยาว  ที่ใช้ส่องจ้องบรรดาเชลยชายหญิง 5 คน  ที่ยืนตัวสั่นงันงกด้วยความกลัวต่ออาวุธตรงหน้า

          ขณะที่ผ่าเผยพร้อมปืนพกขนาด11มม.ยืนคุมเชิงอยู่ด้วย  ส่วนเจ้าบึนกับอีกคนหนึ่งกำลังช่วยกันกวาดเงินพร้อมกับทองรูปพรรณในเก๊ะหลังเคาว์เตอร์ใส่กระเป๋าผ้าใบที่เตรียมกันมา  ตรงด้านหน้ากันอย่างเร่งรีบ

          “พี่อ่วมไหนบอกว่าจะพามาปล้นธนาคารไงล่ะ?”

เป็นกระทู้ถามของชายอายุไล่เลี่ยกับพ่อบุญธรรมของผ่าเผยและยืนคุมเชิงดูสถานการณ์ในการปล้นครั้งนี้  อยู่ใกล้ๆกัน

          “ก็นี่ไงล่ะวะธนาคาร”

อ่วมบอกเสียงกวนๆ

          “ธนาคารยังไง...นี่มันโรงจำนำชัดๆ”

อีกฝ่ายเถียงตามข้อเท็จจริงที่เห็นอยู่

          “ธนาคารของคนจนไงล่ะเว้ย  ฮะๆๆ”

ว่าแล้วก็หัวเราะชอบใจ

          “แล้วพวกเราทำไมไม่ปล้นธนาคารที่มันจริงจังเลยล่ะ...ไอ้โจรกลุ่มอื่นมันรู้ว่ากลุ่มเรามาปล้นโรงจำนำเข้า  พวกมันได้หัวเราะกันเหงือกแดงแน่”

          “ไปปล้นทำไมวะธนาคารจริงๆ  ที่นั่นน่ะหน่วยรักษาความปลอดภัยมันเยอะ  ทั้งยามเอยทั้งตำรวจเอย  และยังมีกล้องวงจรปิดอีกล่ะ...อัตราเสี่ยงสูงสู้โรงจำนำไม่ได้  ถึงจะได้เงินน้อยกว่าแต่ก็ค่อนข้างเสี่ยงน้อย...มึงไม่ชอบรึไงวะไอ้บักห่า”

          “มันก็ชอบอยู่...แต่ฉันว่ายังไงมันก็ยังเสียหน้าอยู่ดี”

          “ไม่ต้องไปสนใจอะไรกะใครมากนักหรอกวะ...ขอให้ได้เงินมาใช้จ่ายก็พอแล้วล่ะนะข้าว่า”

สรุปกับคนช่างถาม  ก่อนที่จะหันไปเตือนเร่งเจ้าบึนซึ่งกำลังรวบรวมเงินทองข้าวของมีค่าอยู่

“เฮ้ยไอ้บึนให้มันไวๆหน่อยโว้ย  จะได้รีบไป  ไอ้ห่าอยู่นานๆถึงจะเป็นโรงจำนำก็เสียวนะ”

          “เสร็จเดี๋ยวนี้แล้ว  น้าอ่วม”

คนถูกเร่งรับคำพลางรีบถอนตัวออกจากบริเวณตู้  ที่เก็บเงินทองรวมทั้งของมีค่าเอาไว้ทั้งหมดอีกที

          และช่วงจังหวะนั้นเองชายฉกรรจ์คนหนึ่งซึ่งเป็นพนักงานคนหนึ่งของโรงรับจำนำแห่งนั้นทำท่าจะขยับตัวเพื่อทำอะไรบางอย่าง  แต่ก็ยังช้ากว่าผ่าเผยซึ่งถึงตัวของเขาคนนั้นแล้วพร้อมกับดาบด้ามยาวคมกริบในมือไปจ่อที่คอหอย  พลางเอ่ยเสียงเหี้ยมสำทับ

          “อยากตายรึไง  บอกแล้วไงว่าอย่าขยับตัว!”

          “ใจเย็นๆเว้ยไอ้เผย...มึงเอาดาบไปจ่อคอมันทำไมวะ?”

อ่วมซึ่งไม่เห็นพฤติกรรมของหนุ่มคนที่กำลังถูกดาบของผ่าเผยจ่ออยู่  ถามอย่างงงๆต่อเหตุการณ์

          “มันยึกยัก”

ผ่าเผยตอบเข้มๆ

“พ่ออ่วมสั่งฉันไว้ไม่ใช่หรือว่าะ  ใครยึกยักฆ่าได้ทันที”

          “แต่มันก็ยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่านี้ใช่มั้ย?”

          “ยัง”

          “งั้นก็อย่าไปฆ่ามันเลยวะ...นี่มึงออกปล้นทุกครั้งต้องฆ่าคนทุกทีไปรึไงกัน?”

ตั้งคำถามแล้วอ่วมก็ถอนใจ  พลางเอ่ยส่งท้าย

“นึกว่ากูขอก็แล้วกัน”

          “พ่ออ่วมขอ  ผมให้...แต่มันก็ต้องได้รับบทเรียนจากการแสดงความดื้อด้านครั้งนี้เหมือนกัน”

พูดจบผ่าเผยก็ใช้กำปั้นข้างที่กุมด้ามดาบอยู่  อัดเปรี้ยงไปที่กระโดงคางของหนุ่มฉกรรจ์คนนั้นอย่างถนัดถนี่

          พล๊อกก!

          เสียงดังคล้ายลูกมะพร้าวถูกทุบ  พร้อมกับร่างนั้นก็สลบเหมือดกลางอากาศอย่างทันท่วงที

          “ไปกันเถอะวะพวกเรา...อยู่นานๆเดี๋ยวไอ้ผ่าเผยมันนึกมันเขี้ยวขึ้นมา  ก็จะฆ่าใครเข้าให้อีก”

อ่วมตะโกนบอกพรรคพวกของตน

          ก่อนที่จะหันไปทางกลุ่มเชลยที่ยืนตัวสั่นงันงก  ต่อภาพตรงหน้าที่หนึ่งในพวกของตน

โดนทำให้สลบไปแล้ว

          “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือในครั้งนี้นะ...เอาไว้งวดหน้าถ้าพวกกู  ไม่มีเงินใช้กันอีกอาจจะต้องมารบกวนอีกรอบก็ได้...ไปล่ะวะ!”

 

(หมายเหตุ : รีดฯท่านใดที่ติดตามอ่านงานของไรท์ฯอยู่  ต้องการมีข้อตำหนิติเตียนหรือเสนอแนะอย่างไร  หรือเพียงแค่จะทักทายเฉยๆก็แชทมาได้เลยครับที่กลุ่มนิยายพวงพลอยในเฟสฯ  หรือจะเข้ามาร่วมกลุ่มกันก็ได้นะครับ  ไรท์อยากทราบผลตอบรับการเขียนงานให้ท่านอ่านกันว่าเป็นอย่างไรถูกใจหรือไม่ประการใด  ทักเข้ามานะ...)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา