Love You My Love รักเธอที่เป็นเธอ

9.6

วันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.50 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,359 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2561 16.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บทที่ 2 บุพเพอาละวาด​ (อัพ 100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 บทที่ 2 บุพเพอาละวาด

 

 

เว็บขีดเขียน

 

 

ชเวยองโด (พอล) Part

 

          น่ารำคาญ ผมโคตรเบื่อผู้หญิงที่พูดจาไม่รู้เรื่อง คือเข้าใจอารมณ์คนที่เหนื่อยจากงานมาทั้งวันแล้วต้องมาเจอกับความงี่เง่าป่ะ บอกเลยครับว่าผู้หญิงแบบนี้ผมไม่เคยแคร์ รับไม่ได้ก็เลิกแค่นั้น จะว่าไปผมก็ไม่ค่อยแคร์ผู้หญิงคนไหนสักเท่าไหร่ เว้นแต่ผู้หญิงแค่ 3 คนนี้ คนแรกคือแม่ของผม คนที่สองคือแม่นม คนสุดท้ายเธอคือแฟนเก่าผมเอง เราเลิกกันไปได้สามปีกว่าแล้ว เหตุผลที่เลิกเพราะเธอหมดรักในตัวผม ช่วงนั้นเล่นทำเอาผมไม่เป็นผู้เป็นคนไปพักใหญ่ จนหลังจากที่เราแยกทางกันได้สักพัก ผมก็มารู้ข่าวทีหลังว่าเธอแอบมีผู้ชายคนอื่นในระหว่างที่เราคบกัน นั่นแหล่ะครับมันจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอหมดรักผม

 

          ผมชื่อชเวยองโด คนในครอบครัวเรียกผมว่ายองโด แต่คนส่วนใหญ่จะเรียกกันว่าพอล ชเวยองโดเป็นชื่อเกาหลี ผมเป็นลูกครึ่งไทยเกาหลีครับ ส่วนพอลน่ะเป็นชื่อที่เพื่อนเรียกกันตอนอยู่ที่อเมริกา ตอนนี้ผมกลับมาไทยเพื่อรับช่วงดูแลโรงพยาบาลต่อจากพ่อ ก็แค่มาช่วยเท่านั้นแหล่ะครับ หน้าที่หลักของผมคือรักษาคนไข้ปกติ  

 

          “พอล ทำไมยูไม่เคยมีเวลาให้เกลเลย วันๆยูเอาแต่ทำงานๆ เมื่อไหร่จะเห็นเกลสำคัญบ้าง” ผมเงยหน้าขึ้นมองผู้หญิงที่ผมเพิ่งคบมาได้ไม่นานทันที 

 

          “แล้วที่ผมพาคุณมาทานข้าวเย็นเกือบทุกวันนี่คืออะไร” ผมเป็นคนที่จริงจังกับการทำงานมาก แค่ผมมีเวลาพาเธอมากินข้าวเย็นเกือบทุกวันก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้ทั้งรู้ว่าผมงานหนัก ทั้งๆที่ก่อนคบกันก็ตกลงกันแล้วแท้ๆ

 

          “ไม่ใช่อย่างนั้น ไออยากให้ยูมีเวลามากกว่านี้ มากกว่าที่ยูพาไอมาทานแค่ข้าวเย็น” เธอพูดแบบใส่อารมณ์เล็กน้อย

          “ช่วงนี้ผมยังให้เวลาคุณไม่ได้ ผมมีหลายอย่างที่ต้องรับผิดชอบ ไว้ถ้าว่าง ผมจะพาคุณไปเที่ยวแล้วกัน”

          "แล้วตอนไหนยูถึงจะว่าง ไอรอยูมาเป็นอาทิตย์แล้วนะ กับแฟนเก่ายูก็เป็นแบบนี้หรือเปล่า มิน่าล่ะ เขาถึงทนยูไม่ได้"

          "เกล!!!..หยุดพาดพิงถึงคนอื่นเดี๋ยวนี้" ผมเริ่มโมโห

          “อย่าคิดว่าเกลเป็นของตาย เพราะมีผู้ชายมากมายที่เขาสนใจในตัวเกล...ระวังจะเสียใจ”

          "เชิญ" 

          "เชิญอะไร!!! นี่ยูไม่แคร์ไอเลยใช่ไหม" เธอเริ่มฉุนเฉียว

          "จะหยุดได้รึยังเกล" 

          "หยุดงั้นหรอ ได้ งั้นเราเลิกกันเลยดีไหม”

 

          รำคาญเต็มที ผู้หญิงอะไรเอาแต่ใจตัวเองชะมัด สิ่งที่เธอเสนอมา มันเป็นขอเสนอที่โดนใจมาก ต่อให้เธอไม่เสนอ ผมก็ตั้งใจจะเลิกกับเธออยู่ดี  

          “งั้น เรา เลิก กัน” ผมจ้องหน้าเธอ แล้วพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำก่อนจะทิ้งท้ายประโยคที่ทำให้เธอถึงกับนิ่งไป 

          “อ่อ ลืมบอก ผมมีแฟนใหม่แล้ว และเธอก็ไม่งี่เง่าเหมือนคุณด้วย แค่นี้แหล่ะที่อยากจะบอก ไม่มีอะไรแล้ว งั้นผมขอตัว” พูดจบผมก็รีบลุกเดินหนีออกมา เกลตะโกนเรียกผม แต่ผมไม่สนใจ ไม่คิดแม้แต่จะหันไปมองเธอด้วยซ้ำ ส่วนฟงแฟนอะไรผมไม่มีหรอก มีแค่คนคุยเล่นไว้แก้เหงาไม่กี่คนเท่านั้นเอง 

 

          เหตุการณ์นั้นผ่านไปได้ 3 อาทิตย์ เกลตามมาง้อผมถึงที่บ้านทุกวัน จนผมต้องเนรเทศตัวเองออกมาอยู่คอนโดแทน แต่แล้วเกลก็ไม่ยอมหยุด เธอยังตามสืบจนรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน ใช่ครับความพยามยามของเธอเป็นผล คอนโดที่ผมหวังจะใช้ลี้ภัยจากผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เป็นที่ลี้ภัยอีกต่อไป วันนี้คงเป็นวันซวยของผมจริงๆ เพราะหลังจากที่ผมไปทำธุระข้างนอกเสร็จกะว่าจะกลับคอนโดมาพักผ่อนซะหน่อย แต่ดันต้องมาเจอกับผู้หญิงงี่เง่าคนนี้อีกแล้ว แล้วผมจะหนีจากตรงนี้ไปได้ยังไงล่ะ  

 

          “เกลไม่เชื่อหรอก ว่ายูมีแฟนใหม่แล้ว จนกว่าเกลจะเห็นผู้หญิงคนนั้นของยู เกลถึงจะเชื่อ” 

          เกลเข้ามากอดแขนผมแน่น มือเธอเหนียวอย่างกับตุ๊กแก ยิ่งผมพยายมแงะมือเธอออกมากเท่าไหร่ เธอยิ่งเกาะแขนผมแน่นมากเท่านั้น แงะไม่ออกสักที

 

          ทันใดนั้นเอง ผมหันไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าลิฟต์ สมองของผมก็เกิดไอเดียอันบรรเจิดขึ้น ขาของผมไวพอๆกับสมอง ผมรีบเดินเข้าไปจับแขนเธอแล้วลากเธอเข้ามาในลิฟต์ แหม!! มันช่างเป็นจังหวะที่เหมาะเจาะอะไรอย่างนี้ เธอดูตกใจ และงงกับการกระทำของผมมาก  คิ้วเธอเริ่มขมวด  และมองผมสลับกับเกล ผมภาวนาให้เธอนิ่งไว้ก่อนอย่าเพิ่งพูดอะไรออกมา 

 

          เกลมองมือผมสลับกับหน้าผู้หญิงคนนี้ แต่ผมไม่ปล่อยให้เธอสงสัยนาน

          “ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับแจม ขอตัวก่อน เดี๋ยวแฟนผมจะเข้าใจผิด” 

          ผมแถโกหกหน้าตาย ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนที่ผมจับแขนอยู่ชื่ออะไร ขออย่างเดียวอย่าให้เจ้าของแขนที่ผมจับพูดอะไรในตอนนี้  

 

          “หยุดนะพอล เราต้องมาเคลียร์กันให้รู้เรื่อง ยูจะทิ้งไอไปแบบนี้ไม่ได้” เกลจ้องหน้าผู้หญิงข้างๆผม ทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาเอาเรื่อง

          “ห้ามเข้ามา และห้ามมายุ่งกับแฟนของผม หวังว่าคุณคงเข้าใจ” การพูดจาดีๆกับผู้หญิงคนนี้อาจจะไม่ได้ผล ผมจึงต้องห้ามโดยเน้นเสียงโทนต่ำและเย็นชา เธอถึงหยุดชะงัก

 

          “เอ่อ.....” 

          แต่ผู้หญิงข้างผมดิ เธอกลับไม่นิ่งเหมือนตอนแรก เหมือนเธอกำลังจะพูดอะไร ผมต้องรีบหันไปทำหน้าดุใส่เธอก่อนที่เธอจะทำให้แผนผมแตก

          “ผมขอโทษที่รัก ผมจะไม่ทำแบบนี้อีก ผมรู้ว่าคุณโกรธมาก เราไปเคลียร์กันต่อที่ห้องนะ” จากหน้าดุก็เปลี่ยนเป็นหน้าสำนึกผิด ผมรีบกดลิฟต์ชั้น16 ทันที โดยไม่หันไปถามคนข้างๆสักคำว่าอยู่ชั้นไหน

 

          “พอล พอลคะ เกลขอโทษ” 

 

          เสียงขอเกลดังทะลุผ่านประตูลิฟต์เข้ามาก่อนที่ลิฟต์จะปิดตัวลง พอลิฟต์เคลื่อนตัว ผู้หญิงที่มากับผมรีบสะบัดแขนออกทันที

 

          “นี่...กล้าดียังไงมาอ้างว่าฉันเป็นแฟน ฉันไม่ได้ชื่อจงชื่อแจมที่รักบ้าบออะไรของคุณ แล้วฉันก็ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของคุณด้วย จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณเจอคนที่รักคุณแล้ว ก็ควรดูแลเขาให้ดี ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป” 

 

          จากที่เงียบมานาน เธอคงอึดอัดเลยปล่อยอารมณ์มาเต็ม ผมได้แต่จ้องหน้าเธอ อือหือ!!! หมวย ขาวมาก ตัวเล็กมาก ปากนิด จมูกหน่อย ผมดำเงายาวตรง จะว่าน่ารักก็ใช่ ออกเซ็กซี่ก็ได้ ดูดีเหมือนกันนะเนี่ย   

 

          ผมค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปจ้องตาเธอ ทำไมแววตาเธอถึงดูเศร้านัก แต่เสียงลิฟต์ดังขึ้นขัดจังหวะการพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าซะก่อน ทำให้ความคิดของผมหยุดลง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ  ก่อนจะออกจากลิฟต์ ผมต้องขอบคุณเธอที่ช่วยตัดผู้หญิงงี่เง่าคนนั้นออกไปจากชีวิต ถึงผมจะรู้ว่าเกลไม่หยุดแค่นี้ แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ และผมต้องขอโทษที่ถือวิสาสะจับแขนเธอโดยที่เธอไม่ได้อนุญาต

 

          “ขอโทษ และก็ขอบคุณนะ” 

 

          ผมก้าวขายาวๆออกจากลิฟต์  ยกมือขึ้นบีบนวดท้ายทอยตัวเองเพื่อผ่อนคลาย ถ้าได้ไปสปาตัวสักหน่อยก็คงดี แต่วินาทีนี้คิดถึงเตียงนุ่มๆจะแย่ ขอไปนอนเอาแรงก่อนแล้วกัน 

พอเดินมาถึงหน้าห้องตัวเอง ผมก็ต้องเอะใจหันไปมองคนหน้าหมวยที่ตอนนี้มายืนอยู่ด้านหลังของผม อย่าบอกนะว่ายัยเปี๊ยกนี่จะมาเอาเรื่อง ก็ผมขอโทษไปแล้วยังจะมาหาเรื่องอะไรผมอีก

          ....อ...อ้าว!!...ผมต้องรีบหยุดความคิดตัวเองไว้ เมื่อเธอเปิดประตูห้อง แถมยังประชดปิดประตูใส่หน้าผมเสียงดัง  ยัยเปี๊ยกนี่อยู่ห้องตรงข้ามผมหรอเนี่ย อะไรจะบังเอิญขนาดนี้

 

.......................................................................

 

 

          วันนี้ผมมีเคสผ่าตัดตั้งแต่เช้ากว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบหกโมงเย็นแล้ว ผมรู้สึกเพลีย และเบื่อฤดูฝนที่ทำให้ต้องมานั่งติดแหง๊กอยู่บนรถแบบนี้ ถ้าได้กาแฟเย็นอร่อยๆ เข้าสู่ร่างกายสักแก้วก็คงดี  เผื่อผมจะได้รู้สึกกระปี้กระเป่าขึ้นมาบ้าง 

          การที่ผมกินกาแฟตอนเย็นมันไม่ได้มีผลต่อการนอนของผมเลย ต่อให้กินกาแฟตอนไหน ผมก็สามารถหลับได้สบาย ว่าแล้วผมก็เลี้ยวรถเข้ามาจอดหน้าร้านกาแฟเล็กๆแห่งหนึ่ง บรรยากาศร้านค่อนข้างดีทีเดียว เมื่อพอผมก้าวเข้ามาในร้าน พนักงานทั้งหญิงและชายต่างทักทายต้อนรับผมอย่างพร้อมพรียงกัน

 

          “ลาเต้เย็นที่ครับ” 

 

          ผมสั่งกาแฟเสร็จ และเลือกมองหามุมที่นั่ง แต่ผมดันไปสะดุดตากับผู้หญิงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เธอคือผู้หญิงห้องตรงข้ามผมนี่เอง ไม่รอช้าผมเดินตรงดิ่งเข้าไปหาเธอ แต่พอไปถึง เธอไม่ได้หันมาสนใจผมเลยสักนิด จะว่าไปเธอไม่สนใจสิ่งที่อยู่รอบๆตัวเธอเลยต่างหาก ผมสังเกตเห็นบนโต๊ะมีแก้วกาแฟอยู่สองใบ ว่าแต่เธอมากับใคร

 

          “คุณ...คุณ...คุณ!!!” ผมเรียกเธออยู่สองสามรอบ จนต้องเพิ่มพลังเสียงพร้อมยื่นมือไปสะกิดเธอถึงจะรู้ตัว แถมมีสะดุ้งตกใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมด้วยแววตาที่ดูเศร้า น้ำตาคลอ 

 

          เฮ้ย!!! เธอกำลังร้องไห้อยู่

 

          “ผมขอนั่งด้วยคนดิ” เธอแค่ส่ายหน้าให้ผมเฉยๆ คือไรส่ายหน้า ไม่ให้นั่งแต่ผมจะนั่งมีไรไหม 

 

          “ขอบคุณ” ผมตีมึนแล้วนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามมองหน้าเธอที่ตอนนี้กำลังเอาทิชชูขึ้นมาซับน้ำตา ผมว่ามันชักจะยังไง ใครทำให้ผู้หญิงตรงหน้าผมร้องไห้ได้

 

          “คนที่มากับคุณไปไหนล่ะ” ผมถามแล้วหันซ้าย หันขวา มองหาคนที่มากับเธอ

          “………….” ไม่มีสัญญาณตอบกลับ เธอนั่งเงียบ เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

 

          “ร้องไห้ทำไม ผู้ชายไม่มาตามนัดรึไง” ประโยคนี้ได้ผล เธอหันกลับมามองหน้าผม แต่กลายเป็นผมเองที่ต้องตกใจ เพราะน้ำตาเธอไหลหนักยิ่งกว่าเดิม

          “อ้าวเฮ้ย จริงหรอ” ไม่น่าไปจุ้นเรื่องของเธอเลย เธอเช็ดน้ำตาแล้วลุกเดินออกจากร้านลุยฝนไปดื้อๆ ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

 

          “ขออนุญาตเก็บแก้วที่ไม่ได้ทานแล้วนะครับ” ผมพยักหน้าให้พนักงาน ก่อนถามคำถามที่คาใจ

          “น้องครับ ผู้หญิงที่นั่งตรงนี้เธอมากับใครหรอ”

          “มาคนเดียวครับ”

          มาคนเดียว อ้าว...แล้วยัยหมวยสั่งกาแฟมา 2 แก้ว กินเบิ้ลคงไม่ใช่ เพราะอีกแก้วกาแฟยังไม่พร่องเลย แถมยังร้องไห้อีก หรือว่าถูกทิ้ง!!! แฟนไม่มาตามนัดแหงๆ 

 

          “ปกติพี่พิมพ์จะมากับแฟน แต่ช่วงหลังๆ ผมไม่เคยเห็นแฟนพี่เขามาเลยครับ อย่างที่เห็นแหล่ะพี่ ตรงที่พี่นั่งก็ที่แฟนเขา เวลาผมถามถึงพี่ผู้ชาย พี่พิมพ์ก็จะไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้อย่างเดียว ว่าแต่ที่ถามนี่พี่สนใจพี่พิมพ์หรอครับ"

          "อ๋อ...เปล่า พี่แค่สงสัยไรนิดหน่อย แต่ไม่มีไรแล้ว ขอบใจมาก" 

          "งั้นผมขอตัวไปทำงานต่อนะครับ” 

          "เชิญครับ"

          “จะบอกอะไรให้นะ ถ้าคุณเจอคนที่รักคุณแล้ว ก็ควรดูแลเขาให้ดี ก่อนที่ทุกอย่างมันจะสายเกินไป”

          ผมจำประโยคที่เธอเคยว่าผมได้ และพอจะรู้สาเหตุแววตาที่ดูเศร้าของเธอแล้วล่ะ เธอคงจะรักแฟนมากน่าดู แต่ทำไมผู้ชายคนนั้นถึงใจร้ายกับเธอจัง

 

.................................................................................

 

พิมพ์ Part

 

          หลังจากที่ฉันเคลียร์งานเสร็จ ก็แวะไปนั่งดื่มกาแฟที่ร้านประจำ บรรยากาศที่คุ้นเคยกับความรู้สึกคิดถึงคนคนเดิม ฉันทำใจเรื่องเต้ได้มากขึ้น ไม่ร้องไห้ฟูมฟาย พร่ำเพ้อ เหมือนที่เคยเป็น แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันดันไหลออกมาเอง 

          ในขณะที่ฉันจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่นั่น ก็มีอีตาบ้าห้องตรงข้าม คนที่ฉันไม่ปรารถนาจะเจอหน้าเลย มาขอนั่งด้วย  แล้วเรื่องอะไรฉันจะให้นั่ง มีหวังคงปวดประสาทกันพอดี  เชื่อไหมว่าฉันปฏิเสธไม่ให้เขานั่ง แต่ดูความหน้ามึนของเขา  หน้ามึนยังไม่พอแถมยังจะเข้ามายุ่งวุ่นวายเรื่องของฉันอีก

 

          “คนที่มากับคุณไปไหนล่ะ”

          (มาคนเดียว) ฉันตอบในใจ ก่อนจะหันมองออกไปนอกหน้าต่าง

 

          “ร้องไห้ทำไม ผู้ชายไม่มาตามนัดรึไง” พอฉันได้ยินประโยคที่เขาถาม น้ำตาฉันก็ไหลออกมาเอง

          (ใช่ เขาไม่มาตามสัญญา เขาปล่อยให้ฉันรอ แล้วเขาก็จากฉันไปแบบไม่มีวันกลับมาด้วย)

 

          ฉันลุกขึ้นรีบเดินออกจากร้านทันทีถึงแม้ฝนจะตกอยู่ก็ตามและก็ไม่คิดจะสนใจปฏิกิริยาของคนที่อยู่ในร้านด้วย พอกลับถึงห้องฉันจัดการเคลียร์ตัวเอง อาบน้ำ แต่งตัว เพื่อรีบมาปั่นงานต่อ ช่วงนี้งานฉันค่อนข้างยุ่งมาก เพราะต้องรับผิดชอบ และวางแผนโปรเจคใหม่ของบริษัท 

          ฉันบิดขี้เกียจเอี้ยวตัวหันไปมองนาฬิกาตรงผนังห้อง จะตีหนึ่งแล้วรีบเข้านอนดีกว่า แต่ระหว่างที่ฉันกำลังเดินเข้าห้องนอนตัวเองอยู่นั้น เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้น

 

ออด...ออด...

 

          เฮ้ย!!!นี่มันจะตีหนึ่งแล้วใครมากดออดหาฉันตอนนี้ ฉันเปลี่ยนทิศทางจากห้องนอนตัวเองเดินไปยังประตูหน้าห้องแทน ส่องดูตาแมว แต่ก็ไม่เห็นมีใครเลยสักคน

ฉันขอคิดในแง่ดีก่อนแล้วกัน อาจจะเป็นคนอื่นมากดผิดห้องก็ได้ แต่ยังไม่ทันเดินพ้นจากประตูดี เสียงออดก็ดังขึ้นอีกครั้ง ไม่รอช้าฉันรีบส่องดูตาแมวเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครยืนอยู่หน้าห้องเลยสักคน

 

          เอ๊ะ!!! ใครมาเล่นอะไรแผลงๆเวลานี้ แล้วจู่ๆก็มีลมเย็นยะเยือกพัดผ่านร่างอันบอบบางของฉันไป ทำให้ขนทุกอณูในร่างกายพร้อมใจกันลุกซู่ทั่วทั้งตัว หัวสมองดันพลันนึกถึงเรื่องลี้ลับ สิ่งที่อยู่เหนือทางวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถหาคำมาอธิบายได้ ใช่!!! หรือจะเป็นอดีตคนรักมาหาฉัน ผ่านไปสามปีไม่มีวี้แววจะมาหากันเลยสักครั้ง  ฮึ๋ย...คงไม่ใช่หรอกมั้ง หรืออาจจะเป็นโจร 

 

          ระหว่างที่หัวสมองของฉันกำลังคิดอะไรเพ้อเจ้อไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้น เสียงออดหน้าห้องก็ดังขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม คราวนี้ฉันไม่ส่งไม่ส่องมันแล้วตาแมว ตัดสินใจเปิดประตูโดยที่ยังไม่เอาสายยูออก

 

          “เฮ้ย!!!!” เสียงอุทานของฉันทำให้คนที่นั่งตัวงออยู่หน้าประตูเงยหน้าขึ้นมา

          “ทำอะไรอยู่ ทำไมมาเปิดช้าจัง” มันเป็นประโยคคำถามผสมกับตำหนิฉันนิดๆ

          “ก็ใครใช้ให้คุณมากดออดเวลานี้กันเล่า” กดออดเวลานี้ไม่ว่า แต่กดเสร็จก็ดันนั่งหลบตาแมวอีก ใครจะไปเห็นกันล่ะ

          “คุณช่วยผมหน่อย ผมไม่ไหวแล้ว” ฉันรีบปลดล๊อคสายยู เปิดประตู ย่อตัวลงไปดูเขา

          “คุณเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดขนาดนี้อ่ะ” ฉันพยายามช่วยพยุงคนที่นั่งตัวงอให้ลุกขึ้น

          “ผมปวดท้องมากเลยคุณ สงสัยอาหารเป็นพิษ พาผมไปโรงพยาบาลหน่อย”

          ฉันไม่รอช้ารีบวิ่งไปหยิบเสื้อคลุม กุญแจรถ และกระเป๋าทันที ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ชอบขี้หน้าเขาก็ตาม แต่เรื่องส่วนตัวก็เอาไว้ก่อน ณ ตอนนี้ช่วยเหลือคนป่วยสำคัญกว่า ฉันพยุงเขาเข้าลิฟต์อย่างทุลักทุเล

 

          “ทำไมตัวถึงหนาใหญ่จัง ลำบากฉันเลยเห็นไหม” ฉันบ่นเขาเพราะเหมือนตัวเองกำลังแบกกระสอบข้าวสารเป็นสิบๆกิโล เล่นทำคนตัวเล็กอย่างฉันเหงื่อตก เกือบจะเป็นลมไปอีกคน

          “อดทนหน่อยนะคุณ ค่อยๆก้มนะ” ฉันเปิดประตูรถด้านหลัง แล้วค่อยๆยัดคนตัวใหญ่เข้าไปข้างในปล่อยให้นอนแอ้งแม้งตัวงออยู่หลังรถก่อนจะปิดประตูแล้วรีบวิ่งมาประจำที่คนขับ

 

          โชคดีที่โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากคอนโดมาก ขับรถไม่ถึง 15 นาทีเราก็มาถึง ตอนนี้คนป่วยถูกหามเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อย ส่วนฉันก็นั่งรอเขาอยู่ด้านนอก ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง เตียงผู้ป่วยก็ถูกเข็นออกมาโดยมีอีตาบ้านอนหน้าซีดอยู่ ฉันเดินเข้าไปถามอาการเขาจากคุณหมอ ว่าสภาพแบบนี้จะรอดไหม...เดี๋ยว!!!อันนี้ฉันไม่ได้แช่งเขานะ อย่าเพิ่งมองฉันแบบนั้น

 

          “พี่หมอไม่เป็นอะไรมากครับ มีภาวะอาหารเป็นพิษ หมอได้ให้ยาพี่หมอเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ก็ให้พี่หมอพักที่โรงพยาบาลก่อน เพื่อดูอาการอีกที แต่คิดว่าไม่มีอะไรที่หน้าเป็นห่วงครับ”

 

          คือคุณหมอหน้าเด็กคนนี้เรียกอีตาบ้าว่าพี่หมอหรอ อย่าบอกนะว่า หน้าอย่างอีตาบ้านี่จะเป็นหมอ แต่คุณหมอหน้าเด็กก็ควรจะเรียกชื่อของเขาหน่อยนะ นั่นก็หมอ นี่ก็หมอ ทำฉันเกือบงงว่าใครเป็นใคร แต่ดีที่ฉันฉลาดเลยเข้าใจ  

 

          “ขอบคุณมากค่ะ” ฉันยิ้มพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณคุณหมอหน้าเด็กคนนั้น แล้วหันไปมองหน้าคนที่นอนป่วยอยู่ กินไม่ระวัง แถมยังเดือดร้อนคนอื่นอีก...หึหึ

 

          “เอ่อ...คือ...ไม่ทราบว่าคุณเป็นอะไรกับพี่หมอหรอครับ” คุณหมอหน้าเด็กถามฉันแบบหน้าตาสงสัย

          “คือ ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเขาหรอกค่ะ เราแค่อยู่ห้องตรงข้ามกัน แล้วเขาก็มาเคาะห้องขอความช่วยเหลือให้ฉันพามาส่งโรงพยาบาล”เมื่อคุณหมอได้ฟังคำตอบก็มีอาการคิ้วขมวดเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนมาให้ฉัน คือทำไมต้องยิ้มแบบนั้น

 

          “หรอครับ คุณเป็นคนใจดีจัง” หมอหน้าเด็กพูดชมฉัน พร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้อีกครั้ง 

          “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ไงก็ฝากคุณหมอดูแลอีตา เอิ่ม!!! ฝากดูแลเขาด้วยล่ะกันค่ะ” พูดจบฉันก็รีบหมุนตัวเดินออกจากตรงนั้นทันที

 

          “เดี๋ยวครับ” ฉันชะงัก แล้วหันมาตามเสียงเรียก

          “หมอขอถามอะไรอย่าง คุณมีแฟนหรือยังครับ” 

          นั่นไง รู้งี้ไม่หันหน้ามาดีกว่า

 

          “มีแล้ว”นั่นไม่ใช่เสียงของฉัน แต่เป็นเสียงของคนป่วยที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง

          “แกจะพาฉันไปห้องพักได้หรือยังคิม ใจคอจะให้นอนอยู่หน้าห้องฉุกเฉินหรือไง” 

 

          “งั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ” ฉันรีบยกมือไหว้บอกลาคุณหมอทั้งสอง แล้วรีบจ้ำออกจากตรงนั้น 

 

........................................................................................

 

          โอ๊ย!!! ไม่อยากตื่นเลย ทำไมมันโคตรง่วงอย่างนี้ เพราะอีตาบ้านั่นแท้ๆ ฉันถึงต้องนอนดึก กว่าจะกลับมาถึงก็ตี 3 แล้ว บ้าชะมัด ดีนะที่ฉันมีประชุมโปรเจคของบริษัทบ่ายโมง ตอนนี้ 8 โมงเอง ขอนอนต่ออีกสักชั่วโมงแล้วกัน ฉันรีบล้มตัวลงนอนแต่หัวยังไม่ทันถึงหมอนดี เสียงออดที่หน้าประตูห้องก็ดังขึ้น ฉันขยุ้มหัวตัวเองอย่างหงุดหงิดแล้วเดินงัวเงียมาเปิดประตู ใครวะมากดออดแต่เช้าเลย

 

          “ไม่ต้องส่องตาแมวหรอก ผมไม่ใช่โจร” ได้ยินเสียงที่ตะโกนเข้ามาแบบนั้นฉันก็รู้ทันทีว่าเป็นใคร

          “มีอะไร หายดีแล้วหรือไง” ฉันไม่เปิดประตู แต่ตะโกนถามเขากลับ

          “คุณเปิดประตูเดี๋ยวก็รู้เองแหล่ะว่ามีอะไร”  

 

          ฉันเปิดประตูตามที่เขาบอก เพราะอยากกลับไปนอนเต็มทีแล้ว ความง่วงเป็นเหตุทำให้ฉันหาวอ้าปากกว้างต่อหน้าเขา

 

          “อืมหืม ปิดปากหาวก็ได้มั้งคุณ ฟันก็ยังไม่แปรง” เขาพูดพร้อมยกมือขึ้นมาบีบจมูกตัวเอง ถามว่าฉันสนใจกับปฏิกิริยาของเขาสักนิดไหม คำตอบคือ ไม่เลย

          “นี่ มีอะไรก็รีบๆพูดมา ฉันง่วงอยากนอน ถ้าไม่มีอะไร ฉันไปนอนนะ” ฉันหมุนตัวจะเดินกลับเข้าห้อง แต่เขาดันผลักประตู เดินเข้าห้องฉันหน้าตาเฉย ปิดประตูล็อคให้ฉันเสร็จสรรพ

 

          “ว้าว!!! ห้องคุณน่าอยู่ดีเหมือนกันแหะ” ว่าแล้วเขาก็เอาของเข้ามาวางบนโต๊ะกินข้าว แล้วเดินไปทิ้งตัวนอนบนโซฟาของฉัน เฮ้ย!!! มันจะมากเกินไปแล้วนะ นี่มันห้องของฉัน ฉันยังไม่ได้อนุญาตเลย

          “นี่คุณ ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้” 

          “โหคุณ ผมอุตส่าห์ซื้อโจ๊กมาให้ เพื่อขอบคุณที่เมื่อคืนใจดีพาผมไปส่งโรงพยาบาลไง”

          “ขอบใจ แต่ถ้าฉันกินของคุณไป จะไม่มีอาการอาหารเป็นพิษเหมือนคุณใช่ไหม” ฉันพูดกวนประสาทเขาโดยที่ตาฉันยังปิดอยู่ พอเขาได้ยิน และเห็นฉันในสภาพนี้ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ทำให้ฉันที่หลับตาต้องหรี่ตาขึ้นมาข้างหนึ่ง

 

          โอ๊ยไม่ไหวแล้ว อยากจะล้มตัวลงไปนอนกองกับพื้นให้รู้แล้วรู้รอด ไล่ไม่ไปใช่ไหม งั้นก็ได้ ถ้าไม่ไปฉันไปเอง

          “คุณฉันไม่ไหวแล้ว ง่วงมากจริงๆ ขอไปนอนก่อน ออกไปปิดประตูให้ด้วย” ฉันเดินเข้าห้องนอนโดยไม่สนใจเขา ทิ้งดิ่งตัวเองสู่เตียง เข้าสู่ห้วงราตรีที่รอคอย ……อื้ม!!!สบายจัง

 

………………………………...…………..

 

ชเวยองโด (พอล) Part

          อ้าวเฮ้ย!!! ผมอึ้งกับสิ่งที่เธอทำนิดๆ นี่เธอไม่กลัวว่าผมจะขโมยของหรือลักหลับเธอเลยหรือไง มีการสั่งให้ปิดประตูให้อีกด้วย เธอเป็นผู้หญิงที่แปลกดี ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ผมเจอไม่มีใครกล้าแสดงความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริงออกมาให้ผมเห็นแบบยัยหมวยขนาดนี้ แฟนเก่าผมที่คบกันมาหลายปี ยังไม่แสดงออกถึงขั้นนี้เลย 

 

          ประตูห้องนอนค่อยๆ แงมออก เพราะเธอปิดไม่สนิท ผมขำกับภาพที่เห็นตรงหน้ามาก อยากจะแกล้งแต่ปล่อยให้เธอนอนให้เต็มที่ดีกว่า เพราะเมื่อคืนผมมารบกวนจนทำให้เธอต้องอดนอน

 

          ผมกำลังจะออกจากห้องแต่ตาดันไปเห็นกรอบรูปอยู่2อัน เป็นรูปถ่ายพรีเว้ดดิ้งของเธอกับผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่ง แต่ดูแล้วยังหล่อไม่ได้ครึ่งของผมหรอก เขาคงเป็นแฟนของเธอ ว่าแต่ว่า ยัยหมวย แต่งงานแล้วหรอ ไม่เคยเห็นผู้ชายคนนี้จะมาหายัยหมวยเลย

 

          “ปกติพี่พิมพ์จะมากับแฟน แต่ช่วงหลังๆ ผมไม่เคยเห็นแฟนพี่เขามาเลยครับ อย่างที่เห็นแหล่ะพี่ ตรงที่พี่นั่งก็ที่แฟนเขา เวลาผมถามถึงพี่ผู้ชาย พี่พิมพ์ก็จะไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มให้อย่างเดียว”สิ่งที่เด็กเสิร์ฟเคยบอก ลอยเข้ามาในหัวผม ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำกับเธอได้ขนาดนี้ล่ะ 

 

          ผมมองเอกสารมากมายที่วางเต็มโต๊ะไปหมด ทั้งแปลนอาคาร เอกสารงบประมาณ อุปกรณ์ไฟฟ้า ป้ายชื่อพนักงาน มนธิรา  อะไรกัน!!! ยัยเปี๊ยกบอบบางขนาดนี้เป็นวิศวกรหรอเนี่ย ขาลุยเหมือนกันนี่หว่า 

 

          ผมหันไปมองคนที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงแล้วก็อดยิ้มกับความเป็นเธอไม่ได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อคประตูตามที่เธอได้สั่งไว้

 

………………………………………..........................................

 

อัพ 100%

- คุณหมอลูกเจ้าของโรงพยาบาลผู้ไม่แคร์หญิงใด แลดูตอนนี้คุณหมอชักจะมีอาการแปลกๆ เหมือนจะหึงหมวยกับหมอคิมหน้าเด็กเลยแหะ แถมยังบุกเข้าห้องเธออีก ยังไงคะหมอพอล!!!

 

ปล.ฝากด้วยนะคะ หากมีข้อผิดพลาดประการใด ไรท์ต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยจ้า ติชมได้เลยค่ะ❤ เป็นกำลังใจให้ด้วยน้า❤

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา