นายปากร้ายกับยายใจแข็ง

-

เขียนโดย นาราชา

วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.59 น.

  11 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 21.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) ตอนที่ 9 ความลับของนางฟ้า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        

          เป็นเวลาเกือบหกโมงเย็นที่พวกผมเดินทางไปถึงบ้านพี่ฟ้า  บริเวณถนนหน้าบ้านมีการกางเต้นท์  จนรถไม่สามารถวิ่งผ่านไปมาได้  เราเลยต้องอ้อมไปด้านหลังและขอจอดในบริเวณบ้านชาวบ้านละแวกเดียวกันกับบ้านพี่ฟ้า  ซึ่งชาวบ้านก็ถามไถ่ให้การต้อนรับเราเป็นอย่างดี  พวกเราลัดเลาะมาทางรั้วหลังบ้านซึ่งมีประตูเตี้ยๆ กับแถวต้นชะอมกับต้นกระถินสลับกันเป็นการแบ่งอาณาบริเวณอย่างไม่จริงจังนัก  น่าจะเป็นตั้งใจปลูกไว้กินมากว่าเป็นรั้ว  พวกผมจึงผ่านมาได้โดยง่าย  จนมาถึงบริเวณครัวที่ต่อเต้นท์ยกแคร่มาเสริมเพื่อทำอาหารเลี้ยงแขกเหรื่อ  ผมเห็นมีแม่ครัวที่น่าจะเป็นชาวบ้านมาช่วยงานในครัวมากหน้าหลายตา  พวกเราจึงตรงเข้าไปไหว้ทักทาย

          “สวัสดีครับ  สวัสดีค่ะ”  แม่ครัวหลายคนวางมือจากงานที่ทำ  มารับไหว้

          “เออ  มากันยังไงหล่ะนี่  เพื่อนเจ้าฟ้าหนี่”  แม่ครัวคนหนึ่งทักทายผมด้วยภาษาท้องถิ่น

          “ค่ะ  พวกเรามาช่วยงานฟ้า  ไม่ทราบว่าฟ้ากับแม่อยู่ที่ไหนเหรอค่ะ”  พี่แอนซึ่งบอกว่าเคยมาต้องเป็นไกด์ในคณะของเราครับ

          “อือ  เจ้าฟ้ากะแม่ครูหญิงกะวุ่นๆ  รับแขก  ยุหน้าบ้านนั่นแหละ  ไปไอ้จ้อย  พาพวกพี่เขาไปหาแม่ครูเดิ้ง”  มันก็ฟังอยากนิดหน่อยนะครับ  แต่ก็พอเข้าใจได้

          ไอ้จ้อยหลานแม่ครัวใหญ่  พาเราเดินมาทางหน้าบ้าน  ส่วนพวกผมผ่านใครดูเป็นผู้ใหญ่เราก็ไหว้ไปตลอดทาง  พวกผมนักศึกษานะครับ  ไม่ใช่  สส.

          “พี่ฟ้า  แม่ครู  มีคนมาหา”  ไอ้จ้อยส่งเสียงไปก่อนตัว  พี่ฟ้าและแม่ครูของไอ้จ้อยก็มองมาเป็นตาเดียวกัน  แล้วผละจากงานที่ทำมาทางพวกเรา  พี่ฟ้าโผเข้ากอดพี่แอนแล้วร้องไห้  ดูจากสภาพแล้วน่าจะร้องไห้มาทั้งวันแน่ๆ  ตากลมโต  เปลือกตาบวมช้ำ  ตาที่เคยขาวกลับแดงก่ำ  จากที่ผอมบางอยู่แล้ว  ผ่านมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง  ดูจะซูบผอมลงไปอีกไม่น้อย  ผมอยากปลอบเธอเหลือเกินแต่ด้วยแม่ของพี่ฟ้าอาจยังไม่รู้ว่าเราคบกันและอาจมีคนครหานินทาแฟนผมได้  ผมจึงได้แต่หักห้ามใจ

          “สวัสดีครับ”  พวกผมสี่คนที่เหลือไหว้แม่พี่ฟ้าครับ  ส่วนพี่แอนก็มัวลูบหลังลูบไหล่ปลอบใจเพื่อนรัก  ได้แต่ผงกหัวให้แม่พี่ฟ้าเบาๆ

          “ไม่เป็นไรนะฟ้า  น้ากิ่งไปสบายแล้ว  ฟ้าไม่สงสารน้าเหรอ  น้าสู้  น้าเจ็บมาตั้งหลายปีแล้วนะ  น้าคงอยากพักแล้ว  ถ้าฟ้าร้องไห้น้ากิ่งจะไม่สบายใจนะ”  พี่ฟ้าปลอบโยนคนตัวสูงที่ก้มหน้าซุกไหล่เพื่อนตัวเล็กๆ  จนดูน่าลำบาก

          “ฟ้าเสียใจ  น้ากิ่งดูแลฟ้ามาตั้งแต่เด็ก  ฟ้ายังไม่ได้ทดแทนอะไรเลย  ฟ้าทำอะไรไม่ได้เลย”  คนที่ยังซุกหน้ากับไหล่เพื่อนระบายความทุกข์ใจเสียงอู้อี้

          “ฟ้าทำดีที่สุดแล้ว  ฟ้าเป็นเด็กดี  แบ่งเบาภาระครอบครัว  แอนเชื่อนะว่าน้ากิ่งจะภูมิใจกับหลานคนนี้มากแน่ๆ”  คนตัวเล็กวันนี้ทำไมดูเข้มแข็งเหลือเกิน  เพื่อน  คนที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง  คนนึงที่อ่อนนอกแข็งใน  อีกคนที่ทำตัวเข้มแข็งแต่จิตใจของเธออ่อนแอเหลือเกิน

          “ฟ้าเลิกร้องไห้แล้วไปจัดหาที่นอนให้เพื่อนๆ ก่อนนะลูก  แล้วลงมาฟังพระเทศน์กัน  พระท่านมาแล้ว”  แม่พี่ฟ้าเตือน  เจ้าตัวถึงได้เงยหน้าขึ้นมาดูว่าพวกเราแต่ละคนแบกเป้มาคนละใบใหญ่ๆ 

          “ขอบคุณนะทุกคน  ขอบคุณจริงๆ  ป่ะ  ขึ้นไปหาที่นอนกัน”  พี่ฟ้าพูดพยายามแย่งกระเป๋าจากมือไอ้กอล์ฟ(กระเป๋าพี่แอน) ไปถือ

          “ไม่เป็นไรพี่ฟ้าผมถือเอง  เดินนำไปเลยครับ”  ไอ้กอล์ฟบอกอย่างเป็นห่วง

          เธอเดินนำเราขึ้นไปบนบ้านจัดการปูเสื่อบริเวณห้องโถงและขนฟูกซึ่งพวกเราไปช่วยขนมาครบจำนวน  พร้อมหมอนและผ้าห่มมาวางกองไว้

          “ผู้ชายนอนข้างนอกนะ  ต้องกางมุ้งเดี๋ยวยุงหาม  ก่อนนอนพี่จะมาช่วยจัด  ส่วนแอนเอากระเป๋าไปเก็บในห้องเลย”  เธอสั่งการสมกับเป็นแม่งาน  เมื่อกี้ใครกันนะร้องไห้เป็นเผาเต่า  จนตอนนี้พี่ฟ้าเห็นผมในสายตารึยังนะ  ยังไม่ได้ทักผมเลย  ผมแฟนพี่นะ  ผมอยากถามแต่ไม่อยากกวน  เอาไว้ให้เธอว่างก่อนก็ได้ครับ

          หลังจากนั้นพวกเราก็ลงมาด้านล่างช่วยงานเท่าที่จะช่วยได้  จนพระสวดเสร็จก็เป็นการเสริฟอาหารให้แขกเหรื่อ กว่าแขกจะกลับกว่าจะเก็บถ้วยชามล้าง  กว่าจะเตรียมของประกอบอาหารเสร็จเป็นเวลาเกือบห้าทุ่ม  พี่ฟ้านี่ยุ่งอยู่ตลอดเลย  ใครต้องการอะไร  หาอะไรไม่เห็น  เรียกหาพี่ฟ้าให้วุ่นไปหมด  ผมหล่ะเป็นห่วงจริงๆ  หลังจากนั้นพวกเราก็แยกย้ายกันไปอาบน้ำ  เตรียมเข้านอน  แต่เป็นแม่พี่ฟ้าที่เรียกเราทุกคนมาพูดคุยบริเวณเต้นท์ที่กางไว้

          “มาๆ มานั่งนี่กันก่อน ”  พวกเราเข้าไปนั่งล้อมวง  แม่พี่ฟ้า  พี่แอน  พี่ฟ้า  ผม  ไอ้ทิว  ไอ้กอล์ฟ  ไอ้ลุง  “เหนื่อยมากมั้ยลูก  แม่ต้องขอบใจพวกเราทุกคนจริงๆ นะ  เหมือนสวรรค์มาโปรดไอ้ฟ้ามันแท้ๆ  วิ่งวุ่นเหนื่อยอยู่คนเดียวเลย  สภาพจิตใจมันก็แย่แม่ปลอบชาวบ้านปลอบมันก็เอาแต่ร้องไห้  มาดูสดชื่นขึ้นก็ตอนพวกเรามา  ว่าแต่มากันได้ยังไง  ฟ้าโทรบอกเพื่อนเหรอลูก”  ประโยคท้ายหันไปคุยกับลูกสาว

          “เปล่าหรอกค่ะ  โทรศัพท์ฟ้าอยู่ไหน  ฟ้ายังหาไม่เจอเลย”  เจ้าตัวตอบ

          “ผมโทรหาพ่อครับ”  ไอ้ลุงมันแทรกขึ้นเบาๆ

          “อ่อ  เออใช่  แม่ก็ว่าทำไมคุณวิทย์รู้ว่าน้ากิ่งป่วยไอ้ฟ้ากลับบ้าน”  คุณวิทย์คือชื่อพ่อไอ้ลุงครับ  (พ่อของพี่ฟ้าด้วย)

          “พวกเราติดต่อพี่ฟ้าไม่ได้เลยตั้งแต่เช้า  ก็เลยขอให้ไอ้ลุงช่วยนะครับ”  ผมบอกเหตุผล  ผมไม่รู้ว่าระหว่างพ่อกับแม่พี่ฟ้าสถานการณ์เป็นยังไง  กลัวไอ้ลุงโดนโกรธเอานะครับ  ผมต้องออกรับแทนเพื่อน

          “ฟ้านี่ไม่ไหวเลย  ทำให้เพื่อนเป็นห่วง  ไม่เอาแบบนี้อีกนะลูก  แม่บอกเช้าค่อยมาก็ไม่ฟังเลย  ว่าแต่ใครชื่ออะไรบ้าง  นี่แอนเพื่อนสนิทกะเจ้าลุงแม่รู้ ”  ดูท่าแม่ก็ไม่ได้อะไรกับไอ้ลุงนะครับผมคงคิดมากไปเอง

          “คนนี้เขา  ทิว  กอล์ฟ  เป็นน้องปีหนึ่งวิศวะค่ะแม่เป็นเพื่อนกะลุง  เอ่อ.............  คือ  เขา................บอกได้ไหม๊”  คนพูดแนะนำหันมาถามผม  นี่ผมเดาเข้าข้างตัวเองแล้วนะ  จะเกรงใจผมทำไมครับ  ผมนี่ยินดีนะครับ  เอาตัวเองใส่พานถวายเลย

          “แม่ครับ  ผมขุนเขา  ผมคบกับพี่ฟ้ามาเดือนกว่าๆ แล้ว  วันนี้ผมมาขออนุญาตแม่  ผมขอคบกับพี่ฟ้านะครับ”  ผมขอต่อหน้าสักขีพยานอีก  คน

          “โอ้โห  ไม่เบานะเรานี่”  แม่ยื่นมือข้ามหน้าพี่แอนมาหยิกแก้มพี่ฟ้า  “ใครกันน๊า  บอกแม่ว่าชาตินี้จ้างก็ไม่มีทางมีแฟน”  คนแม่ยังล้อไม่เลิก  คนลูกก็ได้แต่ก้มหน้าหงุดๆ

          “เอ่อ  ฟ้าว่าเราแยกย้ายไปนอนกันดีมั้ย  คือพรุ่งนี้ฟ้าต้องตื่นไปตลาดแต่เช้า”  คนสวยของผมเปลี่ยนเรื่องได้ไวกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี  แถมไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองคนอื่นที่เขายิ้มขำตัวเองเลย

          “จ้า  แม่คนเลี่ยงบาลี”  ท่าทางแม่ครูจะสอนภาษาไทย  “เด็กๆ ก็ไปพักผ่อนกันซะนะลูก  พรุ่งนี้ก็คงจะเหนื่อยกันอีกทั้งวัน  วันเสาร์ก็จะส่งร่างน้ากิ่งแล้วหล่ะ  เราไม่มีมีญาติมิตรที่ไหนให้รอนาน  อีกอย่างตอนแรกนึกว่าจะไม่มีคนช่วยกลัวไอ้ฟ้ามันเป็นลมตาย  ก็เลยเร่งรัด  แต่ก็ดีแล้วละ  วันอาทิตย์จะได้พักผ่อนก่อนกลับไปเรียนนะลุกนะ”  แม่ถามพวกเราทุกคน  เหมารวมแม่มีลูกครึ่งโหลครับ

          “ค่ะ/ครับ”  พวกเราลาแม่ขึ้นนอน  ส่วนแม่นอนด้านล่างกับพวกผู้ใหญ่ที่มานอนเป็นเพื่อน

          “กางมุ้งเป็นกันไหม๊”  พี่ฟ้าถามพวกเราสี่สหาย  แล้วทุกคนก็ตอบกลับด้วยการส่ายหน้าพรืด  เจ้าตัวเลยยิ้มน้อยๆ ที่มุมปากก่อนรับมุ้งมากางด้วยท่าทางคล่องแคล่ว

          “แอนไปอาบน้ำก่อนนะ”  พี่แอนที่หายเข้าไปในห้องเมื่อครู่กลับออกมาพร้อมอุปกรณ์อาบน้ำ  บอกแล้วเดินลงบันไดบ้านไป

          “เออ  ใช่  ลืมไปเลย  ห้องน้ำมีสองห้องนะ  ข้างๆ ครัวในบ้าน  กับข้างนอกบ้านเดินออกหน้าบ้านไปนะ  ทยอยกันไปอาบเลย  พี่ขอโทษนะทุกคน  บ้านพี่ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่เลย”  พี่ฟ้าหันมาพูดกับพวกเรา

          “พี่ฟ้าไม่ต้องห่วงนะครับ  พวกผมอยู่ได้สบายมาก  พวกผมอยากมาช่วย  อย่ากังวลเรื่องพวกเราเลยครับ  แค่ดูแลงานนี่พี่ฟ้าก็เหนื่อยแล้ว”  ไอ้ทิวมันตอบแทนพวกเราทุกคนครับ  แล้วพี่ฟ้าก็กางมุ้งเสร็จ

          “ฟ้า  เขาขอคุยด้วยหน่อย”  ผมเดินไปคุยกับเธอเบาๆ เหมือนกระซิบ  พี่ฟ้าหยุดสาละวนกับการทับชายมุ้งแล้วลากมือผมไปทางประตูแล้วเปิดออกไปยืนที่ระเบียง  ปิดประตู  ที่ระเบียงแคบๆ นี้จึงมีเพียงผมกับเธอ  เราคงหาที่เป็นส่วนตัวพอที่จะคุยกันได้สะดวกคือตรงนี้

          “เขา  ฟ้าขอโทษนะ”  เธอโผเข้ากอดผม  แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่นาน  ผมลูบหลังลูบไหล่ไม่ได้พูดอะไรออกไป  จนเจ้าตัวพยายามเก็บก้อนสะอื้น  แล้วเช็ดน้ำตากับไหล่เสื้อของผม  ก่อนจะช้อนตาที่เริ่มแดงอีกครั้งขึ้นมามองผม 

          “เขาเป็นห่วงมากนะรู้ไหม๊   ฟ้าอย่าหายไปแบบนี้อีกนะ  ถ้าฟ้าบอกเขาคือโทรปลุกให้เขาตื่น  เขายินดีมาส่งถึงที่นี่  ยิ่งรู้ว่าขับมอร์ไซด์มาเขายิ่งสติแตก”  เธอยกมือสองข้างมาจับแก้มของผม

          “ฟ้าขอโทษนะ  ฟ้าคิดอะไรไม่ออกจริงๆ  คิดแต่อยากจะมาให้ทันดูใจน้า  แบตโทรศัพท์ก็หมดตอนไหนไม่รู้  ฟ้าขอโทษจริงๆ  ฟ้าขอโทษ”  น้ำตาเธอไหลตอนนี้อาจไม่ใช่เพราะน้า  แต่เป็นเพราะคนตัวบางรู้สึกผิดต่อพวกเรามากกว่า

          “ไม่เป็นไรนะครับ”  ผมจับแก้มของเธอด้วยสองมือใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาที่ไหลให้แห้ง  “เขาไม่โกรธ  ไม่มีใครโกรธฟ้า  ทุกคนเป็นห่วงฟ้านะครับ  ยิ่งไอ้ลุงมันสติแตก  ทึ้งหัวตัวเองร้องไห้  เขานี่ตกใจสุดๆ”  ผมอยากให้สองพี่น้องได้เคลียร์กันครับ

          “ฟ้าขอบคุณนะ  ในวันที่ฟ้าคิดว่าไม่เหลือใคร  ยังมีเขา  มีทุกคนอยู่ข้างๆ  ฟ้าดีใจมากนะที่เขามาที่นี่  ถึงไม่อยากให้มาเจอฟ้าในสภาพนี้ก็เถอะ”  เจ้าตัวสำรวจเนื้อตัว  เสื้อผ้าของตัวเอง  ผมใช้สองมือที่จับแก้มเธอเชยหน้าเธอขึ้นให้สบตากับผม

          “เขาเคยบอกฟ้าแล้วว่าเขาจะเป็นทุกๆ อย่างให้ฟ้า  และจะร่วมสุขร่วมทุกข์ไปกับฟ้าด้วย  ฟ้าแฟนเขานะ  เขาไม่ปล่อยให้ฟ้าเผชิญปัญหาอยู่คนเดียวหรอก  เราจะสู้ไปด้วยกันนะ”  หลังผมพูดจบเธอก็ซุกหน้าเข้ามาที่อกผม  สองแขนผมเปลี่ยนไปกอดเธอกระชับขึ้น  ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดเรื่องอื่นนอกจากอยากเป็นที่พักพิงให้เธอ  อยากปลอบใจเธอเท่านั้น  (ถึงตอนหลังผมจะคิดว่า  คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มที่ได้กอดคนไว้ตัวตั้งสองครั้ง) 

          “ป่ะ  อาบน้ำเข้านอนพรุ่งนี้พาฟ้าไปตลาดด้วย”  เจ้าตัวผละออกหลังจากกอดผมจนอิ่มใจแล้ว (อันนี้ผมมโนล้วนๆ ครับ)  ดันผมหันหน้าไปยังประตู  ผมเปิดประตูเข้าบ้านไป 

          “ฝันดีนะคะ  เดี๋ยวถึงเวลาฟ้าจะมาปลุก”  เจ้าตัวพูดเบาๆ  แล้วรีบเดินเข้าห้องตัวเองไป

          หลังจากนั้นผมก็อาบน้ำ  ด้วยความเหนื่อยล้าผมนอนหลับจนตีสี่ของอีกวัน  ดีนะครับที่ชีวิตนักศึกษาทำให้เราปรับตัวง่าย  เวลานอนเวลาตื่นของเราเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่แล้ว  ทำให้การตื่นไปจ่ายตลาดไม่ใช่เรื่องยากสำหรับผม  พี่ฟ้า  ผม  และไอกอล์ฟ  ออกไปตลาดเช้าด้วยกัน  ส่วนคนอื่นๆ ก็ตื่นนอน  พี่แอนเข้าครัว  ไอ้ทิวไอ้กอล์ฟก็เป็นกรรมกรแบกหามอยู่แถวๆ งานตามแต่ใครจะใช้สอยครับ  การจ่ายตลาดไม่ได้มีอะไรมากเนื่องจากของส่วนใหญ่ได้ซื้อไปตั้งแต่เมื่อวาน  เพียงแต่มาหาซื้อของที่หมดก่อนกำหนดและขาดเหลือเท่านั้น  แต่ถึงอย่างนั้นผมกับไอ้กอล์ฟก็ต้องเอาของไปเก็บที่รถหลายต่อหลายครั้ง   ที่ตลาดสด  แฟนของผมเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีของประชาชีชาวตลาด  การทักทายปราศรัยถามไถ่ทุกข์สุขรวมทั้งให้กำลังใจเรื่องเรียน  เรื่องที่พี่ฟ้าเพิ่งเสียน้า  จึงได้ยินอยู่เป็นระยะๆ  นอกจากนั้นของที่ซื้อยังได้ปริมาณมากเป็นสองเท่า  เป็นแบบทั้งถูกทั้งแถมสาวเจ้ารู้ตัวไหมนะ  ว่าน่ารักเหลือเกินใครๆ จะไปต้านทานไหว  มีบ้านขายบ้านมีรถขายรถทุ่มจนหมดหน้าตักแน่ๆ

          บ่ายวันนี้พวกเราไปเตรียมสถานที่ทางวัดป่า  ซึ่งมีเมรุที่จะใช้ชาปนกิจในวันพรุ่งนี้  พวกผู้ชายตัวควายๆ อย่างพวกผมก็อาสาแผ้วถางป่ารกๆ  ใช้เวลาไม่นานก็ราบเรียบ  ส่วนพี่ฟ้า  พี่แอน  ไอ้ลุง  ทำความสะอาดศาลาฟังธรรม  จัดเรียงเก้าอี้ไว้เป็นที่เรียบร้อย  จนเวลาบ่ายสี่โมงเย็นพวกเราจึงแล้วเสร็จทุกอย่าง  กลับบ้านพี่ฟ้าอาบน้ำชำระเหงื่อไคล  โดยแม่ครูหญิงบอกให้เราพักผ่อนรอจนกว่าถึงเวลาต้อนรับแขกที่จะมาฟังเทศน์ในตอนเย็น  ร่างกายผมมันก็อยากพักนะครับ  แต่มาถึงบ้านแฟนทั้งทีจะเอาแต่นอนก็คงดุไม่เข้าทีเท่าไหร่

          ก๊อกๆๆๆ

          ผมเองครับไปยืนเคาะประตูห้องพี่ฟ้า  รอสักครู่เธอก็ออกมาเปิดประตู

          “อ้าว  เขามีอะไรเหรอ  หรือนอนไม่หลับ”  ตาโตๆ เบิกถามอย่างสงสัย

          “เขาอยากไปเดินเล่นในหมู่บ้านฟ้าจัง”  เสียงอ้อนระดับสิบ

          “อืม  ในหมู่บ้านก็ไม่มีอะไรน่าเที่ยวนะ  เอางี้เดี๋ยวพาไปเที่ยวเขื่อนยาง  ถามเพื่อนๆ ดูมีใครจะไปไหม๊”  เธอพยักเพยิดออกมานอกห้อง  อยากจะบอกว่าพวกมันสลบไปหมดแล้ว

          “หลับกันไปหมดแล้วครับ”  ผมบอก

          “แอนก็บอกอยากพัก  งั้นเราไปมอร์ไซค์นะ”  อะไรๆ ก็ช่างเป็นใจกับผมจริงๆ

          อือ  เดี๋ยวฟ้าครีมกันแดดแป๊บนะ  สักครู่ผมก็เห็นเธอออกจากห้องมาในสภาพ  กางเกงยีนส์สีอ่อน  เสื้อยืดสีขาวทับด้วยเสื้อวอร์มสีน้ำเงินตัวใหญ่กะหมวกแก๊ป  ในขณะที่ผมมีแค่เสื้อยืดกะกางเกงยีนส์คู่ใจ  สาวเจ้ารีบผลุบกลับเข้าห้องไปแล้วออกมาพร้อมกับเสื้อวอร์มสีดำกับหมวกแก๊ปสีขาวอีกใบนึงในมือ

          “ใส่ไว้นะ  อากาศมันร้อน  เดี๋ยวดำ  หมดหล่อ  แฟนทิ้งไม่รู้ด้วย”  เธอว่ายิ้มๆ

          “กล้าทิ้งเขาเหรอ  เขาน่ารักนะ”  ผมก้มมองตาเธอล้อๆ  เธอหมุนตัวผมกลับดันหลังลงบันไดอย่างไว  ตัวเองเริ่มเอง  อายเอง  ยังงี้ก็ได้ด้วย

          “ไปๆ  พูดอะไรเนี่ย”  บ่นไปกับลมกับแล้งคนเดียวสินะ  ไปถึงข้างล่างเห็นแม่กำลังพับใบเตยเป็นดอกกุหลาบช่อสวยสำหรับถวายพระอยู่

          “แม่  ฟ้าพาเขาไปเที่ยวเขื่อนยางนะคะสักชั่วโมงนะคะ”  เธอนั่งคุกเข่าลงข้างๆ แม่ผมก็เลยทำตาม  เหมือนจะมาขอลูกสาวแม่เลยนะเนี่ย

          “ไม่เหนื่อยก็เอาสิ  อย่าเล่นน้ำหล่ะ  ตอนนี้น้ำขึ้น  เขาดูแลฟ้าด้วยนะลูก  รายนี้ว่ายน้ำไม่เป็น”  แม่หันมาฝากผม

          “ครับ”  ผมรับคำ

          “แม่ไม่ต้องบอกก็ได้  อายเค้า”  ว่าแล้วก็จุ๊บแก้มแม่แล้วลากผมออกมา

          “ไม่เห็นต้องอายเลย  ดีแล้วที่แม่บอก  เขากำลังคิดแผนอุ้มฟ้าโยนน้ำนะนี่”

          “จะทำจริงๆ เหรอ”  เธอมองอึ้งๆ

          “ไม่หรอกครับ  ใครจะทำยังงั้นกันหล่ะ  เขาหมายถึงบางทีได้รู้จุดอ่อนฟ้าบ้างจะได้รู้ว่าแฟนเขาเป็นแค่คนธรรมดา  ไม่ใช่วันเดอร์วูแมน  อะไรทำนองนั้น”  ก็เธอเก่งทุกอย่าง  เก่งเกินไปด้วย  น่าเหนื่อยแทนจริงๆ

          “ตอนเด็กๆ  ฟ้าเคยจมน้ำ  สลบไม่ได้สติอยู่โรงพยาบาลเกือบ  วัน  ฟ้ากับน้ำเลยไม่ค่อยถูกกัน”  แต่ก็ยังจะอุตสาห์พาผมไปเที่ยวเขื่อน

          “เขาจะดูแลฟ้าเอง  ไม่ต้องกลัวนะครับ”  ผมพูดจริงๆ นะ  “เขาขับ  ฟ้าบอกทาง  โอเค๊”  ไม่ได้ถามไม่ได้ขอร้อง  ผมบังคับครับ

          “อือ  อ่ะกุญแจ”  เธอยื่นมา  หลังจากนั้น  ผมก็ทำหน้าที่วินมอร์ไซด์ขับรถอ้อมออกด้านหลังบ้านที่เราเอารถไปจอดฝากไว้  ทางเป็นทางคอนกรีตเล็กๆ  รอบหมู่บ้าน  จนมาถึงคลองขนาดกลางและสะพานปูนข้ามคลอง  ผมเลี้ยวขึ้นสะพานข้ามไปอีกเกือบๆ  กิโลเมตร  ก็เห็นเขื่อนดินสำหรับกักเก็บน้ำขนาดกำลังสวย

          “ถ้าเราข้ามไปตามสันเขื่อนฝั่งตรงข้ามจะเป็นจังหวัดอื่น  คนหมู่บ้านฟ้าเขาไปเลี้ยงวัวเลี้ยงควายข้ามจังหวัดกันเลยนะ”  เธอทำหน้าที่ไกด์นำเที่ยว

          “ที่นี่ก็สวย  ร่มรื่นดี  เขาว่าฟ้าคงมาถ่ายรูปบ่อยๆ สินะครับ”  ผมชื่นชมจากใจ  ป่าไม้สวย  สีน้ำใสๆ  กับคนน่ารักข้างๆ ผมตอนนี้  ยิ่งทำให้บรรยากาศดีเข้าไปอีก

          “มีเป็นอัลบั้ม  แต่ภาพที่ฟ้าชอบเป็นรูปตอนเย็นที่พระอาทิตย์จะตก  มันทอดอยู่สันเขื่อนแล้วพอดีคนเลี้ยงวัวเขาไล่วัวกลับบ้าน  วัวนี่เรียงแถวเป็นระเบียบเชียว  แสงมันก็สวย”  เธอเล่าซะผมเห็นภาพ

          “เขาอยากเห็นจัง”  ผมเชื่อครับว่ามันต้องสวยมากแน่ๆ  อาจสวยกว่าที่เธอเล่าด้วยซ้ำไป

          “เดี๋ยวฟ้าหาให้ดูนะ  ฟ้าเก็บไว้หลายที่เลย”  ครับ  เขาอยากจะดูทุกภาพของฟ้า  ได้ฟังทุกเรื่องราวเกี่ยวกับฟ้า  ทั้งในอดีต  ปัจจุบันนี้  และอยากมีอนาคตร่วมกับเธอ

          เรานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่เกือบๆ ชั่วโมง เธอเล่าเรื่องราวตอนเด็กของเธอให้ผมฟัง  ว่าเธอไม่มีพ่อ  ไม่เคยเห็นหน้าพ่อ  เพื่อนๆ หลายคนโดยเฉพาะผู้ชายชอบล้อเธอว่าเด็กไม่มีพ่อ  เธอใช้ความกดดันในช่วงวัยเด็กด้วยการพยายามทำทุกอย่างให้ชนะเด็กผู้ชายเหล่านั้น  เธอต้องวิ่งให้เร็วกว่า  เรียนให้เก่งกว่า  รวมถึงต่อยให้ชนะด้วย  เคยถึงขั้นไปฝึกมวยกับค่ายมวยในตำบลด้วย  เพราะน้าสอนว่าจะต้องดูแลแม่ให้ได้ในวันที่น้าไม่อยู่  น้าของเธอ  น้ากิ่งเป็นอีกหนึ่งหญิงแกร่งที่เป็นแบบอย่างหล่อหลอมเธอ   น้ากิ่งไม่เคยแต่งงานไม่เคยมีครอบครัว  แฟนหนุ่มที่คบกันถึงขั้นมาหมั้นหมายกลับไปทำสาวในหมู่บ้านเดียวกันท้อง  จนต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน  เมื่อแม่ของเธออุ้มท้องกลับบ้านมา  และคลอดเด็กน้อยคนหนึ่ง  เด็กน้อยจึงเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของน้ากิ่ง  ด้วยแม่ที่ดิ้นรนสอบครูไปทุกที่ทุกแห่งขอเพียงให้ได้บรรจุเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว  จนสอบบรรจุได้ไกลบ้าน  พี่ฟ้าจึงเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของแม่คนที่สอง  คือ  น้ากิ่ง  พี่ฟ้าเข้าใจว่าตัวเองเป็นความอัปยศอดสู  เป็นไอ้ตัวซวยที่ทำให้ยายตรอมใจตาย  เป็นจุดตกต่ำของวงศ์ตระกูล   และพาลให้พี่น้องตัดญาติขาดมิตรแม่กับน้า  หลายครั้งเธออยากได้กอดอุ่นๆ  จากพ่อ  แต่เมื่อถามน้าก็ได้คำตอบแค่ว่า  ถึงเวลาแม่จะเล่าให้ฟัง  หากไม่ด้วยเหตุการณ์ตกน้ำเกือบตายครั้งนั้นเธอคงไม่ได้เจอพ่อ  แต่เด็กชายที่อายุเท่ากันกับเธอคนนั้น  คนที่ไม่มองแม้แต่หน้าของเธอ  เขาคงเหมือนเด็กทั่วไปที่หวงของเล่น  เธอจึงตัดสินใจด้วยตนเองว่า  เมื่อเธอเติบโตมาได้ขนาดนี้โดยไม่มีพ่อ  จะเป็นอะไรกับแค่การจะเติบโตต่อไปด้วยสภาวการณ์แบบเดิมๆ จากนั้นมา  เธอจึงไม่เคยถามถึงผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่ออีกเลย

          “ฟ้าเชื่อไหม๊ว่า  ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน  เขาเชื่อนะว่าพ่อก็ต้องมีเหตุผลของท่าน  ตามที่เขารู้จักไอ้ลุงมา  เขาว่ามันเป็นห่วงฟ้ามากๆ  บางทีเขาอยากให้ฟ้าเปิดใจคุยกับพ่อแม่ดูนะครับ”  ผมอยากให้คนสวยมีนัยน์ตาที่สดใส  เธออมทุกข์มากเกินไป  แม้ปากจะบอกว่าโอเค  แต่ผมมั่นใจว่าลึกๆ ในใจ  เธออยากรู้เหตุผล  และอยากเป็นที่รักของพ่อด้วยเหมือนลูกทั่วๆ ไป

          “บางทีถ้าฟ้าเลิกวิ่งหนีตัวเอง  ฟ้าอาจจะได้โอกาสดีๆ  เหมือนที่ฟ้ามีเขานั่งข้างๆ อยู่ตอนนี้ก็ได้นะ  ใช่มั้ย”  นี่ถามผมหรือถามตัวเองกันแน่

          “ครับ  แต่ถึงผลมันจะออกมาไม่ดี  แต่อย่างน้อยต่อจากนี้ไปก็ยังมีเขาอยู่ข้างๆ เสมอนะครับ”  พอผมพูดจบเป็นเธอที่ยื่นมือมาจับมือผม

          “ซึ้งนะเนี่ย  อยู่ด้วยกันไปนานๆ นะ”  เธอหันมาเจอผมที่กำลังมองเธออยู่

          “ตลอดไปครับ”  ผมให้คำมั่น

          “ป่ะ  กลับกันเถอะ  ไว้วันหลังเล่าเรื่องเขาให้ฟ้าฟังด้วยนะ  วันนี้ให้ติดไว้ก่อน”  ว่าแล้วก็ลุกขึ้นปัดกางเกงรอผม  ผมเลยยื่นมือให้เธอดึง  คนยืนก็เลยยื่นมือมาให้แล้วดึงผมยืนขึ้น

          “ขอบคุณนะครับที่พามาเที่ยว  แถมยังเปิดประตูให้เขาได้เข้าไปในชีวิตฟ้าอีกก้าวหนึ่ง  ขอบคุณที่ไว้ใจเขานะครับ”

          “อือ”  เธอตอบสั้นๆ  แล้วรับก็กลับบ้านกัน

          เย็นนี้ก็เหนื่อยหนักเหมือนเดิมครับ  นอนซะดึกอีกแล้ว  แถมพรุ่งนี้คือวันชาปนกิจ  การเตรียมงานก็ยิ่งดึกมากไปอีก   พวกเราก็สลบสไลไม่ได้สติเมื่อเวลาเกือบๆ จะตีสอง  แล้วตื่นตีสี่ไปซื้อของที่ตลาด  นี่อย่าเรียกว่านอนเลย  เรียกว่างีบเถอะครับ

          วันนี้แขกเหรื่อมากันมากหน้าหลายตา  คือ  ปกติทุกวันจะมาฟังพระเทศน์  กินข้าวกันแล้วกลับ  แต่วันนี้คือมาตั้งแต่เช้ารอจนช่วงบ่ายที่เคลื่อนย้ายร่างน้ากิ่งไปวัดกันเลยทีเดียว  ดีที่มีชาวบ้านพวกวัยรุ่นที่ไม่ต้องไปโรงเรียน  (ก็วันนี้วันเสาร์นี่นะ)  มาช่วยรับแขก  เสริฟอาหาร  (มีมาสีๆ พวกผมด้วยนี่สิ)  กันมากหน้าหลายตา  ทั้งหมดล้วนเคยเป็นลูกศิษย์ลูกหาของแม่ครูหญิง พวกเราเลยเหนื่อยกันน้อยลง  ยกเว้นสาวร่างโปร่งที่แทบจะปลิวไปโน่นมานี่  ยุ่งอยู่ตลอด  กับไอ้ทิวที่ขยันแจกยิ้มและเทคแคร์สาวๆ อยู่ตลอดเวลา  จนประมาณสี่โมงเช้าผมเห็นชายหญิงคู่หนึ่ง  แต่งกายดูภูมิฐาน  ผู้ที่ก้าวเข้ามาพร้อมอาการชะงักงันของคนที่อยู่ในสายตาของผมตลอด  ผมรู้ด้วยสัญชาตญาณว่า  ผู้ชายคนนั้นคือพ่อของพี่ฟ้ากับไอ้ลุง  ความสูงที่เกือบๆ จะเท่าผม  ผิวขาว  จมูกโด่ง  และปากบางๆ นั่น  เป็นพี่ฟ้าภาคผู้ชายชัดๆ  มีเพียงตารีเรียวคู่นั้นที่ทำให้ดูแตกต่าง  (พี่ฟ้าได้ตากลมโตมาจากแม่  ช่างเลือกสรรเอาแต่สิ่งดีจริงๆ)  ไอ้ลุงที่จ้องอยู่เช่นกัน  เดินเข้าไปไหว้ทักทายผู้มาใหม่  คุณพ่อหรือเรียกว่าลุงวิทย์ยกมือขึ้นตบไหล่ลูกชายเบาๆ  ก่อนที่ไอ้ลุงจะนำหน้าพ่อแม่ไปหาแม่ครูหญิง  แม่ครูหญิงก็ดูตกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นแขกทั้งสองคน  พวกผมที่เป็นเพื่อนไอ้ลุงรวมทั้งพี่แอนและพี่ฟ้าก็เดินเข้าไปทักทายผู้มาใหม่ทั้งสอง

          “รบกวนจริงๆ  ขอบคุณคุณวิทย์กับคุณลักษณ์นะคะที่มาร่วมส่งกิ่ง”  แม่ครูพูดกับคนทั้งสอง

          “เราต้องมาอยู่แล้วละคะ  น้ากิ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน  เป็นเหมือนญาติของเราคนหนึ่ง  คุณครูไม่ต้องเกรงใจนะคะ  ดูแลแขกเหรื่อเถอะค่ะ  เดี๋ยวทางนี้ให้ลุงเค้าจัดการค่ะ”  ป้าลักษณ์ผู้หญิงที่ดูบอบบาง ผิวดูเหลืองจนซีด  แต่หน้าตาดูสดชื่นกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม

          “สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ”  พวกเราไหว้ทักทายผู้ใหญ่ทั้งสอง

          “มากันเยอะเลย  เพื่อนๆ ของฟ้ากับลุงเหรอลูก”  ลุงวิทย์กล่าวทักทาย

          “ครับ”  ไอ้ลุงมันตอบสั้นๆ  ตามสไตล์ผู้ชายพูดน้อย  เรียบร้อย  สุภาพของมัน

          “ดีๆ  เป็นเพื่อนกัน  รักกันไว้นะลูก”  ลุงวิทย์หันไปมองพี่ฟ้าแค่คนเดียว

          “ฟ้าเหนื่อยมากไหมลูก”  ลุงวิทย์ถามขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยน

          “ไม่หรอกค่ะ  น้ากิ่งลำบากมามากเพื่อฟ้า  ฟ้าทำแค่นี้ไม่เหนื่อยอะไรหรอกค่ะ”  น้ำเสียงเย็นชา  สายตาเฉยเมย  ตอนนี้พี่ฟ้าดูน่ากลัวมากจริงๆ ครับ  ถ้าพี่ฟ้ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น  ผมรับไม่ไหวจริงๆ นะ

          “ฟ้า  ทำไมพูดกับพ่อแบบนั้น”  แม่ครูหญิงแตะแขนพี่ฟ้าเบาๆ  กล่าวปรามเสียงนิ่งๆ

          “ก็มันไม่จริงเหรอค่ะแม่”  เจ้าตัวยังไม่ยอมลดละ

          “เดี๋ยวเสร็จงานน้ากิ่ง  เราต้องคุยกัน”  ท่าทางแม่พี่ฟ้าก็คนจริงเหมือนกัน

          หลังจากนั้นเราก็แยกย้ายไปทำงาน  ตามแต่จะพอสามารถช่วยได้  จนถึงช่วงเคลื่อนย้ายศพไปยังเมรุ  คนที่หน้าตาปั้นปึ่ง  ก็ร้องไห้จนหน้าบวมแดงอีกครั้ง  พี่ฟ้ารับหน้าที่อ่านประวัติน้ากิ่ง  ก็คงเป็นเจ้าตัวที่เขียนเอง  รวมถึงบทกลอนในตอนท้ายที่ทำเอาผมน้ำตาไหลไม่รู้ตัว  ผมเข้าใจความรัก  ความผูกพันธุ์ของน้าหลานมากขึ้น  เมื่ออ่านจบสภาพพี่ฟ้าก็ดูจะไม่ไหวเอาจริงๆ  ผมกับพี่แอนรีบวิ่งเข้าไปพยุงก่อนที่พี่ฟ้าจะทรุดลงถึงพื้นแล้วพาออกมานั่งในศาลา  ยาดมถูกยื่นให้จากมือผม  ผมรับพัดจากพี่แอนมาโบกให้คนที่ทำท่าจะหมดสติได้ตลอดเวลา  จนถึงช่วงวางดอกไม้จันทน์  ผมตามติดพี่ฟ้าไม่ห่าง

          “ฟ้า  อย่าทำให้น้ากิ่งมีห่วงกังวลสิ  ฟ้ากลั้นใจนิดนึงนะ”  ผมกระซิบเบาๆ ข้างหู  พี่ฟ้าพยักหน้าให้ผม  แต่น้ำตายังไหลไม่หยุด  ทิชชู่จะหมดซองแล้ว เธอเงยหน้าขึ้นฟ้า  สูดหายใจลึกๆ  อย่างคนรวบรวมสมาธิ  การวางดอกไม้จันทน์จึงผ่านไปได้ด้วยดี  หลังจากส่งแขกเหรื่อเสร็จ  เราก็กลับมาช่วยชาวบ้านเก็บของ  บางอย่างส่งวัดได้ก็พยายามส่งให้เรียบร้อย  มีชาวบ้านลูกศิษย์ลูกหาแม่ครูหญิงหลายคนมาช่วย  งานจึงเสร็จลุล่วงได้เป็นอย่างดี  ช่วงเช้าวันพรุ่งนี้มีแค่การเก็บอัฐิซึ่งมีเฉพาะญาติๆ เท่านั้น  เราช่วยงานแล้วเสร็จตอนห้าโมงเย็น  และตกลงกันว่าจะอยู่รอจนเก็บอัฐิแล้วเสร็จแล้วบ่ายจะเดินทางกลับมหาวิทยาลัย  พร้อมกับลากพี่ฟ้ากลับด้วย  และแล้วเวลาชำระความพี่ฟ้าก็มาถึง

          “ฟ้ามานี่สิ”  แม่ครูหญิงที่นั่งคุยกับลุงวิทย์  ป้าลักษณ์  ที่โต๊ะม้าหินอ่อนร้องเรียกเมื่อเรากลับมาจากส่งของวัดรอบสุดท้าย  พี่ฟ้าหันมามองหน้าผม  สายตาขอร้อง  ผมเอื้อมมือไปจับมือเธอ  ลากเดินไปที่โต๊ะที่ผู้ใหญ่ทั้ง  นั่งอยู่  โดยมีไอ้ลุงเดินตามมาสมทบด้วย

          “เอ่อ  คุณวิทย์คุณลักษณ์ค่ะ  นี่เขา  แฟนเจ้าฟ้า  ดิฉันขออนุญาตให้เขาอยู่ฟังด้วยนะคะ”  แม่ครูหญิงคงเข้าใจลูกสาวที่ต้องการสมัครพรรคพวก

          “ก่อนอื่นเลย  คุณวิทย์  ดิฉันต้องขอโทษที่ไม่ได้เล่าเรื่องราวที่แท้จริงให้เจ้าฟ้ามันฟัง  อันที่จริงดิฉันแทบไม่มีเวลาอยู่กับลูก  ส่วนน้ากิ่งของเขา  ดิฉันก็เคยสั่งห้ามว่าเมื่อดิฉันพร้อมจะเล่าให้ลูกฟังเอง  จนทำให้เจ้านี่มันมีท่าทีไม่ดีกับพวกคุณ  ดิฉันขอโทษจริงๆ นะคะ”  แม่ครูหญิงเริ่มด้วยการขอโทษคนทั้งสอง

          “ส่วนฟ้า  พ่อของหนูไม่เคยทิ้งหนู  ท่านพยายามตามหาเรา  ท่านพยายามรับผิดชอบทุกอย่าง  ถึงแม้วันนี้แม่กับพ่อเราจะไม่ใช่ครอบครัว  แต่แม่มั่นใจว่าพ่อของหนูก็ไม่ได้รักหนูน้อยกว่าใคร”  ท่านเว้นจังหวะพูดแล้วเปิดกระเป๋าหยิบเอาสมุดธนาคารเล่มหนึ่งออกมา

          “บัญชีธนาคารเล่มนี้  พ่อเขาเปิดให้หนูตั้งแต่รู้ว่าแม่มีหนู  เปิดดูสิลูก”  พี่ฟ้ารับมาเปิดดู  ผมเห็นมือของเธอสั่น   ผมที่นั่งติดพี่ฟ้าชะโงกหน้าไปดู  บัญชีถูกฝากเข้าเป็นประจำทุกปี  มา  15  ปีแล้ว  ปีละ  500,000  บาท  และไม่มีการถอนเงินแม้แต่ครั้งเดียว

          “แม่ค่ะ  ถ้าเรามีเงินมากขนาดนี้ทำไมเราไม่เอามารักษาน้ากิ่ง  ถึงตอนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว  คืนพ่อเค้าไปเถอะค่ะ”  แล้วน้ำตาคนพูดก็ไหลมาอีก

          “น้ากิ่งเองแหละที่เป็นคนเก็บสมุดบัญชีเล่มนี้ไว้  ความคิดเหมือนที่ฟ้าว่าแม่ก็เคยเสนอน้าแล้ว  แต่น้ากิ่งบอกว่า  เงินของฟ้าเก็บไว้ให้ฟ้าได้เรียนสูงๆ  น้ากิ่งไม่ยอมใช้เงินนี้แม้แต่บาทเดียว  แม้จะเป็นคนที่มีสิทธิเบิกได้”  แม่ครูอธิบายต่อ

          “และพ่อจะไม่มีทางรับเงินนี้คืนแน่ๆ  พ่อขอโทษ  พ่อไม่สามารถชดเชยวันคืนให้หนูได้  พ่อไม่ได้ต้องการให้ลูกยกโทษให้  แต่รับเงินนี้ไปนะฟ้า  มันเป็นความตั้งใจของพ่อกับป้าลักษณ์จริงๆ”  ลุงวิทย์พูดเสริม

          “แล้ว..........”  พี่ฟ้าเงยหน้ามองไอ้ลุงที่ยืนอยู่  เหมือนมีคำถามคาใจ

          “พี่ฟ้าครับ  รับไปเถอะครับ มันควรเป็นของพี่ฟ้าจริงๆ  ผมได้ทุกอย่างมามากพอแล้ว  ผมแย่งทุกอย่างไปจากพี่ฟ้า”  ไอ้ลุงมันพูดแล้วน้ำตาก็หยดแหมะ  ป้าลักษณ์รีบลุกไปโอบกอดลูกชาย

          “เอ่อ... ลุงไม่ได้กลัวพี่แย่งพ่อไปจากลุงเหรอ”  พี่ฟ้าถามต่อ

          “ผมกลัวพี่ฟ้าเกลียดผมที่แย่งทุกอย่างไปจากพี่”  ความในใจของสองคนพี่น้องที่ต่างฝ่ายไม่เคยได้พูดบอกกัน  ทำให้ทั้งสองคนดูตกใจอยู่ไม่น้อย

          “ฟ้ารู้ไหมว่า  ไอ้ลุงสอบติดแพทย์ที่มหาฯ ลัยที่ภาคเหนือ  แต่มันสละสิทธิ์เพราะอยากอยู่ใกล้ๆ  ได้ดูแลหนู  อยากชดเชยในสิ่งที่พ่อไม่อาจทำให้หนูได้”  ลุงวิทย์พูดขึ้นเบาๆ  พี่ฟ้าร้องไห้โฮ  ลุกถลาไปกอดน้องชาย

          “ทำไมลุง  ทำไมต้องทำให้พี่ขนาดนี้  นั่นอนาคตของลุงเลยนะ”  พี่น้องสองคนกอดกันกลม

          “พี่ฟ้าคือครอบครัวของผม  พี่ฟ้าก็เป็นอนาคตของผมด้วย”  พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ  บทจะไม่พูดก็ไม่พูด  บทจะร้องไห้ก็ร้องไห้  พวกพี่แอน  ไอ้กอล์ฟ  ไอ้ทิว  ที่นั่งรออยู่ห่างๆ  ก็เดินเข้ามาล้อมวง

          หลังจากนั้นแม่ครูหญิงก็เล่าให้พวกเราทุกคนฟังว่า  แม่ครูกับลุงวิทย์คบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย  และสัญญากันว่าเรียนจบจะแต่งงานกัน  แต่เกิดเหตุไม่คาดคิด  เนื่องจากลุงเวศซึ่งเป็นพี่ชายผู้ได้รับหน้าที่หมั้นหมายกับป้าลักษณ์เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต  ซึ่งทั้งสองครอบครัวมีธุรกิจโรงแรมที่ทำร่วมกันมาหลายรุ่น  ลุงวิทย์ที่เป็นน้องชายคนเดียวจึงต้องสานต่อเจตนารมณ์ของสองครอบครัว  โดยที่ทั้งป้าลักษณ์และลุงวิทย์เห็นว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง  และพร้อมที่จะเข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ให้ยกเลิกสัญญาเรื่องการหมั้นหมาย  แต่แม่ครูหญิงเองเป็นฝ่ายที่หนีไปก่อน  คืนนั้นแม่ครูตั้งใจมอบกายให้ชายอันเป็นที่รัก  โดยท่านไม่รู้ว่ากำลังจะมีหนูน้อยมาอยู่กับท่านอีกชีวิตหนึ่ง  เมื่อทราบก็พบว่าลุงวิทย์ได้แต่งงานกับป้าลักษณ์แล้วและกำลังจะมีเจ้าตัวน้อยด้วยเหมือนกัน จึงจำใจอุ้มท้องกลับบ้าน  ยายพี่ฟ้าที่ป่วยหนักอยู่แล้วเมื่อทราบเรื่องลูกสาวอันเป็นที่รัก  เป็นความหวังของครอบครัว  อุ้มท้องไม่มีพ่อกลับมา  ท่านก็ทุกข์หนักและเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน  จึงเกิดเป็นปมปัญหาใหญ่ในชีวิตของแม่ลูก  ญาติมิตร  พี่น้องรังเกียจเดียดฉันท์  มีเพียงน้ากิ่งที่มารับตัวพี่สาวไปอยู่ห้องเช่าทางภาคตะวันออกที่ไปทำงาน  จนเมื่อแม่ครูสอบติดและขอย้ายกลับบ้านเพื่อดูแลพ่อที่ชราได้เมื่อพี่ฟ้าอายุสามขวบ  ลุงวิทย์ที่ติดตามถามข่าวของแม่ครูอยู่เสมอจึงได้พบกับลูกสาวคนโตและขอฝากเงินเข้าบัญชีให้ลูกสาวทุกปีนับตั้งแต่วันนั้นมา  แต่พี่ฟ้ามาจำความได้เมื่อ  ขวบว่าตัวเองมีพ่อ  พ่อมีครอบครัวใหม่  มีลูกชาย  เธอจึงขอร้องแม่ว่าจะมีแค่แม่กับน้ากิ่งเท่านั้น  และไม่ถามถึงพ่ออีกเลย  คนที่ติดต่อเล่าเรื่องราวทุกอย่างของพี่ฟ้าให้ลุงวิทย์ฟังก็คือน้ากิ่ง  ลุงวิทย์รู้เรื่องราวของเธอเสมอและห่วงใยลูกสาวคนนี้  ดูแลอยู่ห่างๆ  ตลอดมา

          เหตุการณ์วันนี้จบลงด้วยดี  พี่ฟ้ากราบขอโทษพ่อที่เข้าใจผิดพ่อมาตลอด  แฟนผมไม่ได้ใจแข็งอะไรหรอกครับ  ร้องไห้น้ำตาได้สักถังนึงและก็บ่นเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา  ที่เอาแต่ตั้งแง่กับพ่อ  ลุงวิทย์เองก็กอดรับขวัญลูกสาว  กอดแรกของพ่อกับลูกสาวผมเองก็ซึ้งใจจนน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน  ทุกๆ  ร้องไห้กันเงียบๆ  ด้วยความดีใจ  ขนาดไอ้กอล์ฟคนถึกผมยังเห็นมันเช็ดน้ำๆ ป้อยๆ อยู่เลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา