FARIUS

7.3

เขียนโดย eyetarsz

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 เวลา 19.05 น.

  2 ตอน
  0 วิจารณ์
  3,326 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 19.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ฟาเรียส ฟอเรนเทียร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ฟาเรียส ฟอเรนเทียร์

 

     “เจ้ามันตัวโชคร้าย ฟาเรียส ฟอเรนเทียร์ อยู่ไปก็มีแต่ทำให้พวกเราเดือดร้อน!!!”

     “ใช่ ตั้งแต่เจ้าเกิดมา เจ้าก็นำพาภัยพิบัติมาสู่หมู่บ้านเรา ซ้ำยังนำเอาโรคร้ายมาด้วย!”

     “ตั้งแต่เกิดมาเจ้าก็ทำให้คนในหมู่บ้านตายไปหลายคน เจ้ามันสารเลว!!”

     “ออกไปจากหมู่บ้านเราซะ!!!”

     “พวกเราไม่ต้องการเจ้า!!!”

     “ออกไป!”

     “ออกไป!”

     “ออกไป!”

     “ออกไป!”

      เสียงก่นด่าปะปนไปกับเสียงร้องไห้ดังขึ้น ณ บ้านหลังหนึ่ง เมื่อมีคนในหมู่บ้านได้เสียชีวิตลงเพราะเด็กชายของบ้านหลังนี้ ฟาเรียส ฟอเรนเทียร์ ‘อีกครั้ง’ ผู้คนเล่าขานว่าเขาเป็นตัวโชคร้าย คอยจะนำแต่ความตายมาให้ จะมีใครเล่าที่ทนฟังเสียงด่าปนขับไล่นั้นได้ ถ้าหากมีใครคิดที่จะทนฟัง เฟลิเซียคนนี้แหละ ที่จะไม่ยอมให้ใครมาว่าร้ายลูกของตนอย่างแน่นอน

     ปึง!!!

     เสียงเปิดประตูบ้านหลังนั้นเปิดขึ้นอย่างแรงด้วยความไม่พอใจของหญิงสาว เธอค่อยๆเดินออกจากบ้านหลังนั้น จนมาหยุดอยู่หน้าผู้ดูแลหมู่บ้าน เสียงที่ดังอยู่ก็สงบลง เธอรวบรวมสติช้าๆก่อนจะเอ่ยพูด

     “…”

     “ลูกของข้าไปทำอันใดให้พวกท่านไม่พอใจงั้นหรือ พวกท่านจึงต้องขับไล่เขาถึงเพียงนี้”

     “ลูกของเจ้านำพาโชคร้ายมาให้เราเฟลิเซีย ข้าในฐานะผู้ดูแลที่นี่ ไม่สามารถปล่อยปละละเลยได้ ได้โปรดเข้าใจพวกข้า”

     “เพียงแค่ลูกของข้าเกิดมาในช่วงเวลาที่โรคร้ายระบาดกระนั้นหรือ”

     “18 ปีแล้วนะเฟลิเซีย ที่พวกข้าต้องเจอกับโรคร้ายเช่นนี้ 18 ปีที่พวกข้าพยายามรอคอยวันที่โรคภัยพวกนี้จะหายไป แต่มันไม่ใช่เฟลิเซีย  มันเริ่มทวีคูณความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”

     “เช่นนั้นจะให้ข้าทำอย่างไรเล่า” เฟลิเซียถามอย่างหมดความอดทน

     “ฆ่าเขา...ไม่ก็ให้เขาออกจากหมู่บ้านไปซะ”   สิ้นเสียงของผู้นำหมู่บ้านอย่างเลวี่ ทุกอย่างก็เงียบสนิท เนิ่นนานกว่าเฟลิเซียจะเอื้อนเอ่ยออกมา

     “ข้าไม่ต้องการให้เขาตาย และไม่ต้องการให้เขาออกจากหมู่บ้านเราไปด้วย”

     “แต่เจ้าจำเป็นต้องเลือก เฟลิเซีย ถือว่าข้าขอร้อง

     “แต่...”  ในขณะที่เฟลิเซียกำลังจะกล่าวอะไรออกมานั้น ก็มีเด็กหนุ่มผู้ที่มีรูปร่างอันงดงาม ผมที่ยาวระต้นคอสีฟ้าคราม รับกับดวงตาสีม่วงอัลแมทริกซ์อย่างลงตัว เขาค่อยๆเดินออกมาจากบ้านหลังนั้นอย่างช้าๆ จนมาหยุดอยู่ข้างๆเฟลิซียแม่ของตน

     “พอเถอะท่านแม่ ในเมื่อพวกเขาเห็นข้าเป็นตัวอัปมงคลสำหรับพวกเขา ข้าก็คงจะต้องเลือกทางใดไม่ก็ทางหนึ่ง”

     “ข้าขอบคุณที่เจ้าเข้าใจเรา”  เลวี่เอ่ยอย่างยินดี ในใจคิดเพียงแต่ว่า หลังจากนี้เขาจะไม่ต้องพบกับโรคร้ายเฉกเช่นฟาเรียสอีกแล้ว ทั้งยังคิดวิธีที่จะกำจัดเขาโดยที่ทำให้เขา ‘ไม่ได้กลับมา’ ที่หมู่บ้านอีก

     “แต่ข้าขอเลือกทางเองได้หรือไม่ ท่านเลวี่”

     “ได้ตามใจเจ้าเลย ขอเพียงพวกเราสบายใจ ข้ายินดี” ‘เพราะไม่ว่าเจ้าจะเลือกทางไหน เจ้าก็จะต้องตายอยู่ดี ฟาเรียส ฟอเรนเทียร์’

     “ขอบคุณมากขอรับ” ฟาเรียสกล่าว ก่อนจะหันมาหาผู้เป็นแม่ของตน “ข้าตัดสินใจแล้วท่านแม่ ข้าขอออกไปใช้ชีวิตเอง ออกจากหมู่บ้าน ออกไปให้ไกลจากที่นี่ ข้าขออภัยด้วยหากว่าการตัดสินใจของข้านั้นทำให้ท่านแม่ไม่พอใจ” เขาเอ่ยขึ้นช้าๆ พร้อมกับน้ำตาของเฟลิเซียที่ค่อยๆ ไหลออกจากดวงตาของเธอเอง

     “เช่นนั้นแม่ก็จะไปกับเจ้าด้วย” เฟลิเซียเอ่ยขึ้นด้วยความสงสารลูกจับใจ แต่ฟาเรียสกลับส่ายหน้า พร้อมกับกล่าวขึ้นอีกว่า

     “ไม่ต้องเป็นห่วงข้าหรอกท่านแม่ ข้าจะเขียนจดหมายส่งมาหาท่านบ่อยๆ เพื่อให้ท่านสบายใจ” มือของฟาเรียสยกขึ้นไปจับยังแก้มแม่ของตน ลูบขึ้นลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะหันไปเอ่ยกับชาวบ้านที่อยู่หน้าบ้านของเขา “ข้าขอตัวไปเก็บของก่อนนะขอรับ ภายในวันนี้ ข้าจะเดินทางออกจากหมู่บ้านแห่งนี้อย่างแน่นอน”

     “ขอบคุณที่เข้าใจเรานะฟาเรียส” เลวี่กล่าว ฟาเรียสไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มรับ พร้อมพาแม่ของตนเองเดินเข้าบ้านไป

     “ท่านเลวี่ ไหนท่านบอกว่าจะกำจัดเขาให้พ้นจากหมู่บ้านของเราไง” ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย

     “ไปคุยกันที่อื่นเถอะ” เลวี่กล่าวก่อนที่คนจะค่อยๆ ทยอยเดินตามผู้นำขอพวกเขาไป

      ณ ทุ่งหญ้าท้ายหมู่บ้าน

      “อย่างที่ข้าบอกพวกเจ้าไป เราจะกำจัดฟาเรียส เขาทำให้ผู้คนในหมู่บ้านต้องล้มตายมานักต่อนัก ข้ายอมไม่ได้อย่างแน่นอน” เมื่อชาวบ้านมากันครบ เขาก็พูดขึ้นด้วยเสียงที่ไม่ดังมากนัก เพราะถ้าหากเฟลิเซียหรือฟาเรียสมาได้ยินคงเป็นการไม่ดี

       “แล้วท่านจะทำอย่างไรเล่า” ชายคนเดิมที่ถามเขาเมื่อตอนอยู่หน้าบ้านของเฟลิเซียถามขึ้น

       “ข้าวานเจ้าหน่อยได้หรือไม่ บาร์ซาร์” เลวี่เอ่ยเรียกนักล่าประจำหมู่บ้านของพวกเขา บาร์ซาร์หันมาสบตาของเลวี่เล็กน้อย พร้อมกับพยักหน้าลงเมื่อเห็นคนในหมู่บ้านส่งสายตาอ้อนวอนส่งมา เลวี่จึงกล่าวต่อ “เจ้าช่วยทำทีเป็นจะไปส่งฟาเรียสออกนอกหมู่บ้านไปยังป่าแห่งความตายได้หรือไม่ หลังจากนั้นเจ้าก็ลงมือฆ่าเขาได้เลย ข้าไม่อยากให้ภัยร้ายต่างๆมายังหมู่บ้านของเราอีกแล้ว” เลวี่สบตากับบาร์ซาร์อย่างแน่วแน่ ไม่ว่ายังไง เขาก็ไม่ยอมให้ฟาเรียสต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นอันขาด!

     “ได้สิท่านเลวี่ ยังไงข้าก็ต้องทำเพื่อคนในหมู่บ้านของเราอยู่ดี” บาร์ซาร์เอ่ย เมื่อเป็นอันตกลงกันแล้ว ทุกคนจึงเริ่มแยกย้ายกลับเข้าบ้านตัวเอง รอเพียงเวลาที่ฟาเรียสนั้นพร้อมที่จะจากหมู่บ้านของพวกเขาไป โดยไม่ได้กลับมาอีกเลย

 

     ภายในบ้านของเฟลิเซีย หญิงชรากำลังร่ำลากับลูกของเธอเป็นครั้งสุดท้าย เธอไม่สามารถห้ามฟาเรียสได้ เขาเป็นผู้ที่เมื่อกล่าวสิ่งใดออกไปแล้วย่อมทำตามสิ่งที่ตนได้กล่าวเอาไว้ แม้ว่าเธอจะพยายามพูดให้อยู่ต่อโดยตัวเธอนั้นเป็นผู้ปกป้องเขาเอง

     “อย่าไปเลยนะฟาเรียส ถ้าเจ้าไป แล้วข้าจะอยู่อย่างไรเล่า” เธอโอบกอดลูกชายอย่างแนบแน่น ร้องไห้อยู่ในอ้อมอกของฟาเรียสอย่างไม่อาจห้ามได้

     “อย่างไรข้าก็ต้องไปขอรับท่านแม่ ข้าบอกกับท่านเลวี่ไปแล้ว อภัยให้ข้าด้วย” เขากอดผู้เป็นแม่กลับ ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเตรียมออกจากหมู่บ้านไปยังสถานที่อื่น สถานที่ที่เขาไม่เคยไป

 

     ณ หน้าหมู่บ้าน

     “ข้าขออภัยถ้าหากว่าการที่ตัวข้าเกิดมาทำให้พวกท่านทั้งหลายต้องลำบาก จากนี้ไปข้าจะขอออกไปยังนอกหมู่บ้านแห่งนี้ ข้าขอให้พวกท่านรักษาตัวด้วยนะขอรับ” ฟาเรียสกล่าวพร้อมกับแย้มรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว ถ้าหากไม่ติดว่ามีผู้นำของหมู่บ้านอย่างเลวี่อยู่ สาวๆ ที่อยู่แถวนั้นคงจะเรียกให้เขากลับเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านแล้วกระมัง

     “ขอบใจเจ้ามากเลยนะฟาเรียส ขอให้เจ้าเดินทางโดยสวัสดิภาพ ข้าจะให้บาร์ซาร์ไปส่งเจ้า ถึงข้าจะต้องการให้เจ้าออกจากหมู่บ้านนี้อย่างไรก็ตาม แต่เจ้าคงไม่รู้วิถีทางข้างนอกดีเท่าเขาหรอก โปรดรับน้ำใจเล็กๆน้อยๆจากข้าด้วย” ‘ถ้าท่านมีน้ำใจ ท่านจะไล่ข้าทำไมเล่า!!!’ ฟาเรียสอดคิดไม่ได้ แต่เขาก็ต้องจำใจรับเอาไว้ เพราะเขาไม่รู้ทางข้างนอกจริงๆนั่นแหละว่าเป็นอย่างไร ‘จะให้ข้ารู้ได้อย่างไร 18 ปีที่ผ่านมาข้าเคยออกจากหมู่บ้านที่ไหนกัน’

     “ข้าขอขอบพระคุณในความมีเมตตาของท่านเลวี่มาก ก่อนข้าจะไป ข้าขอร้องให้ท่านช่วยดูแลแม่ของข้าได้หรือไม่ ข้าเป็นห่วงนาง” ฟาเรียสขอร้อง ซึ่งเลวี่ก็ตอบรับอย่างยินดี

     “แน่นอนฟาเรียส ข้ายินดี”

     “ขอบพระคุณขอรับ งั้นข้าขอลา ไปกันเถอะครับท่านบาร์ซาร์” หันไปบอกกับนักล่าของหมู่บ้าน ก่อนที่บาร์ซาร์จะเดินนำออกไปให้เขาเดินตามไปเรื่อยๆ

     .

     .

     .

     “ขอบพระคุณมากท่านเลวี่ ในที่สุดเราก็ทำให้เขาออกจากหมู่บ้านนี้ไปได้เสียที” เฟลิเซียเอื้อนเอ่ยออกมาหลังจากที่เห็นว่าฟาเรียสนั้นเดินไปไกลพอแล้ว

     “เจ้าคิดดีแล้วหรอเฟลิเซีย ที่เจ้าทำอย่างนี้ มันเท่ากับว่าเจ้าฆ่าลูกของตัวเองเลยนะ” เลวี่ทำหน้าสงสัยระคนงงในความเป็นแม่ของหญิงชราผู้นี้

     “ใครบอกท่ากันเล่า ว่าเขาเป็นลูกของข้า...ข้าน่ะนะ ไม่มีลูกหรอก”

     !!!

     .

     .

     .

     “ท่านจะพาข้าไปที่ใดหรือ ท่านบาร์ซาร์” ฟาเรียสถามขึ้นขณะที่เขาและบาร์ซาร์ได้เดินทางมาไกลจนหยุดที่ทางเข้าป่าแห่งหนึ่ง

     “ส่งเจ้าไปสวรรค์ไงฟาเรียส” ว่าจบก็ชักดาบออกมาจากฝักก่อนจะตวัดปลายดาบมายังฟาเรียส เด็กหนุ่มมีสีหน้าตกใจ ก้มหลบปลายดาบที่ตวัดมาได้อย่างหวุดหวิดแม้ว่าดาบสอยผมของเขาร่วงไปสองสามเส้นก็ตามทีเถอะ ก่อนที่ดาบจะฟาดลงมาบนหัวเขาอีกรอบ เขาก็รีบวิ่งเข้าป่าไป บาร์ซาร์ที่กำลังจะวิ่งตามก็ต้องชะงักเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือ ‘ป่าแห่งความตาย’

     “หึ! โง่จริงๆ เข้าป่าแห่งความตายก็ไปตายเอาดาบหน้าละกันนะ” เขาพูดขึ้นก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่ฟาเรียส...

     “แฮ่ก..แฮ่ก ทำไมท่านบาร์ซาร์ต้องทำอย่างนั้นด้วยนะ แล้วที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย” ฟาเรียสหยุดวิ่งเพราะคิดว่าตัวเขานั้นวิ่งมาไกลแล้ว แต่ว่าพอเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เขาก็เห็นแต่ต้นไม้ ใบไม้ ไม้เลื้อยต่างๆ นานา เด็กหนุ่มหน้าเสียเล็กน้อย เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหน เขาจึงนั่งลงแล้วค่อยๆคิดถึงทางที่เขาได้วิ่งผ่านมา

     “ข้าวิ่งมาจากทางซ้าย...ขากลับข้าก็ต้องกลับทางซ้ายสินะ!!!” เมื่อเขามั่นใจในความคิดของตนเองแล้วจึงลุกจากที่นั่งแล้วเดินหันหลังกลับก่อนจะเลี้ยวซ้ายแล้วตรงต่อไปเรื่อยๆ

     “หลังจากนั้น ข้าก็เลี้ยวขวา ข้าต้องเลี้ยวขวาตอนจะกลับสิ” พึมพำกบตนเองก่อนจะเดินตามทางที่คิดไปเรื่อยๆ จนเขามาหยุดอยู่ที่เดิมเป็นครั้งที่สิบแล้ว ฟาเรียสร้องโหยหวนในใจ ก่อนจะนั่งพักอยู่โคนต้นไม้ต้นที่ใกล้ที่สุด เขาหยิบย่ามใบโปรดของตัวเองขึ้นมา เมื่อจำได้ว่า แม่ของเขาได้ใส่แอปเปิ้ลไว้ในนั้นเพื่อจะเอาออกมากินระหว่างทาง ทันใดนั้นเอง!!

      พรึ่บ!!!

      แอปเปิ้ลที่กำลังจะเข้าปากของฟาเรียสก็ถูกเจ้าอาร์มาดิลฉกชิงมันไป มันหันมามองเขาเล็กน้อยพร้อมกับยิ้มแสยะก่อนจะวิ่งหนีไปพร้อมกับแอปเปิ้ลลูกนั้น ฟาเรียสร้องเสียงหลงก่อนจะลุกขึ้นแล้ววิ่งตามมันไป โดยที่เขาทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไว้ ณ ที่ตรงนั้น

     ฟาเรียสวิ่งตามเจ้าอาร์มาดิลไปอย่างไม่ลดละ ทั้งปีนต้นไม้ วิ่งไปบนโคลนตม ถูกหมีไล่ล่า วิ่งชนรังผึ้ง แต่เขาก็ยังไม่ลดละความพยายามจนถึงที่สุด แม้สิ่งที่เจ้าอาณืมาดิลได้ไปจะเป็นเพียงแอปเปิ้ลลูกเดียวก็ตามที จนกระทั่งเจ้าอาร์มาดิลตัวนั้นวิ่งไปยังสุดเขตแดนของป่าแห่งความตาย ปลายทางของที่นี่คือทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา 

     ฟาเรียสเบิกตากว้าง เขาหยุดวิ่ง อาร์มาดิลตัวน้อยจึงหยุดตาม เขามองเจ้าตัวที่รูปร่างคล้ายกิ้งก่าจ้อยนั่นสลับกับทะเลไปมาก่อนจะค่อยๆเดินไปอุ้มมันขึ้นมา เจ้ากิ้งก่าตัวน้อยเห็นว่าคนตรงหน้าไม่มีพิษภัยกับตนเองแล้ว จึงปล่อยให้เขาอุ้มมันอยู่อย่างนั้น ก่อนจะค่อยๆกัดกินแอปเปิ้ลที่ขโมยมาด้วยความยากลำบาก(?)

     ฟาเรียสอุ้มมันเดินมายังทะเลตรงหน้า เขารู้สึกขอบคุณเด็กน้อยตัวนี้ ที่พาเขาออกมาจากป่าแห่งนั้นได้ เขาล้วงมือลงไปยังข้างลำตัวเพื่อหยิบแอปเปิ้ลลูกที่เหลือขึ้นมากิน แต่ทว่า...ย่ามของเขาหายไป!!!

     “แอปเปิ้ลของผมมมม!!!”  เขาปล่อยอาร์มาดิลลงจากอ้อมอก ก่อนจะพยายามมองหารอบกายว่ามีย่ามของเขาอยู่แถวนั้นหรือไม่ ‘ถ้าไม่มีแอปเปิ้ลผมก็ไม่มีกิน ถ้าผมไม่มีกินผมก็อดตายสิ ไม่นะ ไม่ๆๆๆ!!’ ฟาเรียสกู่ร้องในใจ แต่ในขณะที่เขากำลังจิตตกอยู่นั้นกลับมีสาวน้อยที่ไหนไม่รู้โผล่ขึ้นมาจากผืนน้ำ ก่อนจะขึ้นมาบนโขดหิน ทำให้เขาได้เห็นส่วนล่างของเธอ ในตอนแรกมันเป็นหางแต่ซักพักมันกลับค่อยๆกลายเป็นขาคนอย่างช้าๆ

     เขามองภาพตรงหน้าอย่างไม่อาจละสายตาได้ หลังจากที่หางของเธอหายไป ก็ได้ปรากฏรูปร่างอันงดงามที่ไร้สิ่งปกปิด หญิงสาวหันมาเห็นฟาเรียสพอดี ดวงตาคู่งามเบิกกว้างเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากร่างกาย เธอยกมือขึ้นกลางอากาศซึ่งฟาเรียสก็เงยหน้าขึ้นมองตามก่อนที่จะเธอจะค่อยๆ ดึงบางสิ่งบางอย่างออกมาจากอากาศนั้น ฉับพลันเธอก็ฟาดสิ่งๆนั้นลงมาตรงลำตัวของฟาเรียส เขารีบกลิ้งหลบรัศมีของสิ่งนั้นจนมันเฉียดตัวเขาไปเล็กน้อย ก่อนสิ่งนั้นจะฟาดมาซ้ำๆ ด้วยความรวดเร็ว เขารีบตะโกนเพื่อปรับความเข้าใจกับสาวน้อยตรงหน้าทันที

     “ข้าขออภัยด้วยท่านหญิง ข้าขอโทษ ได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย ข้าไม่ได้ตั้งใจจะมองท่านนะ ข้าแค่บังเอิญผ่านมาเห็น ข้า...ว้ากกก!!” สาวน้อยคนนั้นไม่แม้แต่คิดจะฟังเขาเลยแม้แต่น้อย ร่างกายของเธอค่อยๆ มีเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกาย ก่อนจะมีเสียงเอื้อนเอ่ยออกมาจากเด็กสาวเป็นครั้งแรก

     “ข้าไม่เชื่อ!!!” ‘เจ้าเล่นจ้องขนาดนั้น ใครมันจะไปเชื่อฟะ!’ ก่อนจะเสริมเติมต่อในใจตัวเองเล็กน้อย เธอฟาดแส้ที่เธอถืออยู่อย่าไม่ยั้ง หวังจะให้เขาตายคาแส้ของเธอ

     ฟาเรียสที่ได้ยินดังนั้นก็พยายามหาคำแก้ตัว พร้อมกับวิ่งหลับแส้ขงสาวคนนั้นไปด้วย ‘แงงงงงง ข้าขอโทษ’

     “ข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าขอโทษ เจ้าให้อภัยข้าเถอะ ให้ข้าทำอะไรก็ได้ ข้ายอมหมดเลย” เด็กสาวที่ได้ยินดังนั้นก็ข่มอารมณ์ ลดมือลงก่อนแส้จะค่อยๆหายไป ฟาเรียสที่เห็นว่าหญิงสาวหยุดการทารุณกรรม(?) เขาจึงค่อยๆ นั่งลง ก่อนจะเอ่ยคำเชื้อเชิญให้เธอนั่งลง “เชิญนั่งก่อนนะขอรับ”

     เธอคนนั้นนั่งลงตรงหน้าของฟาเรียส จ้องหน้าของเขาอย่างไม่ลดละจนเกิดบรรยากาศอึดอัดขึ้น และก็เป็นเขาที่ทนอยู่ในบรรยากาศอึดอัดนี้ไม่ได้ จึงเอ่ยขึ้นมาก่อน

     “เอ่ออ...ข้าชื่อฟาเรียส ฟอเรนเทียร์ ไม่ทราบว่าท่านชื่ออะไรหรือขอรับ” มันคงเป็นคำพูดที่เบสิคม๊ากกกกกกกกก ในใจของใครหลายๆคน ซึ่งฟาเรียสก็คิดว่าเขาควรจะแนะนำตัวก่อน แล้วเธอก็คงจะตอบกลับมาแหละ...เนาะ

     “…”

     “…”

     “…”

     ‘ตอบหน่อยเถ้อะแม่คุ๊ณณณณณณณณ’ ฟาเรียสและหญิงสาวตรงหน้านั่งจ้องหน้ากันมานานนับสิบนาทีตั้งแต่เขาเอ่ยชื่อของตนเองพร้อมถามคำถามออกไป

     “เฮลเลน” เธอยอมพูดแล้ว! ฟาเรียสอยากจะตะโกนดังๆให้ลั่นทุ่ง(มีทุ่งให้ด้วยหรอวะ?!) แต่ว่า เธอพูดถึงอะไรหรอ

     “เอ่ออ...คือ...ท่านพูดถึงอะไรงั้นหรือขอรับ” หญิงสาวอยากจะเอาหัวกลับไปโขกกับหินที่เธอกระโดดขึ้นมาแปลงร่างเดี๋ยวนี้เลย ‘ไอ้งั่งนี่’

     “แล้วเจ้าถามอะไรข้ามากันเล่า!!! ไอ้บ้านี่!” เธอลุกตบหัวฟาเรียสครั้งนึงก่อนจะนั่งลงอย่างเดิม

     “อ๋อออ ข้าถามชื่อท่าน...ท่านชื่อเฮลเลนหรอ??” ‘ข้าชื่อฟาเรียสมั้ง’ เฮลเลนประชดเขาอยู่ในใจ เธอพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะเกิดความเงียบขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ฟาเรียสจะเอ่ยคำถามขึ้นมาใหม่อีก 

     “ทำไมท่านถึงแปลงร่างได้ล่ะ” ถามด้วยหน้าตาใสซื่อพร้อมกับรอยยิ้มที่สามารถกระชากใจสาวๆ ได้ เพียงแต่มันใช้กับเฮลเลนไม่ได้เนี่ยสิ เพราะเธอไม่มีทีท่าว่าจะยิ้มตามเขาเลย ฟาเรียสค่อยๆ หุบยิ้ม ก่อนจะนึกได้ว่าเขาไม่ควรถามออกไป จึงได้แต่นั่งเงียบแทน

     “เจ้าบอกว่ายอมทำทุกอย่างใช่มั้ย” เฮลเลนถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เขาเงยหน้าเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ เฮลเลนเห็นเช่นนั้นจึงว่าต่อ “งั้นเจ้าก็ต้องพาข้าไปที่มหาวิทยาลัยซีลเลีย ทำให้ข้าเข้าเรียนที่นั่นให้ได้” ฟาเรียสทำหน้าเหรอหรา แล้วเอ่ยคำถามที่ทำให้เขาได้รับสารพัดกระบวนท่าลูกถีบมาจากเฮลเลนอย่างรวดเร็ว

     “มหาวิทยาลัยซีลเลีย...อยู่ที่ไหนหรือขอรับ”

     ...

     ..

     .

นิยายเรื่องนี้ก็จะแบบว่า หาสติของตัวเอกไม่เจอตามสติของคนแต่งนั่นแหละเจ้าค่ะ ยังไงก็รบกวนฝากฟาเรียสไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกคนด้วยนะเจ้าคะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา