สุดสวาทขาดตัว

8.7

เขียนโดย มาลอน

วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 12.06 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,563 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2560 12.32 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่ 2 ในวันนั้น...สัญญาขายขาดตัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 2

ในวันนั้น...สัญญาขายขาดตัว

 

 

ปังๆ ปังๆ ปังๆ “ดิ่ง พี่ดิ่ง เปิดประตูให้หนูหน่อย”

เสียงเคาะประตูโครมๆ ยังไม่หยุดลง คนข้างในจำได้ว่านั่นเป็นเสียงใคร หญิงสาวสวมเสื้อกันหนาวทับชุดเปื่อยไว้ ตอนกลางคืนข้างในของเธอมันโล่งแบบนี้เสมอ

          “รอหน่อย เบาๆ อย่าโวยวาย” หญิงสาวให้เสียงไปก่อนตัว กลัวคนบนตึกจะตะโกนลงมาด่าสองพี่น้องให้ได้อาย

          “พี่ดิ่งเร็วสิโว้ย คนจะตายแล้วเนี่ย”

          เสียงจากภายนอกไม่ได้เบาลงเลย มีแต่จะเพิ่มระดับ หญิงสาวจับลูกบิดประตูด้วยอารมณ์กรุ่นหน่อยๆ มองนาฬิกาข้างชั้นวางของบอกว่านี่มันตีสามแล้ว

          “ช้าฉิบ!” ร่างสูงของน้องชายนายกระดุม เทียงดีพุ่งเข้าสู่ตัวบ้านทันที กลิ่นเหล้าหึ่งจนคนเป็นพี่ลืมคำบ่นว่าไปจนหมด

          “ดุมนายเป็นอะไรหรือเปล่า” พี่สาวปิดล็อกบ้านแล้วเดินตามน้องชายมา เธอเห็นเขาหายเข้าไปในห้อง นั่งกุมขมับไฟไม่ยอมเปิด ทว่าเมื่อไฟสว่างขึ้น สิ่งผิดปกติฟ้องชัดกับสายตา “ดุม!”

          น้องชายของเธอกำลังร้องไห้...สะอึกสะอื้น เนื้อตัวที่ได้กลิ่นเหล้าเหม็นฉึ่งที่จริงมีคาวเลือดผสมอยู่ด้วย กระดิ่งทำอะไรไม่ถูก หญิงสาวนั่งลงข้างๆ น้องชาย มือเรียวแตะกายเย็นเฉียบของน้องเบาๆ

          “กระดุมเกิดอะไรขึ้น”

          น้องชายเงยหน้าขึ้นมอง นายกระดุมหน้ามีรอยช้ำ ชายหนุ่มมองหน้าพี่สาวอย่างหมดหนทาง มือสั่นปากสั่นราวพบเรื่องที่สะเทือนขวัญหนักหนา

          “พี่ดิ่ง น่ะ หนู หนูฆ่าคนตาย...”

 

โลกมันอยู่ยาก

หลังจากนาทีนั้นเธอใช้เวลานั่งฟังเรื่องร้ายจากปากของน้องชายคนเดียว เรื่องมันไม่ใช่แค่คนตาย แต่สถานะคนที่ตายเป็นคนที่พวกเธอไม่ควรไปยุ่งเลย

          ลูกนายพล ยุคสมัยนี้มีเรื่องกับคนลายพรางมีแต่ดับกับเดี้ยงเท่านั้น

          กระดิ่งให้น้องอยู่ที่บ้านไม่ได้ แต่จะให้ไปไหนก็ยังนึกไม่ออก กระดุมกำลังมีอนาคต แต่ปีใหม่เหมือนนำพาความทุกข์ยากมาให้ เค้าดาวน์ครั้งเดียวนำพาหายนะใหญ่หลวงเกินสองบ่าของเด็กสองคนจะรับไหว

          หญิงสาวพยายามโทรติดต่อแม่ ขณะน้องชายพยายามติดต่อพี่สาว แต่ทั้งสองคนอยู่ต่างประเทศ ในชั่วยามแห่งการเฉลิมฉลอง ไม่มีใครคิดถึงพวกเขา กระดิ่งคิดถึงพ่อ... แต่เธอจำต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป พ่อถูกปิดหูปิดตาด้วยความรักครั้งใหม่ กระดิ่งอยากถ่มน้ำลายขมๆ ในคอนัก พ่อเป็นเหตุผลให้แม่และพี่สาวลอยไกล

          “นายรออยู่ที่นี่นะ พี่เช่าห้องนี้ไว้ชั่วคราว” ตึกข้างๆ เป็นอาณาเขตเดียวกับร้านสวัสดิการนี้ เธอทำงานที่นี่มานานจนพอมีอภิสิทธิ์ขอเช่ารายวันจากผู้จัดการ

          “ดิ่งพี่อย่าทิ้งหนูนะ” บ้านเธอติดเรียกตัวเองว่าหนู แม้แต่น้องชายโตจนป่านนี้ยามลืมตัวยังใช้อยู่

          กระดิ่งยิ้มให้น้องชาย “พี่ไม่ทิ้งนายแน่ สัญญาด้วยจิ้นที่มีเลย”

          หนุ่มน้อยหน้าบวมยิ้มน้อยๆ อย่างวางใจ ความอ่อนเพลียทำให้เจ้าตัวค่อยๆ หลับลงกลางเตียงแข็ง หญิงสาวดึงผ้าห่มขึ้นคลุมให้ ภัยร้ายค่อยๆ คืบคลาน เธอจะทำอย่างไรดี

          ร้านอาหารในอาคารปิดช่วงปีใหม่ ร้านสะดวกซื้อหน้าปากซอยจึงเป็นเป้าหมายต่อไป หญิงสาวลังเลเมื่อเห็นสถานีตำรวจอยู่ฝั่งตรงข้าม ถุงข้าวของมากมายตั้งใจซื้อไปตุนไว้กรณีฉุกเฉิน หญิงสาวก้าวขาได้ข้างเดียว ข้างเดียวเท่านั้น

          “ว้าย!” โครม! รถยนต์ชนจักรยานยนต์ไถลฟาดเข้าสะโพกผู้เคราะห์ร้ายอย่างจัง

          “พาไปโรง’บาลเลย” เสียงใสๆ ของผู้หญิงร้องสั่ง เธอได้ยินเสียงตอบรับ และเสียงไทมุงที่กำลังรวมตัว

          “ไม่... ไม่ไป ไม่ ดุม ดุมรออยู่....”

          ร่างแบบบางถูกอุ้มขึ้นสูง ก่อนสัมผัสถึงความนุ่มและไอเย็น กระดิ่งหลับตาข่มความปวดจนชา เธอไม่อยากผิดสัญญากับน้องเลย

 

ใครคุยอะไรกันน่ารำคาญ

ฟื้นแล้ว... เดี๋ยวขออัพรูปก่อน... คุณครับคุณ...

วุ่นวายจัง... “โอย...” เมื่อรับรู้ถึงความเจ็บ เปลือกตาจึงปิดลงจนแน่น ทว่าสำนึกแห่งความห่วงกังวลคอยย้ำเตือน หญิงสาวลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว “ดุม...ตายแล้ว...”

          “เดี๋ยวค่ะ อย่าพึ่งลุก” สวย...ผู้หญิงหน้าตาสวยและ...แพง ใช้มือของเธอกดไหล่ของกระดิ่งไว้ ผู้ชายอีกคนถือกล้องแล้วถ่ายภาพ กระดิ่งหยีตา ก่อนพยายามอธิบายประโยคที่นึกได้

          “ดิ่งไม่เป็นไร ดุมรออยู่ ต้องรีบกลับแล้ว”

          “เดี๋ยวค่ะ หมอบอกว่าคุณระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ อีกอย่างที่สะโพกคุณช้ำใหญ่เชียว” เสียงของผู้หญิงเพราะมาก หากไม่ใช่เพราะสถานการณ์คับขัน กระดิ่งจะนอนฟังไม่ลุกไปไหน ทว่า...ดุมรออยู่ น้องชายเธอเจ็บยิ่งกว่านี้ และกำลังถูกตามล่า

          “แต่...โอย... แต่ดิ่งต้องกลับแล้ว น้องชายไม่สบาย เราไม่มีใคร”

          กระดิ่งกระพริบตา เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้ามีน้ำคลอดวงตา “คุณคงลำบากมากสินะคะ มาเดี๋ยวหนูดีไปส่งคุณเอง”

          ง่ายกว่าที่คิดแฮะ ในรถหรูแม้จะเจ็บก้นจากอุบัติเหตุ แต่กระดิ่งยอมรับว่าเธอตื่นเต้นและแอบเก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้เป็นอย่างดี ผู้หญิงสวยถามอะไรเธอเยอะแยะมากมาย ส่วนผู้ชายอีกคนทำหน้าที่คนขับรถ และตัวคุณหนูดีเองก็เล่านู่นนั่นนี่จนกระดิ่งฟังเพลิน ไม่ทันไรรถหรูจอดนิ่งสนิทตรงหมู่ตึกคอนโดระดับกลางที่กระดิ่งอาศัยอยู่ในร้านสวัสดิการของอาคารใหญ่

          “โอ...กระดิ่งอยู่ที่นี่เอง” หนูดีชะโงกดูแล้วทำหน้าแหยงๆ กระดิ่งยิ้มนิดๆ แล้วกล่าวลา แม้นึกเสียดาย แต่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกราสิ

          กระดิ่งไม่ได้แวะเข้าร้าน เธอรู้ว่ามันผิด ผู้จัดการอาจตำหนิหากร้านค้าของคอนโดเสียรายได้ ทว่ามันก็จำเป็น เธอป่วยนี่นะ ใบรับรองแพทย์ก็ขอมาแล้ว ทว่ายังเดินไปไม่ถึงห้อง เด็กหญิงตัวเล็กลูกสาวผู้จัดการก็วิ่งมากระตุกแขน

          “ว่าไงจ้ะลีเดีย พี่สาวรีบนะจ๊ะ”

          “ไม่มีใครฟังหนูเลย” เด็กน้อยทำหน้าเบ้ กระดิ่งโลกสวยจึงก้มลงพูดด้วยสักนิด

          “พี่กระดุมอ่ะ เลือดท่วมเลย รถดำมาเอาไปแล้ว”

          กระดิ่งตัวชา ในสมองส่งเสียงวิ้งๆ หญิงสาวอยากโทรหาน้องใจจะขาด แต่โทรศัพท์โดนมือดีเก็บไปตอนรถของหนูดีชน สาวน้อยกดลิฟต์ขึ้นไปดูบนอาคาร เธอไม่พบใครในห้องนั้น หญิงสาวลงมาดูที่ร้าน ไม่มีใครอยู่ในนั้น กระดิ่งถามทุกคนที่เดินผ่าน

          “เห็นกระดุมน้องหนูไหม” ไม่มีใครรู้ ผู้คนที่นี่ต่างคนต่างอยู่เพราะเป็นชนชั้นกลางหาเช้ากินค่ำ กระดิ่งเดินออกไปไกล พยายามค้นหาเบอร์โรงพยาบาลแล้วโทรเช็ก แต่มันไม่มีประโยชน์เลย

          “กระดุมหายไปไหน” น้ำตาหยดลงต้องผิวแก้ม แม้ไม่อยากร้องก็ต้องร้อง ก็...คนมันคิดอะไรไม่ออกแล้ว ขาสั้นๆ พาตัวเองมาสู่ที่พักอาศัย หญิงสาวคงลืมปิดประตู ทว่าพอเสียงลูกบิดลั่น ดวงตาสีดำถึงเบิกกว้าง

          “นั่นไงพี่สาวไอ้ตัวแสบ”

          ผู้ชายคนนั้นเป็นใคร คนนั้นล่ะ แล้วคนนั้น คนนั้น คนนั้น กระดิ่งกลับหลังหันแล้ววิ่งหน้าตั้ง คนเดินเข้าออกกคอนโคในช่วงค่ำหันมามองตาม กระดิ่งไม่ได้ร้องตะโกนให้ใครช่วย แต่ผู้ชายทั้งกลุ่มวิ่งไล่ผู้หญิงคนเดียว คนน่าจะดูออกสิ ว่าอะไรมันเป็นอะไร

          ทว่า... ไม่มีใครอยากแกว่งเท้าหาเสี้ยนหรอก โดยเฉพาะเสี้ยนนั้นมีคอมแบทหุ้มอยู่

          “อย่าหนีสิโว้ย!”

          ไม่หนีก็โง่ดิ.... กระดิ่งวิ่งหน้าตั้งใส่ตีนหมา เจอหญ้ารกข้างทาง หญิงสาวหักเลี้ยวแล้วมุดไปเรื่อย ไม่หันกลับมามองข้างหลังด้วยซ้ำ

          “มันลงป่าไปแล้วว่ะ”

          กระดิ่งวิ่งวนอยู่ในพงหญ้า กระทั่งสามารถหาที่เหมาะๆ ซุ่มหลบพัก อดรีนารีนในร่างทำให้ร่างกายหอบเหนื่อยและสั่นสะท้าน ความรู้สึกของเธอตื่นตัวตลอดเวลาขณะนั่งฟังคนพูดกันเสียงดังก้อง

          “ถ้ากูจับได้นะมึง”

          “แมร่งจะล่อให้ร้องไม่หยุดเลย”

          ชั่ว... ความคิดน่าขนลุก เลวทรามที่สุด กระดิ่งยกมือขึ้นปิดปากตนเองไว้ เธอได้ยินเสียงย่ำสวบสาบ สายไปแล้วหากจะขยับตัว เธอทำอะไรไม่ได้อีกแล้วและไม่ควรทำอะไรเลยด้วย

          “เฮ้ย! มันวิ่งวนอะไรของมันวะ ทะลุข้างหน้านี่ถนนใหญ่ รีบไปลากมันเร็ว”

          อยู่ไม่ได้แล้ว... กระดิ่งวิ่งอย่างเร็วที่สุดเพื่อออกจากที่ซ่อน แสงไฟหน้ารถเห็นอยู่ไกลๆ ขอแค่แข็งใจอีกนิด ก้าวให้เร็วอีกหน่อย แค่นิดเดียว

          โครม! “เวรเอ้ย!”

          เขามั่นใจว่าเขาหักหลบทัน แต่ไอ้ผู้ชายทั้งกลุ่มที่ออกมาจากข้างทางนี่มันคืออะไร ชายหนุ่มเจ้าของรถเปิดประตูลงมาดูเหตุการณ์ เขาเปิดสัญญาณไฟฉุกเฉินเรียบร้อยหวังว่าคงไม่มีเคราะห์ซ้ำจากรถคันไหนอีก

          “เฮ้ย! ถอยไปเว้ย เรื่องของผัวเมีย”

          “หือ ?” คิ้วปื้นสีดำจัดเลิกสูง “ผัว เมีย ?” ชายหนุ่มมองผู้หญิงร่างเล็กที่นอนนิ่งบนพื้นด้วยความประหลาดใจ เธอขยับตัวนิดเดียว ก่อนทำท่าเหมือนจะวิ่งหนีอีก

          ชายหนุ่มเจ้าของรถผ่อนคลายขึ้น อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ชนคน แต่ความโฉดในตัวบอกเขาว่า ไอ้พวกนี้เป็นปัญหาใหญ่กว่า

          “จะหนีไปไหน” หนึ่งในชายหลายคนตรงเข้ามาประชิดตัวหญิงสาวเจ้าปัญหา เธอส่งสายตาวอนขอมาทางเขา ส่ายหน้าจนผมสั่น แต่ไม่อาจพูดจา เพราะทั้งร่างถูกรัดไว้ด้วยมือหลายมือ

          ชายหนุ่มเจ้าของรถไม่ได้พูดอะไร เขาเดินกลับเข้าไปในยานพาหนะ กระดิ่งน้ำตาไหลพราก ความกลัวจากก้นบึ้งหัวใจไหลหลั่งไปทั้งร่าง  ทว่า... เขากลับมา

          “กลับมาไมวะ” ชายกลุ่มใหญ่ร้องถาม หมูจะหามดันมีคนเอาคานเข้ามาสอดเสียนี่ “เรื่องผัวเมียเขาจะคุยกัน คนนอกอย่ามายุ่ง”

          “ผู้หญิงคนเดียว มีผัวหมดนี่ ร้ายไปไหมคุณ” เขาหันไปถามผู้หญิงตัวเล็กราวขบขันโลกทั้งใบ

          “ไอ้นี่วอน กูมีสีนะโว้ย ไม่อยากเจ็บก็ถอยไป”

          “เวรเอ้ย.... กูขึ้นทุกทีเลยเวลามีใครพูดแบบนี้” ชายหนุ่มเจ้าของรถสบถออกมามากกว่าที่ได้เขียนไป กระดิ่งออกแรงดิ้นมากกว่าเดิม บางทีผู้ชายตรงหน้าอาจทำให้เธอรอด

          “เอ๊ะไอ้นี่ เดี๋ยวบั้ดตื๊บให้จำทางกลับบ้านไม่ได้เลย”

          “มึงมีสีกูก็มีสี ปล่อยตัวผู้หญิงมา แล้วรีบไปซะ ก่อนที่กูจะฟ้องพ่องมึง” ของในมือเขาจ่ออยู่ที่ศีรษะของหัวหน้ากลุ่ม กระดิ่งได้ทีกัดมือไอ้บ้าน่าเกลียดโดยแรง แขนแข็งแรงของคนถือปืนกระชากหญิงสาวเข้าหาตัว ชายกลุ่มใหญ่ลังเล ไม่อยากสาวความยาวกับปืนในมือ

          “ไปขึ้นรถ” เสียงกระซิบสั้นๆ กับกลุ่มผมทำให้หญิงสาวทำตามโดยไม่อิดออด ปืนในมือชายหนุ่มกระดิกไปมา เขาพยักหน้าให้ผู้ชายพวกนั้นแล้วถอยเข้ามานั่งในรถ จากนั้นขับออกจากจุดเกิดเหตุอย่างรวดเร็ว

 

ในรถเงียบมาก กระดิ่งทำอะไรไม่ถูก

หญิงสาวกำสายเข็มขัดนิรภัยไว้แน่น เขาคนนั้นก็ไม่พูดอะไร ปืนที่เคยถือในมือเขาเก็บมันตอนไหนก็ไม่ทันดู ความกลัวยังแล่นไปทั่วร่าง แต่หญิงสาวไม่ได้รู้สึกถึงมันรุนแรงเท่าเมื่อก่อนหน้า

          “คุณจะแจ้งตำรวจไหม” เสียงเข้มๆ ในแบบของผู้ชายแหวกความมืดมาจนคนฟังสะท้าน

          “ตะ ตำรวจหรือคะ” เธอก็อยากแจ้งอยู่หรอก แต่ไมรู้จะเริ่มจากตรงไหนดี ชีวิตนี้รู้กฎหมายแค่พอหางเขียดน้อย หากทำอะไรพลาดไปกระดุมจะเป็นอย่างไร “กระดุม น่ะ น้อง น้องของหนูถูกทำร้าย”

          เขาหันมามองเธอแวบหนึ่ง ประหนึ่งตัดสินใจได้แล้วว่ายายคนนี้สติหลุดชัวร์ เขาพาเธอแวะเข้าไปในตึกสูงแห่งหนึ่ง  เดินมาเปิดประตู ไม่ถามความสมัครใจแต่ออกแรงลากหญิงสาวให้เดินตาม

          นี่คนพึ่งรู้จักกัน เขาทำอะไรๆ แบบนี้ได้ด้วยหรือ กระดิ่งงง!

          “เราต้องคุยกัน” เขาบอกแค่นั้นระหว่างที่รอให้ลิฟต์เคลื่อนจนมาถึงห้องเดี่ยวบนชั้นสี่สิบสี่

          เขาจัดแจงให้เธอนั่งบนชุดรับแขกใกล้ทางเดิน ไม่ดูล่อแหลมมีบรรยากาศความเป็นทางการ เขาหายเข้าไปในมุมเล็กๆ ของห้อง กลับมาอีกครั้งพร้อมเบียร์สองกระป๋อง

          “ห้องนี้ไม่มีอย่างอื่นเลย นอกจากของพวกนี้ ดื่มหน่อยจะได้คุยกันรู้เรื่อง”

          “คะ คุย คุยอะไรคะ น่ะ หนูต้องหาดุม”

          เขาถอนใจ เปิดกระป๋องเบียร์ในมือตัวเอง แล้วจับคางหญิงสาวบีบแก้มกรอกปากด้วยแอลกอฮอล์ฟองนุ่ม

          “อื้อ! คุณทำอะไรหนูอ่ะ”

          ชายหนุ่มไม่ตอบ เขาเร่งเครื่องปรับอากาศ ปลดกระดุมเสื้อสองเม็ด จากนั้นทิ้งตัวลงนั่งไขว่ห้าง ห่างจากเธอเป็นโยชน์ รอจนเบียร์ในกระป๋องตัวเองหมดจึงถามต่อ

          “จะแจ้งความไหม”

          “แจ้ง จะ แจ้ง แจ้งเรื่องอะไรคะ” กระดิ่งมือสั่น ปากแข็งค้าง  คิดอะไรช้ากว่าที่ควร

          “ดื่มเบียร์อีกดิ๊” เขาสั่งอย่างนึกรำคาญ วันนี้ประชุมยืดเยื้อกับบอร์ดบริหาร คนแก่ไฟหมดแต่เขี้ยวลาก น่าเบื่อหน่ายที่สุด

          เมื่อกระดิ่งทำท่าลังเล ไม่ทันใจเขาชายหนุ่มจึงเอานิ้วดันกระป๋องเบียร์ขึ้นเทใส่ปากเธอซะเอง แก้มซีดๆ ค่อยมีสีเลือดขึ้น ท่าทางกระอักกระไอดูน่ารักน่าเอ็นดู เมื่อรวมกับหน้ามอมๆ ผมยุ่งๆ

          “โอย คอหนู” กระดิ่งครางเบาๆ ตัวเธอร้อนผ่าวราวจะระเบิด ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ ยังไม่ถามอะไรต่อ แต่เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบเบียร์มาอีกสองกระป๋อง

          เขานั่งลงที่เดิมกระดกเบียร์อีกสองกระป๋องแล้วค่อยถามต่อ “เธอมีอะไรให้ฉันช่วยไหม”

          ดุจเสียงสวรรค์ ตอนนี้เธอต้องการคนช่วยจริงๆ ไม่ใช่ตำรวจ ไม่ใช่อะไร แต่เป็นใครสักคนที่ถามคำถามแบบเมื่อครู่นี้

 

เธอขอเบียร์เขาอีกสองกระป๋อง

เรื่องราวในวันมหาวิปโยคหลั่งไหลออกมาราวสายน้ำหลาก เธอไม่ได้สังเกตว่าเขาอยากฟังไหม แต่การที่เขานั่งนิ่งๆ แล้วจิบเบียร์ไปเรื่อยๆ มันทำให้เธออุ่นใจ

          “ถ้าคุณช่วยหนูได้ หนูพร้อมทำให้คุณได้ทุกอย่าง”

          เขาเงียบ  เธอก็เงียบ เขาไม่ได้จิบเบียร์อีกแล้ว แต่จับมันอย่างหมิ่นเหม่ตั้งไว้บนหัวเข่า เวลานี้เองที่กระดิ่งได้มองเขาอย่างเต็มตา ผู้ชายผมสั้นดกหนา หน้าคมเข้ม คิ้วเป็นปื้น ดวงตาเยิ้มนิดๆ จากฤทธิ์แอลกอฮอล์ดูหล่อแบบร้ายๆ กระดิ่งอธิบายไม่ถูก

          เธอชอบริมฝีปากสีจัดนั่นจัง มันเม้มหน่อยๆ ราวเขากำลังขบคิดเรื่องที่เธอเล่า กระดิ่งกลืนน้ำลายลงคอทันทีเมื่อเห็นแผงอกเขารำไร  โฮ...หน้าอกเขา... หญิงสาวสั่นหัวตัวเองแรงๆ ผู้ชายในเสื้อเชิ้ตสีขาว ดูหล่อ ภูมิฐาน เป็นคนที่กระดิ่งไม่ควรจะมานั่งเผชิญหน้า ...ไม่ไหว ไม่ไหว

          “หนูจะไปเอาเบียร์มาเพิ่ม”

          เขาเลิกคิ้วมองมาทางเธอ ไม่พูดอะไร ไม่เอ่ยปากห้าม แค่หันกลับไปมองทางเดิม หญิงสาวหาของที่ว่านั่นได้ไม่ยากนัก ในตู้เย็นของเขามีแค่กระป๋องเบียร์อัดอยู่จริงๆ ไม่มีอย่างอื่นเลย แม้แต่น้ำดื่มก็ไม่มี ห้องครัวทั้งห้องมีอุปกรณ์ครบครัน แต่ไม่พบวัสดุประกอบอาหารใดๆ ราวกับไม่เคยใช้เป็นที่อยู่อาศัยของใคร

          ขณะคิดอะไรเพลินๆ กระดิ่งเผลอยกเบียร์ขึ้นกรอกปากตัวเองจนหมด ความคิดชั่วร้ายที่แล่นมาชั่ววูบและขาดการไต่ตรองแวบเข้ามาในหัว

          โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ  การจะขอให้เขาช่วย เธอต้องมีสิ่งตอบแทนสินะ

          ผู้ชายจะชอบอะไร กระดิ่งก้มลงมองร่างกายของตัวเอง  รอยยิ้มขมขื่นและน้ำหล่อลื่นไหลออกมาคลอหน่วยตา ขายอะไรจะดีเท่าขายนาผืนน้อยล่ะ...จริงไหม ?

          “เบียร์มาแล้วค่ะ” กระดิ่งวางกระป๋องแอลกอฮอล์ฟองนุ่มลงบนโต๊ะ ท่าทีโก่งโค้งราวผู้หญิงมีจริต เขามองเธอนิดเดียวแล้วหันไปสนใจกระป๋องเบียร์ กระดิ่งถอนใจนึกตลกตัวเอง แต่...เป็นไงก็เป็นกันสิวะ

          “เรื่องที่จะให้คุณช่วย....”  ชีวิตมันอยู่ยากนะ! “หนูอยากขายตัวเองเป็นผู้หญิงลับๆ ของคุณ” กระดิ่งพูด

หืม... เขาคิด

“คุณจะให้หนูเท่าไหร่ ดิ่งคิดไม่แพงนะ ไม่เอาแหวน ไม่เอาสร้อย บ้านก็ไม่ รถก็ไม่ ถ้าคุณจะให้ก็ไม่ว่ากัน แต่หนูขอแค่เส้นสาย”  กระดิ่งพูดอีก

เอ่อ... เขาคิด

“หนูยังไม่เคย รับรองสดสะอาดมาก คุณได้หนูแล้ว หนูคิดว่าคุณติดใจแน่”  กระดิ่งพูด

หา... เขาคิด

“ระหว่างอยู่กับคุณ หนูจะไม่มีใคร คุณแค่ตามหาน้องให้หนู ส่งน้องหนูไปที่ปลอดภัย อย่าให้ใครทำร้ายได้ แล้วหนูจะเป็นให้คุณทุกอย่าง คนใช้ เลขา แล้วก็นางบำเรอ คุณสมบัติหนูแตกต่างจากคนก่อนๆ ของคุณแน่ๆ” กระดิ่งยังพูด

ออ...  เขาคิด

“หนูขี้เกียจพูดแล้ว หนูเสริมหน้ามาแล้ว ถ้าช้ากว่านี้หน้าจะบางขึ้น เอามือมาค่ะ หนูให้คุณทดลองได้” กระดิ่งพูดแล้วทำเลย

“เฮ้ย!” เขาอุทาน แต่มือไวใช่ย่อย

“เป็นไง หนูบอกแล้วว่าหนูน่ะดีจริง” กระดิ่งพูดแล้วยิ้มย่อง แต่แก้มเห่อร้อนอยากเอาร่างสิงกับโซฟาไปซะเลย

ไม่ดีมั้ง... เด็กมันกำลังลำบาก แล้วกูคิดไรเนี่ย!

“คุณอาจจะยังไม่มั่นใจ” กระดิ่งกลัวสีหน้าแบบนี้ของเขาจัง “หนูไม่ได้มีดีแค่ที่สดและซิงแต่หนูเป็นนักเรียนรู้และมีฝีมือ คุณอยู่นิ่งๆ นะ เดี๋ยวหนูทำให้ดู”

เธอกระโดดข้ามโต๊ะมาหาเขา เข้ามาตอนไหนก็ชักเบลอแฮะ กลิ่นเนื้อสาวที่ชิดใกล้เกยอยู่บนตักมันทำให้คนที่อดอยากมานานชักเหวอ มือเรียวกับหน้ามอมก้มลงชิดใกล้  ไม่นานเลย ไม่ทันสบตากันด้วยซ้ำ ริมฝีปากนุ่มๆ กับลมหายใจเคล้ากลิ่นแอลกอฮอล์มันกลายเป็นของเขาไปอย่างสมบูรณ์

“อืม...” เพียงเขาหลุดครางเธอก็ทำท่าจะถอนริมฝีปากออก แต่...แหมเบียร์หลายกระป่องมันทำให้ มือเขามันอาจจะช้า แต่ความตั้งใจมันไม่ไปไหนหรอก

“เป็นไ....” เธอยังพูดไม่ทันจบ ปากก็พูดไม่ได้อีกแล้ว เมื่อคนที่คิดว่าเมารสจูบของเธอเอาแขนมากอดเอวเธอแน่น กดร่างช่วงล่างให้แนบชิดกันพร้อมของแข็งที่ดุนดัน ท้ายทอยโดนคว้าตาม กดใบหน้าและริมปากเล็กให้แนบชิด แรกๆ ก็แค่จูบบดเคล้า ต่อมามีขบมีดึง หนักเข้ามีซอนมีแซะ นาทีสุดท้ายมีล้วงแล้วกวาดชิม

คนไม่เคยชักอึดอัด ไม่รู้ว่าควรหายใจทางไหน หรือการจูบกันเราควรกลั้นใจไปเลยเหมือนเวลาดำน้ำ เธอขยับขยุกขยิก ไม่ได้รู้เลยว่าบั่นท้ายกับหน้าอกหน้าใจกำลังทำให้คนแปลกหน้าอยากกลายร่างเป็นโจรราคะ

มันนานไปแล้วนะ กระดิ่งแสบปากเมื่อยลิ้นไปหมด ตอนนี้นมก็รู้สึกแปลกๆ ราวจะแตกหลุดออกจากเต้า ไม่รู้จะบีบอะไรนักหนา โอย..จะตายแล้ว

“อื้อ ฮือๆ อื้อ...” มือเรียวทุบปังๆ แล้วในยามที่ความตื่นเต้นเลือนหาย ความสนุกไม่มี ความอยากรู้อยากลองก็ลดลง แต่ความวาบหวามตามมาพร้อมความอึดอัดที่อธิบายไม่ถูก มันทำให้หญิงสาวต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยตัวเองให้รอดพ้นจากสิ่งที่ไม่คุ้นเคย

เขายอมปล่อยปากเธอ แต่ไม่ยอมเอามืออกจากร่มผ้า กระดิ่งหายใจหอบราววิ่งขนของเข้าร้านทั้งวัน เขาที่เคยทำหน้านิ่งๆ ตอนนี้จ้องเธอตาหวานเชื่อม กระดิ่งไม่ค่อยเข้าใจลำดับขั้นตอนมากนัก รู้แต่ว่าถัดจากนี้ถ้ายังทำต่อ ก็แปลว่า...เขาอยากเอาเธอล่ะ!

 

https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTQ5MDY4MiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjYxMjg0Ijt9

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา