Eternal Blood 4 Black Witch Dimension

8.2

เขียนโดย OverWrite

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 00.37 น.

  7 บท
  3 วิจารณ์
  7,644 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 00.10 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ข้อสงสัย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เฮนรี่

ที่ร้านกาแฟเจ้าประจำของผม

ผมดีดนิ้ว

“ลุงเอากาแฟที่ดีที่สุดของที่นี่มาซิ”

“ไอ้กาแฟร้านนี่มันก็มีแต่กาแฟร้อนแหละ งั้นเอากาแฟร้อนนะ”

ก็อยากจะถามมานานแล้วเหมือนกันว่าทำไมร้านเหล้า มันถึงได้มีกาแฟขาย

พูดจบลุงแก่ก็เดินไปจัดการให้ระหว่างที่ผมกับรินกำลังนั่งข้างกันอยู่บนบาร์

“ก็อยากจะถามมาตั้งแต่อยู่หน้าร้านแล้วนะว่า ทำไมเราไม่ไปร้านกาแฟกัน”

“ก็นี่ไงร้านกาแฟ”

“อย่ามาตลกเห็นๆ อยู่ว่ามโนไปเอง เองสงสารลุงแก่ไหม? ต้องมาเพิ่มเครื่องดื่มให้กับบริการที่มันไม่เข้าข่ายคำว่าเหล้าน่ะ”

“แหมๆ ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจะลำบากอะไรขนาดนั้นเลยนิ อีกอย่างฉันเป็นลูกค้าประจำเชียวนะ”

“เฮนรี่มันไม่เคยจ่ายเงินข้าเลยน่ะ”

“…”

“เหมือนลุงแกจะฟ้องนะ”

รินพูดพลางเอียงคอ

“เรามาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า ฉันอยากจะถามนายตั้งนานแล้วล่ะกับไอ้เรื่องนี้”

เหมือนจะได้ยินเจ้ารินมันกระซิบมาว่า ‘นี่ๆ ตกลงจะไม่สนใจสักหน่อยเหรอ?’ แต่ผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินแล้วปล่อยมันผ่านไป

“พอดีเลยฉันเองก็มีเรื่องอยากจะถามนายเหมือนกัน”

เราทั้งต่างก็ทำสีหน้าที่จริงจัง เหมือนกับว่าทั้งผมและเขาต่างก็มีเรื่องสำคัญมากที่จะถาม

แล้วพวกเราทั้งคู่ก็สูดลมหายใจเข้าก่อนที่จะเอ่ยคำถามออกมา

“นายตกลงเป็นสายลับใช่ไหม?” “ตกลงมึงเป็นเกย์ใช่ไหม?”

“”หา!?””

“หา!?”

ลุงไม่ต้องมาหาด้วยก็ได้!

เราทั้งคู่ต่างผงะ เจ้ารินมันทุบบาร์เหมือนเดาอะไรถูก ส่วนผมแทบช็อกที่โดนมองอย่างนั้น

“นี่นายคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือ!?”

“แล้วใครมันจะไม่มองอย่างนั้นวะ ถามจริงเคยส่องกระจกมองตัวเองตอนยิ้มไหม!? น่ากลัวชิบหายเลย!”

เหมือนการกระทำของผมจะเป็นเหตุให้เจ้ารินตีตัวออกห่างตั้งแต่แรกแล้ว หากไม่บอกผมก็คงยังไม่รู้ตัว

แล้วตกลงผมเหมือนขนาดนั้นเลยหรือ?

ผมก็ว่าตัวผมเองหน้าตาดีสมชายอยู่นะ ไหงผมโดนมองเป็นพวกจับชายกินชายล่ะ

“พอๆ เอาเป็นว่าฉันไม่ใช่อย่างที่นายคิดแล้วกัน และนายก็ไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด เพราะฉะนั้นแล้วเราทั้งคู่เข้าใจกันแล้วพอ หายกัน”

“แต่ผมยังช็อกอยู่เลยนะ”

“ทำใจซะมันผ่านไปแล้ว”

ถึงว่าล่ะทำไมพ่อของลูกเจ้าของร้านรองเท้าถึงพาลูกชายตัวเองหนีตอนผมกำลังจะไปทัก ถามลูกสาวเขากลับบอกผมว่า ‘พี่ชายไว้ผมยาวแล้วมาเป็นพี่สาวหนูนะ’ ความจริงของโลกนี้มันช่างโหดร้ายนัก

“กาแฟได้แล้ว”

ลุงโจนาธานวางกาแฟของพวกเราตรงหน้าแล้วกลับไปเช็ดขวดเหล้า ผมยกมันขึ้นมาจิบแล้ววางมันไว้ที่เดิม ส่วนเจ้ารินใช่นิ้วแตะตัวแก้วและปล่อยมันไว้อย่างนั้น คงเพราะร้อนเลยยังไม่อยากจะดื่ม

“ถ้างั้นแล้วข้อสงสัยของเราสองคนก็คงจะหมดลงเท่านี้ ที่หาเรื่องเมื่อไม่นานมานี้ เอาเป็นว่าหายๆ กันไปแล้วกันนะ”

“ฉันเห็นด้วย พวกเราทั้งคู่เพียงแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น แต่ฉันยังไม่หยุดสงสัยนายหรอกนะ ถึงแม้ว่านายจะไม่ใช่สายลับอะไรก็ตาม”

ตามจริงแล้วผมก็ยังไม่ได้เลิกสงสัยรินหรอก เพียงแค่ว่าผมไม่มีหลักฐาน และเจ้าตัวก็เหมือนจะไม่ได้เป็นคนไม่ดีอะไร กลับดูเป็นคนมีเหตุผลกว่าที่ผมคิดซะอีก เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้นไป ต่อจากนี้ผมยังมีเรื่องให้ทำอีกมากมาย และรินคนนี้ก็อาจจะช่วยเหลือผมได้ ฉะนั้นแล้วการที่เราทั้งสองยังไม่ตายและมานั่งคุยกันได้ด้วยดีที่นี่ได้ก็ถือว่าดีพอแล้ว

เพราะอย่างนั้นเรื่องที่ว่ารินอาจจะเป็นสายลับหรือว่าเป็นสายลับนั้นตัดไปก่อน

ที่ผมสงสัยรินตอนนี้มีเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น

ตัวตนของริน

“ถ้านายไม่ใช่อย่างที่ฉันคิด นายช่วยแนะนำตัวเองหน่อยจะได้ไหม นายเป็นใครและมาที่นี่เพื่อทำอะไร”

รินเปลี่ยนมากอดอกนึกคำตอบระหว่างที่สายตากำลังเปลี่ยนไปจับจ้องที่เพดาน ผมรอฟังคำตอบอย่างตั้งใจ

“ฉันเป็นคนที่มาจากอีกโลกหนึ่ง และมาที่นี่ได้เพราะฝีมือของแม่มดน่ะ ตอนนี้แค่อยากตามหาเพื่อนเท่านั้น”

แม่มด

คำที่มีไว้ใช้เรียกสิ่งชั่วร้ายในร่างของสตรีเท่านั้น

แต่โลกใบนี้มีแม่มดเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

เรื่องนั้นก็หมายความว่าจะต้องเป็นเธอคนนั้น แต่มันจะเป็นไปได้หรือ ไม่ใช่ว่ารินมันแค่โกหกหรือ?

อีกอย่างตัวตนของเธอก็เป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็กที่ผมเคยได้ยินผ่านหูมาก็เท่านั้น สำหรับคำว่าแม่มดแล้วมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น

ไม่มี

ไม่เลย

สำหรับตอนนี้

“ฉันถูกส่งมาที่นี่พร้อมกับเพื่อนอีกสามคนด้วยฝีมือของเธอคนนั้นแหละ เราทั้งหมดน่าจะกระจัดกระจายไปคนล่ะทิศคนล่ะทาง ส่วนจุดที่ฉันโผล่มาอยู่ในป่าตอนเจอกับนายน่ะ”

ป่าอสรพิษ

“แล้วเพื่อนๆ คนอื่นๆ ของนายล่ะ”

“เราไม่สามารถติดต่อกันได้ พวกเราไม่ได้มีอุปกรณ์สื่อสารแบบนั้น ฉันเลยอยากจะถามข้อมูลทั้งหมดจากนายเหมือนกัน และสิ่งที่ฉันจะทำต่อไปคือรวมกลุ่มกันอีกครั้งและไปจัดการไอ้แม่มดนั่น”

แต่แม่มดมันจะมีอยู่จริงหรือ? ไม่สิ…หากแต่ว่าสิ่งที่รินพูดมาทั้งหมดเป็นความจริง

การกลับมาของแม่มดก็คงพอมีความเป็นไปได้

และนั่นหมายถึงอันตรายที่จะส่งผลเป็นวงกว้าง

ถ้านำข่าวนี้ไปบอกพวกชนชั้นสูง…

ไม่ พวกมันไม่มีทางเชื่อเป็นแน่ ไอ้พวกหยิ่งโอหัง ไม่มีทางฟังที่ผมพยายามจะบอกแน่

แต่ถ้ารินล่ะ ถ้ารินที่แสดงข้อแตกต่างอย่างที่ไม่มีใครแสดงได้กันล่ะ?

ข้อแตกต่างที่มีเพียงผู้มาจากต่างโลกเท่านั้นที่สามารถแสดงได้

อย่างนั้นแล้วพวกมันก็คงจะเชื่อและเริ่มที่จะทำอะไรสักอย่าง

และสิ่งที่รินพูดมาและหลักฐานที่รินได้แสดงออกมาให้ผมเห็นก็เป็นหลักฐานที่มากพอแล้วที่จะบอกว่ารินเป็นผู้ที่มาจากต่างโลก ตอนนี้ตามข่าวรวมถึงข่าวลือก็พูดกันไปทั่วว่ามีผู้ที่มาจากต่างโลกจริงๆ

และรินคือหนึ่งในนั้น

ผมนี่มันจะโชคดีอะไรขนาดนี้นะ ได้เจอกับผู้มาจากต่างโลกแถมได้ปะทะกันแล้วด้วย

ถึงแม้ว่าผมจะยังไม่ได้ใช้ไพ่ตายหรือพยายามจะเอาชีวิตของรินเลย แต่ผมก็ยอมรับว่ารินนั้นแข็งแกร่งพอตัว โดยเฉพาะอาวุธที่มันมีไว้ในครอบครองถือว่าอันตรายขนาดสามารถบุกเข้าไปในพระราชวังได้เลยทีเดียว

“แต่ช้าก่อน ถ้าอย่างนั้นแล้ว ในสี่คนใครแกร่งสุดล่ะ?”

ความแข็งแกร่งของผู้ที่มาจากต่างโลกให้ความสนใจแก่ผมมาก

แล้วยิ่งได้สู้กับรินซึ่งเป็นหนึ่งในนั้นแล้ว ความรู้สึกที่อยากจะรู้ถึงความแข็งแกร่งของผู้มาจากต่างโลกคนอื่นๆ ก็มีมากขึ้นไปอีก

รินได้ยินอย่างนั้นก็ครุ่นคิด ไม่นานนักก็เอ่ยออกมาอย่างไม่หมั่นใจ

“บอกไม่ถูกนะ พวกเราสี่คนเหมือนจะมีดีกันคนละด้านน่ะ แต่ถ้าว่าใครที่ดูเอาไม่ลงเลยก็คงไม่แมรี่ก็เอกแหละ สองคนนี้ไม่ต้องให้ใครช่วยก็จัดการกันเองได้ ส่วนไมค์ถ้าให้สู้กับนายคงชนะขาดลอยเลย”

ได้ยินอย่างนั้นข้าก็มีไม่พอใจ

“แล้วเจ้าไมค์นี่มีดีอะไรขนาดฉันถึงกับแพ้มันได้ล่ะ?”

รินยิ้มก่อนเอ่ยคำพูดนั้นออกมาอย่างพอใจ

รู้สึกเหมือนผมจะโดนดูถูกจากรอยยิ้มนั้น

“เพราะว่ามันโจมตีด้วยเวทย์มนต์ไม่ได้ผลยังไงละ”

โจมตีด้วยเวทย์มนต์ไม่ได้ผล? มันจะเป็นไปได้ยังไง แต่ช่างมันเถอะ

เพราะเป็นความสามารถของผู้ที่มาจากต่างโลกก็พอจะน่าเชื่อถือหน่อย ผมคงจะได้เรียนรู้อะไรอีกมากจากทั้งสี่คนนี้

“เออจะว่าไปแล้ว นายเป็นจอมเวทย์ใช่ไหม?”

“ถูกต้องและฉันก็แกร่งที่สุดในหมู่บ้านนี้แล้วด้วย”

“ถ้างั้นแล้ว ถ้าไม่ว่าอะไรขอดูการ์ดนักประจญภัยหน่อยจะได้ไหม?”

หยิบมันจากกระเป๋ากางเกงผมและส่งไปให้รินดู

เลเวลของผมคือ 60

รู้สึกภูมิใจอย่างมาก

เจ้ารินหยิบการ์ดของผมไปดูได้สักพักก็ส่งกลับคืนมาด้วยสีหน้าผิดหวัง

“ทำไมมันถึงได้น้อยจังวะ?”

“เสียมารยาท! 60 สำหรับคนทั่วไปถือว่ามากของมากแล้วนะ!”

“นี่ๆ จอมเวทย์มันก็น่าจะ 100 200 ไม่ใช่เหรอ? ของฉันยัง 80 เลยนะ”

“เลเวล 80!!”

คนในร้านต่างหันมามองเนื่องด้วยเสียงตะโกนของผม ผมก้มหัวให้และพวกเขาก็กลับไปทำธุระเหมือนเก่า

“นี่นายล้อฉันเล่นใช่ไหม!?”

“เอาไปดู”

รินส่งการ์ดของตัวเองมาให้ผมดู เมื่อหยิบมาก็สังเกตตัวเลข 80 จากหัวมุมของการ์ด

ผมเงียบแล้วส่งมันคืนไปพลางสังเกตได้ว่าโดนมันยิ้มเยาะใส่

หนอย…

“ดูเหมือนนายจะไม่ได้โกหก แต่คนที่มีเลเวลได้มากขนาดนั้นถ้าไม่ใช่จอมมารหรือเทพก็ไม่น่าจะเป็นได้หรอก”

“ถ้าหมายถึง 100 200 ฉันคิดว่าในกลุ่มเพื่อนคงมีสักคนที่ถึงแหละ”

ในสี่คนนั้นมีคนที่มีเลเวลได้มากขนาดนั้นเลยหรือ?

แต่ถ้าเป็นผู้ที่มาจากต่างโลกนั่นก็คงไม่แปลกอะไร

ผมคิดว่านะ?

“แล้วต่อจากนี้นายจะเอายังไงต่อล่ะ? จะเดินทางไปไหน?”

“ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ก็เลยอยากจะถามข้อมูลเท่าที่นายรู้น่ะ”

ผมดื่มกาแฟจนหมดแล้วตอบกลับไป

“ย่อมได้”

ผมเห็นโอกาสของผมแล้ว

โอกาสที่จะได้ออกเดินทางสู่โลกที่ผมไม่เคยได้สัมผัส

 

“ก่อนอื่นหากว่านายอยากจะออกเดินทางเราก็ต้องมีเงินมากพอก่อน”

ใช่แล้วเรื่องสำคัญที่สุดของตอนนี้คือเงินที่ผมจะหามาเพื่อใช้ในการออกเดินทางไปยังเมืองอื่น

“ว่าแต่นายจะไปด้วยเหรอ? ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ แต่ตกลงว่าจะมาด้วยเลย?”

เฮนรี่ยกนิ้วชี้ขึ้นเป็นนัยว่าถูกต้องแล้วครับ แล้วชี้ไปข้างหน้า

“ถูกต้องแล้วฉันรอโอกาสนี้มานานแล้ว โอกาสที่จะได้ออกจากที่แห่งนี้โดยไม่ต้องกังวล”

“ไม่กังวล?”

“ฉันยังอ่อนหัดและจำเป็นต้องมีเพื่อนเดินทางไปด้วย นายก็สังเกตได้สินะว่าฉันใช้เวลาในการร่ายเวทย์ค่อนข้างนานและไม่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด”

เรื่องนั้นก็ใช่

“เพราะฉะนั้นการที่ได้เจอนายจึงถือเป็นโอกาสทองเลยล่ะ และที่ๆ เราจะไปต่อจากนี้ก็คือนั่น”

เฮนรี่ชี้นิ้วไปที่ป่าบนเนิน

ป่าที่ผมได้เจอกับเจ้าพวกก็อบลิน

ป่าที่ผมได้เจอกับงูยักษ์สีขาว

และป่าที่ผมได้เจอกับเขา

“คงยังไม่ลืมสินะว่าฉันได้ให้คำพูดกับลีน่าว่าจะไปจัดการฝูงก็อบลินกับนายน่ะ”

“ก็ไม่ลืม ตอนนี้หลังจากเสร็จธุระระหว่างเราเลยจะไปจัดการตามที่ได้บอกสินะ”

“ก็ตามนั้น และพอเสร็จเราก็จะกลับไปเก็บเงินจากเธอ ตอนนี้ถ้าอยากจะออกจากหมู่บ้านแห่งนี้อย่างสบายๆ ก็ต้องมีเงินเยอะๆ เช่นนั้นแล้วเรารีบๆ ไปจัดการและรีบๆ กลับไปเก็บเงินเถอะ”

จริงอย่างที่เฮนรี่พูดและเป็นอย่างที่ผมคิด

และไม่นานเราทั้งคู่ก็มาถึง

ผมเดินนำต่อจากนั้นก็ได้พบกับซากพวกก็อบลินที่ได้จัดการไปบางส่วน

“ก็อบลินพวกนี่ตายได้แปลกมาก เจ้าเป็นคนจัดการมันก่อนออกจากป่ารึ”

“ก็แบบนั้นเลย ด้วยเจ้านี่”

ผมยกปืนขึ้นมาให้เขาได้เห็นมันชัดๆ

อาวุธที่แสนจะสะดวกสบายและอันตราย

มีเจ้านี่ไม่ว่าใครคนไหนก็สามารถเป็นนักรบได้

เป็นนักสู้ได้

เป็นนักฆ่าได้

และเป็นฆาตกรได้

ไม่ว่าใครก็ตามก็สามารถฆ่าคนได้ด้วยเจ้านี่

“อาวุธนั่นนายสร้างเองรึ?”

“ไม่หรอก เปล่าเลย ก็แค่โลกที่ฉันจากมามันมีขายเป็นเรื่องธรรมดาเลยล่ะ”

“โลกแบบนั้นนายใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน?”

คงเห็นว่าปืนมันอันตรายมาก แต่ก็ไม่แปลกสำหรับจอมเวทย์ที่ใช้มานา ปืนแค่มีกระสุนก็ยิงได้แล้ว

ถ้าให้คนโลกนี้มีปืนใช้กัน

การต่อสู่คงจบลงภายในเสี้ยววินาที

และสงครามก็อาจจะจบลงภายในไม่กี่วัน

“มันก็ไม่ได้ออกป่าเถื่อน ไร้เหตุผลขนาดนั้น บางทีแล้วอาจจะปลอดภัยกว่าที่นี่ด้วยซ้ำ”

ใช่บางทีอาจจะ

เพราะมันมีกฎหมายที่จริงจังและหลากหลายกว่า

อีกอย่างที่นั่นไม่มีสงครามแล้ว

มั้ง?

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าและโลกของเจ้าคงแตกต่างกับที่นี่มากเลยสินะ”

“มากของมากเลยละ ทุกอย่างดีหมด เสียแค่ไม่มีเวทย์มนต์ก็เท่านั้น”

ไม่จริงหรอก

มันมีทั้ง เวทย์มนต์ ปาฏิหาริย์ พลังแห่งศรัทธา และพลังของปีศาจ

มาว่ากันตรงๆ แล้ว ไม่มีอะไรที่โลกของผมปกติเลย

เหมือนโลกแฟนตาซีอีกโลกหนึ่ง

แค่ว่ามันล้ำยุคกว่าก็เท่านั้น

ระหว่างที่เรากำลังเดินอยู่ลึกเข้าไปในป่าเพื่อตามหาพวกก็อบลินที่ยังมีเหลือจากที่ผมได้จัดการไป

ผมก็ได้เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง

“!?”

มันคือศพของก็อบลินที่ถูกอะไรสักอย่างบีบคอจนลูกตาทะลักออกมาอยู่ตรงแก้ม

“นี่มัน!”

“รินดูทางนี้สิ”

เฮนรี่พูดพลางชี้นิ้วบอกทางผม ขนาดที่สายตาของผมกำลังจับจ้องอยู่กับก็อบลินที่ตายได้อย่างสยดสยอง เมื่อมองไปยังทิศทางที่เขาได้บอก ผมก็ได้พบกับก็อบลินอีกมากมายที่ตายด้วยลักษณะเดียวกัน

คือการถูกบีบคอจนลูกตาทะลักออกมา

“นี่มันอะไรกัน มอนสเตอร์ที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้ก็ไม่น่าจะมี แล้วถ้ามันเป็นมอนสเตอร์จริง ทำไมถึงไม่กินพวกก็อบลินแต่กลับปล่อยศพพวกมันทิ้งไว้ตามทาง”

“แสดงมันตัวการที่ทำเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่มอนสเตอร์แต่เป็นคน”

“เป็นคนรึ? แล้วคนแบบไหนกันที่สามารถทำเรื่องแบบนี้ได้”

“เรื่องนั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่าเราเดินกันต่อเถอะ ข้างหน้าอาจจะมีอะไรอยู่ก็ได้”

ผมเดินตามหลังเฮนรี่

ระหว่างทางเราเจอศพพวกนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

“คิดว่าควรที่จะเตรียมพร้อมก่อนนะ เรื่องร่ายเวทย์จากะระยะไกล ไว้ใจฉันได้เลย”

เฮนรี่พูดพลางหยิบบางอย่างขึ้นมาเปิดแล้วกระดกดื่มทันที สังเกตว่ามันเป็นสีฟ้าสว่าง เมื่อมองดีๆ จึงเข้าใจว่ามันคือขวดมานาเหมือนที่ใช้ดื่มกันเพื่อเพิ่มปริมาณมานาในร่างกาย ผมมองพลางหยิบปืนขึ้นมาเตรียมเช่นกัน

ระหว่างที่อยู่กับเฮนรี่ลุงที่ชื่อโจนาธานบอกว่าให้ฝากของที่ผมมีกับเขาก่อนก็ได้ และเพราะผมเหนื่อยถือมันมาทั้งวันแล้วเลยฝากมันไว้กับลุงพร้อมกับล็อคกระเป๋าด้วยแม่กุญแจไปแล้ว

ตอนนี้ที่มีอยู่จึงเป็นเพียงปืนพกธรรมดาไม่มีปรุงแต่ง ไม่มีอะไรพิเศษ กับแม็กปืนสองสามแม็กกันลูกหมด

หวังว่ากลับไปคงไม่เกิดเรื่องวุ่นวายเพราะของในกระเป๋านะ

เห็นลุงแกบอกว่าของแปลกดี

อย่าซนล่ะลุง…

“ของที่ฉันเอามาไม่ได้มีอนุภาพทำลายล้างเหมือนครั้งก่อนหรอกนะ เพราะชะนั้นอย่ามาหวังให้ฉันช่วยตอนกำลังลำบากล่ะ”

เฮนรี่ยิ้มทั้งทิ้งขวดมานาใบเล็กลงพื้นแล้วหันมาตอบกลับพลางชี้นิ้วชี้ขึ้นข้างบน

“ก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องให้นายช่วยเท่าไหร่หรอก แค่สนับสนุนตามสมควรก็พอแล้ว งานส่วนใหญ่เดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ตามนั้น”

ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาคิดมากว่าเจ้าตัวอวดเก่ง

อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าผมไม่มีความจำเป็นตั้งแต่แรกแล้วเขาคงไม่ออกปากขอร่วมทางด้วยหรอก มันไม่ใช่เหตุผลเพราะว่าผมเป็นผู้ที่มาจากต่างโลกเพียงอย่างเดียว แต่ในสายตาของเขาผมจะต้องแกร่งระดับหนึ่งแน่นอน

มันจึงเป็นสิ่งที่ต่างคนต่างเข้าใจกันดีโดยไม่ต้องพูดกันให้มันมากความ

เข้าใจกันในฐานะของ ผู้ที่มีประสบการณ์

ในการฆ่า

เดินไปเรื่อยๆ ก็เจอพวกมันมากขึ้นเรื่อยๆ

พวกก็อบลินที่ต่างตายในสภาพเดียวกัน  

พวกมันที่ต่างก็ตายในสภาพเดียวกัน

พอเดินต่อไปเรื่อยๆ พวกเราก็เจออีก

ศพพวกนี้มีอยู่ทั้งบนต้นไม้ ตามพื้น และในพุ่มหญ้า เฮนรี่หยุดตรวจสอบตัวที่อยู่ข้างๆ เขา

“เจ้าตัวนี้ดูมันหวาดกลัวนะ ภาพที่มันเห็นก่อนจะตายเป็นยังไงกันนะ?”

ก็อบลินตัวนี้มีสีหน้าต่างจากตัวอื่นๆ

เหมือนมันจะเป็นตัวสุดท้ายที่รอดมาได้นานสุด

สีหน้าของมันทั้งหวาดกลัวและสิ้นหวัง

“ใครทำกัน?”

ทันใดนั้นเองผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากข้างหน้า

“นายได้ยินเสียงเหมือนฉันไหม?”

“ได้ยิน”

“มันดังมาจากทางนั้น ตามฉันมา!”

เขาพูดพลางออกตัววิ่ง ผมวิ่งตามหลังเขาได้ไม่นานก็พ้นจากกลุ่มพุ่มไม้ออกมายังลานกว้างที่เป็นพื้นที่โล่งแจ้งมีแดดส่องสว่างจนเห็นทุกอย่างชัดเจนและมีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบเป็นวงกลม ตรงหน้าของผมมีใครกำลังนั่งอยู่บนหินก้อนใหญ่ที่ตั้งตระหง่านด้วยท่าไขว่ห้าง มองมาทางของพวกเราทั้งสองเหมือนกับนั่งรอมานานแล้ว และที่สำคัญบนมือของเขา

กำลังกำคอของก็อบลินอยู่

“มาแล้วๆ รอตั้งนาน ใช่ไหมๆ เจ้าตัวเขียว”

บีบคอของมันแรงกว่าเดิมด้วยมือขวา

ภาพตรงหน้าของผมคือชายวัยรุ่นขอบตาดำจนเห็นชัด แต่งตัวเป็นนักศึกษาผูกเนกไทสีน้ำเงินเสื้อนอกกางเกงสวมรองเท้าผ้าใบกำลังนั่งไขว่ห้างพลางบีบคอของก็อบลินจนตาทั้งสองดวงทะลักออกมาห้อยอยู่ตรงแก้ม

“แกเป็นใครบอกมาเดี๋ยวนี่!”

“ผมคือใคร? ไม่สิเดี๋ยวก่อนนะ”

มันวางก็อบลินอยู่ข้างตัวเหมือนให้นั่งด้วย แล้วจึงจัดเนกไทใหม่

“แกฟังฉันอยู่หรือเปล่า!?”

“ฟังอยู่ ฟังอยู่ ช่วยกรุณารอแปบนะท่าน”

มันพูดพลางจัดเนกไทให้เรียบร้อยโดยไม่สนใจเฮนรี่

“รินนายรู้จักผู้ชายคนนี้บางไหม?”

“ไม่เลย…นี่ก็เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก”

ผมไม่เคยเจอผู้ชายคนนี้มาก่อน ดูจากการแต่งตัวก็บอกได้ไม่ยากว่าเป็นคนที่มาจากโลกของผม

ถ้าให้พูดให้เข้าใจในอีกความหมายหนึ่งคงประมาณว่าถ้าให้ไปเดินรวมกลุ่มกับผู้คนภายในเมืองคงกลายเป็นของแปลกตาทันทีเลย

แต่ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องนั้น

แต่เป็นเรื่องที่มันเห็นปืนผมแล้วแต่ยังเฉยได้ต่างหาก

และกำลังแขนนั่นที่บีบคอก็อบลินตายคามือได้

เห็นได้ชัดเลยว่ามันคือตัวการที่ฆ่าพวกก็อบลินตามทางที่ผ่านมา

มันไม่ใช่คนทั่วไปแน่

และที่สำคัญกว่านั้นคือ มันมายังโลกแห่งนี้ได้ยังไง

ผมกำด้ามปืนแน่นเตรียมพร้อมยิงได้ทุกเมื่อ

“เอาล่ะเสร็จแล้ว”

“คราวนี้แกจะบอกได้หรือยังว่าแกเป็นใคร”

“ผมคือใคร? ถ้างั้นแล้วขอแนะนำตัวเลยแล้วกัน ผมมีชื่อเรียกว่าเปอร์เซ็นต์เป็น คนขององค์กร”

“คนขององค์กร?”

“รินมันยังไงกันกับคำว่าองค์กรน่ะ?”

ถ้าคนตรงหน้าคือคนขององค์กรก็พอจะอธิบายอะไรได้แล้ว

เรื่องที่ว่าทำไมพวกเราสี่คนถึงถูกส่งมาที่นี่

ก็เพื่อจะได้แยกพวกเราออกจากกันแล้วจัดการสินะ

“มันคือพวกเดียวกันกับแม่มด”

“พวกเดียวกันกับแม่มด?”

“หืม…อย่างนี้นี่เอง อย่างนี้นี่เอง เข้าใจละเธอคนนั้นส่งพวกคุณมาสินะ”

“อย่ามาทำเป็นไม่รู้!”

“แหมไม่ต้องใส่อามรณ์ขนาดนั้นก็ได้ เรื่องที่ว่าพวกคุณทั้งสี่คนถูกส่งมายังโลกนี้ ผมไม่มีเอี่ยวด้วยหรอกนะ”

“หมายความว่าไง”

“ก็หมายความว่าผมไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องพวกนี้ไง ใช่แล้วผมไม่รู้เลย”

“โกหก!”

“จริงๆ นะไม่ได้โกหกเลย การกระทำของเธออยู่นอกเหนือจากคำสั่งของทางองค์กร แต่แบบนี้อาจจะดีก็ได้ พวกคุณติดอยู่ที่โลกนี้แล้วก็กลับไปโลกเดิมไม่ได้ ก็ไม่เลวนิ ไม่เลว ต้องชมเธอจริงๆ ไอเดียไม่เลวเลย”

“แล้วแกมาที่นี่ได้ยังไงกัน ถ้าไม่มีส่วนเกี่ยวกับแม่มด!”

“มาที่นี่ได้ยังไง ใช่ผมมาที่นี่ได้ยังไงกันนะ”

ผมชี้ปืนไปที่มัน

“อย่ามากวนตีน”

“ก็ได้ๆ บอกก็ได้ ด้วยเจ้านี่ไง”

เปอร์เซ็นต์หยิบกล่องบางอย่างขึ้นมา มันเป็นกล่องรูปทรงสี่เหลี่ยมธรรมดาแต่สามารถเปล่งแสงสีเหลืองออกมาได้ มันกุมเอาไว้ในมือซ้ายแล้วทำมือวนไปมาเป็นลักษณะของวงกลม

“ก็เจ้านี่แหละผมเลยสามารถมายังโลกแห่งนี้ได้ แต่คุณเองก็คงอยากจะถามสินะว่า ถ้ามันสามารถพาผมมายังโลกแห่งนี้ได้ มันจะสามารถส่งผมกลับไปได้หรือเปล่า คำตอบคือใช่มันสามารถส่งทั้งคุณและผมกลับไปได้ กลับไปยังโลกที่เราต่างก็ได้จากมา แต่คุณคงไม่คิดอะไรโง่ๆ อย่าง ‘ส่งมันมานะ!’ อะไรประมาณนั้นใช่ไหม เพราผมเองก็ไม่กะจะให้มันกลับคุณด้วย”

“แล้วแกที่สามารถไปกลับโลกของรินได้ มีธุระอะไรถึงได้ตามรินมาล่ะ?”

“ว่าเถอะคุณเป็นใครกัน? ผมไม่รู้จักคุณสินะ แต่เอาเถอะยังไงก็ไม่สำคัญอยู่แล้วล่ะ ใช่ ไม่สำคัญเลยว่าผมจะรู้จักคุณหรือไม่ กลับกันการที่คุณรู้จักผมก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ก็อย่างที่ว่าไปแหละ ก็มีธุระอยู่แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณเพราะชะนั้น-”

เสี้ยววินาทีนั้นเองร่างของเปอร์เซ็นต์เคลื่อนมาโผล่ตรงหน้าของเฮนรี่อย่างรวดเร็วจนทั้งผมและเขาต่างก็ตั้งตัวไม่ทัน

“ไปให้พ้น”

“!?”

“5 เปอร์เซ็นต์”

วินาทีนั้นเองขาข้างซ้ายของเปอร์เซ็นต์ก็เคลื่อนมาหยุดอยู่ตรงข้างหัวของเฮนรี่ ต่อมาเท้าข้างซ้ายได้กระทบเข้ากับหน้าของเขาจนหัวเฮนรี่หันไปพร้อมกันกับการบิดตัวเตะของเปอร์เซ็นต์ พาร่างทั้งร่างของเฮนรี่ลอยไปชนทะลุต้นไม้จนลำต้นแตกหักและโค่นลงไปพร้อมกันกับอีกหลายๆ ต้นก่อนที่จะเงียบไปกับเศษฝุ่นควันที่กระจายตัวขึ้นสู่ท้องฟ้า

เตะส่งเฮนรี่ไปก็ยังค้างท่าเตะอยู่พลางเอียงคอหันมองมาหาผมก่อนที่จะวางขาตัวเองลงแล้วมาตั้งท่าเหมือนปกติ

ดวงตาทั้งสองข้างของมันต่างเปล่งเป็นสีแดงเหมือนกับว่าได้ตอบรับกับการกระทำเมื่อครู่ไป

ตอนนี้นั้นดวงตาของมันก็ได้เปลี่ยนมาเป็นสีแดงแล้ว และกำลังมองมาตรงหน้าผมด้วยใบหน้ายิ้มวิกลจริต

หน้าที่แฝงความโรคจิตนั้นน่ากลัวที่จะมองจนผมเผลอผงะไปข้างหลังโดยไม่รู้ตัว

หน้าแบบนั้น

ใบหน้าแบบนั้น

สีหน้าแบบนั้น

เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ

ใช่ผมเคยเห็นมันมาก่อนเหมือนกัน

หน้าแบบนั้น เหมือนกับของเธอคนนั้น

ของแวมไพร์ตนนั้น

ของแมรี่ตอนกำลังจะเอาจริง!

“หึๆ โทษที คนนั้นมันเกะกะน่ะ”

“แก!!”

ผมชี้ปืนเล็งยิงไปสามสี่นัดก็ถูกมันเดินมาใช้มือฟันลงมาที่ข้อมือทั้งสองข้างของผมจนมือซ้ายหักเบี้ยวชี้ไปคนละทิศกับที่ผมต้องการแล้วแย่งปืนผมบีบมันจนชิ้นส่วนทั้งหมดแตกออกจากกันกลายเป็นเพียงเศษเหล็ก

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!”

ผมตะโกนร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดมือซ้ายของผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว กลับกันมันที่ถูกกระสุนเข้าถึงสี่นัดกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย

ผมเปลี่ยนมาใช้ขาหมุนตัวเตะเข้าที่สีข้างมัน

กลับกลายเป็นว่าขาของผมหักจนข้อเท้างอ

อึก!

ตัวมึงทำมาจากอะดาแมนเที่ยมหรือวะ!

“แปลกจังเลยนะครับ คุณไม่ใช้ดาบสู้เหรอ? อ่อเข้าใจละ คุณทำมันหายสินะ”

“บัดซบ!!”

ผมกำหมัดขวาสุดแรงออกตัวไปข้างหน้า

“โห่”

ใส่สุดแรงง้างหมัดขวาอัดเข้าหน้าของมันแต่ทว่า

“!?”

มือขวาของผมหักทันทีที่ได้สัมผัสเข้ากับหน้าของมันความล้มเหลวนั้นพาร่างของผมล้มลงพื้นเพราะทรงตัวไม่ได้

ผมจึงพลิกตัวหันกลับไปมองมันระหว่างที่กำลังพยายามใช้ขาขวาข้างเดียวดันร่างทั้งร่างของผมให้ลุกขึ้น

“บ้าเฮ้ย!!”

พลังอะไรกัน!? ปาฏิหาริย์แบบไหนกัน!?

“ความพยายามสูงดีนิครับ แต่การโจมตีสามัญธรรมดาทำอะไรผมไม่ได้หรอกนะครับ”

บ้าเฮ้ย! ถ้าผมมีดาบละก็

ถ้าผมมีดาบของผมละก็!

“เอาละ”

มันเอื้อมมือลงมาหาหน้าผม

สิ้นหวังแล้วทุกอย่าง

เจ้าก็อบลินตัวนั้นเห็นภาพอย่างนี้ก่อนจะตายนี่เอง

บ้าเฮ้ยยยยย!!

แต่ทันใดนั้นก็ปรากฏแสงสีฟ้าพุ่งตรงเข้าปะทะกับลำตัวของเปอร์เซ็นต์อย่างจัง จนซัดตัวของมันออกห่างจากผม เนื่องจากมันเกิดขึ้นอย่างกะทันหันทั้งผมและมันจึงค้างอยู่กับสีหน้าของความตกตะลึง ต่างคนต่างมองไปยังที่เดียวกัน

จุดเดียวกัน

ทิศทางเดียวกัน

มุมมองเดียวกัน

คือ…

ตรงกลางกลุ่มก้อนของแสงที่กำลังเปล่งอยู่

“!?”

“โห่ ผมคงดูถูกคุณไม่ได้สินะ”

กลุ่มควันถูกดูดไปยังจุดกึ่งกลางของแสงนั้น และเปลี่ยนพวกมันทั้งหมดเป็นลูกไฟขนาดยักษ์ที่ส่องเปลวเพลิงอันร้อนระอุไปทั่วทั้งพื้นที่

และผู้ที่กำลังควบคุมมันอยู่ก็คือ

“อย่ามาดูถูกจอมเวทอย่างข้า”

ใช่

เฮนรี่นั้นเอง

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา