รักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ (Re-Write)

8.0

เขียนโดย ภรณ์นิชา

วันที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560 เวลา 12.19 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,756 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 11.48 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) 3 | ซาร่า (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

รักหมดใจ...เจ้าชายกระดาษ

3 | ซาร่า (100%)

 เว็บขีดเขียน

'ปริ๊นซ์นี่น่ารักจัง ตามใจซาร่าตลอด' - ซาร่า

 

     ปรากฏว่าตั้งแต่ปริ๊นซ์สั่งให้เลิกถลึงตาใส่เขา จนจบวิชาสุดท้ายของช่วงเช้า เขาก็ไม่แยแสฉันอีกเลย

     เสียใจนะ! ฉันดีใจแทบตายที่ได้เจอเขาน่ะ

     “ต้นข้าววว ไปโรงอาหารกัน” น้ำค้างเรียกฉันเสียงใสก่อนจะถลามาเกาะที่โต๊ะแล้วยิ้มเผื่อแผ่ไปให้ปริ๊นซ์ที่นั่งข้างๆ 

     “ปริ๊นซ์ไปทานข้าวด้วยกันมั้ย”

     เขาหันมามองฉันเพียงเสี้ยววินาที แล้วส่ายหน้านิดๆ

     มองแบบนี้หมายความว่ายังไงยะ หมายถึง ‘ฉันไม่อยากไปกับยัยโรคจิตนี่หรอก’ งี้เหรอ!?

     “งั้นไม่เป็นไรเนอะ” น้ำค้างหัวเราะแห้งๆ แล้วหันมาดึงมือฉันให้ลุกจากโต๊ะแทน

     “ฉันรู้ว่าแกมีความลับ!” เมื่อห่างจากโต๊ะที่ปริ๊นซ์นั่งพอสมควร น้ำค้างก็ทำท่าเจ้าเล่ห์ก่อนจะกระซิบเสียงเบา “จริงๆ แล้วแกเคยรู้จักปริ๊นซ์มาก่อนใช่มั้ย!?”

     เมื่อเห็นฉันทำหน้างง  เธอจึงทำปากจิ๊จ๊ะแล้วขยายความต่อ

     “ก็รูปผู้ชายที่ติดเต็มฝาผนังห้องแกไง ถ้าฉันจำไม่ผิด หน้าในรูปกับที่นั่งอยู่ตรงนั้น เหมือนกันอย่างกับแกะแถมชื่อก็ยังคล้ายกันอีก ถ้าไม่ให้คิดว่ารู้จักกันมาก่อนจะให้ฉันคิดว่าไง้”

     ฉันฟังประโยคยาวเหยียดนั้นก่อนจะถอนใจเฮือก ตั้งใจจะเล่าสิ่งที่ได้ลงมือทำไปเมื่อสองวันก่อน แต่ยังไม่ทันได้อ้าปากเสียงเลื่อนเปิดประตูห้องเรียนก็ดังขึ้น

ครืด

     “ฮายยย ปริ๊นซ์”

     เสียงทักทายปริ๊นซ์ที่ติดสำเนียงฝรั่งนิดๆ ดังขึ้น ก่อนจะตามมาด้วยร่างสง่าของหญิงสาวผมดัดลอนสีน้ำตาล เธอเดินหลังตรงมาที่โต๊ะข้างๆ ฉัน โดยไม่ได้สนใจสายตาของคนรอบข้างที่มองอย่างตกตะลึงสักนิด

     ผู้มาเยือนคนใหม่มีใบหน้าที่จัดได้ว่าเก๋ หน้าเรียวนั้นประกอบไปด้วยริมฝีปากเป็นกระจับ จมูกโด่งสวย และที่เด่นที่สุดคือตาเรียวที่เฉียงขึ้นนิดๆ รับกับคิ้ว ทำให้ใบหน้านั้นดูเหมือนนางพญา มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม

     นี่ยังไม่นับหุ่นและความสูงที่มากกว่าฉันอย่างน้อยๆ สิบเซนติเมตรนั่นอีกนะ

     เธอคือนักเรียนใหม่อีกคนที่เดินชนฉันแล้ววิ่งไปหาปริ๊นซ์เมื่อเช้านี้ไง

     “ซาร่าไม่ได้มาขัดจังหวะอะไรใช่มั้ย” เธอเลิกคิ้วพร้อมยกยิ้มมุมปากให้พวกเรา

     “ไม่เลย เราแค่กำลังชวนปริ๊นซ์ไปทานข้าวด้วยกันน่ะ แต่โดนปริ๊นซ์ปฏิเสธเรียบร้อย” น้ำค้างพูดขึ้นพร้อมหัวเราะแห้งๆ

     “อ๋อ ถ้าอย่างนั้นซาร่าไปด้วยสิ ถ้าซาร่าไป ‘มายปริ๊นซ์’ ต้องไปแน่นอน” เธอเน้นคำว่า ‘มายปริ๊นซ์’ อย่างหนักหน่วงก่อนจะพูดต่อ

     “คือซาร่ามาโรงเรียนวันแรก ไม่รู้จักใครเลยนอกจาก ’มายปริ๊นซ์’ยิ่งถูกจับแยกคนละห้องแบบนี้ ซาร่ายิ่งโซแซดดด” 

      ฉันและน้ำค้างต่างสบตากันแล้วยิ้มแบบแห้งแล้ง นี่ไม่ได้มีแค่ฉันที่รู้สึกเอือมแปลกๆ สินะ

     “จะไปกันได้ยัง ถ้าไม่ไป ฉันจะได้ไปก่อน” ปริ๊นซ์ที่นั่งเงียบอยู่นานลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ทำเอาฉันต้องแหงนคอตั้งบ่าเพื่อมองหน้าบูดๆ ของเขา

     ยิ้มสักหน่อยจะตายหรือไง ชิ!

     “โอ๊ะ ซาร่าไปอยู่แล้ว” ซาร่ากระโดดเกาะแขนปริ๊นซ์พร้อมยิ้มอ้อน “สรุปไปด้วยกันใช่ม้า ปริ๊นซ์นี่น่ารักจัง ตามใจซาร่าตลอด”

     ทุกอย่างมันดูน่ารักไปหมด แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกแบบนี้นะ ฮือๆ

     “พวกเธอช่วยเป็นไกด์ให้เราหน่อยได้มั้ยจ๊ะ” ซาร่ามองมาทางฉันและน้ำค้าง พลางยิ้มพร้อมเลิกคิ้ว ที่ดูเหมือนจะเป็นสไตล์ส่วนตัวของเธอ

     “โอ๊ะ ได้อยู่แล้วว” แน่นอนว่านาดาผู้เป็น ‘นางงามมิตรภาพแห่งเขมินทรา’ ก็ไม่พลาดรีบคว้าโอกาสนั้นทันที

     ได้ยินอย่างนั้น ฉันจึงเริ่มออกเดินนำไปโรงอาหาร ทิ้งระยะห่างจากคนคู่หลังพอสมควร เพื่อหลีกหนีบทสนทนาน่ารักกุ๊กกิ๊กเหล่านั้น

     “ซาร่ากับปริ๊นซ์เป็นแฟนกันเหรอ”

     แต่เพื่อนรักก็ทำตัวเหมือนแกล้งกัน เมื่อเดินมาได้สักพักอยู่ๆ ยัยน้ำค้างก็หันหลังกลับไปถามคนคู่หลังแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนฉันสะดุ้งโหยงหันไปมองซาร่าเตรียมขอโทษแทนเพื่อนสนิททันที

     รู้จักกันไม่ถึงห้านาทีก็ไปเผือกเรื่องของเขาซะแล้ว!

     และที่สำคัญ ไม่ได้อยากรู้เล้ยยย

     หากแต่เสียงหัวเราะของซาร่ากลับดังขึ้นมา ก่อนจะเธอโบกนิ้วชี้ไปมาแล้วบอกพวกเราเสียงดังฟังชัดว่า

     “โนๆ ไม่ใช่แฟน”

     ฉันแอบเห็นยัยน้ำค้างถอนหายใจโล่งอก และแปลกที่ฉันก็แอบถอนหายใจไปด้วย ก่อนจะชะงักค้างไปเมื่อซาร่าพูดต่อ

     “เป็นเพื่อนที่รู้ใจต่างหาก เนอะมายปริ๊นซ์”

     พูดเสร็จเธอก็เขย่าแขนคนข้างๆ หาแนวร่วม ซึ่งเขาก็ไม่ได้พูดอะไร มีเพียงแต่รอยยิ้มน้อยๆ มอบให้ ทำให้พอจะเข้าใจว่า ‘เพื่อนที่รู้ใจ’ นั้นลึกซึ้งขนาดไหน

     น่าแปลกที่จู่ๆ สองความรู้สึกก็โถมเข้ามาหาฉันทันทีที่เห็นรอยยิ้มนั้นอีกครั้ง

     อย่างแรกคือรู้สึกเสียใจ

     อย่างที่สองคือน้อยใจ

     ยิ้มแค่นั้น ยิ้มให้ฉันบ้างไม่ได้หรือยังไงกัน

     สาบานว่าฉันไม่ใช่คนขี้อิจฉา แต่ใบหน้าของผู้ชายที่กำลังอมยิ้มน้อยๆ ให้ซาร่า มันก็คือหน้าเดียวกันกับที่โปรยยิ้มให้ฉันตลอด 4-5 ปีมานี้

     ถึงแม้จะเป็นแค่รอยยิ้มในฝัน และยังไม่มีอะไรยืนยันว่าเขาคือคนที่ฉันรู้จัก

     แต่ฉันกลับรู้สึกหวง… หวงรอยยิ้มนั้น

     ฉันพยายามข่มใจ แยกความฝันกับความจริงออกจากกัน แล้วหันหลังกลับมาเดินต่อ พยายามไม่สนใจเสียงหงอยๆ ของน้ำค้าง

     “งี้คนคงอกหักกันทั้งโรงเรียน”

     “โอ้ย ไม่มีคนสนใจเราสองคนขนาดนั้นหรอก” ซาร่าหัวเราะกิ๊ก พร้อมกับน้ำค้างที่หัวเราะแห้งๆ ตอบรับประโยคนั้น

     “ไม่สนใจกับผีน่ะสิ” น้ำค้างบ่นงุบงิบก่อนจะหันมากระทุ้งศอกถาม “แกเองก็สนใจล่ะสิ”

     ฉันที่ได้ยินอย่างนั้นถึงกับส่ายหน้าหวือ

     “จะไปสนใจทำไมล่ะ ใครจะเป็นอะไรกับใคร มันก็เรื่องของเขา”

     “เอ้า เก๊าะไม่รู้ใครหรอกน้า ที่แอบชอบเขาแล้ววาดรูปเขาติดเต็มผนังอะ” น้ำค้างทำหน้าล้อเลียน ก่อนจะหัวเราะร่าเมื่อถูกฉันตีเข้าที่ต้นแขนทีสองที

     “ไม่ใช่อย่างที่แกคิดล่ะกัน”

     “เอ้อๆ ฉันมโนไปเอง ขอโทษๆ” เธอพูดติดตลกก่อนจะหันหลังกลับไปมองชายหญิงที่เดินตามหลัง “ฉันไปชวนสองคนนั้นคุยบ้างดีกว่า ไม่ได้เป็นกิ๊ก ขอแค่ผูกมิตรก็ยังดีเนอะ”

     ว่าแล้วเธอก็ผละออกไปชวนทั้งซาร่าและปริ๊นซ์คุยเรื่องสัพเพเหระจนถึงโรงอาหาร

 

 

     การผูกมิตรของยัยน้ำค้างเป็นไปได้ด้วยดี ซาร่าดูชอบอกชอบใจความเฮฮาและช่างพูดของ ‘นาดานางงามมิตรภาพ’ มาก แถมยังสัญญาว่าจะแวะมาหาทุกพักเที่ยงอีกต่างหาก  

     แต่สำหรับเจ้าชายเย็นชาอย่างปริ๊นซ์และป้าแว่นอย่างฉัน ก็ยังคงอยู่ในสถานการณ์กระอักกระอ่วนเหมือนเดิม ไม่มีบทสนทนาใดๆ ระหว่างเขาและฉันอีก

     พอเข้าช่วงบ่าย ครูแต่ละวิชาก็แสนจะขยันให้เขาลุกขึ้นแนะนำตัวซะเหลือเกิน เหอะ ก็จะไม่เป็นอะไรหรอก ถ้ากลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ นั้นก็จะไม่ขยันลอยมาเตะจมูกให้ใจเต้นบ่อยๆ ยันคาบสุดท้ายเหมือนกันน่ะ!

     เขาอาจจะไม่ได้หลุดออกมาจากกระดาษนั่น ไม่ได้เป็นปริ๊นซ์ของฉัน และที่สำคัญ…

     เขามี ‘เพื่อนที่รู้ใจ’ แล้ว!

     ท่องไว้สิต้นข้าว!

     “แว่น”

     เสียงแบบนี้เอาไว้ฟังในฝันคนเดียวก็ได้

     “แว่น”

     แต่ทำไมเพื่อนรู้ใจคนนั้น ไม่เป็นฉันนะ T_T

     “ยัยแว่น!”

     ฉันสะดุ้งโหยงรีบหันขวับไปทางต้นเสียงทันที

     และถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจะไม่รีบร้อนหันไปจนแว่นสะบัดขนาดนั้น

     เพราะมัน…

     “โอ๊ย!”

     เพราะมันทำให้ผมหางม้าฉันเหวี่ยงไปฟาดใส่ตาปริ๊นซ์ซะเต็มเหนี่ยวน่ะซี๊!!

     ทำไมดวงซวยขนาดนี้ฮะยัยต้นข้าว!

     “ว้าย ฉันขอโทษๆๆๆ”

     ฉันละล่ำละลักออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นปริ๊นซ์ก้มลงไปกุมตาทั้งสองข้าง เลยพยายามใช้มือข้างนึงแงะมือใหญ่ที่กำลังปิดตา หวังช่วยดูอาการ ส่วนมืออีกข้างก็กำผมหางม้าเจ้าปัญหาไว้แน่น กันซ่าไปฟาดเบ้าตาใครอีก

     “นี่โรคจิตแล้วยังซาดิสท์อีกเหรอแว่น”

     ปริ๊นซ์ขืนตัวออกจากมือฉันแล้วกล่าวหากันด้วยตาแดงก่ำ นัยน์ตาดูเหมือนมีน้ำตาคลออยู่น้อยๆ

     “ฉะ ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ”

     “เออๆ ช่างเหอะ” เขาบอกปัดก่อนจะเงยหน้ากระพริบตาถี่ๆ แล้วว่าต่อ “เวลาเธอตกใจแล้วเบิ่งตา ดูน่ากลัวชะมัด”

     ฉันชะงักไปกับคำพูดร้ายๆ ความเป็นห่วงทั้งหมดทั้งมวลหายวับไปในอากาศ ก่อนจะเม้มปากน้อยๆ แล้วสะบัดเสียงใส่

     “แล้วที่เรียกน่ะมีไร”

     “จะยืมสมุดไปลอก”

     “ยืมฉันเนี่ยนะ?”

     “ใช่ น้ำค้างแนะนำมา” ปริ๊นซ์ว่าพลางพยักเพยิดไปทางน้ำค้างที่กำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรสักอย่างคิ้วขมวด

     ฉันถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ถ้าไม่คิดจะมาลอกงานกันก็คงไม่คิดจะพูดด้วยสินะ

     ดีเลย! ใช้โอกาสนี้แหละ อย่างน้อยก็น่าจะลบล้างการเริ่มต้นที่ขาดๆ เกินๆ เมื่อเช้าได้นะ

     “ได้” ฉันหยิบสมุดออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะแล้วยื่นให้ปริ๊นซ์ ก่อนจะชักมือกลับเมื่อคิดอะไรออก

     “ฉันให้ยืมได้แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

     ปริ๊นซ์เลิกคิ้วสูงก่อนจะกลอกตาอย่างเอือมๆ พร้อมเท้าแขนกับโต๊ะ ถามเสียงเบื่อๆ

     “จะขอวาดรูปฉันหรือไง?”

     โอ๊ย อีตาบ้านี่!

     “ไม่ใช่!” ฉันแหวใส่ ก่อนจะสูดหายใจเข้าลึก ท่องไว้ ผู้หญิงอ่อนโยนๆ

     “ฉันแค่อยากจะขอให้นายเชื่อว่าฉันไม่ได้โรคจิต ฉันไม่ได้คิดไม่ดีกับนาย”

     “แต่เธอเป็นคนพูดเองนะแว่น ว่าเป็นคนวาดรูปฉันออกมาติดเต็มผนัง ไม่คิดว่าโรคจิตจะให้คิดว่ายังไง?”

     “มัน…ก็ใช่ แต่มันไม่ใช่ในแบบที่นายคิด”

     “งั้นแบบไหน”

     “นายเป็นเหมือนเพื่อนฉันคนนึง เหมือนคนที่ฉันรู้จักมานาน”

     “เพื่อน? รู้จักกันมานาน? ไม่ยักรู้ว่าเราเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้”

     ปริ๊นซ์ยกมือค้ำหัว ดูติดเหมือนจะรำคาญ ยิ่งเห็นท่าทีของเขาแล้วฉันยิ่งอ้ำอึ้ง เพราะเขาดูไม่พร้อมจะเชื่ออะไรเลยสักนิด ไม่ต้องพูดถึงเรื่องกระดาษพิลึกนั่นเลย

     ผ่านไปครู่หนึ่ง ปริ๊นซ์ก็ถอนหายใจออกมาแล้วตัดบท

     “อ่ะๆ จะอะไรก็แล้วแต่ล่ะกัน เอามาให้ได้ยัง?” เขาว่าพลางชี้มาที่สมุดในมือฉัน

     ทันทีที่ฉันยื่นสมุดไปให้ เขาก็พูดขอบคุณสั้นๆ แล้วสะพายกระเป๋าลุกพรวดไปหาซาร่าที่ยืนรออยู่แล้วที่ประตูหน้าห้องอย่างรวดเร็ว

     …ไปซะแล้ว…

     ถ้าเป็นในการ์ตูนก็คงมีตัวอักษรคำว่า ‘FAIL’ หล่นลงมาทับหัวฉันดังปังอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ได้อะไรเลย ทั้งมิตรภาพ ทั้งคำพูดดีๆ และรอยยิ้มที่เคยฝันถึง

     ไม่น่าเชื่อว่าใบหน้าที่ยิ้มให้ฉันตลอด พอมาทำหน้าบึ้งแล้วก็…รู้สึกแย่ดีเหมือนกันนะ เฮ้อ

 

---------------------- (100%)

 

คนนึงคุ้นเคยมานาน พอได้เจอก็อยากจะระบายความคิดถึงที่มี แต่อีกคนกลับไม่คุ้น เจอการจู่โจมมากเข้าก็รู้สึกรำคาญ
เป็นกำลังใจให้สาวแว่นกันดีกว่า ขอให้เจาะกำแพงความสัมพันธ์นี้ไปได้
 
เพื่อนๆ ล่ะคะ หมั่นไส้ผู้ชายหน้าหล่อแต่ขี้รำคาญคนนี้มั้ย 
ถึงยังไงก็อย่าเพิ่งเอาทุเรียนมาปาใส่เด้อออ ถึงเวลาน่ารักนี่งานดีแน่นอน 555
 
รัก
ภรณ์นิชา
 

กดติดตาม/คอมเม้นต์ เป็นกำลังใจให้นักเขียนตัวเล็กๆ คนนี้ด้วยนะคะ เลิฟฟ
 
เว็บขีดเขียน
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา