Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม

8.0

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.

  13 ตอน
  4 วิจารณ์
  8,099 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) บททดสอบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ที่นี่คือ โรงเรียนเวทมนตร์ ฟีนิกส์

แต่ถึงจะมีชื่อเสียงยังไงคนส่วนใหญ่ก็ไม่มีโอกาสได้ยลโฉมของมันแม้แต่ยอดหลังคา เพราะอะไรน่ะเหรอ

“ยินดีต้อนรับสู่ฟีนิกส์”

จากป่าทึบได้ค่อยๆสลายออกเป็นเส้นทางที่สวยงามและทอดยาวเข้าไปยังปราสาทสีขาวท่ามกลางหุบเขา ใช่…ที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นมันก็เพราะโรงเรียนนี้จะเลือกคนด้วยตัวของมันเองไงล่ะ

"เอาล่ะ ตามมา"

ไรเกอร์เดินนำทางไปก่อน ตามด้วยเหล่าลูกศิษย์ที่เหลือ ปราสาทสีเทาที่ยื่นออกมาจากภูผาหินสูงชะลูด

"สวยจังเลย"

"เชอะ ลาริแมร์ของฉันสวยกว่านี้เยอะ"

"จริงเหรอ ไรรีย์"

"แน่นอนสิ ไว้คราวหน้าไปเที่ยวบ้านฉันกันเถอะนะ เซเลีย"

"จริงนะ"

เซเลียตาเป็นประกาย แต่ฉับพลันก็ถูกบดบังด้วยก้างขวางคอตัวใหญ่

"เซเลียอยู่ที่ไหนฉันก็อยู่ที่นั่นด้วย น่ากลัวว่าการชวนของเธอจะแห้วซะแล้วมั้ง"

"ช่างนายสิ"

ไรรีย์ทำหน้ามุ่ยสะบัดเดินนำหน้าไปไม่สนใจใคร

"ท่าทางเขาจะไม่ชอบนายเอามากๆเลยนะ"

เซเลียเงยหน้ามองเพื่อนสนิทที่ส่วนสูงเหนือกว่า ทว่าคีระไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้นแล้วตั้งแต่เข้ามาในเขตโรงเรียน เขาก็ดูจะทำตัวติดเธอเป็นพิเศษ

"มีอะไรงั้นเหรอ"

"ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เธอเองก็เถอะ อย่าได้เที่ยวไปตีสนิทกับคนนั้นทีคนนี้ทีจะได้ไหม เห็นแล้วมันขัดลูกตายังไงก็ไม่รู้"

"นายนี่มันยังไงกันนะ ที่นี่เป็นโรงเรียน ถ้ามาเรียนแล้วไม่มีเพื่อนเลยมันก็แปลกไม่ใช่เหรอ"

"เธอนี่มันอ่อนต่อโลกจริงๆเล้ย เอาเป็นว่าอย่าอยู่ห่างฉันก็แล้วกัน"

"จ้า"

เซเลียไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับคีระอีกและยอมทำตามไปงั้นๆ

ไรเกอร์นำทางนักเรียนมาที่ห้องโถงของปราสาท ซึ่งมีนักเรียนจำนวนมากกำลังยืนคุยกันเจี๊ยวจ๊าว ต่างคนต่างที่มา ไม่มีใครมองออกว่าแปลกประหลาดหรือไม่แปลกประหลาด

และบนเวทีที่อยู่สูงขึ้นไปจากพื้นโถงแค่บันไดสามขั้นนั้น ก็มีเหล่าอาจารย์ที่ล้วนแล้วแต่บอกดีกรีความเก่งกาจเอาไว้ กำลังยืนมองลงมา ราวกับว่ากำลังใช้สายตาคัดสรรลูกศิษย์ที่ใช้ได้อยู่ และหนึ่งในนั้นก็มีอาจารย์คนหนึ่งเดินออกมายืนอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีทองซอยสั้นรับกับใบหน้าที่ยังสาว สวมสูทกางเกงสีดำเข้ารูปดูแล้วเธอไม่น่าจะเกินสามสิบต้นๆ

"สวัสดีเหล่านักเรียนผู้มีเกียรติทุกท่าน"

เสียงก้องกังวานโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องกระจายเสียงใดๆ ทำให้ทั้งห้องโถงเงียบกริบภายในเวลาไม่กี่วินาที ทุกสายตาจดจ้องไปที่อาจารย์สาวที่ยืนเด่นอยู่ตรงหน้าเหล่าอาจารย์บนเวที และเธอก็เริ่มกล่าวปราสัยถึงประวัติอันยาวนานจนน่าเวียนหัว ผ่านไปหลายนาทีและสุดท้ายก็ถึงบทสรุป นั่นก็คือการเข้ารับบททดสอบคุณสมบัติที่จะได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเวทมนตร์ฟินิกส์

"บททดสอบจะขึ้นอยู่กับด่านที่พวกเธอจะต้องเจอ และฉันอยากจะบอกเอาไว้ด้วยความหวังดีอย่างสุดซึ้งว่า สิ่งที่รอพวกเธออยู่ไม่ใช่เวทมนตร์ทั่วไปที่พวกเธอเล่าเรียนมาจากข้างนอกนั้นหรอกนะ เพราะฉะนั้นฉันมีทางเลือกให้พวกเธอสองทาง

หนึ่งคือถอนตัวและกลับบ้านไปซะตั้งแต่ตอนนี้ หรือสองเข้าสู่บททดสอบของโรงเรียนว่าพวกเธอมีคุณสมบัติที่จะอยู่ที่นี่รึเปล่า  แน่นอนว่าโรงเรียนจะเลือกคนที่เหมาะสมเท่านั้น.....การทดสอบจะมีขึ้นในอีกสิบนาที พวกเธอมีเวลาตัดสินใจสิบนาทีเท่านั้นว่าจะเก็บกระเป๋าแล้วเดินออกไปด้วยร่างกายที่ครบสามสิบสอง หรือว่าจะอยู่เพื่อทดสอบความคู่ควร ขอให้พวกเธอทุกคนโชคดี"

แล้วครูสาวคนนั้นก็หันหลังเดินกลับไปยืนอยู่ในระดับเดียวกันกับพวกอาจารย์คนอื่น และหนึ่งในอาจารย์เหล่านั้นก็มีไรเกอร์อยู่ด้วย ดวงตาสีขี้เถ้าฉายแววซุกซนไม่สมวัย จับจ้องมาที่เซเลียอย่างเปิดเผย

เกิดเสียงดังระงมราวกับกบหน้าฝนขึ้นในห้องโถง และผลสรุปออกมาภายในไม่กี่นาที นักเรียนบางส่วนเลือกที่จะรักษาชีวิตตัวเองและเก็บกระเป๋าสัมภาระเดินจากไป ส่วนที่เหลืออยู่ในห้องโถงนั้นก็มีทั้งพวกที่แข็งแรงยกเหล็กได้เป็นตันหรือไม่ก็ร่ายเวทมนตร์ที่เสกสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้ด้วยมือข้างเดียว กำลังโอ้อวดความสามารถของตัวเองเพื่อข่มขวัญกันอยู่ และด้วยจำนวนคนที่บางตาทำให้เซเลียมองเห็นโลเวล จาเลนและไรรีย์อยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง

"พวกนั้นท่าทางใช้ได้เลยนี่"

คีระพึมพำออกมาในขณะที่มองไปทางเดียวกับเซเลีย

"นายแน่ใจเหรอว่าจะอยู่ต่อ"

"เธอล่ะ"

เซเลียคิดผิดจริงๆที่ถาม แน่นอนอยู่แล้วว่าเธอต้องอยู่ต่อ เพราะไม่ว่าจะยังไงเธอไม่มีทางที่จะกลับไปที่คะยาแน่นอน คีระเองก็คงไม่ยอมกลับอาณาจักรซาลันแน่ ตราบใดที่เซเลียยังอยู่ที่นี่

"เริ่มบทสอบได้ ณ บัดนี้"

เสียงโทนเดิมดังก้องไปทั้งห้อง

"ไปหากลุ่มของโลเวลกันเถอะ"

"ไปสิ"

ครืน!!!

"อะ! อะไร"

ไม่ทันที่จะได้ก้าวเท้าออกจากที่เดิม พื้นห้องโถงก็เริ่มสั่นคลอนและแยกชิ้นออกไปตามแนวกระเบื้อง

"เซเลีย ไม่เป็นอะไรใช่ไหม"

"ไม่เป็นไร"

พื้นห้องโถงที่สวยงามค่อยๆหายไปทีละชิ้น ทีละชิ้น ร่วงลงสู่เบื้องล่างที่ทั้งมืดและลึก เหล่านักเรียนที่เพิ่งอวดศักดาตัวเองไปเมื่อครู่ บางคนก็ร่วงหล่นลงไปพร้อมกับเศษกระเบื้องเหล่านั้น เสียงกรีดร้องโหยหวนดังระงมไปพร้อมๆกับเสียงของซากปรักหักพัง เซเลียทรงตัวอยู่บนกระเบื้องแผ่นเดียวที่ยังเหลือ ส่วนคีระและคนอื่นๆก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน

นี่น่ะเหรอบททดสอบที่ว่า....

ตอนนี้พวกเขากำลังทรงตัวอยู่บนยอดเสาตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางหุบเหวอเวจี ความมืดเบื้องล่างกับเสียงร้องโหยหวนของคนที่ตกลงไปเหมือนกำลังจะดึงเอาพลังวิญญาณของพวกเขาไปด้วย และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อมีนักเรียนหลายคนเริ่มทนแรงกดดันไม่ไหวและร่วงจากเสาลงไปข้างล่าง

"อย่ามองไปข้างล่างนะ"

เสียงกระซิบจากด้านหลังสะกิดเรียกสติของเซเลียกลับมา ไม่ใช่คีระ แต่เป็นจาเลนที่เสาที่เขายืนอยู่เลื่อนเข้ามาใกล้เซเลีย

"อะ อื้ม"

ตอนนี้เสาทุกต้นเลื่อนไปมาเหมือนหมากรุกบนกระดานจนน่าเวียนหัว ค่อยๆปัดนักเรียนลงไปเบื้องล่างที่ละคน ทีละคน

ทว่า....หากว่านี่คือการทดสอบมันคงจะง่ายเกินไปสำหรับฟีนิกซ์

ครืน!!!....

เสาต้นสุดท้ายที่เหล่านักเรียนยืนอยู่เริ่มแตกร้าว และถล่มลง

"อะ!"

"ทุกคนตั้งสติ!"

เสียงโลเวลดังก้อง นักเรียนทุกคนใช้เวทมนตร์ของตัวเองพยุงร่างกายเพื่อไม่ให้ดิ่งลงเหว ทุกคนใช้เวทมนตร์

โลเวลใช้พลังไม้สร้างรากไม้และเถาวัลย์เผื่อแผ่นักเรียนคนอื่นได้เกาะไปด้วย

พรึ่บ!

พรึ่บ!...

ไรรีย์พยุงตัวด้วยปีกโปร่งใสอยู่กลางอากาศเช่นเดียวกับจาเลนที่มีปีกงอกออกมาเหมือนนก

คีระเองก็ใช้ปีกโปร่งใสไม่ต่างจากไรรีย์เลย ทุกคนใช้เวทมนตร์แต่ยกเว้นเซเลีย

"กรี๊ดดดดดดดดดดด!!!"

พรึ่บ!

จาเลนเข้ามารับร่างของเซเลียเอาไว้และบินขึ้นไปยืนอยู่บนรากไม้ของโลเวล

"ขอบใจนะ"

".........."

ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝ่ายเช่นเคย ที่หลังจาเลนมีปีกสีขาวเหมือนนก ถึงจะเลือนลางมากก็เถอะ

"ระวังตัวด้วยทุกคน มันกำลังมา"

"อะไร"

"เจ้าพวกน่ารังเกียจ"

กี๊ซซซซซซ!!!!

เสียงแผดร้องแสบแก้วหูดังระงม มาพร้อมกับเสียงกระพือปีกพาร่างกายประหลาดที่เร้นกายอยู่ในเงามืดออกมาให้ได้ยลโฉม

สัตว์ประหลาดหลายสิบตัว รูปร่างเป็นนกที่เหลือแค่โครงกระดูก ปีกรึก็เป็นพังผืดเหมือนค้างคาว กำลังบินฉวัดเฉวียน โฉบลงมาหานักเรียนที่ร่วมบททดสอบให้ร่วงลงไป บางคนก็ถูกจิกทึ้งไม่ต่างจากเหยื่ออันโอชะ

เสียงกรีดร้องโหยหวนทำให้ใจหวิวสูญเสียการควบคุมและร่วงหล่นลงไปเบื้องล่างก็มี

"ชิ นี่เหรอบททดสอบของโรงเรียน มันต่างจากทรมานนักโทษตรงไหนฟระ"

"คีระนี่ โหดร้ายจริงๆ"

"ตั้งสติเอาไว้นะ"

"ทุกคนหาที่กำบัง เร็วเข้า!"

เสียงก้องกังวานดังขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ทันจะได้ตั้งตัวสายฟ้าหลายสิบเส้นก็ฟาดผ่าลงมาและแตกระแนงออกไปเป็นสายๆเหมือนห่าธนูแทงทะลุหัวใจของสัตว์ประหลาดให้ร่วงลงไปทีละหลายตัว

ฉึกๆๆๆ!!!!

กี๊ซซซซซซ!!!!

ห่าธนูสายฟ้านั้นมาจากไรรีย์ที่ลอยตัวอยู่สูงกว่าคนอื่นๆ

อัศนีบาทสาวมองเหล่าสัตว์ประหลาดเหมือนฝุ่นผงและลงทัณฑ์พวกมันอย่างไร้ปราณี

เปรี้ยง!!!!!

ทุกอย่างถูกจับภาพเอาไว้ทุกซอกทุกมุมและฉายบนจอเวทมนตร์ขนาดใหญ่กลางห้องโถงของปราสาทชั้นบนสุด

"หืม ไม่เลวเลยนี่ เด็กคนนี้เป็นใคร"

"ท่านหญิงจากเมืองกลางหาวลาริแมร์ครับ รู้สึกว่าจะชื่อ… ไรรีย์ อาเกต"

"ดูท่าต้องสอนเรื่องมารยาทให้มาก ต่อไปจะได้ไม่ต้องลำบากเพราะความหยิ่งยโส"

ภาพบนจอฉายไปเรื่อยๆให้เห็นโฉมหน้าของนักเรียนที่รับการทดสอบ ที่ตอนนี้เหลือเพียงไม่กี่คน

"โลเวล จากตระกูลเซเลส ขุนพลไม้ อัจฉริยะที่จะมาเป็นเสาหลักของฟีนิกซ์ในอนาคต ใช่ไหม ท่าน....? หายไปไหนอีกแล้วเนี่ย!"

"เอ่อ ท่านผู้นั้นบอกว่ามีภารกิจเร่งด่วนต้องเดินทางไปตอนนี้เลยครับ"

"เย็นชาจังเลยนะ คนในครอบครัวตัวเองยังไม่คิดจะดู"

เสียงบ่นพึมพำค่อยๆหายไปจากห้องที่กลับมาเงียบพร้อมกับภาพที่ฉายอยู่บนจอเวทมนตร์ การทดสอบสุดหฤโหดของเหล่านักเรียนหน้าใหม่ที่เป็นเหมือนละครบนจอให้เหล่าผู้ใหญ่ได้ชื่นชมฆ่าเวลา

"ว่าแต่ เด็กคนนั้นคือใครกัน"

"ตั้งแต่แรกเธอยังไม่ได้ใช้เวทมนตร์อะไรเลย"

ภาพโฟกัสไปที่เซเลียและหยุดนิ่งอยู่แค่นั้น

"แปลกนะ จะบอกว่าไม่มีอะไรเลยก็คงไม่ใช่"

"อ้อ เด็กคนนี้คงจะเป็นเด็กที่ตกลงไปในสระของสัตว์เทพจนทำให้ครูไรเกอร์ต้องออกไปรับตัวมาสินะ"

ทุกสายตาหันมาสนใจคนที่ถูกพาดพิง ซึ่งตอนนี้กำลังลุกออกจากที่นั่งและเดินออกไปจากห้องประชุม

"นั่นคุณจะไปไหน ครูไรเกอร์"

"ฮืม....ไปสูดอากาศน่ะครับ รู้สึกว่าที่นี่อากาศหายใจจะไม่พอสำหรับผมเท่าไหร่"

คำพูดและใบหน้าที่เปื้อนยิ้มแบบเหยียดหยามนั้นสร้างความเงียบให้กับเหล่าอาจารย์ทั้งห้องประชุม

"บททดสอบสุดท้าย คุณเองก็ช่วยออมมือกับพวกเด็กๆหน่อยก็แล้วกัน"

เสียงของอีกคนดังขึ้นทันทีที่ไรเกอร์ก้าวเท้าพ้นธรณีประตู ที่มาของเสียงนั้นมาจากหญิงสาวผมซอยสั้นสวมสูทเข้ารูปยืนกอดออกอยู่หน้าห้อง เหมือนจงใจให้รู้ว่าเธอรอเขาอยู่นานแล้ว

"แหม ไม่ได้ออกแรงมานานแล้ว ขอยืดเส้นยืดสายหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกน่า"

"หึ"

"ว่าแต่คุณเถอะ ที่รัก มารอผมแบบนี้จะสารภาพรักงั้นเหรอ"

"ตาบ้านี่ พูดดีด้วยหน่อยทำเป็นเหลิงเชียวนะ"

"ฮะๆๆๆ แอนนาสุดที่รัก คุณเองก็ช่วยลดความเจ้าระเบียบลงหน่อยก็ดีนะ ผมรอที่จะดื่มเหล้าชั้นดีในงานแต่งของคุณอยู่นะครับคนสวย"

"ไรเกอร์!"

สองอาจารย์เดินไปเถียงกันไป หากแต่บรรยากาศนั้นไม่ได้ครึกครื้นอย่างที่คิด เพราะตอนนี้พวกเขากำลังเฟ้นหาคนที่จะมาเป็นลูกศิษย์กันอยู่

ตัดฉากกลับมาที่การทดสอบสุดหฤโหดของเหล่านักเรียนกันบ้าง สายฟ้าของไรรีย์จัดการสัตว์ประหลาดได้หมดเกลี้ยง แต่ก็สูญเสียนักเรียนคนอื่นๆไปหลายคน

เซเลียยืนอยู่บนรากไม้ของโลเวลพร้อมกับมองเพื่อนักเรียนคนอื่นๆ บ้างก็บาดเจ็บ บ้างก็อกสั่นขวัญหายร้องไห้จะกลับบ้าน บางส่วนก็หมดสติร่วงลงไปเบื้องล่าง

"ทุกคนยังอยู่ดีใช่ไหม"

"คิดว่านะ"

"ขอบใจนะ จาเลน"

"............."

ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่คุณเรียก.....

ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างๆเซเลียแท้ๆ แต่เขากลับเงียบไม่ปริปากแม้แต่เสียงลมหายใจก็ยังเงียบกริบ

ซ่า.....

"เสียงอะไรน่ะ"

ครืนนนนน....

ซ่า......

เสียงเหมือนน้ำหลาก และมันก็เป็นไปตามนั้น เบื้องล่างกำลังมีน้ำหลากและท่วมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

"ล้อเล่นใช่ไหมเนี่ย"

"นี่ล่ะ บททดสอบล่ะ ทุกคนรีบขึ้นข้างบนเร็วเข้า"

ต้นไม้ของโลเวลต้นแรงน้ำไม่ได้นาน รากไม้หลุดจากกำแพงที่ยืดเหนี่ยวและกระแสน้ำพัดกระแทกกำแพงอย่างแรง แล้วเศษเสี้ยวของกำแพงนั้นก็กระเด็นพุ่งตรงเข้ามาหาเซเลีย

ผลั๊วะ!

"อึก!"

ไม่ทันที่ใครจะได้ตั้งตัว เซเลียก็ถูกเศษหินขนาดเท่าตัวอัดกระแทกจนร่วงตกลงไปในกระแสน้ำ

ตูม!!!

"เซเลีย!"

เสียงร้องเรียกถูกสายน้ำกลืนกิน ร่างของเซเลียถูกบีบอัดราวกับจะป่นเข้าไปถึงกระดูก อากาศทุกอณูถูกช่วงชิง

มาได้เท่านี้สินะ.....

เซเลียหนอเซเลีย เธอนี่มันใช้ไม่ได้เลย เวทมนตร์ง่ายๆก็ไม่รู้จัก นี่เธอมีพลังจริงรึเปล่า....

หลายความคิดไหลเข้ามาในหัวซ้ำๆไม่ต่างจากน้ำป่า ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไปเหมือนปิดสวิตถ์

เซเลีย...

เซเลีย....

องค์หญิง...

เสียงใครกันนะ เรียกใครว่าองค์หญิง

ตื่นเถอะ องค์หญิง....

อีกแล้ว...ใครกันนะ

แปะ!

สัมผัสเย็นๆที่แก้มสองข้างและตบซ้ำลงมาหลายครั้ง

"เฮ้"

พรึ่บ!

"แค่กๆๆ!!! ฮ้า!!! ฮ้า!!!"

เซเลียลืมตาตื่นและสิ่งแรกที่ทำคือการกอบโกยเอาอากาศเข้าปอด

"ไม่เป็นไรนะ"

เสียงทุ้มคุ้นเคยดังแทรกเข้ามาสะกิดให้ชำเลืองมอง แล้วก็ได้พบรูปสลัก ไม่สิ

"จาเลน"

"ค่อยยังชั่วที่ไม่เป็นไร"

"ที่นี่ที่ไหน แล้วคนอื่นๆล่ะ"

"จะให้ตอบคำถามไหนก่อนล่ะ"

จาเลนถามกลับ หน้าตาของเขายังนิ่งเป็นรูปสลักไม่เปลี่ยนแปลง หน้าตาหยิ่งๆแบบนี้ทำให้เซเลียรู้สึกขัดตายังไงไม่รู้สิ

"ไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไร"

ตัดบทง่ายๆดีกว่าจะไปต่อล้อต่อเถียงกับรูปปั้นเทวดา ฮึ!

"ด้านหลังปราสาทของโรงเรียน"

จาเลนตอบกลับมานิ่งๆ

"ว้าว ขอบคุณสำหรับคำตอบ"

ถึงจะไม่ค่อยปลื้มกับคำตอบเท่าไหร่แต่ก็พอคลายความสงสัยได้ล่ะนะ

เซเลียมองไปรอบๆ สนามหญ้าสีเขียว ท่ามกลางหมอกจางๆมองเห็นต้นลอเรลขึ้นประปรายเล็กบ้างใหญ่บ้าง และที่ๆเธออยู่คือใต้ต้นโอ๊คไร้ใบสีขาวขนาดห้าคนโอบ

ด้านหลังของโรงเรียนคือป่าลอเรลดีๆนี่เอง

"ยังไงก็เถอะ อยู่ที่นี่นานไม่ได้"

"เอ๊ะ"

"ที่นี่เป็นที่อยู่ของสัตว์เทพ"

กรรรรร~....

พูดถึงเสียงคำรามก็มาเลย

หมับ!

"มาเร็ว"

"อะ!"

จาเลนคว้ามือเซเลียและกระชากให้ลุกขึ้นไปอยู่ชิดด้านหลังทันที มีดสั้นในมือกระชับแน่นมองไปรอบๆที่เต็มไปด้วยหมอก

สายลมโชยมาอ่อนๆพัดพากลิ่นดินเข้ามาเตะจมูก บ่งบอกได้ว่ามีบางอย่างกำลังมา

"อยู่ใกล้ฉันไว้"

"อะ อื้ม"

เสียงย่ำเท้าเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แล้วบางอย่างก็โผล่พ้นหมอกออกมาให้ได้ยลโฉม

"อ้าว พวกนายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงล่ะเนี่ย"

"โลเวล!"

บุรุษผู้มาใหม่ยิ้มรับอย่างเป็นมิตร

"ไง ทั้งสองคนหลงทางสินะ ฉันมารับพวกนายกลับปราสาทน่ะ"

โลเวลหน้าตาดีใจเดินเข้ามาใกล้ หากแต่จาเลนยังกระชับมีดในมือแน่นกว่าเดิม

"จาเลน มีอะไรเหรอ"

"อยู่ใกล้ฉันไว้"

"นั่นโลเวลนะ"

"ไม่ใช่"

"เอ๊ะ?"

"โลเวล ไม่มีทางพูดว่าเราหลงทางหรอก"

"!!!!"

จริงสิ โลเวลกับคนอื่นๆก็อยู่ในบททดสอบของโรงเรียนนี่ เขาเป็นคนใช้เวทมนตร์ปกป้องนักเรียนคนอื่นๆอยู่ก็น่าจะตกที่นั่งลำบากเหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆหรือแย่กว่าก็ได้ ไม่มีทางที่จะมาอยู่ที่นี่ง่ายๆแน่

"เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"

จาเลนก้าวถอยหลังไปพร้อมๆกับกันเซเลียให้อยู่ด้านหลัง ในขณะที่บุรุษตรงหน้าค่อยก้าวเข้ามาใกล้เรื่อยๆเช่นกัน ยิ่งคนตรงหน้าเข้ามาใกล้มากเท่าไหร่ กลิ่นสาบก็ยิ่งรุนแรงขึ้นเท่านั้น

"เผยธาตุแท้ของแกออกมาซะ"

"หึ!"

แสยะยิ้ม!

"เก่งจังนะ แต่ก็น่าเสียดายที่ต้องจบชีวิตลงตรงนี้"

กรรรร....

เสียงคำรามสั่นประสาทพร้อมกับร่างตรงหน้าค่อยๆเปลี่ยนแปลง จากบุรุษรูปงามกลายเป็นหมาป่าสีดำที่ใหญ่โตกว่าปกติ ดวงตาสีแดงก่ำฉายแววโหดเหี้ยมพร้อมกับน้ำลายไหลย้อยลงมาตามเขี้ยวสีขาวแหลมคมยิ่งดาบ

"หมาป่าเหรอ"

"มันคือไลแคนท์"

"เอาล่ะ จะกินใครก่อนดี ฮิๆ"

"เอาไงดี"

จะหนีก็ไม่ได้ จะสู้รึก็ไม่น่าจะไหว

ทำไงดี ทำไงดี ทำไงดี....

เซเลียดำดิ่งลงในความคิดตัวเอง แต่ก่อนที่จะลึกลงไปมากกว่า แรงบีบที่มือก็ทำให้ได้สติกลับคืนมา

"จาเลน"

ชายหนุ่มจับมือเธอเอาไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างก็กระชับมีดสั้นเล็งไปที่ไลแคนท์

"เอาไงดี"

"อยู่เฉยๆ"

"เอ๊ะ"

ฟึบ!

เหมือนลมปะทะใบหน้าชั่วขณะ รู้ตัวอีกทีจาเลนก็ไม่อยู่ตรงหน้าแล้ว

กร๊าซ!!!!

เสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของไลแคนท์ดังก้องไปทั้งป่าที่ตอนนี้หมอกหนากว่าเดิมจนมองอะไรไม่เห็น

"จาเลน"

เขาหายไปไหน เมื่อกี้ยังอยู่ที่นี่อยู่เลย ทุกอย่างเงียบลงอย่างน่าใจหาย มองไปทางไหนก็มีแต่หมอกเข้ามาบดบัง มองเห็นแค่เงารางๆของต้นลอเรลที่อยู่รอบๆเท่านั้น

กรรรรรร!!!!

"เฮือก!"

"แม่หนูน้อย!"

ไลแคนท์โผล่เข้ามาจากด้านหลังเซเลีย พร้อมกับกรงเล็บที่เตรียมฉีกกระชากร่างของเธอออกจากกัน

ตู้ม!

กรงเล็บที่ว่าคมของไลแคนท์ตะปบได้เพียงก้อนหิน เพราะสัญชาตญาณทำให้เซเลียกระโดดหลบได้ทัน

ครืดดดด!!!

ร่างหญิงสาวถอยครูดไปกับพื้นหญ้าชื้นแฉะเป็นทางยาว สภาพตอนนี้บอกได้เลยว่ามอมแมม แต่นั่นใช่เรื่องสำคัญปะไร ในเมื่อตอนนี้เหลือเธอแค่คนเดียว จาเลนหายตัวไป อาจถูกไลแคนท์เล่นงานไปแล้ว ตอนนี้จะหวังพึ่งใครได้นอกจากตัวเอง

"หลบเก่งดีนี่ยายหนู"

"ขอบคุณสำหรับคำชม"

"แต่คราวนี้เจ้าไม่รอดแน่"

"ฉันก็ไม่ได้หนีไปไหนนี่"

ในเมื่อหลบไม่พ้นก็มีแต่เข้าปะทะเท่านั้น คิดสิเซเลีย คิด ลุงนอกซ์อุตส่าห์ฝึกวิชาการต่อสู้กับสัตว์ร้ายให้เธอตั้งแต่เด็กเชียวนะ ถ้ามีอาวุธให้ใช้อาวุธ แต่ถ้าไม่มีก็ให้ใช้มือเปล่า

ใช่แล้ว มือเปล่าก็สามารถสยบสัตว์ร้ายได้!

กร๊าซซซซซ!!!

ฟึ่บ!

ตู้มมมมม!!!!

แรงสะเทือนของผืนดิน จากบางสิ่งที่มีน้ำหนักเยอะกระแทกลงมาอย่างแรง ขับไล่ฝูงนกที่อยู่ไกลออกไปบินออกจากที่ซ่อนด้วยความตื่นตระหนก

"ค่อก! นางเด็กน้อย"

"ว่าไงคุณหมาป่า"

ตอนนี้ไลแคนท์หมดสภาพถูกเซเลียล็อคคอทุ่มลงกับพื้นดิ้นไม่รอด

"โทษทีนะ แต่ตอนนี้ช่วยทำตัวเชื่องๆหน่อย แล้วจะเล่นด้วยดีๆ"

"ใครจะเล่นกับเจ้าฟระ นางเด็กเมื่อวานซืน ปล่อยนะเฟร้ย!!!"

เหมือนสุนัขขาสั้นๆดิ้นกะแด่วๆหาทางรอดจากอ้อมกอดเจ้านายยังไงอย่างนั้น

"ฮิๆๆๆ เป็นยังไงคะ คุณหมาขา"

"แก๊!!!ปล่อยข้า!!!"

"ไม่ปล่อย จนกว่าจะบอกทางออกไปจากที่นี่"

"ชิ"

"จะยอมดีๆไหมจ๊ะ ไม่อย่างนั้น...จะรัดคอให้ขาดเลย"

เซเลียจงใจกระซิบข้างหูไลแคนท์และออกแรงรัดคอเจ้าหมาป่าตัวเขื่องแน่นกว่าเดิม

"กะ ก็ได้ๆ ข้ายอม เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว"

"ยังไม่พอ"

"อะไรอีก"

"เพื่อนของฉันอีกคนหนึ่ง เอาเขาคืนมาเลย"

"ไม่รู้ไม่สน"

กึด!

"อ๊ากกก!!! พอแล้ว!!!ก็ได้ๆๆๆ"

"ฮิๆๆๆ ดีมาก"

"ชิ! ข้าเกลียดเจ้า นางเด็กบ้า"

สิ้นคำ ทำตัวไลแคนท์ก็เรืองแสงก่อนที่ร่างสีดำของไลแคนท์จะกลายเป็นราชสีห์สีทองอร่าม

"เฮ้อ...ครั้งแรกนะเนี่ยที่ข้าต้องมาเผยร่างแท้จริงให้มนุษย์เห็น"

"กรี๊ดดดดด!!!"

เซเลียกะพริบตาปริบๆก่อนจะเด้งตัวออกแทบไม่ทัน เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองกอดเอาไว้ไม่ใช่ไลแคนท์สีดำแต่เป็นราชสีห์ตัวเขื่องที่ปกคลุมด้วยขนสีทองทั้งตัว ดวงตาสีทองเหลือกมองหญิงสาวอย่างระอาใจขณะที่ร่างอันใหญ่โตยังหมอบอยู่ท่าเดิม

"จะร้องทำไม หูจะแตก"

"กะๆๆ ก็จู่ๆ"

"หึ เมื่อกี้ยังล็อกคอข้ากะให้ขาดใจอยู่เลยนี่"

"มันไม่เหมือนกันนี่ยะ แล้วนี่จะแปลงร่างเป็นอะไรอีกล่ะ"

"นี่คือร่างจริงของข้า นามของข้าคืออาราโก เป็นสัตว์เทพพิทักษ์ฝั่งตะวันออก"

"ฉะฉันชื่อเซเลีย มาจากคะยา เมื่อกี้ฉันมากับเพื่อนของฉัน เขาหายไประหว่างต่อสู้กับนาย เขาอยู่ไหน"

"อ้อ เจ้าหนูปักษานั่นน่ะเหรอ อยู่นั่นไง"

อาราโกเหล่ตาสีตาทองไปข้างหน้าให้เซเลีมองตาม เงาตะคุ่มเหมือนสัตว์ปีกขนาดเท่าตัวคนกำลังเดินดุ่มๆใกล้เข้ามา จนโผล่พ้นหมอกมายืนอยู่ตรงหน้าเซเลีย

จาเลนที่ตอนนี้มีลวดลายประดับบนใบหน้าพร้อมกับปีกสีขาวที่หุบพับลงไปอยู่ด้านหลัง ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินลุ่มลึกมองมาที่เซเลียก่อนจะมองไปที่อาราโกซักพักก็ถอนหายใจและเก็บมีดสั้นเข้าฝักดังเดิม

"จาเลน ไม่เป็นไรนะ"

สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงการพยักหน้า ลวดลายบนใบหน้าค่อยๆจางหายไปพร้อมกับปีกสีขาวที่ค่อยๆหดกลับเข้าไปกลางหลังชายหนุ่มดังเดิม

สิ่งที่เซเลียรู้ตอนนี้คือ จาเลนมีสายเลือดของปักษา

"ดีจังเลย..."

หญิงสาวก้มหน้ายิ้มขื่น มือสองข้างกำแน่น

ไม่มีใครรู้หรอกว่ามันเจ็บปวดขนาดไหนที่ต้องอยู่ท่ามกลางคนเก่งๆโดยที่ตัวเอง

ไม่มีเวทมนตร์....

หมอกหนาๆเกิดจากอาราโกที่สร้างสนามทดสอบไว้สำหรับศิษย์ใหม่ของโรงเรียน และตอนนี้มันก็กลับกลายมาเป็นสภาพเดิมแล้ว สิงโตตัวเขื่องนำหนุ่มสาวทั้งสองมาส่งถึงประตูทางเข้าของโรงเรียน ก่อนจะหายตัวไป

"เธอ...ทำยังไงถึงจัดการกับสัตว์เทพได้"

จู่ๆจาเลนก็ถามขึ้นมา ทำเอาเซเลียตั้งรับไม่ถูก

"หืม...ก็นะ แหะๆๆ"

จะบอกว่ากระโดดขึ้นล็อกคอด้วยมือเปล่าเขาจะเชื่อไหมนะ ช่างเถอะ

"ใช้อุบายนิดหน่อยน่ะ"

".......งั้นเหรอ"

จาเลนมองมาเหมือนจะบอกกลายๆว่าไม่เชื่อ แต่สักพักเขาก็เก็บสายตาคลางแคลงใจนั้นกลับไปและเดินนำหน้าเซเลียไปเงียบๆ

เซเลียถอนหายใจโล่งอก โชคดีที่จาเลนไม่ซักไซร้ ไม่อย่างนั้นคงต้องมานั่งอธิบายให้ฟังทีละขั้นตอน และสุดท้ายเขาก็จะรู้ว่าเซเลีย ไม่มีเวทมนตร์

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา