Alice เพลงรักที่หลงทาง (season 1)

5.3

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 14.50 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.70K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 20.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) Chapter 4 … Disorder (ความปั่นป่วน)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

“ชินระ….มันฆ่าลูกสาวของชิงุเระงั้นเหรอ”

“ครับ”

เพล้ง!!!!

“นี่ฉันเลี้ยงเครื่องจักรฆ่าคนไม่เลือกหน้าเอาไว้งั้นเหรอ!!!”

“เราสั่งให้คนงมหาทั้งคืน แต่ก็ไม่พบร่างของคุณหนูเลยครับ”

“แล้วตอนนี้มันไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”

“ตอนที่เรากำลังพาตัวลูกชายของหมอนางาเระส่งโรงพยาบาล เอ่อ……”

“ลูกชายของหมอนางาเระงั้นเหรอ”

“ครับ รู้สึกว่าจะถูกเชิญมาในงานด้วย เขาได้รับบาดเจ็บด้วยครับ”

“เฮ้อ”

“จะให้ตามหาไหมครับ”

“ไม่ต้อง ถ้ามันยังไม่ตายก็กลับมาเอง”

เจ้าของตระกูลคุสะพูดกับคนสนิทที่เข้ามารายงานเรื่องราวให้รับรู้

“แล้วจะไม่เป็นไรเหรอครับ ถ้าลูกชายหมอนางาเระอยู่ด้วย ถ้าหมอนางาเระรู้เข้าจะไม่ยุ่งเอาเหรอครับ”

“ฉันจะอธิบายกับเขาเอง ท้ายที่สุดแล้ว ฉันนี่แหละจะเป็นคนฆ่ามันเอง”                              

 

บ้านไม้โบราณชั้นเดียวถูกรายล้อมด้วยหิมะสีขาวโพลน หยดน้ำที่เกาะอยู่ตามหลังคากลายเป็นน้ำแข็ง บอกถึงอุณหภูมิที่หนาวยะเยือก

“เรียกฉันมาแล้วคิดว่าฉันจะช่วยอะไรได้วะ! ทำไมไม่พาซางะคุงไปโรงพยาบาล ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาจะทำยังไง!”

เซียวสวดยับทันทีที่มาถึงและเห็นสภาพของซางะที่นอนซมมีไข้ขึ้นมากรึ่มๆ แผลที่ถูกยิงเริ่มอักเสบเร็วกว่าที่คิด

“จะให้ไปยังไงพวกบ้านั่นเต็มโรงพยาบาลซะอย่างนั้น”

“แล้วจะเอาไง”

“แกหลานหมอแกก็คิดสิ”

ดูมันพูด เซียวถอนหายใจแรงๆ ยังไงก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรักษาไปตามยถากรรม

“ต้องฆ่าเชื้อ ฉันจะกรีดหนองออกแต่ที่นี่ไม่มีอุปกรณ์อะไร ซางะคุงจะทนได้เหรอ”

“ถ้าไม่ทำมันจะแย่ไม่ใช่เหรอ ทำเลยเดี๋ยวฉันช่วย”

“เออ ให้เขากินยาแก้ปวดรอซะ ฉันจะเตรียมของ”

เซียวหันไปวุ่นอยู่กับอุปกรณ์ที่มีอยู่จำกัด ยาชารึก็มีน้อย ต้องให้ซางะอดทนเอาเอง

ชินระประคองซางะขึ้นมากินยา เจ้าตัวยังมีสติแต่ก็เลือนรางเต็มที

“กินยาหน่อย”

“ไม่~”

“กินเข้าไปซะ เซียวจะกรีดหนองออกให้ ยาชามีไม่พอนายต้องทนเจ็บหน่อยล่ะ”

“ก็ปล่อยให้ฉันตายไปเลยสิ!”

“ก็อยากปล่อยอยู่ แต่ฉันสงสารแม่นายที่มีลูกชายงี่เง่า”

“ว่าไงนะ”

“เห้ย! เสร็จยัง!”

“เออ”

“จะเริ่มล่ะนะ ซางะคุงนายอดทนหน่อยนะ เจ็บมากก็กัดชินระแรงๆเลย”

“เฮ้ย!”

“ไม่ต้องเฮ้ย! เอ้า จับเขาไว้แน่นๆ”

เพราะมีไข้ สติก็เลยขาดๆหายๆ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ไม่ทันจะหายงงความเจ็บปวดสุดบรรยายก็ถาโถมเข้ามา เจ็บจนจะขาดใจ

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!”

“ทนหน่อย”

“แฮ่กๆๆๆ อ๊ากกกกกก!!!!!”

ซางะดิ้นพล่านเหมือนถูกของร้อน แต่ก็ถูกตรึงเอาไว้ด้วยแรงที่มากกว่า ทั้งแขนขาถูกมัดตรึงเอาไว้ทุกข้าง มองเห็นทุกอย่างพล่าเลือนไปหมด อยากหมดสติตอนนี้แต่ความเจ็บปวดมันก็ไม่ได้ทำให้เป็นอย่างที่หวังเอาไว้ซะนี่ สิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ตอนนี้ก็คือความเจ็บ

“แฮ่กๆๆๆๆ~”

“เห อดทนใช้ได้เลย”

“เอายาให้เขากินซะ”

ชินระกรอกยาใส่ปากซางะที่ตอนนี้ไม่ว่าอะไรก็ต่อต้านไม่ไหว ดวงตาเหม่อลอยลมหายใจยังสั่นกระเส่า มันคงเป็นอะไรที่สาหัสสากรรจ์มากสำหรับคนธรรมดา

“ฉันต้องรีบกลับก่อนตั้งแต่เกิดเรื่องคืนนั้นคนของชิงุเระที่เหลือก็จับตามองความเคลื่อนไหวของพวกเราตลอดเลย นายเองก็ระวังตัวเอาไว้หน่อยก็แล้วกัน”

“รู้แล้ว”

“ไว้ฉันจะมาหาใหม่ ตอนนี้อย่าติดต่อใครจะดีกว่า โดยเฉพาะคนที่บ้านของนาย พวกชิงุเระเอาเรื่องที่นายเป็นคนฆ่าวากานะมาเป็นข้ออ้างแล้วก็ตามหานายกับซางะคุงกันให้วุ่น”

“ใช่ ฉันฆ่าวากานะไปแล้ว ต่อหน้าซางะซะด้วยสิ”

“แกนี่มันจริงๆเลย! รู้รึเปล่าว่าทำอะไรลงไป”

“รู้สิ เพราะแบบนั้นหมอนี่ถึงได้อยากฆ่าฉันอยู่นี่ไง”

“ขอให้ซางะคุงทำสำเร็จทีเถอะ! ถ้าเขาเป็นอะไรแกต้องรับผิดชอบ”

เซียวต้องรีบกลับไปก่อนที่จะมีใครสงสัย เขาเอือมระอากับนิสัยแย่ๆของชินระมากมายเหลือเกิน

สองวันอาการแย่ๆของซางะก็ดีขึ้นจนเจ้าตัวลุกขึ้นเดินเหินได้เล็กน้อย พอจะเห็นสัดส่วนของบ้านหลังนี้บ้าง

บ้านไม้หลังไม่เล็กไม่ใหญ่อยู่ท่ามกลางหิมะสีขาวสุดลูกหูลูกตา

ฟุ่บ!

เสียงอะไรบางอย่างกำลังตัดผ่าอากาศอยู่ไม่หยุด เรียกความสนใจให้เดินออกไปดู แล้วซางะก็ได้เห็น ชินระกำลังฝึกดาบไม้อยู่ตรงสวนของบ้านท่ามกลางหิมะ

“ตื่นแล้วเหรอ วันนี้อาการเป็นไง”

ชินระเลิกฝึกดาบและเดินกลับเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มสวมกิโมโนกับกางเกงฮากามะและมีเสื้อคลุมอีกชั้น ดูจะไม่ได้คุ้มหนาวให้เท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ยังเมินเฉยไม่สะท้านอะไรกับหิมะพวกนั้นเลย

“ที่นี่ที่ไหน”

“บ้านของฉัน”

“บ้าน…ของนายเหรอ”

“จริงๆแล้วมันเป็นบ้านของแม่ฉัน ฉันเคยอยู่ที่นี่ตอนเด็กๆ วางใจได้ ที่นี่ไม่มีใคร”

“อย่างนั้นเหรอ”

มันก็ดูเงียบสงบดีจริงๆนั่นแหละ บ้านหลังเดี่ยวอยู่ห่างไกลจากความวุ่นวายแบบนี้ และตลอดสองสามวันมานี้ชินระก็ดูแลซางะอย่างดี

“ขอบใจนะ”

“หือ?”

“ฉันบอกว่าขอบใจ”

“ไม่โกรธที่ฉันฆ่าคนรักของนายแล้วรึไง”

“วากานะไม่ใช่คนรักของฉัน กรุณาให้เกียรติเธอด้วย”

“โห น่าสงสารจังเลย รักเขาอยู่ข้างเดียวสิท่า”

“หุบปากนะ”

“ก็ได้ๆ ฉันไม่ยุ่งแล้ว แต่บอกเอาไว้อย่างนะ ถ้าอยากมีชีวิตปกติก็อย่ายุ่งกับใครไม่เลือกหน้าดีกว่า”

ซางะได้แต่หายใจช้าๆ เขาไม่มีแรง บวกกับอากาศที่หนาวเย็นทำให้ต้องเดินกลับเข้าไปในห้อง ไม่นานชินระก็ตามเข้ามา

“นายหิวรึยัง”

“ไม่”

“เหรอ แต่ฉันว่านายต้องกินนะ”

กลิ่นอาหารหอมๆก็ลอยเข้ามาแตะจมูกซางะ

“ถ้านายไม่กินฉันจะป้อนนายเหมือนที่เคยป้อนยาวันก่อน”

ซางะหมดคำจะพูดอีก สุดท้ายก็ต้องยอมกินแต่ก็กินได้ไม่มากต้องวางช้อน

“กินเข้าไปอีกสิ เสียของชะมัด”

“เลิกบังคับฉันซะทีเถอะ ฉันกินไม่ลงจริงๆ”

ไม่ใช่ว่ารสชาติไม่ดี มันดีมาก อร่อยมาก แต่ซางะกินไม่ลงอีกแล้ว ชินระพ่นลมหายใจทีหนึ่งก่อนจะยื่นยาสองเม็ดมาตรงหน้าพร้อมแก้วน้ำ ซางะไม่ได้อิดออดเหมือนตอนแรก รับยามากินแต่โดยดี เพียงแค่ไม่นานก็รู้สึกมึนงงและฟุบลงตรงนั้นต่อหน้าชินระที่จับจ้องมาตลอด

เมื่อแน่ใจว่าร่างตรงหน้าหลับชินระก็ลุกขึ้นเข้าไปอุ้มกลับไปนอนที่เตียง ซางะตัวเบา เบาจนไม่อยากเชื่อว่านี่คือร่างกายผู้ชาย ชินระรู้สึกแปลกๆมาตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน เวลาที่มองซางะ เขาไม่อยากแค่มอง มือหนาเกลี่ยเส้นผมสีอ่อนออกจากใบหน้านวลนั้นเบาๆ นึกถึงตอนปราบพยศซางะในวันแรก รอยยิ้มก็ผุดขึ้นมานิดหน่อย ตอนนั้นที่ซางะด่าเขาไม่เหลือชิ้นดี นึกถึงทีไรก็ขำตัวเองจริงๆ

“มิยางิชอบนายเพราะแบบนี้รึเปล่า แล้วมันทำกับนายอย่างที่ฉันทำรึเปล่านะ”

“อืม”

เสียงทุ้มครางในคอ ทุกครั้งที่ขยับท่านอนใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด สะท้อนในดวงตาคมของชินระ สองมือประคองร่างโปร่งขึ้นมาซบอกเบาๆ พยายามไม่ให้อีกฝ่ายสะดุ้งตื่นเพราะความเจ็บ

“อะ!”

“อย่าขยับ”

“จะทำอะไร”

“นอน”

“อยากนอนก็นอนไปสิ นายจะมายุ่งกับฉันทำไม”

“ก็มีคนร้องครางจนฉันนอนไม่หลับน่ะสิ นอนซะ”

บนอกของคนคนนี้อุ่นมากจนซางะหายปวดแผลรู้สึกสบายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ซางะไม่อาจนอนชิดคนคนนี้อย่างสบายใจได้

“ฉันจะลุก”

“ไม่นอนแล้วเหรอ”

“ไม่”

ซางะพยายามลุกขึ้นด้วยตนเองหลายครั้ง แต่ความเจ็บปวดก็โถมเข้าใส่จนขยับไม่ไหว

พรึ่บ!

แขนแกร่งของอีกร่างที่สูงกว่าสอดเข้าใต้รักแร้สองข้างและรั้งตัวซางะเข้ามากอดแนบอกก่อนจะพาลุกขึ้นนั่งพร้อมกัน ทำแบบนี้แล้วซางะก็แทบไม่รู้สึกปวดที่แผลเลย

“ปล่อยฉันซะทีเถอะ”

“อยู่อย่างนี้ไม่ดีกว่าเหรอ”

“ไม่ดี” ตอบทันควัน

ผู้ชายสองคนกอดกันกลมดิกอยู่บนเตียง มันใช่เรื่องปกติที่ไหน สุดท้ายชินระก็ยอมปล่อยให้ซางะนั่งเอง การแสดงออกของชินระทำให้ซางะรู้สึกว่าคนคนนี้เป็นคนใจดี อบอุ่นไม่เหมือนรูปลักษณ์ภายนอกเลย แล้วคนแบบนี้จะฆ่าผู้หญิงได้ขนาดนั้นเชียวเหรอ แต่มันก็เป็นไปแล้ว

“นี่ นายฝังวากานะไว้ที่ไหนเหรอ”

กึก!

คำถามของซางะทำให้ทุกอย่างหยุดนิ่ง

“ถามทำไม”

“ฉันอยากไปเยี่ยมเธอ”

“อย่าพูดถึงเธออีก ลืมเธอไปซะ ซางะ”

“ทำไม!”

ซางะมีอารมณ์ฉุนขึ้นมาแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ด้วยแรงกอดรัดเหมือนคีมเหล็กจากร่างสูงที่ทำให้ซางะต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ สายตาของชินระที่มองมาสื่อถึงความหนาวยะเยือกถึงขั้วหัวใจ มือข้างหนึ่งของชินระล็อคใบหน้าซางะไว้ไม่ให้หลบสายตาไปทางอื่น

“ฟังให้ดี เธอตายแล้ว ตายจากนาย ตายจากที่นี่ เธอไม่มีอะไรให้นายอาวรณ์ทั้งนั้น อย่าพูดถึงวากานะให้ฉันได้ยินอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้นายพูดไม่ได้ตลอดชีวิต”

“ฉันเจ็บนะ!”

“นายจะเจ็บกว่านี้ถ้ายังไม่เลิกพูดเรื่องวากานะ”

ซางะไม่อาจตอบโต้ใดๆได้นอกจากส่งสายตาไม่พอใจให้อีกฝ่าย ชินระผลักเขาให้นอนลงและลุกออกไปจากห้องโดยไม่พูดอะไรอีก ซางะผ่อนลมหายใจออกจนสุด ดวงตาเลื่อนลอยมองขื่อไม้ คิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าตัวเองทำผิดอะไร

ซางะเดินออกจากห้อง พยายามประคองตัวเองให้สะเทือนแผลน้อยที่สุด ด้านนอกหิมะตกไม่มีท่าทีว่าจะหยุดง่ายๆ ทุกอย่างด้านนอกขาวโพลนแม้แต่ต้นไม้ยังมีน้ำค้างแข็งเกาะจนกลายเป็นผลึก สภาพอากาศเลวร้ายถ้าออกไปตอนนี้คงไม่ใช่เรื่องดี หากแต่สายตาของซางะกลับไปสะดุดกับร่างๆหนึ่งที่กำลังเดินกางร่มไม้ไผ่ออกไปที่สวนของบ้าน

“หนาวขนาดนี้ยังมีกะใจออกไปเดินเล่นอีก”

บ่นพึมพำเสร็จก็หมุนตัวจะกลับเข้าห้อง แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็รู้สึกมึนงงจนลืมตาไม่ขึ้น

ตุ้บ!

ร่างสูงที่ค่อนข้างบอบบางผิดจากผู้ชายทั่วไปล้มพับลงอย่างสิ้นสติบนพื้นไม้ แผลที่ยังไม่หายดีปริแตกจนเลือดไหลซึมออกมา ซางะเจ็บแต่ก็ไม่มีเสียงจะร้อง ทุกอย่างหมุนคว้างเหมือนกำลังอยู่ในลูกบอลที่กลิ้งลงเนิน เวียนหัวจนอยากอาเจียน สายตาพร่าเลือนกำลังมืดดับอยู่รอมร่อฝืนมองร่างตรงหน้า ถึงจะไม่ชัดแต่ก็พอมองเห็นว่านั่นไม่ใช่ชินระแน่นอน

“เอาตัวไป”

ต้องทำอะสักอย่าง แล้วจะทำอะไรล่ะ ในเมื่อเรี่ยวแรงก็ไม่มีเหลือแล้ว อีกไม่นานสติก็คงจะหายไปเหมือนกัน ซางะใช้สติที่ยังหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดคิดหาทาง สุดท้ายก็ถูกคนแปลกหน้าแบกพาดบ่า ในวินาทีนั้นเองที่รวบรวมกำลังทั้งหมดปัดกระถางต้นไม้ให้หล่นแตก

เพล้ง!

 

แซ่ก..แซ่ก….

สองเท้าย่ำหิมะที่สูงท่วมตาตุ่มไปเรื่อยๆไอสีขาวพวยพุ่งออกจากปากและจมูกตามจังหวะการหายใจ ถึงจะมีหิมะปกคลุมไปทั่วแต่ชินระก็ยังจำได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน ความหนาวไม่ได้ทำให้ร่างกายของนักดาบที่ฝึกปรือมาอย่างดีสะทกสะท้านเท่าไหร่นัก และยิ่งตอนนี้ข้างในตัวชินระมันร้อนระอุจวนจะระเบิดอยู่รอมร่อ ความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในใจมาจากใบหน้าไม่พอใจของซางะ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ว่าใครจะว่ายังไงชินระก็ไม่เคยสะทกสะท้านกับมัน แต่ตอนนี้ แค่คำพูดกับสีหน้าของซางะกลับทำให้เขาปั่นป่วนจนอยู่ไม่สุข ไม่พอใจที่อีกฝ่ายเอาแต่ถามหาคนอื่น และรู้สึกผิดที่เผลอตัวทำให้อีกฝ่ายต้องเจ็บตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนั้น

“นี่ฉันเป็นอะไรไปแล้ว”

นางาเระ ซางามิ หมอนั่นเป็นผู้ชาย จะอยู่จะตายก็ไม่เห็นต้องไปสนใจ แค่ดูแลจนกว่าหมอนั่นทุเลาลงแล้วจากนั้นก็ส่งกลับบ้าน ทุกอย่างจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม

เพล้ง!

เสียงของหล่นแตกดังมาจากในบ้าน เรียกสติที่กำลังหลุดลอยให้กลับมา และด้วยสัญชาตญาณที่ถูกฝึกมาเยี่ยงสัตว์ทำให้ชินระขยับร่างกายไปโดยอัตโนมัติ ชินระกลับเข้าไปในบ้าน ตรงเข้าไปที่ห้องนอน แต่กลับไม่พบคนที่ควรจะอยู่ในห้องนอกจากกระถางต้นไม้แตกกระจายอยู่บนทางเดิน และบนพื้นก็มีคราบเลือดใหม่ๆเปื้อนอยู่

“ไอ้พวกเวร!”

……………………………………

หนาว………

เจ็บ…….

นี่คือความรู้สึกที่ทำให้ซางะต้องลืมตาตื่น และสิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ไม่ใช่ขื่อไม้ในบ้านของชินระ แต่เป็นเพดานสีขาว บรรยากาศอึดอัดมีทั้งกลิ่นเหล้าแล้วก็กลิ่นบุหรี่ ถึงจะถามว่าที่นี่ที่ไหนก็คงไม่มีใครมานั่งตอบ และถึงจะมีพวกมันก็คงไม่คิดจะตอบคำถามซางะอยู่แล้ว ดูจากสายตาที่พวกมันมองมา บอกได้อย่างดีว่าต้องการอะไร

“ไง คนสวย ฟื้นแล้วเหรอ”

ซางะถูกมัดมือไพล่หลัง เสื้อผ้าท่อนบนถูกถอดกองกับพื้น แผลที่ไหล่ปริแตกมีเลือดซึมออกมาเป็นวงใหญ่

“ต้องการอะไร”

“ตรงไปตรงมาแบบนี้ค่อยดีหน่อย นึกว่าจะทำตัวหงิมๆกว่านี้ซะอีก”

“รีบๆเข้าเถอะน่า เดี๋ยวพ่อเอ็งก็ตามมาหรอก”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ป่านนี้มันคงยังไม่รู้ตัว และกว่ามันจะรู้ก็คงสายไปแล้วล่ะ พวกแกออกไปซะ ฉันจะซักมันด้วยตัวเอง หึๆๆ จะซักให้ละเอียดเลย”

ชายร่างสูงสวมสูทเนื้อดีหันไปพูดกับสามคนข้างหลังก่อนจะกลับมาก้มมองซางะที่ตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยดี เมื่อประตูปิดลงมือหนาของร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าก็ค่อยๆเข้ามาลูบไล้ตามลำแขนขึ้นมาถึงลำคอและวาดลงไปวนอยู่หน้าท้องแบนราบของซางะ ซางะพยายามเบนตัวหลบเลี่ยงสัมผัสเย็นเฉียบนั้นแต่ก็ขยับไปไหนไม่ได้ เจ็บทั้งแผลแถมยังถูกมัดมือไพล่หลังแบบนี้

“อย่าเพิ่งลนลานไป นี่แค่การหยอกเล่นเท่านั้น ถ้านายตอบคำถามถูกใจฉันจะปล่อยนายไป แต่ถ้าไม่ หึๆๆ”

มือสากๆเย็นยะเยือกเลื่อนลงมาแตะขอบกางเกงก่อนจะแทรกนิ้วเข้าไปช้าๆ ซางะสะดุ้งสุดตัว แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วว่ามันจะทำอะไร

“อย่านะเว้ย! ต้องการอะไรก็ว่ามา!”

“ง่ายๆ คุณหนูวากานะอยู่ไหน”

“หา?”

“ฉันไม่สนใจว่าหล่อนจะเป็นจะตาย แต่ฉันสนใจของสำคัญที่หล่อนเอาไปด้วยต่างหาก บอกมาว่าเธออยู่ไหน”

“ฉันไม่รู้!”

“โกหก! ฉันเห็นกับตาว่าแกหนีไปพร้อมหล่อนกับคุสะ ชินระ”

“ฉันไม่รู้จริงๆ!”

กึด!

“อ๊าก!!!”

แผลที่ไหล่ถูกบีบคั้นอย่างไร้ความปรานีจนซางะต้องร้องออกมาอย่างเจ็บปวด เสียงหายใจกระเส่าขาดช่วงไปเป็นพักๆทำให้สติเริ่มจะเลื่อนลอย

“ฉันจะให้โอกาสแกอีกครั้ง คุณหนูวากานะอยู่ที่ไหน ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดแขนแกแล้วเอาแกไปบำเรอลูกน้องของฉัน!”

“แฮ่กๆๆ…”

“พูด!”

“วากานะถูกฉันฆ่าโยนลงทะเลไปแล้ว พอใจไหม”

“!!!!”

เสียงทุ้มดูทรงพลังมาพร้อมกับบรรยากาศน่าขนลุก และเมื่อหันไปมองที่ต้นทางของเสียงก็พบกับบุรุษร่างสูงยืนกอดอกพิงบานประตูอยู่

“คุสะ!”

ชินระ… เขามาได้ยังไง ซางะนึกในใจ สายตาเลื่อนลอยมองร่างสูงทมิฬ เลือดสดๆอาบบนใบหน้าไหลย้อยลงมาตามโคลงหน้ามาถึงลำคอ แล้วยังมือสองข้างก็โชกไปด้วยเลือดสีแดงสดไม่แพ้กัน

“ขี้ขลาดเกินไปหน่อยนะพวกแกน่ะ แทนที่จะมาถามฉันแต่ดันจับคนนอกมาถามแล้วจะได้อะไร”

“โกหก! ฉันรู้หรอกว่าหมอนี่สนิทกับคุณหนู คนที่คุณหนูจะไว้ใจมีแต่มัน!”

“ก็เลยคิดว่าเขาจะกุมความลับที่พวกแกอยากได้ไว้ล่ะสิ ฮะๆๆ โง่ดีแท้”

“ว่าไงนะ”

กริ๊ก!

“ของที่พวกแกอยากได้คงจะเป็นเจ้านี่สินะ”

ชินระโชว์อุปกรณ์เก็บข้อมูลขนาดจิ๋วขึ้นมาต่อหน้า และเป็นไปตามคาดเมื่อคนที่ทำร้ายซางะเมื่อครู่ถึงกับหน้าถอดสี

“แกเอามันไปหรอกเหรอ!”

“ใช่ ฉันฆ่าวากานะแล้วก็เอามันมา ส่วนหมอนั่นก็แค่ของดูต่างหน้าวากานะที่ฉันอดสมเพชไม่ได้เลยต้องหิ้วออกมาด้วย ไง ทีนี้สมเหตุสมผลดีไหม”

“แก! ฆ่าคุณหนูงั้นเหรอ”

“แหม ทีอย่างนี้แล้วเป็นเดือดเป็นแค้นดีจัง”

ชินระดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร แถมยังดูเหมือนจะสนุกกับการยั่วอารมณ์ของอีกฝ่ายเล่นด้วย

“ถ้าอย่างนั้น ไอ้หน้าสวยนี่ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไปสินะ ไง คนสวย คงไม่ว่าสินะถ้าฉันจะส่งแกไปหาคนที่แกรัก ดีใจซะสิ”

ปืนพกถูกชักมาจ่อกลางหน้าผากซางะทันที แต่ก่อนที่คนตรงหน้าจะได้ลั่นไก มือข้างที่ถือปืนอยู่ก็พลันขาดสะบั้นปลิวออกไปตกบนพื้น

ฉับ!

“อ๊ากกกกก!!!!!”

เลือดบางส่วนสาดเข้าที่ใบหน้าซางะและยังไหลเข้าตาจนภาพข้างหน้ากลายเป็นสีแดงบดบังการมองเห็นไปชั่วขณะ ซางะได้ยินแค่เสียงร้องทรมานจากอีกคนก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบไป กว่าจะมองเห็นทุกอย่างอีกครั้งก็ตอนที่ชินระเข้ามาแก้มัดและเช็ดคราบเลือดออกจากใบหน้าของเขา

“ไปกันเถอะ”

เพียะ!

หลังมือเรียวยกปัดมือหนาเปื้อนเลือดที่เข้ามาจับ

“อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ขยะแขยง”

ซางะกัดฟันพูดออกมา พยายามสะกดความรู้สึกต่างๆนาๆเอาไว้จนปวดหัว ของดูต่างหน้าเหรอ ในสายตาของคนๆนี้ซางะเป็นแค่ของดูต่างหน้า แค่รู้สึกสมเพชก็เลยช่วยออกมางั้นเหรอ แล้วทำไม

“ทำไมไม่ฆ่าฉันซะล่ะ นายน่าจะฆ่าฉันให้ตายไปพร้อมๆกับเธอซะ! ทำไมล่ะเก็บฉันไว้ทำไม!”

“ลุกขึ้นได้แล้ว อยากให้พวกมันแห่กันมาอีกรึไง”

“ช่างฉัน!”

ซางะปัดทุกอย่างที่เข้ามาใกล้และพยายามยันตัวลงจากเตียงขนาดคิงไซส์ แต่ก็ไม่ง่ายนักเพราะบาดแผลที่ยังไม่หายดี ตอนนี้ความเจ็บยิ่งทวีคูณขึ้นสองเท่า อาการมึนงงยังไม่สร่างหาย แค่ลงน้ำหนักที่เท้าลุกขึ้นยืนได้ไม่ถึงนาทีร่างโปร่งก็ล้มพับลงอีกรอบ

พลั่ก!

และสิ่งที่ย่ำแย่กว่านั้นคือที่ซางะล้มลงมีแขนกับมือของคนตกอยู่พร้อมกับกองเลือด กลิ่นคาวคละคลุ้งจนชายหนุ่มต้องอาเจียน

“อุ๊บ! อ๊วกกกก!!!!”

“เป็นยังไงบ้าง”

“อย่ามายุ่งกับฉัน! ออกไป! ไปให้พ้น!!!!”

ซางะปัดป่ายทุกอย่างที่เข้ามาใกล้ จิตใจแกว่งไกว ทั้งกลัว ทั้งโกรธ สารพัดความรู้สึกเข้ามาเล่นงานตอนนี้ไม่รู้อะไรเป็นอะไร เขาตกใจกับสิ่งที่ไม่เคยเห็น เสียใจกับคำพูดของชินระนั่นก็ใช่ เจ็บปวดกับบาดแผลที่ได้รับ และช๊อกที่เกือบต้องเอาชีวิตมาทิ้งเพราะเรื่องของคนอื่น

ชินระถูกปัดมือทิ้งทุกครั้งที่จะเข้าไปใกล้ ซางะตอนนี้เหมือนคนบ้า เป็นธรรมดาของคนที่ไม่เคยพบเจอเรื่องแบบนี้ โลกของซางะมันสวยงามต่างจากโลกที่ชินระอยู่ เขาผิดเองที่ดึงคนตรงหน้าเข้ามารับรู้เรื่องแบบนี้ด้วย แต่จะให้ทำยังไงในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว

พรึ่บ!

ผ้าห่มถูกดึงมาคลุมร่างที่สั่นเทาก่อนที่ชินระจะสวมกอดร่างนั้นเอาไว้แน่นๆ

ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากของทั้งคู่ ภายในห้องสูทสุดหรูที่ตอนนี้เต็มไปด้วยคราบเลือดและชิ้นส่วนร่างกายที่ไร้ลมหายใจ เมื่อรู้สึกว่าร่างใต้ผ้าห่มเริ่มหายสั่นชินระพยุงร่างนั้นให้ลุกขึ้นยืน ซางะยังไม่มีเรี่ยวแรงแค่จะเดินเองก็แทบไม่ไหวแต่ก็ยังพยายามก้าวไปพร้อมกับร่างสูงที่พยุง

“ท่านครับ”

“จัดการเก็บกวาดให้เรียบร้อย”

ชินระสั่งลูกน้องคนสนิทสองคนก่อนจะพาซางะเดินต่อไปจนถึงรถที่จอดรออยู่ ซางะไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน ตลอดทางที่นั่งรถกลับมาถึงบ้านของชินระเขาถูกผ้าห่มคลุมทั้งตัวและยังกึ่งหลับกึ่งตื่น

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา