XENON LIFER อมนุษย์พันธุ์ทมิฬ

8.3

เขียนโดย TwentySIX

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  12.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

บทนำ

     เมื่อพระอาทิตย์ตกดินยามรัตติกาลจึงเริ่มมาแทนที่ บรรยากาศในตอนนี้ถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด และความหนาวเหน็บจากสายลม ค่ำคืนนี้คงจะไม่เลวร้ายจนเกินไป เพราะยังคงมีแสงจันทร์ช่วยส่องสว่างท่ามกลางหมู่ดาวนับหมื่นล้าน

     แต่ทว่ามันฉายแสงได้ไม่นานนัก ก็ต้องถูกมวลหมู่เมฆสีหม่นเคลื่อนคล้อยมาบดบังให้อับแสง

     แล้วลมกระโชกแรงๆก็เริ่มโหมกระหน่ำ สายฝนร่วงโปรยปรายทีละหยดสองหยด หยาดน้ำจากท้องฟ้าอันดำสนิทค่อยๆหล่นสู่พื้นมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็ไม่มีเสียงใดจะดังไปกว่าพายุฝนนี้

     ขณะนั้นเองก็ปรากฏชายหนุ่ม ผู้ปิดบังใบหน้าซีกล่างด้วยผ้าผืนเก่าๆ หมวกคนเดินป่าสีดำตัดด้วยขนนกสีขาวที่ประดับข้างๆหมวก เขาใส่เสื้อโค้ทคอปกตั้งชันสีดำด้าน กางเกงขายาวกับรองเท้าบูทสีทึบเลอะไปด้วยขี้โคลนจากการเหยียบย่ำแอ่งน้ำ มือทั้งสองข้างสวมถุงมือหนัง เขาถือกระเป๋าทรงสี่เหลียมที่มีตราสัญลักษณ์รูปดาวห้าแฉกกลับหัว โดยมันได้ถูกขีดฆ่าด้วยกากบาทสีเลือด

     เขาลืมตาสีแดงจัดซึ่งส่องประกายท่ามกลางความมืดมิด แล้วจับจ้องหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างไม่ไกลคล้ายกับต้องการประเมิน ก่อนเขาจะตัดสินใจเดินเข้าไปหลบฝนในร้านเหล้าเล็กๆแห่งหนึ่ง คนขายยืนส่งสายตาเย็นชามาหาเขา ชายหนุ่มเลือกนั่งตรงโต๊ะกลางร้าน กระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมวางทิ้งลงข้างตัว

     “จะรับอะไรดีครับ” เจ้าร้านกล่าวด้วยน้ำเสียงแบบคนเจ้าเล่ห์

     ชายหนุ่มเคาะนิ้วลงกับโต๊ะไม้เก่าๆและสกปรก พร้อมใช้ปลายนิ้วชี้ปาดบริเวณหน้าโต๊ะไม้ ที่เต็มไปด้วยขี้ฝุ่นจะเขอะ

     “เหล้าองุ่นที่ดีที่สุด” เขาบอกถึงสิ่งที่ต้องการ

     ไม่นานเกินรอ ขวดเหล้าองุ่นยังไม่ได้เปิดจุกก๊อกก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เจ้าของร้านตั้งใจจะเปิดขวดให้ แต่ชายหนุ่มกลับยกมือห้ามแทนความหมายว่า เขาจะไม่ดื่มที่นี่ เจ้าของร้านหยักไหล่ก่อนเก็บที่เปิดจุกไม้ก๊อก

     ชายแปลกหน้าถอนหายใจ เขาล้วงมือเข้าใต้ชายเสื้อโค้ทเพื่อที่จะหยิบถุงเงิน พลางถามถึงราคาของเหล้าองุ่นขวดนี้

     “...เท่าไหร่”

     อีกฝ่ายยิ้มอย่างมีเลศนัย แล้วค่อยตอบกลับมา

     “ห้าเหรียญทอง”

     ชายปริศนาชะงักกึก เขาเหล่มองคู่สนทนาอยู่ครู่หนึ่ง

     หน่วยเงินตราของที่นี่ จะแบ่งออกเป็นเหรียญเงินกับเหรียญทอง โดยหนึ่งร้อยเหรียญเงินจะเท่ากับหนึ่งเหรียญทอง ดังนั้นการใช้เงินระดับเหรียญทองแต่ละที จึงต้องคิดหนักกันหน่อย

     “เหล้าองุ่นที่ดีที่สุดในเมืองใหญ่ ยังขายกันแค่หนึ่งเหรียญทอง”

     ชายหนุ่มพูดเปรียบเทียบ เขาไม่ยอมรับราคาที่เจ้าของร้านโก่งตัวขึ้นมาแน่ๆ

     “ตอนนี้ราคามันขึ้นแล้ว คุณลูกค้า” 

     ทางฝ่ายเจ้าของร้านตอบเสียงเรียบ ชายปริศนาได้ยินเช่นนั้นก็ทำเสียงฮึที่ปลายจมูก ราวกับว่าสิ่งที่เจ้าของร้านเหล้ากำลังบอกมานั้น มันเป็นเพียงแค่เรื่องโง่ๆที่แทบจะไม่ต้องมาเสียเวลามานั่งคิด

     “...ไร้สาระ ฉันจะจ่ายแค่หนึ่งเหรียญทองเท่านั้น”

  ชายปริศนาตัดบทการสนทนา ก่อนจะดีดเหรียญทองลงบนโต๊ะ มันกระเด็นกระดอนพักหนึ่ง แล้วจึงหมุนควงก่อนจะหงายหน้าเหรียญรูปเทพธิดากุมมือตรงบริเวณอก

     ทันใดนั้นเอง...

 

     ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!

 

     ห่ากระสุนพุ่งทะลุจากนอกหน้าต่าง โดยเป้าหมายคือชายปริศนาที่นั่งบนเก้าอี้ ช่วงลำตัวเขากระตุกไปตามจังหวะที่ลูกกระสุนชำแรกแทรกผ่านร่าง มือละจากถุงเงินปล่อยให้ร่วงหล่นพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เลือดสีดำสาดกระจายเลอะเทอะไปทั่ว ร่างชายหนุ่มเซล้มจากเก้าอี้ลงไปนอนแทบพื้น เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้ว มือปืนทั้งหมดที่อยู่ข้างนอกจึงทำการหยุดยิง  

     เจ้าของร้านยืนสมน้ำหน้าอยู่ไม่ห่าง มือปืนเกือบสิบคนค่อยทยอยเข้ามาในร้านเหล้า พวกมันแต่งตัวกลมกลืนกับความมืด แทบจะทุกคนรีบตรงดิ่งเข้ามาหาถุงเงินก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเปิดออกมันจึงพบเหรียญทองจำนวนมหาศาล ซึ่งคาดว่าคงมีไม่ต่ำกว่าหกร้อยเหรียญทอง

     เพราะอย่างงี้ไง ถึงเลิกอาชีพสกปรกแบบนี้ไม่ได้

     “ไอ้โง่เอ๊ย”

     เจ้าของร้านถ่มน้ำลายลงหวังรดหน้าศพ ทว่ากลับมีมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาบังน้ำลายเอาไว้ได้ทัน

     ราวทุกสรรพสิ่งบนโลกหยุดนิ่ง เจ้าของร้านเพิ่งจะมานึกออกทีหลัง ว่านี่มันช่างผิดปกติ

     ทำไมเขาถึงไม่เอะใจ...

     ว่าเพราะอะไร เลือดของมันถึงเป็นสีดำ?

     ว่าเพราะอะไร มันถึงไม่ส่งเสียงร้องสักแอะ?

     คำตอบทั้งหมดนั้น ถูกไขกระจ่างโดยซากศพชายปริศนา ที่กำลังยันตัวลุกขึ้นมาอีกครา แม้ร่างกายจะชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีดำ แต่บาดแผลทั้งหมดกลับฟื้นฟูจนปิดสนิท เสื้อผ้าจากที่เคยมีรูมันก็ผสานเส้นใยต่อเส้นใยเข้ากันดังเดิม

 

     ปีศาจชัดๆ!!!

 

    มือปืนทั้งหมดตกใจสุดขีด พวกมันรีบเร่งใส่กระสุนชุดใหม่เตรียมจะเหนี่ยวไก ทว่าชายปริศนาเร็วกว่า เขาชักมีดคูครีซึ่งไขว้กลับหัวตรงกลางแผ่นหลัง ออกมาฟันมือและลำคอของมือปืนสองคนหน้าจนขาดกระเด็น ปืนลูกโม่สองกระบอกกลิ้งตกใกล้เท้าชายหนุ่ม

    “ตัวห่าไรว่ะเนี่ย!!”

     “ยิงแม่งเลย!!!”

    การสาดกระสุนเริ่มต้นอีกเป็นคำรบสอง ชายหนุ่มยกมีดขึ้นบังวิถีกระสุน ประกายไฟจากการเสียดสีระหว่างลูกตะกั่วกับใบมีดสว่างวาบราวฟ้าแลบฟ้าร้อง แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มปัดป้องเอาไว้ได้ไม่หมด ลูกปืนจึงวิ่งเจาะกะโหลกและลำตัวเขาจนพรุนเป็นรังผึ้ง

     ชายปริศนาล้มทั้งยืนอีกครั้ง แต่พวกมือปืนยังคงลั่นไกไม่หยุด เสมือนกับว่าพวกมันต้องการให้แน่ใจจริงๆ ว่าไอ้ปีศาจตัวนี้มันตายไปแล้ว

     จนกระทั่งเสียงแช๊ะๆ เป็นสัญญาณว่ากระสุนหมดดังขึ้น พวกมันมองหน้าเพื่อนที่อยู่ข้างๆ สลับกับศพตรงพื้น คล้ายต้องการบอกว่า ใครสักคนช่วยไปดูให้หน่อยสิ

 

     ตึง!!

 

    ศพที่ควรจะนอนนิ่งหยุดหายใจเด้งขึ้นมายืนตระหง่าน มือทั้งคู่ถือปืนซึ่งเก็บได้ และกำลังจ่อหัวมือปืนสองคนใกล้สุด เขาเอียงคอก่อนลั่นไกออกมาพร้อมๆกัน เพื่อระเบิดสมองสีชมพูอ่อนให้กระจุยกระจายออกจากกะโหลกศีรษะ ทั้งสองรายยืนซวยเซก่อนจะล้มหงายหลัง ราวกับของเล่นเด็กน้อยที่ลานหมด 

     ส่วนพวกที่เหลือก็เกิดอาการตื่นกลัว ก่อนทั้งหมดจะพากันวิ่งหนีตายไปด้านหลังร้าน โดยหารู้ไม่ว่าข้างในนั้นเป็นที่บ่มเหล้าเก็บเหล้า และมันก็ไม่มีทางออกเสียด้วย

     บานประตูไม้เปิดอ้าพวกมันวิ่งกรูเข้าไป แล้วตั้งใจจะปิดก่อนเพื่อลงดาล ประตู ทว่าปากกระบอกปืนทั้งสองกลับแทรกเข้ามาขัดเอาไว้จากข้างนอก ชายปริศนาออกแรงเพียงแค่นิดเดียว ก็สามารถง้างเปิดออกได้อย่างง่ายดาย เขาสืบเท้าเข้าไปพลางกวาดตามองเหล่ามือปืนรวมถึงเจ้าของร้าน ที่ขณะนี้ยืนตัวสั่นเรียงชิดติดข้างฝา บางคนใบหน้านองน้ำตาจนสารรูปดูไม่ได้ ส่วนบางคนก็สวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าทั้งๆที่มันเป็นคนบาปหนา

      “วันดีที่จะตาย...”

     ชายหนุ่มกล่าวสั้นๆ ก่อนสะบัดปืนจ่อไปทางเหยื่อสังหาร สายลมเย็นๆที่เล็ดรอดผ่านบานหน้าต่างอันแตกร้าวก็พัดเข้ามา ส่งผลให้บานประตูไม้ปิดลงฉับพลัน ทั้งห้องแคบๆจึงหลงเหลือเพียงแต่ความมืดสุดหยั่งถึง

 

    ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!! ปัง!!

 

    เสียงปืนดังถี่ยิบ แสงไฟวูบวาบทุกครั้งที่กระสุนวิ่งออกจากปากกระบอกปืน เลือดสีแดงสาดกระเซ็นย้อมให้ร่างเขาและห้องแคบๆจนแดงเถือก หยาดเลือดเหนียวหนืด ไหลบ่าผ่านช่องระหว่างประตู เสียงปืนยังคงดังกระหน่ำอย่างไม่มีท่าทีว่าจะสิ้นสุด

 

        แอ๊ด...

 

     ประตูถูกเปิดอีกครา ปรากฏร่างชายหนุ่มยืนหันหลังให้กองซากศพไร้วิญญาณ เสื้อผ้าเขาฉโลมไปด้วยโลหิต ปืนลูกโม่ทั้งสองกระบอกส่งควันร้อนกรุ่นๆ เขาเพ่งพินิจดูอาวุธร้ายในมือ จะเห็นว่ามันเปื้อนเลือดและมีรอยขีดข่วนจากการใช้งานมากมาย ชายหนุ่มโยนปืนในมือทิ้งแบบไม่ใยดี ก่อนเดินไปคว้ามีดคูครีที่พื้นมาเก็บเข้าที่ จากนั้นก็นำถุงเงินเก็บเข้าไว้ใต้ชายเสื้อโค้ท โดยไม่ลืมที่จะถือกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมตืดมือไปด้วย

     เขาย่างเท้าออกจากร้านเหล้า แล้วปล่อยให้สายฝนหนักๆมันช่วยชะล้างสิ่งสกปรกออก ขณะนั้นเองมือขวาก็ล้วงเข้าไปตรงกลางอก ก่อนจะคว้านแผลซึ่งยังไม่หายสนิทเพื่อควักลูกกระสุนจำนวนมากออกมาดู ชายปริศนาเอียงคอก่อนจะเทลูกตะกั่วหลายสิบนัดลงพื้น

     ทันใดนั้นเอง

     ดวงตาสีแดงก็จับจ้องอยู่ตรงป้ายปิดประกาศข้างทาง เขาอ่านข้อความนั้นในใจ

 

     ‘ระวัง รังโจร’

 

     ชายหนุ่มหยักไหล่ ก่อนจะใช้มือที่เปื้อนเลือดสีดำ ไปป้ายข้อความคำว่ารังโจร แล้วจึงเดินหายลับจากไปอย่างเงียบงัน

 

      วันนี้เป็นวันดีที่จะตาย และคืนนี้ก็เป็นคืนดี...ที่จะออกล่า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา