XENON LIFER อมนุษย์พันธุ์ทมิฬ

8.3

เขียนโดย TwentySIX

วันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 เวลา 10.59 น.

  13 chapter
  1 วิจารณ์
  12.98K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 มกราคม พ.ศ. 2560 11.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Never Know

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     ซีน่อนสืบเท้าเดินไปตามพื้นดินที่คุ้นเคย ดวงเนตรสอดส่องมองไปรอบๆ ราวกับต้องการจะจับผิดอะไรสักอย่าง ภายในหมู่บ้านเล็กๆที่ชายแก่กำลังพาเขาไปหาที่พัก มันช่างดูมีสีสันแห่งชีวิตจนน่าแปลกประหลาดและขัดแย้งกับความเป็นจริง ส่วนอาคัลก็เดินไปยิ้มไปอย่างมีความสุข เด็กหนุ่มผู้นี้แทบจะไม่ได้ออกมาสัมผัสกับโลกภายนอกเป็นปีๆ และแม้หมู่บ้านแห่งนี้จะตั้งอยู่ในเมืองลอสท์ ทว่าความรู้สึกและบรรยากาศกลับดูเหมือนเมืองอื่นๆทั่วไป

     ชายปริศนาสังเกตนาฬิกาทรายขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางหมู่บ้าน ขีดเส้นบอกเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงสลักเอาไว้ เสาเหล็กสูงตั้งคอยพยุงนาฬิกาทราย และสามารถหมุนสลับบนล่างได้ตามต้องการ

 

     เป็นการบอกเวลาของหมู่บ้านนี้สินะ

 

     ซีน่อนไม่สนใว่าขณะนี้ที่โลกภายนอกจะเป็นกี่โมงกี่ยาม

     เพราะสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุด ก็คือปริศนาของหมู่บ้านในเขตอาคมแห่งนี้

     และเนื่องจากนานๆทีจะมีคนใหม่ๆเข้ามาในหมู่บ้าน ชาวบ้านหลายๆคนจึงให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับอาคัลที่หน้าตาดูแล้วเป็นมิตรมากที่สุด ซึ่งเด็กผู้หญิงอายุไม่เกินเจ็ดขวบคนหนึ่ง ยังเดินเข้ามายื่นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ให้แก่เขา อาคัลชี้หน้าตัวเองแล้วส่งรอยยิ้มกลับไปให้

     "ให้ข้าเหรอ?" เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

     "ให้"

     เด็กหญิงบอกแล้วชูดอกไม้ส่งถึงมือเด็กหนุ่ม อาคัลเห็นแล้วจึงลูบหัวเธอเบาๆอย่างนึกเอ็นดู จากนั้นจึงค่อยรับดอกไม้มาถือ พร้อมกับมองไล่หลังเด็กหญิงที่รีบวิ่งกลับไปเข้าบ้าน เพื่อเล่าเรื่องผู้มาใหม่ให้พ่อแม่ของเธอได้รับฟัง

     "ที่นี่แปลก..."

     คล้ายกับว่าซีน่อนขี้เกียจทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวอีกต่อไป ชายหนุ่มหยุดฝีเท้าลงฉับพลัน นั่นเรียกความสนใจจากชายแก่ที่นำทางเป็นอย่างมาก

     "แปลกงั้นหรือ? แปลกยังไงกันล่ะท่านนักเดินทาง?"

     ชายแก่ยิ้มตาหยีแล้วหัวเราะในลำคอ

     "เขตอาคมนั่นใครเป็นคนทำ..."

     ชายปริศนาใช้นิ้วโป้งทิ่มข้ามหัวไหล่ไปยังเนินดินซึ่งเพิ่งจะเดินลงมา คำถามนั้นเริ่มเรียกบรรยายกาศไม่ค่อยดีจากอาคัล เด็กหนุ่มผมทองรู้ดีว่าหากซีน่อนใช้คำพูดที่คลุมเคลือในลำคอเมื่อไหร่ นั่นก็หมายความว่าเขาเริ่มอารมณ์ไม่ค่อยดี

     ซึ่งชายแก่ก็ไม่ได้คิดจะอมภูมิ หากนักเดินทางกลุ่มนี้รู้ว่าที่นี่มีเขตอาคา เราก็สมควรที่จะบอกเขาไปตรงๆ

     "ท่านสาวกซีซา เป็นคนสร้างเอาไว้น่ะสิ ท่านนักเดินทาง"

     "ซีซา"

     ชายปริศนาทวนคำในใจอย่างครุ่นคิด

     "...เจ้านั่น...มาจริงๆงั้นเหรอ"

     ซีน่อนพูดกับตัวเอง ทว่านั่นไม่ได้พ้นจากรูหูของอาคัลไปได้ ตอนนี้เด็กหนุ่มผมทองยาวสลวยเริ่มมีข้อกังขามากขึ้นทุกทีๆ ชายคนนี้มีเรื่องราวปริศนามากจนเกินไป 

     ชายปริศนากวาดตามองพื้นที่ทุกตารางนิ้ว สภาพแวดล้อมที่เหมือนกับหมู่บ้านอื่นๆอย่างไม่มีผิดเพี้ยน แต่เขาก็ยังรู้สึกหงุดหงิด ที่ได้มาเห็นพวกชาวบ้านใช้ชีวิตแบบให้หมดไปวันๆ ซีน่อนประสายตาสีแดงเลือดเข้ากับชายแก่ และเหมือนอีกฝ่ายเพิ่งจะรู้สึกตัว ว่าชายหนุ่มผู้มีดวงตาผิดปกติ

     "พาไอ้เด็กนี่ไปหาอะไรกินซะ..." ซีน่อนดันหลังอาคัลไปข้างหน้า

     อาคัลชี้หน้าตัวเองเมื่อถูกกล่าวถึง ก่อนจะทันเห็นซีน่อนเดินย้อนกลับไปอีกทาง ชายแก่เลิกคิ้วสงสัย

     "เพื่อนเจ้านี่แปลกคนดีนะ?"

     ทายาทราชาหัวเราะแห้งๆ จากนั้นจึงเดินตามชายแก่โดยไม่ปริปากพูดอะไร ส่วนชายปริศนากำลังถอดถุงมือข้างขวา ขณะสืบเท้าไปบนเนินสูง พบว่าผิวหนังหลังมือเขาเปื่อยยุ่ย นัยน์ตาสีแดงหลุบต่ำลงอย่างต้องการประเมิน

     เขาเชื่อว่าหมู่บ้านแห่งนี้ จะต้องมีอุปกรณ์เอาไว้ป้องกันสิ่งชั่วร้าย แต่ปัญหาหลักไม่ใช่เรื่องจู้จี้จุกจิกตรงนั้น 

     ปัญหาหลักก็คือตัวอักษรสีแดง ที่เกิดจากผิวหนังไหม้เกรียมบนหลังมือเขา ชายหนุ่มอ่านในใจเบาๆ

 

     'ฆ่าเรเบอร์ดอส'

 

     ถึงจะไม่รู้ว่าเรเบอร์ดอสคือใคร แต่หากคำว่าฆ่าหลุดออกจากปากซีซา นั่นก็หมายความว่าเจ้าของชื่อนั้น สมควรตาย 

     ซีน่อนส่ายหน้าอย่างเชื่องช้า ก่อนจะสวมถุงมือกลับเข้าที่เดิม และออกเดินต่อไป

 

 

     เพล้ง!!

 

     แก้วเหล้าถูกขว้างปาลงพื้นจนแตกละเอียด ผู้เป็นราชาแห่งเมืองลอสท์ ถึงขนาดต้องลุกขึ้นจากบัลลังก์ด้วยอาการกระฟัดกระเฟี้ยด ดวงหน้าบิดเบี้ยวจนแทบจะมองไม่เห็นเค้าเดิม เรเบอร์ดอสลากสายตามาหยุดอยู่ที่ปีศาจอีกา

     "มันเป็นไปไม่ได้!!"

     ผู้นำสารได้ยินก็สั่นหัวเบาๆ ก่อนก้มหน้าหลุบต่ำ

     "นี่เป็นเรื่องจริงขอรับ ท่านเรเบอร์ดอส...เมื่อสิบกว่าชั่วโมงก่อน ความมืดสีขาวเพิ่งจะถล่มเรือนจำมรณะ จนราบเป็นหน้ากอง"

     ตั้งแต่เมืองลอสท์ถูกสร้างขึ้นมากว่าสามร้อยปี ยังไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่สิ...ความมืดสีขาวไม่ใช่ปัญหามากมายอะไรนักหรอก เพราะตัวต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมด ก็คือไอ้องค์ชายนั่นแน่ๆ!

     "ไอ้องค์ชายนั่น มันอยู่ที่ไหน!"

     เรเบอร์ดอสตะโกนขึ้นอย่างต้องการตัว ตอนนี้เขาอยากจะฉีกร่างไอ้ตัวต้นเหตุให้เป็นชิ้นๆเสียจริง!

     "มันหายตัวไป ตั้งแต่ตอนที่แขกไม่ได้รับเชิญลงไปอยู่รูแล้วขอรับ ท่านเรเบอร์ดอส"

     ซาลาสที่ยืนเงียบมาตั้งนานบอก พ่อมดปีศาจฉีกอย่างชั่วร้าย ซึ่งราชาแห่งเมืองลอสท์เห็นเช่นนั้นจึงหันไปให้ความสนใจกับซาลาส

     "แต่มันก็ไม่ได้ออกไปจากเมืองลอสท์เช่นกัน"

     พอพ่อมดปีศาจกล่าวจบ ก็เสกลูกแก้วใสๆออกมาจากอากาศธาตุ จากนั้นจึงร่ายคาถาพึมพำ ทำให้ลูกแก้วสะท้อนภาพชายแปลกหน้า ที่กำลังทำลายเขตอาคมของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ไม่ว่าเจ้านั่นตั้งใจจะทำอะไรก็ตาม แต่ภายในเขตอาคมนั้นกลับมีหมู่บ้านที่ดูมีชีวิตชีวาอยู่ ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นในเมืองลอสท์

     "ข้าไม่รู้ ว่าเจ้าองค์ชายนั่นมีจุดประสงค์อะไร แต่มันต้องมีแผนการอะไรสักอย่างเป็นแน่"

     เรเบอร์ดอสกระแทกหลังกับบัลลังก์ จากนั้นจึงแตะปลายคางใช้ความคิด ดวงตาสีเขียวหรี่ลงหลุบต่ำ

     "น่าสนุกดีนี่...ข้าจะยอมวิ่งเต้นไปตามเกมของมันก็ได้"

    ราชาปีศาจยันตัวลุกขึ้น รอยยิ้มโฉดชั่ว ฉายเป็นประกายบนเรือนหน้าของเรเบอร์ดอส มือกางแล้วสะบัดออกไป ก่อนกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน

    "ส่งกองทัพปีศาจที่หนึ่ง ที่สองออกไปบดขยี้หมู่บ้านนั่นซะ!!"

 

 

     ชายปริศนายืนทำหน้าไม่เข้าใจ เขาจับจ้องมองรอยแตกของอากาศ ที่สุดปลายทางคือป่าสนไร้ใบอันน่าขนลุก ซีน่อนลองสืบเท้าไปจับรอยแตก ปรากฏว่าร่องรอยนั้นยิ่งร้าวมากไปกว่าเดิม

 

     'เขตอาคมของซีซาถูกทำลายได้ยังไง'

 

     มันไม่ใช่เขตอาคมกระจอกๆ ที่นึกอยากจะทำลายก็ทำลายได้ เพราะขนาดเวทฝ่าอาคมของศาสนจักรแสง ยังใช้ได้เพียงแค่ไม่กี่วินาที แถมสิ่งที่สามารถทำลายเขตอาคมได้แบบหมดจด ก็เห็นจะมีแต่กล่องมารกลั่นวิญญาณ กับมหาเวทชั้นสูงเท่านั้น

     แต่ใครก็ตามที่ทำลายเขตอาคมนี้ ต้องมีจุดประสงค์ไม่ดีแน่ๆ

     "ที่นี่ที่ไหนกันน่ะ ซีน่อน"

     หญิงสาวผมสีน้ำตาล ผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มอันสดใสปรากฏตัวออกมาฉับพลัน ชายปริศนาดึงผ้าปิดปากลง แล้วเหลือบมองร่างโปร่งใสของหญิงสาวแล้วตอบกลับไปตามความเป็นจริง

     "...หมู่บ้านในเขตอาคมน่ะ"

     "ฟังดูดีนี่นา"

     เธอพูดเสียงใสแต่ทว่าซีน่อนกลับไม่เห็นด้วย เขาชี้นิ้วไปที่รอยแตกร้าวบนอากาศ สายลมแรงๆพัดเข้ามา ชายเสื้อโค้ทสีดำสะบัดพริ้วตามกระแสลม นัยน์ตาสีแดงก่ำจับจ้องไปยังพระจันทร์สีเลือดจากอีกฝากหนึ่ง ซึ่งตอนนี้มีจุดสีดำขึ้นบนดวงจันทร์ ก่อนจุดทั้งหมดจะทวีคูณเรื่อยๆจนมืดฟ้ามัวดิน

     "แย่ล่ะ..." ชายหนุ่มเปรยเสียงเรียบ

     "อะไรแย่เหรอ?"

     จิลถามอย่างไม่เข้าใจ

     ซีน่อนไม่ตอบ เขาสลายกล่องมารเป็นละอองดำ ซึ่งมันคือสัญญาณง่ายๆที่จิลเคยเห็นมาหลายต่อหลายครั้ง ผ้าปิดปากผืนเก่าๆถูกดึงขึ้น ดวงเนตรสีแดงข้มเข้นจนน่ากลัว 

     "ไปหาอาคัลในหมู่บ้านนั่น..." เขาว่าพร้อมสะบัดนิ้วเข้าไปข้างในเขตอาคม ณ ที่แห่งนั้นยังคงเต็มไปด้วยสีสันแห่งชีวิต โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าขณะนี้กำลังจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้น

     "...บอกไป...ว่าให้มันเตรียมตัวรับมือด้วย"

 

 

     ฟิ้ว!!!

 

     ไวเวิร์นหลายตัวบินฝ่าสายลมอย่างรวดเร็ว อัศวินปีศาจนั่งกระตุกบังเหียนบังคับทิศทาง กลางหลังติดหอกสั้นหลายเล่ม หมวกเหล็กปิดกะบังหน้าลงอย่างพร้อมเพรียง ส่วนภาคพื้นดินก็มีทหารปีศาจจำนวนหลายพัน กำลังยาตราทัพเข้าไปในป่าสนไร้ใบ สัตว์อสูรตัวใหญ่เป็นร้อยกว่าตนเดินนำหน้าทัพอย่างไม่เร่งร้อน

     แตรศึกถูกเป่าดังกังวาน กลองสงครามระดมตีดังอึกทึก ป่าไม้สูงๆถูกโค่นล้มเป็นแถบๆ

     ซาลาสซึ่งนั่งอยู่บนหัวช้างศึก ฉีกยิ้มจนเกือบถึงใบหู เมื่อได้เห็นชายปริศนาเดินออกมายืนขวางทางนำสู่หมู่บ้านแห่งเขตอาคม

     "ไม่นึกเลย ว่าเราจะได้เจอกันเร็วแบบนี้"

     พ่อมดปีศาจรีบกระโดดออกจากหัวช้างศึก เมื่อเคียวโซ่ในมือซีน่อน ถูกตวัดลงมาเจาะกะบาลอสูรสงครามจนทะลุ เลือดสีแดงไหลกระฉูด เสียงคำรามดังลั่นจากปากอสูรสงคราม ก่อนร่างมันจะล้มลงมาทับพวกเดียวกันจนเละเป็นเศษเนื้อ

     "แต่ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ ซอมบี้บอย"

     ซาลาสใช้เวทบินข้ามหัวซีน่อนไปอย่างหน้าตาเฉย แต่มันยังไม่ทันได้ไปไหนไกล หญิงสาวหน้าตาน่ารัก แต่ร่างในชุดนอนของเธอกลับโปร่งใสก็ปรากฏตัวขึ้นมา สีหน้าพ่อมดปีศาจเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

     "ลุงเป็นคนไม่ดีใช่มั้ย"

     จิลบอกก่อนแบมือหันไปหาซาลาส พร้อมรีดเร้นไอพลังสีฟ้าออกไปห่อหุ้มร่างอีกฝ่าย พ่อมดปีศาจในชุดสีเขียว ถึงกับต้องแยกเขี้ยวขมวดคิ้ว เมื่อเขารู้สึกว่าทั้งตัวมันขยับไม่ได้ดั่งใจนึก

 

     'พลังวิญญาณงั้นเรอะ?'

 

     หญิงสาวเป่าปากโล่งอก ที่เธอสามารถหยุดการเคลื่อนไหวของซาลาสได้สำเร็จ ไม่อยากจะคิดเลย ว่าจะได้มาฝึกวิธีการใช้สร้อยคอถอดจิตแบบจริงๆจังๆ ก็ตอนที่สถานการณ์กำลังคับขันแบบไม่รู้สาเหตุ 

     "เจ้าบอกว่าตัวเองไม่มีเวลาสินะ"

     ชายหนุ่มผมทองยาวสลวยกระโดดมากระซิบบอกข้างๆใบหูซาลาส มือสองข้างขยุ้มเสื้อคลุมสีเขียวของมันแน่น พ่อมดปีศาจใช้หางตาเหล่มองเด็กหนุ่ม ขณะที่ทั้งสงอลอยตัวอยู่กลางอากาศ

     "งั้นพวกข้าจะให้เวลากับเจ้าเอง"

     พูดจบอาคัลก็เหวี่ยงร่างซาลาสอัดพื้นดิน แต่ระดับอย่างพ่อมดปีศาจ มีหรือจะพลาดท่าเป็นหนที่สอง เสี้ยววินาทีก่อนร่างซาลาสจะปะทะกับพื้นดินแห้งๆ พ่อมดปีศาจจึงสำแดงเวทแรงโน้มถ่วงมาให้ดูเป็นขวัญตา ทั้งก้อนหิน ทั้งเศษใบหญ้า ลอยขึ้นอย่างไร้แรงดึงดูด รวมไปถึงตัวเขาที่หยุดลงก่อนจะถึงพื้นดิน

     "ทายาทราชา กับหญิงสาวที่สามารถใช้พลังวิญญาณได้งั้นหรือ"

     ซาลาสฉีกยิ้มเหี้ยมเกรียม ในมือถือคทาไม้หงิกๆงอๆเอาไว้แน่น

     "น่าสนุกดีนี่!"

 

 

     ซีน่อนมองข้ามไหล่ไปในป่าสนไร้ใบ เขากับเธอยังติดต่อผ่านจากจิตเป็นพักๆ โดยชายหนุ่มได้พยายามสอนวิธีการใช้สร้อยคอให้แก่เธอ เพราะเป้าหมายของซาลาส จะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากหมู่บ้านแห่งนี้

     "วันดีที่จะตาย..."

     ชายหนุ่มกล่าว พร้อมกับควงเคียวโซ่ทั้งสองอย่างคล่องแคล่ว ทหารปีศาจกว่าสองพันชีวิตไม่กล้าทำอะไรสุ้มสี่สุ้มห้า เนื่องจากเคียวโซ่สังหารอันนั้น แทบจะเรียกได้ว่าหายไปจากมือของผู้ร่วงหล่น เสียงเหวี่ยดวาดผ่านสายลมดังอย่างน่ากลัว

 

     วิ้ง...

 

     สายตาทหารปีศาจหลายสิบตน จับจ้องคมเคียวจากทางซ้ายและขวาที่กำลังพุ่งตะปบเข้ามา ราวกับว่าภาพเบื้องหน้ามันช้าลง เศษใบหญ้าหยุดนิ่งกลางอากาศ แมลงหวี่บินค้างไม่ไหวติง ทั้งๆที่ทุกสรรพสิ่งหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว แต่เคียวโซ่ก็ยังคงชำแรกแทรกผ่านร่างปีศาจแถวหน้าทั้งหมด 

 

      ฉัวะ!! ฉัวะ!! ฉัวะ!!

 

     พริบตาแรกที่หยดเลือดตกถึงพื้น ทหารปีศาจทุกนายก็วิ่งเข้าใส่ทันที คมหอกตั้งขึ้นเตรียมเสียบร่างชายหนุ่ม แต่ว่าซีน่อนกระโดดบิดตัว แล้วหมุนตัวเหวี่ยงวาดเคียวโซ่ราวกับลูกข่างกลางอากาศ ทหารที่ยืนแหงนคอมองอยู่ข้างล่าง ต่างพากันโดนคมเคียวตวัดฟันศีรษะ จนทั้งหมวกเหล็กและกะโหลกแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี

     "แฮ่!!!"

     โทรลตัวหนึ่งคำรามเสียงต่ำ ก่อนมันจะใช้กระบอกในมือทุบร่างซีน่อนจนแบนติดดิน เลือดสีดำพุ่งไหลออกตามแขนขาที่หักสะบั่น เจ้าโทรลหัวเราะอย่างมีชัย

 

     เคร้ง!

 

     เคียวโซ่ขว้างซัดขึ้นไปคล้องคอโทรลอย่างแน่นหนา จากนั้นร่างสีดำอันไม่ครบสามสิบสองจึงกระตุกดึงตัวเองขึ้นไปเหยียบกลางอกมัน ฝ่าเท้าซึ่งฟื้นสภาพได้ทันจัดการเตะงัดใบหน้าจากใต้คาง ส่งผลให้มันตายคาที่เพราะกระดูกต้นคอหัก

     ซีน่อนลงมานั่งชันเข่าที่พื้น เคียวโซ่สังหารหวนกลับคืนสู่สภาพละอองดำ เพื่อที่มันจะได้กลั้นตัวเป็นอาวุธชิ้นใหม่ ในระหว่างที่เหล่าทหารปีศาจยืนคุ้มเชิงไม่กล้าเข้าประชิด ง้าวมังกรจีนก็อยู่ในมือของซีน่อนเรียบร้อย

     "ไม่ได้เห็นมาตั้งนาน..."

     ชายหนุ่มร่างเปื้อนเลือดสีดำ ควงอาวุธประจำกายชิ้นใหม่อย่างคุ้นเคย จากนั้นเขาจึงตวัดฟันในระยะห่างไกลกว่าหลายสิบเมตร แต่หัวของทหารปีศาจหลายสิบตน กลับหลุดออกจากบ่าอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     "อ..อาวุธชิ้นนั้นมัน...ง้าวมังกรวายุไม่ใช่เรอะ!" ทหารปีศาจตนหนึ่งพูดออกมาอย่างเหลือเชื่อ

     "ทำไมเจ้าผู้ร่วงหล่น ถึงมีอาวุธในตำนานไปครอบครองได้!!!"

     ซีน่อนรำคาญที่จะฟังเสียงอันน่าหนวกหู เขาเริ่มควงง้าวอีกครั้ง เพื่อเตรียมจะปล่อยคมมีดสูญญากาศอีกเป็นระลอกที่สอง

 

 

     โครม!!

 

     ต้นไม้หลายสิบต้นถูกโค่นล้มทับ กิ่งไม้แหลมๆพุ่งคดเคี้ยวเลี้ยวหาอย่างมีชีวิต โดยที่พื้นด้านล่าง มีอาคัลคอยบังคับมือสั่งให้กิ่งไม้ไล่ล่าซาลาสซึ่งบินหลบอย่างฉวัดเฉวียว ทางฝ่ายพ่อมดปีศาจหันคทาไม้ไปทางเด็กหนุ่ม ริมฝีปากแห้งๆกำลังจะอ้าปากร่ายมนตร์

     "ข้างหลังมีใครอยู่อ่ะ?"

     ซาลาสสะดุ้งเฮือกก่อนหันหลังกลับ ขณะคิดที่จะหนีไปร่ายเวทไกลๆ ไอพลังวิญญาณสีฟ้าก็เข้ามาห่อหุ้มร่างกายเขาจนทำให้ขยับตัวไม่ได้อีกครั้ง และพอลากสายตากลับมายังอาคัล ซาลาสก็ถูกกิ่งไม้ที่บิดเกลียวรวมกันกลายเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ ตบร่างเขาจนกระเด็นทะลุต้นไม้ไปหลายสิบต้น

     "ไม่เลวนี่ ทายาทราชา" 

     อาคัลเลิกคิ้วแบบคาดไม่ถึง เมื่อซาลาสอ้อมมาเข้าข้างหลังเขา ทั้งๆที่เพิ่งจะรับการโจมตีไปเมื่อครู่

     "เวทสลับตำแหน่งน่ะ เป็นเวทขั้นพื้นฐานสำหรับพ่อมดปีศาจทุกตนนั่นแหละ"

     เมื่อให้ความรู้เสร็จสิ้นซาลาสจึงฟาดคทาไม้ ที่ได้หน่วงเวทแรงโน้มถ่วงเพื่อเพิ่มอนุภาพการทำลายล้าง เพียงแค่เหวี่ยงวาดผ่านอากาศ สายลมก็แปรปรวนอย่างหนัก ต้นไม้สูงใหญ่ที่ยืนต้านแรงลม ต่างพาทยอยกันหักโค่นระเนระนาด

     เพียงแต่การโจมตีแบบตรงๆ ที่มองเห็นทิศทางได้อย่างชัดเจนนั้น คงไม่สามารถทำอะไรอาคัลได้

     เด็กกระโดดหมุนตัวหลบ พร้อมกับฟาดเท้าใส่ใบหน้าซาลาสจนสะบัด เลือดสีแดงไหลผ่านตามไรฟัน พ่อมดปีศาจเดินโซซัดโซเซก่อนใช้มือเช็คคราบเลือดอันเกิดจากแผลปากแตก เส้นเลือดข้างๆขมับปูดโปนอย่างโกรธจัด เรือนหน้าสูงวัยไม่หลงเหลือรอยยิ้มอันชั่วร้ายให้ได้เห็นอีก อาคัลหักกระดูกนิ้วมือพร้อมบิดคอไปมา

     "วิธีสวนกลับการโจมตีเนี่ย ถือเป็นพื้นฐานของพื้นฐานเหมือนกัน"

     "ไอ้เด็ก...เวร"

     ซาลาสไขว้คทาและมือเป็นรูปกากบาท ไอพลังเวทสีส้มไหลพลุ่งพล่าน โดยปกติแล้วพ่อมดปีศาจจะร่ายเวทมนตร์ ได้เร็วยิ่งกว่าพ่อมดทั่วไป แต่หากซาลาสเตรียมตัวรีดเร้นพลังเวทด้วยเวลาที่นานกว่าปกติ นั่นก็หมายความว่า...มันเตรียมที่จะใช้มหาเวท!

     'จะเอาจริงแล้วสินะ'

 

 

     ฝูงมังกรไวเวิร์นบินโฉบลงมา กรงเล็บแหลมคมกรีดร่างชายปริศนา เรียกเลือดสีดำไหลออกจากปากแผลนับไม่ถ้วน แต่ซีน่อนไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด เขากระโดดกาะขาไวเวิร์นตัวหนึ่ง ก่อนจะไต่ขึ้นไปหาอัศวินปีศาจที่คอยนั่งบังคับมังกร

     "อย่าขึ้นมานะโว้ย!!"

     อัศวินปีศาจคว้าหอกสั้น แล้วพยายามแทงไล่ชายปริศนาลงไป ทว่าชายหนุ่มก็กระโดดย้ายไปเกาะหางมังกร ร่างเขาห้อยไปมาก่อนจะกระโจนขึ้นไปอยู่บนหลังไวเวิร์น

     "แก!!"

     อัศวินปีศาจละมือจากบังเหียนแล้วชักหอกออกมาเหวี่ยงวาด ชายปริศนายกง้าวมังกรขึ้นปัดป้อง แล้วค่อยหมุนตัวสะบัดฟันในแนวนอน แต่อีกฝ่ายก้มตัวหลบพร้อมเสือกแทงหอกออกไป ซีน่อนแก้ทางด้วยการแทงง้าวใส่กลางหลังมักรไวเวิร์น ทำให้มีเลือดสีแดงไหลออกมา จากนั้นตนจึงจะตีลังกาหลบการโจมตีของอัศวินปีศาจ โดยการกระโดดข้ามง้าวไปด้านหน้า

     มังกรที่ถูกแทงเป็นแผลลึกแผดเสียงคำรามลั่น มันแหงนคอขึ้นเพื่อมองหาตัวผู้กระทำ ดวงตาแหลมเป็นเสี้ยวสะท้อนภาพง้าวมังกรที่ค่อยๆเข้ามาใกล้ทุกขณะ ก่อนคมศาสตราจะตัดผ่าหัวมังกรตัวนั้นออกไปเหมือนผ่าแตงโม เลือดสีสดสาดกระจายลงพื้นราวฝนโลหิต จากนั้นร่างมังกรทั้งตัวจึงจะร่วงลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วง

     อัศวินปีศาจส่งเสียงร้องโหวกเหวกอย่างตื่นกลัว ทั้งซีน่อนและมันตกลงมาพร้อมๆกัน แต่ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยให้เป้าหมายตรงหน้าหลุดมือไปได้ เขาใช้ขาสองข้างเกี่ยวข้างลำตัวมัน มือขวาที่ว่างไม่ได้จับถืออะไร ก็กระหน่ำชกไปที่ใบหน้ามันอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งหมวกเหล็กของอัศวินแตกกระจายออก เผยใบหน้ายับยู่ยี้น่าหวาดกลัว จมูกยุบลงเข้าไป ใบหน้าบวมช้ำเลือดจนจำเค้าเดิมไม่ได้

     ชายปริศนาบีบคอมัน แล้วจัดการปาร่างนั้นลงไปด้านล่างพร้อมซัดง้าวไล่ลงมา ถึงแม้ว่ามันจะไม่ตายเพราะตกลงมาจากความสูงที่เกินกว่าสามสิบเมตร แต่มันก็ต้องสิ้นลมหายใจ เมื่อคมง้าวมังกรพุ่งตามมาแทงหน้าผากจนทะลุหัวกะโหลก ดวงตาเกือบถลนออกมา แขนขาหงิกงอหยุดนิ่งไม่ไหวติง ก่อนซีน่อนจะตามลงมากระทืบบนด้ามง้าวมังกรซ้ำอีกครั้ง  หัวกะโหลกส่วนบนจึงเปิดออก เผยมันสมองสีชมพูปลิ้นออกมา

     "ตาย..."

     บุรุษชุดดำกล่าวจบ ก็ชักปืนลูกซองออกมาบรรจุกระสุน พร้อมหันไปทางกองทัพปีศาจ ซึ่งวิ่งกรูเข้ามาอย่างกระหายเลือด

 

     บนยอดต้นสนไร้ใบ ที่ตั้งอยู่ห่างจากสนามรบขนาดย่อมๆ ปรากฏร่างในชุดสีขาวตัวใหญ่ ผมเสยปัดไปด้านหลังสีเงินอันเป็นเอกลักษณ์ เขากำลังยืนอยู่บนกิ่งไม้แห้งๆ ทั้งที่กิ่งไม้นั้นควรจะหักเพราะรับน้ำหนักชายหนุ่มไม่ไหว

     ชายนิรนามทอดสายตาออกไปไกลๆ 

     ณ ที่ๆเขาจับจ้องมอง ได้มีแสงไฟจากเปลวเพลิงลุกโชน ธนูไฟหลายร้อยดอกพุ่งไปทั่วสารทิศ ก้อนเมฆบนท้องฟ้าทมิฬ แตกกระจายเพราะแรงอัดปะทะของพลังเวท ส่งผลให้แสงสีแดงเลือดจากดวงจันทร์ สามารถส่องลงมาฉายอาบทุกพื้นที่  จนขณะนี้มันแทบจะแปรเปลี่ยนทุกสิ่งให้มีสีแดงก่ำ

     ทุกอย่างเริ่มเป็นไปตามหมากที่เขาวางเอาไว้ 

     ชายนิรนามจัดการทำลายอาคมของซีซา และผลก็คือเรเบอร์ดอสได้สั่งให้ทำการโจมตีหมู่บ้านนี้ทันที ทีแรกเขาคิดว่าเรเบอ์ดอสจะไม่ติดกับง่ายๆ แต่แบบนี้ก็ดีแล้วล่ะ เพราะที่เหลือก็รอเวลาให้เมล็ดที่เขาหว่านมันออกดอกออกผลด้วยตัวของมันเอง

     ชายผมสีเงินเสยผมขึ้น ใบหน้าเย็นชาหันกลับไปมองข้างหลัง ซึ่งนั่นเป็นตำแหน่งเดียวกับที่ตั้งปราสาทของราชาแห่งเมืองลอสท์

     "แกเป็นใคร และใหญ่แค่ไหนฉันไม่สน..."

     เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้น เปลวเพลิงที่ลุกโช ในสนามรบนั้นแทบจะย้อมทุกสิ่งให้มีสีเดียวกับไฟโลกันต์ ซากศพและเศษชิ้นเนื้อไหม้ๆ กระจัดกระจายไปทั่วทุกอาณาบริเวณ เสียงคมศาสตราปะทะกันยังดังถี่ยิบอย่างไม่มีทีท่าว่าจะสิ้นสุดลง

     "แต่ที่แน่ๆ...แกโง่กว่าฉันแน่นอน" เขาพูดทิ้งท้าย ก่อนร่างจะแตกสลายกลายเป็นฝูงผีเสื้อสีดำสลับเงิน แล้วค่อยบินหายลับไปอย่างไร้ร่องรอย

..................................................................

 

ว่ากันว่า...

 

หากดวงวิญญาณใด ที่ยังคงมีห่วงต่อโลกใบนี้

 

ดวงวิญญาณนั้น ก็จะไม่สามารถไปสู่ปรภพที่ดีได้

 

แต่ว่ามันทำไมกันล่ะ...

 

ทั้งๆที่ข้าก็หมดห่วงต่อทุกสิ่งบนโลกแล้ว...

 

แต่ทำไมข้า...ถึงยังไม่ยอมตาย

 

..................................................................

    ซีน่อนเก็บปืนลูกซองที่เพิ่งจะยิงกระสุนระเบิดออกไป แล้วหันกลับมาเหวี่ยงวาดอาวุธอย่างไม่มีท่าว่าจะหยุด เขาหมุนควงง้าวมังกรก่อนจะระเบิดคมมีดสายลมออกไป ซึ่งไม่ว่าศัตรูหน้าไหนก็ตามที่ขวางทาง มันผู้นั้นก็จะกลายเป็นเศษเนื้อชุ่มเลือดไปสิ้น

     แต่ถึงกระนั้น พวกมันก็ยังวิ่งเข้าดาหน้ามาแบบไม่กลัวตาย คมดาบคมหอกและห่าฝนธนู พุ่งกระหน่ำใส่ชายปริศนาอย่างนับไม่ถ้วน ซีน่อนหันรีหันขวาง ก่อนจะเตรียมรับมือกับทหารปีศาจที่บุกตะลุยเข้ามานับพัน

     ทว่า...

 

     วู้มมม...

 

     จู่ๆก็มีระรอกคลื่นสีส้มอ่อนๆแผ่กระจายมาจากอีกมุมหนึ่ง ทุกสรรพสิ่งที่ถูกระรอกคลื่นสัมผัส ต่างหยุดนิ่งค้างไม่เคลื่อนไหว เศษฝุ่นดินลอยอยู่กลางอากาศ ศาสตราวุธชนิดต่างๆ หยุดชะงักก่อนถึงตัวชายปริศนา

      ซีน่อนยังสามารถกลอกตามองรอบตัวได้ นิ้วมือพอขยับได้เล็กน้อย แสดงว่านี่ไม่ใช่เวทแห่งกาลเวลา แต่ถ้าหากถามว่ามันคือเวทอะไร ผู้ที่เคยต้องมนตรามานับครั้งไม่ถ้วนอย่างซีน่อน ก็คงจะตอบด้วยเสียงไม่ค่อยชอบใจว่า...

     "เวทแรงโน้มถ่วง...แบบอากาศบีบตัวเรอะ?"

 

 

     ทางฝ่ายอาคัลและจิลก็รู้สึกฉงนไม่ใช่น้อย เพราะพวกเขาได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติง ต่างจากพ่อมดปีศาจที่ถือคทาเรืองแสงสีส้ม มันฉีกรอยยิ้มอย่างชั่วร้าย สายตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความเหนือชั้นกว่า

     "นี่เจ้าทำอะไรข้า!"

     อาคัลกระชากเสียงถาม เขาพยามเกร็งมือเกร็งเท้าเพื่อจะได้ขยับตัวให้หลุดจากเวทมนตร์บทนี้ แต่ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะพยายามสักเท่าไร มันก็ไม่เป็นผลอยู่ดี

     "ข้าก็แค่ทำให้อากาศรอบตัวพวกเจ้า อัดเข้าหากันจากทุกทิศทางแล้วบีบตัวยังไงล่ะ ซึ่งผลของมันก็คือ...กรงอากาศที่ไม่มีวันดิ้นหลุด"

     ซาลาสบอกขณะเหล่มองหญิงสาวนัยน์ตาสีคราม ที่ยืนนิ่วหน้าเพราะไม่สามารถรีดเร้นพลังวิญญาณได้

     "เปล่าประโยชน์น่าสาวน้อย ถ้าเวทนี้ไม่ส่งผลแก่ร่างจิต แล้วข้าจะเสียเวลาร่ายเวทไปทำไมตั้งนาน"

     แต่เวทนี้มีข้อเสียตรงที่ซาลาสต้องหน่วงเวทเอาไว้ตลอดการใช้งาน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เขาจะไม่สามารถใช้เวทมนตร์บทอื่นได้ ตราบเท่าที่เขาไม่ยอมยกเลิกเวทมนตร์บทนี้ 

     และสิ่งที่สำคัญที่สุดในการบุกโจมตีครั้งนี้ ไม่ใช่การถล่มหมู่บ้านกระจอกๆนั่นให้ย่อยยับ แต่มันเป็นการชิงต้นตอของพลังเวทอันมหาศาล ที่สามารถสร้างเขตอาคมทับซ้อนในเมืองลอส์ได้ต่างหาก

     พ่อมดปีศาจรีบกระโจนออกไปจากสนามรบ ร่างเขาหายไปในความมืดมิด ซึ่งสถานการณ์ที่ดูแล้วไม่ค่อยน่าไว้วางใจ ก็ได้บอกกับจิลเป็นนัยๆว่า...

     'มันกำลังจะมีเรื่องที่เลวร้ายสุดๆเกิดขึ้น!'

     หญิงสาวจึงไม่รอช้า ที่จะรายงานเหตุการณ์ในตอนนี้ให้ซีน่อนรับฟัง 

     "แย่แล้วล่ะ ดูเหมือนคนไม่ดีคนนั้นจะหนีไปได้!"

     สักพักเสียงราบเรียบของชายปริศนา ก็ดังตอบกลับมาในหัวของจิล เขาดูท่าทางจะไม่ซีเรียสกับสถานการณ์ปัจจุบันสักเท่าไหร่

     'ยัยโง่เอ๊ย...'

     "ฉันไม่ได้โง่นะ!"

     'เฮอะ...เดี๋ยวฉันจัดการเองก็ได้'

     ชายหนุ่มพูดตัดบทสนทนา เขาพยายามอย่างยิ่งยวด ที่จะกระดิกนิ้วมือตัวองด้วยพละกำลังอันมหาศาล จนกระทั่งซีน่อนสามารถกำง้าวมังกรจีนได้สำเร็จ ขาสองข้างยกขึ้นแล้วเหยียบกระทืบพื้นจนยุบตัวลง

     ชายปริศนาเริ่มทำการฝ่าเวทของซาลาสด้วยพละกำลังล้วนๆ นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างและจ้องมองเข้าไปยังที่ตั้งของหมู่บ้านในเขตอาคม เสียงกระดูกในตัวซีน่อนลั่นดังเบาๆ กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นขาดสะบั้น เลือดสีดำไหลซึมจากกระดูกข้อศอกและข้อเท้าเป็นทาง

     แต่ซีน่อนก็ยังพยายามจะตวัดฟันง้าวครั้งสุดท้าย ก่อนแขนเขาจะฉีกขาดออกจากกัน เพราะทนแรงต้านจากเวทมนตร์ชั้นสูงไม่ได้ คมมีดแห่งสายลมพุ่งออกไปอย่างหวังผล เขาหวังว่าการโจมตีทุ่มสุดตัวในครั้งนี้ จะสามารถหยุดซาลาสลงได้ทันท่วงที

     ตูม!!!

     เสียงระเบิดดังกึกก้องมาจากด้านในมิติที่แตกร้าว เป็นเวลาเดียวกับที่เวทมนตร์ของซาลาสถูกคลายออกอย่างกระทันหัน ซีน่อนยกมือปัดป้องม่านฝุ่นที่คละคลุ้งไปทั่วทุกหนแห่ง พื้นปฐพีสั่นไหวอย่างบ้าคลั่ง จนทหารปีศาจบางตนถึงกับล้มกลิ้งไปมาตามพื้น

     เมื่อฝุ่นควันซาตัวลง ทุกสายตาจึงได้เห็นหมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ใจกลางป่าสนไร้ใบ ชาวบ้านภายในนั้นหลายคนเกิดอาการตื่นกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขามองเห็นท้องฟ้าสีทมิฬ และพระจันทร์สีเลือดอย่างไม่อยากจะเชื่อในสายตา

     พ่อมดปีศาจกระโดดลอยตัวขึ้นไปอยู่บนท้องฟ้า มันยิ้มเย้ยหยัดก่อนชูนาฬิกาทรายอันใหญ่ให้ลอยค้างอากาศ ค่ำคืนนี้ดูเลวร้ายเสียยิ่งกว่าทุกๆวัน เพราะปีศาจร้ายหลายตัวกำลังส่งเสียงคำรามกึกก้อง เสียงกู่ร้องแห่งชัยชนะดังกระหึ่ม

     "เหลือเชื่อมากๆเลย...ที่แหล่งพลังเวทอันมหาศาลจะเป็นของที่ตั้งอยู่อย่างโจ่งแจ้งแบบนี้"

     กล่าวจบ ซาลาสก็ใช้พลังเวทระเบิดนาฬิกาทรายนั่นทิ้ง ชาวบ้านที่มองดูการกระทำอันนั้นใจแทบจะแหลกสลาย พวกเขายอมใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านอย่างหลบๆซ่อนๆมานับร้อยปี เพียงเพื่อที่จะไม่ต้องมาเผชิญหน้ากับพวกมัน...ทว่าโชคชะตานั้นกลับไม่ค่อยเป็นใจสักเท่าไหร่

     "แล้วข้าจะรอเจ้าอยู่ที่ทุ่งหลอนวิญญาณนะ ซอมบี้บอย"

     สิ้นสุดคำพูดประโยคนั้น ทั้งกองทัพทหารปีศาจก็อันตรธานหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม้แต่ซากศพไร้ชีวิตก็ยังหายสาปสูญ พื้นดินแตกแห้งดูดซับเลือดจนชุ่ม ต้นสนไร้ใบนับร้อย ต่างพากันล้มพังพินาศเป็นแถบๆ

     ซีน่อนกระทุ้งด้ามง้าวลงกับพื้น แววตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังพระจันทร์สีเลือด ซึ่งจุดนั้นคือทิศตะวันตก และหากเดินต่อไปตรงทิศนั้น ก็จะเป็นทุ่งหญ้าหลอนวิญญาณอย่างที่ซาลาสบอก

     และเสี้ยววินาทีก่อนพ่อมดปีศาจจะหายไป มันยังแอบชูอัญมณีสีเขียวมรกตให้เขาได้เห็น คาดว่าสิ่งนั้นอาจเป็นแกนเวทของซีซา ที่ซ่อนเอาไว้ข้างในนาฬิกาทรายก็เป็นได้

     "โอ้...พระเจ้า..."

     ชายแก่ผู้ใส่หมวกฟางพูดเสียงอ่อนแรง เขาก้มหน้าสวดภาวนาอย่างรู้สึกหวาดกลัวพวกปีศาจ ซีน่อนเหลือบมองด้วยหางตา ก่อนจะสลายง้าวมังกรจีนกลับคืนเป็นกระเป๋า ทั้งความหวาดวิตกกังวล และความหวาดระแวงทั้งหมด ได้ถูกถ่ายทอดผ่านออกมาจากเสียงบทสวดวิงวอนต่อพระเจ้า

     "อาคัล..." ซีน่อยเปรยเสียงค่อย

     "มีอะไรหรือท่าน"

     เด็กหนุ่มผมทองขานรับสั้นๆ

     "แกอยู่เฝ้าทุกคนในหมู่บ้านเอาไว้ให้ดี...ส่วนจิล...อยู่นี่แหละ"

     "ไอ้น้ำเสียงแบบนั้นมันหมายความว่ายังไงกัน"

     หญิงสาวลอยมากระซิบข้างหูซีน่อน เธอแสดงอาการไม่ค่อยพอใจ ที่ชายปริศนาชอบส่งสายตาเหนื่อยๆมาทางเธออยู่บ่อยๆ มันเหมือนกับว่าเขาเห็นเธอเป็นตัวภาระยังไงยังงั้น

     "อยากตามก็ตามมา..."

     กล่าวจบ ชายปริศนาก็สะบัดชายเสื้อโค้ทออก แล้วเดินมุ่งหน้าไปหาทางดวงจันทร์สีเลือด โดยมีหญิงสาวผมเจ้าของนัยน์ตาสีครามกำลังลอยวนอยู่รอบตัวเขา แสงสีแดงฉายอาบใบหน้าชายหนุ่ม ดวงเนตรเยี่ยงอมนุษย์ของซีน่อนสะท้อนภาพสีเลือดอันแดงก่ำ

     "รายงานข่าวขอรับ ท่านเรเบอร์ดอส"

     ปีศาจอีกาผู้นำสารเดินเข้ามาคุกเข่า ราชาปีศาจองค์นั้นถือมีดแกะสลักผลไม้ แล้วแกะตราสัญลักษณ์อันสลับซับซ้อนลงบนผลแอปเปิ้ล เสียงผิวปากดังเป็นจังหวะอย่างอารมณ์ดี

     "ว่ามาสิ" เรเบอร์บอสเปิดโอกาสให้ปีศาจอีกาพูด

     "การบุกโจมตีในครั้งนี้ประสบความสำเร็จแล้วขอรับ ท่านเรเบอร์ดอส"

     "เยี่ยมมาก"

     ทว่าประโยคต่อมาก็ทำให้เรเบอร์ดอสต้องชักสีหน้าทันที

     "...แต่ซาลาสไม่ได้กลับมาด้วยกับทางกองทัพ"

     "หมายความว่ายังไง!"

     เรเบอร์ดอสปามีดแกะสลักทิ้ง ส่วนแอปเปิ้ลในมือก็ถูกบีบจนแตกละเอียด แรงกดดันจากโทสะของราชาปีศาจนั้น แทบจะบีบหัวใจของปีศาจอีกาเป็นเสี่ยงๆ มันก้มหน้าลงอย่างต่ำมากถึงมากที่สุด มือไม้สั่นเทาด้วยความรู้สึกพรั่นพรึงในตัวเรเบอร์ดอส

     "...คือ...ซาลาส...ไปรอตัดสินกับความมืดสีขาว ข้าว่าอีกสักพักเขาคงจะกลับมา"

     ไอ้พ่อมดบ้านั่น!!

     ชอบทำอะไรตามใจชอบอยู่เรื่อย!!

 

 

     ตลอดทางที่เดินผ่านมา ซีน่อนไม่ปริปากพูดคุยอะไรสักคำ บรรยากาศเงียบและวังเวงทำให้หญิงสาวรู้สึกอึดอัด แม้ขณะนี้จะเดินทางผ่านป่าต้นสนไร้ใบจนออกมาเจอกับพื้นที่ราบสูงแล้วก็ตามที จิลลองแหงนคอมองขึ้นฟ้า พบว่าดวงจันทร์สีเลือดยังส่องประกายสุกสกาวอยู่เช่นเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปสักอีกที่นาทีหรืออีกกี่ชั่วโมง วันเวลาภายในเมืองลอสท์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

     จนในที่สุดเธอก็อดทนต่อความเงียบอันนี้ไม่ได้ จนต้องขอชวนคุยกับชายปริศนา

     "นี่ซีน่อน"

     "อะไร..." ชายปริศนาเหล่มองมาทางจิล

     "ทำไมนายถึงมาเป็นผู้ร่วงหล่นไปได้ล่ะ?"

     ชายปริศนาเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดโดยไม่หันมอง

     "ไม่รู้..."

     "ถ้างั้นนายเป็นคนที่ไหนล่ะ ใช่คนพื้นเมืองคาลมั้ย?"

     "ไม่รู้..."

     "จากนี้ไป นายจะทำอะไรต่อ ถ้านายทำภารกิจที่เมืองลอสท์จนเสร็จ นายจะไปไหนไปทำอะไรหรือเปล่า"

     "ไม่รู้..."

     เขายืนยันคำตอบเดิมด้วยน้ำเสียงราบเรียบ สองเท้ายังสาวก้าวเดินยาวๆไม่หยุด ท่าทางของซีน่อนดูไม่สนใจว่าจิลจะทำหน้าไม่พอใจสักแค่ไหน เขาดึงผ้าผืนเก่าๆขึ้นปกปิดใบหน้าเป็นการเตรียมพร้อมต่อสู้ เนื่องจากรองเท้าบูทคู่เก่าๆนั้นได้เหยียบย่างเข้าไปบนผืนหญ้าสีเขียวปนแดง ตอนนี้เขาเข้ามาจนถึงอาณาเขตของทุ่งหลอนวิญญาณแล้ว

     "นี่นายเคยรู้อะไรนอกจากชื่อตัวเองมั้ยเนี่ย"

     จิลพูดแกมประชด สิ้นประโยคนั้นซีน่อนก็ชักมีดคูครีออกมาดู แววตาชายหนุ่มสะท้อนตัวอักษรXENON ความรู้สึกว่างเปล่าแถมไม่มักคุ้นอะไรเป็นพิเศษกับคำว่าXENON คือความรู้สึกที่จิลได้รับรู้

     "มีดเล่มนี้ฉันเก็บมาได้...มันไม่ใช่ของฉันหรอก"

     "หมายความว่าไง?"

     ชายปริศนาควงมีดเก็บเข้าตำแหน่งเดิม ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์สีแดง สายตาเขาดูไม่เข้าใจกับอะไรทั้งสิ้น...ไม่สิ เขาอยากที่จะเข้าใจมันนะ เพียงแต่ว่ามันกลับไม่มีอะไรเลยที่จะทำให้เขาได้เข้าใจ

     "...ฉันไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง...แม้แต่ชื่อของตัวเอง"

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา