ศึกมารสะท้านยุทธภพ

8.0

เขียนโดย Nj4566

วันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.16 น.

  17 ตอน
  0 วิจารณ์
  16.18K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559 21.00 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) ศึกมารสะท้านยุทธภพ ตอนที่12

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ครั้นแล้วคิดได้ดังนั้น กงจั่วจึงตัดสินใจบอกกล่าวสิ่งสำคัญแก่ฮันโซ

 
กงจั่ว : ฮันโซเอ๋ย เจ้ารู้หรือไม่ ว่าเจ้ามายังพรรคพิรุณสวรรค์นี้แท้จริงแล้วเพื่อการใด?
 
ฮันโซ : ประมุขฉู่นำข้ามาที่นี่ เพื่อต้องการให้ข้าเป็นรองประมุข ช่วยเหลือกิจการต่างๆในพรรค
 
กงจั่ว : (หัวเราะ) ฮ่าๆๆ ผิดแล้วเด็กน้อย ผู้นำเจ้ามาที่นี่ แท้จริงคือจ้าวเพียน อดีตประมุขแห่งพิรุณสวรรค์ เขานั้นได้ร่วมวางแผนกับพรรคคิมหันต์สราญ ให้พีเจี่ยวไปบอกข่าวเรื่องเจ้าแก่ประมุขฉู่ มิเช่นนั้นคนเยี่ยงมัน มีหรือจะไปหาเจ้าถึงที่
 
ฮันโซ : ...แผนการ? แผนการอันใดเล่า?? 
 
ฮันโซเกิดความงุนงงสงกาอย่างยิ่ง แท้จริงจ้าวเพียนผู้ที่ฮันโซเคยพบ แลประลองฝีมือผู้นั้นเอง เป็นอดีตประมุขพรรคพิรุณสวรรค์ นี่มันคือเรื่องอันใดกันแน่หนอ
 
กงจั่ว : (ยิ้มอย่างพึงพอใจ) แผนการนี้ มีข้าที่ล่วงรู้ ประมุขพรรคคิมหันต์สราญได้ไปสืบเรื่องราวของเจ้าจนกระจ้างแจ้ง เขาได้ไปสอบถามบุคคลทุกผู้ในเมืองของเจ้า ว่าผู้ใดคือผู้ที่เก่งกาจที่สุด ทุกคนล้วนตอบเป็นชื่อเจ้า ประมุขพรรคคิมหันต์สราญส่งเหยี่ยว แจ้งข่าวแก่ข้า ให้ข้าเร่งเดินทางมาที่นี่ก่อนงานวันเกิดท่านเจ้าเมือง เพื่อให้ข้าช่วยเหลือเจ้าขึ้นเป็นประมุขพรรคพิรุณสวรรค์แทน คราแรกข้านึกสงสัยนัก แต่บัดนี้เมื่อข้าได้รู้จักกับเจ้าแล้ว ข้าจึงกระจ่างแก่ใจ ว่าต้องเป็นเจ้าเท่านั้นมิผิดพลาด
 
ฮันโซตกใจอย่างมาก ไม่เคยคาดคิดว่าแท้จริงเรื่องราวจะกลับตารปัตรเป็นเช่นนี้ ได้แต่บอกกับกงจั่วว่าตนนั้นยังเป็นเพียงผู้น้อย หวังเพียงมาหาประสบการณ์ มิเคยได้คาดหวังตำแหน่งใหญ่โตเช่นนี้ ประการหนึ่ง ประมุขฉู่นั้นเป็นถึงญาติผู้น้องของเจ้าเมืองเสวี่ยจื่อ ฮันโซเป็นเพียงคนนอกที่เพิ่งก้าวเข้ามา จะรับตำแหน่งประมุขพรรคไปได้อย่างไร กงจั่วจึงกล่าวให้ฮันโซคลายความกังวลใจ
 
กงจั่ว : คืนนี้เสวียจื่อจะเข้ามาที่พิรุณสวรรค์เพื่อหารือกับข้า ข้าจะนำเจ้าไปพบท่าน เจ้าอาจจะยังไม่รู้ว่าข้านั้นเป็นผู้อยู่เบื้องหลังพรรคพิรุณสวรรค์มาโดยตลอด แลเป็นผู้กุมคะแนนเสียงสูงสุดในพรรคแห่งนี้ หากมีข้าสนับสนุน ตำแหน่งประมุขพรรคย่อมกระเด็นจากประมุขฉู่มาสู่เจ้าอย่างง่ายดาย คืนนี้ข้าจะแจ้งเรื่องนี้แก่เสวียจื่อ แลข้ามีไพ่ในมืออยู่ ซึ่งหนทางนี้ เสวียจื่อต้องยอมรับโดยมิมีข้อแม้ ขอเพียงแต่เจ้ากราบข้าเป็นอาจารย์ ข้าจักสอนทุกสรรพวิชาแก่เจ้า แลเป็นข้านี้ จะนำเจ้าไปสู่ความยิ่งใหญ่ ประมุขฉู่นั้นจิตใจโหดร้าย ไม่เหมาะไม่ควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเป็นผู้นำพรรค ยิ่งอยู่ไปนานรังจะสร้างแต่ความวุ่นวาย ขอให้เจ้าจงรับภาระนี้ไว้เถิด เพื่อสร้างสรรค์ให้พรรคเจริญรุ่งเรือง นำความสงบสุขสู่คนทั่วหล้า หากเจ้ายังลังเล เห็นทีข้าคงจะต้องขอร้องเจ้าเสียกระมัง
 
ดังคำกล่าวคนโบราณว่าไว้ คนขยัน แลฉลาด จงให้เป็นผู้นำ
คนเกียจคร้าน แต่ฉลาด จงให้เป็นมันสมองสั่งการแก่ผู้อื่น
คนเกียจคร้าน แลโง่งม ยังพอเลี้ยงไว้ได้
 
หากโง่งม แต่ขยัน ควรฆ่าทิ้ง เพื่อมิให้งานเกิดความเสียหาย
 
ฮันโซ : ท่านอย่าได้กล่าวเช่นนั้นเลย ข้าเป็นผู้น้อย มีหรือควรให้อาวุโสเช่นท่านจำต้องขอร้อง ท่านคือกงจั่วผู้รู้ลมรู้ฟ้า หากท่านคาดคะเนแจ้งแก่ใจแล้วว่าเป็นข้ามิผิดพลาด แม้นตัวข้าจักยังมิรู้ว่าควรทำประการใดต่อไป แต่ข้าก็จะรับปาก
 
ดังนั้นแล้วฮันโซจึงกราบกงจั่วเป็นอาจารย์ ในใจนั้นแม้จะหวั่นเกรงบ้าง แต่กลับยินดีลิงโลดที่จะได้นำชื่อเสียงเกียรติยศสู่ครอบครัวมากกว่า ราวกับว่าชะตาลิขิต ให้มีผู้นำพรรคพิรุณสวรรค์อันยิ่งใหญ่ใส่พานมาถวายแก่ตนถึงที่ เรื่องเช่นนี้หากเกิดกับผู้ใด แล้วไม่ได้รับไว้ย่อมเป็นผู้โง่เง่าบัดซบ เกรงก็แต่เรื่องของประมุขฉู่เท่านั้น ฮันโซจึงกล่าวถามแกกงจั่ว
 
ฮันโซ : และประมุขฉู่นั้นเล่า เมื่อกลับเข้ามาที่พรรคแล้วท่านจะทำประการใดต่อ?
 
กงจั่ว : หลังจากข้าหารือเรื่องของเจ้ากับเสวียจื่อเรียบร้อยแล้ว ข้าจะต่อรองกับฉู่ซ่งหมิง (ชื่อจริงของประมุขฉู่) หากมันไม่ยอมไปจากพรรคแต่โดยดี... 
 
กงจั่วยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูฮันโซเบาๆว่า
 
"งานนี้ เห็นทีชะตามันต้องขาด"
 
- - - 
 
กลางดึกคืนนั้น กงจั่วนำฮันโซไปพบเสวียจื่อ เสวียจื่อเป็นชายร่างบาง แม้นจะอายุ 36 ปี แต่หน้าตางามอ่อนเยาว์ มีจริตจกร้านราวสตรี แต่งกายอย่างหรูหรานัก ผู้นี้หรือคือหัตถ์เทวะ ฮันโซเกิดความประหม่าเล็กน้อย แต่กงจั่วกลับแตกต่าง เขาตำหนิเสวียจื่อราวพี่ใหญ่ตำหนิน้อง เสวียจื่อได้แต่นั่งฟังเรื่องราวต่างๆอย่างไม่สามารถโต้แย้ง จนมาถึงประเด็นสำคัญ
 
กงจั่ว : ล่าสุดเจ้ารู้วีรกรรมของน้องรักเจ้าบ้างหรือไม่?
 
เสวียจื่อ : ได้ยินมาแล้ว ว่าเอาธงของข้า อ้างคำสั่งข้า ไปสั่งการสำนักน้อยใหญ่รอบๆ
 
กงจั่ว : รู้เช่นนี้เจ้ายังมิทำประการใดอีก หรือจะให้มันเรืองอำนาจไปทั่ว
 
เสวียจื่อ : หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ตัวข้าได้ตักเตือนไปหลายครั้งแล้ว แต่ฉู่ซ่งหมิงก้ยังเหมือนเดิม เรื่องนี้ผู้เฒ่าในพรรคเหมันต์เมฆาก็บอกแก่ข้าเช่นกัน ว่าฉู่ซ่งหมิงไปป่าวประกาสแก่คนไปทั่ว ว่าจะรวมสามพรรคเข้าด้วยกัน อาศัยความเป็นญาติผู้น้องข้า แต่ที่ข้าไม่พอใจที่สุด คือมันไปบอกที่คิมหันต์สราญล่าสุด ที่มีเรื่องกับอาเจี่ยว (ประมุขพรรคคิมหันต์สราญ) ว่าหากแตะต้องให้มันไม่พอใจ มันจะให้ข้าปลดอาเจี่ยว ด้วยมันนั้นเคยมีบุญคุณใหญ่หลวงกับข้าไว้ ข้าจักมิกล้าปฏิเสธ
 
กงจั่ว : กำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว...
 
เสวียจื่อ : ไอ้เรื่องบุญคุณนั้นก็ตั้งแต่สมัยข้ายังเยาว์ ที่บ้านข้าเคยยากจน แต่ครอบครัวของฉู่ซ่งหมิงครานั้นมีฐานะ ครอบครัวข้าแลเคยได้ไปขอความช่วยเหลือจากครอบครัวมันอยู่ เรื่องมันก็ตั้งนานมาแล้ว ข้าก็มิรู้จะทำประการใดกับมันเหมือนกัน หรือพี่กงจั่วมีหนทางจัดการ
 
กงจั่ว : เอามันลงจากตำแหน่งประมุขซะ ก่อนมันจะสร้างความวุ่นวายให้เจ้าไปมากกว่านี้
 
เสวียจื่อ : (ตกใจ พลางโอดครวญ) ...หา มันต้องถึงขั้นนั้นเลยหรือท่านพี่? มันร้ายแรงถึงขั้นนั้นจริงเชียว
 
กงจั่ว : ร้ายแรงหรือไม่ งั้นเจ้าจงเรียกประชุมทั้ง 3 พรรคดู หากมีผู้ใดแม้เพียงคนเดียวถือหางข้างมัน ข้าจะยอมให้ แต่เจ้ารู้หรือไม่ ตอนนี้ทั้ง 3 พรรค ทุกๆคนล้วนเกลียดชังมันยิ่งนัก หากเจ้าไม่เอามันลง ข้ารับประกันว่าพิรุณสวรรค์ที่เจ้ารักนักหนา เห็นท่าจะต้องพินาศในเร็ววัน
 
เสวียจื่อ : ถ้าหากปลดฉู่ซ่งหมิงลง แล้วผู้ใดเล่า จักมาดูแลกิจการพรรค
 
เสวียจื่อคล้ายรำพันแก่ตัวเองเบาๆ แต่สายตามองไปที่ฮันโซ พร้อมๆกับกงจั่ว เสวียจื่อพิจารณาลักษณะฮันโซ แล้วมองหน้ากงจั่ว จึงรู้แจ้งคำตอบแก่ใจ
 
เสวียจื่อ : (รำพึงเสียงเบา)...เป็นเช่นนี้เอง (หันไปหากงจั่ว) ท่านมั่นใจแล้วใช่หรือไม่?
 
กงจั่ว : ข้าขอรับประกันสตรีผู้นี้ นางเป็นลูกศิษย์ของข้า
 
เสวียจื่อ : แต่พรรคเราที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ หาได้เคยมีสตรีขึ้นเป็นประมุขพรรคเลยแม้แต่คราเดียว
 
กงจั่ว : ธรรมเนียมโบราณต้องล้มเลิก ถึงเวลาแล้วที่พวกเราต้องเข้าสู่ศักราชใหม่ แล้วตัวเจ้าเองเล่า? เป็นบุรุษแท้จริงหรือไม่ 
 
กงจั่วเหน็บเสวียจื่อ เสวียจื่อได้แต่ยิ้มเจื่อน
 
เสวียจื่อ : เช่นนั้นท่านจะทำประการใดก็ทำเถิด ข้ายกอำนาจให้ท่าน กับเรื่องฉู่ซ่งหมิง ข้าลำบากใจนัก ไม่อยากยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว ข้าขอตัวไปดื่มสุราหาความบันเทิงใจก่อน ฝากเรื่องนี้แก่ท่านและฮันโซด้วยก็แล้วกัน
 
พูดจบเสวียจื่อก็เดินสะบัดสะบิ้งจากไป เขานั้นจิตใจเป็นสตรีทั้งสิ้น มิได้เป็นคนชอบเผชิญหน้ากับปัญหาใดๆเลย เขารู้แก่ใจว่า หากฉู่ซ่งหมิงไม่ยินยอม ครานี้คงมีการได้สู้รบกัน แลเสวียจื่อก็มิได้อยากเข้าไปอยู่ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนั้น
 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา