รักข้างใจ
เขียนโดย Annakan
วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.07 น.
แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 11.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เพื่อนใหม่
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเด็กชายรวีกับเด็กหญิงจันทกานต์กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมปีที่สี่ วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกและเด็กทั้งสองก็ยังคงมาโรงเรียนและกลับบ้านด้วยกันเหมือนเดิม
“เย็นนี้วีต้องซ้อมบอล วีไปส่งแก้มก่อนก็ได้” รวีบอกตอนพักกินข้าวเที่ยง
“ไม่เป็นไรเรานั่งทำการบ้านรอได้” เธอชินกับการที่มีรวีอยู่ข้างๆ และแม่ก็ไม่อยากให้เธอไปไหนมาไหนคนเดียวระหว่างนั่งรอเธอจะได้แอบมองเขาไปด้วย เพื่อนๆ ในห้องล้อเธอกับวีทุกวันว่าเป็นแฟนกันเธอไม่ได้โกรธอะไรเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงมันเป็นแค่เรื่องล้อเล่นขำๆ ของพวกไม่มีสติ
เธอยังเด็กมากจะมีแฟนได้ยังไงคนเป็นแฟนกันก็คือคนรักกันมันต้องมีเรื่องชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องซึ่งเธอไม่ได้รู้สึกแบบนั้นกับวีเลยพูดให้ถูกคือเธอยังไม่รู้จักความรู้สึกแบบนั้นด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไงเธอแค่รู้สึกอุ่นใจที่วีอยู่ข้างๆ ก็เท่านั้นเอง
รวีโกรธและโมโหมากเวลาใครมาล้อว่าเขากับแก้มเป็นแฟนกันมันไร้สาระสิ้นดีเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลย เขาเคยเห็นในโทรทัศน์พระเอกนางเอกที่เป็นแฟนกันจะกอดแล้วก็จูบกันเขาไม่มีวันทำแบบนั้นกับแก้มแน่นอน เขาสัญญากับแก้มไว้ตั้งแต่ประถมหนึ่งแล้วว่าจะดูแลเธอถ้าเขาทำแบบพระเอกในโทรทัศน์มันก็เป็นการทำให้แก้มเสียหาย
“นักเรียนทุกคนวันนี้เรามีเพื่อนใหม่นะคะ” คุณครูจูงมือเด็กผู้หญิงหน้าตาคมขำเข้ามาในห้อง
“ทักทายเพื่อนๆ หน่อยสิคะอัญญา”
“สวัสดีค่ะเราชื่ออัญญา ชื่อเล่นหวานยินดีที่ได้รู้จักทุกคนค่ะ”
“มีใครอยากนั่งกับเพื่อนใหม่บ้างคะ” คุณครูเอ่ยถามแล้วกวาดตามองไปทั่วห้องแต่ก็ไม่มีใครยกมือ ทุกคนได้ข่าวลือต่างๆ นาๆ เกี่ยวกับเด็กใหม่คนนี้เลยไม่มีใครอยากสุงสิงด้วยเขาลือกันว่าที่ต้องย้ายโรงเรียนกะทันหันเพราะแม่ติดคุก บางข่าวก็ว่าเพราะเด็กใหม่เกเร
“ให้หวานมานั่งกับเราได้ไหมไม่มีใครยกมือสักคนเลยวี”
“ได้สิ”รวีย้ายที่ตัวเองไปข้างหลังแก้ม
“ให้อัญญามานั่งกับหนูได้ไหมคะคุณครู” แก้มลุกขึ้นยืนแล้วถามเสียงดังฟังชัด
“ขอบใจนะ” อัญญากระซิบขอบคุณเพื่อนใหม่แล้วก้มหน้าหลบสายตาจากทุกคน
“เราชื่อจันทกานต์ชื่อเล่นว่าแก้ม เราเรียกเธอว่าหวานได้ไหม”
“ได้ ขอบใจนะ” อัญญายังคงไม่กล้าสบตาเพื่อนใหม่เธอรู้สึกถึงความไม่เป็นมิตรของทุกคนในห้องแต่ไม่ใช่จากเพื่อนคนนี้แต่เธอก็ยังคงประหม่าอยู่ดี
“มีหนังสือไหมถ้าไม่มีดูกับเราก็ได้” เมื่อหวานส่ายหัวเธอจึงเลื่อนหนังสือไปที่กลางโต๊ะเพื่อนจะได้อ่านถนัด
“กริ๊ง” เสียงกระดิ่งดังขึ้นบอกเวลาเลิกเรียน เด็กๆ ทุกคนเก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าแล้วเอ่ยลากันก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน
“หวานกลับบ้านยังไง” แก้มถามเพื่อนใหม่
“นั่งรถเมล์บ้านหวานอยู่เลยโรงเรียนไปห้าป้าย”
“งั้นเจอกันพรุ่งนี้นะ” ใจจริงเธออยากจะชวนหวานคุยต่อแต่ดูเธออึดอัดลำบากใจเอามากๆ
“แล้ว แล้วแก้มล่ะกลับบ้านยังไง” หวานรวบรวมความกล้าเอ่ยถามออกไป
“เรากลับบ้านพร้อมวีทุกวันเพราะบ้านอยู่ติดกันหมู่บ้านเราอยู่ข้างๆ โรงเรียนเลย หวานเห็นไหมที่หน้าหมู่บ้านมีน้ำพุอันใหญ่ๆ แล้วก็มีรูปปั้นของนางฟ้า”
“เห็น หวานยังคิดเลยว่าสวยมากๆ เหมือนน้ำพุวิเศษเลย”
“หรอ เดี๋ยววันนี้เราต้องไปดูใหม่ซะแล้วผ่านทุกวันไม่เคยได้ชื่นชมเลยขอบใจนะหวาน”
“เราชื่อรวีเรียกวีก็ได้แต่ต้องขอตัวก่อนนะเราต้องรีบไปซ้อมบอลยินดีที่ได้รู้จักนะน้ำหวาน แก้มฝากกระเป๋าด้วย” พูดจบรวีก็วิ่งตึงตังออกไป
“อ้าว แล้วแก้มทำอะไรล่ะ” หวานถามด้วยความสงสัย
“ก็นั่งทำการบ้านอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ วีเขาซ้อมแค่ชั่วโมงเดียวเพราะขอที่บ้านไว้ได้แค่นั้น ดูผู้ชายซ้อมบอลตลกดีออกคนสิบกว่าคนวิ่งไล่ลูกกลมๆ ลูกเดียวเขี่ยกันไปเขี่ยกันมาพูดแบบนี้ทีไรวีฉุนตลอด” แก้มพูดแล้วขำออกมาเพราะนึกถึงใบหน้าของวีที่ไม่สบอารมณ์เอามากๆ เวลาได้ยิน
“แล้วหวานล่ะต้องรีบกลับบ้านไหมถ้าไม่รีบไปนั่งด้วยกันก็ได้นะ”
“ไม่รีบ กลับบ้านไปก็ไม่มีใครอยู่หรอก” อัญญาตอบด้วยเสียงเศร้าสร้อย
“ป่ะ หวาน” แก้มยื่นมือไปให้เพื่อนใหม่ อัญญาลังเลแต่ก็ยื่นมือมาจับในที่สุดและมิตรภาพของทั้งคู่ก็เกิดขึ้นในนาทีนั้น
หลังจากได้คุยกันชั่วโมงกว่าแก้มก็รู้ว่ามารดาของเพื่อนติดคุกด้วยข้อหาลักขโมย บ้านของหวานฐานะขัดสนแม่ทำงานโรงงานแต่เงินก็ไม่พอใช้ส่งเสียให้ลูกคนเดียวได้กินดีอยู่ดีแบบคนอื่นเขา แม่ของหวานจึงตัดสินใจขโมยเงินของบริษัทและมันก็เป็นความคิดชั่ววูบที่ผิดมหันต์
“หวานมาอยู่กับป้าแต่เขาก็ไม่ได้สนใจหวานหรอก เขาแค่ให้หวานอาศัยซุกหัวนอนเท่านั้น”
“ต่อไปนี้หวานมีเราเป็นเพื่อนหวานจะไม่เหงาแล้ว” แก้มจับมือเพื่อนมาบีบให้กำลังใจ
เธอโชคดีที่เกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมถึงจะไม่ได้รวยล้นฟ้าแต่เธอก็ไม่เคยต้องลำบากหรือขัดสน ชีวิตของเธอสุขสบายมาตั้งแต่เด็กมีทั้งพ่อและแม่ ในขณะที่หวานไม่เคยเจอหน้าพ่อแท้ๆ สักครั้ง แม่ของหวานเล่าให้ฟังว่าพอรู้ว่าตั้งท้องพ่อของหวานก็ทิ้งไปทันที
“พ่อคะแม่คะถ้าหนูเล่าให้พ่อกับแม่ฟังเรื่องที่เพื่อนบอกหนูมันจะเรียกว่าหนูไม่ซื่อสัตย์รึเปล่าคะ” แก้มเอ่ยถามระหว่างที่นั่งดูข่าวภาคค่ำ
“มันต้องดูที่เจตนา ใช่ไหมคุณ” วิภาหันไปถามสามี
“ใช่ลูก ถ้าหนูเล่าด้วยเจตนาดีไม่ได้ต้องการว่าร้ายหรือทำให้อับอายก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหายนะลูก”
“วันนี้มีเพื่อนใหม่มาเข้าเรียนค่ะ ชื่อหวานไม่มีใครคุยกับหวานเลยค่ะเพราะเขาลือกันว่าแม่ของเด็กใหม่ติดคุก”
“แล้วข่าวลือมันจริงไหมล่ะลูก” เมธีถามลูกสาว
“จริงค่ะ” แก้มตอบเสียงเบา
“บอกแม่ได้ไหมว่าเพราะอะไร”
“หวานเขาไม่มีพ่อ แม่ของหวานทำงานหาเงินคนเดียวมันไม่พอใช้เลยตัดสินใจขโมยเงินของบริษัทหนูรู้ว่าการขโมยมันไม่ดีแต่แม่ของหวานก็ได้รับโทษแล้วและที่สำคัญหวานไม่ใช่คนขโมยทำไมทุกคนต้องไม่คุยกับหวานละคะ”
“หนูทำถูกแล้วลูก แม่ดีใจที่ลูกของแม่มีเหตุผลไม่เชื่อคำลือโดยไม่ใช้สติไตร่ตรอง”
“พาหวานมาเล่นที่บ้านเราก็ได้นะพ่อกับแม่จะได้รู้จักเพื่อนใหม่หนูบ้าง” เมธีกอดลูกสาวด้วยความปลื้มใจ ไม่เสียแรงที่วิภาเฝ้าฟูมฟักให้ลูกเป็นคนอ่อนโยนและคิดถึงจิตใจผู้อื่นเสมอ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ