รักข้างใจ

7.7

เขียนโดย Annakan

วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 เวลา 11.07 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,245 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2559 11.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) จุดเริ่มต้นของมิตรภาพ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                              

               ครอบครัว “วรโชติปัญญา” มีลูกสาวตัวน้อยที่เป็นแก้วตาดวงใจเพียงคนเดียวคือ “หนูแก้ม” ชื่อจริงของเธอคือเด็กหญิงจันทกานต์ เธอลืมตามาดูโลกช่วงปลายฤดูหนาว คืนนั้นพระจันทร์ลอยเด่นกระจ่างอยู่บนฟ้าไม่มีรัศมีของสิ่งใดมาเทียบได้ ลูกสาวเพียงคนเดียวจึงได้ชื่อนี้ที่แปลว่า “งามดั่งพระจันทร์”

                พ่อกับแม่ของหนูแก้มเป็นชนชั้นกลางที่พบรักกันตั้งแต่วัยยี่สิบต้นๆ ทั้งคู่ช่วยกันเก็บหอมรอมริบจนมีบริษัทรับทำบัญชีเป็นของตัวเองเมื่อเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้วคู่สามีภรรยาจึงตกลงที่จะมีโซ่ทองไว้คล้องใจ เมธีกับวิภาคิดไว้ว่าจะมีลูกน้อยๆ สักสองคนให้เป็นเพื่อนเล่นกันแต่หลังจากพยายามอยู่หลายปีน้องของหนูแก้มก็ไม่ยอมมาอยู่ด้วยทั้งคู่จึงเลิกพยายาม

                บ้านหลังเก่าที่อยู่กันมาตั้งแต่หนูแก้มเกิดตอนนี้โดยรอบไม่ต่างอะไรกับแหล่งเสื่อมโทรม ด้านข้างรั้วชิดกันเป็นห้องแถวให้นักศึกษามาเช่าก็เป็นที่มั่วสุมทั้งกลางวันและกลางคืนเลยไปท้ายๆ ซอยก็มีบ่อนพนันส่วนปากซอยก็เป็นคาราโอเกะ เมธีกับวิภาเก็บเงินมาหลายปีเพื่อซื้อบ้านหลังใหม่และก็ทำได้ในที่สุด

                “มาหนูแก้ม” วิภาเรียกลูกสาววัยเจ็ดขวบให้ขึ้นรถ สามคนพ่อแม่ลูกช่วยกันขนของกันตั้งแต่เช้าแล้วก็มาเสร็จเอาตอนสายๆ ถึงจะเหนื่อยแต่มันก็เต็มไปด้วยความสุขใจ

                “ลาก่อนนะบ้านน้อย” หนูแก้มโบกมือให้บ้านของเธอ เมธีขับตามรถบรรทุกคันโตไปเรื่อยๆ แก้มอยากไปถึงบ้านหลังใหม่เร็วๆ เหลือเกิน

                เธอรักบ้านน้อยถึงจะเล็กแต่มันก็อบอุ่น แต่หลังๆ มา พวกพี่ๆ นักศึกษาชอบมาดื่มเหล้ากันทำให้เธอกับพ่อแม่แทบไม่ได้นอนแล้วเดี๋ยวนี้ก็มีแต่คนแปลกๆ เดินกันให้ทั่วซอย พ่อกับแม่ไม่ปล่อยให้เธอไปไหนเองเลยมันทำให้เธออึดอัดและที่สำคัญมันทำให้เธอไม่ได้หัดขับจักรยาน

                บ้านหลังใหม่เป็นหมู่บ้านจัดสรรรูปแบบทันสมัยตัวบ้านเป็นสีครีมและมีหลังคาสีเทา หน้าบ้านมีสนามหญ้าเล็กๆ และบริเวณโดยรอบก็เงียบสงบมากๆ และที่สำคัญที่สุดเธอจะได้ห้องนอนที่มีระเบียงยื่นออกมา เธอใฝ่ฝันจะได้นอนชมท้องฟ้ายามค่ำคืนกับตุ๊กตาหมีของเธอมานานแสนนาน ก็บ้านเก่าของเธอไม่มีระเบียงเดินออกมาหน้าบ้านก็มีแต่เสียงเกากีต้าร์เสียงเคาะหม้อเคาะไหของพวกขี้เมา

                วันที่ตกลงทำสัญญาที่บ้านใหม่ระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกันเธอก็เดินเล่นไปรอบๆ และแอบเห็นว่าเพื่อนบ้านของเธอคือเด็กชายอายุรุ่นราวคราวเดียวกันและเขาดูเป็นมิตรและใจดีมาก เธอส่งยิ้มไปให้เขาก็ส่งยิ้มที่แสนจริงใจกลับมาและตอนที่กำลังจะอ้าปากคุยกันพ่อกับแม่ก็เรียกตัวเธอพอดีกลับออกมาก็ไม่เจอเขาแล้ว

                “อ้าว มากันแล้ววันนั้นวีบอกว่ามีคนมาดูบ้าน คุณไปทักทายเพื่อนบ้านกันวีด้วย” พรพิมลชวนสองพ่อลูก

                “สวัสดีค่ะดิฉันชื่อพรพิมลสามีชื่อปรีชาแล้วก็รวีค่ะลูกชายคนเดียวของเรา ยินดีต้อนรับนะคะมีอะไรขาดเหลือบอกกันได้ตลอด”

                “ขอบคุณมากค่ะดิฉันชื่อวิภาสามีชื่อเมธีเราก็มีลูกคนเดียวค่ะชื่อหนูแก้มน่าจะเอายุเท่ากันนะคะ” วิภาทักทายและแนะนำตัวกับเพื่อนบ้าน

                “เต็มเจ็ดขวบค่ะกำลังจะเข้าประถม” พรพิมลตอบ

                “เหมือนกันเลยค่ะเดี๋ยวหนูแก้มก็จะไปเรียนที่โรงเรียนดีเลิศวิทยา” วิภาตอบและมองครอบครัวนี้ด้วยความชื่นชมการมีเพื่อนบ้านที่ดีถือเป็นโชคดีที่สุด

                “อ้าว โรงเรียนเดียวกับวีเลยมาครับเดี๋ยวผมช่วยขนของดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ” ปรีชาเอ่ยขึ้นมา

                “เอ่อ อย่าเลยครับรบกวนเปล่าๆ” เมธีบอกด้วยความเกรงใจ

                “รบกวนอะไรคะ เพื่อนบ้านกันแท้ๆ” พรพิมลว่าแล้วเดินไปรอที่ท้ายรถ

                “งั้น รบกวนด้วยนะครับ” แล้วสองครอบครัวก็ช่วยกันขนของกันอย่างขะมักเขม้นส่วนเด็กๆ ก็แข่งกันวิ่งมาหยิบของชิ้นเล็กๆ ที่รถแล้ววิ่งกลับมาให้เร็วที่สุด

                “วี น้องเป็นผู้หญิงทำไมพาน้องวิ่งแบบนั้น” พรพิมลหันมาเอ็ดลูกชาย

                “ขอโทษครับ” เด็กชายรวีเอ่ยขอโทษมารดาและตั้งแต่นาทีนั้นเขาก็รู้ว่าเขาจะต้องอ่อนโยนกับแก้ม

                “ขอบคุณมากๆ เลยครับถ้าไม่ได้คุณสองคนเราแย่แน่ๆ” เมธีขอบคุณเพื่อนบ้านที่แสนดี

                “นี่ก็เย็นแล้ว ถ้าไม่ได้ไปไหนมาทานข้าวด้วยกันนะคะเพิ่งย้ายเข้ามาคงไม่สะดวกจะทำอาหารกัน” พรพิมลเอ่ยชวน

                “เอ่อ อย่าเลยค่ะคุณพรพิมลแค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว” วิภาบอกปัดเพราะเกรงใจจริงๆ

                “วี ถามหนูแก้มสิลูกว่าอยากทานข้าวกับเราไหม” ปรีชาให้เด็กๆ เข้ามาช่วย

                “แก้ม มาทานข้าวกับเรานะวันนี้แม่ทำน้ำพริกกุ้งสดด้วยแม่วีทำอร่อยที่สุดในโลกเลยแก้มจะได้มาทำความรู้จักเจ้าแมคโครของวีด้วย”

                “ไปได้ไหมคะพ่อไปนะคะแม่หนูอยากเห็นแมคโคร” ลูกสาวหันมาอ้อนวอนด้วยสายตาละห้อย

                “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรบกวนคุณพรพิมลกับคุณปรีชาอีกครั้งนะคะ” วิภาบอก

                “เรียกมลกับปั้นก็ได้ค่ะ งั้นเราแยกย้ายกันไปล้างเนื้อล้างตัวนะคะอีกชั่วโมงนึงเจอกันค่ะ” พรพิมลบอกแล้วจูงมือลูกชายเข้าบ้าน

                ตอนแรกวิภาก็ไม่รู้สึกหิวอะไรแต่พออาบน้ำจนสบายเนื้อสบายตัวท้องก็ร้องดังสนั่น เธอยังอดแปลกใจไม่ได้กับความถูกชะตาและอัธยาศัยที่แสนดีของเพื่อนบ้านโชคดีจริงๆ ที่เลือกบ้านหลังนี้ ใจจริงเมธีอยากได้บ้านอีกซอยนึงแต่เขาก็ตามใจเธอ

                “มาครับๆ เข้ามาเลย” ปรีชาเดินออกมาต้อนรับ

                “แก้ม นี่ไงแมคโคร” วีเดินนำไปที่ตู้ปลา แมคโครคือปลาทองตัวโต

                “โอ้โฮ ตัวใหญ่จังสีก็สวยมากเลยวี” หนูแก้มเอาหน้าไปแนบใกล้ๆ แล้วเบิ่งตามองด้วยความประหลาดใจตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเห็นปลาทองที่ไหนตัวใหญ่ขนาดนี้

                “วี เขาดูแลอย่างดีให้กินหนอนแดงเป็นประจำ” ปรีชาบอกเด็กน้อย

                “ให้เราช่วยอะไรบ้างไหมคะ” วิภากับเมธียืนเก้ๆ กังๆ อยู่กลางบ้าน

                “วี พาน้าธีกับน้าภาไปนั่งสิลูก เอาน้ำมาด้วยนะ”

                “เชิญทางนี้ครับน้าธีน้าภาแก้มด้วย” เด็กชายรวีทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่น่ารักเดินนำไปที่โต๊ะอาหาร

                ปรีชามองลูกชายแล้วก็อดแปลกใจไม่ได้ ปกติรวีซนเป็นลิงทโมนไม่มีเพื่อนผู้หญิงสักคนแล้วทำไมอยู่ดีๆ ถึงได้คุยถูกคอเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับหนูแก้มทั้งที่เพิ่งเจอกันได้ไม่กี่ชั่วโมง วิภาก็แปลกใจในตัวลูกสาวไม่แพ้กันหนูแก้มเป็นเด็กขี้อายมาแต่ไหนแต่ไรจะเอ่ยปากพูดอะไรทีต้องลุ้นกันแทบขาดใจ

                “ขอบคุณมากนะครับอาหารอร่อยทุกอย่างเลย ไว้อะไรเข้าที่เข้าทางเชิญมาทานอาหารที่บ้านเราบ้างนะครับ” เมธีเอ่ยขอบคุณหลังจากมื้ออาหารที่แสนอร่อย

                “คงไม่อร่อยเท่าที่มลทำนะคะแต่จะพยายามเต็มที่เลย” วิภาบอก

                “เราสามคนพ่อแม่ลูกกินง่ายค่ะ” พรพิมลกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

                “ให้เราช่วยล้างนะคะ” วิภาอาสาจะช่วยเก็บล้างจานชาม

                “โอ๊ย จานแค่ไม่กี่ใบเราล้างกันเองได้ค่ะพาหนูแก้มไปนอนดีกว่าค่ะดูท่าจะเพลียแย่แล้ว” พูดพลางก็ลูบหัวเด็กน้อยไปด้วยหนูแก้มช่างน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ

                “ขอบคุณนะคะน้ามลน้าปั้น” เด็กน้อยยกมือไหว้

                “ไม่เป็นไรจ้ะแล้วมาอีกนะ”

                ทั้งที่เพิ่งจะหกโมงนิดๆ แต่สามคนพ่อแม่ลูกก็ง่วงกันจนตาแทบจะปิด ดีว่าห้องหับมาจัดการปูผ้าทำความสะอาดกันไว้ก่อนหน้านั้นแล้ววันนี้ที่ขนมาก็พวกเฟอร์นิเจอร์ห้องครัวกับห้องนั่งเล่น

                “แน่ใจนะแก้มว่าหนูนอนได้” วิภากับเมธีเดินเข้าไปส่งลูกสาวที่ห้องนอนเพราะเธอเพิ่งจะมีห้องเป็นของตัวเอง

                “นอนได้ค่ะ หนูจะเข้าโรงเรียนแล้วนะคะหนูโตแล้ว” หนูแก้มตอบเสียงดังฟังชัด

                “ฝันดีนะคะ” วิภาห่มผ้าให้ลูกสาวแล้วหยิกแก้มส่งท้าย ที่เธอตั้งชื่อลูกว่าแก้มเพราะตอนแรกเกิดทารกน้อยแก้มยุ้ยแดงแจ๋เหมือนมะเขือเทศสุกและตอนนี้มันก็ยังคงเป็นแบบนั้นอยู่เธอไม่เคยเห็นเด็กที่ไหนมีแก้มน่าหยิกเท่าลูกสาวตัวเองมาก่อนเลย

                “ฝันดีครับคนเก่ง” เมธีขยับผ้าห่มให้เข้าที่แล้วจูบหน้าผากส่งลูกเข้านอน

 

               

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา