I'm Freak__ผมเหรอ...ตัวประหลาด!! (Yaoi)

7.3

เขียนโดย pimmizzii

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 17.29 น.

  10 chapter
  1 วิจารณ์
  10.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2559 17.38 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) เพื่อนเก่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

วันนี้เป็นวันเสาร์ มันควรจะเป็นวันที่ผมสามารถนอนโง่ๆอยู่บนเตียงได้ทั้งวัน ใช่ไหม? แต่ว่า…

ถ้าไม่ติดว่าไอ้แป้งมันโทร.จิกผมทุกๆ10นาทีให้ผมไปช่วยเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้หลานมันเนี่ย! มันจะดีเป็นบุญต่อชีวิตผมมากกกก

-ครืดๆๆ-

นั่นไง พูดยังไม่ทันขาดคำโทรมาอีกแล้ว

“ฮัลโหล”

ผมกดรับสาย

“มึงอยู่ไหนเนี่ย กูโทรหามึงเป็นสิบๆสายแล้วนะ ทำไมยังไม่มาอีก ถ้าวันนี้กูไม่มีของขวัญวันเกิดให้ ‘มังกร’ นะ กูต้องโดนพี่สาวกูฆ่าตายหมกส้วมแน่ๆ”

ก็นั่นแหละครับ โทรมากี่รอบๆก็พูดแต่ประโยคแบบเดิมเป๊ะๆ จนผมจะพูดตามมันได้อยู่แล้ว

“เออๆ เดี๋ยวกูรีบไป เพิ่งจะ 10 โมงเช้า จะรีบอะไรนักหนาว้ะ งานวันเกิดหลานมึงจัดตอนกลางคืนไม่ใช่เหรอ?”

ผมจะบ้าตาย มันโทรหาผมตั้งแต่ 8โมงครึ่ง ปลุกผมออกมาจากที่นอนอันเป็นที่รัก กว่าผมจะได้นอนก็เกือบเช้า ทำร้ายผมที่สุด!

“ก็ใช่ไง แต่กูยังหาของขวัญให้หลานกูไม่ได้เลย มึงรีบๆมาเถอะ กูรออยู่ที่ร้านของเล่นนะ”

-ติ๊ด-

แล้วมันก็วางหูไป ว้ากกกกก อยากพ่นไฟใส่หน้ามันโว้ยย

และกว่าผมจะมาถึงร้านของเล่นที่มันนัดไว้ก็เกือบ 11 โมง พอผมไปถึงก็บ่นจนหูชาที่ผมมาสาย

“กูจะซื้ออะไรให้หลานกูดีว้ะ มึงช่วยกูคิดหน่อยดิ”

อยู่ดีๆมันก็โยนงานยากๆมาให้ผมเฉยเลย

“แล้วหลานมึงชอบอะไรล่ะ”

ผมพูดพลางเดินดูของเล่นไปด้วย

“หุ่นยนต์ รถบังคับแล้วก็หนังสือการ์ตูน”

ผมได้แต่มองหน้าไอ้แป้งแล้วทำตาปริบๆ

“แล้วหลานมึงชอบอันไหนมากที่สุด”

ผมถามกลับ

“หุ่นยนต์”

ไอ้แป้งตอบ

“งั้นมึงก็ซื้อหุ่นยนต์ให้หลานมึงสิ จะยากอะไรว้ะ”

พอผมพูดจบไอ้แป้งก็หันมามองผมด้วยสายตาซาบซึ้งใจ อะไรของมัน?

“จริงด้วย ทำไมกูไม่นึกได้ตั้งแต่ทีแรกว้ะ กูเลือกคนไม่ผิดจริงๆ”

อันนี้ก็เวอร์ไป แค่แนะนำให้ซื้อของเล่นให้หลานเอง พอไอ้แป้งพูดจบมันก็ไปเดินเลือกซื้อหุ่นยนต์ให้หลานมัน ส่วนผมก็เดินดูของเล่นไปเรื่อย

“โซ โซใช่ไหม?”

ผมหันไปตามเสียงเรียกข้างหลัง แล้วก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังผม

“ใช่ครับ คุณคือ…?”

ผมมองหน้าผู้ชายคนนี้งงๆ ผมรู้จักเขาด้วยเหรอ?

“กู ’จั๊มพ์’ ไง ที่ตอนม.ปลายเราอยู่ห้องเดียวกันอ่ะ จำกูได้เปล่า?”

ผมมองจั๊มพ์อย่างอึ้งๆ เพราะไม่ได้เจอกันนานมาก ตั้งแต่จั๊มพ์ลาออกจากโรงเรียนไป จั๊มพ์เป็นคนใจร้อนแล้วก็ชอบมีเรื่องกับเด็กโรงเรียนอื่นทุกวัน เรื่องชกต่อยบ่อยจนห้องปกครองนี่เป็นเหมือนบ้านหลังที่สองเลยครับ แต่จั๊มพ์เป็นคนรักเพื่อนมากๆครับ ถึงแม้ว่าจะใจร้อนมากๆก็ตาม

“จำได้ๆ หายไปไหนมาตั้งนาน”

ถึงแม้ว่าจั๊มพ์จะดูร้ายสำหรับคนอื่นแต่จั๊มพ์ไม่เคยทำร้ายผมเลย เขาเคยช่วยผมด้วยซ้ำตอนนั้นที่ผมถูกล้อว่า ‘เป็นตัวประหลาด’ เพราะผมมองเห็นวิญญาณได้ เพื่อนๆในห้องเลยมองว่าผมเป็นตัวประหลาด แต่จั๊มพ์ก็ไม่เคยเชื่อเรื่องแบบนี้หรอกครับ ชอบท้า ชอบลอง ผมเตือนแล้วเขาก็ไม่เคยฟัง

“กูออกจากโรงเรียนกูก็หางานทำเลย เลยไม่ค่อยได้ไปไหน”

อย่างน้อยก็ยังดีที่เขายังคิดหางานทำ ไม่เสียผู้เสียคนเหมือนที่ใครหลายๆคนเคยว่าเขาเอาไว้

“ไปกินข้าวกันหน่อยไหม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”

ผมหาเรื่องชวนจั๊มพ์ไปกินข้าวด้วย เพราะสิ่งที่ผมเห็นตั้งแต่ผมหันมาหาจั๊มพ์คือ มีผู้ชายแก่ๆนั่งคร่อมอยู่บนไหล่ของเขาแล้วเอามือทั้งสองข้างกดหัวของจั๊มพ์เอาไว้ ชายแก่ที่ผมเห็นไม่ใส่เสื้อแต่นุ่งผ้าโจงกระเบนสีแดง หนวดเคราเฟิ้มยาวลงมาจนเกือบถึงหน้าอก ผมของเขาขาวโพลน ผิวของเขาเป็นสีเข้มและมีรอยเหี่ยวย่นบ่งบอกถึงอายุ ดวงตาที่เขามองมาที่ผมแข็งกร้าวมากและดูดุดันจนผมเริ่มขนลุกและหลังจากที่ผมชวนจั๊มพ์กินข้าว เขาก็ยกนิ้วขึ้นมาชี้หน้าผมด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่ผมแปลกใจก็คือบนหน้าผากของเขาไม่มีจุดวงกลมอะไรบ่งบอกเลย

“ไอ้โซกูซื้อของเสร็จแล้ว”

ไอ้แป้งเดินมาหาผมก่อนจะมองจั๊มพ์อย่าง งงๆ

“เพื่อนกูตอนม.ปลาย ชื่อจั๊มพ์ ส่วนนี่เพื่อนกูชื่อ แป้ง”

ผมแนะนำจั๊มพ์ให้แป้งรู้จักและแป้งรู้จักจั๊มพ์ เมื่อกี้ผมเกือบพูดชื่อเล่นไอ้แป้งออกมาแล้วครับ ถ้าไม่ติดว่าสายตาที่มันมองผมอยู่ทำให้ผมเสียวไส้

“จั๊มพ์จะไปกินข้าวกับพวกเราด้วยนะ มึงว่าอะไรไหม”

เอาจริงๆผมมัดมือชกไอ้แป้งตั้งแต่บอกว่าชวนจั๊มพ์ไปกินข้าวด้วยกันแล้วครับ

“ไม่ว่าหรอก ไปกินข้าวกันเถอะ กูหิวแล้ว”

ไอ้แป้งพูดจบก็เดินนำพวกผมไป

พวกผมเลือกไปกินร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง เพราะมันใกล้ที่ทำงานจั๊มพ์ที่สุด เหตุผลหลักๆก็คือจั๊มพ์จะต้องไปทำงานต่อหลังจากกินเสร็จแล้ว พวกเราสั่งอาหารมาจนเต็มโต๊ะและก็กินไปเรื่อย ผมกำลังหาโอกาสคุยเรื่องชายแก่ที่นั่งอยู่บนไหล่ของจั๊มพ์แต่ก็ไม่อยากพูดเพราะไอ้แป้งมันกลัว จนกระทั่งไอ้แป้งเดินนอกไปรับโทรศัพท์

“จั๊มพ์ ช่วงนี้มึงรู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆไหม?”

ผมเปิดประเด็น จั๊มพ์มองผมงงๆ

“กูหล่อขึ้นมั้ง”

ผมเปลี่ยนใจไม่ช่วยมันนี้จะเป็นอะไรไหม

“หมายถึงมึงมีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับร่างกายมึงบ้างไหม?”

และในขณะที่ผมถามชายแก่คนนั้นก็จ้องหน้าผมเขม็ง

“ก็มีนะ ช่วงนี้กูปวดหัวบ่อยแล้วก็เจ็บๆไหล่ด้วย แต่สงสัยกูคงทำงานหนักไปแหละมั้ง”

โป๊ะเชะ! เริ่มเข้าทางแล้ว

“ช่วงนี้มึงได้ทำบุญบ้างป่ะ”

พอผมพูดจบ ชายแก่ที่นั่งอยู่บนไหล่ของจั๊มพ์ก็ยกมือขึ้นมาชี้หน้าผม มือของเขาสั่นๆเหมือนกำลังโกรธ และสิ่งที่ผมตกใจมากกว่านั้นก็คือ เขาพยายามยันตัวลุกออกมาจากไหล่ของจั๊มพ์แล้วก้าวเท้าขึ้นมาบนโต๊ะเพื่อจะเดินมาหาผม

“จะ..จั๊มพ์ กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ เดี๋ยวมา”

ผมพูดจบก็รีบลุกมาจากโต๊ะทันที ผมรีบเดินเข้าห้องน้ำให้ไวที่สุด ความกลัวทำให้ผมตัวสั่น

ผมเดินมาที่อ่างล้างมือแล้วก้มหน้าลงไปวักน้ำขึ้นมาล้างหน้า ผมเงยหน้าขึ้นมาส่องก็จกก็เห็นชายแก่คนนั้นยืนอยู่ข้างหลังผมอยู่ในเงาสะท้อนของกระจก ผมรีบหันกลับไปมองข้างหลัง แต่ว่าเขาหายไปแล้ว ผมมองไปรอบๆห้องน้ำก็ไม่เห็นเขา ผมตัดสินใจหันหลังกลับมาและนั่นมันทำให้ผมรู้ว่าผมคิดผิด…

“เฮ้ย!”

ผมร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ ผมเดินถอยหลังออกมาจนชนประตูห้องน้ำอย่างแรก สิ่งที่ผมเห็นในกระจกก็คือชายแก่คนนั้นยืนอยู่ในกระจกแล้วทำท่าเหมือนจะพยายามทุบกระจกออกมา เขาทุบอยู่อย่างนั้นจนกระจกสะเทือน

“คุณต้องการอะไร?”

ผมตัดสินใจถามออกไป เขาค่อยๆเอาหน้าแนบลงมาใกล้ๆกระจกก่อนจะพูดว่า

“กูจะเอาชีวิตมัน มันลบลู่กู มันไม่เชื่อกู”

ผมมองชายแก่ในกระจกอย่างอึ้งๆ จั๊มพ์ไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจขนาดนี้

“คุณอย่าทำอะไรเขาเลยนะ เขาไม่ได้ตั้งใจ คุณอย่าฆ่าเขาเลยนะ”

ผมพูดขอร้อง เพราะถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้สนิทอะไรกับจั๊มพ์ขนาดนั้น แต่ผมคงไม่ปล่อยให้เขาตายแน่ๆ

“มันต้องไปขอขมากู เอามันไปไหว้กูให้ได้ ไม่อย่างนั้นมันตาย”

ชายแก่พูดจบก็ค่อยๆหายไป ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ของแบบนี้ไม่เชื่ออย่าลบลู่จะดีกว่า

ผมเดินกลับมาที่โต๊ะก็เห็นไอ้แป้งนั่งอยู่ด้วย ถึงแม้ว่าไอ้แป้งมันจะกลัว แต่ผมก็ไม่อยากให้จั๊มพ์ตาย ผมเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะ

“ไปเข้าน้ำหรือไปสร้างห้องน้ำว้ะ นานเป็นชาติ”

ไอ้แป้งหันมาบ่นผม ผมมองหน้าจั๊มพ์นิ่ง

“จั๊มพ์ มึงฟังกูให้ดีๆนะ ไม่ว่าสิ่งที่กูจะพูดต่อไปนี้มึงจะเชื่อหรือไม่ก็ตามแต่กูอยากให้มึงรู้เอาไว้ว่า มีผู้ชายแก่ๆตามมึงอยู่ เพราะมึงไปลบลู่เขาไว้และเขาจะตามเอาชีวิตมึงถ้ามึงไม่ไปขอขมาเขาให้เรียบร้อย”

ผมพูดออกมาจนหมด จั๊มพ์มองหน้าผมอึ้งๆ ส่วนไอ้แป้งนั่งเงียบไปแล้วครับ

“มึงรู้ได้ไง”

จั๊มพ์ถามผมเสียงเครียด ผมก็เครียดไม่แพ้มัน

“มึงอาจจะไม่เชื่อ แต่เขาบอกกูมาและเขาก็ตามมึงอยู่ตลอดด้วย”

ผมพูดเสียงจริงจัง

“แสดงว่ากูไม่ได้คิดไปเองจริงๆสินะ”

จั๊มพ์พูดเสียงเบา

“มึงรู้?”

ผมถามกลับไป มันพยักหน้า

“กูผิดเองแหละ วันนั้นกูเมาแล้วกูก็พูดท้าออกไป กูไม่ได้ตั้งใจ”

สีหน้าของจั๊มพ์ดูเศร้าลงไป บางทีการดื่มเหล้าหรือของมึนเมามันอาจจะทำให้คนมีความกล้า แต่ส่วนมากก็จะกล้าไปในทางที่ผิดๆ เพราะตอนเมาไม่มีสติ ไม่สามารถบังคับตัวเองได้ และพอสร่างเมาก็ต้องมานั่งแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองทำไว้ ถึงจะมารู้ตัวทีหลังว่าสิ่งที่ทำนั้นมันผิด ดื่มเหล้ามันไม่ผิดหรอกครับ แต่ควรจะดื่มให้มันพอดีหรือไม่ก็ต้องมีคนคอยดูแลเราได้ด้วย ไม่พากันทำในสิ่งที่ผิด

“กูว่ามึงรีบไปขอขมาเขาดีกว่า เชื่อกูเถอะ”

และหลังจากที่ผมคุยกันจบจั๊มพ์ก็ขอตัวแยกออกไปก่อน ผมไม่รู้ว่าจั๊มพ์จะไปขอขมาเขาหรือเปล่า จะเชื่อผมไหม แต่ผมก็ทำในสิ่งที่ผมควรจะทำไปแล้ว

“เป็นอะไรมึง เงียบเลย”

ผมหันไปถามไอ้แป้งที่เดินตามผมมาเงียบๆ

“ไอ้เชี่ยโซ ไอ้เพื่อนชั่ว ไอ้เลววว มึงก็รู้ว่ากูกลัวเรื่องแบบนี้มึงยังจะพูดต่อหน้ากูอีก”

หน้าไอ้แป้งเหมือนจะร้องไห้เลยครับ ผมได้แต่มองขำๆ

“เอาน่า จะให้กูทำไงล่ะ”

จะให้ผมปล่อยผ่านโดยที่ไม่สนใจมันก็ไม่ใช่ผมหนิ

-ครืดๆๆ-

ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดู

-พี่เบียร์-

“ฮัลโหลพี่เบียร์”

ผมกดรับสาย

“มึงอยู่ไหนเนี่ย?”

เสียงพี่เบียร์ดูเหมือนเพิ่งตื่นเลยครับ

“โซมาซื้อของเป็นเพื่อนไอ้แป้ง”

ผมตอบกลับไป

“กูฝากซื้ออาหารให้ไอ้คิตตี้หน่อยดิ”

เวลาพี่เบียร์พูดชื่อไอ้คิตตี้กับน้ำเสียงโหดๆแบบนั้นผมว่ามันดูแปลกๆอ่ะ

“ได้ๆ พี่เบียร์เอาไรไหมโซจะกลับแล้ว”

ผมถามต่อ

“ไม่อ่ะ รีบๆกลับมาทำกับข้าวเร็วก็พอ กูหิวแล้ว”

สรุปที่โทรหาผมนี่เพราะหิว?

“กูกลับก่อนนะ มึงเลิกทำหน้าเหมือนปลาสำลักน้ำได้แล้ว”

ผมหันไปว่าไอ้แป้งขำๆ แต่หน้ามันไม่ขำด้วย

“ถ้ากลัวก็โทรให้ไอ้หวานมารับดิ กูไปล้ะ”

ผมรีบวิ่งออกมาก่อนจะโดนลูกถีบของไอ้แป้ง มันยืนโวยวายอยู่ตรงนั้นแปปนึงก็เดินหายไป 5555

-ครืดๆๆ-

เห้ออ ช่วงนี้มีแต่คนโทรหาผมแหะ

-King-

ไม่อยากบอกเลยว่าโทรศัพท์ผมแทบหลุดมือ ให้ตายสิ

“ฮัลโหล”

ผมกดรับสาย

“อยู่ไหน!”

เสียงของคิงก็ดูงัวเงียเหมือนเพิ่งตื่นเหมือนกัน แสดงว่าเมื่อคืนคงจะหนักกันหน้าดู

“ห้างvv”

ผมตอบกลับไป

“ไปทำอะไรว้ะ”

อ่าว!ถามแปลกๆ

“มากินข้าว”

อยู่ดีๆคิงก็เงียบไป

“มีอะไรรึเปล่า?”

ผมถามกลับไป

“หิวข้าว”

เอ้า แล้วมาบอกผมทำไม?

“บอกเพื่อ?”

คิงเงียบไปอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ

“พากูไปกินข้าวหน่อย”

โห ชีวิตผมนี่ดีจริงๆ แต่ละคนที่โทรมาหาเพราะเหตุผลเดียวกันคือ หิวข้าว

“ไม่ได้อ่ะ เราต้องกลับไปทำกับข้าวให้พี่เบียร์ที่บ้าน”

จริงๆก็อยากพาไปกินข้าวหรอกนะ ทำเสียงน่าสงสารขนาดนั้น

“งั้นกูไปกินข้าวบ้านมึงด้วย”

ห้ะ! จะบ้าเหรอ คนบ้าอะไรชวนตัวเองไปกินข้าวบ้านคนอื่น

“จะบ้าเหรอ”

ผมเริ่มไม่เข้าใจอะไรในตัวคิงหลายๆอย่างแล้วแหละ

“มึงรออยู่ที่ห้างนั่นแหละ อีก10 นาทีกูไปรับ”

คิงพูดจบก็ตัดสายไป ผมยืนอ้าปากค้างอย่างอึ้งๆ คนรอบๆตัวผมนี่แปลกๆทุกคนเลย ให้ตายสิ

-10นาทีต่อมา-

คิงขับรถมาจอดเทียบฟุตบาทแล้วบีบแตรเรียกผม ผมเปิดประตูรถแล้วนั่งลง

“อือหือ กินเหล้าหึ่งเลย”

ผมได้กลิ่นเหล้าในรถของคิง มันแรงมากๆ

“พี่มึงทำเหล้าหกใส่รถกูเมื่อวาน”

คิงตอบเสียงเรียบ แหะๆฝีมือพี่ผมเหรอเนี่ย ผมหันไปมองก็เห็นขวดเหล้าวางอยู่บนเบาะ

“ทำไมกินจนเมากันขนาดนั้นล่ะ”

ผมหันไปว่า

“กูไม่ได้เมาขนาดนั้น เมื่อวานไอ้เรย์มันเมา กูเลยต้องพามันกลับ พี่เบียร์เลยติดรถกูไปส่งไอ้เรย์ด้วย แล้ว ตีกันอยู่หลังรถกูจนเหล้าหกใส่เบาะรถกูเนี่ย”

หลังจากที่ผมฟังคิงเล่าแล้ว ผมว่าพี่ชายผมผิดนะ

“แวะร้านอาหารสัตว์ให้เราหน่อยสิ เราจะซื้อของอ่ะ”

หลังจากที่ผมซื้อของเสร็จคิงก็ขับรถพาผมมาส่งที่บ้าน

“จอดหน้าบ้านก็ได้”

ผมพูดจบคิงก็ขับรถตรงไปจอดหน้าบ้านผมทันที

“กลับมาแล้ว”

ผมพูดเสียงดัง พี่เบียร์เดินออกมาจากห้องก่อนจะทำตาโจเป็นไข่ห่านเมื่อเห็นคิงยืนอยู่ข้างหลังผม

“มึงมาได้ไง?”

พี่เบียร์หันไปถามคิงที่ยืนถือถุงอาหารไอ้คิตตี้อยู่ข้างหลังผม

“พาไอ้โซมาส่งแล้วก็…”

คิงเว้นวรรคไม่พูดต่อแล้วส่งสัญญาณมาให้ผมพูดแทน

“แล้วก็มากินข้าวบ้านเราน่ะ”

ผมตอบยิ้มๆ พี่เบียร์ทำหน้าเหมือนจะกินหัวผมได้อยู่แล้ว

“โซขอตัวไปทำกับข้าวก่อนนะ”

ผมพูดจบก็รีบเดินเข้าห้องครัวทันที ปล่อยให้ 2 คนนั้นส่งสายตาอำมหิตใส่กันไปอย่างนั้นแหละ

เมนูที่ผมจะทำวันนี้ก็คือ ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวมมิตร มีแต่อาหารจืดๆทั้งนั้นเลยจะเอาอะไรที่มันเผ็ดๆดีเพราะทั้งพี่เบียร์ทั้งคิงกินเผ็ดกันทั้งคู่ เอาเป็นผัดเผ็ดหมูแล้วกัน

หลังจากที่ผมทำต้มจืดเต้าหู้หมูสับกับผัดผักรวมมิตรเสร็จแล้ว สิ่งต่อไปที่จะทำคือผัดเผ็ดหมูแต่ผมชิมเองไม่ได้ เพราะว่ามันเผ็ด

“พี่เบียร์มาชิมผัดเผ็ดให้หน่อย”

ผมตะโกนเรียกพี่เบียร์จากในครัว แต่คนที่เดินเข้ากลับกลายเป็นคิง

“ไหน จะให้ชิมอะไร”

คิงเดินเข้ามาใกล้ๆผมแล้วถาม

“พี่เบียร์ไปไหนล่ะ”

ผมถามกลับ

“เห็นเดินเข้าไปในห้อง ไปอาบน้ำมั้ง”

ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะตักผัดเผ็ดในกระทะให้คิงชิม คิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมากๆจนผมต้องเอนตัวหนี

“ป้อนให้มันตรงๆดิ”

คิงพูดจบก็จับมือผมที่ถือช้อนอยู่ป้อนตัวเอง

“อร่อยแล้ว”

คิงพูดยิ้มๆ อากาศนครัวมันร้อนจังเลย อาจเป็นเพราะผมยืนอยู่หน้ากระทะรึเปล่า?

ผมรีบหันกลับไปตักผัดเผ็ดหมูใส่จานทันที

“ยกกับข้าวไปบนโต๊ะเลยก็ได้”

ผมพูดจบคิงก็เดินไปยกกับข้าวไปตั้งบนโต๊ะหน้าบ้านและผมก็เดินตามไปทีหลัง

“โห หอมเข้าไปในห้องกูเลย”

พี่เบียร์เดินออกมาทำจมูกฟุดฟิดๆแล้วเดินไปตักข้าว

“วันนี้มีผัดเผ็ดด้วยเว้ย แล้วมึงชิมผัดเผ็ดได้เหรอ”

พี่เบียร์หันมาถามผม

“คิงชิมให้น่ะ”

ผมพูดจบก็ส่งจานข้าวให้คิง

“แหม นอกจากมากินข้าวบ้านกูแล้ว ยังแย่งหน้าที่ชิมกับข้าวกูอีกนะ”

พี่เบียร์หันไปแขวะคิงเบาๆ แต่คิงไม่พูดอะไรตักข้าวเข้าปากอย่างเดียว

“อร่อยไหม?”

ผมลุ้นกับคำตอบของคงมากๆเลยครับ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน

“อร่อย”

แค่คำพูดเดียวของคิงทำให้ผมดีใจอย่างบอกไม่ถูก

“กูว่ากับข้าววันนี้มันหวานๆแปลกๆนะไอ้โซ”

พี่เบียร์หันมาส่งสายตาเจ้าเล่ใส่ผม

“กินไปน่าพี่เบียร์”

ผมพูดจบก็ก้มหน้าก้มตากินข้าวจนหมด

19:00

กว่าคิงจะกลับก็มืดพอดี คิงทั้งนั่งเล่นเกมกับพี่เบียร์ ทั้งช่วยกันคิดแผนการประชุมวันจันทร์ที่จะมาถึงนี้ด้วย

“กูกลับก่อนนะ”

คิงหันมาบอกผม เพราะตอนนี้ผมมาส่งคิงที่หน้าบ้าน

“กลับดีๆนะ”

ผมโบกมือลาคิง

“ถึงแล้วเดี๋ยวกูโทรหา”

คิงพูดจบก็ขึ้นรถไป ผมยกมือขึ้นมาจับแก้มของตัวเองเพราะรู้สึกว่ามันร้อนแปลกๆ

ผมเดินเข้าบ้านมาก็เห็นพี่เบียร์กำลังให้อาหารไอ้คิตตี้อยู่

“พี่เบียร์ โซไปอาบน้ำก่อนนะ”

พี่เบียร์พยักหน้ารับ ผมเดินขึ้นมาบนห้องแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำทันที

ผมเดินออกมาผ่านตู้เสื้อผ้าแล้วสะดุ้งนิดหน่อย เพราะเห็นตัวเองในกระจกตั้งแต่เมื่อตอนกลางวันทำให้ผมแทบไม่กล้าส่องกระจกอีกเลย เพราะยังหลอนอยู่กับชายแก่ที่อยู่ในกระจก

-ครืดๆๆ-

-King-

ผมกดรับทันทีเมื่อเห็นว่าใครโทรมา

“ถึงแล้วนะ”

เสียงของคิงบอกกลับมา

“อืม จะนอนยังอ่ะ”

ผมถาม

“มึงได้ดูนาฬิการึเปล่าว่าตอนนี้มันเพิ่ง 2 ทุ่มครึ่ง”

ผมรีบหันไปดูนาฬิกา จริงด้วย เพิ่ง 2 ทุ่มครึ่ง แต่ทำไมผมง่วงอย่างนี้ล่ะ

“เราง่วงแล้วอ่ะ วันนี้เหนื่อยๆด้วย”

เวลาผมเหนื่อยมากๆ เสียงผมมันจะดูอ้อนๆไปเอง ผมรู้ตัวเพราะผมเพิ่งทำเสียงอ้อนๆใส่คิงไป

“ไอ้โซ..”

เสียงคิงเรียกผม

“ห้ะ!ว่าไง”

ผมพูดพลางหาวออกมา เริ่มง่วงจริงๆนั่นแหละ

“อย่าไปทำเสียงอย่างนี้ใส่ใครที่ไหนนะ กูขอสั่งห้าม!”

เสียงเข้มๆของคิงที่ดังมาทำให้ผมถึงกลับสะดุ้ง

“ทำไมอ่ะ?”

ผมถามกลับ

“กูห้ามก็คือห้าม อย่าถามมากไปนอนได้แล้วไป”

เอ้า อยู่ดีๆก็ไล่ไปนอนเฉย

“อื้อ ฝันดีนะคิง”

โอยย เสียงผมอ้อนไปอีกกก เริ่มรู้สึกไม่ชอบเสียงตัวเองเวลาเหนื่อยๆแล้ว

“โซ ถ้ามึงยังไม่หยุดทำเสียงแบบนี้ กูไปหามึงที่บ้านแน่”

จะมาทำไม ผมจะนอนแล้วเนี่ย

“ไม่ต้องมาๆ เราจะนอนแล้ว ฝันดีนะ”

ก่อนที่ตาผมจะปิดหูผมเริ่มที่จะได้ยินเสียงอู้ๆอี้ๆ แต่สิ่งที่คิงพูดต่อจากนี้มันดังชัดเจนมากในหูของผม

“ฝันดีครับ โซดา”

ฝันดีครับทุกคน…

ผมอยากจะเตือนพวกคุณว่า เวลาส่องกระจกให้มองในกระจกดีๆนะครับ ว่าใช่ตัวเองที่ยืนอยู่ในกระจกรึเปล่า เพราะอาจจะเป็น “ใครบางคนยืนมองคุณอยู่ในกระจกก็ได้”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา