ภรรยามาเฟีย(MARKBAM)

-

เขียนโดย alicekpkyxq

วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 19.24 น.

  2 chapter
  0 วิจารณ์
  18.29K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 19.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอนที่2 : ฝันร้าย (100%)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
                       " "ฝันร้าย" ยามค่ำคืน บางทีมันอาจเป็นการบอกอนาคต อดีต หรือแม้กระทั่ง ความจริงบางอย่าง แต่ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" คนเราก็เลือกที่ลืมมัน และตื่นขึ้นมาพบเจอกับโลกความจริง ในวันรุ่งขึ้น อยู่ดี "  
 
     
 
         " อย่าๆๆ!! ฮืออ แฮ่กๆๆ!!"   คนตัวเล็กส่งเสียงแหบซ่าน อื้ออึงในลำคอด้วยความกลัว มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาปิดบังหน้าราวกับไม่อยากเห็นภาพเหตุการ์ณอะไรสักอย่าง ใบหน้านวลชุ่มไปด้วยเหงื่อทั้งยังมีน้ำตาเกาะพราวเต็มดวงตา  เสียงแหบๆค่อยตวาดดังขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เจ้าของอกแกร่งที่เจ้าตัวซุกกอด ต้องตื่นขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ
         " ที่รักๆ โอ๋ๆๆ "  มาร์คยกร่างคนตัวเล็กขึ้นมากอดไว้ในอ้อมกอดอย่างอ่อนโยน ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบหัวปลอบเรียกขวัญคนรักไม่หยุด  พลางค่อยๆจูบซับหน้าผากที่ชุ่มไปด้วยเหงื่ออย่างใจเย็น  
          "ฮือออ มาร์คใช่ไหม แบมกลัวอ่ะ ช่วยแบมด้วย แบมไม่อยากเห็นมันอีกแล้ว ฮือๆ"  แบมแบมกระชับอ้อมกอดเข้าทันที เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหู
          " โอ๋ๆๆ ที่รัก ไม่มีอะแล้วน้ะคะ ลองลืมตาก่อนน้ะคะคนดี  "    แบมแบมค่อยๆลืมตาทีละข้างอย่างระมัดระวัง  ด้วยความกลัวที่จะเห็นภาพอันเลวร้ายนั่นอีก เมื่อลืมตาก็พบว่ามันเป็นเพียงฝันร้าย แต่ความกลัวก็ยังไม่วาย ยังคงทำให้ตัวของแบมแบมสั่นไหว ไม่เป็นอันทำอะไร น้ำตาค่อยๆ เอ่อนองเต็มใบหน้าหนักขึ้นอีก เมื่อเห็นคนตรงหน้าคือคนที่เขาอยากเจอมากที่สุด
          " มาร์ค ฮือออๆ เป็นอย่างนี้อีกแล้วอ่ะ แบมไม่อยากเห็นอีกแล้วอ่ะมาร์ค แบมกลัว " 
           คำว่า ฝันร้าย คงกลายเป็นประโยคแรกที่แบมจะพูดหลังจากตื่นนอนทุกวัน ตั้งแต่แบมจำความได้ ความฝันบ้าๆพวกนี้มันก็คล้ายหนังฆาตกรรมเรื่องหนึ่งที่ฉายให้เห็น เรื่องราวลึกลับมากมาย ที่แบ่งเป็นตอนๆ  ซึ่งทุกครั้งมักจะพบชายปริศนาคนหนึ่ง เข้ามาเกี่ยวกับข้องเรื่องที่ฝันตลอด แต่แบมเห็นหน้าเขาไม่ค่อยชัดเท่าไหร่เหมือนกับเขากำลังปิดบังหน้าไม่ให้แบมเห็นอย่างไงอย่างงั้น พฤติกรรมของชายหนุ่มคนนั้นบางทีก็เหมือนกำลังฆ่าใครสักคนอยู่  ไม่แน่ก็ทำผิดต่างนาๆ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องเลวๆทั้งนั้น       ถ้าจำไม่ผิดเค้าว่ากันว่าความฝันบางทีจะเกิดจากความคิดของเราหรือเรื่องคนรอบตัว แต่กลับตรงข้ามกัน เรื่องราวทั้งหมดไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับแบมเลยแม้แต่นิด ชีวิตของแบมไม่เคยผัวพันกับเรื่องชั่วแบบนี้แม้แต่นิด แต่ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับแบมได้ 
           " ฝันว่าไงบ้างคะ ไหนเล่าให้มาร์คฟังสิ่"   มาร์คค่อยๆเขี่ย เส้นผมที่ร่วงหล่นมาบังหน้าขาวที่ชุ่มไปด้วยหงื่อปะปนกับน้ำตา ของคนตัวเล็กขึ้นมาทัดหูอย่างนุ่มนวล  พร้อมกับถามถึงเรื่องราว เหมือนอย่างทุกๆคืน 
           " แบมเห็นเขากำลังฆ่าคนอ่ะมาร์ค เขายิงผู้ชายคนนั้นไม่หยุดเลยๆ สายตาเขาน่ากลัวมากๆ แถมเขายังมองหน้าแบมด้วย ฮือออ เขาจะฆ่าแบมไหมอ่ะมาร์ค แบมกลัว แบมไม่อยากนอนแล้ว ฮืออออๆๆ " 
            แบมเล่าให้มาร์คฟังอย่างติดๆขัดๆ ครั้งนี้มันน่ากลัวกว่าทุกครั้งมากๆ ก็เพราะครั้งนี้ชายปริศนาคนนั้นเขามองมาที่แบมด้วยสายตาเหมือนจะฆ่าแบมยังไงยังงั้น เรื่องพวกนี้มันเกิดขึ้นถี่จนแบมกลายเป็นคนนอนยาก กลัวการนอนหลับไปโดยปริยาย แต่ทุกครั้งก่อนนอนก็มีมาร์คที่คอยปลอบคอยกล่อมให้แบมหลับ แบมไม่อยากจะคิดเลยถ้าไม่มีมาร์คแบมจะใช้ชีวิตยังไงกับเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นกับแบมตอนนี้ 
           " ฟังมาร์คน้ะคะ มันก็เป็นแค่ความฝัน ไม่มีใครฆ่าแบมได้แน่ ถ้ามาร์คยังอยู่กับแบมตรงนี้ "
           " ฮือออ มาร์คห้ามทิ้งแบมไปไหนน้ะ รู้ไหม? สัญญาก่อน " แบมยกนิ้วก้อยขึ้นมารอ  น้ำตาไหลเป็นทางอาบแก้มนุ่มๆ
            " สัญญาค่ะ มาร์คจะอยู่กับแบมทั้งคืนเลยน้ะ เลิกร้องได้แล้วคนดีของมาร์ค " มาร์คยกนิ้วโป้งขึ้นมาปราดหยาดน้ำตาที่ไหลโดยไม่มีท่าทีว่าจะหยุด  จึงตบท้ายด้วยแยกเขี้ยวกัดไปที่ปลายจมูกของคนตัวเล็กอย่างเบาๆ เพื่อเรียกเสียงหัวเราะกลบเกลี่ยนฝันร้าย 
            " 55555 งือออ แบมเจ็บน้ะ "  แบมแบมทำหน้ายู่ใส่ อย่างน่าหมั่นเขี้ยว
            " ขวัญเอ๋ยขวัญมานะ คนเก่ง " เจ้าของริมฝีปากเรียวกดจูบประทับลงบนริมฝีปากหนาอย่างอ่อนโยน ไม่มีการรุกล้ำใดๆทั้งสิ้น  เพื่อเป็นการปลอบ สิ้นสุดเรื่องร้ายๆ 
 
 
06.00 น. 
 
  " ตี๊ด ตื๊อ ดี๊ดดด ๆๆ "  เสียงนาฬิกาปลุกบอกเวลา 6 นาฬิกา ถึงเวลาที่คนตัวเล็กจะได้ไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมไปโรงเรียน
       
            แบมแบม  กันต์พิมุก ภูวกุล  เด็กหนุ่มร่างบาง อายุ 16 ปี  ผู้เป็นเจ้าของหัวใจ ของ มาร์ค ต้วน ชายหนุ่มที่คนทั่วไปรวมถึงตัวแบมแบมเอง รู้จักในนาม นักธุรกิจหนุ่มไฟแรง เจ้าของธุรกิจมากมายในโซล แถมยังเป็นเป้าหมายในการหารสามีของบรรดาลูกสาว ตะกูลต่างๆมากมาย  แต่อาจจะต้องผิดหวังไปตามๆกัน ถ้าพวกหล่อนรู้ว่าหัวใจของ มาร์ค ต้วน นั้นได้ถูกเด็กที่ชื่อว่าแบมแบม ขโมยไปแล้ว บุคคลที่พวกหล่อนต่างก็คิดสบประมาทคิดว่าเป็นเพียงแค่น้องชาย  ลูกบุญธรรมของ เรมอนด์ ต้วน เจ้าของตะกูลที่ยิ่งใหญ่ มีเพียงแค่คนสนิทของเขาทั้งคู่เท่านั้น ที่จะรู้ถึงความสัมพันธ์ ที่แท้จริงของทั้งคู่ ที่ผันตัวจากน้องต่างสายเลือดมาเป็น ภรรยาลับๆ ของเขาในตอนนี้
 
        " อื้ออออ 6 โมงแล้วอ่ะ แบมไปอาบน้ำก่อนน้าาาาาา "  คนตัวเล็กพึ่งนึกขึ้นได้ หลังจากผ่านการเล่นหยอกล้อของคู่รักที่พึ่งตื่นนอนใหม่ๆ ปาไปก็เกือบจะ 1 ชั่วโมง หลังจากที่คนตัวเล็กตื่นจากฝันร้าย
        " ฮึ  ไม่ให้ไป ! "   มาร์คยกมือขึ้นรั้งเอวบางไว้ไม่ให้ขยับลุกออกจากเตียง
        " ไม่ได้น้าา เดี๋ยวแบมไปโรงเรียนสายนะ ที่รัก อย่าดื้อสิ่ฮะ " คนตัวเล็กทำหน้ายู่ ดุกลับ ด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ พลางจับคางหล่อๆของมาร์ค ขึ้นมาเล่น 
        " จะไปอาบน้ำก่อนได้ไงล่ะคะ ที่รักยังไม่ morning kiss มาร์คเลย "  มาร์คพูดน้ำเสียงอ้อนๆเหมือนเด็ก แล้วค่อยๆยื่นคางไปเกยไหล่ทำแก้มป่องๆ  
        " Morning kiss ฮะ ที่รักก "  แบมๆรีบประกบริมฝีปากลงบนปากของมาร์ค อย่างทันควัน แล้วรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที ไม่รอคำตอบจากคนรัก ด้วยความเขิน ถึงแม้มาร์คกับแบมแบมจะอยู่บ้านเดียวกันนอนด้วยกัน  แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยมีอะไรกันสักครั้งเดียว โดยมาร์คให้เหตุผลว่าเขาอยากจะเก็บรักษาทะนุถนอมแบมแบมให้นานที่สุด และตอนนี้แบมแบมยังเด็กเกินไปที่จะมีอะไร มาร์คเลยได้แต่หักห้ามใจตัวเองไปพลางๆ 
         "555555 เด็กอะไรเขินน่ารักชะมัด "  มาร์คอมยิ้มไม่หุบ  แล้วรีบวิ่งตามร่างตัวเล็กเข้าห้องน้ำไปอย่างทันควัน 
  
ต่อค่ะ 
 
                  มันคงเป็นภาพคุ้นตาไปแล้ว ที่ทุกเช้า จะเห็นร่างของแบมแบมนอนหมดแรงอยู่บนตัวของผม ในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ที่ผมสั่งทำอย่างดี  สำหรับรองรับเราทั้งคู่ได้สบาย  ผมปรับอุณภูมิในห้อง ตอนนี้ล้อมรอบไปด้วยไออุ่นจากน้ำร้อน ที่ถูกเตรียมเอาไว้ให้คนตัวเล็กก่อนล่วงหน้า   ด้วยความที่แบมแบมฝันร้ายทุกคืนเลยทำให้แบมกลายเป็นคนนอนยาก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ผมกลัวว่ามันจะทำให้แบมแบมมีสุขภาพไม่แข็งแรงกลายเป็นคนอ่อนแอ ผมเลยต้องศึกษาหาวิถีทางที่จะทำให้คนของผมได้พักผ่อนโดยไม่ต้องอาศัยการนอนหลับ จากคำแนะนำของแม่นม ผมเลยสร้างห้องน้ำขึ้นมาเป็นพิเศษ โดยมีสปาภายในตัว ซึ่งจะช่วยให้แบมแบมรู้สึกผ่อนคลายขึ้นหลังจากตื่นจากโรคบ้าๆนั่น 
                  " มาร์ครักแบมนะคะ"  สำหรับแบมแบม คำว่า "ฝันร้าย" อาจจะเป็นประโยคแรกที่จะพูดกับผม แต่สำหรับผมแล้ว "การบอกรัก" เป็นสิ่งแรกที่ผมจะทำ  พร้อมพรมจูบบนเส้นผมทั่วๆ  
                  " อื้ออ........ ฮะ แบมก็รักมาร์คฮะ "  เมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู คนตัวเล็กก็ครางตอบกลับอย่างเบาๆในลำคอ แต่ก็ดังพอที่ทำให้ผมอดหมั่นเขี้ยวไม่ได้ ที่จะฟัดแก้มสักทีสองที 
                   " ถ้ารักมาร์ค ทำไมที่รักมานอนทับมาร์คแบบนี้ล่ะคะ ไม่เห็นอาบน้ำให้มาร์คเลย " ผมบ่นน้อยใจนิดๆ แล้วส่งใบหน้าอ้อนๆของผมไปสบตากับร่างเล็ก ที่พอได้ยินผมพูดเชิงติดเลทเข้าหน่อย ก็ถึงกับลืมตาแป๋ว 
                    " งื้ออออ มาร์คอ่าาาา "  ผมพึ่งรู้ว่าคนสมัยนี้เวลาคนเขาเขิลเนี่ย  จำเป็นต้องติดเลทขนาดนี้เลยหรอ ก็ไอ้ท่าทางที่พยายามลุกขึ้นมาตีอกแกร่งของผมอย่างงอนๆนี่สิ่  มันดันร่างของแบมแบมขึ้นมานั่งคร่อมผมเข้าพอดิบพอดี
                     " อย่าทำให้มาร์คอดใจไม่ไหวสิ่คะ หืมม ชักจะหมดความอดทนแล้วนะเนี่ยย รู้ไหม อื้มมม "  ผมกดจูบไปที่ริมฝีปากหนาพลางดันลิ้นเข้าไปลิ้มรสหวานจากปากคนตัวเล็ก อย่างดูดดื่ม มือหนาค่อยๆเลิกขึ้นเสื้อ เผยให้เห็นสะโพกผายที่โผล่พ้นออกมา  
                     " อื้มม  มาร์คฮะ...."  เราทั้งคู่ค่อยๆผละริมฝีปากออกจากกันช้าๆอย่างอาวร  อย่างที่ผมเคยบอกไป ว่าเราทั้งคู่ยังไม่แคยมีอะไรเกินเลยไปกว่า จูบ หอมแก้ม จับมือ ผมไม่รู้ว่า ฝันร้าย ที่เกิดขึ้นกับแบม มันจะส่งผลต่อกิจกรรมทางเพศด้วยรึเปล่า  แต่ทุกครั้งที่เราพยายามจะร่วมรักกัน มันก็เหมือนมีอะไรมากั้นกลางระหว่างความรู้สึกจนทำให้มันไม่สำเร็จทุกที แต่ผมก็ไม่เคยโกรธคนตัวเล็กของผมหรอก  ในชีวิตนี้ขอแค่ผมได้เห็นหน้าเขาตอนตื่นนอนทุกวัน ให้รู้ว่าเขายังปลอดภัย ยังอยู่กับผมตรงนี้ ผมก็มีความสุขที่สุดแล้ว 
                     " โอเคค่ะ แต่มาร์ค ขอนอนกอดต่ออีกหน่อยน้ะ " ผมจับร่างเล็กพลิกตัวให้มานอนหงายบนตัวของผม พร้อมเอาแขนประคองร่างอุ่นๆไว้ จมูกรั้นค่อยๆสูดดมกลิ่นกลาย บริสุทธิ์ไร้เดียงสา ที่ทำให้ผมหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
                      " แบมขอโทษนะ ที่ทำหน้าที่ไม่ดีพอ " 
                      " ไม่ดียังไงคะ แค่ที่รักเกิดมา มาร์คก็ขอบคุณมากแล้วน้ะ " ผมก้มหอมโหนกแก้มแดงระเรื่อ เบาๆ 
                       "แบมจะอยู่กับมาร์ค ตลอดไปฮะ สัญญา " คนตัวเล็ก เอ่ยพลางเหงยหน้าขึ้นมากดจูบปลายคางเรียวของผม พร้อมกระชับอ้อมกอดของเราทั้งคู่แน่นขึ้น ใบหน้าผมก็ทำได้เพียงปรากฏรอยยิ้มด้วยความดีใจที่เขากล้าที่จะสัญญากับผมในตอนนี้ ทั้งที่เขาไม่เคยคิดเลยว่าอนาคตมันจะเป็นอย่างไง  ขอบใจนะที่รัก ผมได้แต่คิดมัน
                       " ชอบไหม? "   ผมประคองมือเรียวขึ้นมาเหนืออ่างน้ำ  มืออีกข้างค่อยๆเกลี่ยฟองสบู่ออก เผยให้เห็นข้อมือเล็กที่ถูกห้อยด้วยสร้อยข้อมือที่ถูกถักเป็นโซ่ทองคำขาวที่ส่องแสงระยิบระยับ  สะท้อนจี้ทองเหลืองรูปกุญแจ ที่ถูกสลักตัวอักษร คำว่า" secret " ไว้บริเวณหัวกุญแจ
                       " ชอบสิ่ฮะ นี่มาร์ค ถามแบมจะ100รอบได้แล้วมั้งเนี่ย 555 " 
                       " ดีนะที่ชอบ ไม่งั้น มาร์คคงเสียใจแย่เลย " ผมเอ่ยพลางก้มลงมองหน้าคนตัวเล็กเพื่อส่งสายตาอ้อนๆได้ถนัด
                       " ทำไม มาร์คต้องถามแบมทุกวันเลยอ่ะ พูดยังกะชาตินี้จะไม่ได้พูดอีกแล้วงั้นแหละ 55 " ใบหน้าเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตาผม ด้วยความสงสัย
                       " ไม่รู้สิ่  มาร์คแค่อยากรู้ว่า แบมยังชอบมันอยู่ "  ความจริงผมรู้ดีสิ่งที่ผมเป็นตอนนี้มันเสี่ยงแค่ไหนกับการมีชีวิตรอดต่อไปเพื่อใครสักคน ศัตรูผมมีเป็นร้อยเป็นล้านคน ในแต่ละวันผมไม่มีทางรู้ได้เลยว่าใครจะเป็นคนฆ่าผมได้   เมื่อถึงวันนั้น ผมก็อยากจะมั่นใจว่าคนที่ผมรักเค้าจะยังคงปลอดภัย   สร้อยข้อมือเส้นนี้มันก็เปรียบเสมือนตัวแทนของผม ถ้ามันยังอยู่ คนที่ผมรักก็  ยังคงอยู่ตลอดไป........   ผมเผลอพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆอย่างลืมตัว จนทำให้แบมแบมเริ่มไม่สบายใจ มองหน้าผมกลับอย่างกังวลจนผมเห็นได้ชัด 
                       " ฮือออ....มาร์คไม่ทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ่ แบมไม่ชอบเลย " คิดไว้ไม่มีผิด แบมคงสังเกตุอาการผมได้ เลยรีบยกมือเล็กๆขึ้นปิดตาผม คงทนเห็นแววตาเศร้าของผมต่อไปไม่ได้
                       " 5555 ไหนใครเศร้า ไม่เห็นมีเลย "  ผมรีบฉีกยิ้มกว้างขึ้นทันที ที่จับมือของแบมแบมที่ปิดตาผมอยู่ออก  ผมจะทำให้คนที่ผมรักรู้สึกหวั่นไหวกับเรื่องของผมไม่ได้ เด็ดขาด 
                        " ก็คนนี้ไง ที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทำอย่างกับตัวเองเป็นมาเฟีย จะตายพรุ่งนี้ยังงั้นแหละ ตัวเองเป็นแค่นักธุรกิจ หนุ่มหล่อ เพอร์เฟค บ้านรวย มีแฟนน่ารักมากๆๆ ไม่เห็นจำเป็นต้องทำหน้าเศร้าเลย  "  นิ้วมือเรียวชี้ตรงมาที่หน้าของผมอย่างคาดโทษ  พลางทำหน้ายู่ บ่นๆผมไม่หยุดปาก ชักแม่น้ำทั้ง5 มากองตรงหน้าผมในคราวเดียวกัน
                         "5555 จริงหรอ แล้วถ้าคนเนี้ย  เป็นมาเฟีย แล้วคนเนี่ยจะรักเค้าไหม ? " ผมยื่นหน้า เข้าไปไกล้ ค่อยๆไล่มือชี้ตาม ไปหยุดที่หน้าคนตัวเล็ก 
                         " หึ ไม่รักหรอก รักที่เป็นแบบนี้มากกว่า  อบอุ่น อ่อนโยน น่ารัก อยู่ด้วยแล้วโคตรมีความสุขเลย "
ความรัก ความชื่นชม คำขอบคุณ ความรู้สึกของแบมแบม มันถูกถ่ายทอดผ่านประโยคธรรมดาๆ ที่ค่อยๆกัดกร่อนหัวใจของผม จนกลายเป็นน้ำตาภายใต้รอยยิ้มกว้าง ผมรู้ดีว่าเขารู้สึกยังไงกับผม สำหรับแบมแบมแล้วผมคงเป็นคนที่ดีมาก ดีจนผมรู้สึกผิด กลัวว่าสักวันหนึ่งเขาจะผิดหวัง  ผมเลยได้แต่ส่งกอดที่คุ้นชินให้เป็นการตอบแทนความรู้สึกดีๆที่เค้ามีให้ผม 
                        
                          เราทั้งคู่ช่วยกันอาบน้ำจนเสร็จ ผมค่อยๆอุ้มร่างเล็กในท่าเจ้าสาว ออกมาจากห้องน้ำ แล้วช่วยกันพาไปแต่งตัว  ที่แต่ละชุดถูกจัดเตรียมไว้ให้เป็นเซ็ทๆอย่างดี โดยฝีมือเหล่าแม่บ้าน ที่พลัดหมุนเวียนกันมาจัดเตรียม ระหว่างที่เราทั้งคู่กำลังอาบน้ำ  ไม่ใช่ว่าแบมแบมทำเรื่องงานบ้านได้ไม่ดี กับตรงกันข้าม คนตัวเล็กอยากทำเรื่องพวกนี้มากยิ่งคิดว่ามันเป็นสิ่งที่คนเป็นแฟนเขาควรทำกัน ก็ยิ่งงอแงขอร้องจะทำเอง แต่ผมก็ให้เหตุผลไปว่าตะกูลผมก็รวยโอ่อ่า ขนาดนี้จะให้คนรักของผม เสียสละตัวเองมาทำให้เหนื่อยเปล่าๆไปทำไม สู้เอาแรงมาทำเรื่องอย่างว่าดีกว่า พอผมพูดเรื่องแบบนี้เขาแหละ รีบปฏิเสธอย่างทันควันเลย แต่ยังดีที่ไม่ทิ้งหน้าที่เรื่องแต่งตัวของผม มันสำคัญมาก ยิ่งถ้าภาพลักษณ์ที่ดูดีของผม จะถูกแต่งขึ้นด้วยฝีมือของคนที่ผมรัก และ เนื่องจากรสนิยมของผมเป็นประเภทที่ไม่ชอบให้ใครมาแตะเนื้อต้องตัวด้วยแล้ว นอกจากภรรยาของผมคนเดียว ยิ่งเข้าทางการสวีทของผมมากขึ้นไปอีก
                           " หื้มมม? เดี๋ยวน้ะ ที่รัก ทำไมกางเกงสั้นขึ้น " ผมที่พึ่งจัดการใส่กางเกงนักเรียนขาสั้น สีน้ำเงินเสร็จ ก็ยืนสำรวจจากข้างหลังร่างคนตัวเล็ก ที่กำลังก้มจัดเสื้อนักเรียนพอดีตัว สีขาวอยู่ ก็เห็นปลายกางเกงที่สั้นแทบจะเลยเข่าเผยให้เห็นขาอ่อนสมบัติของผมที่เห็นได้คนเดียวเท่านั้น ปรากฏขึ้นผ่านกระจกบานใหญ่ 
                            " เอ่ออ .... คือตัวนั้นมันยาวไปอ่ะ แบมอึดอัดเลย ไปสั่งตัดใหม่ให้มันสั้นกว่าเดิมอ่ะมาร์ค 555  "  คนตัวเล็กยิ้มแห้งๆกลบเกลี่ยน ความโกรธของผมที่จะระเบิดอีกไม่กี่นาที  
                            " ที่รักก็รู้นิ่ เค้าไม่ชอบให้ใส่สั้น พอสั้นมันก็เห็นขาอ่อน แล้วยิ่งที่รักอยู่ โรงเรียนมัธยมแบบนั้น มีแต่คนจ้องจะมอง เขาหวง เขาไม่อยากให้ใครมอง เดี๋ยวไม่ให้ไปโรงเรียนเลยดีไหมเนี่ยห้ะ "  ผมบ่นเป็นชุด ใส่คนตรงหน้าที่ยืนทำหน้ายู่ เบะปากงอนๆทำท่าบีบน้ำตาจะให้ผมตามใจ แต่บอกๆไว้ก่อนเลยเรื่องนี้ผมไม่มีทางยอมแน่ 
                            " ฮือออ ไม่เห็นต้องบ่นขนาดนี้เลยเนี่ย ก็มาร์คอ่ะ สั่งมาซะยาวถึงตาตุ่มเลย ถ้าแบมใส่ไปโรงเรียนน้ะมีหวังเค้าคิดว่าแบมมาผิดโรงเรียนแน่เลย "   คนตัวเล็กเถียงกลับไม่มีท่าทีจะหยุด สงสัยถ้าผมไม่ให้ใส่เรื่องนี้คงมีน้ำตาตกในกันบ้างแหละ 
                             " งั้นมาร์ค สั่งเปลี่ยนเครื่องแบบโรงเรียนก็ได้ นั่นโรงเรียนมาร์ค จะสั่งให้เปลี่ยนคงไม่เป็นไร ก็ดีช่วงนี้เกาหลีหนาวๆด้วย เด็กจะได้ไม่ต้องทนหนาว "  ตะกูลต้วนนั้นมีธุรกิจมากมาย รวมไปถึงโรงเรียนJYP ด้วย ซึ่ง เป็นโรงเรียนอันดับ 1 ของโซลที่มีเด็กเก่งๆมากมาย  และยังรวบรวมนักเรียนต่างชาติเข้าไว้ด้วย จึงทำให้เครื่องแต่งกายที่นี่ไม่เหมือนใคร โดยคนคิดค้นก็หนีไม่พ้นคนที่ผมไว้ใจมากที่สุด แบมแบม เป็นคนออกแบบชุดทั้งหมดพร้อมกับเป็นคนใส่มันด้วย รับรองยิ่งผมเอาเรื่องชุดมาขู่แบบนี้ ไม่มีทางที่คนตัวเล็กจะไม่ยอม
                             " มาร์ค !! ฮือออ ก็ได้!!! "  สุดท้ายก็เป็นไปอย่างที่ผมคิดไม่มีผิด 
                             " คุณนม  เข้ามานี่หน่อยครับ "  ทันที่ที่เจ้าตัวยอมผมก็ไม่รีรอรีบกำจัดชุดสั้นๆนี่ทิ้งซะ โดยเรียกแม่นม หรือคนที่เปรียบเสมือนแม่คนที่2 ของผมกับแบมแบม  เพราะตั้งแต่ที่แม่ผมเสียไป แม่นมก็เป็นคนเลี้ยงผมมาตลอด และพอป๋ารับแบมแบมมาเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรม เราทั้งคู่ก็เติบโตมาพร้อมๆกันจากฝีมือแม่นม และคงหนีไม่พ้นผู้สนับสนุนหลักในการแอบลักลอบกางเกงขาสั้นตัวนั้นมา คงหนีไม่พ้นแม่นมที่ถูกแบมแบมอ้อนเขาหน่อยคงยอมไม่เป็นท่า 
                             " ค่ะ คุณมาร์ค " เหล่าบรรดาแม่บ้านและแม่นมต่างยืนรอคอยรับใช้ปรนนิบัติผมกับแบมแบมตลอดเวลา  ทันทีที่ผมเรียกก็รีบเปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว เหมือนสั่งได้
                              " ช่วยจัดการเอาชุดนี้ไปทิ้งด้วยนะครับ แล้วก็เอาชุดที่ยาว กว่านี้มาเปลี่ยนใหม่ เน้น ขอยาวๆนะครับ ถึงตาตุ่มเลยก็ได้ แล้วทีหลังถ้ามีคนเกิดอึดอัดขึ้นมาอยากขอเปลี่ยนก็ให้มาขอผมเองน้ะครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับแม่นม " ผมยืนกอดแขน ชี้สั่งเปลี่ยนชุดที่อยู่บนร่างเล็กใหม่ทั้งหมด ด้วยน่ำเสียงออกแนวดุๆ ยิ่งทำให้คนตัวเล็กที่ได้ยิน ก็ยืนก้มหน้า เบะปากอย่างงอนๆ ไม่กล้าสบตาผม สงสัยคงกำลังร้องไห้อยู่แน่ แต่คงอยากให้ผมง้อเลยทำเสียงสะอื้นออกมานิดๆเพื่อเป็นการส่งสัญญาณ
                              " ค่ะ คุณมาร์ค "  แม่นมที่ได้รับคำสั่งจากผมค่อยๆ จับร่างเล็กนั่งลง พลางค่อยๆถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้น ตามที่สั่ง เผยให้เห็นหน้าบวมๆของคนตัวเล็กที่มีหยดน้ำตาไหลเป็นทางไม่หยุด ไม่ต่างกับแม่นมที่กลายเป็นคนเห็นน้ำตาแบมแบมไม่ได้ เป็นอันต้องร้องออกมาด้วยความสงสารจับใจจากคนที่เลี้ยง แบมแบมน่ะขี้อ้อนมากอยู่กับแม่นมก็อ้อนเก่ง จนทำให้แม่นมตามใจทุกเรื่องไม่กล้าขัด พอถอดชุดเสร็จแม่นมก็รีบขอตัวออกจากห้องไปอย่างไม่หันมามอง  สงสัยคงกลัวที่จะอดปลอบไม่ได้ ส่วนคนตัวเล็กที่นั่งเหลือแต่เสื้อกล้ามกับกางเกงซับขาสั้นอยู่น้อยชิ้นก็ หันหน้าไปทางอื่น สายตาไม่เหลียวมองผมสักนิด  งานนี้คงงอนจริงๆ แต่ผมต้องจัดการให้เด็ดขาด ไม่งั้นยิ่งตามใจ ครั้งหน้าคงขอผมใส่กางเกงในไปโรงเรียนแน่ ถึงตอนนั้นผมคงอกแตกตายพอดี 
                                    
                                แต่ยิ่งน้ำตาของแบมแบมไหลเยอะเท่าไหร่ผมก็ยิ่งห้ามใจที่จะอดปลอบไม่ไหว แต่งานนี้ต้องเด็ดขาด ผมเลยรีบเดินตรงออกมาจากห้อง ทันที แล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเหล่าคนใช้ เข้าไปแต่งตัวให้แบมแบมแทน ผมนึกภาพบรรยากาศในห้องออกเลย แบมแบมคงกำลังร้องไห้สะอื้นออกมากชุดใหญ่ คงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ผมไม่ง้อกลับ แต่ถึงผมไม่ง้อ ก็มีแม่บ้านและแม่นมรุมล้อมคอยโอ๋อยู่ดี  คนตัวเล็กน่ะ เป็นขวัญใจคนแทบทั้งบ้านอยู่แล้ว ตั้งแต่แม่นมยันคนสวน หลงลูกอ้อนของเจ้าตัวหมด  ถ้าทำผิดอะไรอย่าสืบเรื่องราวซะให้ยากไม่ว่าแบมแบมจะผิดจะถูกก็คงมีแต่คนเข้าข้างอยู่ดี  ยิ่งคิดผมชักน้อยใจขึ้นมาทุกที เลยได้แต่พาตัวเองออกมานั่งรอที่โต๊ะอาหาร จิบชาอ่านหนังสือพิมพ์ไปพลางๆ ต้องสร้างหมาดให้ดูหน้ากลัวๆหน่อย เดี๋ยวพอผมเจอภาพแบมแบมตาบวมแดงร้องไห้ลงมาผมคงอดที่จะง้อไม่ได้อีก 
                              ไม่นานคนตัวเล็กก็เดินลงมาพร้อมกับชุดที่ผมสั่งขายาวถึงตาตุ่มเหมือนที่ผมสั่งเป๊ะๆ ตามท้ายด้วยเหล่าบรรดาแม่บ้าน ที่ต่างคนต่างถือกระเป๋านักเรียนของคนตัวเล็กบ้างก็ถือรองเท้านักเรียนราคาแพงฉะรูด แต่สิ่งที่เหมือนกัน คือทุกคนขอบตาแดงก่ำ จนผมนี่รู้สึกผิดขึ้นมาทุกที ยิ่งเห็นคนตัวเล็ก วางตัวลงนั่งกับเก้าอี้ของโต๊ะอาหารยิ่งทำให้ผมปวดใจ เพราะตำแหน่งที่นั่งเปลี่ยนไป ถ้าปกติแล้วคนตัวเล็กต้องนั่งข้างผมไม่ก็บนตักของผมแทน แต่วันนี้ แบมแบมเลือกที่จะไปหยุดนั่งลงเก้าอี้ตรงข้ามผม ซึ่งไกลมาก เรียกว่าหัวโต๊ะกันเลยทีเดียว พูดแค่นิดเดียวอาจไม่ได้ยินกันเลยก็ได้ ผมนี่แทบอยากจะซื้อโต๊ะญี่ปุ่นมานั่งกินข้าวที่บ้านเลย 
                              "จัดการเรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ " ผมหันหน้าไปถามแม่นมที่ยืนอยู่ข้างผม 
                              " ค่ะ "  
                              " ดีครับ  ในเมื่อไม่เชื่อฟังผม ผมก็คงต้องบังคับ ถูกไหมครับแม่นม " ผมแกล้งยิงคำถามให้คนข้างๆ แต่แม่นมคงรู้ว่าผมหมายถึงแบมแบม เลยได้แต่เงียบไม่ตอบอะไรกลับมา    แต่กลับกันผมส่งแววตาดุๆ แนวสั่งสอน ไปให้คนหัวโต๊ะ ที่มองผมได้แค่แปปเดียวก็ก้มหน้าลงทำท่าเหมือนเช็ดน้ำตา ที่ไหลอาบแก้ม คนตัวเล็กของผมเนี่ยหวั่นไหวง่ายจริงๆ ผมก็แค่อยากจะลองแกล้งต่ออีกสักนิด ให้เป็นบทเรียน จะได้จำแล้วไม่ทำแบบนั้นอีก 
                             " แบมอิ่มแล้ว แบมไปโรงเรียนก่อนน้ะครับ "  สุดท้ายร่างเล็กคงทนไม่ไหว ลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารทั้งทียังไม่ได้ตักกินอะไรสักคำ แล้วบอกว่าอิ่ม แถมยังส่งสายตามาข้ามหัวผมไปบอกลาแม่นมที่ยืนอยู่ข้างๆผม ซะงั้น แถมไม่พูดจากับผมสักคำ สงสัยงานนี้โกรธจริงไม่หลอก
                             " เอิ่ม แม่นมครับ ช่วยโทรแจ้งโรงเรียนหน่อย ว่าวันนี้ผมสั่งปิด สาเหตุ มีคนงี่เง่าครับ " ผมเงยหน้าบอกแม่นม ทำตากระปิปๆเป็นการส่งสัญญาณอย่างรู้กัน แม่นมคงไม่คิดว่าผมจะโกรธแบมแบมได้ลงหรอก แต่บางทีแค่เห็นน้ำตาแบมแบมก็ร้องไห้ได้แล้ว ทั้งที่ความจริงไม่มีอะไรเลย  พอคนตัวเล็กได้ยินอย่างนั้นถึงกับหันมาชำเลืองมองผมด้วยสายตาแค้นๆ แต่ฉบับคนน่ารัก ผมเคยเห็นแววตาอาฆาตแค้นมามากน้ะ แต่พึ่งเห็นว่าสายตาแบบนี้มันก็น่ารักดีก็วันนี้แหละ มองบ่อยๆเลยผมชอบ 
                             " แม่นมฮะ เดี๋ยวแบมไปช็อปปิ้งนะ อาจจะกลับเย็นๆ "  ผมรับรู้ได้ถึงเสียงของคนตัวเล็กที่เอ่ยดังขึ้นเหมือนอยากให้ผมรู้ถึงเวลาการกลับบ้าน โดยปกติแล้วผมไม่อนุญาติให้แบมไปไหนมาไหนคนเดียว แล้วห้ามกลับเย็นเด็ดขาดซึ่งผมห้ามมาโดยตลอด สงสัยคงอยากประชดผมด้วยการกลับบ้านเย็นๆ ประชดมาผมก็ประชดกลับไม่โกง
                            "  แม่นม คืนนี้ผมอาจไปสังสรรค์กับเพื่อนที่ผับหน่อยนะครับ ไม่แน่ผมอาจจะแวะนอนคอนโดเลย คงไม่กลับบ้าน ไม่ต้องรอนะครับ " ผมพูดช้าๆอย่างเน้นๆ ให้คนตรงหน้าฟังชัดๆ ว่าผมจะไปนอนที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องของเรา ผมเล่นกลับแรงกว่าเดิมแหงๆงานนี้ เพราะรัศมีความแดงของขอบตามันแผ่มาถึงผมอย่างชัดเจน แบมแบมเริ่มสะอื้นนิดๆ เพราะผมพูดจี้จุดสำคัญพอดี ในความคิดแบมแบมผมคงไม่ได้แค่ไปเที่ยวพับ แต่อาจจะหิ้วสาวๆกลับมาสักคนสองคนแล้วมาต่อกันที่คอนโดแน่ๆ  ด้วยสัญชาติญาณความหึงหวงแล้วงานน้ำตาไหลเป็นสายอาบแก้มมาแต่ไกลเลย 
                           " ฮือออ  มาร์คไม่รักแบมแล้วใช่ไหม  แค่แบมใส่กางเกงสั้นแค่เนี้ย มาร์คถึงกับต้องพาผู้หญิงมานอนคอนโดเลยหรอ แบมเสียใจนะรู้ไหม มาร์คไม่เคยแคร์แบมเลยอ่ะว่าแบมจะรู้สึกยังไง "   ความอดทนหมดลงแบมแบมหันกลับมาสบตากับผมเผยให้เห็นหยาดน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองอย่างมหาศาล ใจผมนี่แทบพังสงสัยคราวนี้เล่นแรงไปหน่อย  คงต้องง้อให้สาสม
                           " แคร์สิ่คะ ถ้าไม่แคร์มาร์คจะไม่หวง ไม่ห่วงที่รักเลย ที่ใส่ขาสั้น เพราะมาร์ครักมาร์คหวงไม่อยากให้ใครหน้าไหนมันมามองขาที่รัก มาร์คอยากเก็บไว้ดูคนเดียว " ผมแปรเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นอ่อนโยนขึ้น 
                          " อะฮึกก ฮืออ ทำไมมาร์คไม่พูดกับแบมดีๆล่ะ ทำไมต้องสั่งด้วย แบมไม่ชอบเลยอ่ะ ที่มาร์คดุแบม ฮืออ " คนตัวเล็กเริ่มร้องหนักเรื่อยๆ จนคนรับใช้ข้างๆยื่นผ้าเช็ดหน้าของเจ้าตัวให้ ซับน้ำตา  พลางพูดอย่างน้อยใจๆด้วยน้ำเสียงแหบๆเล็กๆ  เวลาแบมแบมร้องไห้น่ะ มันเหมือนแมวมาก ดูน่าทะนุถนอม เพราะหน้าของแบมจะแดง และเสียงก็จะดูอ้อนไปหมด ผมชอบน้ะ แต่ติดที่ถ้าสาเหตุมันมาจากความเสียใจของแบมผมก็ไม่ชอบทั้งนั้นแหละ 
                          " มานี่มา มานั่งข้างมาร์ค " ผมอ้าแขนสองข้างขึ้น รอรับคนร่างเล็กที่ค่อยๆก้าวเท้าเดินเข้ามาหาผมทีละก้าว แต่ก็ค่อยๆวิ่งเร็วขึ้น เมื่อเริ่มเห็นหน้าผมชัดขึ้น แล้วโผเข้ากอดอ้อมอกของผมอย่างโหยหา  แบมแบมคงรู้สึกใจหายที่ผมไม่ง้อไม่กอดคนตัวเล็กเหมือนทุกครั้งที่ทะเลาะกัน ครั้งนี้เลยต้องการอ้อมกอดมากกว่าครั้งไหนๆ 
                          " ฮือออ มาร์ค  แบมจะโกรธมาร์คอยู่แล้วน้ะ ทำไมไม่ง้อแบมอ่ะ แบมอยากกอดจะแย่ แต่ไม่กล้าทำ กลัวมาร์คโกรธแบม "  พอร่างเล็กอยู่ในอ้อมกอดก็บ่นน้อยใจๆออกมา กระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมเลยยกร่างเล็กขึ้นมาให้นั่งอยู่บนตักผม เพื่อที่จะปรับความเข้าใจกันได้ถนัดๆ   แล้วยกมือขึ้นช่วยคนตัวเล็กปราดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด 
                         "ไหนดูสิ่ ร้องไห้หนักมากเลยหรอ มาร์คขอโทษนะที่รัก " ผมกระซิบถามไกล้ซอกหูคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน พลางเอามือเก็บปอยผมที่ร่วงลงมาบังหน้าขึ้นทัดหูคนตัวเล็ก อย่างเบาๆ  
                         " มาร์ค อย่าโกรธแบบนี้อีกได้ไหม ฮืออ แบมไม่ชอบมาร์คแบบนี้เลย " 
                         " คะ มาร์คไม่โกรธแล้ว มาร์คแค่อยากให้แบมจำไว้ ทีหลังจะได้ไม่คิดจะใส่สั้นแบบนี้อีก มาร์คไม่ชอบจริงๆน้ะที่แบมใส่สั้นแบบนั้นอ่ะ "  
                         " ก็ได้ แบมสัญญา ว่าจะไม่คิดแบบนั้นอีก ถ้าแบมจะใส่มาร์คต้องอนุญาติก่อน มาร์คอย่าโกรธอีกเลยนะฮะ "  แบมสัญญากับผมโดยเอานิ้วก้อยของตัวเอง ขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของผมอย่างเสร็จสับ สงสัยคงกลัวผมจะโกรธอีกแน่ๆ  แล้วก็ไม่ลืมที่จะก้มหอมแก้มผมเป็นการขอโทษ ทำให้ผมนี่อดที่จะอมยิ้มไม่ได้เลย
                         " 5555 มาหอมแก้มมาร์คต่อหน้าคนอื่น ไม่อายหรอฮึ " ผมหัวเราะร่า ด้วยความสงสัย ปกติเวลาผมจะขอหอมขอกอดหน่อย ถ้ามีคนอยู่ไกล้ๆ จะรีบปฏิเสธทันที บ้างก็บอกอาย บ้างก็บอกเสียมารยาท จนผมแทบจะไล่คนงานในบ้านออกให้หมดเหลือแค่ผมกับคนตัวเล็กสองคน ทีหลังจะทำอะไรจะได้ไม่ต้องระวัง แบบนี้ 
                          " หึ แบมไม่กลัวหรอก แบมกลัวมาร์คโกรธมากกว่า "    ผมได้ยิ้นอย่างนั้นก็ฉีกยิ้ม จนผมไม่ทันได้สังเกตุ ว่าตอนนี้ คนรอบตัวที่เมื่อสักครู่ยืนล้อมรอบคอยปรนนิบัติรับใช้ หลังจบประโยคที่ผมพูดเมื่อสักครู่ ตอนนี้นี่แทบจะเหลือแค่เงา  ไม่มีใครยืนเป็นก้างขวางคอ เราทั้งคู่เลย ไม่เสียแรงที่จ้าง 
                          " มากินข้าวเถอะ คนเก่ง ไม่ร้องแล้วนะ " ผมโอบกอดโอ๋แบมแบม ก่อนที่จะผละออกมา จับมีดหั่นสเต็กเนื้อ ของโปรดของร่างเล็ก ที่เห็นถึงกับต้องตาลุกวาว น้ำตาเมื่อกี้แทบจะสลายกลายเป็นอากาศ เมื่อได้ลิ้มลอง รสชาติกลมกล่อม จากอาหารจานเด็ด ที่ถูกปรุงโดยเชฟประจำตะกูล ที่มีฝีมือเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ที่ผมจ้างมาเป็นพิเศษสำหรับ คนตัวเล็กของผมที่ โปรดปรานด้านอาหารที่สุด  
                             " ฮืมมม อร่อยมากก "  แบมแบมถึงกับอุทาน อย่างใจชื้น พูดทั้งที่จมูกยังแดงก่ำ จากการร้องไห้  แต่ตอนนี้อารมณ์ดี เป็นปิดทิ้ง เล่น เคี้ยวไป พูดไป ถ้าไม่รู้ว่าเมื่อกี้พึ่งผ่านเหตุการ์ณอะไรมา ผมคงคิดว่าคนตัวเล็กถูกหวย ไม่ก็โดนขอแต่งงาน แหง๋ๆ   
                             
                               เราทั้งคู่ ค่อยๆกินอาหารอย่างช้าๆ ไม่ใช่ว่าเคี้ยวช้าหรืออะไร แต่ด้วยความที่พึ่งหายงอนกัน เลยมีการหยอกล้อเล่นกันนิดหน่อย ระหว่างทานอาหาร เลยทำให้เสร็จช้า  หลังจากที่รับประทานอาหารคาวเสร็จ ก็ถึงคาวอาหารหวาน และผลิตภัณฑ์บำรุงร่างกายต่างๆ รวมไปถึงวิตามินซี ที่ขาดไม่ได้ เพราะมันจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง และผิวพรรณดี อย่างที่คุณหมอบอก แบมแบมชอบกินวิตามินซีมากเพราะมันไม่ขม แล้วมันยังอร่อยอีกด้วย คนตัวเล็กเลยกินได้แบบไม่ลังเล  และวิตามินซีต้องกินวันละ3 ครั้ง หลังมืออาหารทั้ง3 มือ เลยทำให้แบมแบมพกติดตัวไปตลอด เพื่อจะได้กินได้สะดวก 
                                " ที่รัก ทิ้งวิตามิน ตัวนั้นไปเลยน้ะ มาร์คซื้อมาให้ใหม่แล้ว ดีกว่าด้วย "  ผมรีบเตือนคนตัวเล็กขึ้น ในขณะที่กำลังเปิดฝาหยิบวิตามินซีในกระปุกคู่ใจ 
                                " อ้าว ทำไมล่ะฮะ คราวนั้นหมอก็บอกว่ามันดีมากเลยน้ะ แบมกินก็โอเคดี ไม่เห็นต้องทิ้งเลย " 
                                " ไม่เอานะคะ  ทิ้งเหอะ มาร์คว่า มันดูเก่าๆอ่ะไม่น่ากินเลย อันนี้ดีกว่าตั้งเยอะ มาร์คให้หมอที่อเมริกาคิดค้นสำหรับแบมโดยเฉพาะเลยน้ะ รับรองร่างกายแข็งแรงชัว  เชื่อมาร์คนะคะ " ผมเดินเข้าไปหยิบกระปุกวิตามิน ออกจากมือเล็ก แล้วหยิบให้คนรับใช้ ข้างหลังผมเอาไปทิ้งทันที แล้วเข้ายื่นขวดใหม่ให้แทน
                                " ก็ได้ฮะ มาร์คว่าไง แบมก็ว่างั้นแหละ " คนตัวเล็กส่งยิ้มมาให้ผมกว้าง  แล้วหยิบเม็ดยาวิตามินซี ขึ้นกินทันทีที่ผมยื่นให้ แล้วเราทั้งคู่ก็ค่อยๆ เดินออกจากตัวบ้าน ไปขึ้นรถเพื่อจะไปส่งคนตัวเล็กที่โรงเรียน เนื่องจากเลยเวลามา 10 นาทีได้แล้ว แต่เจ้าของ โรงเรียนซะอย่างจะไปตอนเลิกเรียน ยังไม่มีใครว่า 
 
หน้าโรงเรียน JYP 
 
                                  รถเคลื่อนตัวมาถึงหน้าโรงเรียน บรรยากาศในรถเงียบสงัด คงเป็นเพราะไม่มีเสียงของคนตัวเล็กในวันนี้ สงสัยคงเพลียมากจากการร้องไห้และบวกกับเวลานอนน้อยด้วย  เลยเอนหัวพิงหลับบนท่อนแขนแกร่งของผม สักพักก็หลับสนิท ผมสั่งให้คนขับรถประจำตัว หรี่แอร์ลงให้หนาวน้อยกว่านี้  เดี๋ยวแบมแบมตื่นขึ้นมา ก็จะบ่นว่าหนาว งัวเงียไม่อยากลงจากรถเหมือนที่เคยเป็น เพราะถ้าผมปลุกให้ตื่นก่อนเวลาที่สมควร เจ้าแม่วีนก็เข้าสิงห์ทันที จะดื้อ งอแง กว่าเดิม เพราะถ้านอนไม่เต็มอิ่ม คงรู้สึกไม่สบายตัว ผมเลยตัดสินใจไม่ปลุก รอให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นมาเอง  แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องฝัน มันจะไม่มีทางเกิดขึ้นตอนนี้แน่ๆ ผมมั่นใจ
                                " อื้ออ .... ห้าวววว " คนตัวเล็กในอ้อมกอดค่อยๆ พลิกตัวไปมา เป็นการบิดขี้เกียจ เป็นสัญญาณว่านอนเต็มอิ่ม แล้วลืมตามองหน้าผมปริบๆๆ
                                " นอนอิ่มรึยังคะ" ผมก้มลงจูบบนหน้าผากหมน คนตัวเล็กหลับตาลงรับสัมผัสของผม
                               " ฮะ ถึงแล้วหรอ งั้นแบมไปแล้วนะฮะ " แบมแบมเบิกตาขึ้น เมื่อรู้ว่าถึงโรงเรียนแล้ว ก็กระซิบบอกลาผม ไม่ลืมที่จะหอมแก้มสากของผม เป็นขั้นตอนสุดท้าย  แล้วพยุงตัวเองขึ้นจากรถ ที่ถูกเปิดออกโดยบอดี้การ์ดคนสนิท  
 
                               " ตั้งใจเรียนนะคะ คนเก่ง " ผมเปิดกระจกรถลง ไม่ลืมที่จะเอ่ยคำอำลา น่ารักๆส่งไปให้กำลังใจคนตัวเล็กที่พร้อมจะวิ่งขึ้นตึกเรียนอย่างรู้ตัวเอง ว่าตอนนี้คงเป็นคนสุดท้ายที่มาถึง เพราะมันสายมากแล้ว  ทันทีที่แบมแบมวิ่งขึ้นตึกลับขอบตาผม ผมก็เอ่ยสั่งบอดี้การ์ด ที่เปิดประตูเมื่อสักครู่อย่างเคร่งครัด
                                " คอยจับตาดูให้ดี ถ้ามีอะไรที่ผิดปกติรีบโทรบอกฉัน แล้วคอยดูด้วยว่าคุณแบมแบมกินยาถูกต้องตามที่สั่งรึเปล่า แล้วห้ามให้ใครสลับยาเด็ดขาด ถ้ามีเรื่องพวกนั้นเกิดขึ้นอีก ฉันฆ่าไม่เลี้ยงแน่ " ผมมองบอดี้การ์ดของแบมแบมอย่างคาดโทษ ใบหน้าไม่ปรากฏรอยยิ้ม ผิดจากเมื่อสักครู่ ที่อยู่กับคนตัวเล็ก ตอนนี้ผมเริ่มทำหน้าที่ "มาเฟีย
" แห่งตะกูลต้วนแล้ว 
                             ทันทีที่รถเคลื่อนตัวออกจากอาคารเรียนของแบมแบม ผมก็นั่งทำสมาธิเงียบๆอยู่สักพัก ก่อนที่หยิบไวเลทคู่ใจ ขึ้นมาติดที่บริเวณหู เพื่อที่จะได้ยินเสียงของคนตัวเล็กได้ถนัด จากไวเลทอีกตัวที่ติดอยู่บริเวณขากางเกง ของร่างเล็ก อย่างแนบเนียน นี่ก็อีกสาเหตุที่ผมกำชับหนักหนา ว่าไม่ให้ใส่สั้น ไม่งั้นผมคงไม่ได้ติดตามคนรักของผม ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมคงช่วยเขาไม่ทัน  
                            " ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ ส่วนเรื่องข่าว คุณมาร์ค จะให้ปล่อยเลยไหมครับ "  บอดี้การ์ดคนสนิท รายงานความคืบหน้า
                           " ดี ปล่อยข่าวเลย ลูกน้องในเครือมันจะได้เสียขวัญ จะได้ยึดได้ง่ายๆหน่อย " ผมแสยะยิ้ม 
                           " คุณมาร์ครับ เมื่อคืนแม่บ้านลืมของใช้ของคุณแบมแบมไว้ที่ Safe house ครับ "
                           " กี่ครั้งแล้วที่ทำงานซับเพล่า ถ้าแบมหาของชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วรู้ว่าฉันพามาอยู่ที่ safe house เมื่อคืนจะทำยังไง หัดสั่งสอนให้ดีๆหน่อย  ฉันให้โอกาสอีกแค่ครั้งเดียว ไม่งั้นตาย " ผมส่งสายตาคาดโทษให้บอดี้การ์ดที่มองผ่านกระจกภายในรถ  ถ้าคืนไหนที่ผมมีภารกิจที่ต้องออกไปล่าอำนาจ หรือมีเรื่องอะไรที่ทำให้ผมไม่ได้อยู่กับแบมแบมตอนกลางคืน ผมก็จะพาคนตัวเล็กไปนอนที่ safe house เพราะช่วงเวลาที่ผมกำลังมีปัญหากับใครอยู่ ศัตรูทุกคนของผมรู้ดีว่า จุดอ่อนของผมคือแบมแบม มันทุกคนก็พยายามที่จะกำจัดหัวใจของผมเป็นจุดแรก แต่อย่าหวังเลยผมไม่มีทางปล่อยให้ใครหน้าไหน มาทำอะไรคนที่ผมรักทั้งนั้นแหละ 
                             " ต่อสายหาหมอที่ อเมริกาให้ฉันหน่อย " 
                             " ครับท่าน !! " ทันทีที่ผมสั่งชายร่างหนาก็ยื่น โทรศัพท์เครื่องหรู ให้ผมสนธนาทันที
                            
                               " ว่าไงครับท่าน ยาได้ผมใช่ไหมครับ" เสียงทักทายอย่างมั่นใจของเพทย์  ที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในด้านจิตวิทยา  บุคคลที่ผมลงทุนเสียงเงินจ้างด้วยเงินจำนวนมหาศาล ที่ชีวิตนี้หมอธรรมดาคงไม่มีทางได้รับแน่ 
                             " ได้ผลสิ่ ได้ผลกับชีวิตคุณแน่ " ผมเอ่ยด้วยน้ำเสียงยิ้มๆ แต่คนปลายสายกับไม่รู้สึกถึงความสุขของผมเลยสักนิด 
                             " เออ ท่านครับ คือให้โอกาสผมสักนิดนะครับ มันอาจมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อย ครั้งหน้าผมสัญญา ว่าจะไม่ผิดพลาดอีกแล้วครับท่าน "   คนปลายสายพูดขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่  ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่ากลัวขนาดไหน แค่น้ำเสียงสั่นๆ ก็พอจะเดาออกได้ไม่ยาก
                             " ได้สิ่ โอกาสผมมีให้เสมอแหละ ขึ้นอยู่ว่าคุณจะรับไหม แค่นั้น "
                             " ได้เสมอครับ ท่านสั่งให้ผมทำอะไร ผมยอมเสมอเลย ขอแค่สั่งผมมา " 
                             " ทำยังไงก็ได้ให้คนของผมไม่ฝัน ถึงเรื่องแบบนั้นอีก ถ้าทำได้ ผมจะตอบแทนอย่างดี  แต่ถ้ายังทำไม่สำเร็จ ผมจะปล่อยคุณไปแล้วกัน "    สิ้นสุดประโยคที่ผมพูดจบ เหมือนคนปลายสายจะดูดีใจเป็นพิเศษ ผมหวังว่าเค้าคงไม่หลงดีใจกับประโยคเลศนัยของผมหรอกน้ะ 
                             " ได้ครับท่าน ขอบคุณท่านมากครับๆ ที่เมตตาผม "  ผมกดวางอย่างไม่ใยดี พลางแสยะยิ้มตามประสา  "ฉันปล่อยแน่  แต่ถ้าฉันปล่อยแกแค่วิญญาณแกคงไม่โกรธฉันหรอกน้ะ" ผมสบถออกมาเบาๆ คิดเวทนาคน โลภที่มีสมองซะเปล่า แต่กลับโลภมาก หวังแต่จะได้เงิน จนลืมรักษาเงาตัวเอง ฮึ 
                              
                             
                              
                           
 
                           
                        ปล. จาก ไรด์ ถึง รีดดด 
 
            สวัสดีค่ะ อันดับแรก ขอบคุณมากๆน้ะค่ะ สำหรับคนที่กดเข้ามาอ่านนิยาย ของไรด์ คือแค่กดเข้ามาก็ดีใจแล้ว แล้วนี่อ่าน บางคนคอมเม้นท์ด้วย ขอบใจจริงๆน้ะค่ะ คือไรด์ก็ไม่ได้เก่งมาก ถ้าผิดพลาดอะไรก็ขอโทษดด้วยน้ะค้ะ สามารถบอกเตือนได้เลยนะค้ะ ไม่ต้องเกรงใจ สำหรับเรื่องนี้ ก็ตามที่คิดไว้ คืออกแนวโหดๆ มาเฟีย แต่ไม่รู้ว่าคนอ่านอ่านแล้วโหดมั้ย 5555 แต่เราก็พยายามที่สุดแล้วเนอะ ยังไง ก็อย่าพึ่งทิ้งกันน้ะค่ะ สัญญาว่าอัพเรื่อยๆแน่นอน เพราะรักพล็อตเรื่องนี้มาก  ถ้าอ่านแล้วช่วยคอมเม้นท์ด้วยเน้ออออ อยากรู้ว่าเป็นไง จะได้ไปปรับปรุงให้ถูก ขอบคุณล่วงหน้าน้ะค่ะะ 
        
 
 
 
       
         
         
       
 
 
             
 
 
 
 
             
 
 
 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา