7Swords

9.6

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 เวลา 23.29 น.

  31 chapter
  3 วิจารณ์
  24.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) Wardrobe

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 17 Wardrobe

 

ลีโอไนดัสมีสีหน้างุนงงกับจดหมายสั้นๆนั่น เขาเงยหน้ามองเอเคลเซธผู้ซึ่งมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก “อะไรคือ จงกลายเป็นหมาป่าน่ะพี่เอเคล?” เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยและกังวลใจขึ้นมาทันที เพราะสีหน้าเป็นห่วงและกังวลปรากฏบนใบหน้าและแววตาของเอเคลเซธ ซึ่งทำให้เขามั่นใจว่า นี่ต้องไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

“ท่านพ่อ.....” เอเคลเซธหันไปหาพ่อของเขาผู้ซึ่งเดินไปยังหน้าต่างและเพ่งตามองไปยังถนนด้านล่าง

วินาทีต่อมาเสียงตบก็รัวดังขึ้นที่ประตู ทั้งสามหันมามองหน้ากัน ลีโอไนดัสคว้าดาบของเขาขึ้นมาตามสัญชาตญาณ และเมื่อประตูเปิดผางออกมา พวกเขาก็พบว่า เรคอมป์ยืนอยู่หน้าประตูสีหน้าฉายแววแห่งชัยชนะ เบื้องหลังของเขามีทหารอยู่เต็มทางเดิน

“นี่มันอะไรกัน ท่านโรแลนด์?” เอเคลเซธทำใจดีสู้เสือเอ่ยถามอย่างวางท่า

“เราได้คำสั่งจากลอร์ดคราเวน ให้มาจับกุม เบโอวูล์ฟ ลีโอไนดัส!!” ชายหนุ่มพูด ด้านหลังของเขาทหารก็ทยอยขึ้นมาเต็มทางเดิน

“ด้วยข้อหาอะไรล่ะ?” เอเคลเซธถามกลับ

“ลอร์ดเบโอวูล์ฟต้องสงสัยในข้อหากบฏ วางแผนโค่นราชบัลลังก์ -- ”

*“That’s bullshit!!” ลีโอไนดัสตะโกนก้อง เด็กหนุ่มยืดอกอย่างภาคภูมิ “ท่านพ่อของข้า จงรักภักดีต่อองราชาตลอดมาและตลอดไป -- ”

“เจ้าไม่ได้เป็นคนตัดสิน สิงโตน้อย......” เรคอมป์เอ่ยพร้อมกับหรี่ตามองการเคลื่อนไหวทั้งหมด “แต่ถ้าเจ้าบริสุทธ์ใจจริงก็ไปกับเรา -- ”

ยังไม่ทันที่เรคอมป์จะเอ่ยจบ เอเคลเซธก็เป่าเทียนในห้องจนมืดลงทันตา เสียงโครมดังขึ้นพร้อมกับเสียงครางของเรคอมป์ผู้ตะโกนว่า “จับมันไว้!!”

เสียงตะโกนโหวกเหวกโวยวายดังขึ้น ต่อมาคือเสียงกระจกแตกและลีโอไนดัสรู้สึกว่าเขาโดนลากคอ เขาเกือบจะฟันใส่คนๆนั้นแล้วในความมืดแบบนี้ แต่เขาทันได้ยินเสียงของเอเคลเซธกระซิบเบาๆอย่างร้อนรนก่อน “ทางนี้!! เร็วเข้า!!” ลีโอไนดัสรีบตามไปเขารีบปีนผ่านช่องหน้าต่างตามเอเคลเซธไป และเกือบจะไถลตกหลังคาลงไป สายลมเย็นพัดโกรกใบหน้าของเขา เด็กหนุ่มมองซ้ายมองขวา ภายใต้แสงดาวและแสงพระจันทร์ข้างขึ้นเอเคลเซธยื่นมือกลับเข้าไปในหน้าต่าง และดึงเอริคปีนผ่านเข้ามา เด็กหนุ่มรีบเข้าไปช่วยดึงและสัมผัสได้ถึงขวดเหล้าที่เอริคหนีบมาด้วย

ลีโอไนดัสห้ามตัวเองไม่ให้สบถอย่างยากลำบากเมื่อเห็นว่าสิ่งแรกที่เอริคทำเมื่อปีนออกมาได้คือกระดกเหล้า ลีโอไนดัสวิ่งผ่านหน้าต่างไปตามที่เอเคลเซธกวักเรียก เด็กหนุ่มเห็นจากหางตาว่า ในห้องมีคนถือคบเพลิงกำลังวิ่งมาทางพวกเขา

วินาทีต่อมาก็มีคนถือคบเพลิงเข้ามาใกล้หน้าต่าง เอริคขว้างขวดเหล้าใส่คบเพลิงนั้นและ --

เพล้ง!! พรึ่บ -- !!

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

ทหารที่ถือคบเพลิงมาโดนไฟคลอกจากเหล้าที่แตกราดใส่เขา เอเคลเซธพาพวกเขาวิ่งไปตามหลังคา

“พี่เอเคล!!” ลีโดไนดัสเรียกชายหนุ่ม “พวกคุณโคล์ดี้ไม่ได้อยู่ทางนั้นนะ”

แต่เอเคลเซธกระโดดผ่านช่องว่างบนหลังคา ตามด้วย เอริคที่เว้นระยะวิ่งเสริมแรงข้ามไปได้ แต่เอเคลเซธต้องรอรับและพวกเขาก็ไถลตามหลังคาที่หลุดออกไปประมาณสองสามแผ่น ลีโอไนดัสรีบกระโดดตามและทั้งสามก็ถึงวิ่งกึ่งคืบคลานไปตามหลังคาที่ชันขึ้นกว่าเมื่อตะกี้ เอเคลเซธกระชากหน้าต่างที่ใกล้ที่สุดออกเมื่อเห็นว่ามีคบเพลิงโผล่ขึนมาจากอีกด้าน แล้วแทรกตัวเข้าไป ตามด้วยเอริค และ ลีโอไนดัส

พวกเขาเข้าไปอยู่ในห้องมืดๆ

“เราอยู่ที่ไหนกัน -- ” ลีโอไนดัสถามแต่เอริคเอามืออุดปากเขาไว้

“เงียบๆ” เอเคลเซธเอ่ยเบากว่าเสียงกระซิบถ้านั่นจะเป็นไปได้ เสียงตะโกน เสียงย่ำเท้าและเสียงวิ่งดังลั่นไปทั่วบริเวณ

“พวกมันไม่ได้ไปโผล่ที่สุดหลังคา -- ค้นทุกห้อง!!”

พวกเขาราวกับจะได้ยินเสียงเต้นของหัวใจในความมืดนั้น เขาเห็นแสงไฟลอดผ่านช่องประตู ก็ค่อยๆย่องเข้าไปต้องใจจะแอบข้างประตู

“โอ้ย!!” เสียงแหลมร้องขึ้น

“ลิลลี่!?” ลีโอไนดัสร้องเบาๆ

“เจ้าเหยียบเท้าข้า!!”

“ขอโทษๆ” เขารีบบอก

“ไปซ่อนในตู้นั่น ปิดหน้าต่างด้วย ข้าจะจุดไฟแล้ว -- ” เธอบอกพลางจุดไฟจากไม้ขีดก่อนจะจุดกับเทียน พอดีกับเสียงตบประตูรัวดังสนั่นที่ประตู

“เปิดประตูเดี๋ยวนี้!!”

“มาแล้วค่ะๆ -- ” เธอหันมามองเอเคลเซธที่วิ่งเข้าไปในตู้ตามเอริคหลังจากปิดหน้าต่าง และลีโอไนดัสที่เข้าไปเป็นคนสุดท้าย “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันคะ?” ลิลลี่เอ่ยถามจากประตู พวกเขาสามคนยัดกันคนละด้านในตู้ที่มีแสงจากเทียนไขลอดเข้ามาเป็นรอยเล็กๆยาวๆ

“หลีกไป -- ” เสียงกรรโชกเอ่ย ก่อนพวกเขาจะได้ยินเสียงย่ำไปย่ำมาในห้อง

“เอ๊ะ!! นี่ห้องผู้หญิงนะยะ” พวกเขาได้ยินเสียงลิลลี่แหว

ทั้งสามนั่งเงียบๆอยู่ในตู้ฟังการต่อล้อต่อเถียงของทหารกับลิลลี่จนสายตาเริ่มชินกับความมืด เอเคลเซธผงะออกมานิดๆ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาแนบอยู่กับบราชั้นในสตรี เขากระเถิบอย่างเงียบงันให้ห่างจากบราที่ห้อยลงมาในตู้นั้น

“เจ้าไม่ได้ยินเสียงอะไรจริงๆน่ะรึ?” เสียงของทหารถามอย่างเคลือบแคลง

“ข้าก็หลับอยู่จนกระทั่งท่านเคาะประตูปลุกข้านั่นแหละ” เอริคคีบอะไรบางอย่างด้วยนิ้วชี้และนิ้วโป้งทั้งสองมือขึ้นมาระดับสายตา ทั้งเอเคลเซธและลีโอไนดัสมองตาม และเห็นว่าสิ่งนั้นคือ กางเกงในสตรีสีขาวลายลูกไม้

“เจ้าต้องซ่อนพวกมันไว้ในนี้แน่ๆ!!” ทหารคนนั้นไม่เชื่อ “ในตู้นั้นหรือเปล่า”

“อย่านะยะ!!” ลิลลี่กรีดร้อง “นั่นตู้เก็บชุดชั้นในข้าย่ะ!!”

“......ยังไงๆก็ต้องตรวจ -- !!” เสียงของทหารคนนั้นเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เกิดเสียงดังพลั่กดังลั่นก่อนจะตามมาด้วยเสียง -- โครม!!

ทั้งสามรีบออกมาจากตู้หรรษาก่อนจะเห็นว่า ลิลลี่ถือเก้าอี้เงื้อคาอยู่ “วางไอ้นั่นลงเลยนะ -- ” เธอบอกลีโอไนดัสที่ถือกางเกงซับในสตรีติดมือมาด้วย

เด็กหนุ่มรีบวางลงด้วยใบหน้าแดงก่ำ ขณะที่เอริคกำลังสำรวจทหารคนนั้นที่สลบคาที่ และเอเคลเซธรีบไปปิดประตู

ลีโอไนดัสรีบบอกแก้เขิน “ขอบใจมากๆเลย ลิลลี่ -- ”

“ตกลงนี่มันเรื่องอะไรกัน” ลิลลี่พูด เธอยังไม่วางเก้าอี้ลงและมองพวกเขาทีละคน “ทำไมพวกท่านถึงต้องหนี?”

“เรื่องมันยาว” เอเคลเซธเอ่ย เขาเอาหูแนบประตูคอยฟังเสียงฝีเท้า

“งั้นก็เล่ามาย่อๆ” เธอบอก “ไม่งั้นข้าจะร้องให้คนมาช่วย”

“พวกเราไม่เป็นที่ต้องรับในพ็อตเทอร์รี่นี่แล้วน่ะสิ” เอริคเอ่ยพลางมองรอบห้องไปมาก่อนจะดึงขวดเหล้าในลังออกมา ลิลลี่ไม่พูดอะไรในขณะที่ เอริคกำลังเทเหล้ากรอกปากตัวเอง

“ขอโทษจริงๆนะ ลิลลี่...... -- ” ลีโอไนดัสเอ่ยด้วยใบหน้าสำนึกผิด “แต่เจ้าช่วยเงียบก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราก็จะไปแล้ว..... -- ”

“งั้น.....” เธอเอ่ยก่อนจะวางเก้าอี้ลง และเปิดช่องลับใต้พรม “ตามมาทางนี้สิ -- ” ลิลลี่เรียกผู้ชายทั้งสามที่อ้าปากหวอให้ตามเธอลงไปในช่องลับนั่น

“ที่ร้านนี่มีอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ?” เอเคลเซธเอ่ยอย่างรู้สึกทึ่งเมื่อเดินตามเธอเข้าไปในช่องเล็กๆที่เขาต้องก้มตัวไม่ให้ชนเพดาน

“เป็นทางที่เอาไว้ลงไปเก็บเหล้า -- แล้วก็เอาไว้หนีตอนที่ข้าอาจจะโดนลูกค้าตัณหากลับแกล้งเมาแล้วเสร่อขึ้นไปหาข้าบนห้องไงล่ะ” เธอบอกเรียบๆ และดันช่องกำแพงลับออกไปเจอกับห้องที่มีกลิ่นเหล้าคลุ้ง ลีโอไนดัสต้องออกแรงผลักเอริคที่มองซ้ายขวาราวกับตื่นเต้นประดุจอยู่บนสรวงสวรรค์ ก่อนที่เธอจะเปิดประตูหลังร้านและเชิญพวกเขาออกไป

“ขอบใจมาก ลิลลี่” เอเคลเซธบอกเธอ ลิลลี่แค่ยักไหล่ แต่ก็แอบยิ้ม

“ขอบใจ..... -- ” เอริคบอกอย่างสุขใจ สองอ้อมแขนเติมไปด้วยขวดเหล้า

“ลิลลี่ เจ้ามาด้วยกันเถอะ -- ” ลีโอไนดัสบอกกับเด็กสาว “เธอทำร้ายทหารนั่นนะ ถ้าเขาจำได้เธอจะเดือดร้อน.... -- ”

“ขอบใจที่เป็นห่วง แต่ไม่เป็นไรหรอก รีบไปเถอะ” เธอบอกสบายๆ

“แต่ -- ” ลีโอไนดัสอึกอักเขาพยายามหาเหตุผลอย่างว้าวุ่น

“ไปเถอะน่าขืนข้าหนีไปกับพวกท่าน ข้าคง -- ” เสียงของเธอขาดหายไป เมื่อพวกทหารวิ่งโผล่ลับมุมของร้านมาชี้ตรงมาที่พวกเขาร้องว่า

“พวกมันอยู่นั่น!! นังเด็กนั่นช่วยพวกมันไว้!!”

“เอ้า -- วิ่งสิยะ รออะไร!!” ลิลลี่ฉีกกระโปรงของเธอให้สั้นลงแหวกจนถึงต้นขาเพื่อให้วิ่งสะดวก ก่อนจะโยนทิ้งและออกวิ่งนำพวกเขา

“ท่าเรือ!! ไปที่ท่าเรือ!!” ตะโกนบอกให้พวกเขา เอริคขว้างขวดเหล้าไปข้างหน้าจนตกพื้นแตกกระจายเต็ม พวกเขากระโดดข้ามเศษแก้วนั้น ก่อนที่เอเคลเซธที่ฉวยคบเพลิงมาได้กระโดดข้ามพร้อมกับทิ้งคบเพลิงใส่และด้วยฤทธิ์แอลกอฮอลเข้มข้น ไฟก็ลุกพรึ่บทันที ขวางทางพวกทหารที่วิ่งตามมาอย่างกระชั้นชิด

“ไอ้นั่นคงจะถ่วงเวลาได้หน่อย” เอเคลเซธวิ่งตามจนทันทุกคน บนถนนนั้นว่างผู้คนเพราะดึกแล้ว นับว่าดีสำหรับพวกเขามากทั้งสี่วิ่งห้อไปยังท่าเรือให้เร็วที่สุด “ดีมาก ทนเอา..... หน่อย -- ” พวกเขาหยุดชะงัก เมื่อเลี้ยวเข้าซอยหนึ่งซึ่งเป็นทางลัดสู่ท่าเรือ

มันเป็นซอยเล็กๆที่ชื้นและลมพัดโกรก เพราะเข้าใกล้เขตทะเล และตรงปากทางนั้น มีคนๆหนึ่งซึ่งสวมหมวกคลุมหน้ายืนพิงกำแพงอยู่ ร่างสูงนั้นค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับพวกเขาก่อนจะค่อยๆถอดหมวกคลุมนั้นออก

“.... ท่านเรคัส -- ” เอเคลเซธเอ่ยผ่านไรฟัน เรคัสที่มีหนวดยุ่งเหยิงเต็มใบหน้านั้นมือหนึ่งกุมดาบข้างเอว เขายืนนิ่งมองพวกเขาด้วยสายตาอันตรายอย่างยิ่ง

“ทางนี้!!” เสียงของทหารตะโกนมาจากด้านหลัง กำลังตามมา

พวกเขาทั้งสี่กำลังเข้าตาจน......

 

*“That’s bullshit!!” Leonidas’s Quote: “นั่นมัน ไร้สาระ/ไม่จริงทั้งเพ!!”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา