Secret society! ชมรมลับของคนรักสาวซื่อบื้อ ❤

8.0

เขียนโดย ฉันคนเดิม

วันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2558 เวลา 02.47 น.

  4 คาบเรียนที่
  34 วิจารณ์
  9,157 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558 04.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) มอง (3)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

3

 

แต่เราต่างเกิดมา เพื่อให้คนๆ หนึ่ง ทำร้ายและกลืนชีวิตเราไป

ไม่ใช่แค่เธอ หากยังมีฉัน ที่เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความฝัน

และจะไม่มีวัน ที่ฉัน...จะยอมเผลอใจ อ่อนไหวไปกับสิ่งเหล่านี้

สิ่งเหล่านี้...สิ่งเหล่านี้...

 ที่เรียกว่าความรัก

 

            แปะ แปะ แปะ แปะ!!

            เสียงปรบมือรัวจากเพื่อนๆ ทำให้ฉันชื่นใจขึ้นมาหน่อย เพราะก่อนหน้านี้ห้องมันเงียบมาก ไม่รู้ว่าเงียบเพราะกำลังฟังฉันหรือเปล่า แต่มันน่าอึดอัดสุดๆ และตอนนี้ฉันก็สอบเสร็จแล้ว แถมเป็นคนแรกซะด้วย! ฟังจากเสียงตอบรับและความพึงพอใจของเพื่อนๆ แล้ว ฉันว่าฉันได้คะแนนเต็มแหง คิกคิก >_<

            “ใช้ได้...เธอนี่เล่นกีตาร์เก่งเหมือนกันนะ” เสียงปริศนาดังขึ้น นั่นทำให้ทั้งห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง

            “โอดิน! นี่เธอยังไม่ไปหาผอ.อีกเหรอ? -O-” อาจารย์ลิลลี่ทำหน้าตกใจทันทีที่เห็นชายผมทองหน้าลูกครึ่งคนเดิมยืนกอดอกพิงประตูอยู่ นั่นสิ ยังไม่ไปหาตาแก่ผอ.อีกเรอะ? -O-

            “พอดีเสียงกีตาร์มันไปสะกิดหูน่ะ ผมก็เลยเดินขึ้นมาดู” โอดินละสายตาจากอาจารย์ลิลลี่แล้วหันมามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ไม่คิดเลยนะว่าเธอจะเล่นได้ดีขนาดนี้”

            “ขอบคุณ” ฉันตอบก่อนจะว่างกีตาร์ลงข้างๆ ส่วนโอดินก็พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป

            มาแค่เนี๊ยะ? -O-

            ก่อนที่แผ่นหลังของเขาจะหายลับไป ฉันกลับนึกอะไรได้ขึ้นมา...

            จริงๆ แล้วฉันมีเรื่องจะถามเขานี่นา

            “เอ่อ...โอ..” จู่ๆ เสียงมันก็หายกลับเข้าไปในลำคอเพราะความกังวลที่แล่นเข้ามาอย่างฉับพลัน ไม่รู้ว่าเรื่องนั้นจะถามตอนนี้ได้เลยหรือเปล่า มันจะสมควรไหมนะ...แต่พอมาคิดดูอีกที เรื่องที่จะถามมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร จะถามตอนไหนก็ได้นี่นา...

            อ๊ะ! นี่ฉันกำลังคิดมากเรื่องอะไรอยู่! ไม่กล้าคุยกับเขาตรงๆ งั้นเหรอ? เขาไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย!!

            แต่เขาเป็นนักร้องดังเชียวนะ เป็นหนุ่มหน้าตาดีที่สาวๆ คลั่งไคล้ แถมยังเป็นปริ๊นอีก ฉันมันแค่ชั้นกลาง พูดยังไงถึงจะเหมาะล่ะ...ขืนพูดไปโดยไม่คิดก็โดนด่าว่าไม่มีมารยาทกันพอดี อืม...งั้นคืนนี้ไปคิดบทพูดมาก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยถามแล้วกัน

            “...” อ๊ะ! จู่ๆ เขาก็หันกลับมาเฉย แถมยังมองฉันด้วย!

            “เธอเรียกฉันเหรอ?”

            ฉ..ฉันยังไม่ได้เรียกเลยนะ!! O[]O

            “…” ทั้งห้องหันมามองฉันที่ยืนทำหน้าเลิกลั่กอยู่กลางห้อง ม...มองอะไรกัน ฉันไม่ได้เรียกนะ ไม่ได้เรียกจริงๆ! >_<

            “งั้นฉันคงหูฝาด” เขาหันหน้ากลับไปแล้ว! แล้วกำเดินออกจากห้องนี้ด้วย!!

            เอายังไงดี ฉันควรถามตอนนี้หรือวันพรุ่งนี้ดีล่ะ แต่โอกาสอยู่ตรงหน้าแล้วนะ! แค่อ้าปากแล้วถามเรื่องที่อยากรู้แค่นั้นก็จบ นี่ดาริน เธอลองคิดดูดีๆ ถึงจะเรียนห้องเดียวกันแต่ก็ใช่ว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าหาง่าย เขาเป็นปริ๊นที่สาวๆ คลั่งไคล้ ฉันไม่สามารถคุยกับชายที่มีโล่เป็นหญิงสาวได้หรอก มันอันตราย! และมีความเป็นไปได้สูงมากที่คาบหน้าจะไม่เจอเขาในห้องเรียน เขาอาจจะถูกอบรมหรือถูกทำโทษเพราะไปพบผอ.สายจนขาดเรียนก็ได้ แล้วฉันก็จะพลาด จะไม่มีโอกาสได้ถามแบบนี้อีกแล้วนะ!!

            เอาวะ!

            “โอดิน!! >_<” ฉันเรียกชื่อเขาแล้ว!!

            เสียงตะโกนของฉันทำให้เขาชะงักเล็กน้อย

            ...

            แล้วหมอนั่นก็หันหน้ากลับมาตอบอย่างรำคาญ

            “ว่าไง?”

            “เอ่อ...” เห็นหน้าเซ็งๆ คิ้วขมวดแบบนั้นแล้วหงุดหงิดชะมัด นี่ฉันไปคิดมากเรื่องการวางตัวกับปริ๊นให้เสียเวลาทำไมวะ? อีหมอนี่มันก็เหมือนพวกชั้นสูงหรือพวกปริ๊นเซสทั่วไปนั่นแหละ

            ขี้เหวี่ยง!

            “นายรู้เรื่องงานคอนเสิร์ตที่ใกล้จะถึงนี้ไหม?”

            “อืม Mini concert Boy&Girl อ่ะนะ?” เขาค่อยๆ หันหน้ามาคุยกับฉันดีๆ ในท่ากอดอกแล้วยกคิ้วข้างขวาขึ้นเล็กน้อย

            อยากตบคิ้วแตกชะมัด -_-!

            “ใช่”

            “หืม? อย่าบอกนะว่าเธอจะชวนฉันเข้าวง?” โอดินหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วมองฉันอย่างขำๆ

            เออ! จริงๆ ก็อยากอยู่หรอก แต่คนอื่นคงจะว่าฉันขี้โกงที่ไปชวนอีตานักร้องดังมาร้องเพลงให้ และฉันก็ไม่เอาคนหน้ากวนต่อมโมโหแบบนี้เข้าวงด้วยหรอก ปวดหัวจะตาย -_-

            “เปล่า คืองานนี้วงฉันก็จะร่วมด้วย แต่ใช้เพลงของนายน่ะ”

            “เพลงของฉัน? Just be friends เหรอ?”

            “อืม เพลงนั้นแหละ ถ้าฉันกับเพื่อนๆ ในวงเอาไปร้อง นายคงไม่ว่าอะไรใช่ไหม?” ฉันกอดอกแล้วทำหน้าแบบเดียวกับเขาถามกลับบ้าง อยากรู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไงที่มีคนมาทำแบบนี้ใส่

            “อ้อ ก็ตามใจสิ” เขาเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “แต่ปีนี้ให้ใช้เพลงร็อคขึ้นแสดงนี่?”

            “เป็นเวอร์ชั่น cover น่ะ”

            “อ้อ...” หมอนั่นพยักหน้าเบาๆ เหมือนกำลังคิดอะไรในหัวอยู่

            ไม่นาน รอยยิ้มก็ค่อยๆ ปรากฏบนใบหน้าของเขา...

            “จะรอดูแล้วกัน” พูดจบ เขาก็เดินออกไปทันที

            จะว่าอีหมอนี่น่าหมั่นไส้มันก็ใช่นะ แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่นา ยิ้มง่าย แถมยังชมฉันเล่นกีตาร์เก่งอีกต่างหาก หรือว่าเขาเป็นคนที่มีบุคลิกกวนโมโหคนอื่นแบบนี้อยู่แล้วนะ? เฮ้อ...ไม่น่าไปตัดสินคนจากภายนอกเลย รู้สึกแย่ชะมัดที่ไปโมโหยืนกอดอกท้าทายใส่เขาแบบนั้น ฉันดูเลวไปเลยแฮะ =_=;

            “เฮ้อ! ฉันนึกว่าเธอจะสารภาพรักเขาซะอีก” จู่ๆ ก็มีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งๆ ของชะนีดังขึ้นตรงมุมห้อง ที่พูดนั่นหมายถึงฉันเหรอ? เมื่อกี้ฉันเหมือนคนอยากสารภาพรักโอดินหรือไง? -O-

            “ยัยนี่ไม่ทำแบบนั้นหรอก สมแล้วที่เป็นเธอ ดาริน ยังไงดารินก็คือดารินวันยันค่ำ”

            “ที่พูดนั่นหมายความว่ายังไงยะ? -_-” ฉันถามชะนีนางที่นั่งหลับตาไขว่ห้างโบกมือพัดหน้าตัวเองไปมา เหมือนมันจะช่วยให้หายร้อนได้อย่างนั้นแหละ พูดอะไรก็ไม่รู้ ‘ดารินก็คือดาริน’ ที่ว่านั่นมันหมายความว่ายังไง -_-

            “ก็ดาริน ผู้คลั่งไคล้ในดนตรีไง เธอคงจะพูดอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากเรื่องดนตรีแล้วแหละ โฮะๆๆ ^O^”

            ยัยนี่! เดี๋ยวก็ช่วยโบกให้หายร้อนซะหรอก แค่ชอบเสียงเพลงมันแปลกตรงไหน ฉันไม่ใช่สัตว์ประหลาดนะยะ!

            “มันชักจะนอกเรื่องไปกันใหญ่ละ” อาจารย์ลิลลี่ที่นั่งฟังนักเรียนพูดกันอย่างมีมารยาทโดยไม่ขัดสักคำยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองอย่างเหนื่อยๆ ฉันรู้สึกเหมือนเรามานั่งเม้ากันมากกว่ามาสอบซะอีก อาจารย์นางนี้ใจดีเกินไปแล้วนะ -_-;

 

            2 ชั่วโมงต่อมา

            เฮฮา เฮฮา

            คึกครื้น คึกคัก

            “เสียงดังชะมัด -_-” ฉันบ่นเบาๆ พลางมองพวกผู้ชายหลังห้องนั่งโม้กันเรื่องอีแตะหายหน้าร้านเกม แค่อีแตะหายถึงกับต้องถีบโต๊ะปลิวไปติดประตูหลังดังตู้ม! ดีนะที่นั่นเป็นโต๊ะเปล่าไม่มีคนนั่ง และนั่นก็เป็นที่นั่งของ ‘นักเรียนใหม่’ คนนั้นด้วย รู้สึกสงสารหมอนั่นชะมัด โต๊ะเรียนตัวเองถูกประทับด้วยรอยเท้าแล้ว -_-

            เจี๊ยวจ๊าว

            กรี๊ดกร๊าด!

            พอหันมาซ้ายมือก็เจอกับกลุ่มชะนีที่จ้อกันเรื่องผู้ชายห้องโน้นห้องนี้ อวดกันแม้กระทั่งเรื่องที่ตัวเองไปแอ๊วน้องประถมโรงเรียนข้างๆ มา และเสียงพวกหล่อนก็แหลมแสบหูจนไม่รู้จะเอาอะไรมาเปรียบเทียบดี ถ้าฉันไม่พกหูฟังมาคงตายเพราะทนพิษเสียงของพวกหล่อนไม่ได้แน่ๆ

            ครืดด!!

            “โอ๊ะ! อาจารย์มาแล้วว่ะ!” เสียงประตูถูกเปิดพร้อมกับอาจารย์ประจำวิชาที่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เหล่านักเรียนที่วุ่นวายทั้งหลายต่างพากันลากโต๊ะกลับมาไว้ที่เดิมแล้วนั่งประจำที่

            “สวัสดีครับ/ค่ะอาจารย์สมศักดิ์”  

            “บอกกี่ทีว่าให้เรียก สมศรี พวกเธอนี่จริงๆ เล้ย!” อาจารย์ร่างบางบ่นรัวทันทีที่ได้ยินชื่อที่ช่างไม่เข้ากับความสาวในตัวนางเสียเลย ว่าแต่ทำไมต้องสมศรีด้วยล่ะ ตั้งชื่อให้มันแพงกว่านี้หน่อยสิคะอาจารย์ -_-

            “แล้วนี่มันห้องเรียนหรือโรงขยะยะ สกปรกยิ่งกว่าตูดหมาอีก เก็บเดี๋ยวนี้!” นางเหวี่ยงก่อนจะตบโต๊ะดังปึง

            “ทำไมวันนี้ฮันนี่ของผมดุจังเลยครับ?” อีตานักเรียนชายเคราแพะหลังห้องทำเสียงน่ารักอ้อนอาจารย์พลางก้มเก็บกระดาษไปด้วย

            “ไม่ต้องมาทำเสียหวาน! เพราะฉันรู้ว่าพวกเธอเป็นนักเรียนซกมกน่ะสิถึงได้หงุดหงิด” นางยังคงบ่นไปเรื่อยๆ แล้วมองดูเด็กๆ ที่น่าสงสารก้มเก็บขยะที่พื้น

            “ฉันรู้สึกแย่ที่นักเรียนหน้าหล่อคนใหม่เขาจะต้องมาอยู่ในห้องรกๆ แบบนี้ แต่ฉันก็แอบดีใจนะที่ได้คนหล่อมาเป็นลูกศิษย์อีกคน”

            “อ๊ะ! หรือว่า!!” พอพวกผู้หญิงได้ยินคำว่า ‘นักเรียนหน้าหล่อ’ ก็ลุกพรวดทำตาโตทันที มันเหมือนเป็นระบบตื่นเต้นอัตโนมัติที่ถูกติดตั้งไว้ในร่างกายของพวกเธอยังไงยังงั้น -_-;

            “แหม ชะนีเด็กพวกนี้ พอได้ยินเรื่องผู้ชายนี่ไม่ได้เลยนะ!”

            “ก็มันน่าสนใจนี่คะอาจารย์ >_<” หนึ่งในบรรดาชะนีเตี้ยที่มาขอดมเสื้อฉันเมื่อคาบดนตรียืนเขินบิดไปบิดมาเหมือนคนปวดขี้ ฉันรู้สึกสงสารเศษกระดาษในมือของเธอยังไงไม่รู้ มันยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว -O-

            “เอาล่ะ เก็บขยะเสร็จแล้วก็เอายัดใส่กระเป๋าตัวเองซะ ตอนเย็นก็เอากลับไปทิ้งที่บ้านด้วย”

            “หา!! ทำไมไม่ให้เราทิ้งหลังห้องล่ะ ขยะในห้องเราก็มีนี่” เด็กผู้ชายสวมแว่นที่นั่งข้างๆ ฉันยกมือถามอย่างสงสัย แถมขยะที่หมอนี่เก็บได้ก็มีแต่ถุงลูกชิ้นปิ้งที่เหลือแต่น้ำจิ้มสารพัดรส ถ้ายัดใส่กระเป๋าจริงๆ คงกลายเป็นรวมมิตรน้ำจิ้มเน่าอ่ะ -O-

            “ผมก็แหกตาดูขยะหลังห้องสิคะ มีแต่เศษกระดาษกับรองเท้าเน่าๆ ของใครไม่รู้ เมื่อวานไม่ได้ทำเวรกันใช่ไหม?!” นางเริ่มตะคอกเสียงดังเมื่อเห็นถังขยะเล็กๆ หลังห้องเอ่อล้นไปด้วยเศษอะไรต่อมิอะไร ฉันรู้สึกโชคดีมากที่จับฉลากได้นั่งด้านหน้า ไม่งั้นคงต้องทนกลิ่นถุงเท้าเน่าๆ หลังห้องแน่ ไม่รู้ว่าพวกหลังห้องมันทนไปได้ยังไง แถวนั้นหาอากาศบริสุทธิ์แทบไม่ได้เลยนะ =_=;

            “ยังไงก็เก็บใส่กระเป๋าซะ ถ้าไม่อยากให้กระเป๋าสุดโก้ของตัวเองต้องเปรอะหรือไม่อยากซื้อกระเป๋าใบใหม่ คราวหน้าก็รักษาความสะอาดด้วยล่ะ”

            “คร้าบ/ค่า -O-”

            “เอาล่ะ ก่อนจะเริ่มสอนฉันขอทำหน้าที่อาจารย์ประจำชั้นด้วยการแนะนำนักเรียนใหม่ แต่พวกเธอคงรู้จักเขาอยู่แล้วล่ะ” อาจารย์สมศรียิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะมองไปที่ประตู

            “เชิญจ้ะ พ่อเทพบุตรของฉัน~”

            “กรี๊ดดดดดดดด >O<”

            “ว้ายยยยยยย >O<”

            ยังไม่ทันที่เขาคนนั้นจะเข้ามา สาวๆ ทั้งหลายก็อ้าปากหอนซะดังลั่นห้องจนฉันต้องยกมือขึ้นอุดหูตัวเอง อย่างที่บอกไปเมื่อกี้ว่าเสียงของพวกนางแหลมมาก พลังทำลายล้างมหาศาล ถ้าไม่รีบป้องกันฉันต้องถูกหามส่งโรงพยาบาลแน่!

            “ชะนีหยุด!!” อาจารย์นางเดิมตะโกนกลบเสียงกรี๊ดก่อนจะมองไปยังชายที่ยืนข้างๆ ด้วยสายตาอันเย้ายวนชวนสยอง

            “แนะนำตัวเลยจ้ะ ^^”

            “สวัสดีครับ ผม ‘โอดิน’ ยินดีที่ได้รู้จัก” อีหมอนี่! เพราะฉันนั่งหน้าสุดถึงได้เห็นท่าทางของเขาชัดๆ แบบนี้ มองกี่ทีก็น่าหมั่นไส้ มันน่าตบหัวสักป้าบกับท่าแนะนำสุดกวนประสาทนั่น เขาเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงหนึ่งข้าง ส่วนอีกข้างก็จับสายสะพายกระเป๋าที่สะพายบนไหล่ข้างเดียว

            ‘ที่บ้านไม่สอนเรื่องมารยาทเหรอยะ! เก๊กเป็นอย่างเดียวหรือไง!’

            อยากตะโกนออกไปแบบนั้นชะมัด -_-

            ถึงมาดของหมอนี่จะดูกวนๆ ก็เถอะ แต่ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็ดูดีไปซะหมด ไม่แปลกเลยที่สาวๆ จะหลงใหลแบบนี้

            “ว้าว!! ทูนหัวของฉัน!!!”

            “หล่อชะนีตายควายสิ้นชีพเลยจ้ะ!”

            ฟังเสียงของแต่ละนางสิ! พวกหล่อนยังเป็นผู้หญิงอยู่ไหม สำรวมหน่อยสิเฟ้ย TOT

            “เอ่อ...ที่นั่งของผมคือโต๊ะที่ขามันเบี้ยวๆ หลังห้องนั่นใช่ไหมครับ?” โอดินชี้ไปที่โต๊ะตัวที่เพิ่งถูกถีบไปเมื่อกี้ นาสงสารชะมัด มาเรียนวันแรกก็ได้โต๊ะพิการเลย

            “อืม...ไม่รู้สิ เธออาจจะไม่ได้นั่งตรงนั้นก็ได้นะ” อาจารย์สมศรียิ้มอย่างมีเลศนัย

            หรือว่า...

            “มาจับฉลากเปลี่ยนที่นั่งกันเถอะ! ^O^” พูดจบ นางก็เดินไปยกกล่องฉลากประจำห้องมาวางบนโต๊ะฉัน จะจับที่นั่งใหม่จริงๆ เหรอ? -O-

            “โอเคครับ! จับใหม่ก็ดีเหมือนกัน ผมอยากนั่งข้างหน้าบ้าง อยู่หลังนี่แยกไม่ออกเลยว่าอันไหนกลิ่นตีน อันไหนกลิ่นขยะ -_-” ‘กระโห้’ เพื่อนสนิทวอดก้าบ่นอย่างเซ็งๆ พลางเหล่มองเพื่อนชายที่นั่งข้างๆ เหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่า ‘กลิ่นเท้าไอ้หมอนี่เหม็นสุดๆ!’

            และที่ฉันเซ็งที่สุดคือชื่อของเขา หน้าตาก็ดี ทำไมต้องชื่อกระโห้ด้วย! -O-

            “ก็เพราะพวกเธอไม่รักษาความสะอาดนั่นแหละ =_=!” และอาจารย์สมศรีก็ยังไม่เลิกที่จะกัดเรื่องความโสโครกในห้องเรียน  

            “อยากนั่งข้างโอดินจังเลย >_<”

            “ฉัน!! ต้องเป็นฉันเท่านั้น!!!”

            ความรู้สึกของพวกนั้นต่างจากฉันลิบลับ ไม่อยากย้ายเลย ฉันอยากนั่งตรงนี้! TOT

            ปกติเราจะจับทึกครั้งที่เปิดเทอม แต่นี่เพิ่งเปิดมาได้2สัปดาห์จะจับใหม่อีกแล้วเหรอ ฉันกำลังฟินกับการนั่งหน้าเลยนะ ถ้าจับอีกฉันอาจถูกย้ายไปสูดกลิ่นแห่งความตายหลังห้องก็ได้ ไม่นะ ฉันไม่อยากตาย!TOT

            “โอดิน เธอจับก่อนแล้วกันนะ ^^” อาจารย์หลีกทางแล้วผายมือให้โอดินเดินมาจับฉลากบนโต๊ะฉัน

            “ว่าไง” เขาทักทายด้วยรอยยิ้มก่อนจะยกกล่องขั้นมาเขย่า

            “ขอให้จับได้ที่ดีๆ แล้วกัน” แต่อย่ามาแย่งที่ฉันนะ TOT

            ชึบ!

            เขาหยิบกระดาษม้วนแผ่นเล็กออกมาพร้อมจะคลี่ออก

            แต่...

            “อย่าเพิ่งดูเลขข้างใน เราจะลุ้นพร้อมกันทั้งห้องจ้ะ ^^” อาจารย์สมศรีแตะมือเรียวๆ ของโอดินที่กำลังจะคลี่กระดาษออก แต่นั่นดูเหมือนการแต๊ะอั๋งหนุ่มมากกว่า เนียนนะเนี่ย จำเอาไปใช้บ้างดีกว่า คิกคิก >_<

            “ต่อไปก็เธอ ดาริน จับเลย”

 

            5 นาทีต่อมา

            “เอ้า ได้กระดาษกันครบแล้วนะ”

            “คร้าบ/ค่า!”

            “ครั้งนี้หมายเลข1จะไม่ใช่โต๊ะด้านหน้าเหมือนครั้งก่อน เพราะฉะนั้นเลข1คือโต๊ะหลังห้องข้างประตู เรียงไปทางขวาขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นรูปตัว ‘S’ เข้าใจตามนี้นะ!”

            “คร้าบ/ค่า!”

            “งั้นเก็บของ!!”

            กุกกัก กุกกัก

            ถึงแม้ห้องนี้จะดูวุ่นวายและเสียงดังไปหน่อย แต่พวกเราก็ฟังคำสั่งของอาจารย์ประจำชั้นอย่างเคร่งครัด ทุกคนก้มหน้าก้มตาเก็บหนังสือใต้เก๊ะและไม่มีใครเปิดดูเลขในฉลากก่อนเลย บางทีฉันก็ชอบบรรยากาศแบบนี้นะ ดูเป็นระเบียบดี ^^

            “ถ้าเก็บของกันเสร็จแล้วก็...เปิดได้!!”

            พรึ่บ!!

            “เย้!! ได้นั่งหน้าโว้ยย >O<”

            “เฮ้ยไรอ่ะ ฉันได้นั่งที่เดิม”

            “ลุกสิวะ!!”

            “ฉันไม่รู้ว่านั่งตรงไหน แต่อยากนั่งข้างโอดินจัง >_<”

            …

            ในขณะที่ฉันกำลังอึ้งกับตัวเลขในมือ เพื่อนๆ ก็พากันตื่นเต้นกับที่นั่งใหม่...

            ทำไมถึงได้ใจร้ายกับฉันนัก...มันไม่ยุติธรรมเลย...

            ลาก่อน...2สัปดาห์แห่งความสุข ฉันต้องไปแล้-

            ปึง!!!

            เฮือก!! O_O

            “เหม่ออะไรของเธอ ลุกได้แล้วยัยกุ้งแห้ง!” ปากไอ้ด่างสัตว์เลี้ยงป้ากุลขายหมูปิ้งหน้าโรงเรียนชะมัด ฉันไม่ได้แห้งเหมือนกุ้งที่เขาเอาใส่ส้มตำอย่างที่นายว่าสักหน่อย! -_-

            “อะไร? นายได้นั่งตรงนี้เหรอกระโห้?”

            “เออสิ เธอล่ะ?” หมอนั่นวางสมุดลงบนโต๊ะแล้วดึงฉลากในมือฉันไปดู

            “1…2…3…” กระโห้กวาดตามองไปหลังห้องและนับเลขหาที่นั่งให้

            “แหม เธอนี่โชคดีชะมัด เลข4นั่นโต๊ะเก่าฉันเอง ^^”

            โต๊ะที่บอกว่าแยกกลิ่นตีนกับกลิ่นขยะไม่ออกน่ะนะ!! -O-

            “เนื่องจากเธอได้นั่งโต๊ะเก่าของฉัน ฉันจะช่วยเธอขนของแล้วกัน บริการพิเศษจากพี่กระโห้เลยนะ ^^” พูดจบ หมอนั่นก็ยกกองหนังสือที่ฉันเอาวางไว้ที่พื้นไปทันที

            “รู้หรอกว่าไล่ -_-” ทำเป็นพูดจาดูดี ใจจริงแล้วอยากให้ฉันลุกไวๆ ล่ะสิ ตอนนี้ฉันเข้าใจความรู้สึกของนางฟ้าที่ตกสวรรค์แล้วล่ะ และฉันคือนางฟ้าที่ตกทะลุดินลงสู่นรก!TOT

            ปึง!

            “เอ้า เสร็จแล้ว ^O^”

            “วางเบาๆ ไม่เป็นหรือไง เดี๋ยวหนังสือฉันก็พังหมดหรอก -_-”

            “ ‘เดี๋ยวหนังสือฉันก็พังหมดหรอก’ แหวะ! ทำเป็นห่วงของไปได้ ขี้งกชะมัด” อีกระโห้เบะปากล้อเลียนคำพูดฉัน อยากโดนอีกุ้งแห้งคนนี้ตบปากหรือไง หา! -O-

            “รำคาญว่ะ กลับไปนั่งที่ได้แล้วปะ -_-” ฉันโบกมือไล่อีตานั่นให้กลับไปที่ตัวเอง ขืนยังอยู่ต่อ ไข่หมอนี่ได้แตกแน่ -_-

            “ไม่”

            “เออๆ จะทำอะไรก็ทำเถอะ -_-” ฉันไม่น่าไปสนิทกับคนแบบนี้เลย หมอนี่ถ้าสนิทกับใคร ความเกรงใจที่มีต่อคนๆ นั้นจะกลายเป็น0 จะไม่แยกแยะว่าเป็นหญิงหรือชาย จะเป็นพี่หรือน้องก็ไม่สน ทุกคนคือเพื่อน และคำว่า ‘เพื่อน’ ของหมอนี่ มีให้เฉพาะคนที่ ‘สนิท’ จริงๆ เท่านั้น   

            ครืด!

            เสียงเก้าอี้ขูดกับพื้นดังขึ้นทางซ้ายมือ เพื่อนโต๊ะข้างๆ มาแล้วสินะ โชคร้ายชะมัดที่ต้องมานั่งในที่แบบนี้ ใครกันนะที่ดวงซวยเหมือนฉั-

            “วอดก้า! แกก็ถูกย้ายให้มานั่งหลังห้องเหรอวะ ^O^”

            “เออสิ โคตรเหม็นเลยว่ะ -_-”

            “เอาน่า เดี๋ยวก็ชิน”

            ชื่อของเขาทำให้ฉันนิ่งไป...

            ลงนรกยังไม่พอ ต้องดิ่งลงไปอีกเหรอ...

            “เนี่ย ได้นั่งข้างกับอีแห้งด้วย อย่าทะเลาะกันเสียงดังล่ะ ฮ่าๆ ^O^” กระโห้ยังไม่เลิกหัวเราะแถมยังสะกิดไหล่ฉันให้หันไปคุยด้วยอีก ทั้งที่รู้ว่าฉัน ‘เกลียด’ หมอนั่นมากขนาดไหน

            “เธอก็เหมือนกัน อย่าเย็นชากับมันนักเลยนะ”

            “เออ รู้แล้วๆ พูดมากชะมัด กลับไปนั่งที่ได้แล้วไป -_-” รู้หรอกว่ากระโห้หวังดี พยายามช่วยสานความสัมพันธ์ให้ฉันกับวอดก้ากลับมาพูดดีๆ ได้เหมือนเดิม แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉันด้วย ถ้าอยากดีด้วยเดี๋ยวก็ดีเองแหละ -_-

            “โอดินจ๊ะ ได้ที่นั่งหรือยังจ๊ะ ^^” อาจารย์ดูเป็นห่วงเป็นใยนักเรียนคนนี้เหลือเกินนะ ไม่รับเป็นลูกบุญธรรมไปเลยล่ะ -_-

            “ครับ เจอแล้ว”

            เอ๊ะ...เสียงของหมอนั่นอยู่ใกล้ๆ นี้นี่นา

            อย่าบอกนะว่า...

            “เลข3ครับ”

            ฉันนั่งคั่นกลางระหว่างปริ๊นสองคน! O_O

            “กรี๊ดดดดด”

            “ทำไมสามีในอนาคตของฉันได้ที่แย่ๆ แบบนั้นล่ะ TOT”

            “ดาริน!! เธอแลกเลขกับใครมาใช่ไหม!!!”

            “ฉันจะอยากนั่งใกล้กองขี้ทำไมหา!” ยัยพวกชะนีบ้านี่ก็เพ้อเจ้อ ใครเขาจะอยากมานั่งเหม็นกองขยะเน่าๆ พวกนี้กัน ฉันไม่ได้บ้าผู้ชายเหมือนพวกหล่อนสักหน่อย -O-

            “แย่จัง สงสัยเย็นนี้คงต้องทำความสะอาดห้องครั้งใหญ่แล้วล่ะ เพื่อปริ๊นทั้งสองคน~”

            แล้วฉันล่ะคุณสมศรี!-_-

            “เมื่อทุกคนได้ที่แล้วก็มาเริ่มเรียนกันเถอะ ^O^” อาจารย์เก็บกล่องฉลากไปวางไว้บนโต๊ะที่เดิมแล้วหยิบหมึกเขียนกระดานขึ้นมาพร้อมสอน งั้นฉันเก็บของใส่เก๊ะก่อนดีกว่า

            ...

            ปึก!

            “อ้าว ทำไมเธอไม่ใต้เก๊ะล่ะ?” โอดินถามฉันทันทีที่เห็นกองหนังสือบนพื้น

            “โสโครกอ่ะ -_-” ฉันบิดโต๊ะให้หมอนั่นดูสภาพ ข้างในมีแต่หมากฝรั่งหลากสีที่อุดมไปด้วยน้ำลายแห้งๆ ฉันควรใส่หนังสือเข้าไปในนี้เหรอ?

            ไม่-เด็ด-ขาด!

            “แลกโต๊ะไหม?” เสียงจากซ้ายมือดังขึ้นทำให้ฉันต้องหันไปมองหน้าเขา

            วอดก้าพูดกับฉันจริงๆ แต่เขาไม่มองหน้าฉันเลย แถมโต๊ะของหมอนั่น...

            “ไม่”

            “ตามใจ”

            ที่ฉันตอบไปแบบนั้นเพราะโต๊ะนั่นคือโต๊ะขาเบี้ยวที่ถูกถีบไปเมื่อต้นชั่วโมง ฉันไม่ใช้โต๊ะพิการแบบนั้นหรอก

 

            30 นาทีผ่านไป

            “We wish you a Merry Christmas. We wish you a Merry Christmas.”

            กลิ่นน้ำจิ้มแจ่วหลังห้องฟุ้งกระจาย ไม่อาจทราบได้ว่าใครเอามาทิ้ง ชายผมดำซ้ายมือของฉันก็นั่งเอาขาพาดหัวเข่าเล่นเกมโทรศัพท์ ส่วนหนุ่มหล่อขวามือก็นั่งดูคลิปตลกแถมยังป้องกันกลิ่นด้วยผ้าปิดปากลายกล้วยอีก อาจารย์สอนอะไรก็ไม่รู้ ร้องเพลงอยู่เหรอ? แอร์มันมาไม่ถึง ฉันรู้สึกร้อนจนไม่อยากจะเรียนแล้ว ผมคนข้างหน้าก็ฟูอย่างกับดาวขำมิน มันบังกระดานจนมองอะไรไม่เห็น แม้กระทั่งอาจารย์ยังบังซะมิด แบบนี้จะเรียนรู้เรื่องไหมล่ะ -_-

            หลับดีกว่า...

            ฉันเอามือวางทับกันบนโต๊ะแล้วแนบแก้มขวาลงไป...

            ภาพที่เห็นก่อนหลับตาคือชายผมดำสนิทรัวนิ้วเรียวยาวลงบนจอโทรศัพท์อย่างไม่กลัวว่ามันจะพัง ด้วงตาสีนิลเฉียบคมจ้องมองตัวละครในเกมอย่างไม่ละสายตา ฉันรู้สึกอิจฉาที่เขามีจมูกโด่งเป็นสันสวยๆ แบบนั้นประดับอยู่บนใบหน้า อ๊ะ! เขาก็ร้อนเหมือนกันสินะ สังเกตจากเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตามไรผม มันไหลลงมาตามกรอบหน้า

            “ชิ!” เสียงจิ๊ปากขึ้นอย่างหงุดหงิด คิ้วหนาของเขาเริ่มย่นพร้อมกับริมฝีปากสีชมพูอ่อนที่เม้มเข้าหากันแน่น...

            “นิ่ม...”

            O///O!!

            ภาพในวันนั้นกับเสียงในอดีตมันดังขึ้นอัตโนมัติ ม..ไม่นะ นี่ฉันคิดอะไรอยู่!! >_<

            “แพ้ได้ไงวะ!” วอดก้าขมวดคิ้วบ่นแล้วกระชากหูฟังออกอย่างโมโห

            อ๊ะ!! จะให้เขารู้ไม่ได้ว่าฉันมองอยู่ ซึ่งฉันไม่ได้ตั้งใจจะมองเลย!

            ควับ!!

            ฉันรีบหันหน้าไปอีกทาง หวังว่าเขาคงไม่รู้ตัวนะ...

            แต่พอหันมาทางนี้ก็เจอกับหนุ่มหล่อที่ใครๆ ต่างพากันหลงรัก บางทีเส้นผมสีทองสว่างนั่นอาจะเป็นปัจจัยที่ทำให้สาวๆ ชอบก็ได้นะ เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ชอบคนหน้าฝรั่งนี่นา ยิ่งผิวขาวเนียนหน้าลูกครึ่งแบบนี้ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่ จมูกนี่ไม่ต้องพูดถึง ถ้าดั้งไม่มีก็ไม่ใช่ลูกครึ่งแล้ว แถมสาวๆ ก็คงไม่ตามกรี๊ดล่ะ -_-

            อ้อ! ดวงตาสีฟ้าครามนั่นก็น่าหลงใหลเหมือนกันนะ มันทั้งกลม โต และแวววาว ขนตางอนยาวหนาเรียงกันเป็นแพนั่นยิ่งทำให้ดวงตาของเขาดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก น่าอิจฉาชะมัด...ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิงทำไมกันนะ

            ...

            จู่ๆ เขาก็เลื่อนผ้าปิดปากลง เผยให้เห็นริมฝีปากบางรูประจับที่กำลังขยับไปมาอย่างช้าๆ...

            มอง...นาน...ไป...แล้ว...นะ

            อ๊ะ!!! O///O

            ตามองจอโทรศัพท์อยู่แท้ๆ ทำไมถึงรู้ล่ะ!!

            เขาไม่ได้เปล่งเสียงออกมา แต่ขยับปากช้าๆ ให้ฉันอ่านปากเขาออก!

            ตุบ!

            ฉันรีบหันหน้ากลับมาเอาหน้าผากแตะโต๊ะทันที แย่ชะมัด รีบหลบหน้าอย่างมีพิรุธแบบนี้เขาต้องเข้าใจผิดว่าฉันแอบมองอยู่แน่ๆ ต้องคิดว่าฉันชอบเขาแหง! ไม่นะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะมองสักหน่อย ฉันก็ดูอะไรเรื่อยเปื่อยแล้ววิพากษ์วิจารณ์ใบหน้าไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

            โอ๊ย! ไม่รู้แล้ว!! หลับดีกว่า >_<

 

 

            หึ...มองขนาดนี้นึกว่าฉันไม่รู้ตัวหรือไง ยัยโง่เอ๊ย

 

 

 

3

มอง

 

____________________________

 

++ตัวละครเพิ่ม++

(ตัวประกอบทั้งนั้นแล)

 

เว็บขีดเขียน

 

กระโห้

อายุ 18

เป็นเพื่อนสนิทวอดก้า

ก็เลยสนิทกับดารินไปด้วย

เป็นคนเฮฮา ขี้เล่น รักเพื่อน

พูดจาตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม

อยู่ม.6ห้อง3

ชั้นกลาง

(เว็บขีดเขียนเว็บขีดเขียนเว็บขีดเขียน)

 

 

เว็บขีดเขียน

 

อาจารย์สมศักดิ์ หรือ อาจารย์สมศรี

เป็นอาจารย์ประจำวิชาภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารในชีวิตประจำวัน

และเป็นอาจารย์ประจำชั้นม.6ห้อง3

เป็นหนุ่มสูงโปร่งรูปร่างดี อายุ 27 ที่มีความสาวในตัว

 

 

 

Secret society

ชมรมลับของคนรักสาวซื่อบื้ 

  

_______________________________

 

ตอนนี้เวลา 9 โมงครึ่งโดยประมาณ

ของวันที่ 31/12/2558

กำลังอัพตอนใหม่...

จะบอกว่า ถ้าพิมพ์ตก อ่านไม่ลื่นไหลหรือมีคำผิด

ข้าพเจ้าขออภัยไว้ ณ ที่นี้ ด้วย TOT

วันนี้มาอัพอย่างเดียว ไม่ได้ตรวจ 555555

 

*ในรูปเมื่อตอนที่แล้วตาของวอดก้าเป็นสีเหลือง แต่จริงๆ ตาสีนิลตามที่ดารินพรรณาเลยนะจ๊ะ 

**สำคัญมาก** รบกวนผู้รู้ช่วยตอบ ว่าในกรณีนี้ควรใช้ 'จับฉลาก' หรือ 'หรือจับสลาก'

ขอบพระคุณล่วงหน้าพะยะค่ะ 

 

ขอบคุณเพลง สิ่งเหล่านี้  Greasy Cafe (เพลงที่ดารินร้องตอนแรก)

 

ปล.ประโยคทิ้งท้ายใครเป็นคนพูด? และบุคคลนั้นจะมาเป็นคนบรรยายในตอนต่อไปย์!!

ปล.(สุดท้าย)ชอบชื่อคุณกระโห้จังเลย >_<

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา