Rainbow University(2)บทรักยึดหัวใจนายต่างชาติ

9.3

เขียนโดย Greek

วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 21.59 น.

  8 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,528 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 21.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ตีสนิท

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          วันนี้มีเรียนแต่เช้า โคตรขี้เกียจตื่นเลย ไม่ไปได้ไหม เฮ้ย!ไม่ได้ จะเอานิสัยคุณหนูจอมเอาแต่ใจมาใช้ที่นี่ไม่ได้ ตอนนี้เราคือช่อม่วง หญิงสาวผู้มีความมุ่งมั่น แต่นิสัยฉันก็เป็นอย่างงั้นอยู่แล้วนี่หน่า อย่าไร้สาระเลย ยังมีภารกิจที่ต้องผจญภัยอีกนะวันนี้

          สาย สาย อาจารย์ต้องดุแน่ๆ ตอนนี้ฉันวิ่งสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ทัน สายไปตั้ง 5 นาทีแล้ว ตายแน่ๆ

          งุ้งงิ้ง โว้งเว้ง !!

          เสียงคุยกันยังดังออกมาจากห้องเรียน อ้าว อาจารย์ยังไม่มาอีกเหรอ ฉันว่าฉันสายแล้วนะ ปกติอาจารย์คนนี้จะเข้าตรงเวลาเสมอ

          เฮ้ยนั่น! นายสมหวัง นั่งอยู่คนเดียวด้วย ทำไมบริเวณที่เค้านั่งไม่มีคนเลยอะ ขอเดานะ ว่าถ้าฉันเดินขึ้นไปนั่งกับเค้าต้องมีคนหันมามองกันเป็นตาเดียวเหมือนในหนังแน่ๆ ที่ฉันบอกว่าเดินขึ้นไปเพราะว่าห้องเรียนของเราเป็นแบบที่นั่งขั้นบันไดเป็นชั้นๆ เข้าใจตรงกันนะ โอเคร (เค้าโอเครกับแกไหมแม่นางเอก)

          พรึบ!

          ทันทีที่ฉันเดินไปนั่งข้างๆเค้า ทุกสายตาก็ต่างจับจ้องมาที่เราสองคน นั่นมันเป็นฉากที่ฉันพูดเมื่อกี้ไม่มีผิด เสียงซุบซิบก็มา โดยเฉพาะกลุ่มมัดหมี่ ที่หันมามองฉันแบบตั้งคำถามว่าอยากซวยเหรอ ฉันเลยยักไหล่ตอบไปเป็นเชิงว่าไม่กลัว

          “=_=++” สายตาพิฆาต มาจากนายที่อยู่ข้างๆฉัน ยัยบ้านี่มาทำไมอีก นายคิดแบบนี้ใช่ไหม

          “^o^ ปะ เป็นบัดดี้คู่กัน..กะ..ก็ต้องนั่งข้างกัน” นี่ฉันกลายเป็นคนติดอ่างไปแล้วเหรอ นังบ้าเอ้ย เหตุผลก็ปัญญาอ่อน

          “#@%*$@#*”

          “ฮะ?”

          “=_=^” ฉันขอโทษที่ฉันฟังนายไม่รู้เรื่อง ก็นายเล่นพูดภาษาต่างประเทศที่ไม่ใช่อังกฤษ ฉันก็แปลไม่ออกสิ อย่าฆ่าฉันด้วยสายตาเลยนะ

          “^w^” เค้าเมินฉันด้วยการก้มลงไปเขียนอะไรสักอย่าง ฉันอ่านไม่ออกมันเป็นภาษาจีน ให้ตายสิ ฉันกำลังจะได้ไปเรียนที่จีน แต่ดันไม่รู้ภาษาจีนเลย ต้องหาเงินไปเรียน ก่อนอื่นต้องหางานทำก่อน

          อะไรกันวะเนี่ยชีวิตฉันต้องทำทั้งงานและก็เรียนและก็ทำให้นายนี่รู้สึกพิเศษที่ได้เรียนที่นี่ ถ้าฉันแยกร่างได้ฉันคงทำแล้วล่ะ

          “ทำไมนายไม่ใส่กำไลที่ฉันให้อะ” ฉันซื้อมาแพงนะรู้ไหม นั่นมันเงินเก็บของฉันเลยนะ ตั้ง 20 บาทแน่ะ

          “......” ยังคงก้มเขียนสารพัดยิกๆ สนใจฉันหน่อย ฉันอยู่ตรงนี้ อยากให้เล่นแบบนี้ใช่ไหม ได้

          เคล้ง !

          ฉันจงใจทำปากกาตก โดยวัดและกะระยะแล้วมันจะกลิ้งไปอยู่ใต้เท้าของไอ้บ้านี่ เมื่อมันเป็นอย่างงั้นฉันก็ทำท่าก้มเก็บโดยการมุดหัวลงไปที่ขาของเค้า นายสมหวังกระตุกเล็กน้อยแต่ก็ไม่พูดอะไร

          “^^+ นาย...เก็บปากกาให้ฉันหน่อยสิ” ได้ผล นายสมหวังก้มลงไปเก็บให้ฉันอย่างไม่ค่อยว่าง่ายเพราะก่อนที่เค้าจะก้มลงไปเค้าทำสายตาจะฆ่าจะแกงฉัน ฉันอาศัยจังหวะที่เค้าก้มลงไป โฉบ ปากกาของเค้ามาใส่กระเป๋าของฉันอย่างเร็ว หันซ้ายหันขวาแล้วไม่มีใครเห็น สะดวกจ้า

          “>_< ขอบใจนะ นายสมหวัง”

          “O_O?!! เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ” อุ้ยตาย!! เผลอเรียกจนได้

          “เป็นบัดดี้ก็ต้องมีชื่อเรียกที่ทำให้สนิทกันเร็วขึ้นไง”

          “.....” ฉันเองก็เบื่อกับเหตุผลที่อ้างโดยคำว่า “เป็นบัดดี้” เหมือนกัน

          นายสมหวังละความสนใจจากฉัน แล้วตั้งท่าจะหยิบอะไรสักอย่าง ปากกาใช่ไหม มันอยู่ในกระเป๋าฉันแล้วล่ะ ต้องทำท่าถามซะหน่อยเดี๋ยวถูกสงสัย

          “หาอะไรอยู่เหรอ” ฉันเลยก้มหน้าตามเค้าไปแล้วก็ถาม เผอิญว่าเค้าหันมาหาฉันพอดี ก็เลยแบบว่าจมูกชนกัน หน้าห่างกันแค่1 เซนติเมตร ประมาณนั้นแหล่ะ

          “O///O”

          “O///O” แค่วินาทีเดียวเท่านั้นที่เราจ้องตากัน ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก เพราะก้มลงไปใต้โต๊ะ โต๊ะบังพอดี จริงๆนะ แต่ฉันรู้สึกเหมือนปากเราโดนกันด้วย ไม่นะ จูบแรกของฉันจะมาให้นายหน้าหล่อนี่ไม่ได้

          “อ่อ...อะ...นี่...ยืมของฉันไปก่อนสิ” หลังจากที่ผละออกจากเค้า ฉันก็นั่งตัวแข็งทื่อ มือก็ยื่นปากกาให้เค้าโดยไม่มองหา มองให้เขินทำไมล่ะ

          นายสมหวังรับไปอย่างว่าง่าย ฉันคิดว่าเค้าก็คงตกใจที่จูบกับยัยหมูอ้วนดำอสูรกายอย่างฉัน รู้สึกผิดยังไงไม่รู้ที่ทำให้นายขวัญหนีตีฝ่อแบบนี้

          แล้วสวรรค์ก็ทรงโปรด ส่งอาจารย์ให้เดินเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน พร้อมกับบอกขอโทษที่มาสาย หุ้ยอาจารย์ ถ้ามี มส. ของอาจารย์ฉันจะให้หลายๆตัวเลย (มส.=หมดสิทธิสอน)

 

          อาทิตย์กำลังจะลาลับฟ้า จะอะไรก็ตอนเย็นน่ะสิ ฉันนั่งหอบอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนที่เดิม ทำไมวันนี้เหนื่อยกว่าเดิมวะ แล้วไอ้น้ำหนักบ้านี่เมื่อไหร่จะลดซะที

          เฮ้อ...นึกถึงตอนเป็นเฌอมินทร์ชะมัด ได้เข้าคอร์สลดน้ำหนัก ฟิสเนส สปาคลายกล้ามเนื้อ ปกติเวลาฝึก รด. เสร็จแล้ว ฉันจะเข้าคอร์สพวกนี้ทันที จึงสวยได้ทันใจ นั่นมันเมื่อก่อน ตอนนี้ต้องมาวิ่งเอง เล่นโยคะเอง ขัดผิว มาร์คหน้าเอง แถมผลิตภัณฑ์เสริมความงามก็แพงอย่างกับอะไร ฉันน่าจะเก็บเงินไว้ มาสำนึกเอาตอนหลังแบบนี้ก็เสียใจแย่เลย

          “เธอ” กำลังนั่งคิดถึงอดีตเพลินๆ ใครมาขัดวะ

          “อ้าว ว่ายังไงนายบัดดี้” ฉันเปลี่ยนสีหน้าทันที เมื่อเห็นว่าใครทัก ฝนจะตกไหมเนี่ย

          “ฉันมีอะไรอยากให้ช่วยหน่อย” มาขอความช่วยเหลือด้วย ว่ามาเลยจ้าทูนหัวของบ่าว

          “ได้สิ เป็นบัดดี้กันจะไม่ช่วยได้ยังไงล่ะ” ฉันเกลียดคำว่าบัดดี้ ไม่อยากจะพูดเล่า

          “ฉัน...ฉันหิวน่ะ”

          “หา!!” หิวแล้วมาขอให้ฉันช่วยเนี่ยนะ

          “พอดี...ละ...เพื่อนน่ะ มันไม่ว่าง บอกให้ฉันไปกินเอง แต่ฉันไม่รู้ว่าร้านอาหารอยู่ที่ไหนบ้าง ยังไม่คุ้นน่ะ” เมื่อกี้เค้าจะพูดอะไร เปลี่ยนคำทำไมกัน ช่างเถอะ เดี๋ยวนะ ที่แท้ก็ไม่รู้ทางนี่เอง น่าฉงฉานจุงเบย

          “อยากกินอะไรล่ะ”

          “อืม...ฉันอยากกินอาหารพื้นบ้านของที่นี่ดูน่ะ” อาหารพื้นบ้าน แถวนี้หายากนะ นี่ถ้าอยู่บ้านฉันทำให้กินไปแล้ว เห็นคุณหนูแบบนี้ฉันเองก็ทำอาหารเก่งนะ ยิ่งอาหารชาววังอย่างเริ่ดอะขออวด

          “แถวนี้ไม่ค่อยมีหรอก มีแต่อาหารง่ายๆแบบข้าวราดแกงแค่นั้นแหล่ะ”

          “เอ้อ นั่นแหล่ะที่ฉันอยากกิน”

          “นายเรียกข้าวราดแกงว่าอาหารพื้นบ้านเหรอ” หรือมันเรียกอย่างงั้นจริง ฉันล่ะงง

          “ไม่รู้สิ ครูสอนภาษาไทยบอกแบบนั้น” ถ้านายยืนยันแบบนี้ฉันก็ไม่เถียงละกัน

          “โอเครร้านอยู่แถวนี้แหล่ะ ไม่ไกลหรอก” ฉันเดินนำหน้าเค้าไป เหมือนเค้าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ฉันไม่ได้ยิน รู้อีกทีเค้าก็แว๊บมาเดินข้างๆฉันแล้ว มาได้ไงเนี่ย

          “.....”

          “.....” เงียบเกินไป ฉันไม่ชอบเลย ไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย

          “นายพักอยู่ที่ไหนเหรอ” ถามบ้านผู้ชาย ตายแล้วถ้าแม่มาได้ยินโดนตีตายแน่

          “ที่นี่” นายสมหวังก็อยู่หอหรอกหรอ ฉันนึกว่าจะอยู่คฤหาสน์มาเฟียหลังใหญ่ๆเหมือนในหนังซะอีก

          “ตอนแรกที่นายบอกว่าอยู่ที่นี่ได้ไม่นานก็จะไป บอกได้ไหมว่าทำไม”

          “ไม่ได้” ทำเสียงโหดอีกแล้ว ฉันถามผิดคิวใช่ไหม

          “ถึงแล้ว” ฉันชี้ไปที่ร้านข้าวป้าบ๊วยเจ้าประจำที่ฉันมากินทุกวัน จนป้าบ๊วยแกจำฉันได้แล้ว

          “อยากกินอะไรเป็นพิเศษรึเปล่า” นายสมหวังส่ายหน้า งั้นฉันจะแนะนำเมนูที่ฉันโปรดปราน

          “ป้าบ๊วยขอข้าวไข่เจียวหมูสับ 2 จานจ้า”

          “ได้เลยจ้าหนูช่อ ไปนั่งรอเลย” วันนี้คนไม่เยอะเลยได้เร็ว ฉันต้องรีบบริการพ่อคุณอย่างเร็วด้วย ดูท่าจะหิวมาก

          “นี่อะไร” ทำเสียงเข้มทำไม ก็กำลังจะบอกเนี่ย!!!!

          “ข้าวไข่เจียวหมูสับ” พยักหน้าแล้วตักเข้าปากทันที ชะงักเล็กน้อยเมื่อรู้รสชาติ แล้วก็ตักกินต่อ

          “อร่อยใช่ไหมล่ะ” อย่ามาเก๊กหน่อยเลย อร่อยก็บอกว่าอร่อย

          กลายเป็นว่า ฉันประหยัดไปอีกหนึ่งมื้อ เพราะนายสมหวังควักเงินจ่ายให้ เรียกว่าอาสาปะ ก็ดีนะ ไม่ดีตรงที่ฉันน้ำหนักขึ้นนี่สิ แล้วฉันจะผอมได้ไหมเนี่ย คอร์สนี้ลดยาวแน่นอน จะอะไรก็ช่าง อย่างน้อยก็ตีสนิทนายสมหวังได้ก็พอใจแล้วล่ะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา