[3P]เมื่อผมเป็นชู้...กับเมียชาวบ้าน

9.7

เขียนโดย DTBII

วันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 17.09 น.

  11 ตอน
  9 วิจารณ์
  21.42K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2558 17.43 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) เเยกทาง...(รึเปล่า)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

ตอนที่๑๑ เเยกทาง...(รึเปล่า)

 

 

 

 

 

 

หลังจากที่ขึ้นมาบนรถแท็กซี่ได้สักพัก ผมก็มองไปที่ด้านหลัง ผมมองไม่เห็นรถไอ้ภูหรือว่ามันถอดใจตามมาแล้วผมปล่อยให้แท็กซี่ขับไปเรื่อย ๆ ปล่อยให้อารมณ์ที่เคยพุ่งสูงเบาลง เมื่อมีสติพอคิดได้แล้ว ผมก็ตัดสินใจจะกลับไปที่หอ เพราะผมไม่รู้ว่าจะหนีไปทำไม ในเมื่อผมยังต้องไปเรียน ยังไง ๆก็ต้องเจอพวกมันอยู่แล้วสู้ดีกลับไปเคลียร์ให้มันจบ ๆไปเลยดีกว่า หวังว่าช่วงที่ผมหนีออกมามันคงใจเย็นลงบ้าง มันสองคนคงอยู่ที่หอเพราะรถของมันทั้งคู่จอดอยู่ ผมทำใจอยู่สักพักก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เห็นมันสองคนนั่งตีหน้าเครียดอยู่ ไอ้ตินชะงักไปเหมือนมันกำลังพูดอะไรอยู่ 

“กูรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”ไอ้ตินเอ่ยออกมาเป็นคนแรก

“เพื่อนกูโทรมาบอก หลังจากที่เค้นความจริงมาจากไอ้เด็กนั่น”ไอ้ภูพูดขึ้นบ้าง มันหันมามองหน้าผม เงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดคำ ๆหนึ่งที่ทำให้ผมแปลกใจเพราะไม่คิดว่าคนอย่างมันจะพูดออกมา

“กูขอโทษด้วยล่ะกัน ที่ไม่เชื่อมึง”ถึงมันจะพูดเบาแต่ผมก็ได้ยินชัดเจน

“กูก็เหมือนกันที่ไม่ฟังอะไรให้ดีก่อน”ไอ้ตินพูดขึ้นมาบ้าง ผมก็รู้สึกดีขึ้นนิดนึงที่มันเข้าใจสักที ผมก็ได้แต่ยืนเงียบไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาเหมือนกัน ก็มันเข้าใจหมดแล้วนี่ บรรยากาศมันก็อึดอัดแปลก ๆ

“กูถามพวกมึงจริง ๆเถอะ พวกมึงชอบกูจริงอ่ะ”เพราะบางทีการกระทำของพวกมันก็ไม่ได้บอกอะไรแบบนั้น ผมก็ชักไม่ค่อยจะแน่ใจแล้วล่ะ ว่ามันชอบผมจริงๆหรือว่ามันยังไม่หายแค้น หรือว่ามันแค่อยากได้ผมเพื่อเอาชนะเฉย ๆ?มันสองคนมองหน้าผม

“กูก็ไม่อยากฟังคำตอบหรอกนะ แต่ตอนนี้กูเหนื่อย กูเบื่อที่พวกมึงมาคอยบังคับนู่นนี่กู”มันสองคนก็ยังนิ่ง

“มึงจะเอายังไง”ไอ้ภูถามขึ้นมา เฮอะ รู้สึกว่าผมต้องเป็นคนพูดประโยคนี้นะ

“มึงจะทำให้กูได้เหรอ”ผมแค่นยิ้มเพราะสิ่งที่ผมจะขอพวกมัน คือสิ่งที่ผมต้องการมาตลอด พูดตรง ๆเลยว่าถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่ชอบมันสองคนอยู่ดี ถึงจะมีบ้างครั้งที่ผมรู้สึกดีกับพวกมันบ้างก็เถอะ 

“แล้วมึงจะขออะไรล่ะ”เสียงไอ้ตินนิ่งมาก ผมมองหน้ามันก็พอจะรู้แล้วล่ะ ว่ามันเองก็รู้ว่าผมจะขออะไร

“กูอยากให้พวกมึงเลิกยุ่งกับกู ทำเหมือนตอนที่กูกับพวกมึงยังไม่รู้จักกัน ถือว่ากูขอร้องล่ะกันนะ”ทันทีที่ผมพูดจบไอ้ภูมันก็ลุกพรวดทันทีจนผมตกใจ เป็นอะไรอีกไม่ทราบ

“เออ ก็ได้ นับจากนี้ไป กูกับมึงไม่รู้จักกัน”มันมองหน้าผมแวบนึง แล้วก็เดินไปเก็บของ ๆมัน ผมเองก็แปลกใจที่มันยอมง่ายขนาดนี้ ผมหันไปมองไอ้ติน มันก็ถอนหายใจ

“ถ้ามึงต้องการแบบนั้น ก็ได้”แล้วมันก็ลุกออกไปที่ฝั่งห้องของมัน

“กูจะไปอยู่กับเพื่อนกูก็แล้วกัน กูรู้ว่ามึงคงไม่สบายใจถ้ากูยังอยู่ข้างห้องมึงแบบนี้”แล้วมันก็เดินไปที่ฝั่งห้องมัน ทำไมพูดง่ายกันจังวะ ผมก็ยืนมองพวกมันเก็บข้าวเก็บของ ไอ้ภูเก็บเสร็จมันก็เดินออกไปไม่พูดอะไรสักคำ สีหน้าของมันก็เรียบเฉยจนเดาไม่ออกว่ามันรู้สึกยังไง

“กูไปแล้วนะ”โอ๊ย มึงไม่ต้องบอกกูหรอกไอ้ติน จะไปไหนก็ไป กูไม่รั้งมึงหรอก หลังจากที่ประตูปิดลง ห้องของผมก็ตกอยู่ในความเงียบในรอบเดือนเลยทีเดียว นี่พวกมันมายุ่งวุ่นวายกับผมตั้งหนึ่งเดือนเชียวนะ ผมทิ้งตัวลงบนเตียง ตอนนี้ก็ไม่มีใครมาบังคับผมอีกแล้ว อยู่คนเดียวออกจะสบาย

……………………………………

                “แปลกเว้ย วันนี้ไม่เห็นไอ้ตินกับไอ้ภูมาส่งมึงเลย”ไอ้ชายเอ่ยทักเมื่อผมจอดรถเข้าที่แล้ว ผมก็เหล่มองมันรู้สึกอารมณ์เสียที่มันพูดถึงไอ้สองคนนี่ขึ้นมา นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วหลังจากที่พวกมันออกไปจากชีวิตผม ผมก็ทำตัวเหมือนเดิม ยกเว้นเรื่องกิ๊กกับแฟนชาวบ้าน เพราะช่วงนี้ผมยุ่งมาก ไม่มีเวลาไปสนใจใครหรอก ส่วนเรื่องไอ้คิม ผมก็ไม่ได้เจอมันอีก ไม่รู้เพื่อนไอ้ภูทำอะไรมันบ้าง

“เอ๊ะ รึว่ามันทิ้งมึงแล้ว”ผมตบหัวมันไปทีหนึ่ง

“เลิกล้อสักทีเหอะ กูไม่อยากฟังมึงพูดถึงมัน ระดับกูไม่เคยเจอทิ้งเว้ย กูกับพวกมันไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย มึงอย่าพูดถึงมันอีกนะ ไอ้ชาย”

“มึงมีเรื่องอะไรกับพวกมันรึเปล่าวะ”ไอ้เคนดูเหมือนจะจับความผิดปกติได้ มันจ้องหน้าผมอย่างจับผิด ผมก็เสมองไปทางอื่น

“กูไล่มันสองคนไปแล้ว”ไอ้เคนกับไอ้ชายตาโตกับข่าวใหม่ที่ได้ยิน

“เฮ้ย แล้วพวกมันก็ยอมไปง่าย ๆเลยหรือวะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”น้ำเสียงไอ้เคนดูแปลกใจมาก ผมก็เอะใจเหมือนกันแหละ แต่นี่ตั้งหลายวันแล้วที่ผมไม่เจอพวกมัน คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง

“พวกมึงเลิกพูดเรื่องนี้เถอะ กูไม่อยากคุยแล้ว”หัวข้อนี้ก็เป็นอันยุติลงระหว่างที่จะเดินขึ้นตึก ลุงยามก็เรียกไว้ซะก่อน พร้อมกับยื่นถุงน้ำเต้าหู้ให้ผม

“ของผมเหรอครับ?”ผมถามงง ๆ ลุงแกซื้อให้ผมเหรอ รึยังไง

“ของเอ็งนั่นแหละ ไอ้หนุ่มคณะเกษตรเขาฝากมา”ผมชะงักไปเล็กน้อย จะเป็นใครถ้าไม่ใช่ไอ้ติน….ผมมองถุงน้ำเต้าหู้ในมือ รู้สึกแปลก ๆในใจ ทำไมมันต้องมาทำแบบนี้ด้วย ผมสังเกตเห็นว่าในถุงนั้นมีโน้ตเล็ก ๆด้วย ผมหยิบมาเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเพื่อให้รอดพ้นสายตาของไอ้สองคน

“มึงจะกินเปล่า ถ้าไม่กูขอนะ”ไอ้ชายเอื้อมมาดึงถุงน้ำเต้าหู้ไป ไอ้นี่ปากหมาแล้วยังตะกละอีก ผมดึงถุงกลับ ไอ้เคนเลิกคิ้ว

“มึงหวงเหรอ”

“เปล่า กูไม่ได้กินข้าวเช้ามา”อันนี้เรื่องจริง ผมเองไม่ถือเรื่องของกินหรอก ถึงจะมาจากไอ้ตินก็เหอะ 

“มีรีเทิร์นหรือเปล่าครับพี่ฟิก”ไอ้เคนถามเสียงล้อๆ รีเทิร์นบ้าบออะไรของมึง ผมทำหน้าหงิกใส่มัน แล้วเดินหนี เห็นมันหัวเราะแบบมีเลศนัย ผมไม่เห็นแล้วไม่ชอบใจเอาซะเลย พอรอดพ้นจากสายตามันสองคน ผมก็หยิบโน๊ตมาอ่าน

กูรู้ว่ามึงไม่ค่อยกินข้าวเช้า…เลยซื้อมาเผื่อ มึงอาจจะไม่พอใจที่กูมาวุ่นวายกับมึง แต่กูจะมองมึงอยู่ที่เดิม เหมือนตอนที่กูไม่รู้จักมึง

ผมรู้สึกแปลก ๆเมื่ออ่านข้อความจบ แต่ไม่ว่าความรู้สึกนั้นจะคืออะไรมันก็ทำให้ผมวุ่นวายใจ จนเรียนไม่รู้เรื่องเลย ตอนเย็นผมแวะซื้อกาแฟปั่นที่ร้านข้างคณะ ขณะที่กำลังรอคิวอยู่นั้น ใครบางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ทำให้ผมหันไปมองอาจเป็นเพราะช็อปวิศวะก็ได้ ที่ทำให้ผมเตะตา …ไอ้ภู! ผมรีบหันกลับ ขยับออกห่างจากมันไอ้ภูมันก็หันมามองผมนิดนึง

“คณะสถาปัตย์นี่สวยดีนะ”ผมได้แต่งง มึงจะมาบอกกูทำไมไม่ทราบ และวิธีการพูดของมันก็ทำให้ผมแปลกใจ มันดูสุภาพมาก ต่างจากเมื่อก่อนลิบลับ เป็นอะไรของมันวะ แถมมันยังตัดผมทรงใหม่อีก ผมทำเป็นสนใจโทรศัพท์ใหม่ที่เพิ่งซื้อมา เปลี่ยนเบอร์ใหม่อีกแล้วด้วย ไอ้เคนกับไอ้ชายบ่นใหญ่เลย รู้สึกเหมือนเวลามันผ่านไปช้ามากๆๆๆๆๆๆ ทำไมทำช้าจังวะแค่กาแฟปั่นแค่เนี้ยเอง

“รุ่นพี่คุยด้วย ก็ทำเมิน เป็นน้องไม่น่ารักเลยนะ”ผมหันไปมองมันอีกรอบ มึงเป็นอะไรของมึงงงง!ผมชักจะหงุดหงิดท่าทางการพูดของมันเหมือนมันไม่รู้จักผม แล้วน้ำเสียงที่มันใช้ก็ทำให้ผมขนลุกขนพองชอบกล

“ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”สะบัดหน้ามองมันอีกรอบจนได้ จนคอจะเคล็ดแล้ว เมื่อกี้มันว่าอะไรนะ!

“เล่นเหี้ยอะไรของมึง”พอมันได้ยินผมพูด มันก็ตีหน้าดุ แล้วส่ายหน้าไปมา

“เป็นน้องพูดจาไม่เพราะเลย ถ้าเป็นคนอื่นพี่ต่อยหน้าคว่ำไปแล้ว แต่พี่สนใจน้องก็เลยยกเว้นให้”แล้วมันก็ฉีกยิ้ม นี่มันอะไรกันวะ ผมมองมันแบบอึ้ง ๆอีกครั้ง

“พี่ชื่อพี่ภู แล้วน้องชื่อ…”มันลากเสียง คงหวังให้ผมบอกชื่อมัน

“ไม่ต้องรู้หรอก ผมไม่อยากรู้จักพี่”ผมรีบจ่ายเงินทันทีเมื่อกาแฟปั่นของผมได้แล้ว มันจะมาไม้ไหนของมันวะ

“เฮ้ย เดี๋ยวดิน้อง”มันตามผมมาอีกครับ อะไรของมันวะ ผมหันไปชักสีหน้าหงุดหงิดใส่มัน

“มึงจะมายุ่งกับกูอีกทำไมวะ ไหนบอกว่ากูกับมึงไม่รู้จักกันแล้ว”ทำไมมันมาวุ่นวายกับผมอีก ไอ้ตินไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้ภูมาแบบตัวเป็น ๆเลย

“ก็เราไม่รู้จักกันไง พี่ก็เลยอยากทำความรู้จักกับน้อง ว่าแต่น้องชื่ออะไรล่ะ”มันยังคงเล่นบทเดิมต่อไปผมล่ะระอามันจริง ๆผมรีบเดินหนีมาที่รถ ไม่คิดว่ามันจะมาไม้นี้ บอกว่าผมกับมันไม่รู้จักกัน ก็เลยจะมาทำความรู้จักเนี่ยนะ!ไอ้ภูมันคิดจะทำบ้าอะไรของมัน นับจากนั้นผมก็จะเจอไอ้ภูมาที่ร้านกาแฟข้างคณะบ่อย ๆไอ้ตินก็เอาน้ำเต้าหู้มาให้ผมทุกเช้า ถ้าผมเรียนบ่ายมันก็ซื้อข้าวมาให้ สรุปพวกมันก็ยังไม่ได้ออกไปจากชีวิตผมอยู่ดีนั่นแหละ ไอ้ฟิกเซ็ง แล้วท่าทีของไอ้ภูก็เหมือนจะเข้ามาจีบผมเลยจีบผมเนี่ยนะ! บ้าไปใหญ่แล้ว

วันนี้ผมทำงานอยู่ที่คณะถึงดึกก็กะจะไปอาบน้ำที่หอก่อน แต่ระหว่างที่ผมเดินไปเอารถผมก็สังเกตเห็นไอ้ภูกับไอ้ตินยืนลับๆล่อ ๆ อยู่แถวร้านกาแฟข้างคณะ แต่ร้านปิดไปแล้วนี่สิ มันจะมาทำไมกัน ผมก็หยุดแอบดูพวกมันสองคนพวกมันก็ไม่ไปไหนสักที ยืนคุยอะไรกันก็ไม่รู้ ผมยืนกระทืบเท้าไปมา เพราะว่าโดนยุงตอม ยุงก็เยอะมาก บินหึ่ง ๆใกล้หูอยู่ได้ จนเวลาล่วงเลยไปนานมาก ไอ้ชายก็โทรถามว่าผมถึงหอรึยัง

“กูยังไม่ได้กลับหอเลย”มัวแต่มายืนดูพวกมันนี่แหละ

[หา มึงไปเป็นชั่วโมงแล้วนะโว้ย ทำเหี้ยอะไรอยู่วะ] ผมไม่ฟังไอ้ชายบ่นกดวางสายไปเลย นั่นสิ ผมทำเหี้ยอะไรอยู่เนี่ย ผมเดาว่าพวกมันคงมารอดูผมเพราะนี่มันก็ผ่านมาชั่วโมงนึงแล้ว ผมถอนหายใจ กลับไปที่รถ

“ไอ้ฟิก ไปส่งกูที่หอหน่อยดิ”ไอ้ปลาเพื่อนในเซค มันมาขอติดรถไปด้วย ผมก็ไปส่งมันนั่นแหละเพราะมันก็มืดแล้วแถมมันก็เป็นผู้หญิง ถึงแรงจะเยอะกว่าผู้ชายบางคนก็เถอะ เพราะคอนเซ็ปผู้หญิงคณะผมคือ สวยถึกและบึกบึน!

 “ช่วงนี้กูไม่เห็นแฟนมึงมารับมึงเลยวะ”ไอ้ปลาถาม

“แฟนไหน”

“ก็ไอ้คนที่ขับรถสปอร์ตอ่ะ อย่ามาทำไก๋ มึงมีแฟนกี่คนกันล่ะ”มันตอบเสียงหงุดหงิด เดี๋ยวทิ้งข้างทางแม่งเลย

“มันไม่ใช่แฟนกู”ผมรีบปฏิเสธ ทำไมใคร ๆต้องเข้าใจผิดแบบนี้ด้วยวะเนี่ย

“ไม่ต้องมาปากแข็งหรอกน่า ไอ้ฟิก”มันเอื้อมมือมาบิดเอวผมแบบเล่น ๆ รถถึงกับเซ กูบ้าจี้เว้ย เดี๋ยวก็ตายกันพอดีทั้งคู่ ผมก็ไปส่งมันที่หออย่างปลอดภัย แล้วกลับไปอาบน้ำที่หออย่างรวดเร็ว ไอ้ชายโทรจิกใหญ่แล้ว ทำตัวเหมือนไอ้ภูเข้าไปทุกวัน (ชอบโทรจิก) พออาบน้ำเสร็จผมก็ตกใจเมื่อเปิดประตูมาเจอไอ้ภูกับไอ้ติน แต่มันอยู่ที่ห้องอีกฟาก ฝั่งของไอ้ตินมัน ผมก็ไม่รู้จะด่ามันยังไงก็นั่นเป็นห้องของไอ้ตินมันนี่

“อยากไปเที่ยวว่ะ”ไอ้ตนมันพูดขึ้น ทำเหมือนคุยกับไอ้ภูแต่มันพูดเสียงดังมาก ข้ามห้องเลยทีเดียว ผมก็รีบ ๆแต่งตัว รู้สึกเหมือนโดนจ้องตลอด

“อือ กูก็อยากไปนะ แต่ไปสองคนมันไม่หนุก ต้องไปสามคนสิ”พวกมันยังคงใช้ระบบพูดเสียงดังอยู่ไอ้ชายโทรมาตามอีกแล้ว

“เออ กูกำลังจะไปแล้ว โทรตามจริงนะมึง”

[เออ ซื้อข้าวมาให้กูด้วยนะ] ได้โอกาสใช้กูเลยนะมึง ผมเหลือบมองพวกมันแวบนึง หวังว่าคงไม่ตามมาอีกนะ ผมมาซื้อข้าวร้านเดิม พวกมันก็ตามมาครับ โดยทำเป็นเหมือนมากันสองคน ไอ้พวกโรคจิตเอ๋ย ตามไปเถอะกูไม่สนใจพวกมึงหรอก

“เฮ้อ รู้สึกเหมือนมีหมาเดินตามเลย”ผมก็พูดเสียงดัง ๆให้มันสองคนได้ยิน ไอ้ภูทำหน้าโมโห แต่ไอ้ตินก็แตะไหล่มันเพื่อให้มันใจเย็น

“ไปช้าจังวะ”ไอ้เคนบ่นเมื่อผมมาถึง ไอ้ชายก็รีบมาดึงเอาข้าวไป สงสัยหิวจัด ก็ผมไปนานเหมือนกัน

“เจอไอ้สองตัวนั่นอ่ะดิ”พวกมันหันมามองหน้าผม

“จริงดิ”

“อือ แม่ง ตามกูอยู่นั่นแหละ มึงรู้ป่ะ วันนี้มันมาแอบดูกูอ่ะ”ผมเล่าให้มันสองคนฟังว่าเหตุใดผมถึงได้กลับหอช้า

“มึงก็เลยแอบดูมันกลับว่างั้น”ไอ้เคนย้อน มองหน้าผมแบบกวนตีน

“กูแค่อยากรู้ว่ามันทำอะไรเฉย ๆ โว้ย ไม่ได้อยากดูพวกมันซักหน่อย”

“แหม่ ๆร้อนตัวใหญ่เชียวนะมึง”ไอ้ชายส่งเสียงมาทั้ง ๆที่ข้าวเต็มปาก

“เชี่ย กูไม่ได้ร้อนตัว พอ ๆ เลิกคุยเรื่องมันได้แล้ว”

“เอ๊า มึงเป็นคนจุดประเด็นขึ้นมาเองนะ”

“กูไม่คุยแล้ว ทำงาน ๆ”

……………………………………

และแล้วช่วงเวลาที่ผมรอคอยมานานกำลังใกล้เข้ามา ปิดเทอมครับ! ตอนนี้ก็เลยมาฉลองกับพวกไอ้เคน ไอ้ชายที่ร้านหมูกะทะ ใครว่าพวกผมเข้าร้านเหล้าเป็นอย่างเดียวล่ะ แต่ยังไงก็ต้องจิบเบียร์อยู่ดีนั่นแหละ

“มึงโทรชวนไอ้โตรึยังอ่ะ”ไอ้ชายถามผม ผมก็ลืมนึกถึงมันไปเลย ไม่ได้ติดต่อมันนานแล้ว ป่านนี้เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ แล้วไอ้ปลิวยังอยู่กับมันอีกรึเปล่า แต่คงไม่หรอกมั้ง ว่าแล้วผมก็โทรชวนมันมาด้วย

“เฮ้ย ไอ้โตว่างเปล่าวะ”

[ว่าง มีไรวะ] เสียงมันแช่มชื่นดี ผมก็ค่อยสบายใจหน่อย

“มาเจอกูที่ร้านหมูกะทะหน่อยดิ ไอ้เคนเลี้ยง”ไอ้คนที่ถูกเอ่ยถึงหันมาแยกเขี้ยวใส่ผมทันที

[โอเค เอ่อ กูเอาเมียกูไปได้รึเปล่าวะ] มันถามเสียงกล้า ๆกลัว ๆ ผมนึกถึงไอ้ป่านคงไม่มีอะไรหรอกมั้ง อีกอย่างมันเป็นคนเอ่ยปากเองด้วย ก็คงวางใจได้แหละ

“แล้วแต่ดิ”พอวางสายจากมันได้พักนึง ไอ้เคนก็สะกิดผมให้หันไปดูโต๊ะข้าง ๆ เชี่ย ไอ้ภูกับไอ้ตินครับ มันมานั่งหน้าสลอนอยู่ร้านเดียวกับผมได้ไงวะ

“ไอ้โตมาแล้วเว้ย พาเมียมาด้วย”ผมก็หันไปมองเห็นไอ้ป่านเจ้าเดิมครับหน้าหงิกเล็กน้อย ส่วนไอ้คนที่เดินตามมาทีหลังก็ทำให้ผมแปลกใจเล็กน้อย ไอ้ปลิวครับ มันยังอยู่ด้วยกันอีกเหรอ

“สบายดีป่ะ ฟิก”ไอ้ปลิวมันทักผม ท่าทางดูแช่มชื่นดี มันเหลือบมองไอ้ภูกับไอ้ตินก่อนจะหันมามองผม

“ทำไมไม่ไปนั่งกับแฟนมึงล่ะ”มันพูดเสียงดังพอสมควร ผมก็มองมันโกรธ ๆมาพูดอะไรแบบนี้วะ ไอ้สองตัวนั่นก็หันมามอง จ้องไอ้ปลิวเขม็ง แต่ดูเหมือนมันคงไม่คิดพิศวาสผมแล้วล่ะ เพราะผมสังเกตได้ว่าดูมันสนใจไอ้โตเหลือเกิน

“พวกมันไม่ใช่แฟนกูเว้ย!”ผมเองก็พูดเสียงดังเผื่อมันสองคนจะได้ยินบ้าง

“อ้าวเหรอเลิกกันแล้วหรอ ทำไมวะ”ไอ้ปลิวมันก็ซักผมใหญ่ ผมสังเกตเห็นไอ้โตมองมาเหมือนไม่ค่อยพอใจนี่มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกมัน ผมพลาดอะไรไปรึเปล่า ไอ้ป่านก็ตัวติดไอ้โตเป็นตังเมเลย ไอ้ปลิวเห็นแบบนั้นมันก็ลุกไปนั่งข้างไอ้โตแทน ส่วนไอ้ป่านมันก็ไม่ได้ออกอาการแรดอะไรกับผมอีกแล้ว ซึ่งก็ดีไป

“ว้าย ไอ้ฟิกโดนทิ้ง หมาหัวเน่า”ไอ้ชายทำเสียงได้ตอแหลมาก ผมได้แต่แค่นยิ้มส่งให้มัน ผมไม่ได้รู้สึกชอบอะไรไอ้ปลิวมันแล้วก็จริง แต่พอมันมาทำเหมือนไม่สนใจผมแบบนี้ ก็ทำผมโมโหขึ้นมานิดหน่อย อาจเป็นเพราะไม่เคยมีใครทำกับผมแบบนี้มาก่อนเลย แต่ผมว่าระหว่างพวกมันต้องมีอะไรแน่ ๆ เพราะรู้สึกไอ้ป่านกับไอ้ปลิวจะเอาอกเอาใจไอ้โตเกินไปแล้ว ตอนนี้ผมนั่งอยู่คนเดียว เพราะไอ้เคนกับไอ้ชายไปม้อสาว ในร้านหมูกระทะก็ไม่เว้น

“นั่งคนเดียวเหงาป่าว มานั่งกับพี่ไหมน้องฟิก”ไอ้ภูตะโกนมาจากโต๊ะมัน ผมก็ส่งสายตาไม่พอใจไปให้มันก่อนจะกระดกเบียร์เข้าไปอีกแก้ว

“กูถามหน่อยดิ พวกมึงทำไมทำตัวแปลก ๆวะ”ผมอดไม่ได้ถามไอ้โตขึ้นมาทันที ไอ้ป่านมันก็มองหน้าผม แต่ไม่ได้มองแบบมีเลศนัยแบบเมื่อก่อน

“พี่ฟิกไม่รู้เหรอ”ไอ้ป่านทำน้ำเสียงแปลกใจ

“เออ”กูถึงได้ถามนี่ไง ไอ้โตมันก็ยิ้มแหย ๆ

“มึงอย่าตกใจนะไอ้ฟิก พอดีว่ากูมีแฟนสองคน”

“….!”อะไรนะ แฟนสองคน ผมหันไปมองไอ้ปลิว สลับกับมองไอ้โต เหลือเชื่ออ่ะ

“มึงไม่โกรธกูนะ”มันดูเหมือนจะกลัวผมโกรธจริง ๆ ทำไมผมจะต้องโกรธมันด้วย

“เออ กูไม่โกรธหรอก เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”ผมพูดไม่ค่อยออก ตกใจอ่ะ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นแบบนี้ด้วย

“แล้วทำไมไอ้สองคนนั่นมันไม่มานั่งกับมึงอ่ะ”ไอ้โตพยักเพยิดไปที่ไอ้ภูกับไอ้ตินที่นั่งกินกันอยู่สองคนด้วยท่าทางเบื่อ ๆ

“กูไม่ใช่แฟนมันนี่”

“ตอบไม่ตรงคำถามว่ะ กูถามว่าทำไมมันสองคนไม่มานั่งกับมึง”ผมหน้าชานิดหน่อย รู้สึกเสียเซลล์ไปนิดนึงผมรีบตอบกลบเกลื่อน

“ก็มันมากันสองคนไม่ได้มากับกูซักหน่อย”

“อ้อเหรอ…มันเลิกยุ่งกับมึงแล้วเหรอ”ไอ้โตก็ถามไม่หยุด ผมก็พยักหน้าตอบมันไป ตอนนี้ผมเห็นมันสองคนกระดกเบียร์อย่างกับน้ำ แล้วจู่ ๆมันสองคนก็เดินกอดคอกันไปที่ข้างเวที นักร้องเขากำลังจะขึ้นร้องเพลงผมไม่รู้ว่าพวกมันไปคุยอะไรเพราะผมหันมาสนใจหมูย่างของตัวเอง

“พวกผมขอร้องเพลงนี้ให้กับคน ๆหนึ่ง เสียงผมอาจไม่ดี แต่ตั้งใจมาร้องจริง ๆนะ”เสียงนี้มันเสียงไอ้ภูครับ ผมหันไปมองบนเวที เห็นมันสองคนยืนถือไมค์คนละตัว สงสัยเพราะมันกินเบียร์เข้าไปรึเปล่าเลยกล้าไปทำอะไรแบบนั้น สงสัยเมาแล้วหลุดคอนเซ็ป

 

 ไม่ใช่คนเหงาแต่ก็เข้าใจ จะไม่ให้เหงามันคงไม่ง่าย เธอยังเหงารึเปล่า

ตั้งแต่วันนั้น ตั้งแต่เลิกกัน ที่จริงแล้วฉันก็ยังไม่ค่อยชิน แต่ว่าฉันยังพออยู่ไหว

แต่บางทีที่เผลอคิดขึ้นมา คิดขึ้นมาในใจ

ไม่รู้ใจเรายังตรงกันอยู่ไหม

เธอกำลังคิดถึงใคร อาจเป็นฉันก็ได้ก็ฉันคิดถึงเธอ

เรายังมีใจตรงกันอยู่ไหม เราอาจจะรักกันไม่ได้…

แต่ฉันก็ยังคิดถึงเธอเสมอ

พอมันสองคนร้องเพลงจบก็มีเสียงตบมือเกรียวกราวมันก็ร้องเพราะนะ ถึงจะหลุดคีย์ไปบ้าง ตอนที่มันสองคนร้องเพลงมันมองหน้าผมตลอด ผมนี่ต้องคอยหันไปมองทางอื่น ทำอะไรก็ดูขัด ๆไปหมด ไม่รู้จะเอามือไปวางไว้ตรงไหน แล้วมันจะร้องเพลงให้ผมทำไม เพลงก็ไม่ตรงซักหน่อย กูไม่ได้ใจตรงกันกับพวกมึง

“มันร้องให้มึงอ่ะ”ไอ้โตพูดกับผม เออ กูรู้แล้วเว้ย มันสองคนเดินลงมาจากเวที มีคนให้ดอกไม้มันสองคนด้วยได้หลายดอกอยู่ รู้สึกชักไม่สนุกแล้วสิ ผมกำลังจะขยับตัวแต่ไอ้ภูกับไอ้ตินก็มานั่งข้าง ๆผมเฉยเลย

“อะไรของพวกมึงเนี่ย”ผมจะลุกหนี แต่ไอ้ภูคว้ามือผมไว้ ท่าทางจะกรึ่ม ๆแล้วมั้ง ตาเยิ้มเชียว

“น่า นั่งกับกูก่อน ครั้งเดียว”ผมมองหน้าไอ้ภู เห็นตาเยิ้ม ๆของมันแล้ว ก็ไม่อยากมอง ไอ้โตมันก็มองผมอย่างอึดอัด ก่อนจะลากเมียมันสองคนออกไป ไอ้ป่านก็ขัดใจเล็กน้อยแต่ก็ยอมลุกไปโดยดี ตอนนี้โต๊ะผมก็เหลืออยู่สามคน ไอ้ตินคีบหมูเข้าปาก รู้สึกว่านั่นจะหมูกูนะ

“ฟิก กูอยากกินตับ”ไอ้ภูพูดขึ้น ผมก็หน้าร้อนผ่าว ๆขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

“นะ มึงป้อนกูหน่อยดิ”มันเอาหัวมาซบไหล่ผมด้วยอ่ะ ยี้ ๆ ผมล่ะขนลุก

“ไอ้เหี้ย ทำอะไรของมึงเนี่ย”ผมผลักหัวมันออก มันก็หัวเราะเหมือนคนบ้า ไอ้ตินก็นั่งแดกไม่สนใจอะไรเลย

“พอมานั่งกับมึงนี่ อร่อยกว่ากินสองคนอีก”แหวะ กูล่ะอยากอ้วกเอาปลาหมึก กุ้ง หมู แฮม ที่กินเข้าไปออกมาใส่หน้ามันสองคนจริง ๆ พูดจาชวนอ้วก

“น่า มึงป้อนตับให้กูหน่อย กูอยากกิน”มันยังคงมองผมตาเยิ้ม

“ตับอะไรพี่ภู”

“ตับหมูเว้ย ตับหมู แต่เป็นตับมึงก็ดีนะฟิก”แล้วมันก็หัวเราะกันสองคน ผมรู้สึกได้ว่าหน้าตัวเองแดง ผมผุดลุกขึ้นทันที ไม่อยากนั่งกับพวกมันแล้ว กวนตีนสัด

“เฮ้ย จะไปไหน มานั่งก่อน กูแค่ล้อเล่น กูไม่กินตับมึงหรอก ถ้ามึงไม่อนุญาตอ่ะ”ผมสูดหายใจเข้าลึก ๆ จะถือว่ามันเมาก็แล้วกัน

“กูจะกลับแล้ว ปล่อย”ผมสะบัดมือมันออกแบบรำคาญ ๆ ผมโทรหาไอ้ชายเมื่ออยู่หน้าร้านแล้วบอกว่าจะกลับก่อน ลางสังหรณ์เริ่มทำงาน ว่าไอ้สองคนนี้ต้องหาเรื่องมาป่วนผมอีกแน่ ๆ ไหนว่ามึงจะออกไปจากชีวิตกูแล้วไง!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา