The Last Night

9.2

เขียนโดย pyclub70

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558 เวลา 20.31 น.

  40 ตอน
  16 วิจารณ์
  31.88K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559 20.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) 017-พื้นที่สุดท้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

017-พื้นที่สุดท้าย

 

        เมื่อถึงปากทางเข้าพื้นที่1572 ทุกคนไม่รีรอรีบสาวเท้าก้าวเดินผ่านซุ้มประตูเข้าไปทันที 1คนก็1มุม ที่แห่งนี้กว้างใหญ่ แต่เป็นเพียงแค่พื้นที่โล่งดั่งโถงขนาดยักษ์ซ้ำยังอับชื้น

        คบไฟฉายได้แต่แสงสลัว แลเห็นสิ่งต่างๆได้ลำบากการสำรวจจึงคืบช้า ในหัวใจของกลุ่มกิเรเร่ภาวนาขอให้เจอแท่นจารึกคำอักษรโบราณสักทีเถอะ เพราะแน่นอนว่าคงไม่มีใครอยากอยู่ที่นี่นานๆแน่ แต่ก็นะ.. ทุกคนสำรวจได้พักหนึ่งยังไม่เจออะไรน่าสนใจ เนื่องจากโถงนี้ทั้งกว้างสูงและลึก ยากกว่าจะวิ่งไปอีกฝั่งได้ง่ายดาย ที่เจอก็มีแต่พื้นหินปูด้วยอิฐเล่นสีสวยงามเกินบรรยาย ผนังทั้งสองด้านถูกด้วยสลักลายงามทรงแปลกตาไว้ ส่วนเพดานนั้นสูงซะจนกว่าแสงจากคบไฟจะเอื้อมถึง

 

"บุตรแห่งเพทรา!! หนูน่ะหรือ!?บุตรแห่งเพทรา!!?"เนเน๊ะหน้าถอดสีตะโกนสื่อสารกับบางอย่าง พลางปรายตาล่อกแล่กหันซ้ายหันขวาควานหาเสียงนั่น ขณะยังถือคบไฟและยืนไม่ห่างจากเพียล่าเท่าไร

 

"ไม่ๆไม่จริงนะ!! หนูไม่เคยฆ่าใคร!! ไม่จรี๊งงงงงงงงงงง"ก่อนหวีดร้องออกเป็นเสียงแหลมเนเน๊ะเหวี่ยงคบไฟไปรอบกายและเขวี้ยงทิ้งไปในที่สุด หลังเสียงหลอนแอบลักลอบเข้าโสตประสาทเธอ โดยหวังให้เนเน๊ะเสียสติซึ่งมันได้ผล เธอทรุดนั่งกุมขมับและฟูมฟาย

 

"ทุกคนเตรียมตัว!!"เสียงลั่นจากเพียล่าดังขึ้นก่อนวิ่งเข้าหาเนเน๊ะอย่างไว

 

        เนเน๊ะนั่งลงร้องไห้ ใกล้กับผนังฝั่งขวาโดยมีคาลาเนสคอยปลอบใจให้คลายกังวล หลังวิ่งมาถึงช้ากว่าเพียล่าเพียงนิดเดียว

 

"ไม่เป็นไรนะเนเน๊ะ"มืออุ่นจากคาลาเนสแตะไหล่เธอเบาๆแล้วทรุดตัวนั่งเคียงข้าง

 

         เนเน๊ะมองใบหน้าคาลาเนสด้วยสายตาอันหดหู่ เปี่ยมไปด้วยน้ำตาไหลพรากก่อนนั่งกอดเข่าก้มหัวกระซิกร่ำไห้อย่างไม่สนใจอะไร

         สิ่งที่เนเน๊ะได้ยิน มันคงเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากทีเดียว หากไม่ใช่ตัวเนเน๊ะเองคงไม่มีใครเข้าใจเธอ ใครกันนะที่ทำแบบนี้!! หลังทุกคนที่เหลือมาถึงต่างยืนล้อมเธอไว้ พร้อมกับคำเอื้อนเอ่ยปลอบโยนต่างๆนาๆ

 

'อืม เวลาแบบนี้ก็มาเป็นซะแบบนี้อีก ให้ตายเถอะ เพียล่านะเพียล่า'วิคเตอร์พร่ำในใจกับความเชื่อมั่นบ้าบอนั่นของเพียล่า เขาจึงบ่นกับตนเองที่ไร้ความเชื่อมั่นกับเด็กสาวคนนี้

 

'หรือว่า..!! เงานั่น..!!'วิคเตอร์ฉุกคิดในใจอีกครั้ง แต่ไม่เอ่ยไปด้วยเหตุผลบางอย่างที่ฝังอยู่ลึกๆ

 

'หมอนั่นจะว่าเด็กนี่เป็นตัวถ่วงอีกไหมนะ จะว่าไปเด็กนี่ก็น่าสงสารซะจริง'โอ'เกนท์ลูบเคราเปรยในใจ เหล่ตาหาชายชาตินักรบก่อนเหล่กลับหาเด็กสาวมองเธออย่างเอ็นดู

 

'ในเวลานี้ อย่าพูดอะไรโง่ๆออกมาน่ะเฟ้ย'โอ'เกนท์ภาวนาในใจหวั่นเกรงว่าวิคเตอร์จะหลุดคำเหยียดต่อเนเน๊ะออกไป ก่อนจะคิดไกลกว่านั้นเขาสะกิดวิคเตอร์ที่ยืนอยู่ข้างๆให้มอง แล้วใช้มือรวบหลังเดินออกไปจากตรงนี้

 

"ไม่มีอะไรแล้วนะเนเน๊ะ ไม่ต้องกลัวนะ"คำหวานแสนอ่อนโยนจากเพียล่าดังขึ้นข้างหูเนเน๊ะ พร้อมใช้มือลูบผมเธอเบาๆ แต่เนเน๊ะยังอยู่ในท่าเดิมและไม่สนใจใคร มีเพียงแค่วิคเตอร์ ชาร์ลและโอ'เกนท์เท่านั้น ที่ต่างไม่อยากเสียเวลาและยังอยากสำรวจต่อ จึงรีบทยอยกลับไปยังจุดที่ตนสำรวจค้างไว้

 

        ...เวลาผ่านไปไม่นานเท่าใดเสียงจากใครคนหนึ่งดังขึ้นอย่างตื่นเต้น...

 

"ชาร์ล!! ชาร์ล!!"เสียงทุ้มใหญ่จากโอ'เกนท์ดังขึ้นในท่าร้อนรนเห็นได้ชัด พลางขวักมือหยอยๆเรียกเพื่อนนักประวัติศาสตร์ที่อยู่ช่วงกลางโถงให้มาทางนี้โดยด่วน ขณะสายตายังจับจ้องกับสิ่งนั้น

 

"ต้องใช่!! ต้องใช่แน่ๆ เดี๋ยวนะ! นายส่องไฟตรงนี้ให้ที"หลังผู้เพื่อนชื่อชาร์ลมาถึงต้องตกตะลึงกับสิ่งที่ผู้เพื่อนโอ'เกนท์ให้ดูอย่างตื่นเต้น ชาร์ลก้มๆเงยๆกับสิ่งนั้น ทำปากมุ้บมิ้บก่อนเดินวนรอบๆ ซึ่งส่องแสงให้โดยโอ'เกนท์ที่ลูบเครายิ้มย่องตลอดเวลา ส่วนเพียล่ากับคาลาเนสที่ได้ยินด้วยจึงไม่ได้ใส่ใจเท่าไร เพราะมัวแต่เฝ้าเนเน๊ะฟูมฟายไม่เลิก ทางด้านวิคเตอร์เองยังนิ่งเฉยไม่สนใจอะไรมาก จึงสำรวจตามเส้นทางของตนไปเรื่อย

 

"อ้ะ!! ทางตันแล้วรึนี่!?"เสียงอุทานเอ่ยดังขึ้นหลังวิคเตอร์เดินสำรวจเส้นทางของตนอย่างละเอียดถี่ถ้วนจนสุดปลายทาง

         ห้องโถงนี้มีผนังล้อมไว้ทั้ง3ด้าน ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้าและเพดานยังเป็นปริศนาเนื่องด้วยแสงคบไฟส่องไม่ถึง แม้จะโยนมันขึ้นไปแล้วก็ตาม

        แต่ที่พิเศษสุด นั่นคือสุดผนังมุมด้านซ้ายมีบางอย่างชวนให้หลงใหล มันคือประติมากรรมรูปสลักนูนสูงยื่นออกอย่างวิจิตร ประณีตด้วยเส้นสายลายบรรจงวาดลวดลายเป็นรูปหญิงสาวขนาดเท่าคนจริงประทับร่างยืนบนแท่นในอาภรว์คล้ายเทพธิดา มือทั้งสองยกขึ้นอกไขว้กัน สายตาหลุบลงล่างเล้าความรู้สึกผู้ที่มองมา เรือนร่างอันสมส่วนทั้งหมดถูกครอบด้วยซุ้มลายเถาวัลย์เลื้อยเกี่ยวกัน แซมงามด้วยมวลพฤกษานานาพันธุ์ ช่างเป็นอะไรที่ชวนฝันยิ่งนักกับความงามองค์รวมจนจันทร์หลบ

 

"..ช่างงดงามเหลือเกิน"ครั้นสำรวจถี่ถ้วนแน่ชัดแล้ว วิคเตอร์ต้องตกตะลึกและหลุดเสียงออกมากับประติมากรรมอันแสนเลิศเลอประหนึ่งนางในฝัน

 

        ด้วยความงามชวนให้หลงใหล วิคเตอร์เฝ้ามองไม่ห่างแต่หารู้ไม่ว่า ตอนนี้เขาตกอยู่ในภวังค์อารมณ์แห่งเสน่หาชวนใคร่ บางสิ่งผิดปกติได้เกิดขึ้นกับเขา เสียงเบาเอ่ยอย่างอ่อนหวานเชื้อชวนให้วิคเตอร์มอบหัวใจให้แก่นาง จนเขาต้องหลับตาพริ้มเอนใจไปกับเสียงจากประติมากรรม

         เสียงนั้นเล้าโลมด้วยคำพูดหลากหลายใคร่หวานหู จนชายชาตินักรบอยากจะพลีชีพในบัดดลหากมีเพียงจูบแค่จูบเดียวที่นางมอบให้กับเขา วิคเตอร์ฝันไปไกลอยู่ในทุ่งดอกไม้มีเพียงแค่เขากับนางเท่านั้น

        บรรยากาศเหมาะภิรมณ์ดั่งเป็นใจให้สุขสม สองมือจับจูงกันหลบหลีกหมู่แมลงพลางวิ่งลัดเลาะรับลมชมทุ่ง ก่อนลงเอยใต้ร่มไม้ใหญ่อันรายล้อมไปด้วยพุ่มโพรงหญ้าอย่างสนุกสุดซึ้ง ดอกไม้โลกีเริ่มเบ่งบานนางล้มหงายลงก่อนจูงมือวิคเตอร์ให้เข้าหาพลางคร่อมตัวนาง

        วิคเตอร์ดั่งถูกสะกดพลันคล้อยตามโน้มตัวลง ตาสบตา จมูกจึงเฉือนกัน ริมฝีปากก็เรียกร้องสัมผัสรสปากของกันและกันก่อนวิคเตอร์หันเข้าข้างไล้ใบหู สูดดอมดมกลิ่มหอมรัญจวนใจจากซอกคอทำให้ร่างตรงข้ามถึงกับเคลิบเคลิ้มปล่อยเสียงโอดอาย มือใหญ่ที่กุมไหล่ของอีกฝ่ายเริ่มไล่สัมผัสผิวบาง ไล้ลงแขนก่อนเอื้อมถึงอกเคล้าคลึงจนหนำใจพลางใช้ลิ้นลิ้มรสสวาทจากปากนุ่มของนาง ร่างใหญ่เริ่มต่อเนื่องความท้าทายด้วยการผละมือออกจากอก ทยอยใช้มือใหญ่ไล้ลงล่าง แต่ก่อนจะไปถึงจุดนั้น.. เสียงจากนางก็ดังขึ้น

 

"ท่านจะมอบหัวใจให้กับข้าได้หรือไม่"นางส่งสายตาวิงวอนพลางลูบไล้ใบหน้าหนุ่มนักรบที่หยุดการแสดงไปชั่วครู่

 

"นี่ไง.. หัวใจข้า"วิคเตอร์จ้องนางในระยะประชิดพลางจับมือนั้นของนางที่ลูบไล้มาทาบบนอกซ้ายของตน

 

"ข้าหมายถึงท่านต้องควักหัวใจออกมาให้กับข้า"เสียงหวานกัดริมฝีปากล่าง ส่งสายตายั่วยวนพร้อมใช้เล็บมือจิ้มเข้าอกซ้ายของชายหนุ่มนักรบ

 

"ท่านไม่อยากได้ข้ารึ"เสียงยั่วจากอารมณ์หญิง ทำให้วิคเตอร์ต้องกลืนน้ำลายกับนางที่ยังส่อหน้าตาออกรสภิรมณ์ใคร่ พลางใช้นิ้วนั้นเกลี่ยไกล่บนอกซ้ายของชายหนุ่ม ในจิตใต้สำนึกนั้นวิคเตอร์เริ่มลังเลมองซ้ายมองขวาทำสีหน้าวิตก

 

"มอบหัวใจให้แก่ข้า"

เสียงนี้ยังคงโลมรัดหัวใจไปเรื่อยกับวิคเตอร์ที่เริ่มสับสน เขามือไม้สั่นเหงื่อกาฬไหลซิ่กก่อนเลื่อนมือจับมีดพกจากข้างลำตัวออกมา วิคเตอร์ยกมีดขึ้นช้าๆ ช้าๆ จนปลายแหลมจ่อตำแหน่งหัวใจ

 

"อย่างนั้นแหละท่าน"

 

"จงมอบหัวใจให้แก่ข้า"นางว่าแล้ว จึงตวัดลิ้นเล่นกับริมฝีปากตน วิคเตอร์เริ่มออกแรงแทงเข้าไปอย่างช้าๆจนเลือดซิกออก ขณะเดียวกันอารมณ์ใคร่ของนางก็ทวีขึ้นเมื่อเห็นเลือดนั้นหยดลงร่างของตน

 

"กายข้าใจข้าจะเป็นของท่าน หากท่านมอบหัวใจให้แก่ข้า แล้วเราจะครองรักกันชั่วนิรันดร์"

 

"เอาเลยสิท่าน"

 

"ควักมันออกมา"

 

"ได้โปรดอย่าลังเล"

 

"จงมอบหัวใจให้แก่ข้า"

 

"จงมอบหัวใจให้แก่ข้า!!"

เสียงอ่อนหวานกลับเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นเสียงแข็งคอยรบเร้าไม่หยุดหย่อน เลือดไหลลงเริ่มมากขึ้นหลังคมแหลมแทงเข้าไปอย่างช้าๆจวนถึงหัวใจ วิคเตอร์กลับรู้สึกเจ็บหลังถูกม่านสเน่หาบดบังม่านตา

 

'นี่เรากำลังทำอะไรอยู่'เขาเอ่ยขึ้นในใจ หลังได้สติกลับคืน วิคเตอร์ถอนตัวออกจากนางอย่างเร็วไวก่อนเขวี้ยงมีดเล่มนั้นออกไป

 

'หัวใจของเราอยู่กับเพียล่าไม่ใช่รึไง'ก่อนคิดได้วิคเตอร์นั่งลงข้างนางทบทวนเรื่องเมื่อครู่ ใช้มือใหญ่แตะแผลบนอกตัวเองเบาๆซึ่งรู้สึกเจ็บจี้ดก่อนหันไปมองใบหน้าชวนฝันอีกครั้งหลังเสียงเรียก

 

"ท่าน"

 

        ชั่วพริบตาทุ่งดอกไม้ในภวังค์ทั้งหมดสลายไปโดยพลัน วิคเตอร์ปรากฏกายในที่เดิมพร้อมกับประติมากรรมรูปสลักหญิงสาวเบื้องหน้าที่นิ่งงัน เขาแหงนมองรูปหน้านั้นพลันได้ยินเสียงจากนางอีกครั้ง

 

"เจ้าเป็นคนอ่อนไหวง่าย แต่ยังมั่นคงในสิ่งที่เจ้าเลือก"เสียงแข็งที่ได้ฟังเป็นครั้งสุดท้ายจากนางตอนนั้น กลับเปลี่ยนเป็นเสียงหวานชวนฟัง วิคเตอร์จำเสียงในภวังค์นั้นได้แม่นและต้องตะลึงเมื่อเสียงจากรูปสลักนี้เอ่ยโดยไม่ขยับปาก ซึ่งเขาเองมั่นใจว่าเป็นเสียงเดียวกันไม่ผิดเพี้ยน

        สิ้นเสียงนางไม่เท่าไร บางสิ่งได้หล่นจากดวงตาข้างหนึ่งของประติมากรรมรูปสลักนางในฝัน วิคเตอร์ยื่นฝ่ารับสิ่งนั้นไว้พร้อมกับเพ่งพิจจนแน่ใจแล้วว่ามันคือ.."ดวงตาแห่งดิซอน"หรือ"มรกตแห่งดิซอน"ซึ่งถูกเขียนกำกับไว้ในมุมกะรัต ไม่มีข้อสงสัยใดๆกับสิ่งนี้เพราะเขาคิดแน่ไว้แล้วว่า มันต้องเกี่ยวอะไรกับเกทวาร์ปจึงรีบตามไปสมทบกับชาร์ลทันที

 

ทางด้านชาร์ลกับโอ'เกนท์ที่มีวิคเตอร์ตามมาสบทบ

 

"เอาล่ะ จะอ่านล่ะนะ"หลังก้มๆเงยๆอยู่นาน ชาร์ลมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นหลังเห็นตัวอักษรชัดแจ๋ว

 

"พระอาทิตย์ยามอัสดงแลหม่นหมองสายลมออกไร้กระโชกแผ่วเอื่อยให้ใบไม้สิ้นสรรพลันหลุดปลิว สายนทีริบหรี่ปรีดารมณ์หมู่มัจฉาแหวกว่ายกลายหงอยเหงา ริ้วเมฆกลีบกลายมิคลายทุกข์หากแต่ขบวนสุขห่างไปไร้แรงเคลื่อน ดวงตาสรรพสัตว์รันทดยิ่งหากสิ่งใดไร้คะเนจะพาดพิง วิถีโลกคล้อยตามดั่งเวลาให้เปลี่ยนกลายวิถีใจน่าหดหู่อันนับยิ่ง ความน่ากลัวเสมือนหนึ่งตกนรกได้ประจักษ์ตรึงตราแก่มนุษย์ อันทรมานพานพบได้ในรัตติกาลซึ่งฟ้าปิดหาใช่ลิขิตกำหนดตนพ้นหลีกเลี่ยง แลหวังดั่งแลได้แลหมายอยู่รอดหากคืนนี้เสียงราตรีวิปลาสยังโหยหวนชวนกังวาลให้สั่นเทาเร้าวิญญาณตอกอารมณ์ให้ขมขื่น สุดท้ายปลายทางไหนใดเล่าที่ที่ควรสมอยู่ของมนุษย์หลังความตายจากสูญสิ้นกลืนกินถิ่นราตรีวิปลาส กาลอุบัติเรื่อยมานับพันปีไร้หนทางหลบลู่หลบหนสู่ชีวิต พยากรณ์เรื่อยไปไหลไกลโฟ้นราตรีนี้จะอุบัติดั่งเฉกเช่นดวงทิวาฉายและดับลง สิ่งใดไหนเล่าที่มนุษย์ควรพึง"ชาร์ลอ่านออกด้วยเสียงพริ้วไหวกับแท่นจารึกในหน้าแรก ที่แสดงต่อหน้าวิคเตอร์และโอ'เกนท์

         หลังอ่านจบทั้งสามกลับเงียบไป ครุ่นคิดพลางพึงจดจำกับคำโบราณเมื่อครู่นี้จนขึ้นใจ ก่อนชาร์ลขยับกายไปทางซ้ายก้มลงหมายจะอ่านให้ชัดแต่ทว่า..

 

"โอ'เกนท์ มาทางนี้สิ ส่องไฟให้ฉันหน่อย"

 

"ได้ๆ"

 

"เยี่ยมมาก จะอ่านล่ะนะ"

 

"เชิญ"

 

"พระบิดาทรงสร้างสรรทุกสรรพสิ่งในกาลยุคครั้งกำเนิดโลก ทั้งบุตรแห่งพระองค์ ทั้งมวลมนุษย์ ทั้งทุกสรรพสัตว์ ทั้งธรรมชาติ แต่น่าเสียดายหากต้องถูกทำลายด้วยความอิจฉาริษยา จนเหล่าเทพมิอาจอยู่รอดร่วมกันต่อไปได้ จึงเกิดเป็นสงครามร.. "

 

"เอ่... ทำไมหน้านี้คำอักษรถึงสั้นและเขียนไม่จบนะ"ชาร์ลต้องสะดุดลง หยุดคิดถึงข้อแปลกใจกับหน้านี้ที่ชวนฉงนก่อนใช้สายตาหาคำตอบจากเพื่อนทั้ง2 แต่คำตอบที่ได้คือความเงียบ

 

"จึงเกิดเป็นสงคราม สงครามอะไรล่ะ"ชาร์ลข้องใจขึ้นมากกับประโยคนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นใจความแท้จริงของคำอักษร วิคเตอร์และโอ'เกนท์ต่างก็ไร้ความคิดเห็นใดๆ จึงเงียบกริบและจำข้อความนี้จนขึ้นใจ ในที่สุดชาร์ลก็ตัดใจละจากตรงนี้ ขยับกายไปด้านซ้ายอีกทีเพื่ออ่านอีกส่วน แต่ยังไม่ทันไรกลับมีเสียงดังขึ้น

 

"ม๊ายยยยย ไม่ใช่นะ!!"เสียงหรีดร้องอย่างหดหู่เผยออกจากปากเนเน๊ะซึ่งตะโกนลั่นโถง ขณะยังก้มหน้าซบเข่าใช้มือกุมขมับ

        ทุกสายตาหันขวับไปยังต้นเสียงเร็วไวชาร์ลหยุดชะงักที่จะอ่านต่อ วิคเตอร์กับโอ'เกนท์ซึ่งลังเล มองหน้ากันอย่างไม่ต้องสงสัยว่าจะไปตรงนั้นดีไหม แต่ทั้งสองต้องหยุดความคิดไปหลังชาร์ลสะกิดให้หันมาฉายไฟส่องให้ที เพื่อจะได้อ่านต่อ

         เนเน๊ะเริ่มควบคุมตนเองไม่ไหว หายใจฟุดฟัดร่างสั่นเกร็ง เธอเริ่มจะบ้าคลั่งจากสิ่งเร้าที่ยั่วโทสะ นัยน์ตาฟ้าใสอันตรายกำลังจับจ้องมองบางสิ่งที่เคลื่อนไหวไปมาดั่งวิญญาณผีร้ายในสายตาเธอ

 

"เนเน๊ะกำลังจะคลั่งแล้ว"คาลาเนสผวาเอ่ยออกไปทางเพียล่าจากความกลัว ซึ่งนั่งคุดคู้แอบผนังเฝ้าระวังเนเน๊ะห่าง2ศอก

 

"ไม่ได้นะ!!"เพียล่านั่งชิดเข้าประจันหน้าพลางเขย่าตัวเนเน๊ะหวังเรียกสติ

 

"ผลั๊วะ! ผลั๊วะ!"

 

"ใจเย็นๆสิเนเน๊ะ"หลังเพียล่าตบแก้มแก้มเนเน๊ะไป2ฉาบ จนเกิดรอยฝ่ามือเป็นสีแดงขึ้นฉายบนใบหน้านวลนั้น เธอด่วนเข้าเขย่าตัวเนเน๊ะอีกครั้ง

 

        แต่ไร้ผลสายตาอันเยือกเย็นกวาดไปมาเพื่อหาบางสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มันคือสายตาอันดุดันและน่ากลัวเหลือเกินสำหรับใครที่ได้พบ

 

"หยุดได้แล้าน่าาา!!!"

 

"ผลั๊วะ!!!"เพียล่าหวั่นใจเกรงเนเน๊ะจะเสียสติจ จึงใส่เข้าไปอีก1ฉาบอย่างแรงจนเส้นผมไสวไปตามแรงสะบัดของใบหน้า ซึ่งมันก็ได้ผล..

 

"หนูเป็นอะไรไปคะ คุณเพียล่า"เนเน๊ะฟื้นสติ ก่อนใช้มือประคบแก้มเอ่ยคำถามต่อเพียล่าที่เผยใบหน้าเคร่งเครียดกับเธอ แต่ดูเหมือนเนเน๊ะไม่รู้ตัวจริงๆว่าเธอกำลังจะคลั่ง

 

"เฮ่!! ทางนั้นโอเครไหม"วิคเตอร์ได้ยินเสียงเอะอะอยู่นานเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้

 

"พวกนายไม่ต้องห่วงนะ ทางนี้โอเคร"เพียล่าตะโกนกลับก่อนหันมองเนเน๊ะ

 

'อะไรกันนี่ เราเป็นอะไรไป ทำไมๆคุณเพียล่ากับคาลาเนสต้องมองเราด้วยสายตาแบบนี้นะ หรือว่าเรา.. 'ความสงสัยเกิดขึ้นภายในใจเนเน๊ะ ขณะยังสับสนกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่ก่อนคิดอะไรไปมากกว่านี้เธอจึงส่ายหัวเบาๆไล่ความคิดสับสนออกไป จากนั้นเพียล่ากับคาลาเนสจึงเข้าปลอบขวัญสาวน้อย

 

"นี่ๆๆ ส่องไฟให้มันดีๆหน่อย มัวแต่สนใจทางนั้นกันอยู่ได้"เสียงชาร์ลเรียกความสนใจของโอ'เกนท์ให้กลับมา

 

"โทษทีๆ"โอ'เกนท์เกาหัวบางๆ

 

"เอาล่ะ จะอ่านล่ะนะ"

 

"หากผู้ใดได้อ่านประโยคนี้จงจำไว้ว่าท่านคือผู้สืบทอดเจตจำนงค์ต่อประสงค์ของพระบิดา..

 

      ..จากเรากลุ่มนักเผชิญ ดารุส อารอน เดวาส ทาร์มีเซีย โอนีล โซโชรอน "

 

"ยังไงๆกันแน่นะ ผู้สืบทอดเนี่ย"ชาร์ลเอ่ยโดยใช้สมองเร่งความคิดตีความ

 

"ก็ตามนั้นแหละ"โอ'เกนท์เปรยช่วย

 

"ฮ่าๆๆ เราคือผู้สืบทอด น่าภาคภูมิใจมาก"วิคเตอร์กล่าวโดยไม่สนใจสิ่งที่ชาร์ลถ่ายทอด

 

"เอิ่มมม ดารุสแล้วก็โซโชรอน 2คนนี้ฉันเคยได้ยินชื่อและรู้ว่าเขาเป็นใคร แต่ที่เหลือนี่สิ.."ชาร์ลพยายามดึงประเด็นให้น่าสนใจพลางใช้มือทาบคางครุ่นคิด

 

"ก็ตามนั้นแหละ จะเข้าใจอะไรให้ยากทำไม"แต่โอ'เกนท์กลับทุบประเด็นนั้นพัง..

 

"ตามนั้นก็ตามนั้น"ชาร์ลคล้อยตามไปโดยปริยาย ส่วนวิคเตอร์เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีอะไรอยู่กับตัวจึงเอ่ยและควักมันออกมา

 

"ชาร์ลดูนี่สิ"

 

"หืม!?"

 

"มันคืออะไร"ชาร์ลสงสัยจ้องมองกับสิ่งที่วิคเตอร์ให้ชม

 

"ดวงตาแห่งดิซอนน่ะ ฉันได้มาจากรูปสลักทางด้านนู้น"วิคเตอร์พูดพร้อมส่งสิ่งนั้นให้ชาร์ล พลางชี้มือไปทางมุมซ้ายห้องโถง

 

"วิเศษ!!!"ชาร์ลยิ้มรับดีใจกับดวงตาแห่งดิซอน ซึ่งเขาเองก็คาดหวังไว้อยู่แล้วว่าเกทวาร์ปยังต้องใช้พลังงานอีก จึงไม่ถามรายละเอียดให้มากความ

 

"โอ้ววว สวยจริงๆ"โอ'เกนท์อดไม่ได้จะชื่นชมกับสิ่งนั้น

 

         ชาร์ล วิคเตอร์และโอ'เกนท์เสร็จจากตรงนั้น ก็ตามมาสบทบกับเพียล่าและเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างดีใจหลังพบสิ่งที่ต้องการ กลุ่มกิเรเร่หารือกันอีกครั้งก่อนสรุปอย่างฉับไวว่าควรเร่งไปพื้นที่1571เนเน๊ะฟื้นตัวเป็นปกติไม่มีปัญหาอะไรกับการไปต่อ

 

         เรื่อยไปก้าวย่ำก้าว กระทั่งถึงเกทวาร์ปชาร์ลจึงนำดวงตาแห่งดิซอนใส่ลงไปในช่องที่พอเหมาะ ฉับพลันเกิดเป็นแสงมรกตแวววับเปล่งประกายไปทั่ว ตัดกับแสงสีแดงแห่งทับทิมเพลิงช่างดูน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก อารมณ์ทุกคนบ่งบอกถึงความรู้สึกดี ซึ่งดูได้จากรอยยิ้มอันหน้าบานไม่แพ้กันหลังยืนล้อมเกทวาร์ปเป็นวงกลม

 

"ทีนี้ก็เหลืออีก1ชิ้น หวังว่ามันคงอยู่ในพื้นที่สุดท้ายนะ"ชาร์ลแย้มสุข คาดหวังกับสิ่งที่ตนคิด

 

"รอไม่ไหวแล้ว รีบๆไปต่อเถอะพวกเรา"โอ'เกนท์ว่าแล้วเร่งผลักทุกคนให้เดินต่อในทันที

 

"ใจเย็นๆหน่อย ฮ่าๆ"วิคเตอร์โดนผลักใคร หันมากอดคอโอ'เกนท์ที่รุ่มร่ามและเร่งรีบ เพื่อจับจังหวะเท้าก้าวไปพร้อมกัน

 

        พื้นที่สุดท้ายที่กำลังไปสำรวจจะมีอะไรอยู่ที่นั่นนะ!? เพียงแค่ไม่นาน ทุกคนมาถึงด้วยการจ้ำอ้าวและเมื่อก้าวผ่านซุ้มประตูมา ความอลังการของห้องโถงได้เฉิดฉายประจักแก่ทุกสายตา

        ที่เด่นชัดนั่นคือแสงจากทองคำสีอร่ามแวววับประกาย ส่องแลมองงามด้วยเพรชหลากสีหลายกะรัตหลายก้อนชัดแจ้ง พร้อมลวดลายสลักอันปราณีตบ่งบอกถึงโลงพระศพของกษัตริย์แห่งชนเผ่ามา-อีตู ที่ดูหรูหราสมพระเกียรติรองลงมานั่นคือพื้นผนังทั้งสามด้าน วาดเส้นศิลป์เป็นลายบันทึกอักษรภาพเล่าชีวประวัติกษัตริย์มา-อีตู ช่างดูยิ่งใหญ่นักและที่ไม่แพ้กันคือศิลาฝังอัญมณีหลากสีเล่นลายสลับพริ้วดูกลมกลืนในเบื้องล่างจนแลตาจ้องจับไม่ทัน แม้จะมีแค่คบไฟส่องสลัว แต่ที่นี่ใช่จะมืดมัวซะทีเดียวไม่ ด้วยแสงอาทิตย์ฉายรอดช่องล่องลงสู่กระจกเทียมเพรชสะท้อนไปมาแล้วเรืองรองส่องอาณา 

   

         ทุกคนชมชอบกันยิ่งนักกับความงามล้ำโสตสมอง แต่ด้วยจรรยาบรรณไม่มีใครคิดแม้แต่จะอยากได้ไว้ครอบครอง เว้นแต่ชาร์ลซึ่งฉุกคิดขึ้นได้ว่าเกทวาร์ปยังเหลืออีก1ช่องที่โหลงเหลง หลังกวาดตามองบวกการสำรวจหลายจุด ความคิดกับการคำนวณเริ่มส่งผลต่อการกระทำของชาร์ล

 

"ชาร์ลนายจะทำอะไรน่ะ!!"โอ'เกนท์ร้องลั่นหลังเห็นชาร์ลพยายามแง้มฝาโลง

 

"ฉัน ว่า ชิ้น ส่วน อีก หนึ่ง ชิ้น ที่ จะ เปิด เกท วาร์ป จะ ต้อง อยู่ ใน นี้ แน่"ชาร์ลเอ่ยกลับด้วยเสียงเหนื่อยหอบขณะใช้แรงงัดฝาโลงอันหนักอึ้ง

 

"มาๆฉันช่วย"ว่าแล้วโอ'เกนท์ก็เสริมเข้าไปอีกแรง

 

         และสิ่งที่ชาร์ลคิดไว้มันก็เป็นจริง อัญมณีสีอำพันเจิดจ้าอยู่ภายในช่องปากของพระศพที่ห่อกายด้วยผ้าดิบชุบน้ำยารักษาร่าง ชาร์ลไร้ความกลัว ไม่รอช้าด่วนใช้มือคว้าสิ่งนั้นออกจากปากพระศพที่เหี่ยวแห้ง อัญมณีสีอำพันช่างบรรเจิดเลิศวิไลเสียจริงกับแสงสว่างส่องแรงกว่าคบไฟหลายเท่า

 

"ทำแบบนี้จะดีหรอ"โอ'เกนท์ต้องข้อสงสัย

 

"เราแค่ยืมไปใช้เปิดเกทวาร์ปน่ะ"ชาร์ลตอบแบบยิ้มๆพลางชื่นชมกับสิ่งนั้น

 

"เอาล่ะไปกันเถอะทุกคน"ดูเหมือนว่าสิ่งอลังการในโถงนี้ไร้ค่าไปเลย เมื่อเทียบกับสิ่งที่ชาร์ลสนใจนั่นคือเกทวาร์ป แต่ก่อนไปด้วยความเป็นพลเมืองดีโอ'เกนท์จึงปิดฝาโลงไว้ดังเก่า ก่อนปาดเหงื่อเล็กน้อยหลังเหล่คนรอบข้างที่แล้งน้ำใจ..

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.2 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา