กับดักรักจอมบงการ
6) กับดักรักจอมบงการ ตอนที่ 6 100%
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความฝ่ายข่าวสถานีช่องCAN กำลังพลุกพล่านไปด้วยทีมงานหลายชีวิตเพราะเป็นครั้งแรกที่จะเปลี่ยนรูปแบบในการออกอากาศใหม่ โดยได้ครีเอทีฟสาวสวยมากความสามารถอย่างอลินธิดา เป็นผู้คิดและสร้างสรรค์ช่วงข่าวภาคค่ำนี้ขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ฉากหลังถูกออกแบบให้เป็นจอภาพขนาดใหญ่ที่เพียงแค่ใช้มือของผู้ประกาศข่าวสัมผัส ภาพก็จะเปลี่ยนไปตามข่าวที่กำลังรายงาน ดนตรีประกอบก็เปลี่ยนให้เร้าใจขึ้นเข้ากับการสรุปข่าวทั้งหมดของวัน รวมไปถึงการแต่งกายของผู้ประกาศข่าวก็ดูทะมัดทะแมงขึ้นเช่นกัน
ทั้งหมดนี้ได้รับการเห็นชอบจากเอ็กซ์คลูซีฟ โปรดิวเซอร์ เป็นผู้บริหารระดับสูงของช่องCAN ซึ่งจะดูแลภาพรวมทั้งหมด ทั้งชาตรีที่เป็นโปรดิวเซอร์ฝ่ายข่าวของช่องCAN ก็พอใจกับการทำงานของอลินธิดาเป็นอย่างมาก เมื่อทุกอย่างถูกวางแผน จัดระเบียบไว้เป็นอย่างดีแล้วที่เหลือก็รอเพียงเสียงตอบรับจากผู้ชม ที่จะเป็นผู้ตัดสินว่าการนำเสนอข่าวในช่วงก่อนละครนั้น รวดเร็ว กระชับ ฉับไว ได้ใจความ ตรงตามคอนเซ็ปหรือไม่
“ข่าวด่วนมาแล้วครับ หวังว่าผมคงมาทันเวลานะ” นักข่าวชายคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้องกองบรรณาธิการข่าว หลังจากที่รีบออกไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วหลังจากที่ได้รับเชิญว่า ซีอีโอหนุ่มแห่งแม็กซ์มอลล์จะจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับภาพในปาร์ตี้ นักข่าวหนุ่มรีบส่งเครื่องบันทึกเสียงให้กับครีเอทีฟสาวคนใหม่ทันที “ส่วนภาพอยู่ในห้องตัดต่อแล้วครับ”
“เหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงคงไม่มีปัญหาอะไร” อลินธิดาบอกพลางยื่นเครื่องบันทึกเสียงให้กับสคลิป ไรเตอร์ เพื่อแกะเนื้อข่าว เรียบเรียงให้ได้ใจความก่อนที่จะส่งให้ผู้ประกาศรายงานให้ผู้ชมรับทราบ “เดี๋ยวฉันจะไปดูที่ห้องตัดต่อสักหน่อย”
จบคำพูดอลินธิดาพร้อมนักข่าวชายคนดังกล่าวก็เดินออกจากกองบรรณาธิการข่าว มุ่งหน้าไปยังห้องตัดต่อภาพทันที
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคนจะแยะขนาดนี้ เขาทำทุกอย่างเหมือนเร่งรีบ เชิญเราไปแค่งานแถลงข่าวแต่ที่ไหนได้ คุณพบกรันต์เข้าชี้แจงกับสำนักงานปราบปรามยาเสพติด แถมยังกล้าให้ตรวจฉี่ แล้วถึงมาแถลงข่าว นี่ดีนะครับที่คุณน้ำผึ้งบอกให้ไปดักรอที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดก่อน ไม่งั้นเราคงไม่ได้ภาพเด็ดๆมา คุณน้ำผึ้งนี่เก่งจริงๆ” นักข่าวชายบอก หลังจากที่ได้รับคำเชิญจากเลขานุการของพบกรันต์ อลินธิดาก็สั่งให้นักข่าวออกเป็นสองชุด ชุดแรกเดินทางไปยังออฟฟิศของกลุ่มธุรกิจเครือพร้อมพบ ชุดที่สองไปดักรอที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติด
“ไม่เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่ฉุกใจคิดขึ้นมาเท่านั้นว่าจะเขาจะเอาอะไรมาแถลงข่าว ภาพมันฟ้องออกขนาดนั้น อีกอย่างคนระดับนั้นคงไม่ทำอะไรเล่นๆแน่ ที่เขาออกมาเพราะไม่อยากให้หุ้นตกไปมากกว่านี้” อลินธิดาพูดพลางเดินเข้าไปในห้องตัดต่อที่มีเจ้าหน้าที่สองคนกำลังเปิดภาพที่นักข่าวนำมาให้สดๆร้อนๆ
อลินธิดามองดูใบหน้าคร้ามคมของผู้ชายในภาพแล้วรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ เขามันผู้ชายร้ายกาจ มักมาก เจ้าชู้ไม่มีวันสิ้นสุด สุดท้ายก็ต้องมาลำบากเพราะความเจ้าชู้ของตัวเอง จนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาว์น ในขณะนี้ ‘ตัดใจจากเขาให้เร็วที่สุดเถอะน้ำผึ้ง ตัวอันตรายแบบเขา เธอจะอยากได้มาเป็นผู้ชายของเธอทำไม’ อลินธิดาจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนไม่ได้ยินในสิ่งที่ช่างเทคนิคถาม
“อะ...เอ่อ คุณน้ำผึ้ง คุณน้ำผึ้งครับ” ช่างเทคนิคเรียกครีเอทีฟสาวอยู่หลายครั้งกว่าที่เธอจะขานรับ
“คะ ว่าไงคะ?”
“คือผมจะถามว่าคุณน้ำผึ้งจะใช้ภาพตัดต่อออกมาประมาณสักกี่นาทีครับ”
“ขอแค่หนึ่งนาทีก็พอค่ะ ยังไงเสียช่วงที่อยู่กับตำรวจเราก็ไม่ได้เห็นภาพผลการตรวจปัสสาวะอยู่แล้ว ก็เอาช่วงที่เขาเดินเข้าไปตรวจแล้วก็ตอนแถลงข่าวก็พอ” อลินธิดาบอก
“โอเคครับ ขอเวลาไม่เกินสิบนาที”
เมื่อได้ยินช่างเทคนิคพูดเช่นนั้น อลินธิดาก็พยักหน้ารับพลางเดินออกมาจากห้องตัดต่อเพราะอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า การรายงานข่าวภาคค่ำจะเริ่มขึ้นแล้ว ส่วนตัวเธอเองก็ต้องไปเปลี่ยนชุดเพราะทำหน้าที่อ่านข่าวพยากรณ์อากาศเอง โชคดีที่แต่งหน้าทำผมไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่เช่นนั้นคงจะต้องรีบร้อนกว่านี้เป็นแน่
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เสียงทีมงานทั้งหญิงชายต่างโห่ร้องขึ้นด้วยความดีใจเมื่อการออกอากาศครั้งแรกของการปรับรูปแบบรายการใหม่เสร็จสิ้นลง
ชาตรียืนปรบมือให้ครีเอทีฟสาวคนเก่งพร้อมทีมงานทุกคนที่มีส่วนร่วมทำให้การทำงานครั้งแรกนี้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น “เยี่ยมมาก รูปแบบรายการที่นำเสนอออกมาใหม่นี้มันกระชับ ฉับไว เหมือนได้รู้ข่าวสำคัญที่เกิดขึ้นทั้งวันในเวลาแค่ไม่กี่นาที คุณเยี่ยมจริงๆน้ำผึ้ง”
“ต้องขอบคุณทีมงานทุกคนมากกว่าค่ะ ลำพังน้ำผึ้งคนเดียวคงทำไรมากมายอย่างนี้ไม่ได้ แต่นี่มันเพิ่งเป็นการเริ่มต้น รอฟังฟีดแบ็กจากผู้ชมดีกว่านะคะ” อลินธิดาบอก
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น อ้อ... แต่ที่ผมถูกใจมากที่สุดคือลีลาลากเลื้อยบนโซฟาของคุณนะน้ำผึ้ง ผู้ประกาศข่าวก็ทำให้คนดูอย่างผมอยากกลับบ้านแล้วนอนเกลือกกลิ้งตัวเองบนโซฟาบ้าง อ้อ... แล้วเสื้อผ้าที่เปลี่ยนไปตามสีของแต่ละวันนี่ มันเพิ่มสีสันและสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของคุณมาก” ชาตรีกระเซ้าเย้าแหย่ ครีเอทีฟสาวที่รั้งตำแหน่งผู้ประกาศอย่างเป็นกันเอง “เอาล่ะ... วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมามากแล้ว ใครที่หมดหน้าที่ก็แยกย้ายกลับบ้านได้ ใครที่ยังมีหน้าที่รับผิดชอบข่าวภาคดึกก็สู้กันต่อไป”
“งั้นน้ำผึ้งขอตัวกลับก่อนนะคะ” อลินธิดากล่าวลาพร้อมยกมือไหว้ชาตรีอย่างนอบน้อม แต่คำถามของกิ๊บซี่ที่ดังขึ้น ทำให้คนในวงสนทนาหัวเราะร่วน
“น้องน้ำผึ้งจะกลับบ้านทั้งชุดนี้เลยเหรอคะ?” กิ๊บซี่ถามพลางเบิกตากว้างเพราะชุดที่อลินธิดาสวมใส่นั้นเป็นชุดรัดรูปสีหนังสีฟ้าสดใสให้เข้ากับการรายงานสภาพอากาศ
“ขอเปลี่ยนชุดก่อนค่ะ ถ้ากลับชุดนี้น้ำผึ้งคงนั่งขับรถไม่ถึงบ้านแน่ มันรัดเกินไป” อลินธิดาบอกยิ้มๆ พร้อมเดินออกไปจากห้องส่งของสถานี จากนั้นจึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้ามองดูนาฬิกาซึ่งบอกเวลาสองทุ่มครึ่ง จึงรีบก้าวเข้าไปในลิฟต์เพราะเริ่มรู้สึกหิวข้าวขึ้นมาเล็กน้อย
ทันทีที่ลิฟต์ค่อยๆเปิดออก อลินธิดาก็ก้าวออกมาพร้อมเดินมุ่งหน้าสู่ลานจอดรถ มือเรียวควานหาโทรศัพท์ที่กรีดร้องขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มน่ารักที่ปรากฏบนใบหน้างดงาม เมื่อเห็นชื่อมารดาโชว์อยู่หน้าจอโทรศัพท์
“คิดถึงน้ำผึ้งเหรอคะ วันนี้โทรหาตั้งสามตรั้งแล้ว” อลินธิดากรอกเสียงลงไปหยอกเย้าผู้เป็นแม่ทันที
“แม่เพิ่งดูข่าวที่น้ำผึ้งทำจบ เลยคิดว่าลูกคงกำลังจะกลับบ้าน ขับรถช้าๆนะลูก แล้วก็ไม่ต้องแวะซื้อกับข้าวเข้าามา วันนี้แม่ทำพะแนงหมูกับไข่เจียวเนื้อปูไว้ แต่ว่าถ้าน้ำผึ้งหิวมากก็หาอะไรทานก่อนนะ เดี๋ยวเป็นโรคกระเพาะ” อมราบอกด้วยความเป็นห่วง
“อืม... น้ำผึ้งหิ้วท้องกลับไปทานอาหารของแม่ดีกว่าค่ะ แค่ได้ยินว่ามีอะไรบ้างก็ไม่อยากทานอย่างอื่นแล้ว อ้อ... ถ้าแม่ง่วงก็ไม่ต้องรอน้ำผึ้งนะคะ เข้านอนเลยนะคะ” อลินธิดาบอกพร้อมเอ่ยลา ในขณะที่เดินไปยังรถยนต์ของตนซึ่งจอดอยู่ใกล้ๆมุมประตูฉุกเฉิน ด้วยความที่จิตใจจดจ่ออยู่กับการคุยโทรศัพท์ จึงไม่รู้ตัวว่ามีสายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองตนเองตั้งแต่เดินเข้ามาในลานจอดรถแล้ว
“ว้าย!... คุณพระช่วย” อลินธิดาหลุดอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆมีร่างสูงใหญ่ของตัวอันตรายเข้ามาขวางทาง พร้อมกับใช้ท่อนแขนแข็งแกร่งดันเข้าที่ประตูรถยนต์ของตน “ทำบ้าอะไรอย่างนี้ ตกใจหมดเลย!”
พบกรันต์มองใบหน้างดงามที่ซีดเซียวไปเพียงแวบเดียว จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “ขวัญอ่อนจริงนะคนสวย หรือว่าไปทำความผิดอะไรไว้ถึงได้ตกใจง่ายอย่างนี้”
อลินธิดาขมวดคิ้วมุ่น ด้วยไม่เข้าในสิ่งที่เขาพูดออกมาและกำลังประหลาดใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไป และปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแวบแรกที่เห็นใบหน้าคร้ามคมของเขา หัวใจที่มันไร้เรี่ยวแรงพลันชุ่มฉ่ำขึ้นมาในเวลาชั่วพริบตา “พูดอะไรของคุณ ฉันไม่เข้าใจ”
“ทำไม? การที่ผมไม่ติดต่อคุณเลยนี่มันทำให้คุณโกรธแค้นจนต้องหาทางแบล็กเมล์ผมอย่างนั้นเชียวเหรออลินธิดา?”
“แบล็กเมล์?! ฉันไปทำเรื่องแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน อย่ามาใส่ความกันนะ” อลินธิดาโต้กลับด้วยความงุนงง
“ถ้าตอนนี้ผมกำลังใส่ความคุณหนูจอมแฉ คุณก็คงกำลังแสดงละครได้ถึงบทบาทเชียวล่ะน้ำผึ้ง” พบกรันต์พูดด้วยน้ำเสียงยียวน หากแต่สิ่งที่หลุดออกจากริมฝีปากบางเฉียบนั้นทำให้อลินธิดาจับต้นชนปลายได้ถูกว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“ถ้าคุณคิดว่าฉันเป็นคนเอาภาพพวกนั้นลงหนังสือ เขียนข่าวในคอลัมน์นั้นล่ะก็ คุณคิดผิด รู้เอาไว้ด้วยว่าฉันไม่ได้ทำงานที่นั่นแล้วเพราะฉะนั้นมันไม่เกี่ยวกับฉัน หลีกทางด้วยค่ะ ฉันจะกลับบ้าน” อลินธิดาบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าแฝงไว้ด้วยความเฉียบขาด หากแต่ต้องถอยหลังกรู เมื่อคนตัวโตไม่ทำตามที่บอกแต่ยังก้าวเข้ามาหาด้วยท่าทีคุกคาม “ถอยไปนะ จะทำอะไร”
“คุณไม่รู้เลยหรือไงว่าคนที่บังอาจทำให้ผมได้รับความสูญเสีย ต้องสูญเสียมากกว่าหลายเท่านัก” พบกรันต์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก ยื่นมือไปเชยคางมนหากแต่ถูกปัดออกอย่างแรง
“กรี๊ด... อุ๊บ!” อลินธิดาไม่รอช้าที่จะกรีดร้องออกมา แต่ยังไม่ทันที่จะตะโกนขอความช่วยเหลือก็ต้องตกอยู่ในพันธนาการอันแข็งแกร่ง เมื่อเขารวบตัวเข้าไว้อย่างหนาแน่นทั้งยังใช้อีกมือปิดปากไม่ให้ส่งเสียงร้องได้ “อื้อ... ไอ้อ้า อ่อยอันอะ! (อื้อ... ไอ้บ้า ปล่อยฉันนะ!)
พบกรันต์หัวเราะในลำคออย่างสนุก หากแววตาอันดุร้ายที่แฝงไว้ด้วยเพลิงโทสะทำให้คนที่อยู่ในอ้อมแขนตัวสั่นด้วยความกลัว “ปล่อยแน่ถ้าคุณไม่ตะโกนออกมาอีก คราวนี้ผมจะไม่ใช้มือปิดนะ แต่จะใช้ปากปิด เข้าใจ?”
เมื่อเห็นว่าเธอพยักหน้าพร้อมมองมาด้วยแววตาหวาดกลัว นั่นก็ทำให้พบกรันต์ใจอ่อนยวบลงจนนึกโมโหให้ตัวเอง ทันทีที่มือหนาค่อยเลื่อนออก อลินธิดาก็กรีดร้องออกมาอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เหมือนหญิงสาวจะเตรียมตัวไว้ก่อนแล้วเพราะเมื่อเห็นเขาก้มลงมาหาก็ใช้มือตัวเองปิดปากอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้พบกรันต์มองด้วยสายตาคาดโทษเพราะทั้งขำทั้งโมโหที่หลงเชื่อเธอ!
“เหลือเชื่อเลยน้ำผึ้ง ตกลงที่ร้องนี่เพราะอยากให้ผมจูบใช่ไหม พูดดีๆก็ได้ ไม่เห็นต้องทำให้เรื่องมันยากขนาดนี้ คิดถึงก็โทรหาผมสิ ทำไมต้องฟอร์มจัด การที่คุณเอาชีวิตส่วนตัวของผมไปเขียนข่าวแบบนั้นมันเป็นการเรียกร้องความสนใจอย่างนั้นเหรอ?” พบกรันต์ถามด้วยคำถามกวนโทสะ น้ำเสียงยียวนของเขาทำให้อลินธิดาโกรธจัด โต้กลับด้วยอารมณ์ที่รุนแรง
“น่าขัน ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีคนหลงตัวเองอย่างนี้หลงเหลืออยู่บนโลก คุณอาจจะโซฮอตกับผู้หญิงมากหน้าหลายตา แต่จะบอกให้รู้เอาไว้ตรงนี้เลยว่า ต่อให้คุณเงียบหายไปจากชีวิตฉันอีกกี่ครั้ง ฉันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องความสนใจจากคุณด้วยวิธีการงี่เง่าอย่างนั้น เพราะคุณไม่ใช่ผู้ชายคนเดียวบนโลกใบนี้ คุณคิดว่าตัวเองเก่ง หล่อรวย โปรไฟล์ไฮเอ็นผู้หญิงเรียงหน้ากระดานเข้ามาให้เลือก แล้วยังไง ฉันก็เก่ง สวยและรวย มีผู้ชายเรียงแถวมาให้เลือกเหมือนกัน ทำไมต้องหันไปชายตาแลผู้ชายแย่ๆอย่างคุณด้วย”
“เก่งจริงนะ” พบกรันต์จ้องตากับผู้หญิงร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน
“ก็พอตัว” หญิงสาวโต้กลับอย่างไม่หวั่นเกรง
“งั้นก็เตรียมตัว เตรียมใจรับผลจากการกระทำที่ไม่เข้าท่าของคุณให้ดีก็แล้วกัน แล้วอย่ามาหาว่าผมใจร้าย”
“นี่คุณขู่ฉันเหรอ?”
“กลัวรึเปล่าล่ะคนสวย” พบกรันต์ถามกลับพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ
“เฮอะ!” อลินธิดาอุทานพร้อมเบือนหน้าหนีจากรอยยิ้มแสนร้ายกาจที่ทำให้ใจของเธอสั่นไหว ถอนหายใจอย่างเรียกกำลังใจให้ตัวเองแล้วจึงหันกลับมาจ้องตาของเขาอีกครั้ง “ขอย้ำเป็นครั้งสุดท้ายว่าฉันไม่ได้ทำ ไม่เคยคิดที่จะทำ แต่ก็รู้ว่ามันไร้ประโยชน์เพราะคุณตัดสินใจเชื่อไปแล้วว่ามันเป็นฝีมือของฉัน เพราะฉะนั้นถ้าจะทำอะไรตามที่ขู่ ก็เชิญ”
“ก็ไม่มากไม่มายหรอก แค่... สั่งสอนให้หลาบจำสมกับที่ผมเสียเงินไปในตอนที่หุ้นตก”
“ยินดีค่ะ แล้วก็ปล่อยด้วย เดี๋ยวฉันจะคิดบ้างว่าคุณอยากกอดฉันจนต้องหาเรื่องงี่เง่าตามมาถึงที่ทำงาน” อลินธิดาบอกพลางมองท่าทางที่เขารีบปล่อยตนให้เป็นอิสระ แล้วยกมือทั้งสองข้างขึ้นแล้วถอยหลังไปครึ่งก้าว
“รู้อะไรไหมน้ำผึ้ง... ผู้ชายบางคนก็อันตรายเกินกว่าที่คุณจะเข้าใกล้ และถ้ายังไม่เลิกยุ่งกับผม ผมจะไม่ปรานีคุณอีกแล้วนะ” จบคำพูดพบกรันต์ก็หมุนตัวเดินจากไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง ทิ้งให้อลินธิดายืนมองแผ่นหลังกว้างด้วยความรู้สึกเสียใจ เจ็บปวดหัวใจ หลากหลายความรู้สึกยอดแย่ที่ประดังประเดเข้ามาจนต้องรีบเข้ามานั่งอยู่ในรถยนต์ของตน ซ่อนตัวอยู่กับความรู้สึกเจ็บปวดที่ตอกย้ำลงกลางใจ จนน้ำตาร้อนๆไหลอาบสองแก้มอย่างไม่รู้ตัว เป็นนานกว่าจะตั้งสติและบังคับพวงมาลัยออกจากลานจอดรถ หากแต่หญิงสาวก็พยายามบอกกับตัวเองว่าดีแล้วที่ตัดใจเจ็บปวดเสียตั้งแต่ตอนนี้ ความรู้สึกดีๆที่เคยมอบให้เขามันไม่มีค่าพอที่จะหยุดให้ผู้ชายเพลย์บอยอย่างเขา ปักใจกับผู้หญิงสักคน
ความจริงแล้วอลินธิดาไม่ได้โกรธในคำพูดที่เขาขู่เลยแม้แต่น้อยเพราะเข้าใจดีว่าอารมณ์โมโหของคนที่ต้องเจอเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างไร เพียงแค่เสียใจที่เขาคิดว่าเธอจะเอาเรื่องในอดีตของเขามาแบล็กเมล์ได้จริงๆน่ะเหรอ? หากเธอถือสาอดีตที่ผ่านมาของชายชาญโลก เมื่อเดือนที่ผ่านมาจะรับไมตรีของเขาไว้ทำไมกัน?!!
“ขับตามไปเลยไหมครับ?” ทันทีที่เห็นรถยนต์ของนักข่าวสาวที่เคยเป็นคู่ควงของเจ้านายอยู่พักหนึ่งเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ คำรบก็เอ่ยคำถามกับเจ้านายที่นั่งเงียบกริบอยู่ด้านหลังทันที
“อือ... ตามไปห่างๆอย่าให้เธอรู้ตัว” พบกรันต์บอกพลางนั่งทบทวนถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อครู่
ให้ตายสิ! ทำไมสายตาของเธอถึงดูเจ็บปวดสวนทางกับคำตอบโต้ที่รุนแรง อวดดีเช่นนั้นนะ พบกรันต์รู้ดีว่าการที่ตนใช้คำพูดขู่เข็ญกับผู้หญิงตัวเล็กๆเช่นเมื่อครู่นี้ไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษ หากแต่ไม่มีทางเลือกมากนัก ยอมรับว่าก่อนได้พบหน้าเธอความโกรธและอารมณ์โมโห มันพุ่งขึ้นไปถึงขีดสุด เพราะเธอเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้ต้องพบเจอกับสถานการณ์อันยุ่งยาก ทั้งที่เขาเคยจัดวางเรื่องส่วนตัวนี้ให้ห่างจากเรื่องงานได้เป็นอย่างดี แต่พอได้เจอหน้า สบสายตาที่รับรู้ได้ว่าเธอกำลังปวดร้าว เต็มไปด้วยคำถามมากมายมันทำให้หัวใจเขาอ่อนยวบ จากที่คิดจะสั่งสอนให้เธอได้รับบทเรียนอันสาสม กลับเป็นตัวเองที่รู้สึกผิด ซ้ำร้ายยังไปคิดหึงหวงกับคำพูดที่เธอไม่เคยแยแสตนเลยแม้แต่น้อย
“แปลกจริง เธอจะไปไหนกันนะ?”
เสียงที่คำรบเปรยขึ้นด้วยความสงสัยนั้น มันเรียกสติของเขาให้กลับเข้ามาสู่โลกของความเป็นจริงพร้อมกับสอดส่องสายตาออกไปมองสิ่งแวดล้อมรอบตัว รถยนต์สีดำคันใหญ่ของอลินธิดากำลังจอดสนิทอยู่อีกฟากหนึ่งของถนนซึ่งมีสวนหย่อมกั้นกลางระหว่างรถของเขาและรถของเธอ “ถึงไหนแล้ว?”
“สวนสาธารณะใกล้ๆบ้านเธอครับ” คำรบตอบพลางมองไปยังร่างบางที่ยังนั่งอยู่ในรถ “อ้อ... เธอคงกำลัง”
“ร้องไห้” พบกรันต์พูดออกมาในที่สุด เมื่อแสงไฟจากสวนหย่อมสาดเข้าไปในรถของเธอ จึงได้เห็นว่าเธอซุกหน้าลงกับพวงมาลัย แผ่นหลังบอบบางเคลื่อนไหวในอาการสะอื้นไห้ และท่าทางที่เห็นนั้นมันทำให้เขาเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น คำพูดร้ายกาจของเขามันบีบคั้นให้เธอเสียน้ำตา!!
อลินธิดาไม่อาจบังคับรถยนต์ให้เคลื่อนตัวต่อไปได้ เมื่อความรู้สึกเสียใจมันสาดซัดเข้ามาราวกับทะเลคลั่ง ยิ่งเมื่อรายการวิทยุสุดโปรดที่ฟังประจำยังเปิดเพลงได้ตอกย้ำให้เจ็บปวด ในที่สุดต้องเลี้ยวรถเข้ามาจอดร้องไห้กับตัวเองคนเดียวในสวนสาธารณะใกล้บ้าน เพราะรู้ตัวเองดีว่า หากถึงบ้านแล้ว ตาและปลายจมูกแดงก่ำ คงเป็นหลักฐานที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าตนผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก จึงเลือกที่จะร้องไห้กับตัวเองคนเดียวดีกว่าต้องทำให้ผู้เป็นแม่เป็นห่วงและพลอยเสียใจไปด้วย หญิงสาวปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมกับปล่อยเสียงสะอื้นอย่างไม่อาย...
Summer's ended and without a trace
(ฤดูร้อนได้จบสิ้นลงและไร้ร่องรอย)
Time goes by - while you remain
(เวลาได้ล่วงเลยไป ในขณะที่ คุณยังคงอยู่ในใจ)
Funny how I thought I walked on through. With my heart in one
(น่าขำอะไรอย่างนี้ ที่ตัวฉันเองคิดว่า สามารถผ่านพ้นเรื่องราวนั้นไปได้)
How I tried to get you off my mind
(ฉันจะตัดคุณออกไปจากใจได้อย่างไร)
But you return - all the time
(เพราะคุณยังคงกลับมาอยู่ตลอดเวลา)
I believed I could just let you go
(ฉันเชื่อว่าฉันเพิ่งตัดใจจากคุณได้)
Like the fool I am
(แต่เหมือนกับตัวเองช่างโง่เหลือเกิน)
Why do I still cry for you
(ก็แล้วทำไมฉันยังต้องร้องไห้คิดถึงคุณ)
Dying to get close to you
(ในขณะที่ใกล้ตายก็เข้าใจว่าคงได้อยู่ใกล้คุณ)
Why do I still fear to face. The ghost of you
(ทำไมฉันยังคงหวาดกลัวที่จะต้องเผชิญ กับภาพของคุณ ที่ไม่มีตัวตน)
I've been trying to release you
(ฉันยังคงพยายามที่จะหลุดพ้นจากคุณ)
To get my feet back on the ground
(เพื่อที่ตัวเองจะได้กลับมาเป็นเช่นเดิม)
Still I need my hope to hold on to
(และฉันก็อยากให้ความหวังของฉันยังอยู่)
Even if I know I should back away
(แม้ฉันจะรู้ว่าควรถอยหลังกลับ)
It's just a part of me that I can't erase
(แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งของฉันที่ไม่อาจลบเลือน)
Baby, baby why
(ที่รัก ทำไมนะ ที่รัก)
Anyway I try I'm still reminded
(ทุกๆคราที่ฉันพยายามจะลืม แต่ฉันก็ยังลืมไม่ได้เสียที)
Anywhere I go I keep colliding with
(ไม่ว่าที่ไหน ที่ฉันไป ฉันก็ยังคงพบเจอกับภาพหลอนของคุณ)
I've given up I just can't fight it
(ฉันท้อแท้เนื่องจากไม่อาจต่อต้านคุณได้)
Every time I look away I see
(ทุกๆครั้งเวลาที่มองออกไปที่ไหนก็ตาม ฉันยังคงเห็นแต่)
The ghost of you
(คุณ... ที่ไม่มีตัวตน)
เพลง Ghost of you ; ศิลปิน MLTR
แต่เมื่อร้องไห้ออกมาจนพอใจ อลินธิดาก็บอกกับตัวเองว่าเธอต้องเข้มแข็งกว่านี้ พบกรันต์คนที่เป็นสุภาพบุรุษ พูดจาไพเราะนั้นได้หายสาปสูญไปจากโลกใบนี้แล้ว จะเหลือก็เพียงแค่พบกรันต์เพลย์บอยเจ้าชู้ ไร้ความรับผิดชอบ มันเป็นอดีตที่ต้องลบออกไปจากใจให้ได้แต่หากใจยังคิดถึงเขาต่อไปเรื่อยๆมันก็รังแต่จะทำให้ตัวเองนั้นดูด้อยค่าลงไปทุกที
ดีล่ะ! ในเมื่อยังไงเสียเขาก็ปักใจเชื่อไปแล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นฝีมือของเธอ งั้นก็ขอสวมรอยเป็นคนก่อการนั้นขึ้นมาเสียจริงๆ ให้สมกับที่เขาใส่ความ ไม่มีทางที่คนอย่างอลินธิดาจะปล่อยให้คนอื่นมาคุกคามได้เพียงฝ่ายเดียว อย่างน้อยถ้าจะต้องเจ็บปวดหรืออับอายจากการกระทำที่เขาขู่เอาไว้ เขาก็ต้องได้รับบทเรียนจากการกระทำของเธอเช่นกัน
เมื่อคิดได้ดังนั้นอลินธิดาจึงปาดน้ำตาออกจากสองแก้มอย่างรวดเร็ว หายใจเข้าลึกอย่างเรียกกำลังใจให้กับตัวเอง แล้วขับรถกลับบ้านที่มีแต่ความรักและความอบอุ่นรออยู่ โดยไม่รู้เลยว่ามีรถยนต์อีกคันขับตามมาส่งจนถึงบ้านด้วยความรู้สึกผิดมหันต์ที่ทำให้เธอต้องเสียน้ำตา!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ