PRES : เพรส นานาชาติพิศวง ตอน ความลับในห้องวิทย์

8.8

เขียนโดย อาบตะวัน

วันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 23.31 น.

  10 ตอน
  52 วิจารณ์
  11.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2558 22.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) คืนฟ้ามืด...ที่เพรส

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

อัยกลั้นหายใจมองดูแสงสว่างสองสามดวงพาดผ่านตรงหน้า ที่ส่ายวอบแวมไปมาอย่างลุ้นระทึก ร่างผอมขดเบียดชิดกับหนุ่มนักเทนนิส อาศัยกอสูงของพุ่มดอกเฮลิโคเนียที่ใต้บันไดชั้นล่างช่วยพรางร่างในชุดนักเรียนของทั้งคู่ไว้ กิ่งก้านสูง ใบยาวหนา… ของพวกมัน นับเป็นประโยชน์ต่ออัยและเควินอยู่มากโข

“ได้ยินเสียงแถว ๆ ชั้นสามนี่แหละ”

เสียงแหบห้าวของยามประจำตึกคนหนึ่งพูด ทั้งสามส่ายหัวไฟฉายไปตามจุดต่าง ๆ ของอาคาร บ้างก็ไล่ส่องตามขั้นบันได แนวระเบียงชั้นบน

“ใครจะขึ้นไปดูไหมละ ชั้นสามน่ะ”

อีกเสียงหนึ่งถามขึ้น เกิดความเงียบขึ้นมาขณะหนึ่ง

“หูแว่วไปมั้ง…”

เป็นเสียงคนหนุ่มกว่าพูด อีกสองคนถอนหายใจ

“แว่วพ่อมึงเหรอ… เสียงดังลั่นตึก… จนยามหน้าโรงเรียนยังวิทยุมาถาม มึงกลัวผีก็เว้ามาซื่อ ๆ เด้”

ยามเฒ่าโมโหจนหลุดภาษาท้องถิ่นออกมา เควินพ่นลมหายใจทางจมูก อัยรีบกระทุ้งสีข้างเตือน

“อ่าว…พ่อบ่ย่านก็ขึ้นไปคนเดียวเด้ เฮาบ่ไป เฮาบอกแล้วว่าหูแว่ว หูแว่ว จะไปมีไผมาอยู่แถวนี้กลางค่ำกลางคืน”

ยามหนุ่มเถียง

“เออ ๆ พอ ๆ ทั้งคู่นั่นแหละ เฮ้อ! กูล่ะเบื่อ มาเข้าเวรพร้อมกับสองพ่อลูกเนี่ย เอาไงกันล่ะทีนี้ จะขึ้นไปดูไหม ถ้าไปก็ไปพร้อมกันนี่เลย”

อีกคนออกความเห็น อัยเห็นเขาส่ายหน้าไปมาในความมืดอย่างอิดหนาระอาใจ

“ผมไม่ไปอ่ะลุง ผมบอกแล้วว่ามันไม่มีอะไรหรอก”

เด็กหนุ่มยังอมเสียงหงุดหงิดเอาไว้ให้ได้ยิน

“แล้วมึงจะให้พ่อเขียนรายงานในสมุดว่าอะไร เสียงร้องดังลั่นทั้งตึก ใครก็ได้ยิน ให้กูบอกว่ามึงหูแว่วเนี่ยนะ”

ผู้เป็นพ่อสวนเสียงดัง ก่อนจะที่เสียงลูกชายจะดังขึ้นมาอีกคำรบ ยามอีกคนก็รีบห้ามทัพเสียก่อน

“เอาละ ๆ พอ ๆ ไอ้หนุ่ม… เอ็งกลัว เอ็งก็อยู่นี่ ลุงกับพ่อเอ็งจะขึ้นไปดูเอง ถ้าขืนไปเขียนลงสมุดว่าหูแว่ว มีหวังโดนกันทั้งหมดนี่แหละ”

“เฮอะ! ผมไม่สนหรอก ยังไงผมก็ไม่ไปดูเด็ด ๆ จะไล่ออกก็ยิ่งดี ผมไม่อยากจะอยู่แล้ว โรงเรียนอะไรก็ไม่รู้ มีแต่เรื่องได้ทุกวัน ผีเต็มโรงเรียนเลยมั้งเนี่ย”

ยามหนุ่มว่าพลางยักไหล่ ก่อนผู้เป็นพ่อจะปรี่เข้าซัด ‘ผัวะ’ ลงกลางกระหม่อม

“โอ๊ย! เจ็บนะ!”

“เออ! ให้หัวแตกไปเลย! ไอ่ห่า! ไอ่ปากหมา กลางค่ำกลางคืนใครเขาให้พูดถึงผี บักคว(า)ย บักห่ากิน”

ผู้เป็นพ่อบริกรรมคำด่าไม่ยั้ง ยามผู้ลูกสะบัดหน้าพรืดเดินจ้ำอ้าวออกไปจากอาคารเรียนโดยไม่ยอมหันกลับมามอง ปล่อยยามผู้พ่อบ่นด่าเป็นภาษาบ้านเกิดตามหลังหลายบท อัยเห็นเพื่อนยามตบบ่าแกเบา ๆ เป็นเชิงเตือน ก่อนจะพยักเพยิดชวนกันเดินขึ้นตึกไป

เสียงคุยกันของยามทั้งคู่ห่างออกไปแล้ว เควินจึงสะกิดหล่อน

“เป็นไงบ้าง”

อัยเพิ่งจะได้หันกลับมามองตัวเองว่าอยู่ในสภาพไหน หล่อนซุกตัวเบียดอยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม หยดน้ำบนกิ่งใบต้นเฮลิโคเนียร่วงหล่นลงพรมหัว ไหล่ หลัง จนเปียกไปแทบทุกส่วนของร่างกาย เมื่อขยับตัว หล่อนจึงได้รู้สึกเจ็บชาที่ขา

“เป็นเหน็บ…”

“หือ! ยูว่าอะไรนะ”

เสียงตะเบงกระซิบที่ข้างหู ใกล้เกินไปจนอัยรู้สึกได้ กลิ่นเหงื่อจาง ๆ จากตัวเขา แม้จะบอกตัวเองว่าหล่อนไม่ได้พิสมัยเจ้าหนุ่มนักเรียนใหม่คนนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า หล่อนได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ ร่างผอมสูงรีบกระถดตัวลุกขึ้นจากตักเขา น้ำหนักขาข้างที่ถูกทับอยู่นานเจ็บชาจนหนักอึ้ง มือใหญ่กำลังจะช่วยดันสะโพกหล่อนให้ลุกขึ้น เด็กสาวจึงรีบหันไปแหว

“ไม่ต้องนะ! ฉันจะลุกเอง”

อัยเดินกะเผลก ๆ ออกจากพุ่มเฮลิโคเนีย เควินขยับลุกขึ้นตามมาติด ๆ ร่างสูงใหญ่ก้าวได้ยาวกว่าจึงเดินนำหล่อนมาก้าวหนึ่ง มือขยับยื่นมาทางเด็กสาวอย่างลังเล

“มา .. ช่วย”

อัยเดินได้ช้ากว่าที่หล่อนตั้งใจ จึงจำใจยื่นมือไปให้เขาช่วยดึง เควินดึงหล่อนให้เดินเร็วขึ้น อัยเบ้ปาก กัดฟันออกแรงเดินกระแทกให้เลือดเดินลงสู่ปลายเท้าให้เร็วที่สุด จนความเจ็บของขาข้างที่ชาก็ค่อยเบาบางลงและจางหายไป ทั้งคู่เดินลัดเลาะมายังด้านหลังโรงอาหาร มอเตอร์ไซค์ของอัยจอดอยู่ที่นั่น มีรถของคนครัวกับแม่บ้านบางคนที่อยู่เวรดึกจอดอยู่ใกล้ ๆ กันด้วย

“แล้วฉันจะออกไปยังไงดี ไม่ให้ยามเห็น”

ปัญหาที่เกิดขึ้นใหม่ทำให้ทั้งคู่ต้องมองหน้ากัน เร่งขบคิดแก้ไข

“ออกหน้าประตู…ก็ไม่ได้สินะ”

เควินเหลือบดูนาฬิกาที่ข้อมือ สามทุ่มกว่าแล้ว ไม่ใช่เวลาที่เด็กหอจะออกมาเดินเล่นด้วย และยามหน้าประตูโรงเรียนจะคอยจดบันทึกยานพาหนะทุกคันที่เข้าออก ศาสตราจารย์สตีเฟ่นคงไม่ชอบใจแน่ หากรู้ว่าเขากับอัยยังอยู่ที่ตึกในเวลานี้

“เลยเวลาที่อยู่กับศาสตราจารย์สตีเฟ่นมาชั่วโมงกว่าแล้ว”

อัยกระสับกระส่ายร้อนรน แม่โทรตามหล่อนตั้งแต่ก่อนเข้าไปในห้องวิทยาศาสตร์นั่นแล้ว ป่านนี้ คงรอหล่อนแย่ ทำยังไงดี…

“ยูรู้จักทางหลังสวนคอร์นไหม”

เควินกระซิบรัวเร็ว เขาหมายถึงไร่ข้าวโพดด้านหลังโรงเรียน ติดกับบริเวณที่กำลังก่อสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ที่สร้างมาร่วมสามปีแล้วยังไม่มีทีท่าว่าจะสร้างเสร็จ บริเวณนั้นรกร้างพอสมควร เวลาที่จะต้องไปเรียนที่ไร่ข้าวโพดพวกอาจารย์จึงนิยมพาลัดไปอีกทางซึ่งไกลกว่า แต่เป็นฝั่งของอาคารศิลปะซึ่งมีทัศนียภาพสวยงามและปลอดภัย นอกจากนั้น หลังไร่ข้าวโพดยังเป็นเขตของแม่น้ำประจำหมู่บ้าน โรงเรียนเพรสอาศัยแนวแม่น้ำเป็นเหมือนกับรั้วแบ่งอาณาเขตของโรงเรียนด้วยเช่นกัน อัยเคยได้ยินข่าวว่าพวกเด็กหอชั้นโต ๆ มักจะแอบครูหอพักมาสูบบุหรี่กับจู๋จี๋กันอยู่แถวนี้ด้วย

“รู้จัก … ทำไม…ฉันไม่ไปที่นั่นหรอกนะ น่ากลัวจะตายไป”

อัยส่ายหน้า สายตายังคงสอดส่ายไปรอบตัว เกรงว่ายามสักคนจะโผล่มาเจอพวกหล่อนเข้าในเวลานี้

“แต่ที่นั่นมีทางออกไปนอกโรงเรียน โดยไม่ต้องผ่านยาม”

เด็กหนุ่มพูดเสียงเรียบ อัยมองหน้าเขา โห .. เจ้าเด็กนักเรียนใหม่ เพิ่งมาอยู่เพรสได้แค่ครึ่งปีรู้ช่องลี้ชี้ช่องลับให้เด็กก้นกุฏิอย่างหล่อนได้ด้วย

ร้ายไม่เบา… ท่าทางโปรไฟล์คงจะแน่นครบครับ สุรา..กัญชา..นารี สเต็ปเด็กฝรั่งเสเพลเต็มขั้น…

“งั้นก็รีบเลย”

อัยรีบสอดลูกกุญแจปลดล็อกคอรถมอเตอร์ไซค์แต่เควินขัดขึ้น

“แต่มันเป็นdamนะ ยูต้องเดินข้าม”

แดม…อัยหยุดคิด … ฝายกั้นน้ำ! พระเจ้า !! เวลาสามทุ่มกว่า ป่าหลังโรงเรียนกับฝายกั้นน้ำ

“นายจะบ้าเหรอเควิน! นี่มันหน้าฝนนะ น้ำเยอะแยะ ฉันจะไปเดินข้ามได้ยังไง!”

เควินโคลงหัว เขายืนเอามือล้วงกระเป๋ามองอัยอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดเสียเนือย

“หรือยูจะมานอนกับไอก่อนดีล่ะ ไอโดนทัณฑ์บนอยู่พอดี นอนคนเดียว”

“นี่!”

อัยแหว เท้ากระถดถอยหนีเจ้าร่างยักษ์โดยอัตโนมัติ

“ฉันจะเดินข้ามน้ำไปตอนนี้ได้ยังไงเล่า”

ประธานนักเรียนสาวยืนหน้าหงิก เขม้นสายตามองคนตัวสูงกว่าร่วมยี่สิบเซ็นต์ตรงหน้าอย่างขัดเคืองใจ เวลาตอนนี้จวนจะสี่ทุ่มอยู่แล้ว หล่อนยังคงยืนหลบแอบอยู่ในโรงเรียน พุ่มไม้ใบบังอาจจะดกหนาช่วยพรางสายตาผู้คนได้มาก แต่คงไม่เป็นเรื่องดีแน่หากถูกยามจับได้ เรื่องราวจะแพร่สะพัดไปปานไหน หากพรุ่งนี้เช้าข่าวว่อนออกไปว่า อัย ประธานนักเรียนถูกลงโทษเพราะอยู่ในโรงเรียนยามวิกาลพร้อมกับหนุ่มนักเทนนิส

ทั้งเรื่องผิดกฏ ... ทั้งเรื่องชู้สาว

โอย...แค่คิดก็อยากจะตายลงไปเสียตอนนี้

“ก็ยูอยากจะร้องเสียงดังแบบนั้นทำไมล่ะ”

เควินจ้องหล่อนกลับ พูดเสียงเรียบ สายตาเฉยชาในความมืดราวกับจะกล่าวโทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของหล่อน

“แต่นายเป็นคนทำให้เสียเวลานะ”

ภาพในหัววิ่งกลับมาเหมือนกำลังกรอม้วนวีดีโอรอบใหม่ เควินเดินย้อนกลับเข้าไปเพราะรางหลอดแก้วตกแตก หล่อนกรีดร้องเสียงดังเพราะรู้สึกว่ามีคนยืนขวางหน้าอยู่ สัมผัสได้จริง ๆ ว่าเป็นคน แต่กลับมองไม่เห็น

คิดไปถึงแล้ว อัยก็รู้สึกใจสั่น

มันเป็นเพราะอะไรกัน

“ถ้ายูไม่อยากมีปัญหา ยูต้องไปที่หลังสวนคอร์นตอนนี้”

อัยกำลังจ้องเขาตาขวาง นายเควินทำเสียงแข็งกับหล่อน ทั้งที่เป็นเพราะเขาแท้ ๆ ที่ทำให้หล่อนกำลังตกที่นั่งลำบากอยู่ในขณะนี้

“ก็ถ้า...”

ฟึ่บ!

ร่างผอมถูกดึงจนปลิวหวือตามแรงช้างของเจ้าหนุ่มตัวล่ำ เควินดึงอัยมาหลบหลังพุ่มไม้ข้างทางไว้ทันเวลา ก่อนที่เสียงฝีเท้ากึกกักจะดังใกล้เข้ามา

“อยู่เวรดึกแบบนี้ทุกคืนเลยเหรอคะ”

เสียงหญิงสาวพูดขึ้นก่อน อัยรู้สึกคุ้น ๆ แต่ไม่กล้าเคลื่อนไหวให้เป็นที่ผิดสังเกต

“ใช่ อยู่ตลอดอาทิตย์เลย ฮ้าว... ง่วง”

อีกเสียงเป็นผู้ชายตอบกลับมา หาวระหว่างพูดสนทนาแบบนี้จะต้องเป็นศาสตราจารย์มาร์คูสแน่ ๆ มารยาทไม่เคยมี จารีตประเพณีไม่เคยรู้จัก .... ทรามตลอดเวลา

“ไม่รู้จะให้เฝ้าอะไรกันนักกันหนา เมื่อก่อนสองทุ่มครึ่งก็กลับได้ละ นี่ใช้เราอยู่ยาวจนเกือบสี่ทุ่ม ศาสตราจารย์สตีเฟ่นบ้าไปแล้ว”

ศาสตราจารย์หนุ่มยังคงบ่นต่อไป อัยลอบทำหน้าเอือม หล่อนไม่ค่อยชอบศาสตราจารย์มาร์คูสเท่าไหร่ ดูยังไง ๆ ก็ไม่เหมาะที่จะมาเป็นครูสอนศิลปะ เพราะนอกจากจะไม่มีความงดงามใด ๆ ในหัวใจแล้ว ยังสอนศิลปะได้ห่วยแตกมากอีกต่างหาก นี่ยังไม่นับเรื่องส่วนตัวที่แกมีภรรยาเป็นสาวไทย แถมเปิดผับขายเหล้าเป็นธุรกิจส่วนตัวอยู่ในเมืองอีกนะ

“โรงเรียนเราช่วงนี้มีแต่เรื่อง อาจารย์ใหญ่ก็คงเป็นห่วงความปลอดภัยของพวกเด็กนักเรียนน่ะค่ะ ยิ่งเด็กหอพักด้วยแล้ว เราต้องเข้มงวดเป็นพิเศษ เพราะเขากินอยู่ในโรงเรียนตลอดเวลา พ่อแม่ผู้ปกครองก็จะได้วางใจโรงเรียนเราด้วย”

เสียงอาจารย์นาเรลนี่เอง อัยไม่ยักรู้ว่าอาจารย์นาเรลอยู่เวรหอพักด้วย

“ห้องวิทย์ผีสิงที่พวกนักเรียนชอบพูดถึงน่ะเรอะ เฮอะ! ไร้สาระ ผีสางอะไรจะมามีในโลกนี้ ผมว่ามีคนจงใจแกล้งมากกว่า”

“แกล้ง?”

อาจารย์นาเรลทวนคำ

“ใช่น่ะสิ อย่าลืมสิ ว่าเพรสเป็นโรงเรียนแพงและดีที่สุดของที่นี่ คุณไม่คิดเหรอว่าโรงเรียนนานาชาติที่อื่น จะไม่อิจฉาเรา หึ! การเมือง! การตลาด! อำนาจเงินทั้งนั้นแหละ ไม่เกี่ยวกับเรื่องผีสางอะไรหรอก”

ศาสตราจารย์มาร์คูสทำเสียงกึ่งเยาะเย้ย

“แล้วมันเป็นใครกันล่ะ ที่มาแกล้งเป็นผีหลอกเด็กนักเรียนเรา”

ฟังดูเหมือนอาจารย์นาเรลจะคล้อยตามไปด้วย ศาสตราจารย์หนุ่มจิ๊กปากทำนองครุ่นคิด

“ผมก็ไม่รู้แน่หรอก เดาเอาว่ามันจะต้องมีคนที่อื่นแฝงตัวมาอยู่กับเรา แหม... พนักงาน คนงานในเพรสมีเป็นร้อย ๆ เราจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครจะปลอมตัวมา”

“ถึงขั้นปลอมตัวเลยหรือ”

คราวนี้ดูเหมือนอาจารย์นาเรลไม่เห็นด้วย

“หรืออาจจะเป็นพวกนักเรียนเสียเองก็ได้ พ่อแม่นักเรียนหลายคนที่นี่เป็นธุรกิจ อาจจะมีขัดแข้งขัดขากันก็ได้”

อัยได้ยินเสียงอาจารย์นาเรลถอนใจเบา ๆ อาจารย์ทั้งคู่หยุดยืนอยู่หน้าลำน้ำของโรงเรียนเพรส สายน้ำยามค่ำคืนเป็นสีดำเรียบสนิท มองเห็นแสงจันทร์สะท้อนในเงาน้ำเป็นสีเหลืองเรืองรอง

“เด็กหอพัก...”

ศาสตราจารย์มาร์คูสพูดขึ้น

“อะไรคะ?”

“เด็กหอพักก็น่าสงสัยเหมือนกันนะ อาจารย์ว่าไหม... ค่ำมืดดึกดื่น จะแอบครูหอพักออกมาแกล้งหลอกผีใครต่อใครเมื่อไหร่ก็ได้”

อาจารย์นาเรลหัวเราะ

“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ หอพักเราเข้มงวดนัก มีครูหอเฝ้าเด็กทุกตึกเลย เด็กจะออกมาเพ่นพ่านได้ยังไง”

อัยเหลือบไปสบตาเควิน ร่างสูงกว่า 190 ซม.ยืนย่อแอบครูอยู่หลังต้นไม้ฉำฉา แล้วแบบนี้จะเรียกได้อีกหรือว่า ครูหอพักที่นี่ เข้มงวดนัก!!??!

                  ศาสตราจารย์มาร์คูสหัวเราะเย็น ๆ

                  “คุณคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ อาจารย์นาเรล แล้วนี่ล่ะ คุณคิดว่าคืออะไร..!! ”

สิ้นเสียงศาสตราจารย์มาร์คูสก็ขว้างเหวี่ยงไฟฉายมาทางที่อัยกับเควินซุ่มอยู่ อัยตกใจอุดปากตัวเองไว้แน่น ไฟฉายตกกลิ้งโค่โร่ห่างช่วงขาหล่อนไปเพียงเสี้ยวรากไม้ฉำฉา อัยได้ยินเสียงอาจารย์นาเรลร้องกรี๊ดออกมาเบา ๆ ก่อนที่ศาสตราจารย์หนุ่มจะเดินสวบ ๆ มาที่พุ่มไม้

ยังไงดี หล่อนควรจะออกไปยืนรับโทษแต่โดยดี หรือควรจะออกไปเล่าความจริง...ทั้งหมดให้ศาสตราจารย์มาร์คูสฟัง

แต่มันเป็นความลับนี่...

อ๊ะ! เดี๋ยวก่อน! อาจารย์นาเรลก็อยู่ด้วย อาจารย์ก็รู้เรื่องภารกิจนี้นี่นา หรือจะออกไปให้อาจารย์นาเรลช่วยดีล่ะ

“ออกมาเลยนะ!! ถึงมันจะมืด แต่ฉันก็จำพวกเธอได้ดี”

เสียงขู่เข้ม อัยถึงกับตัวสั่น หล่อนค่อยขยับตัวแต่เควินกลับบีบแขนหล่อนไว้แน่น

“ชู่ว์”

เขาให้สัญญาณเสียงเบา อัยเห็นเขาส่ายหน้าในความมืด

“แต่...”

“ฉันจะนับถึงสาม...”

ศาสตราจารย์มาร์คูสพูดเสียงดัง อัยแทบจะลมจับไปเสียตรงนั้น หล่อนมองเห็นภาพในหัวเป็นศาสตราจารย์สตีเฟ่นยื่นกระดาษให้หล่อนเซ็นลาออกจากการเป็นประธานนักเรียน เห็นคุณนดา เลขาสาวของครูใหญ่ส่ายหน้าฉีกกระดาษขอทุนมหาวิทยาลัยโงมูระไปต่อหน้าต่อตา

“สาม!”

หล่อนไม่ยักกะได้ยินว่าแกทันไปนับหนึ่ง สอง ตอนไหน แต่เสียงพรวดพราดจากด้านหลังทำให้หล่อนสะดุ้งมากขึ้นกว่าเก่า

“เราอยู่นี่ค่ะ เราออกมาแล้ว”

“ขอโทษครับ ศาสตราจารย์”

อัยเบิกตาโพลงในความมืด ร่างเด็กนักเรียนสองคนที่ทะลึ่งพรวดออกมาจากพุ่มไม้ด้านหลัง ซารีน่ากับนายยูกิ!! คู่รักสุดสวิงบันลือโลก ที่ศาสตราจารย์มาร์คูสมองเห็น ไม่ได้หมายถึงอัยกับเควิน แต่กลับเป็นแม่สาวร่างอวบผมทองกับหนุ่มญี่ปุ่นหน้าขาว กิ๊กเก่าของอันนาต่างหาก ทั้งคู่ยืนก้มหน้าซึมจ๋อยอยู่บนทางเดินท่ามกลางแสงจันทร์ ... ต่อหน้าศาสตราจารย์มาร์คูสผู้ใจร้าย และอาจารย์นาเรล ซึ่งกำลังยืนมองอย่างสงบไม่พูดไม่จา

อัยถอนหายใจอย่างโล่งอก ถึงจะเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ ที่มองเห็นคนทั้งสี่เดินย้อนหายกลับไปทางฝั่งหอพักแล้วก็ตาม แต่เส้นทางจากนี้ไปยังสวนคอร์นของเจ้ายักษ์ก็ยังไม่รู้จะเจออะไรอีก นายเควินก็เด็กหอ สี่ทุ่มกว่าแล้ว หากครูหอพักเข้ามาในห้อง แล้วไม่เจอเขา ... เรื่องก็คงจะยาวต่อไปอีก

ทั้งคู่เดินเลาะตามเส้นทางที่เป็นต้นไม้ใหญ่ แม้ว่าจะทั้งมืด ทั้งรก กลัวทั้งผี ทั้งงู แต่อัยก็กลัวถูกไล่ออกมากกว่าอย่างอื่น

ชั่วเวลาไม่เกินยี่สิบนาที พวกเขาก็มายืนนิ่งมองฝายกั้นน้ำด้านหลังไร่ข้าวโพดกันอย่างสงบ ฝายกั้นน้ำในหมู่บ้าน เป็นปูนซีเมนต์แข็งแรงดี ช่วงหน้าแล้งชาวบ้านก็คงจะเดินไต่ข้ามไปมาได้สะดวก เพราะช่วงทางเดินก็ไม่แคบมาก และผิวหยาบของปูนซีเมนต์ก็ช่วยให้เดินข้ามไปมาได้โดยง่าย แต่ไม่ใช่ตอนฤดูฝนที่มีน้ำเอ่อล้นฝายเช่นนี้

“นี่ฉันต้องข้ามไปจริง ๆ เหรอ”

อัยยืนมองฝายกั้นน้ำที่ทอดยาวบนความมืดไปจนสุดสายตา ปลายทางเป็นป่ารกทึบ หล่อนมองเห็นแสงไฟจากบ้านตัวเองลิบ ๆ มันไม่ได้ใกล้เลยที่จะเดินจากจุดนี้กลับไปที่บ้าน

“ยูเดินไหวไหม”

เสียงเควินเริ่มไหวหวั่น สายน้ำไหลข้ามฝายกระแทกลำน้ำดังซัดซ่าเป็นจังหวะ ฟังดูน่าหวาดกลัวไม่ใช่เล่น

ยิ่งหากอัยพลาดตกลงไปด้วยละก็…

“ความจริง น่าจะปล่อยให้ยูกลับไปทางประตูโรงเรียนจะปลอดภัยกว่า ศาสตราจารย์สตีเฟ่นก็แค่ลงโทษ แต่ยูจะไม่เจ็บ”

“ไม่นะ ไม่ ๆๆ ไม่เอาเด็ดขาด”

ทุนโงมูระ... โปรไฟล์ประธานนักเรียน... อัยส่ายหัวดิก หล่อนไม่ยอมให้ปัญหาเล็ก ๆ นี่พรากเป้าหมายที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปเป็นอันขาด

เควินถอนใจแน่นหนัก เขายืนเกาหัวตัวเองจนฟูยุ่งเหยิง ก่อนจะดูเหมือนจะต่อสู้กับอะไรบางอย่างในใจได้สำเร็จ

“โอเค ... งั้นไอไปด้วย”

“เฮ้ย!”

อัยร้องเสียงหลง

“อย่ามาล้อเล่นน่ะ”

“No! I’m serious”

เขาเน้นเสียงหนักแน่น ก่อนจะก้าวเดินนำหล่อนลงฝายไปจริง ๆ อัยมองท่าทีของเขาอย่างกังวล เควินเป็นเด็กหอ กำลังถูกทัณฑ์บนอยู่ด้วย ไม่รู้ว่าเขาไปทำความผิดอะไรมา แต่นี่เขากำลังจะหนีออกนอกโรงเรียนไปพร้อมกับหล่อน

เรื่องมันชักจะบานปลายไปกันใหญ่แล้ว

“เควิน ช่างเถอะ กลับขึ้นมาดีกว่า ฉันจะออกไปทางประตูยามก็ได้”

จู่ ๆ อัยก็พูดออกไป แม้ในอกในใจมันแน่นตื้อไปหมดเมื่อคิดว่า หล่อนจะถูกตัดสิทธิ์ในการขอทุนครั้งนี้ แต่ประธานนักเรียนสาวก็ไม่อยากให้หมอนี่มาร่วมรับกรรมไปกับหล่อนด้วย

“ลงมา เร็ว ๆ น้ำไม่ได้แรงขนาดนั้น ไม่ต้องกลัวหรอก”

เควินไม่ได้สนใจคำพูดของอัยเลย เขาพยักหน้าเร่งให้เด็กสาวรีบลงไปที่ฝาย โบกมือไล่สีหน้าเป็นกังวลของหล่อนไป แล้วยื่นแขนยาว ๆ ออกมารอรับ

เอาไงเอากัน!!

อัยก้าวขาตามลงไปช้า ๆ น้ำเย็นจนรู้สึกสะดุ้ง

น้ำจากฝายไหลแรงกระแทกข้อเท้าของคนทั้งคู่จนต้องเดินอย่างระมัดระวัง อัยพยายามบังคับสายตาตัวเองไม่ให้มองลงไปยังน้ำสีดำที่ไหลเชี่ยวกรากอยู่เบื้องล่าง แค่เสียงน้ำไหลลงฝายก็ข่มขู่มากพอจนต้องเดินขาสั่น

“ช้า ๆ ไม่ต้องกลัว”

เควินจับข้อศอกข้างหนึ่งของอัยไว้ ขาแข็งแรงค่อยสืบก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว ทีละก้าว ช้า ๆ อย่างที่เขาคอยบอกอัย ผู้ซึ่งจิกมือทั้งสองข้างลงบนแขนของเขาจนเจ็บ

“เมื่อไหร่จะถึงซักทีเนี่ย...”

เสียงกับขาไม่รู้อย่างไหนจะสั่นกว่ากัน อัยภาวนาว่าขอแค่อย่าให้มีแสงไฟฉายจากฝั่งโรงเรียนส่องมาทางหล่อนตอนนี้ ... ก็พอ

ตอนนี้รองเท้านักเรียนของอัยเปียกชุ่ม ของเควินก็ไม่ต่างกัน แต่ในความสั่นไหวหวาดกลัว อัยกลับรู้สึกมั่นคงอย่างประหลาด... เควินขบกรามแน่นจนเป็นสัน ในเงาสลัวรางใต้แสงจันทร์ในคืนเดือนมืด เขาดูราวกับรูปปั้นนักรบ ที่สง่างามและเป็นที่พึ่งพิง อัยหลงเคลิ้มมองตามไหล่กว้างนั้นจนลืมตัว จนต่อเมื่อรู้สึกตัวว่า ในกระแสน้ำเย็นที่ไหลซึมผ่านรองเท้าเข้ามาเป็นจังหวะนั้น ถูกขัดด้วยอะไรบางอย่างที่ระคายขึ้นมาเหนือข้อเท้า

“อุ๊ย! อะไรน่ะ ว้าย!”

แค่เสี้ยวนาทีเท่านั้นที่อัยเผลอยกเท้าขึ้นด้วยความตกใจ กระแสน้ำก็ดูมีพลังราวกับกลุ่มก้อนมวลน้ำมหาศาลที่สะกิดข้อเท้าหล่อนเพียงแผ่วเบาก็ทำให้ไถลลื่นหลุดจากขอบทางเดินไปได้

“กรี๊ด!”

“เฮ้!”

ขาของอัยทั้งสองข้างหลุดจมไปในลำธาร ที่มันยังแกว่งไกวไปมาบนผิวน้ำเย็นเฉียบนั้นได้ ก็เพราะคนตัวใหญ่ข้างบนขอบฝายนั้นฉวยรวบร่างท่อนบนกึ่งอุ้มหล่อนไว้ได้ทัน อัยหวีดร้องอย่างขวัญเสีย ที่เปียกก็เปียกไปแล้ว แต่หล่อนไม่อยากตกลงไปทั้งตัวอย่างนั้น ท้องน้ำข้างล่างจะลึกสักเพียงไหนก็ไม่รู้

ในความมืดดำของธารน้ำยามค่ำคืน ก็เอื้อให้จินตนาการถึงสรรพสิ่งใต้น้ำที่ตาไม่อาจมองเห็น แต่ ‘ มัน’ หรือ ‘เรา’ ก็อาจจะสัมผัสกันได้ อัยใจหายจนอยากจะภาวนาว่า ขอให้นี่เป็นเพียงฝันร้ายของหล่อนเท่านั้น หากเพียงแต่ว่าในความเป็นจริงขณะนี้ มีใบหน้าคมสันที่กำลังหอบหายใจเป่ารดตรงหน้ากำลังเพียรพยายามออกแรงฉุดดึงให้หล่อนกลับขึ้นมาบนขอบคันฝายตามเดิม

“นายอย่าปล่อยฉันนะ! เควิน! อย่าเด็ดขาดเลยนะ ฉันกลัว”

อัยร้องเสียงหลง รู้สึกว่าน้ำตากำลังไหลเป็นทาง หล่อนกลัวจนมือเริ่มจะอ่อนแรงลงไปแล้ว

“ไม่ต้องกลัว ๆ จับแน่น ๆ อย่าปล่อย อย่าปล่อยสิ เฮ้ !”

                  เควินร้องลั่นเมื่อมือที่รวบเอวของเขาไว้อย่างแน่นหนาค่อย ๆ ลื่นหลุดลงอย่างที่เขาก็ไม่อาจฉวยรั้งไว้ได้

ตูม!

อัยร่วงหล่นลงน้ำทั้งร่าง เสียงหวีดร้องอย่างตกใจหลุดจมหายไปพร้อมกันกับร่างผอมบางผมยาวสยาย เควินไม่รอช้าเขากระโดดตามไปทันที กระแสน้ำที่ไหลแรงจากฝายกั้นน้ำแตกเป็นฟองฝอย เย็นเฉียบจนรู้สึกเหมือนกับร่างจ่อมจมลงในอ่างน้ำแข็งขนาดมหึมา เควินคว้าร่างอัยได้ในเสี้ยวนาที เด็กหนุ่มอุ้มเด็กสาวขึ้นจากลำธาร เขาอาศัยแสงสว่างจากดวงจันทร์ มองหากอหญ้าตามของตลิ่ง เพื่ออาศัยเป็นที่ยึด สำหรับเดินไต่ขึ้นมาบนฝั่ง

เควินปล่อยอัยลงตรงโคนต้นไม้ มองอัยอย่างกังวล เด็กสาวสำลักน้ำ ไอถี่ ๆ จนเสียงหายใจขาดห้วง เขาคอยช่วยตบหลังให้สำรอกน้ำออกมา ร่างผอมเปียกน้ำทั้งตัว ผมยาวเปียกลู่ระมาถึงเอว เควินทรุดลงจ้องมองหน้าอัยใกล้ ๆ

“Are you OK?”

อัยส่ายหน้า

“ไม่ล่ะ ฉันกลัว ฉันอยากกลับบ้าน”

“กลับบ้าน ... แล้วบ้านยูอยู่ไหนล่ะ”

อัยปาดน้ำตา นึกขึ้นได้ในนาทีนั้นเองว่า ทุกสิ่งอย่างในกระเป๋าเป้ที่หลังของหล่อนเปียกไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรเหลือเลย

แม้แต่โทรศัพท์...

เควินกับอัยเพิ่งจะได้เห็นว่า ถัดจากป่าท้ายฝาย ก็เป็นถนนคอนกรีต ไฟถนนห่างเป็นช่วง ๆ ส่องเป็นระยะ ที่เห็นถัดจากช่วงถนนไม่ไกล ก็เป็นบ้านหลังใหญ่ บานหน้าต่างสูง ม่านสีครีม เปิดไฟสว่างโร่ ทั้งหลัง .... บ้านของอัยนั่นเอง

...แต่ว่าไกลขนาดนั้น...และตอนนี้ โทรศัพท์มือถือมันมีอันเป็นไปเสียแล้ว แล้วหล่อนจะติดต่อกับคนที่บ้านยังไงดี

 

“นั่นใครน่ะ”

ไฟฉายสาดส่องวูบวาบมาที่ใบหน้าของคนทั้งคู่ เจ้าของเสียงเป็นผู้หญิง เควินรีบลุกขึ้นเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ทันที

“ไฮ … เอิ่ม… สวัสดีครับ”

เด็กหนุ่มทำหน้าตาตื่น มือไม้เก้งก้าง ทว่า ฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นผู้ชิงเอ่ยขึ้นก่อน

“นั่น... น้องอัยใช่ไหม”

อัยเขม้นตามองใบหน้าในความสลัวราง เสียงนั้นคุ้นหูนัก

“พี่ดาว!!”

หล่อนอุทานออกมาอย่างดีใจ ดาว พี่เลี้ยงของหล่อนนั่นเอง พี่ดาวยกมือขึ้นทาบอก กุลีกุจอเข้ามาหานายสาวอย่างยินดี

“คุณแม่เป็นห่วงมากค่ะ บอกให้พี่กับพ่อออกมาตามหาน้องอัย โชคดีจัง กลับบ้านกันเถอะ”

ร่างผอมแห้งชะงักนิดหนึ่งเมื่อเพ่งมองร่างสูงใหญ่ที่มากับนายน้อย หนุ่มหน้าลูกครึ่ง เด็กหนุ่มตัวสูงชนิดผู้หญิงร่างเล็กอย่างหล่อนต้องแหงนคอตั้งบ่า ใบหน้าคมคาย ไหล่หนาอกกว้าง ยิ่งยามเปียกปอนทั้งตัวอย่างนี้ ยิ่งส่งให้มองเห็นมัดกล้ามบนแผ่นอกและหน้าท้องได้อย่างชัดเจน

“แฟนน้องอัยเหรอคะ”

พี่ดาวถามตาลอย ขณะที่อัยยิ้มแห้ง ๆ ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไรดี หล่อนมองคนตัวสูงตาสวยกำลังคลี่ยิ้มหวานให้พี่เลี้ยงของหล่อนแล้ว.. ก็คิดว่า เขาคงพาตัวรอดจากครอบครัวหล่อนไปในคืนนี้ได้ ... ไม่ยากนักหรอก

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา