ฉันรักแกว่ะ.... ยัยยุ่น

9.8

วันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558 เวลา 00.10 น.

  12 chapter
  18 วิจารณ์
  12.91K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 13.27 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บทเริ่มต้นการพิสูจน์รัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

//ห้องนั่งเล่น

 

“มิจจิจัง เราคบกันมา 1 สัปดาห์แล้วมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยนี่เนอะ”

“เปลี่ยนสิ”

“เปลี่ยนอะไรเหรอ?”

“เปลี่ยนสถานะในตอนนี้ไงคะ” พอมิจจิจังพดูดจบก็เอาหัวมาพิงที่ไหล่ฉัน

“จ้าๆ แล้วตกลงว่าอยากไปเที่ยวที่ไหนไหมอะวันหยุดยาวทั้งที”

“เราอยากไปเล่นน้ำตกอะ ไปกันเห่อะ”

“ไปน้ำตกก็ได้ เรายังไม่เคยไปเที่ยวน้ำตกเลยแล้วเรื่องเงินละเราไม่ได้มีเงินเยอะขนาดนั้นนะ”

“ไม่ต้องห่วงคะเราจะเลี้ยงทุกอย่างเอง”

“งะ มันอาจจะใช้เงินเยอะนะ”

“เยอะเหรอ? มันก็แค่เกือบหมื่นไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ... ที่รักคะ 1 หมื่นของเค้าก็เยอะแล้วนะ นี่แค่หมื่นเองเลยเหรอ”

“เอาน่าาา ไปนะๆๆ” มิจจิจังพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอนมาให้ฉันเต็มที่ฉันเลยยอมตกลงไปทะเลกัน

 

          ที่โรงเรียนได้สั่งปิดหยุดยาวให้กับนักเรียนเพื่อเตรียมการสัมมนาครั้งใหญ่และการจัดสถานที่งาน... งานอะไรหว่า... ช่างเถอะฉันลืมไปแล้วรายละเอียดมันยาวฉันเลยไม่ได้สนใจอะไรแต่วันหยุดยาวทั้งสัปดาห์นี้เป็นอะไรที่สุดยอดแล้วสำหรับฉัน ก่อนหน้านี้ที่เราปรึกษากันเรื่องที่จะไปเที่ยวในวันหยุดฉันเกือบจะห้ามมิจจิจังไม่ทันเพราะพอมิจจิจังเสนอว่าจะพาไปเที่ยวญี่ปุ่นฉันก็ตอบเล่นๆไปว่า “ถ้าไปได้ก็ดีซิ” พอมิจจิจังได้ยินฉันพูดจบเท่านั้นละ รีบควักโทรศับขึ้นมาเพื่อจะโทรหาคุณซาวาโกะให้จองตั๋วเครื่องบินให้ฉันเกือบจะห้ามไว้ไม่ทัน

 

ติ๊ดๆๆๆๆ ฉันเห็นมิจจิจังกดโทรศับอยู่ซักพักนึงแล้วค่อยถามขึ้น

 

“แล้วเราจะไปเที่ยวน้ำตกที่ไหนดีละ”

“เราหาน้ำตกสวยๆได้แล้วละคะ แต่ว่าพอถึงวันพรุ้งนี้ห้ามโหวกเหวกโวยวายนะคะ”

“เราจะโหวกเหวกโวยวายทำไม” พอมิจจิจังได้ยินเสียงฉันพูดแบบนั้นก็หัวเราะเบาๆแล้วค่อยพูดตอบ

“เอาเถอะน่าเราว่าแซนโหวกเหวกโวยวายแน่ๆเลยคะ อิอิ” พอฉันจ้องมิจจิจังอย่างไม่วางตาเมื่อมิจจิจังพูดจบ

“จ้องอะไรเราคะ หืมม~~” มิจจิจังพูดไปพลางเอามือมาจิ้มจมูกฉันไป

“จ้องคนน่ากิน” พอฉันพูดจบมิจจิจังก็หน้าแดงพร้อมตีที่ไหล่ฉันอย่างหมั่นใส้

“บ้า!”

 

          หลังจากที่ฉันได้หยอกล้อกับมิจจิจังซักพักนึงคุณซาวาโกะก็เข้ามารับฉันเพื่อที่จะไปซื้อของด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่มิจจิจังเป็นคนออกเงินให้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเกาะมิจจิจังยังไงก็ไม่รู้ ถึงฉันจะบอกมิจจิจังไปแบบนั้นหลายต่อหลายครั้งเธอก็ตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรหร่อก เราเต็มใจให้แซนไม่ได้ขอนี่คะ” ฉันเลยได้แต่เดินตามต่อไป

 

[12:05]

 

//ศูนย์อาหาร

 

“เฮ้อ~ เหนื่อยจังเลยมิจจิจังมาซื้อของเหมือนจะมาเหมาเลยนะดูซิ” ฉันชี้ให้มิจจิจังหันไปดูผู้ชายใส่สูทสีดำที่มิจจิจังให้มาถือของให้ถึง 3 คน

“นี่ยังน้อยน่าอย่าให้ซื้อจริงๆเลยเถอะ อิอิ”

“จ้าๆ กินข้าวกันบอกให้พวกพี่ๆเขามานั่งกินข้าวด้วยกันซิ”

“อื้ม ได้ซิ” พอมิจจิจังได้ยินฉันพูดแบบนั้นเลยหันไปบอกทั้ง3คน

“พวกนายทั้ง 3 คนมานั่งกินข้าวกับเราสิ”

“เอ๋… ต... แต่ว่า ถ้าเจ้านายรู้เข้าพวกผมจะไม่แย่เอาหรือครับคุณหนู”

“ถ้าหากพ่อของเรารู้เราจะบอกให้เองพวกนายไม่ต้องกังวลไปมานั่งด้วยกันได้เลย อยากกินอะไรก็บอกฉันก็แล้วกันนะไม่ต้องเกรงใจงานี้ฉันเลี้ยงเอง”

“ขอบพระคุณมากเลยครับคุณหนู” พอมิจจิจังพูดด้วยเสร็จทั้ง3คนก็โค้งให้ด้วยความเคารพ

“เสียงดังเกินไปแล้วนะหัดเกรงใจคนอื่นซะบ้างซิ”

“ข.... ขอโทษครับ”

           

          ฉันหัวเราะนิดๆกับการเคารพมิจจิจังที่เกินเหตุเกินไปหน่อยทำให้คนที่อยู่ในห้างมองมากันเป็นตาเดียว ก็แน่ละคนปรกติจะไม่ได้ทำแบบนี้หร่อกนะถึงจะรวยก็ไม่ทำหร่อกแต่ฉันก็รู้สึกว่ามันจำเป็นจริงๆถ้าฉันถือของพวกนั้นคนเดียวละก็ ฉันได้เป็นนักกีฬาเพาะกายแทนนักกีฬาวิ่งแน่ๆ

 

          เรานั่งกินข้าวกันซักพักนึงมิจจิจังก็สั่งให้พวกพี่ผู้ชายใส่สูททั้ง3คนนำของไปไว้ที่บ้านแล้วค่อยให้คุณซาวาโกะมารับ เพราะมัจจิจังอยากจะดูหนังกับฉันแค่ 2 เท่านั้นและเมื่อฉันได้เข้าไปดูหนังในโรงหนังได้ไม่นานในขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับก็เห็นคุณซาวาโกะกำลังถูรุมล้อมด้วยผู้ชายประมาณ 3 คนฉันกำลังจะวิ่งเข้าไปหาแต่มิจจิจังจับแขนฉันไว้แล้วบอกว่า “ไม่เป็นไรหร่อกน่าซาวาโกะซังเป็นถึงเมดส่วนตัวของเราเลยนะ” ฉันพยักหน้ารับแล้วค่อยเดินไปจนถึงตัวคุณซาวาโกะ

 

“ซาวาโกะซัง กลับบ้านกันเถอะ” มิจจิจังพูดนำขึ้น

“ว้าว เป็นเพื่อนกันเหรอจ๊ะ 2 สาวพอดีเลยพวกพี่ๆกำลังหาเพื่อนไปเที่ยวด้วยกันอยู่พอดีสนใจจะไปด้วยไหมละจ๊ะ”

“ไม่หร่อกคะ แฟนเราก็อยู่ตรงนี้ทั้งคนพวกนายไสหัวไปไกลๆได้แล้วมันขวางทางหน่ะ”

“ปากร้ายจริงๆเลยนะน้องสาว ตัวเล็กๆแค่นี้เองเดี๋ยวพี่จะช่วยให้สูงขึ้นเอาไหมละจ๊ะ” มีผู้ชายหัวโจกคนนึงมาพูดใส่มิจจิจังแล้วจับข้อมือแล้วดึงเข้าไปหา

“แก!!-”

“ไม่เป็นไรหร่อกคะที่รัก.... ว่าแต่แกมาจับฉันแบบนี้ไม่กลัวบ้างเลยเหรอคะ”

“ฮ่าๆ! คนอย่างพี่ต้งกลัวอะไรอีกละจ๊ะสา-”

 

พั้ว!! ฟึบ!! “อ๊ากกกก” เมื่อผู้ชายคนนั้นเริ่มพูดท้าทายมากขึ้นเขาก็โดนคุณซาวาโกะจี้จุดที่แขนทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงแล้วค่อยจับข้อมือให้พับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว

 

“โอ้ยย!! อีคนรับใช้นี่มาเสือกกอะไรวะ! พวกมึงยืนรอพ่อมึงตัดริบบิ้นหรือไง!! จัดการมันสิเว้ย!!!”

“ครับ! ย๊ากก!!”

“เฮ้ย! พวกนายจะทำไรผู้หญิงหน่ะ!!” ในขณะที่ผู้ชายทั้ง2คนนั้นกำลังจะพุ่งเข้าหาตัวคุณซาวาโกะก็มี รปภ. ของห้างเข้ามาห้ามพอดี

“ก็ยัยนี่มันทำร้ายเพื่อนผม”

“แต่ผมเห็นคุณทั้งสองคนกำลังจะรุมทำร้ายคุณผู้หญิงท่านนี้อยู่นะครับ”

“ไม่เป็นไรหร่อกคะ ฉันจะไม่เอาเรื่องอะไรถ้าหากเขาทั้ง3คนจะยอมแต่โดยดีนะคะ ^^ ” คุณซาวาโกะยิ้มหวานให้กับรปภ. ทำให้เขาเคลิ้มไปซักพักนึงแล้วค่อยพูดขึ้น

“อะ.. แฮ่ม... แล้วพวกนายจะยอมไปดีๆหรืออยากจะให้ผมไปดูกล้องวงจรปิดว่าใครผิดละครับ”

“อ.. เอ่อ... ไม่ดีกว่าพอดีผมจะต้องรีบไปกับเพื่อนซะด้วยซิลาละครับ แห่ะๆ” หลังจากที่ผู้ชายคนนั้นที่ทำท่าทางว่าจะเป็นหัวโจกไหว้ผงกๆให้แล้วค่อยวิ่งหนีออกจากห้างไป

“เฮ้อ... แซน... เรากลัวจัง” พอมิจจิจังถอนหายใจเสร็จก็ค่อยๆถอยมาข้างๆฉันแล้วจับมือฉันไว้พร้อมส่งสายตาออดอ้อนมาให้ทำเอาซะผู้ชายที่เดินผ่านแถวนั้นอิจฉากันเป็นแถวๆ

“จ้าๆ โอ๋ๆๆไม่เป็นไรแล้วนะกลับบ้านกัน” มิจจิจังพยักหน้าแล้วให้คุณซาวาโกะพากลับบ้าน

 

//ห้องนั่งเล่น

 

          เมื่อพวกเรามาถึงบ้านคุณซาวาโกะก็เข้าครัวไปเตรียมกับข้าวมื้อเย็นให้กิน ระหว่างที่รอคุณซาวาโกะทำอาหารมิจจิจังก็เล่าให้ฉันฟังเรื่องของคุณซาวาโกะที่เคยทำงานมาหลายอาชีพ ทั้งเก่ง ทั้งฉลาด และมีความรู้รอบตัวเยอะมาก เรียนรู้ได้ไว พูดได้หลายภาษา ฉันเลยถามเหตุผลที่คุณซาวาโกะมาคอยดูแลมิจจิจัง เธอเลยเล่าเรื่องในตอนที่เจอคุณซาวาโกะครั้งแรก

 

          ในตอนที่มิจจิโกะกำลังเดินกลับจากการเป็นผู้ช่วยอาจารย์ในวันงานโรงเรียนซึ่งในขณะนั้นเธอกลับบ้านดึกมากและไม่มีคนติดตามเลยเพราะเธอสั่งห้ามไม่ให้พ่อส่งคนมาดูแล เธออยากมีชีวิตแบบหญิงสาวธรรมดาทั่วไปแต่การกระทำนั้นทำให้เป็นอันตรายต่อตัวเธอเอง มิจจิจังโดนลักพาตัวในตอนที่เดินผ่านซอยข้างๆโรงเรียน

 

          มันอาจจะเป็นโชคดีของมิจจิจังก็เป็นได้เพราะที่ๆโจรได้ลักพาตัวเธอไปนั้นเป็นอาคารเก่าๆที่อยู่ด้านหลังอาร์พาร์ตเม้นของคุณซาวาโกะไม่ไกลเท่าไหร่ คุณซาวาโกะซังเห็นมิจจิจังโดนจับตัวไว้แล้วโดนอุ้มเข้าไปในอาคารเก่าๆคุณซาวาโกะเลยรีบโทรแจ้งตำรวจแล้วค่อยรีบวิ่งไปที่อาคารเก่าๆนั่น

 

          ในขณะที่ฉันฟังมิจจิจังเล่า มันให้ความรู้สึกเหมือนในหนังที่พระเอกมาช่วยนากเอกที่โดนลักพาตัวด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำแบบแต่การที่คุณซาวาโกะวิ่งเข้าไปช่วยแบบนั้นทำให้ฉันยิ่งชื่นชมคุณซาวาโกะมากขึ้นไปอีก

 

          เมื่อคุณซาวาโกะวิ่งไปถึงอาคารนั้นเธอก็ค่อยๆลอบเข้าไปเพื่อที่จะไปช่วยมิจจิโกะที่โดนจับตัวไว้และกำลังถูกลวนลาม เธอทนไม่ไหวกับการกระทำที่เลวทรามนั่นก็เลยพุ่งตัวเข้าไปเพื่อที่จะปะทะกันกับโจรพวกนั้น คงเป็นเพราะความโกรธที่ได้รับจากการมองดูมิจจิโกะถูกลวนลามเลยไม่ได้ดูว่าโจรนั้นมีมากกว่าเธอหลายเท่านัก

 

          การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือดในตอนนั้นมิจจิจังบอกกับฉันว่า “ตอนแรกที่เราโดนลักพาตัวมาเรากลัวมากๆ แต่พอฉันเห็นซาวาโกะซังเข้ามาช่วยเราก็เลยโล่งใจ” ฉันเลยถามถึงสถานการณ์ในตอนนั้นเป็นยังไง มิจจิจังเลยเล่าต่อ ในการที่ซาวาโกะซักจัดการกับ 10 คนแรกที่เข้ามารุมเธอได้พวกที่เหลือก็เลยเปลี่ยนแผนใหม่หาอาวุทมาใช้ มีบางทีที่คุณซาวาโกะเกือบหลบไม่ทันเสื้อผ้าเลยขาดแต่ก็ยังไม่โดนเนื้อ

 

          และเมื่อพวกโจรเห็นอย่างนั้นก็เลยจับตัวมิจจิจังไว้เพื่อเป็นตัวประกันซาวาโกะเลยถูกแทงที่ด้านหลัง โชคดีที่มีตำรวจเข้ามาจับกุมทุกๆคนที่อยู่ในอาคารนั้นไว้ได้ทันเมื่อมิจจิจังโดนแก้มัดเธอเลยรีบวิ่งไปดูอาการของคุณซาวาโกะแล้วโทรหาคุณพ่อเพื่อเรียกรถโรงพยาบาลให้มาหาให้ไวที่สุด และเมื่อมิจจิจังวางสายไปไม่นานเกินรอก็มีรถโรงพยาบาลขับมาถึงหน้าอาคาร หมอได้ตรวจอาการและทำการช่วยเหลือเบื้องต้นก่อนที่จะนำส่งโรงพยาบาล

 

          หลังจากวันที่มิจจิจังโดนลักพาตัวคุณซาวาโกะก็สลบไป 3 วันเพราะอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงและเสียเลือดมากในตอนนั้นคุณซาวาโกะก็พยายามที่จะขอบคุณที่ช่วยชีวิตพร้อมเป็นห่วงมิจจิโกะที่โดนลวนลามไปและถามเรื่องสุขภาพโดยที่ยังไม่ได้ดูตัวเองเลยว่าอาการนั้นหนักกว่ามิจจิจังมาก

 

          มิจจิจังเลยตัดสินใจให้คุณซาวาโกะมาทำงานด้วยกันและบังเอิญคุณซาวาโกะก็กำลังอยู่ในฐานะว่างงานพอดีเธอเลยตกลงมาทำงานเป็นเมดส่วนตัวของมิจจิจังตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงปัจจุบัน พอมิจจิจังเล่าจบฉันก็เข้าใจและไม่แปลกใจอะไรเลยที่คุณซาวาโกะโมโหในตอนที่ผู้ชายหัวโจกคนนั้นมาแตะต้องและใช้กำลังกับมิจจิจัง

 

 

“คุณซาวาโกะเข้มแข็งดีเนอะ”

“ใช่ เพราะฉะนั้นพอเราโตพอที่จะดูแลกิจการต่อจากท่านพ่อเราจะต้องเข้มแข็งให้เหมือนซาวาโกะให้ได้” มิจจิจังพูดด้วยใบหน้าจริงจังแต่ฉันกลับมองว่ามันน่ารักน่าชังสำหรับฉันเหลือเกิน

“จ้า~ แต่ตอนนี้เราไปช่วยคุณซาวาโกะทำกับข้าวดีไหมถ้าจะให้คุณซาวาโกะทำบ่อยๆคงจะไม่ดี”

“ไม่เป็นไรหร่อก มันเป็นกิจวัตรประจำวันของซาวาโกะไปแล้ว”

“เอาน่าไปช่วยหน่อย บางทีจะได้รู้สูตรการทำอาหารด้วยไง เราอยากให้คนๆนี้ทำให้เรากินมั่ง” ฉันชี้ไปทางมิจจิจังเพื่อที่จะอ้อนให้ทำอาหารให้กิน

“ก... ก็ได้ ไปที่ครัวกัน” มิจจิจังหน้าแดงระรื่อเมื่อรู้ความหมายของมันแล้วพูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่อง

 

          พอเราเดินไปถึงห้องครัวคุณซาวาโกะก็ช่วยสอนการทำอาหารและดูเหมือนว่ามิจจิจังจะไม่เคยเข้าครัวเลยจริงๆบางครั้งที่จับมีดฉันต้องคอยจ้องมองดูแลความปลอดภัยให้ตลอดเวลา พวกเราวุ่นวายกันอยู่ซักพักนึงในที่สุดเราก็ได้อาหารน่ากินมาหลากหลายเมนู ฉันมองอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะที่เยอะจนเหมือนกับจะจัดปาร์ตี้

 

“จะกินหมดไหมเนี่ย”

“น่าจะ.... นะ....” หลังจากนั้นเราก็นั่งกินข้าวด้วยกัน

“มิจจิจัง”

“หืม?”

“แล้วเรื่องที่จะไปเที่ยวเนี่ยตกลงเราจะไปที่ไหนกันเหรอ”

“เดี๋ยวก็รู้เองแหละน่า กินข้าวๆ”

“งกไม่ยอมบอกเราเลยรู้กันแค่ 2 คนเอง”

“อิอิ ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพร์ซิ”

“-3-”

 

          พวกเรานั่งกินข้าวกันซักพักนึงก็ช่วยกันเก็บจานไปล้างส่วนของเหลือ.... นั้นไม่มีเลยเพราะคุณซาวาโกะโชว์ฝีมือหัวหน้าเชฟระดับ 5 ดาวอย่างเต็มที่ฉันเลยกิน(หรือยัด) ให้หมดจนมิจจิจังแปลกใจนึกว่าฉันไปอดอยากมาจากไหนฉันก็เลยเดินไปอุ้มมิจจิจังเพื่อแกล้งให้หนำใจเสียงหัวเราะและเสียงเฮฮาที่ตลบอบอวลอยู่ในบ้างมันช่างเป็นอะไรที่วิเศษจริงๆ แต่มันจะดีกว่านี้ถ้าไม่ได้เจอผู้ที่มาเยือน....

 

ติ๊งตองง~~~

 

“เราไปดูหน้าบ้านเอง มิจจิจังช่วยคุณซาวาโกะล้างจานหน่อยนะ”

“จ้า” พอฉันบอกมิจจิจังเสร็จฉันก็เดินไปรับแขกที่มายืนรออยู่หน้าบ้านพร้อมรถ zenvo สุดหรู

“ไม่ทราบว่าคุณมาหาใครเหรอคะ”

“ผมมาหาคุณฮามาโนะ มิจจิโกะครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้เธอได้อยู่ที่นี่หรือปล่าว?”

“อยู่คะ เข้ามานั่งรอในบ้านก่อนนะคะ” เดินเข้าบ้านพร้อมกับเขาแล้วให้เขานั่นรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นแล้วฉันค่อยเดินไปเรียกมิจจิโกะ พอเธอเดินมาถึงห้องนั่งเล่นก็ทำหน้าเหวอนิดๆก่อนที่จะส่งสายตาอันแสนเย็นชาไปให้เขา

“นายมาทำอะไรที่นี่โชวเฮย์”

“ก็แค่มาหาคู่หมั้นที่แสนน่ารักของฉันไงละ”

“ฉันบอกแล้วว่าฉันจะไม่มีวันหมั้นหรือแต่งงานกับนาย!”

 

          ฉันยืนฟังมิจจิจังที่กำลังกอดแขนฉันไว้พร้อมทำหน้าเคร่งขรึมใส่โชวเฮย์แต่เขาก็ไม่ได้สะทกสะท้านอะไรและฟังอย่างใจเย็น ถึงฉันจะฟังไม่ออกเท่าไหร่แต่เมื่อได้ยินคำว่า หมั้น กับคำว่าแต่งงาน ทำให้ฉันขมวดคิ้วทันที

 

‘เขาสินะที่เป็นคู่หมั้นที่พ่อของมิจจิจังจับคลุมถุงชน’

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ แล้วช่วยอธิบายหน่อยได้ไหมว่าเธอคนนี้เป็นใคร” โชวเฮย์ชี้มาทางฉันเพื่อถาม

“รู้ไว้ก็ดี คนนี้เป็นแฟนฉันและฉันก็รักเขามากด้วย”

“โหว... ยัยนี่หน่ะเหรอ” โชวเฮย์ลุกเดินมาจ้องหน้าฉัน

“กรุณาถอยหลังไปห่างๆจะได้ไหมคะ เราไม่ชอบมันอึดอัด”

"นี่เธอกล้าออกคำสั่งกับผมงั้นเหรอ"

“ท่านโชวเฮย์ ดิฉันขอเตือนว่าวันนี้ท่านกลับไปก่อนน่าจะดีกว่านะคะ”

“เฮ้ยๆ แค่นี้ถึงกับไล่กันเลยรึไงกัน”

“ฉันไม่บังอาจหาญกล้าขนาดนั้นหร่อกคะท่านโชวเฮย์”

“ถ้างั้นก็ดี ผมมาทักทายแต่นี้” โชวเฮย์โน้มตัวลงมาก่อนที่จะพูดกับมิจจิจัง

“ไม่ว่าเธอจะไปอยู่ที่ไหนยังไงผมก็หาเธอเจออยู่ดี ไม่ต้องหนีหร่อกนะที่รัก”

“ใครเป็นที่รักแก ฉันไม่ได้รักแก ฉันเกลียดแกโชวเฮย์!!”  เมื่อโชวเฮย์ได้ยินมิจจิจังพูดอย่างนั้นก็ยืนหัวเราะซะลั่นบ้าน

“ต้องอย่างนี้สิที่ผมต้องการ เพราะไม่ว่าผู้หญิงคนไหนๆก็เดินตามต้อยๆผมตลอด มีแค่เธอเท่านั้นที่ไม่ได้สนใจไยดีอะไร มันทำให้ผมยิ่งรู้สึกอยากได้เธอมาเป็นของผมมากขึ้นๆ”

“ไอ้โรคจิตร!”

“ฮ่าๆ!!!! แล้วเจอกันใหม่นะครับ ที่รัก” เมื่อโชวเฮย์พูดจบเขาก็เดินออกไปจากบ้านขึ้นรถคันหรูของเขาก่อนจะขับออกไป

‘ฉันจะต้องปกป้องเธอให้ได้แม้ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม... มิจจิโกะ...’

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา