A Secret Experiment P.P. illusion วิจัยลับพลังจิตฯ

-

เขียนโดย Spy442299

วันที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2558 เวลา 13.45 น.

  4 chapter
  0 วิจารณ์
  5,700 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 31 มกราคม พ.ศ. 2558 14.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ยูคาริกับปีกของเธอ บทที่ 1 [No.7]

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

A Secret Experiment P.P. illusion

อิลลูชั่น วิจัยลับพลังจิตเหนือธรรมชาติ

  1. ยูคาริกับปีกของเธอ บทที่ 1 [No.7]

 

◊◊◊

 

[สามเดือนที่แล้ว]

[10:00] [12/09/2057]

[Area JP-4 เขตใต้, ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ ฝั่งตะวันออก ชั้น F2, ลานจอดสนามบินชานชาลาที่หก ณ สถานีขนส่งทางอากาศ]

 

ถ้ากลับมา Area TH เมื่อไร อย่าลืมเอาของมาฝากเยอะๆ ด้วยน้า”

“ค่ะ!”

 

เฟียน่าตะโกนตอบกลับแล้วโบกมือลาผู้หญิงอายุสามสิบต้นๆ ผมแดงยาวมัดรวบอยู่ในชุดสีดำหนังที่มีอักษร MLA ติดอยู่บนหน้าอกด้านซ้ายกำลังห้อยโหนออกมาโดยไม่กลัวตกจากเครื่องบินเจ็ทขนาดเล็กที่จุคนได้ประมาณสิบคนลอยขึ้นจากพื้นห้าเมตร ทำให้คนอื่นที่อยู่ในเครื่องบินลำนั้นและคนที่อยู่บนพื้นลานจอดโดยรอบต่างหวาดเสียวไปตามๆ กัน

 

“โดยเฉพาะพายแอปเปิ้ลร้านหัวมุมที่ชาย---ว้าย!!”

 

แม่ของเฟียน่ากำลังตะโกนบอกสิ่งสุดท้ายที่เธออยากได้จากลูกสาวตนเอง แต่ถูกมือของใครบางคนบนเครื่องบินเจ็ทลำนั่นดึงตัวเข้าไป ประตูเครื่องบินถูกปิดลง ไอพ่นที่อยู่บนปีกทั้งสองถูกปรับองศาระนาบกับพื้น ทำให้ตัวเครื่องนั้นพุ่งทะยานไปข้างหน้าออกนอกสถานีไป แล้วดิ่งลงสู่พื้นแผ่นดินนภาใต้เมฆ

 

“แม่นะแม่...”

 

เฟียน่ายกมือกุบหน้าผากส่ายหัวหน่ายกับพฤติกรรมแม่ของตัวเอง ก่อนที่จะมีสายเข้ามือถือ เธอหยิบขึ้นมาดู ชื่อ ‘เฟลิกซ์’ ขึ้นจอแล้วกดรับ

 

“แม่...ถ้าอยากได้อะไรก็เขียนเป็นรายการส่งข้อความไว้สิ”

“โธ่ แม่ไม่ได้ตะกะขนาดนั้นสักหน่อย” เฟลิกซ์ที่อยู่ปลายสายว่า

“แต่ตะกี้ไม่ได้พูดว่าของกินสักนิด?” 

“อ้าว? จริงหรือ? ฮ่าๆ”

“วันนี้ยังบอกลาไม่พออีกเหรอคะ?” เฟียน่าถอนหายใจ

“ก็จะไม่ได้เจอลูกอีกนานเลย”

“โทรหาสิ...โทรหา งั้นวางสายแล้วนะ มีธุระ”

“ดะดะดะเดี๋ยว!!”

 

เฟียน่าตัดสายวางไปก่อนที่เฟลิกซ์จะพูดจบ

 

‘ที่นี่มีอะไรให้แม่ติดใจกันนะ น่าเบื่อจะตาย’

 

เธอคิดแบบนั้นแล้วเสยผมรอบหนึ่ง ก่อนที่จะเดินไปยังราวรั้วสีฟ้าริมทางและทอดมองไปทางมหานครยักษ์ใหญ่ที่มีตึกสูงที่มองลงไปข้างล่างยังไม่เห็นชั้นแรกเรียงกันมากมายกว่าร้อยชั้น รถลอยฟ้ามากมายในแต่ละชั้นวิ่งต่อกันเป็นระเบียบ ยังไม่รวมถึงเครื่องบินขนาดเล็กและโดรน (Drone) หุ่นยนต์ขนของที่ลอยอยู่เต็มเมืองแห่งนี้ไปหมด โดยมีป้อมปืนสีขาวสลับน้ำเงินขนาดใหญ่กว้างสามร้อยเมตร ยาวหนึ่งกิโลเมตร ตั้งชี้สง่าทำมุมสี่สิบห้าองศาไปยังท้องฟ้าที่ไร้เมฆอยู่กลางเมืองเพราะตัวเมือง ‘ชินโคเซ็น’ ที่เธออยู่มันลอยเหนือเมฆบนโลกทั้งปวง ทำให้พื้นที่กว่าสิบตารางกิโลเมตรแห่งนี้ได้รับการกล่าวขานว่า ‘ป้อมปราการลอยฟ้า ชินโคเซ็น’

สถานที่แห่งนี้เป็นอภิสิทธิพิเศษของเหล่าผู้ที่มีสติปัญญาสูงและความสามารถพิเศษ มาอยู่รวมกันเพื่อเร่งพัฒนาปัจจัยทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิศวกรรม วิทยาศาสตร์ การวิจัย สังคม เศรษฐกิจ รวมทั้งเครือญาติเป็นต้น ภายใต้การดูแลและควบคุมโดยบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของโลก ‘ไฮเทคอัพเปอร์ (Hi-Tech Upper)’ ตัวเมืองถูกใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการลอยขึ้นน่านฟ้าพ้นก้อนเมฆบนโลกในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สามเมื่อสามสิบหรือสี่สิบปีก่อน อยู่เหนือมหาสมุทรตรง Area JP-4 เขตใต้ ซึ่งเฟียน่าได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลาปีกว่าๆ แล้วด้วยความสามารถพิเศษเฉพาะตัวของเธอ

 

ติ๊งๆ

 

เสียงข้อความเข้ามือถือ เธอหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง เป็นเมลจาก ‘เฟลิกซ์’ แม่ของเธอเองที่เพิ่งกลับไปประจำการเป็นเจ้าหน้าที่ MLA ณ Area TH-7 งานของแม่นั้นเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายคล้ายระบบตำรวจเมื่อครึ่งศตวรรษก่อน ซึ่งลางานมาอยู่กับเฟียน่าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เธอเห็นหัวข้อความเมลแล้วส่ายหัว

 

‘ส่งมาจริงๆ เนอะ ไอ้รายชื่อของอยากได้เนี่ย’

 

แล้วเฟียน่ากดเปิดเข้าไปดู บนหน้าจอมือถือปรากฎรายชื่อเรียงเลขกันมากมายจนแสดงบนหน้าจอไม่หมด เมื่อเธอเห็นแบบนั้นทำให้รู้สึกสยองขึ้นมา รีบเก็บมือถือเข้ากระเป๋าทันที

 

ติ๊ดๆๆๆๆๆๆ

 

เสียงมือถือของเฟียน่าดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้มีคนโทรเข้ามาเข้ามา เธอหยิบมือถือขึ้นมาอีกรอบ บนจอปรากฎชื่อของคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘เอริส’ หนึ่งในคนรู้จักและเป็นนักวิจัยหญิงอายุสามสิบผู้ดูแลของเธอเอง

 

“เฟียน่าจ๊ะ! ไปส่งแม่ของเธอเสร็จแล้วใช่มะ? คือว่ามีเรื่องอยากวาน---“

“ตามตารางวันนี้เป็นวันพักของฉันนะ”

“เอ่อ...ก็จริงแฮะ แต่อยากให้ช่วยอยู่เวรด้วยกันหน่อย“

“คงจะไม่ได้ คุณเอริสน่าจะไปชวนกัสดี---”

“เอริสซ่าสิค่ะ!! แต่เข้าใจที่เฟียน่าบอกแล้ว งั้น...วันนี้จะไม่กวนอีก!!”

 

ปลายสายตะโกนลั่นเข้ามาแล้วตัดสายทิ้ง

 

‘งอนอะไรไม่เข้าเรื่องอีกแล้ว’

 

เฟียน่าพลิกตัวเอาหลังพิงรั้วแทน ก่อนที่จะมองไปยังพ่อแม่ลูกคู่หนึ่งที่กำลังจูงมือกันเดินเที่ยวเล่นอยู่ พาลให้คิดถึงใครบางคน

 

‘พ่อ...’

 

ความรู้สึกโหยหาและคิดถึงแล่นแปรเข้ามาในใจทำให้เธอเมอลอยไปชั่วขณะ ก่อนที่จะรู้สึกตัวเมื่อรอบๆ ตัวเริ่มมีคนมองเธอและกระซิบคุยกันราวกับว่าเฟียน่าเป็นคนเด่นคนดัง ณ ที่แห่งนี้

 

‘ลืมเอาฮูดคลุมหัวจนได้’

 

เฟียน่าคิดแล้วเอื้อมมือหยิบฮูดที่ถอดพักไหล่ไว้อยู่ขึ้นมาคลุมศีรษะแล้วเอามือทั้งสองซุกในกระเป๋าเสื้อคลุมมีฮูดและเดินเลี่ยงจากที่ตรงนั้นไป โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีผู้หญิงผมแดงยาวโบกผ้าปิดครึ่งหน้าล่างแอบมองเธอเป็นเวลานานอยู่ในซอกตึกใกล้ๆ กำลังกัดฟันมือขวากำแน่นด้วยความรู้สึกรังเกียจที่มีต่อเธอ

 

◊◊◊

 

[10:31] [12/09/2057]

[ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ ฝั่งตะวันออก ชั้น F1, ทางเดินเชื่อมระหว่างตึกแห่งหนึ่ง]

 

‘โอ้ย น่าเบื่อน่าเบื่อ’

 

เฟียน่าบ่นพึมพำในใจ เธอกำลังเดินเล่นบนทางเดินที่ยาวกว่าหนึ่งกิโลเมตรและไปสิ้นสุด ณ ป้อมปืนขนาดใหญ่ของไฮเทคอัพเปอร์ เธอหยุดยืนดูสิ่งนั้น

 

‘เจ้าปืนใหญ่นั่น...สัญลักษณ์แห่งความสูญเสีย กลายเป็นตัวชูโรงของเมืองนี้...ไปได้ยังไงกันนะ?’

 

ระหว่างที่เธอกำลังพรรณาถึงป้อมปืนใหญ่อยู่ ก็มีเสียงชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยความกวนดังขึ้นทางข้างหลัง

 

“โอะโอ้ ไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าจะได้พบคุณอิลลูชั่น เฟียน่า นัมเบอร์เซเว่น (illusion Fiana No.7)...หนึ่งในแปดผู้มีพลังจิตประจำชินโคเซ็นแถวนี้ด้วย”

 

คนที่โดนทักกรอกตาขึ้นฟ้าแล้วหันมาดูเจ้าของเสียง เป็นผู้ชายที่มีนัยน์ตาสีเขียวมรกต สูงร้อยเจ็ดสิบ ผมสีส้มยาวถึงต้นคอปีตาข้างซ้าย ที่ติ่งหูใส่เครื่องประดับเป็นวงแหวนสีเหลืองทั้งสองข้าง ยืนทำท่าเคารพในชุดแขนกุดสีดำ เมื่อเฟียน่าเห็นวิธีการทักทายของชายผู้นี้เลยตอกกลับไป

 

“แกก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ? ผู้ใช้พลังจิต...โซนิค รัมเบิล นัมเบอร์โฟร์ (Sonic Rumble No.4)”

“ฮ่าๆ เธอก็รู้นี่ ว่าผมเป็นคนอย่างไง?” รัมเบิลพูดเชิงตลก

“...เฮ้อ ไม่ได้เจอเป็นเดือน รู้สึกว่าปากแกมันน่าเอามีดเฉือดทิ้งมากขึ้นนะ”

 

เจ้าตัวที่โดนเล็งเอามีดตัดปากเน่าๆ ส่ายหัว

 

“เธอนี่ไม่ไหวๆ ไม่เล่นด้วยเลยแฮะ”

“ฉันไม่เคยบอกว่าญาติดีกับแก” เฟียน่าหันไปทางอื่น “อีกอย่าง...อย่าใช้คำพูดสนิทแบบนั่นกับฉัน”

“เครๆ ขอเดินติดไปด้วยได้ไหม? รับรองว่าไม่ทำให้อารมณ์เสียแน่นอน”

 

คำขอร้องของรัมเบิล ทำให้เฟียน่ามองด้วยหางตาหรี่ลง ก่อนที่จะออกตัวเดินไปข้างหน้าต่อ

 

“...เรื่องของแก”

“อ่า...ไม่ถึงจะถามหน่อยหรือ?” รัมเบิลเริ่มยิงคำถามเป็นชุด “ว่าผมเป็นไงบ้าง? สบายดีไหม? หายไปเป็นเดือนไปทำ---”

“แล้วมันเรื่องอะไรที่ฉันต้องสนใจแกด้วย?” เฟียน่าพูดเหวี่ยงเล็กน้อย

“...ดุเหมือนเดิม สมเป็นเฟียน่าจริงๆ แฮะ”

“ดุ!? นี่ปกติของฉันนะ” เฟียน่าขึ้นเสียงสูง

“แล้วทำไมเลือกปฏิบัติแบบนี้กับผมเดียวละ?”

“...ไม่นะ แกไม่เห็นต่างหากว่าฉันทำตัวกับคนอื่นยังไง”

 

เฟียน่าพูดตามที่คิด คนที่ฟังคำตอบทำหน้าผิดหวังแล้วเอ่ยถึงเรื่องเก่า

 

“นึกว่าเป็นเพราะเราสองคนเคยเป็นบัดดี้กันซะอีก”

 

‘บัดดี้...ไอ้งานทดลองภาคสนามนั่นเหรอ?’

 

เธอนึกถึงงานหนึ่งหลายเดือนก่อนที่เคยทำภายใต้คำสั่งของศูนย์ใหญ่ไฮเทคอัพเปอร์ที่จับคู่ผู้ใช้พลังจิตทั้งแปดคน แล้วผลักกันใช้พลังจิตของแต่ละคนปะทะกัน โดยที่เธอกับรัมเบิลเป็นคู่แรกไปสู้กับอีกคู่หนึ่ง ผลก็คือแพ้

 

“นั่นมันศูนย์ใหญ่บังคับ...ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากได้คู่กากๆ อย่างแก”

“ครับๆ ว่าผมกากอีกแล้ว คงไม่มีอะไรดีเท่าคนที่ชื่อว่า ‘พี’ สินะ”

 

รัมเบิลพูดประชดประชันถึงใครบางคน ซึ่งมันให้เฟียน่าตาโตแล้วมองค้อนคว่ำใส่ คนที่เอ่ยเรื่องถึง ‘พี’ เห็นท่าทางนั้นแล้วได้ใจยุต่อ

 

“อะไรน้า...เธอเคยเล่าให้ฟังตอนเมาเละอยู่ว่า เสี่ยงชีวิตกระโดดรับแทนตัวเธออะไรสักอย่างเนี่ยแหละ”

“นี่แก!!” เฟียน่าตวาด “หุบปากไปซะ ไม่งั้นจะถีบส่งแกร่วงสะพาน---”

 

เฟียน่ายังพูดไม่ทันจบ เดินชนอะไรสักอย่างตรงหน้าเพราะถูกรัมเบิลชวนคุย เธอเห็นว่าตรงหน้าเป็นพุงขนาดใหญ่ของใครบางคนที่ใส่เสื้อตัวสีน้ำเงินแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของพุงนั้น เป็นผู้ชายหน้าใหญ่ไว้หัวโล้นที่ทำหน้าบึงใส่ สูงกว่าเธอมาก เฟียน่าเดินถอยออกเล็กน้อยแล้วเห็นชายฉกรรจ์อีกสองคนอยู่ข้างๆ คนอ้วน

 

“นี่ยัยหนู...เดินมาชนหัดขอโทษซะบ้าง” ชายที่มีร่างกายใหญ่พูด

 

เฟียน่ามองพิจารณาสถานการณ์โดยรอบก่อนที่จะตอบ

 

“โอ้ว...ขอโทษด้วย แต่คงไม่มีคำนี้จากฉันอีกเป็นครั้งที่สองเพราะนี่มันตรงกลางทางเดินที่มีคนพลุกพล่านไปมา ไม่ใช่ในบ้านคุณ”

 

เธอใช้น้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรตอบกลับไป ทำให้ทั้งสามคนตรงหน้าโกรธ

 

“หน๊อย!! ดูถูกลูกพี่มากไปแล้ว!!” ชายฉกรรจ์ผมดำซ้ายมือของชายอ้วนขึ้นเสียง “รู้ไหมลูกพี่คนนี้เป็นใคร เป็นเจ้าพ่อมาเฟียคุ้มชั้น W เลยนะ!!”

 

ชั้น W ที่กล่าวถึงนั้นคือหนึ่งในยี่สิบสี่เขตที่ถูกแบ่งตามระดับความสูงจากระดับน้ำของมหานครลอยฟ้าชินโคเซ็น ซึ่งชั้น A จะอยู่เหนือสุดไล่ลงมาเรื่อยๆ จนถึงชั้น Z เป็นสุดท้าย และความสูงของแต่ละเขตไม่เท่ากัน บางชั้นบางเขตมีความสูงมากเช่น ชั้น G จะมี G1 ถึง G8 ในขณะที่ชั้น M มีแค่ M1 กับ M2...และยิ่งชั้นที่อยู่ต่ำมากเท่าไหร่ ความเจริญทุกๆ ด้านยิ่งต่ำ

 

‘ชั้น W...ใต้ดินนั่น เข้าใจล่ะ เจ้าพวกนี้มันเป็นเศษเดนนี่เอง’

 

เฟียน่าคิดสับเสร็จ ฉีกยิ้มขึ้นมาและมือทั้งสองจับด้ามอะไรบางอย่างที่อยู่แนบอยู่ข้างลำตัวเตรียมพร้อมไว้ก่อนที่จะถามอย่างหยาบคายคนตรงหน้า

 

“แถวไซเบอร์พังก์ (Cyperpunk) ย่านเสื่อมโทรมนั่นเหรอ? แล้วพวกแกมาเสือกอะไรแถวนี้?”

“ลูกพี่!! ทืบมันเลยดีไหม!?” ลูกน้องคนซ้ายว่า

“แล้วรอหาป้าแสงอะไร เอาเลย!!”                

เมื่อลูกน้องคนซ้ายมือได้รับอนุมัติจากลูกพี่แล้วเลยพุ่งเข้าต่อยที่เฟียน่า แต่แล้วมีสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น ลูกหมัดที่ควรจะโดนกลับหวืด ไม่ใช่เพราะต่อยไม่แม่น แต่ร่างของเฟียน่าหายจางไปดื้อๆ ต่างหาก แล้วคนที่หายตัวไปปรากฎตัวข้างหลังชายฉกรรจ์เข้ามาทำร้ายก่อนหน้านี่ราวว่าเธอหายตัวได้ ใช้ของในมือขวาถือมีดสามแฉกที่มีประกายไฟฟ้าไหลออกมา ใช้ด้านที่ไม่มีคมฟาดเข้าที่หลังคอและปล่อยกระแสไฟฟ้าใส่เพียงทีเดียว ลูกน้องมือซ้ายของคนที่อ้างว่าเป็นมาเฟียร่วงลงนอนกองกับพื้นข้างๆ เท้าของรัมเบิล เขาก้มมองดูคนที่สลบแน่นิ่งไปแล้วส่ายหัว

 

“น่าสงสารจริงๆ”

“เฮ้ยๆๆๆ!! พวกเธอทำแบบนี้กันไม่ได้นะ” ชายอ้วนว่า “ฉันเป็นถึงเจ้าถิ่นชั้น W เลยนะ!”

“ละละลูกพี่! เราว่าถอยกันก่อนดีกว่า”

 

ลูกน้องมือขวาอีกคนผงะถอยหลัง เพราะว่าเขาเพิ่งนึกอะไรออกกับสองคนที่อยู่ตรงหน้า

 

“จะถอยทำไม!?” ลูกพี่อ้วนถาม

“กะกะก็สองคนนั่นผมจำได้แล้วว่าเป็นใคร...เป็นพวกที่มีพลังจิตนะลูกพี่!”

“พลังจิต!? พีทูงั้นเหรอ...เหอะ ของแหกตาแบบนั้นแกเชื่อด้วย?”

“ไม่นะลูกพี่ มันมีจริงๆ!!”

“เมื่อกี้ว่าอะไรแหกตา?”

 

รัมเบิลกุมมือข้างขวาแล้วใช้มือซ้ายตบมือขวาไปมาตรงหน้าอก ซึ่งนั่นเป็นอาการที่เขาจะแสดงออกมาเมื่อรู้สึกหงุดหงิดอย่างแรง เฟียน่าเห็นอาการของคนข้างๆ พูดเตือน

 

“อย่าทำคนถึงตายนะ รัมเบิล ฉันไม่รับผิดชอบด้วย”

“หึ สนใจด้วยเหรอ?” รัมเบิลฉีกยิ้มอย่างน่ากลัวมองไปยังสองคนข้างหน้า

“เปล่าซะหน่อย”

 

รัมเบิลได้ยินคำแก้ตัวของเฟียน่าแล้ว ใช้มือขวาล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ เป็นแผ่นกลมบางขนาดเล็กกว้างสองเซ็นติเมตรสีเทา ก่อนที่สบัดสิ่งนั้นให้ลอยไปติดบนหน้าอกชายฉกรรจ์อีกคนที่เป็นมือขวาของชายอ้วนใหญ่ ซึ่งทำให้ชายฉกรรจ์คนนั้นหน้าซีด

 

“ถ้ารู้จักดีล่ะก็ คงรู้ดีสินะว่าผมใช้โซนิคบูม (Sonic Boom) ทำปฏิกิริยากับแผ่นดินระเบิดอันนั้นได้...จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ให้โอกาสสิบวิ วิ่งหนีไปซะ!”

 

ลูกน้องมือขวาเดินถอยหลังสามสี่ก้าว ก่อนที่จะบอกลา

 

“...ขอโทษนะ ลูกพี่!!”

“เฮ้ย!!”

 

และแล้วลูกน้องอีกคนก็ทิ้งเจ้านายของเขาไป

 

“พวกแก!!”

 

ชายร่างอ้วนพุ่งถลาเข้ามาหาเฟียน่าและรัมเบิล ซึ่งต่างคนหลบไปคนละทาง ส่วนคนที่พุ่งเข้ามาจะใช้ตัวทับล้มลงไปนอนกับพื้น

 

“โอ้ย!! หลบทำไมฟะ!! แน่จริงสู้กันตรง---“

 

เปรี้ยงๆ!

 

เฟียน่าใช้มีดไฟฟ้าของเธอจี้เข้าที่หลังของชายร่างอ้วนจนสลบไป ก่อนที่จะถอนหายใจ

 

“เฮ้อ...เสียเวลาชะมัด รัมเบิล...นี่แกจะใช้โซนิคบูมนั่นจริงๆ เหรอ?”

“แค่ขู่ล่ะครับ ขืนใช้ขึ้นมา เราได้ร่วงกันหมดแน่...แล้วจะทำยังไงกับเจ้านี่ล่ะ?”

 

ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังตกลงกัน ก็มีหุ่นยนต์ลอยตัวทรงกลมใหญ่กว่าลูกบอลสองเท่าสีดำที่มีอาวุธปืนติดตั้งลอยเป็นขบวนมาหลายทิศทาง บางตัวส่องไฟแรงสูงใส่พวกเท่านั้นสอง สิ่งนั้นคือโดรน (Drone) ของเอ็มแอลเอ และตัวที่ส่องไฟตัวหนึ่งมีผู้ชายโทนต่ำเสียงพูดดังออกมา

 

“หยุด! ห้ามขยับ!! นี่คือเจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอ!! (MLA) วางอาวุธและยอมจำนนซะดีๆ!!”

 

◊◊◊

 

[หลายชั่วโมงต่อมา]

[15:42] [12/09/2057]

[ป้อมปราการลอยฟ้า ‘ชินโคเซ็น’ จุดศูนย์กลาง ชั้น E1, สำนักงานใหญ่เอ็มแอลเอ]

 

“ฉันไม่สนว่าจะเป็น ‘คนพิเศษ’ หรือพกอาวุธได้ถูกกฎหมายก็ตาม แต่สิ่งที่พวกเธอทำลงไปวันนี้...มันเกินไป”

 

เฟียน่ากับรัมเบิลอยู่หน้าทางเข้าสำนักงานเอ็มแอลเอที่เป็นตึกทรงสามเหลี่ยมคว่ำสูงกว่าร้อยชั้นครอบคลุมตั้งแต่ชั้น D5 ถึง E3 ซี่งเอ็มแอลเอนี่ คือองค์กรหนึ่งที่ถูกจัดตั้งโดยเวิลด์เจเรนัล เข้ามาทำงานแทนที่ตำรวจอย่างถาวร...พวกเขากำลังถูกตำหนิจากเจ้าหน้าที่สาวคนหนึ่งที่ไว้ผมสีม่วงยาวเลยบ่าอยู่ในชุดเกราะเบาสีดำทั้งตัวที่มีอักษรของเอ็มแอลเออยู่ รัมเบิลได้ยินแบบนั้นแล้วยกมือพาดหลังหัวทำเป็นไม่สนใจและเฟียน่าทำเป็นหูทวนลม คนที่เทศนาอยู่ก็รู้ว่าทั้งสองคนนั้นไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งที่เธอพูดแม้แต่น้อย แต่ก็ยังบ่นต่อไป

 

“แทนที่จะแจ้งให้เอ็มเอลเองไปปราบปรามกลับลงมือซะเอง โดยเฉพาะนาย...รัมเบิล อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่านายจะใช้พลังจิตนั่นระเบิดใส่ไอ้กุ๋ยหลงทางนั่น”

“เปล่าซะหน่อยครับ ถ้าทำจริงๆ ก็ต้องมีแขนขาของใครหลุดมาบ้างแล้ว คุณนานามิ”

“ยังจะมาเถียงอีก!” นานามิที่เป็นเจ้าหน้าที่เอ็มแอลเอขึ้นเสียง “หรือจะให้เอาภาพกล้องแถวนั้นที่จับภาพนายตอนดีดไอ้แผ่นระเบิดเล็กมหาประลัยนั่นใส่พวกนั้นให้ดู!? นี่ยังไม่ได้ชำระเรื่องคราวก่อนเลยนะ ที่ไประเบิดในตอกที่ชั้น R...เธอมีเอี่ยวด้วยใช่ไหม? เฟียน่า”

“เอ๊ะ!? เปล่านะ” เฟียน่าถอยผงะ ”เพิ่งได้เจอเจ้าหมอนี่วันนี้เอง มันไปก่อเรื่องอะไรอีกละ?”

“อย่าให้พูด...ถามมันเอาเอง” นานามิทำสีหน้ายุ่งยาก “เดี๋ยวฉันต้องไปจัดการพวกนั้นก่อน พวกเธอสองคนหัดทำตัวอยู่เฉยๆ ไม่ก่อเรื่องบ้าง แค่ปัญหาในเมืองแห่งอนาคตนี่พวกฉันเอ็มแอลเอก็จะปวดหัวตายอยู่แล้ว”

 

เฟียน่าได้ยินแบบนั้นแล้วเธอตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตร

 

“ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องสั่งให้คุมประพฤตินะ”

 

นานามิเพิ่งกระโดดขึ้นรถมอเตอร์ไซต์สีเทาดำที่ไม่มีล้อแต่ลอยตัวจากพื้นครึ่งเมตร ได้ยินสิ่งที่เฟียน่ากล่าวเมื่อครู่ เธอถอนหายใจแล้วทิ้งท้ายคำพูดหนึ่งก่อนที่จะขี่รถออกไป

 

“เฟียน่า...รู้ไหมเธอนะ ไม่เหมือนแม่ของเธอสักนิด”

 

‘ไม่เหมือน? แหงล่ะ...’

 

“เฟียน่าไม่ค่อยเหมือนแม่?” รัมเบิลถาม “เธอเป็นคนยังไงเหรอ?”

“เสือก”

 

คำตอบสั้นๆ ของเฟียน่าทำให้รัมเบิลทำหน้าเอือมระอาแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที

 

“โอเค...จริงสิ!!” รัมเบิลทำท่าเหมือนนึกอะไรออก “ช่วงนี้ได้ยินข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับพวกเรามาด้วย...อยากฟังไหม?”

“อยากเล่าก็เล่า ไม่ต้องมาถามให้เปลื้องน้ำลาย” เฟียน่าหงุดหงิด

“เหอะๆ เธอนี่มันไม่มีปฏิสัมพันธ์คนอื่นกับเขาบ้างเลย”

 

รัมเบิลส่ายหัวก่อนที่จะรู้ตัวว่าถูกเฟียน่าจ้องเขม็นใส่ถึงยอมพูดเรื่องที่โปรยไว้ก่อนหน้านี้

 

“ในหมู่นักวิจัยนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นผู้ดูแลผมอยู่ลือให้แซดว่า เมื่อปีก่อน...มีกำลังทดลองลับๆ หาวิธีสร้างพลังจิตด้วยการโคลนร่างกายหนึ่งในแปดผู้ใช้พีทู (P.P.) นะ”

“โคลน!? โคลนมนุษย์?” เธอเหมือนจะไม่เชื่อเรื่องที่ได้ยิน

“ถ้าเป็นจริง คนที่ทำแบบนั้นต้องเป็นตาแก่ที่ไว้ผมขาวชี้สองแฉกแน่ๆ” รัมเบิลทำท่าล้อเลียนทรงผมนั้น “เธอคิดว่าใครบ้าง? หนึ่งในแปดที่ถูกใช้เป็นร่างต้นแบบในการโคลน?”

“หือ? ฉันจะไปรู้เหรอ?”

“ขอความเห็นเฉยๆ” รัมเบิลว่า

“เฮ้อ...น่าจะเป็นหนึ่งในอย่างเราๆ แน่ๆ” เฟียน่าตอบไปงั้นๆ ”ต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งมากจนน่าเอาไปทำเรื่องอย่างว่า...ว่าแต่แกบอกว่าเรื่องมันเกิดขึ้นแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ๆ ผมคิดว่าอาจจะเป็นเธอก็ได้ เฟียน่า”

 

รัมเบิลจ้องตาใส่ เฟียน่าหรี่ตาลง

 

“ละเมออะไรของแก?”

“ไม่เคยสงสัยเหรอ?” รัมเบิลกำลังพูดในสิ่งที่เขารู้มานาน “ว่าไอ้ตัวอักษรเลขที่ติดอยู่แขนซ้ายเธอ อาจจะเป็นรหัสที่ไว้ใช้เป็นร่างต้นแบบโคลนนิ่งก็ได้”

 

เฟียน่าตาโตเพราะไม่คาดว่าคนตรงหน้าจะรู้เรื่องข้อความปริศนาสีดำเป็นรอยฝังแน่นที่ต้นแขนซ้ายของเธอ อยู่ว่า ‘SP-0154’

 

“นี่แก...เห็นมันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ตอนเมาเหมือนเดิมไง...” รัมเบิลผิวปาก

“แล้วรู้อะไรอีก?” เธอจี้ต่อ

“หมดแล้วนะ เอ่อ...ทำไมทำหน้าไม่เชื่อใจแบบนั้นล่ะ?” เขาพยายามหลับสายตาเฟียน่า

“ก็แกมันไม่เคยไว้ใจได้”

“ให้ตาย ให้ตาย...อยู่กับเธอนี่ไม่สนุกเลยแฮะ ขอตัวแยกตรงนี้เลยล่ะกัน”

 

รัมเบิลพูดไปอย่างงั้น แต่ตัวเขาไม่ขยับไปไหนจนคนตรงหน้าไล่

 

“เชิญ”

 

เฟียน่ายื่นมือขวาแล้วแบมือชี้ไปทางข้างๆ เป็นสัญญาณให้ผู้ชายตรงหน้าไปที่อื่น รัมเบิลที่โดนไล่ซะเองคิ้วกระตุกเหมือนมีอารมณ์โกรธ แต่สุดท้ายปล่อยมันทิ้งไปแล้วพูดส่งท้าย

 

“ว่างๆ หัดทำตัวน่าคบหน่อย คนอื่นจะอยู่เธอไม่ได้เพราะคนที่เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ด้วย ไม่ใช่แค่ ‘พี’ ที่รักของเธอ”

“ไอ้...”

 

เฟียน่าจะสบถ แต่แล้วเธอก็เปลี่ยนใจ

 

‘ด่ามันไปก็เท่านั้น เจ้ารัมเบิลเบือก...’

 

เฟียน่า ดิฟเฟอร์ (Fiana Differ) คือชื่อเต็มๆ ของเธอคนนี้ อายุสิบเก้าปี เป็นลูกครึ่งอเมริกา-รัสเซีย มาอยู่ในเมืองชินโคเซ็นในฐานะ ‘ผู้ใช้พลังจิต’ และเป็น 1 ใน 8 ของคนทั้งโลกที่ใช้พลังจิตหรือพีทูได้ (P.P. = Psychics Power) โดยความสามารถของเธอนั้นคือหักเหแสงรอบร่างกายเธอให้คนอื่นเห็นภาพไปตามที่เธอต้องการผ่านทางจิต แต่ถึงอย่างงั้นมันมีข้อจำกัดที่ว่าสามารถใช้พลังนี้ได้ไม่เกิด 5 วินาทีและ 3 ครั้งต่อวันเท่านั้น จึงทำให้เธอได้ฉายาจากนักวิจัยด้าน E.P.P. (Experiment Psychics Power) ของไฮเทคอัพเปอร์ว่า ‘อิลลูชั่น (illusion)’ ผู้ใช้ภาพมายา หมายเลขที่ 7 (No.7) ซึ่งตัวเลขนี้ไม่ได้เรียงจากความสามารถ แต่เรียงจากการค้นพบพลังจิต นั้นก็หมายความว่าเธอเป็นคนที่ 7 ที่นักวิจัยทั่วโลกและสาธารณชนรู้จัก

ส่วนอีกคนนั้นที่เหมือนจะเป็นเพื่อนของเฟียน่านั้น มีชื่อว่า รัมเบิล (Rumble) ไม่ทราบนามสกุล อายุยี่สิบปี ได้ฉายาว่า ‘โซนิค (Sonic)’ ถนัดเรื่องการสร้างและควบคุมคลื่นเสียงแรงสูง โดยเฉพาะการทำโซนิคบูม (Sonic Boom) ควบคู่กับดินระเบิดอัดแน่นขนาดเล็กที่ชอบพกติดตัว ราวกับว่าเขาสามารถจุดชนวนระเบิดได้ตลอดเวลา นับว่าเป็นพลังจิตที่ใช้คู่กับของสิ่งอื่นเพื่อเกิดปฏิกิริยาต่างๆ ได้อย่างสบาย ถ้าเจ้าตัวคนใช้นั้นรู้มากพอ ซึ่งรัมเบิลชอบมาเกาะแกะกับเฟียน่าเป็นประจำ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมาพบกันบ่อยเท่านั้น

ยังเหลืออีกหกคนที่เป็นผู้ใช้พลังจิต พวกเขาทั้งหมดรวมทั้งสองคนนี้ได้ถูกเชิญมาให้อาศัยอยู่เมืองลอยฟ้าชินโคเซ็นแห่งนี้ โดยขอให้ร่วมมือในการทดลองในแต่ละวันแลกกับการให้อาศัย กินอยู่และอภิสิทธิพิเศษต่างๆ มากมายและหนึ่งในนั้นก็คือสามารถพกอาวุธติดตัวได้ ซึ่งเฟียน่าเธอมักพกมีดสั้นสามแฉกทั้งสองด้ามที่มีกระแสไฟฟ้าติดตัวไว้และมีฝีมือพอตัวบ้าง ซึ่งเธอได้มาจากคนที่รู้จักใน Area TH-7 เมื่อปีสองปีก่อน สมัยที่เธอยังเป็นผู้หญิงธรรมดาเรียน ม.ปลาย อยู่ ณ โรงเรียนซิสเซล ก่อนที่จะถูกเชิญเข้าร่วมการวิจัยใน ‘ป้อมปราการลอยฟ้าชินโคเซ็น’

 

เฟียน่าที่เดินออกละออกมาจากหน้าสำนักงาน มาอยู่ริมถนนที่มีรถยนต์หลายประเภทที่ลอยตัวจากพื้นได้กำลังวิ่งไปมาซึ่งมันทำให้เธอนึกถึงอดีตสองปีก่อนที่มีใครคนหนึ่ง ไว้ผมสีน้ำตาลยาวถึงบ่า นัยน์ตาสีน้ำตาล กระโดดเข้ามาขวางหน้า ใช้ตัวบังอะไรบางอย่างแทนเฟียน่า มันทำให้เธอคิดอย่างเหนื่อยใจ

 

‘นายหายไปไหนกันแน่นะ? แล้วฉันจะเข้มแข็งเหมือนนายได้บ้างไหม...พี’

  

◊◊◊

 

จบกันไปแล้วนะจ๊ะ สำหรับ Ch.1 ยูคาริกับปีกของเธอ บทที่ 1 [No.7]

แล้วชีวิตของเฟียน่าหลังจากนี้จะเป็นยังไงต่อไป?

โปรดติดตามตอนต่อไปที่มีชื่อว่า ยูคาริกับปีกของเธอ บทที่ 2 [Little Bird]

By Spy442299 & Nattanan Srising

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา