ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  110.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

128)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

===============================================

 

 

 

      ...เช้าตรู่วันต่อมา...

 

       " ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ ท่านพ่อ "  เสียงของเด็กหญิงสองคนที่ดังขึ้นข้างหูของไกร ทำให้ไกรงัวเงียตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่เขาจะเหลือบมองไปที่ด้านนอกหน้าต่างซึ่งมีแสงลอดเข้ามเพียงแค่รำไร ทั้งอากาศก็ยังค่อนข้างหนาว ทำให้ไกรตั้งท่าจะหลับต่อทันที

 

       " ขออีกซัก ๕ นาทีนะ "

 

       " เมื่อ ๕ นาทีก่อนก็พูดอย่างนี้...แถมผัดมาตั้ง ๓ รอบแล้วนะเจ้าคะ ท่านพ่อ "  เสียงของหญิงสาวที่เริ่มเด็ดขาดขึ้นทำให้ไกรงัวเงียเมาขี้ตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะหันไปมองเด็กหญิงสองคน...ไม่สิ ต้องเปลี่ยนสรรพนามว่าเป็นสองตน อย่างลูกแก้วที่นั่งห้อยขาอยู่ที่โต๊ะเครื่องเรือนของเขา และลูกขวัญที่นั่งคุกเข่าอย่างสุภาพเรียบร้อยที่ข้างเตียงของเขาทำให้ไกรสะดุ้งเฮือกเล็กน้อย แต่พอเขานึกขึ้นได้เขาพึ่งรับเลี้ยงกุมารีสองตนไว้ทำให้เขาถอนหายใจเฮือก

 

       " ไหงถึงได้มาปลุกเอาตอนนี้ได้ล่ะ ปรกติแล้วข้าจะตื่นประมาณ ๗ โมงครึ่งนะ "

 

       " เอ๋? เหตุใดถึงได้ตื่นสายขนาดนั้นล่ะเจ้าคะ? "  ลูกขวัญที่ดูเรียบร้อยกว่าและอยู่ใกล้เตียงไกรมากกว่าร้องออกมาเบาๆอย่างประหลาดใจมากกว่าจะตำหนิ ทำให้ไกรเกาหัวแกรกๆก่อนจะถอนหายใจเฮือกและลุกขึ้นจากผ้าห่มช้าๆ

 

       " ถ้าเป็นที่ๆข้าจากมา ไอ้การตื่น ๗ โมงครึ่งเนี่ยมันเรียกว่าเช้าแล้วด้วยซ้ำนะ "

 

       " เห...ที่บ้านท่านเมืองท่านนี่ขี้เกียจตัวเป็นขนขนาดนั้นเชียวเหรอเจ้าคะ? "

 

       " ขอโทษคนที่ตื่นปรกติที่โลกของข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ! "

 

         หลังจากคุยกันพอหอมปากหอมคอ ไกรก็ลุกขึ้นและวักน้ำที่อยู่ในอ่างที่ถูกวางเตรียมไว้อยู่ข้างๆหน้าต่างออกขึ้นมาล้างหน้าล้างตาเพื่อขับไล่ความงัวเงีย ก่อนจะไม่วายหันกลับมาถามกุมารีทั้งสองเบาๆว่า

 

       " มีอะไรรึเปล่า? ที่พวกเข้ามาปลุกข้าแบบนี้น่ะ "

 

       " เจ้าค่ะ ที่ด้านนอกของเรือนท่านมีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้น "

 

       " ความเคลื่อนไหว? "

 

       " เจ้าค่ะ ความเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติวิสัย จนพวกข้าต้องเสียมารยาทมาปลุก ขออภัยนะเจ้าคะ "  ลูกขวัญพูดพลางก้มหัวขอโทษอย่างมีจริตจะก้านและเรียบร้อยราวกับผ้าพับไว้ ทั้งยังมีท่าทางราวกับกุลสตรีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างไร้ที่ติจนไกรหันกลับมามอง ก่อนจะยิ้มพลางเดินเข้ามาลูบผมที่สลวยเป็นลอนของลูกขวัญพร้อมกับพูดเบาๆว่า

 

       " ไม่เป็นไรหรอก ลูกขวัญ แล้วไม่ต้องเกรงอกเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้ ไงๆตอนนี้ก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันแล้วนี่นะ "

 

         ดูเหมือนลูกขวัญจะชอบให้ลูบหัวเหมือนกับเด็กๆทั่วไป เพราะเธอเงยหัวรับกับมือของไกรพร้อมกับหลับตาและหัวเราะออกมาเบาๆ ในขณะที่ลูกแก้วที่ค่อนข้างจะดูซนและเรียบร้อยน้อยกว่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เมื่อเห็นไกรทำเช่นนั้นก็ทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจทันที

 

       " นี่ ท่านพ่อ เอาแต่ลูบหัวลูกขวัญอยู่คนเดียว ขี้โกงที่สุดเลย! "

 

       " จ้าๆ "  ไกรไม่ใช่คนที่ชอบแกล้งเด็กเท่าไหร่นัก เขาจึงใช้มืออีกข้างลูบหัวลูกแก้วอีกคน ก่อนจะหันไปมองที่นอกหน้าต่างเล็กน้อย แต่หน้าต่างของเขาก็อยู่ในทิศที่ติดกับริมน้ำ ทำให้มองไม่เห็นในส่วนหน้าบ้าน เขาจึงได้แต่เอียงคออย่างสงสัยในคำพูดเชิงรายงานของลูกขวัญ แต่ก็สังเกตว่าลูกแก้วและลูกขวัญไม่ได้ดูเดือดร้อนอะไรเท่าไหร่ ทำให้เขาไม่ได้ไปกังวลอะไรมากมายนัก

 

       ' อืม ถ้ามองในแง่นี้ก็ไม่ต่างอะไรกับติดสัญญาณกันขโมยแบบเคลื่อนที่เลยวุ้ย แถมถ้าไม่นับว่ายัยพวกนี้บอกว่าอิ่มเพราะวิญญาณของเรา ลูกแก้วลูกขวัญนี่ก็เลี้ยงง่ายยิ่งกว่าเลี้ยงเด็กที่ว่านอนสอนง่ายทั่วไปอีกแฮะ '

 

       " เฮ้อ...หวังว่าไอ้สิ่งที่ทำให้ยัยพวกนี้อิ่มได้คงจะไม่ได้ทำให้อายุเราสั้นลงหรอกนะ "  ไกรครางออกมาเบาๆก่อนจะผลักประตูห้องนอนออกไปช้าๆเพื่อจะไปหากาแฟดื่มยามเช้า แต่พอผลักประตูออกไปจนเห็นภายนอก เขาก็ชะงักกึกทันที

 

       " อ้าว ตื่นแล้วเหรอไกร...ขอโทษที่อาจจะเสียงดังไปบ้างนะ เพราะคนเป็นร้อยคนนี่มันคงจะอยู่กันเงียบๆไม่ได้หรอก เนอะ "  ท่านผู้เฒ่าที่นั่งอยู่ตรงส่วนโถงด้านหน้าเรือนของเขาพร้อมกับคนรู้จักที่อยู่ในระดับคนใหญ่คนโตหลายๆคน โดยเฉพาะที่เขาสังเกตเห็นชัดๆก็ไม่พ้นท่านออกญาจักรีฯครุฑและท่านออกญามหาเสนาฯบุนนาค นั่งดื่มกาแฟคุยกันอย่างออกรสและหันกลับมาทักทายไกรพร้อมกับยกแก้วกาแฟให้เล็กน้อย ในขณะที่ส่วนของลานกว้างหน้าบ้านของไกรเวลานี้กลับเต็มไปด้วยเหล่าชายหนุ่มที่อยู่ทั้งในวัยเด็กหนุ่ม วัยฉกรรจ์ และวัยที่ล่วงเลยวัยฉกรรจ์ไปแล้วนับร้อยคนที่ทั้งยืนทั้งนั่งออพูดคุยกันอยู่เต็มไปหมด...นั่นทำให้ไกรกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะปิดประตูห้องนอนของตัวเองเสียงดังลั่นพร้อมกับเอานิ้วขยี้หว่างคิ้วของตัวเองช้าๆ


         ปัง!

 

       " อืม คงจะยังเมาขี้ตาอยู่...ตาฝาดตอนเช้าๆแหงมๆ เอาใหม่ๆ "

 

         แอ๊ดดด!

 

       " นี่ ไกร ปิดประตูกระแทกใส่หน้ากันเช่นนี้มันเสียมารยาทนา "

 

         ปัง!

 

         ไกรปิดประตูใส่หน้าอีกครั้ง ก่อนจะหันขวับมาหายัยลูกแก้วและลูกขวัญที่เริ่มปีนขึ้นมาเกาะบนไหล่ของเขาด้วยแววตาเหมือนต้องการคำตอบแบบสุดๆทันที

 

       " เอ่อ คุณน้องลูกแก้วคุณน้องลูกขวัญขอรับ ไอ้ข้างนอกนี่มันอะไรหรือขอรับ? "

 

       " เอ๋? ก็ความเคลื่อนไหวที่ผิดปรกติวิสัยอย่างที่พวกข้าบอกไปคราวแรกอย่างไรล่ะเจ้าคะ "  

 

       " ถ...ถ้าผิดปรกติหนักขนาดนี้ แล้วทำไมถึงแจ้งข้าด้วยท่าทีสบายๆอย่างนี้ล่ะขอรับ "  ไกรพยายามถามต่ออย่างใจเย็น จนลูกแก้วที่ปีนขึ้นมาอยู่บนไหล่ของไกรสำเร็จเอียงคออย่างน่ารักน่าชังพร้อมกับยิ้มและตอบกลับมาเบาๆว่า

 

       " ก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายถึงกับต้องเตือนอย่างกะทันหันนี่เจ้าคะ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เอง " 

 

       " เรื่องเล็กน้อยเนี่ยนะ?! คนแปลกหน้าเป็นร้อยคนอยู่หน้าบ้านกระผมเนี่ยนะเรื่องเล็กน้อย...แล้วตอนอยู่กับท่านเรืองเรื่องไหนที่พวกเธอจัดว่าเป็นเรื่องใหญ่กันมั่งฟะ! "  ไกรตั้งใจจะถามประชด แต่ดูเหมือนกุมารีทั้งสองจะไม่ค่อยเข้าใจรูปแบบประโยคเชิงประชดประชันเท่าไหร่นัก พวกเธอจึงเอียงคอและไล่ลำดับเหตุการณ์มาช้าๆว่า

 

       " ก็อย่างตอนที่ท่านพ่อเรืองพยายามจะก่อกบฏล้มล้างราชบัลลังก์พระเจ้าเอกทัศน์ แล้วถูกท่านพระภิกษุดอกเดื่อหักหลังจนโดนจับได้ เวลานั้นพวกข้าก็เตือนเพราะเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน แต่ไม่ทันการณ์ และถูกล้อมจับด้วยพวกขมังไสยเวทย์เสียเกือบร้อยคนจนต้องไปขังในที่ใดก็ไม่รู้ที่ร้อนไปหมดแถมยังฝ่าออกไปไม่ได้นั่น ...ส่วน หลังๆก็เป็นตอนที่ท่านพ่อโดนท่านสินใช้ดาบแทงเข้าเต็มๆหน้าอก ตอนนั้นพวกเราเตือนไม่ทันก็เลยโดนท่านพ่อเรืองโกรธใหญ่เลย...แล้วล่าสุดก็ตอนที่ท่านพ่อขับช้างไล่กองทัพม้าพวกพม่าเพลินๆจนเกือบจะเข้าไปในเขตที่พวกทหารพม่าตั้งปืนใหญ่ดักรอท่าไว้ ดีว่าเวลานั้นตะโกนเตือนทัน ไม่อย่างนั้นคงโดนปืนใหญ่เละกันหมดแน่...แบบนั้นล่ะเจ้าค่ะที่พวกเราคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่น่ะ "

 

       " พ พอเถอะ ขอร้องล่ะ ข้าไม่อยากจะฝันร้ายตอนนอนนะ ให้ตายสิ! พวกเธอนี่ใช้ชีวิตได้สิ้นเปลืองสิ้นดีเลย! "  ไกรครางออกมาเบาๆ ก่อนจะเริ่มตั้งสติได้...ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกพร้อมกับจัดเสื้อแสงของตัวเองให้เข้าที่และดูเรียบร้อยมากขึ้น ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดอีกครั้งและผลักประตูออกไปช้าๆอีกครั้ง

 

       " ท่านผู้เฒ่า ท่านครุฑ ท่านบุนนาค "

 

       " แหม กว่าจะทำใจเย็นออกมาได้...นี่ถ้าช้ากว่านี้อีกซัก ๒ นาทีข้าว่าจะไปตามแล้วนะเนี่ย "  ท่านผู้เฒ่าที่ยังคงนั่งอยู่กับคนอื่นๆเหลือบมามองพร้อมกับครางออกมาเบาๆ ก่อนจะยื่นแก้วกาแฟให้ ในขณะที่ไกรก็รับไว้พร้อมกับถามขึ้นเบาๆว่า

 

       " เท่าที่ข้าจำได้ กฎหมายบ้านเมืองน่าจะมีบัญญัติในข้อเรื่องการบุกรุกเคหสถานอยู่นะขอรับ "  ไกรพูดเรียบๆพลางยกกาแฟขึ้นดื่ม ในขณะที่เมื่อได้ยิน ท่านครุฑและท่านบุนนาคหันไปมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะเบาๆทันที

 

       " ฮ่าๆๆๆ หมู่นี้ใจร้ายขึ้นเยอะเลยนะขอรับ ท่านเจ้าพระยาพิทักษ์ฯเนี่ย "

 

       " คงเพราะเจอสถานการณ์แบบนี้บ่อยๆ เลยเก่งขึ้นมั้งขอรับ "

 

       " แหม ช่างเป็นคนที่เรียนรู้เร็วสมเป็นท่านไกรจริงๆ "

 

       " ช่วย...อธิบายหน่อยได้ไหมขอรับ? "  ไกรหันไปถามท่านผู้เฒ่าเบาๆ เพราะรู้แน่ว่าถามท่านอัครมหาเสนาสองคนไปก็คงไม่ได้คำตอบที่ต้องการแน่  ในขณะที่เมื่อได้ยินคำถาม ท่านผู้เฒ่าก็เลิกคิ้วขาวๆขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะจิบกาแฟพลางตอบกลับมาเบาๆว่า

 

       " อ้อ...พวกเนี้ยน่ะเหรอ? ก็คนในสังกัดของเจ้าอย่างไรล่ะ รีบๆสนิทกันด้วยล่ะ เพราะเวลามันไม่คอยท่าแล้ว "

 

       " อย่างนี้นี่เอง เข้าใจแล้วล่ะขอรับ ไม่ต้องห่วงๆ---คงไม่คิดว่าข้าจะตอบอย่างนี้หรอกใช่ไหมฟะขอรับ?! "  ไกรโวยลั่นอย่างหมดความอดทน ในขณะที่ท่านผู้เฒ่าที่อุดหูหรอท่าอยู่แล้วถอนหายใจพร้อมกับพูดช้าๆว่า

 

       " ก็ว่าแล้วว่าจะต้องมีปฏิกริยาแบบนี้ "

 

         ในขณะที่ท่านบุนนาคซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายกลาโหมหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยกมือขอพูดอธิบายเอง ซึ่งท่านผู้เฒ่าก็เหลือบมอง ก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงให้อีกฝ่ายเป็นคนพูดช้าๆ

 

       " ท่านไกร อีกประมาณ ๑ อาทิตย์ท่านจะถูกไล่ออกจากราชการนะขอรับ "

 

       " ห หา? "

 

       " รีบข้ามขั้นไปแล้วเฟ้ยขอรับ! "  คราวนี้ทั้งท่านผู้เฒ่าและท่านครุฑหันไปดุท่านบุนนาค ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะรู้แน่ว่าถ้าไม่อธิบายเองงานนี้มีหวังคุยกันยันฟ้ามืดแน่ เลยพูดขึ้นอีกครั้งอย่างใจเย็นว่า

 

       " ไกร จำได้ไหมว่าเมื่อคืนข้าขอแยกไปเพื่อไปแจ้งกับพ่ออยู่หัวทั้งสองและสมเด็จเจ้าฟ้าพินทวดีน่ะ เจ้าคงไม่คิดว่าข้าแค่ไปแจ้งเฉยๆ แล้วจะเดินกลับออกมาได้อย่างสะดวกดายเลยหรอกนะ ใช่ไหม? "

 

         คำถามอย่างตรงไปตรงมาของท่านผู้เฒ่าทำไกรอึกอักเล็กน้อย เพราะถ้าให้พูดตรงๆ เขาคงต้องบอกว่าฝ่ายของท่านผู้เฒ่าค่อนข้างน่าเป็นห่วงมากกว่าทางของเขาเองเสียอีก ซึ่งท่านผู้เฒ่าก็เกาหัวแกรกๆก่อนจะคืนพระธำมรงค์พระราชทานที่ท่านผู้เฒ่าขอยืมไปเพื่อการเข้าเขตพระราชฐานชั้นในให้กับไกรและอธิบายต่อเรียบๆว่า

 

       " เกือบแย่เลยเหมือนกันล่ะ แถมยังต้องงัดไม้แข็งออกมาใช้อีก พูดตรงๆเล่นเอาเกิอบแย่เหมือนกัน ฮึ่ม! เพราะความดึงดันของเจ้าแท้ๆ "  ท่านผู้เฒ่าหันสายตาเป็นเชิงดุมาให้ไกรจนไกรหงอไปเล็กน้อย ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับพูดต่อว่า

 

       " ถึงจะผิดแผนไปบ้าง แต่ข้าต้องยื่นข้อเสนอให้กับพ่ออยู่หัวเพื่อให้อนุญาตให้เจ้าไปได้แล้วล่ะ "

 

       " ข้อเสนอ...อย่างงั้นเหรอขอรับ? "  ไกรเอียงคอถามเบาๆ ซึ่งท่านผู้เฒ่าก็พยักหน้าเบาๆ

 

       " อืม...ข้อเสนอ ...ประมาณว่าเป็นภารกิจรองที่สามารถทำควบคู่ไปกับภารกิจหลักของเจ้าได้น่ะ "

 

       ' side quest เหรอ? เอ...ปรกติแล้วถ้าเอาตามในเกมก็เป็นเควสรองเพื่อเสริมเนื้อเรื่องที่ไม่ต้องทำก็ได้นี่นา '  ไกรเอียงคอเลิกคิ้วคิดตาม ก่อนจะถามท่านผู้เฒ่าเบาๆว่า

 

       " แล้วเควส...เอ่อ หมายถึง ภารกิจรองที่ว่านี่มันภารกิจอะไรเหรอขอรับ? "

 

       " อืม...ก็ง่ายๆแหละ ช่วยจัดกองทหารเพื่อปล้นเสบียงและตัดกำลังกองทัพพระเจ้าอลองพญาเพื่อถ่วงทัพพม่าให้ทีสิ "

 

       " ... "

 

       " หืม? ทำหน้าแบบนี้แปลว่าได้ยินไม่ชัดสินะ "  ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วถามเบาๆเมื่อห็นสีหน้าของไกรก่อนตั้งท่าจะพูดซ้ำอีกครั้ง แต่ไกรยกมือขึ้นปฏิเสธพร้อมกับพูดเบาๆว่า

 

       " เปล่าๆ คือ ขอข้าทำความเข้าใจก่อนนะขอรับ...ประมาณว่าที่ท่านต้องการคือจะให้ข้าจัดตั้งกองกำลังนิรนามขึ้นเพื่ออ้อมไปด้านหลังทัพพม่า และตัดเสบียงที่ถูกส่งมาจากทางใต้เพื่อสร้างความลำบากให้กับทัพพระเจ้าอลองพญาพร้อมกับช่วยท่านเรืองที่เป็นเชลยศึกในค่ายพม่าด้วยสินะขอรับ "

 

       " อืม...ที่จริงก็ไม่ได้หวังแค่ให้ตัดเสบียง แต่อยากให้เล่นงานทัพลาดตะเวน หรือทัพเสริมเล็กๆของพวกพม่าอีก เพื่อสร้างความปั่นป่วนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้...แต่ก็ประมาณที่เจ้าว่านั่นแหละ แหม กะแล้วว่าต้องเข้าใจอะไรง่ายๆเช่นนี้ สมเป็นเจ้าจริงๆล่ะไกรเอ้ย...ถ้าเช่นนั้นขอรบกวนเลยนะ "

 

       " แหม เรืองเล็กน้อยแค่นี้อย่าเรียกว่ารบกวนเลยขอรับ---ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่เหมือนกัน แต่แบบนี้มันไม่เรียกว่าเล็กน้อยแล้วเฟ้ยขอรับ! แบบนีมันหนักกว่าเควสหลักอีกไม่ใช่รึไงฟะ! "  ไกรโวยออกมาดังลั่นเรือน ในขณะที่ทั้งสามคน ไม่ว่าจะเป็นท่านผู้เฒ่า ท่านครุฑ และท่านบุนนาค ต่างพร้อมใจกันอุดหูเพื่อกันเสียงร้องของไกรราวกับรู้แกวอยู่แล้วทันที

 

       " แหม ก็ว่าแล้วว่าต้องโวย "

 

       " ก็แน่ล่ะ พูดตรงๆถ้าให้ไปชนกับทัพพระเจ้าอลองพญาที่น่าเกรงขามขนาดนั้นด้วยทัพเล็กๆ ที่เรียกว่าทัพไม่ได้ด้วยซ้ำ ข้าก็คงไม่ไหวเหมือนกัน "  ท่านบุนนาคที่ถึงขนาดเป็นออกญาพระกลาโหมเองก็ยังส่ายหน้า จนไกรกัดฟันกรอดพร้อมกับหันไปหาทานผู้เฒ่าอีกครั้งทันที

 

       " ขนาดท่านบุนนาคยังบอกเลิกศาลา แล้วท่านคิดยังไงถึงได้ใช้ข้าล่ะขอรับ "

 

       " เพราะถ้าหากจะมีใครซักคนทำเรื่องบ้าๆนี้ได้และทำได้สำเร็จ ไอ้ใครซักคนที่ว่าก็คงจะไม่พ้นเป็นเจ้าคนเดียวเท่านั้นแหละ ไกร "

 

       " ไปเอาความมั่นใจผิดๆนี่มาจากไหนฟะขอรับ! "

 

       " ความมั่นใจมันมีมาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ที่เจ้าตามข้ามาอโยธยาเพื่อแจ้งข่าวกับพระดอกเดื่อ...แค่! แจ้งข่าวอย่างลับๆแล้วรีบกลับ...เจ้าทำแผนเดิมที่ข้าวางไว้พังราบแถมยังจับพลัดจับผลูจนมาเป็นเจ้าพระยาระดับสูงได้อีก...พูดตรงๆนะเจ้าน่ะมันเป็นตัวทำแผนการขยายไปได้อย่างสุดยอดจริงๆว่ะ "

 

       " ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นคำชมนะขอรับ "

 

       " ก็ไม่ได้ชมน่ะสิ แต่เรื่องนี้เป็นอันตกลงกันเรียบร้อยแล้ว ถ้าหากเจ้าไม่ยอมรับเงื่อนไขก็บอกลาเรื่องการช่วยทานเรืองของเจ้าได้เลย "  ท่านผู้เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดโดยไม่เปิดโอกาสให้ไกรโต้แย้งต่อ ในขณะที่ท่านครุฑผู้อยู่ในฐานะของออกญาจักรีฯและพ่อบุญธรรมของท่านสินซึ่งมองสีหน้าไกรอยู่ตลอดยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดเสริมขึ้นมาว่า

 

       " อย่ากังวลขนาดนั้นเลยขอรับ ท่านไกร ถึงจะบอกว่าให้ถ่วงทัพพระเจ้าอลองพญา แต่ท่านไม่จำเป็นจะต้องเข้าโจมตีเหล่าพลาธิการที่คอยส่งข้าวส่งน้ำให้ทุกๆกอง แต่ขอแค่ให้ท่านโจมตีแบบถนอมทัพเพื่อสร้างความปั่นป่วนเท่านั้น...ไม่จำเป็นต้องหักหาญกระทำการเกินตัวจนเข้าเนื้อใดๆทั้งสิ้น "

 

       " ประมาณสงครามกองโจรหรือการก่อการร้ายน่ะเหรอขอรับ? "

 

       " สงครามกองโจร? "  ทั้งสามคนทวนคำด้วยความสงสัย เพราะคำว่า สงครามกองโจร หรือ การก่อการร้าย ยังไม่ได้ถูกบัญญัติขึ้นมา แต่ทั้งสามพอจะเข้าใจสิ่งที่ไกรจะสื่อได้ จึงพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงเห็นด้วย

 

       " เรื่องนั้นก็พอจะเข้าใจหรอกขอรับ แล้วเหตุใดถึงได้บอกว่าจะไล่ข้าออกจากราชการล่ะ...คือ เข้าใจว่าข้าทำงานไม่คุ้มเงินเดือน แต่เรื่องนั้นกับเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกันเลยนี่ "  ไกรถามอย่างสงสัย ซึ่งท่านผู้เฒ่าเป็นฝ่ายตอบกลับมาเรียบๆว่า

 

       " เพื่อที่จะให้เจ้าเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกขึ้น และเพื่อให้พระเจ้าเอกทัศน์ตรัสปฏิเสธได้อย่างเต็มโอษฐ์ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ราชโองการของพระองค์ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผิดจารีตสงครามที่ดำเนินมาแต่เก่าก่อนในระดับเข้าขั้นวิตถารเลย ...และสุดท้าย...เพื่อที่จะตัดหางปล่อยวัดเจ้าได้ทันทีหากเจ้าเกิดพลังพลาดถูกจับได้หรือถูกสังหารอย่างไรล่ะ "

 

       " ท่านผู้เฒ่า! "  ออกญากลาโหมบุนนาคหันไปขมวดคิ้วพร้อมกับร้องออกมาเป็นเชิงตำหนิในคำพูดที่ฟังดูโหดร้ายเข้าขั้นเลือดเย็นของชายผู้เป็นเสมือนผู้ปกครองของไกรเอง แต่ไกรก็โตพอจะอนุมานได้แต่แรกแล้วและก็เข้าใจข้อนี้ดี...

 

       ' ถ้าในสถานการณ์แบบนี้ ก็พอจะเข้ากับแผนการเราได้อยู่...ไม่สิ แบบนี้มันก็เข้าล๊อคเลยไม่ใช่รึไงล่ะเนี่ย! '  ไกรที่หลับตาลงและนิ่งไปอย่างครุ่นคิดพยายามเชื่อมโยงข้อมูลทุกอย่างที่เขามีอยู่ในหัวตอนนี้ ก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นพร้อมกับซ่อนยิ้ม และพยักหน้าตอบกลับไปช้าๆทันที

 

       " ข้าเข้าใจขอรับ และทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะข้าดึงดันอยากจะไปช่วยท่านเรืองเอง ข้ายอมรับความเสี่ยงขอรับ "  ไกรพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ก่อนจะลุกขึ้นยืนซึ่งทั้งสองอัครมหาเสนาบดีอย่างท่านครุฑและท่านบุนนาคก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกันด้วยสีหน้าโล่งใจเล็กน้อยที่ไกรสามารถเข้าใจเรื่องราวได้อย่างว่าง่าย ผิดกับท่านผู้เฒ่าที่รู้จักกับไกรมานาน ที่ขมวดคิ้ววูบทันที

 

       " ...ว่าง่ายเกินไป "  ในที่สุดท่านผู้เฒ่าที่ยังคงนั่งอยู่ก็ครางออกมาเบาๆ จนไกรหันมาเลิกคิ้วใส่เพราะได้ยินไม่ถนัด

 

       " ขอรับ? "

 

       " ข้าหมายถึงเจ้านั่นแหละ วันนี้เจ้าน่ะ ว่าง่ายจนเกินไป...ว่าง่ายจนเกินกว่าปรกติทั่วไปของเจ้า...เจ้ามีจุตประสงค์ซ่อนเร้นอันใดกันแน่ "

 

         ท่านผู้เฒ่าพูดอย่างมองทะลุเข้าไปในคราบหนังแกะที่คลุมอยู่ของไกรได้ เขารู้ดีว่าไกรไม่ใช่เด็กที่ว่านอนสอนง่ายถึงขนาดยอมกระดิกหางเซื่องๆทำตามคำสั่งของเขาหรือของผู้ใดโดยไม่ไต่ถาม...แต่เป็นผู้ที่ไม่ยอมเสียเปรียบแถมยังเจ้าเล่ห์ไม่ด้อยกว่าผู้ใด...การที่ไกรยอมรับข้อเสนอเชิงคำสั่งอย่างว่าง่ายนี้ได้อย่างง่ายดาย ก็แปลได้อย่างเดียว...

 

      ...ไกรมีแผนการที่ซ่อนอยู่และรอคอยที่จะเผยออกมาในจังหวะเหมาะๆตั้งแต่แรกแล้ว...

 

       " เอาล่ะ ไกร...เลิกเล่นบทลูกแกะได้แล้ว...ข้าไม่ใช่คนอื่นคนไกลแต่เป็นดั่งครอบครัวของเจ้า ...เจ้าต้องการข้อแลกเปลี่ยนอะไร? พูดออกมาเถอะ "  ท่านผู้เฒ่าพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ยังคงแฝงแววของความการุณราวกับพ่อพูดกับลูกชายอย่างเช่นเดิม ทำให้ไกรนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่ในที่สุดเขาจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับก้มหน้าลงช้าๆ

 

       " ถูกของท่าน ท่านผู้เฒ่า...สำหรับเรื่องภารกิจรองอันสาหัสสากรรจ์นี้ ข้ายินดีจะทำให้อย่างไม่บิดพลิ้ว...แลกกับข้อแลกเปลี่ยนง่าย ๒ ข้อ เพียงสองข้อเท่านั้น "

 

       ' สองข้อ? '  ท่านครุฑและท่านบุนนาคหันไปมองหน้ากันช้าๆ...สำหรับเรื่องที่พวกเขาขอร้องให้ไกรทำ แลกกับคำขอร้องแค่สองข้อไม่ถือว่ามากเลย...แต่พวกเขาก็รู้ดีเกินพอว่าไกรไม่ใช่คนโง่...ข้อเรียกร้องของไกรต้องสมน้ำสมเนื้อที่สุดอย่างแน่นอน...

 

       " ว่ามาเลย ท่านไกร " 

 

         ไกรซ่อนยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนยอมเล่นด้วยแล้ว ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดขึ้นอย่างเชื่องช้าและชัดเจนที่สุดว่า

 

       " ท่านผู้เฒ่า...ถ้าข้าเดาไม่ผิด ท่านจะให้มือสังหารในสังกัดของทาน...หมายถึงมือสังหารแบบเดียวกับข้าไปกับข้าด้วย เพื่อประกันความปลอดภัยของข้า...ใช่หรือไม่ขอรับ? "

 

       " ใช่...นั่นเป็นแผนของข้า เพื่อกันไม่ให้เจ้าทำเรื่องที่โง่ๆราวกับฆ่าตัวตาย ข้าจำเป็นต้องให้เด็กๆของข้าไปด้วย "

 

       " ถ้าเช่นนั้นข้อแรก...ข้าต้องการเลือกระบุตัวมือสังหารของท่านที่จะร่วมทางไปกับข้าเอง ท่านผู้เฒ่า "

 

       " อืม แปลว่าจะขอเลือกเองสินะ...เข้าใจคิดนี่ "

 

         ข้อเรียกร้องแรกของไกรทำให้ทุกคนกระพริบตาปริบๆ เพราะว่านั่นเป็นแผนเดิมของท่านผู้เฒ่าอยู่แล้ว ทำให้ไม่อาจจะพูดได้ว่านี่เป็นข้อเรียกร้องด้วยซ้ำ...แต่ท่านผู้เฒ่าก็เลิกคิ้วเมื่อเขามองทะลุถึงสิ่งที่ไกรต้องการจะสื่อ ...ชายผู้เป็นหัวหน้าหมู่บ้านมือสังหารที่ดำมืดที่สุดแสยะยิ้มพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

 

       " เจ้ารู้ใช่ไหมว่าข้าตั้งใจจะส่งทุกคนที่อยู่ในอโยธยาซึ่งก็คืออนาสตาเซีย สิงห์ ศกุนตลา รวมถึงอเทตยาไปกับเจ้า...พวกเขาคือกลุ่มมือสังหารที่ฝีมือดีที่สุดของข้าที่ข้ามั่นใจว่าจะปกป้องเจ้าได้ "

 

       " ขอรับ "

 

       " หึๆ ถ้าเช่นนั้น...เจ้าไม่ต้องการให้ผู้ใดร่วมทางไปกับเจ้า? "

 

       " อนาสตาเซีย ซี.ฟอลคอน...ลูกสาวบุญธรรมของท่านขอรับ ท่านผู้เฒ่า "  

 

         ท่านผู้เฒ่ากระพริบตาปริบๆ ก่อนจะเงียบไป...แต่เป็นฝ่ายของเจ้าพระยามหาเสนาที่ถามเบาๆอย่างข้องใจว่า

 

       " แล้วคุณท้าวอนาสตาเซียไปทำอะไรให้ท่านเจ็บช้ำน้ำใจกัน ท่านถึงได้จงเกลียดจงชังนางถึงเพียงนี้ "

 

       " หา? เดี๋ยวสิ ทำไมถึงคิดว่าข้าเกลียดนาสตี้ล่ะขอรับ? "

 

       " อ้าว ก็มองในแง่ของความปลอดภัยของท่าน มีหลายคนย่อมดีกว่ามีคนน้อยกว่าเดิม...ถ้าท่านไม่ได้เกลียดหน้านาง แล้วมันจะมีเหตุผลอื่นใดอีกล่ะขอรับ "  ออกญามหาเสนาพูดตามความเป็นจริงอย่างที่เขาคิด แต่เป็นท่านผู้เฒ่าที่นิ่งเงียบไปยิ้มเล็กน้อยก่อนจะแก้แทนไกรเบาๆว่า

 

       " ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านออกญา...ไกรไม่ได้โกรธอะไรอนาสตาเซียลูกข้า...แต่เขาพยายามปกป้องนางให้ห่างจากเรื่องอันตรายนี้ต่างหาก "  ท่านผู้เฒ่าที่เจนจัดเรื่องสตรีมากกว่าพูดเบาๆ จนทั้งท่านครุฑและท่านบุนนาคหันไปมอง แต่ท่านผู้เฒ่าไม่สนใจและถามไกรต่อช้าๆว่า

 

       " เจ้ารู้ใช่ไหมว่านางไม่ใช่สตรีธรรมดาสามัญ นางปกป้องตัวเองได้ อาจจะปกป้องได้ดีกว่าหรืออาจจะรวมถึงปกป้องเจ้าได้เลยด้วยซ้ำ นางไม่จำเป็นต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง "

 

       " ฮ่ะๆ ท่านเข้าใจผิดแล้ว ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่ได้เป็นห่วงเธอ พูดตรงๆตอนนี้ข้าไม่มีพลังพอจะเป็นห่วงเธอด้วยซ้ำ ...แต่เมื่อข้าออกจากที่นี่ ข้าต้องการจะมีเครื่องประกันว่าจะไม่มีใครมาทำอะไรเลวร้ายกับอโยธยาได้ ข้ารู้ว่าท่านจะไม่มีทางให้มันเกิดขึ้น แต่ท่านคงไม่อาจจะใจร้ายห้ามไม่ให้อนาสตาเซียตามข้าไปได้ถ้าข้าไม่พูดขอเช่นนี้...ข้าจึงขอร้อง ให้อนาสตาเซียอยู่ปกป้องพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์แทนข้า "

 

       ' ถึงขนาดที่รู้ว่าภารกิจที่ตัวเองได้รับเป็นภารกิจที่มีโอกาสสำเร็จริบหรี่ แต่ก็ยังอุคส่าห์มาห่วงเรื่องความปลอดภัยของพ่ออยู่หัวเนี่ยนะ? ...เด็กคนนี้ '  ท่านครุฑและท่านบุนนาคคิดในใจพร้อมกับพร้อมใจกันคอตกอย่างละอายใจ...เพราะถ้าหากเป็นพวกเขา คงจะคิดแต่เรื่องที่จะสามารถเพิ่มโอกาสให้ตัวเองอยู่รอดได้มากกว่าจะคิดถึงเรื่องอื่นอย่างเด็กหนุ่มตรงหน้าแน่ๆ

 

       ' ทั้งๆที่เราต่างก็เป็นเจ้าพระยาผู้เป็นอัครมหาเสนาบดีแท้ๆ แต่ว่า...น่าละอายจริงๆ '

 

       " อยากรู้จริงๆว่าอนาสตาเซียจะเข้าใจความปรารถนาที่แท้จริงของเจ้าไหม "  ท่านผู้เฒ่าครางออกมาเบาๆอย่างไม่อยากจะนึกภาพ แต่เขาก็ยอมรับความคิดของไกร...ถึงขนาดตัวจะจากไปไกลแต่ก็ยังอุตส่าห์เลือกคนที่เก่งที่สุดที่ไว้ใจได้มากที่สุดมาแทนที่ตัวเองอีก...นี่ไม่ใช่ความคิดของคนโง่เลยแม้แต่น้อย...ในขณะที่ไกรยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดเบาๆว่า

 

       " เรื่องนั้นไว้ข้าจะพูดกับนางเองขอรับ "

 

       " เข้าใจล่ะ...แล้วข้อเรียกร้องอีกข้อนึงของเจ้าล่ะ? "

 

         ไกรยิ้มเล็กน้อยอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะสูดหายใจลึกอย่างตัดสินใจเด็ดขาดและเตรียมตัวจะพูดออกมาอย่างชัดเจนที่สุดว่า

 

 

 

 

 

.............................................

 

 

 

 

 

      ...ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา...ช่วงสายของวันเดียวกัน...ณ จวนประจำตำแหน่งของไกร...

 

       " ท่านไกร ข้ามาแล้วขอรับ "  เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ไกรที่เวลานี้กำลังนั่งเหม่อพร้อมกับคลึงถวยชาที่ยังส่งควันกรุ่นๆในมือขยับเล็กน้อยราวกับตื่นจากห้วงภวังค์ความคิด ก่อนที่เขาจะยิ้มและหันกลับมามองชายหนุ่มเจ้าของเสียงที่ไกรค่อนข้างจะมักคุ้นเป็นอย่างดี

 

       " อ้อ มาแล้วหรือ ท่านสิน ...หืม? แลัวที่ตามมาด้วยนี่ใครกันล่ะเนี่ย? "  ไกรหันกลับไปทักหลวงยกกระบัตรเมืองตาก ท่านสิน ก่อนที่เขาจะสังเกตุเห็นเด็กหนุ่มสองคนที่ตามหลังมาด้วย โดยที่คนหนึ่งมีผิวขาวและดวงตาชั้นเดียวยิบหยี บ่งบอกถึงเชื้อชาติจีนที่ไหลเวียนอยู่ในสายเลือดได้เป็นอย่างดี...ในขณะที่อีกคนเป็นหนุ่มไทยแท้ที่ดูได้จากผิวสีหม้อใหม่(สีแทน) และหน้าตาที่แม้จะมีรอยแผลเป็นแต่ก็หล่อเหลาเอาการ แถมยังดูมีน้ำมีนวลราวกับมีเชื้อสายชนชั้นสูงหน่อยๆอีกต่างหาก ...ซึ่งสินที่เดินนำหน้ามาก็เลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะพร้อมกับผายมือเพื่อแนะนำตัวรายคนช้าๆ

 

       " คนของข้าเองน่ะขอรับ...เจ้าตี๋หน้าขาวชาวจีนนี่คือหลวงพรหมเสนา รับราชการเป็นจ่าเมืองอยู่ที่แขวงเมืองตาก สหายรุ่นน้องของข้าตั้งแต่ที่ข้ายังไม่มีหน้าที่ชัดเจนในแขวงเมืองตากเลย...ส่วนท่านผู้นี้คือพระเชียงเงิน...เป็นผู้รั้งเมืองเชียงเงิน เมืองชั้นจัตวาที่อยู่ใกล้ๆกับเมืองระแหงซึ่งขึ้นตรงต่อเมืองตากอีกที...เป็นสหายของข้าอีกคนหนึ่งขอรับ "

 

       ' พระเชียงเงิน...กับหลวงพรหมเสนา...เอ...ชื่อคุ้นๆวุ้ย '  ไกรเลิกคื้วคิดในใจเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่อยากจะเสียมารยาท จึงยิ้มพร้อมกับทักทายชายหนุ่มทั้งสองคน ในขณะที่ทั้งสองคนรีบก้มหัวให้กับไกรทันที

 

       ' อ้อ ลืมไป เรายังอยู่ในยศเจ้าพระยานาหมื่นนี่เนอะ '  ไกรนึกขึ้นได้จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่อีกฝ่ายเคารพเขาถึงเพียงนี้ ก่อนที่เขาจะหันไปมองสินพร้อมกับเลิกคิ้วเล็กน้อยเป็นเชิงถามต่อ ซึ่งสินก็ยิ้มพลางอธิบายเบาๆว่า

 

       " พวกเขาจะขอติดตามข้า...ติดตามเราไปช่วยไอ้ออกญาเพชรบุรีเรืองด้วยน่ะขอรับ "

 

       " นี่ท่านบอกคนอื่นในเรื่องที่ควรจะเป็นความลับเหรอเนี่ย? "  ไกรเอ่ยเบาๆเป็นเชิงตำหนิ ซึ่งสินก็ยิ้มรับคำตำหนินั้นโดยไม่อาจจะเถียงอะไรได้ทันที

 

       " ขออภัยนะขอรับ แต่พวกเขาไว้ใจได้ ทั้งยังมีฝีไม้ลายมือไม่ใช่น้อยๆ เชื่อว่าพวกเขาต้องช่วยเราได้ไม่มากก็น้อยแน่ "

 

       " เอาเถอะ ข้าก็ไม่ได้ว่าอะไร...ไม่สิ ถ้าเป็นเมื่อคืนข้าก็คงด่าจนหูชาแน่ๆ แต่เวลานี้แผนที่ข้าวางไว้ถูกเปลี่ยนไปเล็กน้อย ทำให้กลับกลายเป็นว่ายิ่งมีคนดีมีฝีมือมาเสริมทัพมากเท่าไหร่่ก็ยิ่งดีขึ้นเท่านั้น "  ไกรครางออกมาเบาๆก่อนจะหันไปจิบชาที่อยู่ในมือต่อ ในขณะที่พระเชียงเงิน กับหลวงพรหมเสนาหันไปมองหน้ากันพร้อมกับมองหน้าสินเล็กน้อยทันที

 

       " ทัพ...อย่างนั้นหรือขอรับ? "  

 

      ...ไม่แปลกที่พวกเขาจะสงสัย ซึ่งก็ไม่เว้นแม้แต่ท่านสินเอง เพราะจากที่คุยกันอย่างคร่าวๆเมื่อคืนก่อน พวกเขากะกันว่าการบุกไปช่วยท่านเรืองในครั้งนี้คงจะไปกันแค่กลุ่มเล็กๆ เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนไหวและอำพรางร่องรอยได้ง่ายกว่าคนเยอะๆ...ทำให้สินค่อนข้างจะแปลกใจกับคำว่า ทัพ ที่ไกรพูดออกมาเป็นอย่างมาก... 

 

       " ท่านไกร? "

 

       " ท่านฟังไม่ผิดหรอก ท่านสิน คำว่าทัพก็คือคำว่าทัพนั่นแหละ "

 

       " ยิ่งฟังยิ่งงงแฮะ ท่านหมายความว่าอย่างไกรกันแน่เนี่ย? "  สินครางออกมาเบาๆ แต่แล้วเขาก็พึ่งสังเกตเห็นที่ลานกว้างด้านนอกเรือนของไกร...

 

      ...ลานกว้างที่เวลานี้ถูกยืนแถวอย่างเป็นระเบียบที่สุดด้วยทหารที่อยู่ในทุกช่วงอายุ ซึ่งสวมไว้ด้วยชุดสีดำสนิทซึ่งเป็นชุดแพรประจำหน่วยคเณศร์เสียงาของไกรที่ปรกติแล้วมีคนได้ใส่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น...ไม่ใช่เป็นร้อยๆคเช่นนี้แน่...

 

       " อ้อ พวกท่านมาทางเรือแล้วจอดไว้ตรงหน้าท่า เลยไม่ได้ผ่านมาทางหน้าลานกว้างนี่เนาะ "  ไกรครางออกมาเบาๆอย่างเข้าใจท่าทีตกตะลึงของชายหนุ่มทั้งสามคน ก่อนจะอธิบายต่ออย่างเชื่องช้าว่า

 

       " เราได้รับการคำสั่งลับที่สุด ให้มีหน้าที่พิเศษอีกอย่างหนึ่งนอกจากช่วยท่านเรือง นั่นคือการทำสงครามกองโจร เล่นงานสายส่งเสบียงทัพพระเจ้าอลองพญา อย่างลับๆโดยไม่ขึ้นตรงกับใครทั้งสิ้น...อ้อ สำหรับเรื่องนี้ ท่านคงต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้มากกว่าคนอื่นหน่อยนะ ท่านสิน "

 

       " ห หา...ข้าอย่างนั้นหรือขอรับ? "  สินที่ยังคงไม่สร่างตะลึงทวนคำเล็กน้อย ซึ่งไกรก็ฉีกยิ้มพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ

 

       " อืม...เพราะท่านคือข้อแลกเปลี่ยนซึ่งเป็นคำขอร้องที่ ๒ ของข้า...ข้าขอให้ท่านมากับข้าในศักดิ์ฐานะรองหัวหน้า ผู้อำนาจสั่งการในทัพของเราเทียบเท่ากับข้าในทุกๆทางอย่างไรล่ะ...ท่านหลวงยกกระบัตร สิน " 

 

       " "

   

       " "

 

       " "

 

       " "

 

       " "

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา