ยุคันตวาต (ลมสิ้นยุค)

9.4

เขียนโดย PingJa

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2557 เวลา 23.49 น.

  152 ตอน
  11 วิจารณ์
  110.44K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2557 20.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

103)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

 

==============================================

 

 

 

       พรึ่บ!

 

     " อย่า! ศกุนตลา "  ท่านผู้เฒ่าที่ยืนล้ำอยู่ด้านหน้าเอ่ยปรามด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว เพราะทันทีที่หญิงสาวนามว่าดาราพูดจบ จิตสังหารของศกุันตลาก็พุ่งพรวดออกมาราวกับทำนบแตก...จิตสังหารที่บ่งบอกว่าคราวนี้เธอคิดฆ่าจริงๆแน่นอน

 

     " ท่านผู้เฒ่า กรุณาหลบไป! " 

 

     " ท่านผู้เฒ่า? ศกุนตลา? "  ไกรที่เห็นท่าไม่ดีจึงรีบพุ่งเข้ามาขวางหน้าระหว่างดารากับศกุนตลาไว้เพื่อลดการคุกคามของจิตสังหารลงพร้อมกับร้องเตือนสติอีกฝ่ายทันที

 

     " ศกุนตลา เลิกบ้าเสียที! "  คราวนี้ท่านผู้เฒ่าตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวที่สุดจนกระทั่งศกุนตลาที่กำลังจะชักปืนที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อออกมาอยู่รอมร่อแล้วถึงกับชะงักกึกราวกับถูกสาปให้เป็นหิน ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะหันกลับมาหาหญิงสาวปริศนานามว่าดาราพร้อมกับขมวดคิ้วและพูดเรียบๆทันที

 

     " ถ้านี่เป็นการสร้างความประทับใจครั้งแรกสำหรับการเจรจา เจ้าก็สร้างความประทับใจผิดประเด็นเสียแล้ว...ดารา "

 

     " หืม? คิกๆ นี่ไม่เชื่อข้าเลยรึเจ้าคะ "  ดาราที่ยังคงตัวสั่นน้อยๆแอบอยู่ที่ด้านหลังของไกรหลังจากได้สัมผัสจิตสังหารอันแหลมคมของศกุนตลาแบบเต็มๆยังอุตส่าห์บังคับเสียงให้พูดตอบโต้ออกมาได้ ทำให้ท่านผู้เฒ่าหัวเราะในลำคอออกมาเบาๆทันที

 

     " ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าไปรู้เรื่องงามหน้าพรรค์นี้มาได้อย่างไร แต่เรื่องนั้นมันจบลงไปแล้ว และข้าไม่ต้องการพูดถึงมันอีก...แล้วก็นะ ถ้าเจ้ามาด้วยเรื่องแค่นี้ ข้าก็ขอบอกว่ามันช่างเสียเวลาสิ้นดี ไกร...ส่งแขก! "  ประโยคหลังเขาหันมาพูดกับไกรพร้อมกับหันหลังกลับ นั่นทำให้ดารารีบพูดออกมาเพื่อเข้าประเด็นทันที

 

     " ข้ามาเพื่อพูดเรื่องกองทัพอันเกรียงไกรของพระเจ้าอลองพญา...ทัพพม่าอันเกรียงไกรที่สุดที่เวลานี้กำลังคืบหน้าเข้ามาใกล้ทุกที "

 

     " หืม? "  หัวเรื่องใหม่ที่ดาราพูดขึ้นสร้างความสนใจให้กับท่านผู้เฒ่าจนเขาหันกลับมาพร้อมกับครางในลำคอเบาๆอีกครั้ง...แม้ว่ายังจะมีคนที่ยังติดใจสงสัยในเรื่องก่อนหน้าอยู่ก็ตาม เพราะอเทตยาที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรหันไปเอียงคอถามทั้งอนาสตาเซียและสิงห์ที่น่าจะรู้เรื่องเช่นกันทันที

 

     " นี่...ที่ยัยดารานั่นพูดก่อนหน้ามัน--- "

 

     " หยุดเลย อเทตยา "

 

     " เอ๋? "

 

     " สำหรับเจ้าน่ะ...รู้แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว "  อนาสตาเซียหันกลับมาและพูดเรียบๆ และทำหน้าที่อเทตยาแทบจะไม่เคยเห็นจากใบหน้าของหญิงสาวชาวตะวันตกผู้นี้เลย

 

     ...ใบหน้าที่แท้จริงของมือสังหารอันดับหนึ่งแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต!...

 

     " เจ้า...มีอะไรจะมาเสนอข้าอย่างนั้นหรือ? ...ดารา "  ท่านผู้เฒ่าเลิกคิ้วพร้อมกับหันหลังกลับมาและพูดเรียบๆอย่างเริ่มสนใจมากขึ้น ในขณะที่ดารายิ้มพรายพร้อมกับออกมาจากเบื้องหลังของไกรอย่างรู้ดีว่าเธอคงไม่ตกเป็นเป้าหมายแล้ว ก่อนจะพูดต่อเบาๆว่า

 

     " อาจจะจริงอยู่ว่าทั้งบรรลัยกัลป์และยุคันตวาตอาจจะเริ่มต้นกันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก--- "

 

     " ฮ่ะๆ ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก? เธอนี่พูดเรื่องที่หนักชนิดข้าเกือบเอาชีวิตไม่รอดออกมาได้อย่างรื่นหูและกระจ้อยร่อยเสียจริงนะ "  ไกรที่ทีแรกกะจะยืนฟังเงียบๆถึงกับห้ามปากตัวเองไม่อยู่และต้องร้องขัดขึ้นทันที ทำให้ดาราหันมาและอียงคอยิ้มพร้อมกับพูดช้าๆว่า

 

     " เรื่องส่วนตัวล้วนเล็กน้อยจนกระจ้อยร่อยเมื่อเทียบกับเรื่องของบ้านเมืองอยู่แล้วนี่ "

 

     " เรื่องบ้านเมือง? "

 

     " ใช่แล้วล่ะ ถึงจะบอกว่ากลุ่มบรรลัยกัลป์ของข้านั้นไม่อาจจะบอกจดมุ่งหมายสูงสุดที่แท้จริงได้ แต่ที่ข้าบอกได้ก็คือ ข้ามีเส้นสายมากพอจะทำให้รู้ถึงกระบวนและจำนวนทัพของทั้งอโยธยาและพม่าได้อย่างละเอียด...และที่ข้าบอกได้ก็คือ...อโยธยาไม่มีวันชนะศึกคราครั้งนี้แน่ "

 

     ' จริง... '  ไกรที่รู้ประวัติศาสตร์ในช่วงเวลานี้ดีอยู่แล้วเช่นกันอดพยักหน้าเบาๆให้กับคำพูดของหญิงสาวตรงหน้าไม่ได้...  ' ...หากไม่ใช่ว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น กรุงศรีอยุธยาก็ควรจะเสียกรุงตั้งแต่ศึกคราวนี้ที่พระเจ้าอลองพญาเตรียมพร้อมกำลังพลมาอย่างพรั่งพร้อมที่สุดแล้ว ' 

 

       ท่านผู้เฒ่าที่ทั้งเห็นท่าทีของไกรและทั้งสามารถประเมินสถานการณ์ศึกได้จากประสบการณ์เช่นกันก็คล้อยตามคำพูดของหญิงสาวตรงหน้า ก่อนที่เขาจะพยักหน้ารับเล็กน้อย แต่ก็ยังอดติงออกมาเบาๆไม่ได้ว่า

 

     " ข้านึกว่าเจ้าและกลุ่มของเจ้ามีจุดประสงค์ที่จะสร้างความวุ่นวายและหมายจะโค่นล้มบัลลังก์อโยธยาเสียอีก "

 

     " ข้าบอกแล้วว่าเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร เอาเป็นว่าข้าสามารถบอกได้ว่าพวกข้าและท่านผู้เฒ่าของข้าเองก็ไม่ยินดีนักที่จะได้เห็นร่มเศวตฉัตรกรุงอโยธยาต้องไปอยู่ภายใต้ร่มเศวตฉัตรของรัตนสิงค์ (เมืองหลวงปัจจุบันของพม่า) ข้าจึงถือวิสาสะมาเป็นตัวแทนของกลุ่มบรรลัยกัลป์ มาเพื่อบอกกับท่าน "

 

     " บอกกับข้า? "  ท่านผู้เฒ่าเอียงคอเล็กน้อยพร้อมกับครางออกมาเบาๆอย่างสนใจใคร่รู้เต็มที่ ในขณะที่ดารายิ้มพรายพร้อมกับพูดด้วยเสียงอันดังชัดเจนว่า

 

     " ครานี้จะเป็นครั้งแรก และอาจจะเป็นครั้งเดียว ที่กลุ่มบรรลัยกัลป์ของข้าจะขอร่วมมือกับท่านและกลุ่มของท่าน ท่านผู้เฒ่า "

 

     " ฮ่ะๆ อะไร? จะบอกว่าเจ้ากับเราจะมากัดฟันยอมร่วมมือกันโดยไม่สนเรื่องราวในอดีตน่ะเหรอ? ถ้าเจ้ายังละเมออยู่ก็ตื่นเสียทีเถอะนะ "  ท่านผู้เฒ่าหัวเราะออกมาอย่างสมเพชกับความคิดตื้นๆของอีกฝ่าย แต่ดารากลับเอียงคอและพูดออกมาเบาๆว่า

 

     " ประชาใต้หล้า "

 

     " ว่่าอย่างไรนะ? "

 

     " ประชาใต้หล้า...นั่นคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของหมู่บ้านยุคันตวาตไม่ใช่หรือ? "

 

     " ... "

 

     " ความขัดแย้งของกลุ่มมือสังหารเถื่อนสองกลุ่ม ไม่อาจเทียบได้เลยกับความผาสุกของประชาใต้หล้า...ชาวบ้านตาดำๆทุกคนที่อาจจะเดือดร้อนไปกับมหาสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น คือสิ่งที่ท่านกังวลมากที่สุด ซึ่งทางเราชาวบรรลัยกัลป์เองก็เป็นห่วงในข้อนี้ไม่แพ้กัน เราอาจจะทำทุกอย่างเพื่อให้บรรลุถึงวัตถุประสงค์ของเราก็จริง แต่ประชาใต้หล้าต้องไม่ถูกลูกหลงด้วย นี่เป็นหนึ่งในหลายๆข้อที่พ่อของข้าบอกว่าได้มาจากท่าน ท่านผู้เฒ่า "

 

     " ยังจะพูดไร้สาระอีกหรือ? แต่เอาเถอะ ที่เจ้าพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่น่าฟัง แต่เจ้าจะทำให้มันเป็นจริงได้อย่างไรล่ะ เพราะถึงจะบอกว่าเจ้าคิดจะช่วยเหลืออโยธยาก็จริง แต่แนวทางของยุคันตวาตและบรรลัยกัลป์มันต่างกันจนไม่มีทางที่จะมาร่วมมือกันได้เลยแม้แต่น้อย "  ท่านผู้เฒ่าชี้ช่องโหว่ของสิ่งที่ดาราพูด ซึ่งดาราก็พยักหน้าเบาๆเหมือนกับว่าเธอเองก็คิดในข้อนี้ไว้แล้วเหมือนกัน

 

     " จริงเช่นที่ท่านว่า เราทั้งคู่เปรียบเสมือนน้ำกับน้ำมันที่ไม่อาจจะรวมกันติด...แต่ก็ช่างมันปะไร ในเมื่อวิถีทางต่างกัน แต่เวลานี้เราก็มีเป้าหมายเดียวกัน เราก็ไม่จำเป็นต้องรวมกันก็ได้ "

 

     " เจ้าหมายความว่าอย่างไร? "

 

     " เราก็จะทำตามวิถีของเรา ในขณะที่ท่านก็เชิญทำตามวิถีของท่านไป โดยเราให้สัตย์ว่าเราจะขอสงบศึก ไม่คิดร้ายต่ออโยธยาและหมู่บ้านยุคันตวาตแน่นอน...แล้ว...ท่านคิดอย่างไรกับข้อเสนอนี้กันล่ะ ท่านผู้เฒ่า? "

 

     ' แปลว่ามีแนวคิดเดียวกัน คือไม่ต้องการให้อโยธยาพ่ายแพ้ แต่ไม่คิดจะร่วมมือ ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดจะขัดขวางอะไรพวกเรา และขอให้พวกเราไม่ขัดขวางพวกมันเช่นกัน '  ไกรคิดในใจเล็กน้อย ก่อนจะหันไปสบตากับท่านผู้เฒ่า และดูเหมือนว่าท่านผู้เฒ่าเองก็จะคิดแบบเดียวกันกับชายหนุ่ม เพราะเขาเองก็พยักหน้าให้เบาๆพร้อมกับประกาศออกมาในฐานะผู้นำอย่างตัดสินใจแล้วว่า

 

     " ฟังดูดี...ข้ากำลังสนใจอยู่ ลองบอกรายละเอียดของเจ้ามาอีกทีซิ "

 

     " ว่าอย่างไรนะ?! "  อเทตยาที่ยืนฟังอยู่เงียบๆอย่างอดทนถึงกับร้องออกมาเบาๆอย่างไม่เชื่อหูตัวเองทันที แต่เธอก็ชะงักไปเมื่ออนาสตาเซียที่อยู่ข้างๆเอื้อมมือมาแตะไหล่เธออย่างช้าๆ

 

     " ช้าไว้ อเทตยา "

 

     " อนาสตาเซีย? "

 

     " ข้อเสนอนี่ไม่ใช่ข้อเสนอที่ท่านพ่อ หรือไกรมีทางเลือกมากนัก...ถ้าให้พูดก็คงเป็นการถูกมัดมือชกนั่นแหละ "

 

     " หมายความว่า? "

 

     " เจ้าคิดเอาเองล่ะกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากท่านพ่อไม่ตอบรับข้อเสนอนี้ "  อนาสตาเซียพูดเรียบๆในขณะที่อเทตยาขมวดคิ้วน้อยๆ ก่อนที่เธอจะเบิกตาโพลงเมื่อคิดได้ทันที

 

     " พวกมัน...พวกบรรลัยกัลป์ก็จะดึงดันทำตามที่มันคิดเองอยู่ดี และนั่นจะเกิดผลเสียต่อพวกเรา...อาจจะมากกว่าที่เราจะประเมินหรือคาดคิดได้ก็เป็นได้! "

 

     " ใช่...ข้าถึงได้บอกอย่างไรล่ะว่าทั้งพ่อและไกรต่างก็ถูกมัดมือชก โดยที่ไม่อาจจะตอบเป็นอย่างอื่นได้ "  อนาสตาเซียพูดเบาๆพร้อมกับมองไปที่ไกรและดาราด้วยแววตาแปลกๆ จนกระทั่งอเทตยาอดรนทนไม่ได้และร้องถามขึ้นออกมาเบาๆทันที

 

     " มันเกิอบจะฆ่าข้า เกือบจะฆ่าเจ้า เกือบจะฆ่าท่านไกร...แล้วใจคอเจ้าจะยังเชื่อใจพวกมันอีกหรือ?! "

 

     " เปล่าเลย...ข้าไม่ได้เชื่อใจยัยนั่น... "  

 

     " ล...แล้ว?! "

 

       อนาสตาเซียถอนหายใจเฮือกอีกครั้ง ก่อนจะมองที่ไกรที่กำลังยืนฟังอยู่เงียบๆพร้อมกับที่เธอจะยิ้มออกมาบางๆทันที  " ...แต่ข้าเชื่อใจเขา...เชื่อใจไกรต่างหากล่ะ " 

 

     " ... "

 

       ระหว่างที่อเทตยาเงียบไปอย่างอับจนต่อถ้อยคำ ท่านผู้เฒ่าที่ยืนฟังรายละเอียดของข้อเสนอจากปากของดาราอย่างสงบก็สบตามองหญิงสาวผู้มากปริศนาขึ้นเรื่อยๆคนนี้แบบตรงๆเพื่อค้นหารอยแห่งความไม่บริสุทธฺิ์ใจแม้เพียงเล็กน้อยที่อาจจะปรากฏอยู่ในดวงตากลมโตนั้น แต่เขาก็ไม่พบอะไรเลย ทำให้เขาได้แต่พูดออกมาตรงๆว่า

 

     " ถึงจะบอกว่าข้าตกลงและเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า แต่ทางเจ้าจะมีอะไรมารับประกันว่าเจ้าจะไม่หักหลังข้า หรือหักหลังคนของข้า เพราะถ้าหากจะให้ข้าพูดออกมาแบบไม่รักษาน้ำใจ...เจ้ามันน่าสงสัยเกินกว่าที่ข้าจะเชื่อใจได้อย่างแน่นอน "

 

     " ไม่มี...ข้าไม่มีอะไรรับประกัน...และต่อให้รับประกันไป ท่านก็ไม่มีวันเชื่อใจข้าอยู่ดีใช่ไหมล่ะ... "  ดารายิ้มพรายพร้อมกับพูดในความจริงที่แม้แต่ท่านผู้เฒ่าเองยังต้องยอมรับ ก่อนที่ดาราจะหันกลับมามองไกรและพูดต่ออย่างช้าๆว่า

 

     " ที่ข้าบอกได้ก็คือ เวลา จะเป็นผู้ตัดสินเอง...และที่ข้าบอกได้อีกอย่างก็คือ...ถ้าหากนี่เป็นข้อตกลง ท่านจะได้เห็นข้าบ่อยขึ้นในฐานะผู้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของทั้งบรรลัยกัลป์และยุคันตวาตแน่นอน นี่แหละคือความจริง...ท่านผู้เฒ่า "

 

     " โอ้...นี่แหละปัญหาล่ะ "  สิงห์ที่เวลานี้นั่งเร่งพลังบางอย่างจนแผลส่วนใหญ่เริ่มสมานแล้วถึงกับหลุดปากครางออกมาเบาๆ ในขณะที่เสือสมิงสาวทั้งสามตนที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังถึงกับต้องหัวเราะออกมาเบาๆทันที

 

       ท่านผู้เฒ่าเหลือบมองไปที่สิงห์เล็กน้อย แต่เขาก็เป็นผู้ใหญ่มากพอจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจและหันกลับมามองดาราอีกครั้งอย่างประเมินค่า...ก่อนที่ในที่สุด เขาจะถอนหายใจเฮือก

 

     " ขอพูดให้ข้าและเจ้าเข้าใจตรงกันสักเล็กน้อยนะ ข้อตกลงของเจ้าคือเจ้า...และกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเจ้าจะเลิกคิดร้ายต่อราชบัลลังก์อโยธยา อีกทั้งยังคิดที่จะเข้าข้างอโยธยาด้วยการช่วยเหลือทางราชการศึกอย่างลับๆด้วยอย่างนั้น...ใช่หรือไม่? "

 

     " อย่างลับๆ? "  หญิงสาวทวนคำออกมาเบาๆอย่างฉงนสงสัย ซึ่งทำให้ท่านผู้เฒ่าขมวดคิ้วเล็กน้อยทันที

 

     " ใช่สิ...นี่อย่าบอกนะว่าเจ้าวางแผนจะทำอะไรที่มันสนั่นลั่นลืออีก รู้รึเปล่าว่ากรณีกบฏคราวนั้นข้าต้องใช้เวลาและอิทธิพลทุกๆทางไปเท่าไหร่กว่าจะกล่อมให้คนอื่นๆยอมเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและไม่บันทึกเหตุการณ์บ้าๆนั่นลงในบันทึกทางประวัติศาสตร์ได้น่ะ "

 

     " คิกๆ นั่นเป็นเพียงข้อผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเท่านั้น...อย่าลืมสิเจ้าคะ ว่าเราหลบรอดจากการรับรู้ของท่าน...จากสายตาของหมู่บ้านยุคันตวาตได้กว่า ๔ ปี และแผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วทั้งสุวรรณภูมิได้ถึงขนาดนี้เชียวนะ "  หญิสาวแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้ท่านผู้เฒ่าถึงกับคิ้วกระตุกเหมือนกับโดนดูถูก แต่เขาก็ถอนหายใจพร้อมกับตัดสินใจว่าจะไม่เอาความ เพราะขืนพูด เขาก็รู้ดีเลยว่าเขามีหวังได้ถูกถอนหงอกต่อหน้าเด็กๆมือสังหารของเขาเองแน่ๆ

 

     " เอาเป็นว่า ข้าเชื่อว่าเจ้าน่าจะเข้าใจความหมายของสิ่งที่ข้าจะสื่อแล้วสินะ "

 

     " อ่า...ใช่แล้วล่ะเจ้าค่ะ ข้าเข้าใจแจ่มแจ้งดีเลย ท่านผู้เฒ่า...แล้ว...คำตอบของท่าน คือ? "

 

     " หึๆ เราไม่มีทางเลือกอื่นอยู่แล้วนี่ ดารา...กลับไปบอกท่านผู้เฒ่าของเจ้า ว่าเรา...ยอมตกลงรับข้อเสนอ และจะปฏิบัติตามข้อตกลงนั้นจนกว่าจะมีเหตุการณ์อื่นมาเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบันไป และข้าหวังว่าเจ้าและกลุ่มบรรลัยกัลป์ของเจ้าจะทำแบบเดียวกัน...ใช่หรือไม่? "

 

     " ท่านถือว่านี่เป็นคำมั่นสัญญาที่ออกมาจากปากของข้าได้เลยเจ้าคะ ท่านผู้เฒ่า "  ดารารับคำพร้อมกับคำนับอย่างมีจริตจะก้านและงดงามตามความคิดของไกรและทุกคนที่อยู่ที่นี่ แต่ท่านผู้เฒ่าเพียงแค่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปหาไกรพร้อมกับพูดเรียบๆ

 

     " ไกร...ข้ามีเรื่องที่จะต้องปรึกษากับเจ้า และบอกไว้ก่อนเพื่อให้สบายใจเลยก็ได้ว่านี่ไม่ใช่การเรียกไปชก เพราะฉะนั้นประเดี๋ยวไปกับข้าก็แล้วกัน...ส่วนพวกเจ้าที่เหลือ... "  ท่านผู้เฒ่าหันกลับไปหาเหล่ามือสังหารใต้อาณัติพร้อมกับพูดเรียบๆอีกครั้ง

 

     " ...ส่งแขก! "

 

     " ประเดี๋ยวก่อน ท่านผู้เฒ่า ไกร "  ก่อนจะถูกเชิญกลับ หรือพูดตรงๆก็คือไล่กลับ...หญิงสาวนามว่าดาราก็ยกมือพร้อมก้ับร้องขัดขึ้นเสียก่อน 

 

     " หิม? "  ชายหนุ่มทั้งสองหันกลับมามองอย่างสนใจ ในขณะที่ดารากระพริบตาเล็กน้อยอย่างตัดสินใจ ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า

 

     " เมื่อเรากลายเป็นดั่ง สหาย กันแล้ว ข้าก็มีเรื่องสำคัญเรืองนึงจะบอกท่าน "

 

     " เรื่องสำคัญ? "  ทั้งสองขมวดคิ้วอย่างงงงวยอีกครั้ง ในขณะที่ดารายิ้มพรายพร้อมกับพูดต่อเบาๆว่า

 

     " ข้ารู้ว่ามันอาจจะไม่จำเป็น แต่ท่านน่าจะทราบไว้ ว่าถึงจะมีคนนับหน้าถือตา แต่ก็มีเหล่าขุนนางระดับสูงในอโยธยาไม่น้อยที่ไม่พอใจในการคงอยู่อย่างคนโปรดของพ่ออยู่หัว การดำรงอยู่ของท่านไกร ในฐานะของเจ้าพระยาพิทักษ์ราชภักดี แต่ด้วยฐานะของท่านและเสียงลือเสียงเล่าอ้างถึงความเก่งกาจของหน่วยคเณศร์เสียงา ทำให้พวกมันทำอะไรต่อหน้าได้ไม่ถนัดนัก...ที่ข้าจะบอกก็คือ ท่านไกรกำลังถูกหมายหัวจากพวกขุนนางที่ไม่พอใจอย่างเงียบๆเหล่านั้น "

 

     " เรื่องนั้นข้ารู้และเตรียมรับสถานการณ์อยู่แล้ว ข้าก็มีสายข่าวของข้าเช่นกัน "  ท่านผู้เฒ่าพูดเรียบๆ แต่ดารากลับยิ้มอย่างมีชัยทันที

 

     " ถ้าอย่างนั้นก็แปลว่าสายข่าวของบรรลัยกัลป์ เหนือกว่าสายข่าวของยุคันตวาตจริงๆ "

 

     " ว่าอย่างไรนะ? "

 

     " เพราะว่าข้ารู้น่ะสิ ว่าพวกมันลักลอบจ้างมือสังหารเถื่อน มาเพื่อจัดการกับท่านไกร และทุกคนบนเรือนของท่านไกรทั้งหมดในราตรีนี้...ในขณะที่ท่านคงจะยังไม่ทราบแน่นอน "

 

     " อะไรนะ?! "  คราวนี้ไม่ใช่แค่ท่านผู้เฒ่า แต่ทุกคนที่ยืนอยู่ถึงกับต้องร้องออกมาโดยทันที ในขณะที่ไกรกลับร้องไม่ออก เพราะถึงจะบอกว่าเขารู้ดีเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าดาราจะรู้ถึงเวลาที่แน่นอน และเป็นเวลาที่กระชั้นชิดขนาดนี้

 

     " นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ดารา "

 

     " ข้าก็เปล่าล้อเล่นนะ ขอให้ถือซะว่านี่เป็นการแบ่งปันข้อมูลกันเป็นครั้งแรกระหว่างเราทั้งคู่ก็ได้ และถ้าท่านไม่เชื่อ ท่านก็รอดูเอาเองในราตรีนี้ก็แล้วกัน อาจจะไม่กี่ชั่วยามนี่แหละ "  

 

       น้ำเสียงที่จริงจังของดาราทำให้ไกรและท่านผู้เฒ่าหันไปมองหน้ากันอีกครั้ง ก่อนที่ท่านผู้เฒ่าจะพยักหน้าให้กับไกรพร้อมกับพูดเบาๆทันที

 

     " ไกร...ไปกับข้า...นี่เป็นอีกเรื่องที่เราต้องคุยกัน...ส่วนเจ้า ดารา...ถ้าหากนี่เป็นเรื่องจริง ข้าก็ขอขอบใจมากในเรื่องนี้...แต่นี่ก็ล่วงเลยเวลาอันควรมามากแล้ว...และข้าขอเสียมารยาท ไม่ส่งนะ "

 

     " เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ "

 

     " แล้วก็อย่าลืมเลือนไปเสียล่ะ ว่าข้อตกลงของเราจะยังคงอยู่ตราบเท่าที่เจ้าไม่ได้คิดจะสร้างความวุ่นวายให้กับราชบัลลังก์อโยธยาอีก...ไม่เช่นนั้น ข้อตกลงที่เจ้าอุตส่าห์พยายามพูดอย่างยกลำบาก็จะเป็นศูนย์ทันที "

 

     " รับทราบเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่า "  หญิงสาวก้มหน้าลงรับคำอย่างว่าง่าย

 

    ...แต่โดยที่ไม่มีใครเห็น ดวงตาของหญิงสาวผู้มากด้วยปริศนาผู้นี้วาววับพร้อมกับรำพึงอย่างเบาแสนเบาว่า

 

     " เพราะอย่างไรเสีย...บัลลังก์อโยธยาก็เป็นของข้าโดยชอบธรรมอยู่แล้ว! "

 

 

    ...หลังจากที่ไกรและท่านผู้เฒ่าเดินจากไป ดาราก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ออกมาจากทุกๆทาง ซึ่งเธอก็รู้ตัวดีว่าเวลานี้เธอไม่มีทั้งบารมีของไกรและบารมีของท่านผู้เฒ่าคุ้มหัวอยู่แล้ว หญิงสาวจึงกระโดดถอยหลังออกไปเพื่อให้พ้นจากการเป็นเป้าหมายและพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยังคงเปื้อนด้วยร้อยยิ้มทันที

 

     " ใช่ว่าอยู่กับพวกเจ้าแล้วไม่สนุก แต่ข้าเองก็เป็นสตรีนางนึง คงไม่เหมาะที่จะอยู่ใต้ชายคาใครอื่นในยามวิกาลเช่นนี้ และข้าเชื่อว่าข้าหาทางกลับเองได้ เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นต้องลำบากพวกเจ้าหรอก ...ดาราคนนี้ขอลาก่อนเลยนะเจ้าคะ "  หญิงสาวพูดพร้อมกับรีบสาวเท้าก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ยอมละสายตาจากมือสังหารทุกคน โดยเฉพาะอเทตยาและศกุนตลาที่น่าจะมีจิตคุกคามที่ร้ายกาจต่อเธอที่สุด แต่พวกมือสังหารพวกนั้นทั้งหมดก็ไม่ได้มีท่าทีจะไล่ตามหรือทำอะไรเธอ นั่นทำให้หญิงสาวแปลกใจเล็กน้อย แต่เมื่องานสำเร็จแล้วเธอจึงไม่คิดมากและรีบพุ่งหายเข้าไปในความมืดทันที

 

       ดารา...หญิงสาวผู้มาไปอย่างไร้ร่องรอยและยังคงเต็มไปด้วยปริศนา หายไปทั้งจากคลองสายตาและจากการรับรู้ถึงตัวตนอีกครั้ง

 

     " เฮ้อ... "  สิงห์ถอนหายใจเฮือกอย่างผ่อนคลายมากขึ้น ในขณะที่เสือสมิงสาวทั้งสามหันไปมองในความมืดที่ภายนอกพร้อมกับที่มายาพูดขึ้นเบาๆทันที

 

     " ให้ข้าตามไปรึเปล่าเจ้าคะ? "

 

     " เปล่าประโยชน์...ขนาดราตรีที่มีจมูกดีที่สุดและสาวรอยเก่งที่สุดในหมู่พวกเจ้ายังถูกหลอกให้หัวหมุนได้ ส่งเจ้าหรือใครตามไปผลก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่หรอก...ข้าว่าห่วงเรื่องที่ไอ้ไกรกำลังถูกหมายหัวนี่ดีกว่า "  คำพูดของสิงห์ทำให้ทั้งหมดทำสีหน้าครุ่นคิดทันที แต่ก็ทำเช่นนั้นได้เพียงครู่เดียว เพราะอยู่ๆ สิงห์ก็หัวเราะก๊ากออกมาดังลั่น

 

     " บางทีข้าก็สงสัยนะ อนาสตาเซีย ว่าเหล่าสหายของเจ้าแต่ละคนนี่มันมีที่สติดีๆอยู่ซักกี่คนกัน "  อเทตยาที่ยืนกอดอกอยู่หันไปถามหญิงสาวชาวตะวันตกที่ยืนอยู่ข้างๆ ในขณะที่อนาสตาเซียก้มหน้าลงพร้อมกับใช้นิ้วมือนวดขมับตัวเองอย่างเถียงอะไรไม่ออกทันที

 

     " อ้าวๆ อเทตยา...เจ้าพูดเช่นนั้นก็เท่ากับรวมข้าเป็นพวกจิตไม่ปรกติแบบเดียวกับไอ้บ้าตัณหากลับผู้นี้น่ะสิ "  ศกุนตลาโวยออกมาเรียบๆ ในขณะที่ ไอ้บ้าตัณหากลับ ทำหน้าเหยเกพร้อมกับตะโกนลั่นทันที

 

     " ข้าว่าพวกเจ้านั่นแหละที่ควรจะผิดปรกติ เพราะถ้าเป็นคนดีๆ พอคิดถึงเรื่องนี้ ยังไงๆก็ต้องหัวเราะท้องคัดท้องแข็งเช่นข้าแน่ๆ "

 

     " หืม? "

 

     " ก็มันน่าตลกที่สุดเลยไม่ใช่รึอย่างไร ...ก็ไอ้ไกรที่เป็นหนึ่งในมือสังหารแห่งหมู่บ้านยุคันตวาตอย่างพวกเรา กำลังถูกมือสังหารเถื่อนเข้ามาลอบสังหารอยู่นะ...มือสังหารที่ถูกมือสังหารรับจ้างสังหาร...ฮ่าๆๆๆ แค่คิดก็น่าหัวเราะจนท้องแตกตายแล้ว! "

 

 

 

 

.......................................

 

 

 

 

    ...ย้อนกลับมาที่หญิงสาวนามว่าดาราอีกครั้ง ณ มุมมืดซึ่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากจวนประจำตำแหน่งของไกรมากนัก...

 

     " ฟ...ฟู่ "  ดาราที่เวลานี้แปรเปลี่ยนไปทั้งหน้าตาและกลิ่นอายอีกครั้งเพื่อหลบรอดจากการตรวจจับของเหล่ามือสังหารระเดับสูงแห่งหมู่บ้านยุคันตวาต (ถึงพวกนั้นจะไม่ได้คิดจะติดตามมาเลยก็ตามที) ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก...ถึงจะบอกว่าเธอรักษาท่าทีและทำปากกล้ามาตลอด แต่ถ้าเอาเข้าจริงๆเธอก็รู้ตัวดีว่าลำพังเธอที่ไม่ได้มีพลังอะไรมากมายไปกล่าคนทั่วไปคงจะไม่มีทางหลบรอดจากแต่ละคนที่เก่งราวกับปิศาจนั้นไปได้เลย

 

     " ท่านหญิง...ท่านรอดกลับมาได้...ข้าดีใจนัก "  ชายชราในเงามืดคนเดิมที่รอคอยการกลับมาของเธอย่างกระวนกระวายถึงกับร้องออกมาอย่างยินดี ในขณะที่ดาราหันมายิ้มให้อย่างเหนื่อยๆ ก่อนที่เธอจะพูดเป็นเชิงสั่งการขึ้นเบาๆทันที

 

     " พ่อเฒ่า...ส่งข่าวไปบอกกับท่านผู้เฒ่าของเรา อย่าให้พวกมือสังหารทั้งหมดทำการเคลื่อนไหวในเวลานี้ และหากพบกับมือสังหารจากหมู่บ้านยุคันตวาตก็ให้เลี่ยงเสียโดยไม่เข้าปะทะ เพราะพวกมันก็จะเลี่ยงไม่เข้าปะทะกับเราเช่นเดียวกัน...แผนการขั้นแรกของข้าประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม เพราะยุคันตวาตและไกร ยอมเล่นด้วยแล้ว... "

 

     " ท...ท่านหญิงดารา...ท่านดำเนินแผนการได้อย่างสุ่มเสี่ยง และคาบลูกคาบดอกเสียเหลือเกิน "

 

     " ข้าสั่งให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า พ่อเฒ่า...โธ่ "  

 

     " ข...เข้าใจแล้วขอรับ "

 

     " แล้วก็...มีอีกคนที่เราต้องส่งข่าวไปบอก "

 

     " ขอรับ? "

 

       ชายชราในเงามืดผู้นั้นทวนคำอย่างงงงวย เพราะนี่ไม่ได้อยู่ในแผนที่เขาได้ยินแต่แรก ในขณะที่ดวงตาของดาราเวลานี้วาววับไปด้วกระแสบางอย่างที่ไม่มีใครอ่านออก พร้อมกับที่เธอจะแสยะยิ้มออกมาทันที

 

     " แจ้งข่าวและสายสนกลในทุกอย่างที่เรารวบรวมมาได้ แก่แม่ทัพมังฆ้องนรธา แม่ทัพลำดับสูงสุดที่พระเจ้าอลองพญาเชื่อพระทัยมากที่สุด...รวมทั้งทิ้งท้ายไปว่านี่ถือเป็นของกำนัลจากเรา ชาวบรรลัยกัลป์...เรารอที่จะเด็ดอโยธยาอันสุกงอมนี้ ไปสู่อุ้งมือของท่านแม่ทัพ และพระเจ้าอลองพญาแล้ว "

 

     " ห...หา?! ท...ท่านหญิง?! "

 

       ชิ้ง! 

 

       ชายชราในเงามืดผู้นั้นถึงกับร้องอุทานออกมาและพยายามจะพูดทัดทานการตัดสินใจของดาราทันที แต่เมื่อเห็นสายตาที่หันกลับมาจ้องมองของดารา เขาก็ต้องรีบสงบปากสงบคำทันที

 

    ...สายตา ของสตรีู้มีศักดิ์และสิทธิ์เหนือกว่าเขาและทุกๆคนโดยสิ้นเชิง...

 

     " ข...เข้าใจแล้วขอรับ "

 

     " ดีมาก...ขอบพระคุณมากนะ พ่อเฒ่า ที่ยังยอมทำตามคำสั่งเรา "  หญิงสาวพูดเรียบๆ พร้อมกับหยิบผ้าคลุมสีมืดขึ้นมาและพันใบหน้าไว้ พร้อมกับที่เธอจะแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนที่ปลอดโปร่งไร้เมฆซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่ส่องแสงเป็นประกายนี้พร้อมกับฝืนยิ้มออกมาบางๆอย่างเหนื่อยอ่อนอีกครั้ง

 

     " ...ขอโทษนะ ไกร...แต่ไม่ว่าผลของสงครามจะเป็นอย่างไร แต่ข้าอยู่ในฐานะของผู้ที่แพ้ไม่ได้อีกแล้ว...คำสัญญายังคงอยู่ แต่เราตกลงกันที่ผลลัพธ์...ส่วนวิธีการ...ดาราผู้นี้จะเป็นคนจัดการทุกๆอย่างเอง! "

 

     

 

 

 ................................................

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา