Rotten

5.8

เขียนโดย GasMask

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.30 น.

  7 chapter
  1 วิจารณ์
  9,318 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) CHAPTER 6

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

CHAPTER 6

“หยุดได้แล้วพวกเธอทั้งสอง” วินรีบแยกเด็กหนุ่ม เขาทนดูไม่ได้ที่เพื่อนทั้งสองต้องมาทะเลาะกันโดยมีเรื่องของเขาเกี่ยวพันอยู่ด้วย แล้วเขาก็เข้าใจอารมณ์ของเก่งได้บางส่ง ตรงที่อยากปกป้องคนที่เขารัก ถ้าเกิดมีไอบ้าหน้าไหนมาขู่ว่าจะทำร้ายลูกเมียเขา เขาก็ต้องทำร้ายมันเหมือนกัน แต่เขาก็เข้าใจที่โอ้ไม่สบอารมณ์เพราะสิ่งที่เก่งทำ มันช่าง......โหดร้าย

ทันไดนั้นความเจ็บปวดที่ขาก็วิ่งแล่นขึ้นมามันแสบราวกับไฟไหม้และเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด วินล้มทรุดลงในขณะที่ทุกสายตาจับจ้อง จึงมีคนสังเกตเห็นแผลที่ขาของเขา

“นั้น....เลือด เลือดนี้ เขาถูกกัด” ก่อนที่ทุกคนจะแตกตื่น เก่งก็ตะโกนขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง

“ไม่ใช่!” เขาจ้องมองไปยังคนที่พูดว่าวินถูกกัด มันถูกจ้องจนเหงื่อแตกพล่านด้วยความกลัว ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีกชายหนุ่มได้แสดงพลัง ความกลัวและปืนในมือเขาที่ถูกชี้ไปยังคนพูดอย่างเด่นชัดเกินพอแล้ว สิ่งที่ทุกคนกลัวตอนนี้ไม่ใช่มนุษย์กินคน แต่เป็นเด็กหนุ่มคนนี้ ที่พร้อมสติแตกได้ทุกเมื่อ ทุกคนจึงเลือกที่จะหุบปากและหันไปทางอื่น

เก่งพยุงวินขึ้น โดยไม่หันไปมองโอ้เสียด้วยซ้ำ โอ้พยายามเข้าไปช่วย เขาเริ่มรู้สึกผิดที่ต่อยเพื่อนตัวเองอย่างนั้น เขาสมควรปกป้องไอ้เศษสวะวัยรุ่นพวกนี้จริงหรือ แต่......แต่เขาไม่อยากเห็นใครตายต่อหน้า และไม่อยากเห็นเพื่อนตัวเองเป็นฆาตกร ทว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาจะหลีกเลี่ยงการฆ่าได้จริงหรือ........

“เห้ยเก่ง กูขอ......”โอ้ไม่ทันพูดจบเก่งกูชิงพูดขึ้นก่อน

“มึงอยู่เนี่ยแหละ.......และก็ฝากดูแลน้องกูด้วย เดี๋ยวกูพาลุงแกไปหาครอบครัวเอง.......”

“อะ......อืม”โอ้ตอบรัยสั้นๆ เขารู้ดีว่าเพื่อนของเขากำลังทำเรื่องลำบากใจอีกครั้งและไม่อยากให้เขามีส่วนร่วมด้วย เพื่อนของเขาเป็นอย่างนี้เสมอ เลือกที่จะรับผิดชอบทุกอย่างด้วยตัวเอง ถึงแม้เรื่องที่ทำผิดจะเป็นเรื่องของคนทั้งกลุ่มก็ตาม และเขาก็เป็นอย่างนี้เสมอได้แต่น้อมรับความช่วยเหลือนั้นโดยไม่คิดที่จะเข้าไปแบกรับด้วย......เขามันช่างอ่อนแอ.....แม่งเอ้ย!

“พี่หนูจะไปด้วย”โอ้รีบฉุดมือนาไว้ เด็กสาวตกใจพร้อมกับสะบัดมันอย่างแรง แต่ก็ไม่หลุด

“มานี้.......อย่าทำให้พี่เธอต้องลำบากใจกว่านี้อีกเลย....พวกเรา 2 คน”

คำพูดของโอ้ทิ่มแทงใจนาอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น เธอมีแต่นำความยากลำบากมาให้พี่ของเธอรวมทั้งครั้งนี้ด้วยเธอทำให้พี่เธอเกือบตายเพราะเธอไม่กล้ายิงไอ้ขยะนั้น ทำให้พี่เธอสติแตกและทำให้คนอื่นมองพี่เธออย่างรังเกียจ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อดดีใจไม่ได้ที่พี่ของเธอยอมปกป้องเธอ จนถึงขนาดกล้าฆ่าคนเลยทีเดียว

........และไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่คิดอย่างนี้ ยังมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่คิดแบบเธอและแอบตามเขาไป........

เมื่อครอบครัวของวินเจอวิน พวกเขารออยู่ในห้องน้ำของห้าง พวกเขาโอบกอดกันอย่างมีความสุข วินเอายาให้ลูกสาว วัย 6 ขวบ ดวงตาของเขานั้นยากจะอธิบายเหมือนกับกำลังจ้องมองสิ่งที่รักและหวงแหน ซึ่งสามารถหายวับไปกับตาได้ทุกเมื่อ

เก่งจ้องมองภาพตรงหน้าอย่างหนักใจ เขาควรพูดความจริง แต่เขาไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงดี เขาจะรับเรื่องที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ได้ไหม ลูกเมียของวินคงด่าเขา สาปแช่งเขา เข้ามาทำร้ายเขา ซึ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่เขาพร้อมรับอย่างไม่คิดจะต่อต้าน

แต่ความรู้สึกผิดนี้สิ.......เขาควรจะจัดการมันอย่างไร

“ที่รัก........ผมถูกกัด” เก่งชะงักความคิดทันทีเมื่อวินได้เอ่ยคำพูดแรกกับภรรยาว่าเขาถูกกัด

วินรู้ดีว่าเก่งกำลังรู้สึกผิด และกำลังจะบอกความจริงกับภรรยาเขา แต่เขาไม่อยากให้เด็กหนุ่มต้องเป็นทุกข์ไปมากกว่านี้ เขาจึงเลือกที่จะอธิบายทุกอย่าง

ภรรยาของเขาน้ำตานองหน้าทันที เธอเองก็รู้ว่าถ้าถูกกัดจะเป็นอย่างไร เธอถามสามีด้วยเสียงสะอึดสะอื้นว่า “เป็น...เป็นไปได้อย่างไร.......”

สามีของเธอก้มหน้านิ่งไปสักพัก หน้าตาของเขาเหมือนคนร้องไห้แต่ไร้น้ำตา “ฉันเผลอโดนพวกมันตัวหนึ่งจู่โจม และเด็กหนุ่มคนนี้....เก่ง เขาพยายามช่วยฉันแล้ว แต่ช่วยไม่ทัน.....ฉันสะเพร่าเองแหละฮ่าๆๆโอ๊ย” เขาอุทานอย่างเจ็บปวด เพราะภรรยาทุบตีเขาอย่างแรง เธอต่อว่าเขาว่า ทำไมถึงได้โง่อย่างนี้ เธอถามเขาอย่างโมโหว่า แล้วฉันกับลูกจะทำอย่างไร ก่อนที่จะหยุดทุบตีเขาแล้วสวมกอดแทน แล้วพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร เธอกล่าวแล้ววินก็หลั่งน้ำตาออกมา ลูกสาวที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรก็ร้องให้ตามพร้อมกอดพ่อแม่ของตน

เก่งมองภาพตรงหน้าอย่างเจ็บปวดใจ เขาอยากบอกเหลือเกินว่ามันเป็นความผิดของเขา ถ้าเขาไม่สะเพร่าวินอาจจะไม่ถูกกัด

“เป็นความผิด........”

“ของฉันเอง เธอไม่ผิดหรอกเก่ง เราทุกคนต่างรู้ดีว่ามันมีความเสี่ยงเธอเองก็เสี่ยงพอๆกันฉันแค่ดวงซวยเท่านั้น........เท่านั้นเอง.......ไม่ต้องห่วงหรอกนะเรื่องของครอบครัวฉันจะจัดการเองเธอไปหาครอบครัวเธอเถอะ พ่อแม่เธอคงรอเธอให้กลับไปช่วยอยู่เป็นแน่ เธอเข้มแข็งนะและเป็นที่พึ่งพาได้เพราะฉะนั้นเธอต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป........เธอไม่ผิดหรอก เข้าใจไหม” วินพูดปลอบเก่งพร้อมกับลุกขึ้นยืนจับไหล่ชายหนุ่มเอาไว้ซึ่งกำลังสั่นกระตุกด้วยความเจ็บปวดเก่งเอาแขนเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลออกมา ก่อนที่จะยื่นอะไรบางอย่างให้วิน

เป็นปืนที่มีกระสุนเหลือ 3 นัด

วินรับไว้ด้วยดวงตาว่างเปล่า เขาเข้าใจว่าเด็กหนุ่มให้ปืนเขาด้วยความหวังดี เขาสวมกอดเด็กหนุ่มเอาไว้ก่อนที่จะกระซิบข้างหูเขาอย่างอ่อนโยนว่า “ขอบคุณ...แล้วขอให้เธอโชคดี” เก่งผลักวินออกก่อนที่จะวิ่งออกไปจากห้องนั้น

“ขอบคุณนะพี่ชายที่ช่วยเอายามาให้หนู” ลูกสาวของวินพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเก่งจะวิ่งออกจากห้องไป เขาอยากบอกว่าเขาไม่ได้ช่วยอะไรเลย.......เขามันไอ้ตัวซวย......

เมื่อเก่งวิ่งออกมาจากห้อง เขาทรุดล้มลงหลังพิงกำแพงอย่างอ่อนล้า น้ำตายังไม่หยุดไหล เขาเสียใจหรือ เขาเจ็บปวดหรือ ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของคนอื่น แล้วมันิดนักหรือที่จะร้องให้ที่จะอ่อนแอ......เขาไม่รู้....เขาไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้ว

ในตอนนั้นเองที่ความอบอุ่นได้แผ่ซ่านไปรอบตัวเขา เมื่อเอ๋ได้เข้ามาสวมกอดเขาไว้เธอไม่ได้เอื้อนเอ่ยวาจาไดๆทั้งสิ้น เธอแค่สวมกอดเขาไว้อย่างอ่อนโยน เก่เองก็ไม่ได้ขยับขัดขืนหรือพูดต่อว่าอะไร เขาแค่รู้สึกว่าความอบอุ่นนี้มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน มันนานมากี่ปีแล้วนะ ที่มีใครสักคนสวมกอดเขาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นจ้องมองเอ๋ด้วยดวงตาแสนเศร้าหมอง

ซึ่งมันกระตุ้นอะไรบางอย่างในใจเอ๋ให้เอ่อล้นออกมา เธออยากปกป้องชายหนุ่มคนนี้ที่ดูแข็งกร้าวแต่ภายในช่างอ่อนแอ เธออยากโอบกอดเขาอยู่อย่างนี้ไว้ตลอดกาล เธอรักเขา รักเขาทั้งหมดของหัวใจ เธอต้องการเขามากกว่าสิ่งใด เธออยากได้เขาไว้ครอบครอง

เธอจึงจูบเขาด้วยความเสน่หา ชายหนุ่มไม่ได้ขัดขืนอะไรเขาปล่อยให้เธอทำกับเขาตามใจเธอต้องการ เธอใช้สองมือจับแก้มเขาไว้ก่อนที่จะใช้ลิ้นสอดตะวัดพัวพรรณไปกับลิ้นของเขาจนน้ำลายไหลเยิ้มออกมาเมื่อถอนปากนั้นออกแล้วเธอก็สอดลิ้นเข้าไปในปากเขาใหม่อีกครั้งเธอทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาราวกับพยายามกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างในปากเขาให้หมดสิ้น

“เก่งฉันรักคุณ”

เก่งไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่จ้องมองเธอด้วยสายตาราวคนไร้วิญญาณ เธอไม่ได้สนใจสายตาที่มองนั้นเลย เธอจูบเขาต่อไปพร้อมกับแนบร่างของเธอไว้ให้แนบชิดข้างกายเขา ราวกับเธอพยายามสอดประสานร่างสองร่างให้รวมเป็นหนึ่ง

“อะแฮ่ม เอ่อเก่ง”โอ้กระแอมกับภาพอันหน้ากระอักกระอ่วนตรงหน้า เอ๋หยุดการกระทำของตนก่อนที่จะส่งสายตาอันไม่สบอารมณ์ให้โอ้ โอ้รีบหลบสายตาก่อนที่จะพูดสิ่งที่ตนถูกใช้ให้มาหาเก่ง

“เก่ง ฉันมีเรื่องจะบอกนาย......ทุกคน....เขาอยากให้นายออกไปจากที่นี้” เก่งเริ่มแสดงอารมณ์ทางใบหน้าอีกครั้งเขายิ้มอย่างเย้ยหยัน เนี่ยแหละนะสันดานคนเขาคิดไว้แล้วว่าเมื่อเขาหมดประโยชน์ คนในที่แห่งนี้ก็จะรีบกำจัดเขาทันที เพราะทุกคนต่างกลัวเขา หึ ช่างน่าหัวร่อ พวกนั้นกลัวเขาจนไม่กล้ามาบอกเองจึงใช้โอ้ผู้ใสชื่อมาบอกเขาแทนเพราะ ถ้าเขาน็อตหลุดลุกขึ้นมาอาละวาดอย่างที่ทำก่อนหน้านี้ โอ้ก็จะเป็นคนเดียวที่ซวย

“ไม่ต้องให้พวกมันบอกฉันก็จะไปอยู่แล้ว ขอฉันเตรียมตัวแปปหนึ่ง” ที่จริงเก่งอยากอาละวาดทำให้พวกขี้ขลาดนั้นประสาทเสียเล่นแต่วันนี้เขาเหนื่อยเหลือเกินมีเรื่องมากมายเกิดขึ้น เขาไม่อยากเสียแรงกับเรื่องไร้สาระพวกนี้อีกแล้ว

“ฉัน ฉันจะไปกับคุณนะเก่ง”เอ๋พูดพร้อมฉุดมือของเก่งไว้ เก่งหันมามองเธอด้วยหางตาความอบอุ่นจากการสวมกอดเมื่อกี้ยังคงค้างอยู่ ถึงเขาไม่อยากยอมรับว่ามันอบอุ่น แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นถึงแม้จะเล็กน้อยก็ตาม

“อยากมาก็ตามใจ”เอ๋ ยิ้มจนแก้มแถบฉีกก่อนที่จะวิ่งเข้าไปสวมกอดเก่งแต่เก่งกลับเอามือยันเอาไว้ เอ๋รู้สึกขัดใจเล็กน้อยแต่พอเห็นแก้มที่แดงระเรื่อของเก่งมันก็ทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ อีกไม่นานคุณต้องเป็นของฉัน เธอคิดในใจก่อนที่จะปล่อยเขาไป

“ฉัน....ฉันไปด้วย” โอ้พูดขึ้นแต่เก่งทำมือห้ามไว้

“ไม่ต้องหรอก มันเป็นเรื่องของฉัน....ฉันไม่ได้หมายความว่าให้นายอยู่ที่นี้นะ ฉันเสนอให้นายไปจากที่นี้เหมือนกัน เพราะที่นี้มีแต่พวกขี้ขลาดและล้อมรอบไปด้วยกระจกที่แตกง่ายอีกไม่นานพวกซอมบี้มันต้องยกทัพมาแน่ เพราะฉะนั้นนายไปจากที่นี้เถอะ........ไปเจอกันที่สถานีตำรวจแล้วก็นี้” เก่งพูดพร้อมโยนอะไรบางอย่างให้โอ้ เมื่อโอ้มองดูสิ่งของในมือก็พบว่ามันเป็นวิทยุสื่อสารนั้นเอง

“เราไม่รู้ว่าเมื่อไหร่โทรศัพท์ถึงจะใช้การไม่ได้ แต่วิทยุนะมันใช้ในสถานการณ์อย่างนี้ได้ดีกว่าฉันปรับคลื่นให้ตรงกับเครื่องของฉันแล้วเพราะฉะนั้นนายแค่รอให้ฉันติดต่อกลับก็พอ ตอนนี้นายก็ตามน้ำกับเจ้าพวกนี้ไปก่อนละกัน”

“แต่.........”

“ไม่มีแต่ นายไปเถอะคนยิ่งน้อยยิ่งดีทำให้ฉันเคลื่อนที่ได้คล่องกว่า....”เก่งพูดพร้อมเหล่ตาไปทางเอ๋เล็กน้อยก่อนจะทำหน้าหงุดหงิดขึ้นมา “....มั่ง”

 

เอ๋กับนาเตรียมของพร้อมแล้วทั้งสองต่างรอให้เก่งลงมาจากทั้งสอง ทุกคนต่างรออย่างใจเย็นเพราะโอ้ได้บอกทุกคนว่าเก่งตกลงที่จะไปจากที่นี่

ในที่สุดเก่งก็เดินลงมาแต่การแต่งตัวของเขาแตกต่างออกไป เพราะมีเสื้อหนังสีดำ กับสายคาดบ่าซึ่งมีมีดเต็มทั้งสองด้านพาดขวางอยู่ทำจากซองใส่มีดเย็บรวมกับเข็มขัด ที่เอวของเขาก็มีสายคาดปืนทับเข็มขัดอยู่ มันเป็นของรักของหวงของเพื่อนผู้สูงอายุของเขา เขาเป็น รปภ. ผู้คลั่งปืนเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่งเป็นเจ้าของคนเดียวกับปืนลูกซองที่เขาถืออยู่ เขาจับปืนในมือไว้มั่น เพราะมันดึงความหลังตอนเขาทำงานพาร์ทไทม์ที่ห้างแห่งนี้และนั่งกินข้าวเที่ยงถกเรื่องปืนอย่างออกรสกับเจ้าของปืน

“ไปกันเถอะ”เก่งพูดขึ้นพร้อมเรียก 2 สาว ในตอนนั้นเองมีชายคนหนึ่งพูดขัดขึ้น

“เดี๋ยวก่อน....ปืน....ปืนนั้นนะพวกเราขอได้ไหม....พวกเรามีคนมากกว่า....พวกเราอาจจะต้องการมันมากกว่าเธอ”

“หึไอ้พวกโลภเอ้ย”เก่งคิดในใจแต่มันดันดังออกมาจากปากของเขาอย่างจงใจ คนพูดกลืนน้ำลายอย่างหวาดหวั่น ก่อนที่ร่างกายจะสั่นกระตุกด้วยความกลัว เมื่อเสียงชักปืนดังขึ้นและปากกระบอกปืนหันมาทางเขาด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยนของคนถือ

“อยากได้ก็เข้ามาเอาสิครับ”

“เดี๋ยวก่อน”อะไรอีกวะเมื่อเก่งหันไปก็พบกับวสันผู้ซึ่งหน้ายับยู่ยี่ เนื่องจากสิ่งที่เขาทำ

“ขอ....ขอให้ฉันไปด้วยนะ”

“.........”เก่งกะจะปฏิเสธในทันที แต่เมื่อเขาคิดถึงหนทางข้างหน้าที่อาจต้องใช้เหยื่อล่อให้พ้นบางสถานการณ์ไม่มีตัวเลือกไหนเหมาะสมเท่าไอ้เวรนี้แล้ว เพราะมันเป็นเพียงไอ้สวะ และที่สำคัญเขาโคตรเหม็นขี้หน้ามันเลย

“ก็ได้.....แต่ถ้านายทำให้ฉันไม่พอใจ ฉันเอานายตายแน่”

“ข...ข...เข้าใจแล้ว”วสันเริ่มไม่แน่ใจกับการตัดสินใจของตัวเอง แต่หลังจากที่ทุกคนได้รู้ว่าเขาขึ้นไปและเห็นแก่ตัวแค่ไหน ทุกคนต่างจ้องมองเขาอย่างรังเกียจในที่แห่งนี้จนไล่เขาออกจากกลุ่ม เขาอยู่ในนี้ไม่ได้อีกแล้ว เก่งจึงเป้ฯทางเลือกสุดท้ายของเขา

“เก่ง......”โอ้รั้งเก่งเอาไว้ เขาอยากไปกับเพื่อนของตน แต่พอคิดว่าตัวเขาอาจจะเป็นตัวถ่วงเขาจึงหยุดความคิดนั้นไว้ เก่งมองอย่างเข้าใจก่อนที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้เขา

“แล้วเจอกัน”

“เออแล้วเจอกัน”

แล้วทั้งสองก็แยกทางกันชั่วคราว

 

เก่ง เอ๋ นา และวสันเดินออกมาจากห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น ที่ด้านนอกนั้นปกคลุมไปด้วยความมืด มีเพียงแสงไฟจากเสาไฟฟ้าบางจุดที่ติด ความหนาวเย้นของบรรยากาศทำให้ทั้งทั้งสี่รู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงกระดูกสันหลังทั้งที่อุณหภูมิมันไม่ได้ต่ำถึงขนาดนั้น

เก่งเลือกใช้ทางเดินตามตอกซอย เพื่อทะลุไปทางบ้านเขา ทางเดินที่แสนคุ้นเคยกับรู้สึกแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ยิ่งเขาเดินลึกเข้าไปความมืดมิดยิ่งปกคลุม เก่งแจกไฟฉายให้ทุกคนยกเว้นวสันเพราะเขาไม่ได้คิดจะพามันไปด้วย แสงได้สาดส่องไปตามจุดต่างๆ ทว่าในความมืดมิดนั้นมันราวกับว่ากำลังซ่อนอะไรบางอย่างอยู่

อาคารบางหลังยังมีไฟติดอยู่ บางจุดมีคนยื่นหน้าออกมาเล็กน้อยเพื่อสำรวจตามท้องถนนและเฝ้ามองดูพวกเขาอย่างไม่ไว้ใจ บางห้องมีแสงไฟส่องออกมาแต่ดูไร้ผู้คน แต่บางครั้งเก่งก็สังเกตเห็นรอยเลือดที่ติดตามหน้าต่าง

เสียงหมาเห่าทำให้พวกเขาสะดุ้งเป็นระยะ เสียงดังของสิ่งของกระทบกันตามตึก มันทำให้เขาสงสัยว่าในอาคารแห่งนั้นมีพวกผีดิบอยู่รึเปล่า แต่ไม่มีใครในบ้านหรือในคอนโดไหนเลยที่จะเรียกทักพวกเขา ทุกคนต่างหลบอยู่ในพื้นที่แคบๆนั้นด้วยความกลัว และความหวังว่าใครบางคนจะมาช่วยพวกเขาออกไป แต่เก่งรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ และยิ่งพวกเขาหลบอยู่ในนั้น มันยิ่งจะกลายเป็นห้องปิดตายสำหรับพวกเขา ไม่มีใครหยุดการระบาดของเชื้อไวรัสชนิดนี้ได้ เพราะมันมาแบบไร้ร่องรอย โรคร้ายแรงขนาดนี้ที่จริงต้องมีข่าว แต่ทว่าพวกเขาไม่เคยได้ยินว่ามีโรคผีดิบแพร่ระบาดมาก่อนเลยจนกระทั่งวันนี้ ทำไมมันถึงเกิดขึ้น และเมื่อไหร่มันจะจบลง

เขาไม่รู้

เขาหันหลังมองน้องสาวของตนกับเอ๋เป็นระยะๆ เพื่อสำรวจว่าพวกเธอยังตามเขามาไหม เอ๋เริ่มเดินคล่องขึ้น อาการเจ็บปวดที่ขาของเธอน่าจะเริ่มจางหายไป น้องของเขายังพยายามโทรเข้าบ้านแต่ไม่มีใครรับสาย หรือพวกเขาจะ....

ไม่ยังรีบด่วนสรุปไม่ได้ ความหวังยังมีอยู่เก่งอยากเชื่ออย่างนั้น

อีกไม่กี่เมตรเขาก็จะถึงถนนสายหลักไปยังบ้านเขา แต่ในตอนนั้นเอง เขาก็ได้สังเกตเห็นลอยเลือดเป็นทางยาว

“เก่งนั้นมัน อุ๊บ”เอ๋อุทานขึ้นเมื่อเห็นลอยเรือด แต่เก่งรีบใช้มือปิดปากเธอไว้ทันที แล้วรีบทำสัญญาณให้นากับวสันหลบไปอยู่หลังถังขยะ ทันไดนั้นเสียงของคนลากอะไรบางอย่างก็ดังขึ้นทางข้างหน้าพวกเขา สิ่งที่ทั้ง4ได้เห็นแทบทำให้พวกเขาหยุดหายใจ

เป็นฝูงซอมบี้ ฝูงซอมบี้หลายสิบตัวกำลังเดินไปทางเดียวกัน ไปทางถนนใหญ่ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เก่งเปิดสัญญาณวิทยุขึ้นโดยปรับเสียงให้เบาที่สุด เขาเรียกเพื่อนของตน

“โอ้ โอ้ ได้ยินแล้วตอบด้วย”

............ ไม่มีเสียงไดตอบกลับมา

“โอ้.........”

“เก่ง ว่าไง เก่งฮัลโหล”

“โอ้มึงฟังกูดีๆนะ มึงรีบออกมาจากที่นั้นเลย”

“ว่าไงนะ ออกมาจากห้างหรอ ทำไมเกิดอะไรขึ้น”

“เรื่องเหี้ยๆกำลังจะเกิดขึ้นนะสิ......ถ้ากูเดาไม่ผิด พวกมันกำลังมุ่งไปทางมึง”

“หา พวกมึง พวกผีดิบหรอ......”

“ใช่พวกมัน........มีเป็นฝูงเลย น่าจะเกือบ 100 ตัวได้”

เสียงกลืนน้ำลายดังมาตามทางวิทยุ โอ้คงช็อคกับสิ่งที่ได้ยินมาก เขารีบขานรับและบอกว่าจะไปบอกพวกวินทันที แต่ทันไดนั้นเอง โอ้ก็อุทานเสียงดังลั่นจนดังออกมาตามวิทยุ เก่งเอามือปิดตรงลำโพงไว้อยู่แล้ว ฟังจากเสียงโอ้สิ่งที่เขาคิดไว้มันคงเป็นจริง........ลุงวิน

“เก่ง....วิน....วินเขา...ฆ่าตัวตายพร้อมครอบครัวแล้ว”

“...............”

“เก่ง ได้ยินไหม วินเขา.........

“กูรู้แล้ว..........”

“ว่าไงนะ มึงรู้อยู่แล้ว”

“ใช่เพราะกูเอาปืนให้เขาเอง...”

“ว่าไงนะ!”

“แค่นี้นะ”เก่งพูดเสร็จเขาก็ปิดวิทยุสื่อสารของตัวเอง เขากัดปากแน่นอย่างแค้นเคือง ความรู้สึกผิดยังคงค้างอยู่ในใจ เขากำมือแน่นอย่างแค้นเคืองในตัวเอง แต่ก็รีบระงับอารมณ์นั้นทันที เพราะตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่า

“ฟังดีๆนะ พวกเราต้องเดินอ้อมไปหน่อย แต่ตรงระหว่างทางมันมีรั่วที่ต้องปีนข้าม เพราะฉะนั้น วสัน นายต้องคอยช่วยดึงเอ๋ขึ้นไปเข้าใจไหม”

เอ๋กุมมือเก่งก่อนที่จะมองวสันอย่างไม่ไว้ใจ เก่งเองก็ไม่ไว้ใจเช่นกันแต่เพราะเขากลัวว่าถนนเส้นหลักจะมีพวกผีดิบอยู่เขาถึงได้เอาวสันมาด้วย ถ้าเพียงกำลังเขาอาจจะพอดึงน้องของตนขึ้นไปได้ แต่จะให้ดึงผู้หญิงที่ยืนเฉยๆยังไม่มั่นคงข้ามกำแพงรั่ว ที่สูงเลยหัว บางทีเขาอาจจะมีแรงไม่พอ

“วสัน ผมพูดจริงๆนะ ถ้าคุณเล่นตุกติกอีกผมเอาคุณตายแน่”

“อะ อืม” วสันมองเก่งด้วยความกลัวความเจ็บปวดที่ถูกเก่งซ้อมยังคงตราตึงอยู่ในใจเขา

 

เวลาผ่านมาอีก 10 นาที

ตามตอกที่พวกเขาเดินมาไม่มีพวกมันอยู่เลย แต่พวกเขารู้สึกว่าพวกมันกำลังใกล้เข้ามา เสียงฝีเท้า เสียงลากขา เสียงเสื้อผ้าสีกัน มันดังเข้ามาเรื่อยๆในตอกที่เกือบจะไร้แสงแห่งนี้ พวกเขารู้สึกได้ว่าพวกมันกำลังใกล้เข้ามา และพวกมันมีเป็นจำนวนมาก บางทีพวกมันอาจจะได้กลิ่นพวกเขา กลิ่นของอาหารอันโอชะ

“นั้นไงรั้วที่เราต้องข้าม”เก่งชี้ไปทางข้างหน้า ซึ่งเป็นตอกวางขยะกองกันสูงถึงหัวเช่าและที่สุดปลายทางมีรั้วที่สูงเกือบสามเมตรตั้งตระง่านอยู่เลยรั้วไปปลอดผู้คน เก่งรีบวิ่งเข้าไป เขาเอามือจับกองขยะแหวกเป็นทางเพื่อให้เอ๋เดินได้สะดวกยิ่งขึ้น ก่อนที่จะไปถึงกำแพงรั้วเขาเอาหลังพิงก่อนที่จะเอามือประสานกันแล้วหันหน้าหาบุคคลทั้งสาม

“วสัน นายขึ้นไปก่อน”เก่งสั่งวสันเขายอมใช้ตัวเองเป็นบันได เพราะแค่แรงของเขาอาจจะใช้เวลากว่าที่คิดที่จะปีนข้ามไป เขาแค้นใจนักที่ตัวเองนั้นช่างอ่อนแอ วสันยืนเก้ๆกังสักพักจนเก่งสั่งเสียงแข็งอีกครั้งเขาจึงตัดสินใจเหยียบเก่งขึ้นไป

“อยู่บนนั้นแหละไม่ต้องไปไหน” วสันจึงหยุดชะงักทันทีในท่าคร่อมด้านบนสุดของรั้วไว้ซึ่งด้านบนเป็นส่วนท่อเหล็กกลม

“นาไปต่อ”

“อะ อื้ม”นาค่อยๆ เหยียบเขาขึ้นไป ในขณะที่เสียงดังสวบสาบเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เวลาพวกเขายิ่งน้อยลง น้องของเขาเหยียบไหล่เขาหัวเขาเธอข้ามไปไม่ได้สักที ในขณะที่วสันพยายามดึงเธอขึ้นไป แต่เธอก็ยังอยู่ที่เดิมจนเก่งเริ่มหมดความอดทน

“โธ่เว้ย!” เก่งจับเท้าทั้งสองของน้องก่อนที่จะยันมันขึ้นไปจนสุดแรงในที่สุดน้องเธอก็ข้ามไปได้ แต่ในตอนที่พยายามทรงตัวอยู่นั้นเองน้องเธอก็กลิ้งตกลงไปยังฝั่งตรงข้าม

ตุบ กรอบแกรบ เสียงเศษขยะถูกบี้ดังขึ้นน้องเธอลุกพรวดขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยสีหน้าขยะแขยง เอาละเหลืออีกคน แต่เก่งจำเป็นต้องปีนขึ้นไปก่อนเพื่อดึงเธอขึ้น เพราะถ้าพยายามดันเธอขึ้นไปด้วยการทรงตัวที่ไม่ดีเธอต้องล้มลงมาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเขาต้องขึ้นไปก่อน

เก่งหยิบขยะที่ดูค่อนข้างแข็งมาเป็นบันได เขาเห็นทีวีที่ถูกทิ้งไว้อยู่เครื่องหนึ่ง เขาจึงหยิบมันมาไว้ด้านบนสุดของกองขยะก่อนที่จะปีนขึ้นไป วสันจับแขนเขาไว้แล้วดึงเขาสุดแรงเขาถีบตัวขึ้นไปก่อนที่จะใช้อีกมือคว้าท่อเหล็กไว้ได้แล้วรีบดันตัวเองขึ้น เขาใช้แรงทั้งหมดที่มีปีนขึ้นไป จนเสียงหายใจของเขาดังถี่แรง แต่เขาต้องกลั้นใจไว้เขาต้องช่วยเธอให้ได้

“เร็วเข้า เอ๋”เขายื่นมือให้เอ๋ เอ๋รีบเดินไปหามือข้างนั้นที่ถูกยื่นมา แต่ละก้าวมันช่างเจ็บปวดโดยเฉพาะพื้นที่ขรุขระเช่นนี้

ในที่สุดเก่งก็จับมือเอ๋ไว้ได้ “เอาละนะ พยายามดันตัวขึ้นมา” เก่งกับวสันช่วยกันจับมือทั้งสองของเธอไว้แล้วดึง ข้อแขน เธอกรีดร้องอย่างเจ็บปวดราวกับว่ามีคนพยายามมาฉีกแขนเธอ เก่งยิ่งจับมือเธอแน่นจนเล็บอันยาวของเธอจิกมือเขา ความเจ็บปวดวิ่งพล่านไปทั่วร่าง วสันเองก็ตะโกนสบถออกมาอย่างเจ็บปวด

“ดึงขึ้น เอ๋ก็ดึงแขนขึ้น”เสียงนั้นเริ่มเดินใกล้เข้ามาเสียงครวญคราญดังแว่วมาแต่ไกล

“ไม่มีเวลาแล้ว”เก่งตะโกนบอกเอ๋ เธอพยายามใช้แรงทั้งหมดที่มี จนร่างของเธอค่อยๆลอยขึ้นเก่งใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงเธอขึ้นใกล้แล้วอีกนิดเดียว

อีกนิด.........ไม่นะ

ตุบ กรอบแกรบ วสันร่วงหล่นลงมาจากยอดไปยังอีกฝั่งหนึ่ง ในขณะที่เอ๋ตกลงไปที่เดิมโดยมีเก่งที่ยังคงคว้าแขนเธอไว้ เขาเองก็กำลังจะตกไปยังฝั่งเดียวกับเอ๋ ถ้านาไม่คว้ากางเกงเขาไว้

“คุณวสัน ช่วยฉันด้วย”นากรีดร้องให้วสันช่วย ในขณะที่วสันยังคงนั่งอึ้งอยู่ แล้วทันไดนั้นเองเสียงกระจกแตกได้ดังขึ้น วสันกรีดร้องอย่างตกใจก่อนที่จะวิ่งหนีไป

มือของเอ๋เริ่มหลุดจากมือเก่งในขณะที่นาใช้เท้ายันกำแพงไว้เพื่อดึงพี่ชายของเธอ เก่งมีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเอ๋ไว้ แล้วโอกาสนั้น...ก็หลุดหายไป

เอ๋ปล่อยมือด้วยความเจ็บปวด ในขณะที่เก่งถูกน้องของตนดึงไปอีกฝั่งหนึ่งแล้วล้มลงไปกองกับพื้นคู่กับน้องของตน มันจบแล้ว....เขาช่วยเธอไว้ไม่ได้เขาอ่อนแอเกินไป

“ว้ากกกกกกกกกกก”เก่งพยายามปีนรั่วขึ้นไป แต่แขนของเขาช่างอ่อนล้า เขาได้แต่ห้อยแขนลงมาจากท่อนเหล็กแต่ไม่สามารถยันตัวขึ้นไปได้ เขามันอ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอ

“ว้ากกกกกกกกกกกกก” ไม่ว่าเขาจะแหกปากแค่ไหน แขนเขาก็ไม่อาจดันตัวเองขึ้นไปได้ ไม่ว่าน้ำตาแห่งความโกรธแค้นจะไหลรินเพียงได มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เขามันอ่อนแอ เขามันอ่อนแอ ไอ้อ่อนเอ้ย! ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมเขาต้องอ่อนแอถึงเพียงนี้

แล้วเขาก็กลิ้งร่วงหล่นลงมาอีกทีด้วยท่าทีแสนตลกน่าสมเพช ร่างของเขาเริ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษขยะและเศษอาหาร มือของเขามีเลือดไหลซึมออกมา สภาพของเขาตอนนี้มันช่างน่าอนาทนัก แต่ในสายตาของเอ๋ เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหน ดูดีเท่าเขามาก่อนเลย เพราะสภาพอันน่าทุเรศของเขามันเกิดขึ้นเพราะเขาพยายามจะช่วยเธอ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเธอ แค่นี้ก็ทำให้ใจเธอเต็มตื้นขึ้นแล้ว

“พอแล้วละเก่ง”

“ยัง....ผมต้องช่วยคุณให้ได้”

“ไม่ต้องแล้วละ” ตรงต้นซอยที่มีแสงสว่าง เริ่มมีเงาดำเกิดขึ้น เป็นเงาของกลุ่มคนที่กำลังเดินเข้าหาเธออย่างเชื่องช้า

“เก่งรู้ไหม ตอนแรกเอ๋คิดอยากขอให้เก่งฆ่าเอ๋เสียด้วยซ้ำ”

“หา”

“เพราะเอ๋ไม่อยากทรมาน ไม่อยากถูกพวกมันกินทั้งเป็น เอ๋อยากให้เอ๋ ตายอย่างไม่เจ็บปวด”

“.........”เก่งนิ่งเงียบไม่พูดอะไร เขามองปืนลูกโม่ที่เขาเอามาจากวสัน กระสุนบรรจุอยู่เต็มแม็ก แต่ทว่าเขากลัว....เขาไม่กล้ายิงเธอ เขาจะทำได้อย่างไรในเมื่อไอ้พวกสวะก่อนหน้านี้เขายังลังเล เขาแสดงท่าทีอันโหดร้ายเหล่านั้นเพื่อปกปิดความอ่อนแอของตัวเอง แล้วเขาจะกล้ายิงเธอได้อย่างไร ผู้หญิงที่จูบเขาถึงแม้เขาจะไม่ได้รักเธอเลยก็ตาม

“เก่งไม่ต้องคิดมากนะ ไม่ต้องทรมานแบบนั้นหรอก เอ๋ เข้าใจแล้วว่าเอ๋ไม่อยากให้เก่งต้องเป็นทุกข์ด้วยความเห็นแก่ตัวของเอ๋อีก......เพราะฉะนั้นเก่ง”

“.........”

“เอ๋รักเก่งนะ ลาก่อน”พอเธอพูดเสร็จเธอก็วิ่งหนีไปทางที่ฝูงซอมบี้กำลังเดินเข้ามา เธอเลี้ยวไปฝั่งตรงข้าม ด้วยการเดินอันเชื่องช้า

“เดี๋ยวเอ เดี๋ยว อย่าไป ไม่อย่าไปปปปปปปปปป” แล้วเงาของเอ๋ก็หายไปจากตอกซอยตามด้วยฝูงซอมบี้นับสิบที่ตามเธอไป

“ไม่.......ไม่..........ไม่......ทำไมกูถึงได้อ่อนแอถึงเพียงนี้”

และเป็นอีกครั้งที่เก่งโทษความอ่อนแอของตนเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา