Rotten

5.8

เขียนโดย GasMask

วันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 00.30 น.

  7 chapter
  1 วิจารณ์
  9,314 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.37 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) CHAPTER 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

CHAPTER 2

NEW DAYS

เวลา 00.01 น.

 

เสียงลมหายใจหอบแรง รวมประสานเป็นจังหวะหนึ่งเดียว หนึ่งเด็กหญิง ซึ่งกำลังกำด้ามขวานไว้ในมือ ร่วมกับหนึ่งชายซึ่งมือที่ถือขวานนั้นเริ่มผ่อนคลายในขณะที่ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตื่นตระหนก กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าหรืออาจจะเป็นสิ่งที่เขาได้ทำลงไป

กับอีกหนึ่งหญิงสาวที่ปลอยผมถูกขวานด้ามแดงฟัน ฉับ ขาดไปส่วนหนึ่ง

“กรี๊ดดดดดดดดดดด....”เธอกรีดร้องดังลั่น ก่อนที่จะถูกชายตรงหน้าเอามือและขวานปิดปากเธอไว้

“ชู่ว.....”เขายู่ปากตัวเองทำเสียงนั้นออกมา ในขณะที่สายตาจับจ้องไปยังห้องที่อยู่เหนือหัวเธอ “เดี๋ยวมันก็ได้ยินหรอก”

“มัน” ในใจเธอเกิดคำถามขึ้น แต่เธอยังไม่หยุดดิ้นรนและพยายามกรีดร้องจนชายคนนั้นเอ่ยคำเตือนอันเด็ดขาด “ถ้าไม่เงียบเดี๋ยวก็ฆ่าทิ้งซะหรอก” เธอจึงเงียบ

“พี่ พอเถอะเธอเงียบแล้วเดี๋ยวเธอก็ขาดอากาศหายใจตายหรอก” ชายหนุ่มมองเด็กสาวที่เรียกเขาว่าพี่ด้วยหางตา ในสายตาแฝงความหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด แต่มือที่ปิดปากเธออยู่นั้นเริ่มผ่อนแรง “ถ้าเอ่ยเสียงอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” เขาปล่อยมือออก และเธอก็เงียบตามข้อตกลงนั้น สายตาของเขาและเธอจับจ้องไปที่ห้องที่อยู่เหนือหัว เมื่อสังเกตเธอพึ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในร้านขายของชำ ที่ขามีผ้าพันแผลพันอยู่

ในใจเกิดคำถามอยู่มากมายแต่สิ่งที่เธออยากรู้ที่สุดคือ

“คุณ จะ ฆ่า ฉัน ทำ ไม” เธอเริ่มนึกออกว่าสองคนนี้ได้ช่วยเธอไว้จากชายคลุ้มคลั่งเลือดโชกคนนั้น แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงคิดจะฆ่าเธอขึ้นมา ถ้าอยากให้เธอตายก็น่าจะปล่อยเธอไปไม่ต้องช่วย

ชายตรงหน้ามองด้วยสายตาโกรธเคือง เธอพึ่งนึกได้ว่าเขาเตือนว่าอะไร แต่มันก็สายไปแล้ว ชายคนนั้นใช้นิ้วนวดขมับก่อนที่จะเอ่ยปากขึ้นว่า

“เพราะฉันคิดว่าเธอกลายเป็นพวก “มัน” ไปแล้วไงละ”

“แต่หนูเปล่านะ หนูบอกพี่แล้ว พี่ไม่เชื่อว่าเธอไม่ได้โดนกัด”น้องเขาโต้แย้งขึ้นมาทันที

“พวก “มัน” โดน “กัด” หมายความว่าไงฉันไม่เข้าใจ”

“ก็เหมือนไอ้ตัวที่จะทำร้ายคุณไง”เขาเอ่ยทันควัน

“แล้วยังไงละ เขาอาจจะโกรธที่ฉันชนเขาแล้วคิดจะทำร้ายก็ได้”

“แต่เขาตายแล้ว เห็นเลือดที่หัวเขาไหม”

“ตายแล้ว...ตายแล้วพื้นคืน บ้าน่าเป็นไปไม่ได้หรอก....แล้วเธอรู้ได้ไงว่าเขาตายแล้ว”

“ก็เขา.....ก็เขากลายเป็นพวกมันไปแล้ว....ดูหน้าก็รู้นี่”

“แล้วพวก “มัน” คืออะไรเล่า....”

“พวก ซอมบี้ ไง”เขาเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้โง่อย่างนี้ เขาคิด

“ซอมบี้....ผีดิบ เหมือนในหนังนะเหรอตลกน่า....แล้วเธอรู้ได้ไงว่าพวกมันเป็นผีดิบ มีใครพิสูจน์แล้วหรอ”

“......” เขาเถียงไม่ออก

“บางทีมันอาจจะเป็นอาการเหมือนลมบ้าหมู”

“......”

“อาจจะยังพอรักษาได้ก็ได้”

“......”

“....แล้วเธอฆ่....”

“ถ้าไม่ใช่ซอมบี้....ถ้างั้นฉันก็เป็นฆาตกร ที่ฆ่าคนไปแล้ว 3 ศพยังไงละ”เขาพูดด้วยหน้าตานิ่งเฉย จนหญิงสาวพูดไม่ออก เธออยากต่อว่า แต่หนึ่งในคน หรือที่เขาเรียกว่า มัน นั้นมีคนที่พยายามทำร้ายเธออยู่ด้วย เธอจึงพูดไม่ออก เมื่อมองไปที่น้องสาวเขา เธอก็เข้าใจว่าสิ่งที่เธอพูดคือสิ่งที่เด็กหญิงต้องการพูด แต่เธอก็พูดไม่ออกเพราะเขาคงได้ช่วยชีวิตน้องของตนไว้จากคนเหล่านั้นเหมือนกัน

....ช่วยด้วย...

“เสียงอะไรนะ”หญิงสาวถาม เธอหันไปมองที่เขาที่ยังคงทำหน้าตาเฉยชา เมื่อหันไปมองเด็กสาว เด็กสาวกลับรีบหลบสายตาทันที

“นั้นคนใช่ไหม” เธอถามซ้ำ

...ช่วย....ฉัน....ด้วย....

มันดังมาจากห้องนั้น “นี้มีใครอยู่ในห้องนั้นใช่ไหม....”เขาไม่ตอบแต่ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ประตูนั้น

“ลืมไปเลย 4 ต่างหาก” เขาเปิดประตูออกโดยที่ไม่ต้องให้หญิงสาวต้องถามซ้ำ แล้วสิ่งที่เธอพบในห้องนั้น ทำให้เธอต้องอาเจียนออกมา

ในห้องนั้นเป็นห้องเก็บของ มีหญิงสาวร่างท้วมถูกสวมกุญแจมือติดอยู่กับราวแขวนของ โดยที่แขนมีผ้าพันแผลพันอยู่ หน้าของเธอซีดเผือกเหงื่อและน้ำตาไหลย้อยไปทั่วหน้าและตัว ตาของเธอสั่นไม่หยุดพร้อมกับหายใจถี่แรง แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือ ที่ปลายขาของเธอ มีร่างของตำรวจนอนจมกองเลือดอยู่ โดย ไร้ศีรษะ ศีรษะของเขานั้นหลุดกระเด็นอยู่ข้างกายโดยที่บริเวณกบหูมีรอยฟันขนาดใหญ่เหวอะอยู่ ซึ่งดูไปแล้วเธอรู้ทันทีว่าเกิดจาก ขวานที่อยู่ในมือชายหนุ่ม ซึ่งถอยออกมาพร้อมหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดดูด

“มัน...เกิด...อะไร...ขึ้น มันเกิดเหี้ยอะไรขึ้นกันแน่!” หญิงสาวถามชายหนุ่มด้วยความหวาดกลัว นี้มันการฆาตกรรม ฆาตกรรมโรคจิตกันชัดๆ

เขาดูดบุหรี่เข้าไปคำโตก่อนที่จะพ่นมันออกมา แล้วเอื้อนเอ่ยอย่างแช่มช้าราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา “ตอนเราช่วยเธอเสร็จ เราต้องหาที่พักพิงก่อน เพราะเธอดันสลบเหมือดและตัวหนักเป็นบ้า และบังเอิญฉันจำได้ว่ามีร้านสะดวกชื้ออยู่ใกล้ๆ เลยพาเธอเข้ามา ทว่าในนี้มีคนอยู่แล้วนั้นคือ คุณตำรวจ “เขาใช้บุหรี่ชี้ไปที่ตำรวจไร้หัว) และแม่ค้าตอนเราเดินเข้ามา มันสายไปแล้วแม่ค้าถูกตำรวจกัด และกำลังจะถูกกิน ฉันจึงรีบวิ่งเข้าไป และขอบคุณสมองที่ยังคงทำงานได้ดี ฉันจำได้ว่าที่กำแพงด้านซ้ายมีขวานดับเพลิง ใส่ไว้อยู่ในตู้ ฉันเลยรีบวิ่งเข้าไปทุบกระจกตู้ให้แตกและหยิบขวานนั้นออกมา ฟันฉับ ไปที่คอของตำรวจแต่มันไม่ยอมปล่อย ฉันเลยฟันไปอีกที ฉับ (เขาทำมือประกอบราวกับอยู่ในเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง) จนคอมันแถบหลุดแต่มันก็ไม่ยอมปล่อย ฉันเลยฟันอีกทีคราวนี้ ฟิ้ว (เขาทำนิ้ววนไปมากลางอากาศก่อนที่จะชี้นิ้วลงพื้น) แผละ! หัวมันกระเด็นออกมาตกพื้น แต่เธอเชื่อไม่ มันยังอ้าปากพะงาบๆ ราวกับปลาขาดน้ำ ฉันเลยช่วยสงเคราะห์อีกที มันเลยกลายเป็นอย่างที่เห็นนี่ละ....” เขาหยุดพูดดูดบุหรี่เข้าไปเต็มปอดอีกครั้ง

“แล้วทำไมต้อง ล็อคคุณป้าแกไว้ด้วยละ”

“ก็เพราะเธอถูกกัดนะ เซ่.....ฉันทำแผลให้คุณป้าก่อนและทำแผลให้เธอ และทันใดนั้นคุณป้าก็เริ่มไอ และมีไข้สูงรู้ไหมมันเหมือนในหนังเลยละ ฉันเลยเริ่มสังหรณ์ไม่ดีบางทีเธออาจจะเริ่มกลายเป็นพวกมันก็เป็นได้ ฉันเลยถามป้าแกว่ามีผ้าเพิ่มไหม ฉันไม่ต้องการมันหรอกนะ แค่อยากให้ป้าแกเข้าไปหาของเท่านั้นจะได้ขังเธอไว้ ฉันค่อยๆหยิบกุญแจมือมาจากตำรวจรายนั้น พร้อมกับของอีกอย่างหนึ่ง และเมื่อป้าแกเข้าไป ร่างเธอก็ทรุดลงและมือแกก็ไปคว้าราวพอดี ฉันเลยรีบฉวยโอกาส ล็อคเธอไว้ทันที”

“นายจะบ้าเหรอไง”

“....ใช่...ฉันคงบ้าไปแล้ว แต่...ฉันก็ทำแผลให้เธอก่อนแล้วเลือดมันก็หยุดแล้ว”

“แล้วนายเลยคิดว่า ล็อคเธอไว้ได้เนี่ยนะ นายมันเหี้ยไปแล้วรึไง เป็นเหี้ยอะไรเนี่ย เลยทำเรื่องผิดกฎหมายเหี้ยๆอย่างนี้”เธอด่าเขาเป็นชุด

“ก็เพราะทุกอย่างแม่งเหี้ยไปหมดแล้วไงเล่า! เรื่องเหี้ยๆแม่งเกิดทั่วไปหมดแล้วโว้ยยยยยยยยยย”

เธอนิ่งทันทีเมื่อเขาตะคอกใส่เธอ เธอลืมตัวไปว่ากำลังหาเรื่องคนที่มีสิทธิ์เป็นฆาตกรถึง 4 ศพอยู่

“จริงค่ะ ทางวิทยุเขาบอกมาอย่างนั้น...และตอนนี้ก็งดออกอากาศไปแล้ว”เด็กสาวย้ำเรื่องที่ชายหนุ่มพูด จนเธอเริ่มเชื่อ

“แต่ก็ไม่ควรล็อคป้าเขาไว้”

“ไม่ได้กะล็อคตลอดไปซะหน่อยไม่งั้นพวกฉันก็ไปแล้วละไม่นั่งรออย่างนี้หรอก....จะได้รู้ไปเลยว่าฉันคิดถูกหรือผิด”

“...ถูกหรือผิด”

“ใช่ ว่าถูกกัดแล้วจะกลายเป็นพวกมันรึเปล่านี่ก็ผ่านไป 30 นาทีแล้ว อาการป้าแกก็อย่างที่เห็น”

“เธออาจจะแย่เพราะเสียเลือดก็ได้...”

“ฉันบอกแล้วไงว่า เลือดเธอหยุดไหล มีแผลเหวอะขนาดนั้นแต่กลับหยุดไหล เชื่อไหมละ เช็ดทีเดียวเกลี้ยง แห้ง ไม่มี เข้าใจ๋”

“...แล้ว...”

“แล้วก็คอยดูถ้าอีก 15 นาทีไม่เกิดอะไรก็ปล่อยเธอ โอเค”

เธอไม่สามารถพูดอะไรได้อีก นอกจากรอพิสูจน์ไปพร้อมกับเขาซึ่งเธอแน่ใจว่าเขา คิดผิด!

 

เวลา 00.21 น.

ควันบุหรี่ลอยคุ้ง ไม่มีคำพูดไดๆเกิดขึ้นนับตั้งแต่ชายหนุ่มบอกให้รอ 15 นาที และนี้15 นาที ได้ผ่านไปแล้วพอๆกับความอดทนของหญิงสาวได้ผ่านพ้นไป เธอสังเกตว่าหญิงชราร่างท้วม นิ่งไปอย่างผิดปกติ ราวกับว่าเธอกำลังหลับ หลับลึกอย่างมาก

                “นี่ ผ่านมา 15....” แกร็ง กุญแจพวงหนึ่งถูกโยนมาไว้ตรงหน้าเธอ กุญแจที่ใช้ไขล็อคของหญิงชรานะเอง เธอรีบคว้ามันขึ้น แล้วรีบคลานเข้าไปหาหญิงชรา (เพราะขาเธอเจ็บ) พอไปถึงร่างนั้น เธอเริ่มทำอะไรไม่ถูก ผ่านไปสักพักเธอก็เริ่มตั้งสติได้ เธอเช็คชีพจรของหญิงชราก่อน (โดยการจับที่ข้อมือ) เธอลูบๆคลำๆ มันสักพัก ก่อนที่จะพบว่า.....ไม่พบอะไรเลย ไม่มีการเต้นของชีพจร

                เธอตายแล้ว!

                “เธอ....เธอ...ตายแล้ว”หน้าเธอถอดสี น้ำกรดในกระเพาะเริ่มมวนขึ้นมาอีกครั้ง

                “ไม่นะ....ไม่....พี่...พี่ทำอะไรลงไป” น้องสาวของเขาเองก็เริ่มแสดงอาการวิตกจริตอย่างเห็นได้ชัด และเริ่มมองพี่ของตนด้วยสายตาหวาดผวา

                ทว่า ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉยก่อนที่จะพ่นควันออกมาอีกอึกและพึมพำอะไรบางอย่าง “....”ฉันเคยมีเพื่อนถูกแทง มันถูกแทงกลางหลังด้วยมีดยาวขนาด 3-4 นิ้ว รู้ไหมกว่ารถพยาบาลจะมา และรับมันไปทำแผล ในขณะที่เลือดไหลออกไม่หยุดนะต้องใช้เวลา ราวครึ่งชั่วโมงเลยทีเดียว แต่มันก็ยังไม่ตาย โดยที่เลือดยังไม่หยุดไหลเลยนะ.... ถ้าผมเป็นคุณ(เขาชี้ไปยังหญิงสาวที่ยังคงจับชีพจรของหญิงชราอยู่) ผมจะถอยออกมาให้ห่าง จาก “ตาย” นั้น”

                “หา....นายเสียสติไปแล้วรึไง ไอ้ฆาตกร....”เธอมองเขาด้วยสายตาอันแสนเกลียดชัง

                “อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ....”เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจนทำให้เธอผงะ และทำให้มือของหญิงชราจับมือเธอไว้ จับมือเธอไว้!

                เธอรีบหันขวับไปมอง ก่อนที่จะพบว่าหญิงชราค่อยๆโงหัวขึ้น ดวงตาของเธอแดงก่ำ มีเลือดไหลย้อยออกมา เป็นไปได้ไง เธอแทบไม่เชื่อสายตาตนเอง หญิงชราคนนี้ยังมีชีวิต ทั้งๆที่ ในขณะนี้เธอยังคงจับชีพจรอยู่ และมันยังคงไม่เต้น! คนตายคืนชีพ! ซอมบี้! “ช่วยฉันด้วย!”

                “ปล่อยนะยัยแก่ บอกให้ปล่อยไงเล่าปล่อยเซ่” เธอพยายามกระซากข้อมือออกแต่หญิงชรายังคงจับแน่น เธอค่อยๆ อ้าปากออก ก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่เธอ ผัวะ! เธอถีบใส่หน้าของหญิงชราอย่างแรงจนผงะ แต่มือนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อย

                “นี่นาย ทำอะไรสักอย่างเซ่! ฆ่ามันเลย ฆ่ายัยแก่นี่เลย เอาขวานเฉาะหัวแม่งเลย! ฆ่ามันเลยเซ่”

                “....แต่เธออาจจะเป็นแค่ลมบ้าหมู”

                “ไม่ใช่ มันไม่ใช่ นี่มันซอมบี้! ซอมบี้ชัดๆ ฆ่ามันเลย!” หญิงชราเริ่มกดหัวเข้าหาแขนเธอ ใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามา

                “อาจจะยังพอมีทางรักษาก็ได้นะ....”

                “เลิกล้อเล่นได้แล้ว นี้มันเรื่องเป็นเรื่องตายนะ ฉันยังไม่อยากตาย”

                “แต่ฉันจะเป็นฆาตกรนะ...”เขายังคงล้อเลียนไม่เลิก

                “ขอร้องละ ฆ่ามันที ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว นายไม่ใช่ฆาตกรหรอก ไอ้พวกเหี้ยนี้มันไม่ใช่คน!”

                “เธอพูดเองนะ” พอเขาพูด เธอพึ่งสังเกตว่าเขามายืนระหว่างเธอและหญิงชรา เขาเงื้อมมือขึ้นแล้วก็ฉับ! เธอถอยออกมาได้ทั้งๆที่มือของหญิงชรายังคงจับเธอไว้แน่น เธอถอยกรูดจนหลังไปชนกับชั้นวางของเธอรีบสะบัดข้อมือที่จับอยู่ สะบัดและง้างอย่างแรงในที่สุดมือไร้แขนนั้นก็หลุดออก เขาใช้ขวานฟันมือหญิงชราจนขาด

                “ฆ่ามันเซ่ ฆ่ามันเลย”เธอตะคอกใส่หญิงชราด้วยความแค้น มัน มันไม่ใช่คน ไอ้เดรัจฉาน เธออยากตะโกนด่ามันออกมาอย่างนั้น แต่ปากของเธอสั่นเกินกว่าจะพูดมันออกมา ทว่าชายหนุ่มกลับนิ่งสงบเขานั่งยองๆอยู่ตรงหน้าหญิงชราซึ่งเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาแทนหญิงสาว มันพยายามใช้แขนไร้มือคว้าจับเขา แต่มันเอื้อมไม่ถึงชายหนุ่มกะระยะถอยห่างอย่างพอดี เขาจ้องมองหญิงชราด้วยสายตาที่อธิบายไม่ถูก ไม่โกรธ ไม่ดีใจไม่เสียใจ และก็ไม่สุขสาแก่ใจในชัยชนะของตน มันทำได้แค่เอื้อมหาเขาเพราะกุญแจมือที่ล็อคอีกแขนอยู่เป็นสิ่งที่รั้งมันไว้

                เขาดับบุหรี่ในปากโดยการขยี้มันลงตรงพื้นก่อนที่จะนั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหญิงชรา ก่อนที่จะเอ่ยวาจาที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากเขา

                “ผมขอโทษนะป้า....”เขาขอโทษ เป็นไปได้ไง ทำไม “....ที่ต้องจับป้ามาเป็นหนูทดลอง....อย่างนี้....ป้าคงทรมานมากสินะ ทั้งๆที่ผม.....ทั้งๆที่ป้าให้ความกรุณากับผม มาซะมากมาย.....”

                “แง้งง....แฮ่....”หญิงชรายังคงพยายามจู่โจมใส่เขา

                “พี่.....”น้องเขาพึ่งนึกออกว่าหญิงชราคนนี้คือคนที่ลดราคาไฟแซ็คและบุหรี่ให้พี่ชายของตนเสมอ ทุกครั้งเมื่อทั้ง 2 มาตลาดด้วยกัน พี่เขาห้ามให้เธอไม่พูดอะไรอีก

                “....แต่ผมจำเป็นต้องรู้ให้แน่ชัด ว่าผมคิดถูก....ผมจึงต้องทำอย่างนี้ ผมยังมีคนต้องการปกป้อง...ผมต้องมีชีวิตอยู่ต่อ...ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมหวังให้ทุกอย่างหายไปรวมทั้งตัวผมเอง....แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผม...ผมยังไม่อยากตาย...ผมจึงต้องทำอย่างนี้.....”

                เขาใช้มือเช็ดบางอย่างบนใบหน้า ก่อนที่จะพูดต่อ “...เพื่อที่จะได้ไม่ต้องลังเลอีกต่อไป...ผมขอโทษ...ผมขอโทษนะป้า....อย่างน้อยผมก็พอทำให้ป้าได้เท่านี้”

                เขาหยิบของบางอย่างออกมาจากข้างหลัง มันสะท้อนแสงกับแสงไฟด้านหน้าร้าน และเมื่อเธอจับจ้องมองมันให้ชัดตาเมื่อชายหนุ่มจ่อมันเข้าที่ศีรษะของหญิงชรา เธอก็นึกออก (......”รวมทั้งของอีกอย่างหนึ่ง”......) ชายหนุ่มเคยพูดถึงมันแต่เธอไม่ได้สนใจ จนกระทั่งตอนนี้ ของสิ่งนั้นคือปืนนะเอง เป็นปืนลูกโม่กระบอกเล็กสีดำขวับ

                “ป้าครับ....ผมขอโทษนะครับ....” ปืนที่จ่อไปยังศีรษะของหญิงชราเริ่มสั่นเทิ้ม แต่มันยังคงขึ้นนกได้อย่างแผ่วเบา เหลือแค่เหนี่ยวไกเท่านั้น แล้วทุกอย่างก็จบ

                ทั้งๆที่เธอหวังให้ชายหนุ่มฆ่าหญิงชราก่อนหน้านี้ หวังว่าให้ใช้ขวานนั้นฟันเฉาะกลางกระบาลของเธอ แต่ตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกไม่อยากให้เขาฆ่า ไม่ใช่เพราะเธอสงสารหญิงชราแต่เป็นเพราะเธอสงสารเขา กับน้ำตาที่ไหลรินออกมา

                ปัง!

                เขาแอบซ่อนน้ำตานั้นไว้ในความมืด แต่ถึงแม้มันจะมืดเพียงไดก็ซ่อนไว้ได้ไม่มิด

 

เวลา 00.35 น.

 

                “นี่เรากำลังจะไปไหนกัน แฮ่กๆ....”หญิงสาวหอบด้วยความเหนื่อยล้า เพราะเธอต้องเดินโดยใช้ขาข้างเดียว พร้อมกับไม้ค้ำช่วยพยุงอีก 2 อัน ซึ่งมันเหนื่อยกว่าที่เธอคิด

                “เลิกบ่นซะทีได้ไหม เราพึ่งเดินมาแค่ 100 เมตรเองได้มั่ง” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างหงุดหงิด

                “หนูว่าพี่ไม่มีสิทธิ์บ่นหรอกนะ” น้องสาวเขาพูดอย่างยิ้มๆจนชายหนุ่มต้องรีบหันขวับมามองค้อน รีบพูดทันควันว่า “เงียบน่า!”

                “เรื่องอะไรหรอ”หญิงสาวเริ่มถามอย่างใคร่รู้

                “ถ้าหนูบอกพี่สาว พี่ชายฆ่าหนูแน่” แต่เธอกลับเดินเข้าใกล้เธอก่อนที่จะกระซิบข้างหูว่า “พี่หนูก็เคยขาหัก บ่นโอดครวญเหมือนคุณตอนนี้นะแหละ

                “หรอ...”นี่นับเป็นครั้งแรกเลยละมั่งที่เธอเห็นเด็กสาวยิ้ม

                “เห็นพี่หนูอย่างนี้....แต่เขาเป็นคนใจดีนะค่ะ อย่างตอนที่เราไปช่วยคุณ ถึงหนูจะเป็นคนออกความเห็นให้ไปช่วยและบังคับพี่ก็ตาม แต่มีตอนหนึ่งที่หนูถอดใจ จนคิดว่าทำไม่ได้แน่ๆ แต่พี่นี่แหละที่เป็นคนช่วยคุณออกมา ทำแผลให้ และอุ้มคุณเข้าร้านของชำ พี่หนูเขาช่วยคุณไว้นะคะ”

                “เขาช่วยฉันไว้หรอ” มีบางอย่างเริ่มเกิดขึ้นในใจของเธอ

                “ค่ะ....และสิ่งที่เขาทำมันอาจจะดูโหดร้าย แต่เขาทำเพื่อ พวกเราหนูเชื่ออย่างนั้น”

                “ดูเธอจะรักพี่ชายเธอมากนะ”หญิงสาวพูดอย่างยิ้มๆ แต่เด็กสาวกลับทำหน้าสลดขึ้นมาทันที

                “ไม่หรอกคะ...”เธอเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยคุยอย่างสนิทกับพี่เลย ออกจะดูถูกเสียด้วยซ้ำเพราะพี่ดูเป็นคนไม่เอาไหน หางานทำก็ไม่ได้ แต่ตอนนี้เรื่องพวกนั้นมันไม่สำคัญแล้ว มันไม่มีค่าอีกต่อไป ฉันพึ่งได้เข้าใจและเห็นอีกด้านหนึ่งของพี่เขา...เขาช่วยหนูไว้และเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ถอดทิ้งหนูในสถานการณ์อย่างนี้ แค่นั้นก็น่าจะพอแล้ว ไม่ใช่หรอค่ะ...”

                “นั้นสินะ....”เธอเห็นด้วย และเมื่อมองเขาเธอก็อดยิ้มไม่ได้ ชายหนุ่มที่ช่วยชีวิตเธอไว้ เธอคิด

                “ว่าแต่หนูกับพี่ชื่ออะไรหรอ”

                “อ๋อหนูลืมบอกไปเลย หนูชื่อนา พี่ชายหนูชื่อเก่ง แล้วพี่ชื่ออะไรหรอค่ะ”

                “พี่ชื่อ เอ๋ จ๊ะ”

                “ถึงแล้ว แม่งเอ้ย เงียบเป็นบ้า” ถึงเขาจะสบถแต่เขาก็ยิ้ม เพราะไม่มีพวกมันอยู่เลย ในที่สุดเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้บ้านเขา เขามาที่นี้เพราะต้องการของบางอย่าง ที่อาจจะช่วยครอบครัวเขาและอาจจะยังช่วยพวกเขาหลังจากเขาช่วยครอบครัวเสร็จ เขาเป็นอย่างนี้เสมอพวกชอบคิดมาก และวิตกจริตหน่อยๆ แต่นั้นแหละคือสิ่งที่ทำให้เขารอดมาจากการโดนพวกนักเลงรุมกระทืบ อันที่จริงเขาแทบจะไม่เคยมีเรื่องชกต่อยเลยด้วยซ้ำเพราะเขารู้จักระวังอยู่เสมอและเพราะเหตุนั้นเองที่ทำให้เขาไม่ตายจนทุกวันนี้

                แล้วทำไมเขาถึงไม่รีบไปช่วยครอบครัวเสียละ เพราะเขาคิดว่าถ้ารีบเร่งไปก็เท่านั้น ถ้าไปช่วยแล้วไม่มีอาวุธเลยเขาก็ตายพร้อมครอบครัว ถ้าไปช่วยแล้วไม่เตรียมทางหนีหรือแผนเลยเขากับครอบครัวก็คงรอดได้ไม่นานแล้วก็ตาย และถ้าไม่มีอาหารหรือที่ที่พวกเขาจะใช้ซ่อนตัวได้เลยหลังจากช่วยเสร็จพวกเขาก็คงต้องตาย มันไม่ใช่แค่เขาไหนจะพ่อ ไหนจะแม่ ไหนจะน้องและตัวเขาอีก

                ที่สำคัญถึงไปช่วยตอนนี้หรือหลังจากนี้ก็ไม่ต่างกันนักเรื่องไม่ใช่พึ่งเกิดขึ้น พ่อกับแม่เขาน่าจะล็อคบ้านอย่างดีหลังจากได้ยินข่าว เพราะมันเกิดขึ้นมาได้ประมาณ 2- 3ชั่วโมงแล้วหลังจากเขาได้ยินมาขากทางวิทยุ

                เพราะฉะนั้นถ้าเขารอด....หรือตาย เวลาก็ไม่สำคัญมากนัก

                พอเขาเดินไปที่หน้าประตูมันกลับถูกสิ่งกีดขวางปิดไว้ “ยังมีคนอยู่ข้างในมากเสียด้วย” เพราะสิ่งที่วางขวางอยู่หน้าประตูนั้นมีแต่ของหนักๆ คนหรือสองคนยกไม่ไหวแน่ แต่เขารู้จักห้างนี้ดีเขาจึงอ้อมไปข้างหลังเมื่อเดินไปถึง เขาต้องชะงักเพราะ มีศพนอนอยู่ตรงหน้าประตู

                “ไม่เลวนี่”

                “นี่ มันไม่อันตรายหรอที่จะเข้าไป” เฮ้อทำไมผู้หญิงไม่รู้จักหุบปากกันบ้างนะ

                “เธอต้องการยากับผ้าพันแผลไม่ใช่หรอ”เขาเอ่ย หวังว่าสิ่งที่เขาพูดจะทำให้เธอเงียบแล้วไม่ถามเหตุผลอีก เขามีสิ่งที่สำคัญกว่าของพวกนั้น

                เขามัวแต่คิดโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าแก้มของหญิงสาวแดงระเรื่อและยิ้มอย่างปีติที่มีคนห่วงใยเธอ

                เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไปเขารีบยกมือขึ้นก่อนที่กลุ่มผู้ชายตรงหน้าจะสั่งเขาเสียอีก “ยกมือขึ้น”

                “ไม่เอาน่า ผมไม่ใช่โจรนะ” ชายกลุ่มนั้นเริ่มพูดคุยกันเมื่อเห็นอยู่ในสภาพปกติ

                “นี่ เขาไม่ใช่พวกมันแน่นะ”

“ไม่รู้สิ...เห็นเลือดนั้นไม่”

“แล้วไงละ เขาอาจจะฆ่าพวกมันก็ได้”

“ใช่นั้นมันอันตรายไม่ใช่หรอ ฆ่าคนเลยนะ”

“พวกเราก็ทำนี่”

“แต่เราทำเพื่อปกป้องตนเองนะ”

เขาเริ่มหงุดหงิดกับบทสนทนาเหล่านี้ หรือเขาจะควักปืนมาจ่อขู่คนพวกนี้ดี แต่ความคิดเขาต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงๆหนึ่ง

“เก่งนี่.....” พูดชื่อเขา ใครกันเสียงนี้มัน

“โอ้....โอ้หรอวะ” แล้วชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินฝ่าฝูงชนเข้ามา เขาใส่เสื้อเชิ้ตกางเกงแสล็ก ผมตัดสั้น ดูพื้นๆ นี่มันโอ้นี่หว่า

“ไอ้เหี้ยโอ้”

               

เวลา 01.00 น.

“อะไรนะ นายมาที่นี้เพื่อเอาปืน”โอ้ตะโกนอย่างตกใจเมื่อได้รู้ความจริง

“ชู่วววว เดี๋ยวคนอื่นก็รู้หมดหรอก”เก่งรีบเอามืออุดปากเพื่อนของตนให้เงียบ “ใช่และฉันรู้ด้วยว่ามันเก็บอยู่ที่ไหน นายจะต้องช่วยฉันนะ”

“แล้วเรื่องที่นายเข้ามาหายาให้เธอละ ผู้หญิงคนนั้นนะ โกหกหรอ”เพื่อนเขาเริ่มพูดด้วยเสียงที่เบาลงตาม

“ก็แหงสิ”

“ค่อยสมเป็นนายหน่อย”

“อะไรนะ”

“ต้องอย่างนี้สิ ถึงเป็นเก่งที่ฉันรู้จัก ปฏิเสธเรื่องดีๆที่ตนเองทำทุกอย่างและชอบคิดว่าตนเองระยำแค่ไหน แต่ฉันบอกเลยนะถึงยังไงนายก็ช่วยเธอแถมทำแผลให้ ถ้าเลวจริงนายคงทิ้งเธอไปแล้ว”

“เฮอะ” เก่งทำหน้าสุดเซ็ง “แล้วแต่จะคิดวะ แต่กูไม่ใช่คนอย่างนั้น” เขาปฏิเสธเสียงแข็ง

“ทำอย่างกะฉันพึ่งรู้จักนายเมื่อวานนี้”เพื่อนเขาหัวเราะออกมา ไอ้หมอนี่ชอบทำเป็นรู้ทันทุกอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมากนัก

“นายจะช่วยฉันใช่ไหมโอ้”

“คงงั้น”

“ว่าแต่ เสียใจด้วยนะเรื่องครอบครัวนาย” เพื่อนเขาหน้าสลดไปทันที “ฉันเองก็เสียใจ” เสียใจที่พวกเขาตายไปหมดแล้ว เขาดันซวยเพราะที่เกิดเหตุเริ่มต้นนั้นอยู่แถว เขต ที่เขาอยู่ หลังจากรู้ความจริงเขาก็ขับรถอย่างไร้จุดหมายและหมดอาลัยตายอยาก ในตอนนั้นเองที่เขานึกถึงเพื่อนสนิทที่สุดของตน เขาอยากรู้ว่ามันยังมีชีวิตอยู่รึเปล่า เขาจึงได้มาที่นี่และเมื่อถนนถูกปิดหมด เขาจึงจำเป็นต้องทิ้งรถ และเมื่อทุกคนเริ่มวิ่งหนีพวกมัน เขาก็ตัดสินใจวิ่งหนี และเข้ามาซ่อนตัวในห้างแห่งนี้ซึ่งเปิดนานเป็นกรณีพิเศษ เนื่องจากเรื่องที่เกิดขึ้น

“แค่ฉันจะพอหรอวะ”

“ยิ่งน้อยยิ่งดี แต่ถ้าได้เพิ่มก็จะดีมากเพราะมันอยู่ถึงชั้น 3 นะ”

“แต่ข้างบนมีแต่พวกมันนะ”

“ก็เออนะสิ กูยังงงอยู่เลยนี่ทำไมข้างบนมีแต่พวกมันแต่ข้างล่างไม่มีสักตัว” เขาละสงสัยจริงๆ

“ก็เหตุมันเกิดจากชั้นบนสุดก่อนนี่หน่าและโชคดีที่ห้างนี้มีแค่ 3 ชั้นเลยไม่มีลิฟ ไม่งั้นพวกมันคงลงมาเพิ่ม และนี้นายจะพูดยังไงให้เขาเอาที่กั้นออกละ พวกนั้นคงไม่ยอมแน่ๆกลัวตายจะตายไป”

“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นหรอก เพราะมีผลประโยชน์ให้กันนะสิ”

“โกหกอีกละสิ”

“เออก็คงงั้น แต่นายก็คงไปกับฉันอยู่ดีใช่ไหมละ”

“แล้วมันมีอะไรดีกว่านี้ให้ทำไหมละ”

“เชื่อฉันสิ ไม่มีอะไรที่ ดี ไปกว่านี้แล้วละ”

แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะออกมาเสียงดัง เพราะต่างรู้ดีว่าเรื่องที่จะทำมันทั้งโกหก กะล่อน ปลิ้นปล้อน ตอแหล

เธอมองพวกเขาแล้วอดรู้สึกแปลกใจไม่น้อย เธอแถบนึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะหัวเราะอย่างนี้เป็นด้วย

“นี่นา พี่เธอสนิทกับคนนั้นดีนะ”

“นั่นสิคะ...หนูยังแปลกใจเลยเคยได้ยินแต่ชื่อ ไม่เคยเห็นตัวจริงบางทีพี่อาจจะแคร์เขามากกว่าหนูก็ได้” นาทำหน้าน้อยใจอย่างเห็นได้ชัดแต่เธอก็พอเข้าใจว่าความรู้สึกที่พี่มีให้เธออาจจะไม่ค่อยสู้ดีนัก และนั้นเป็นผลที่เกิดจากการกระทำของเธอเอง

“แต่พี่หนูเคยบอกไว้ว่า สำหรับเขาคนชื่อ “โอ้” คือคนที่เขาไว้ใจที่สุด ถึงขนาดฝากชีวิตไว้ได้เลยเสียด้วยซ้ำ เพราะโอ้เป็นคนดีที่สุดที่เขาเคยได้เจอ ตั้งแต่เขาเกิดมา”

“ขนาดนั้นเลย....”เธอรู้สึกอิจฉาอย่างบอกไม่ถูก

 

“นี่พวกเธอจะไปเอายาใช่ไหม” ทั้งคู่สะดุ้งด้วยความตกใจโดยเฉพาะเก่งที่แทบควักปืนที่ซ่อนไว้ออกมา แต่พอหันกลับไปกลับพบแค่ชายวัยกลางคนที่สวมสูทผูกไทด์ราวกับพนักงานบริษัทที่หัวเกือบล้านเท่านั้น

“ใช่ ทำไมหรอ”เขาถาม

“เฮ้เก่ง พูดดีๆหน่อยสิ คนนี้เขาโอเคน่า”คำพูดของโอ้ทำให้เขามีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น ถ้าดีก็ดี

“เอ่อ....คือ...ฉันขอไปด้วยได้ไหม ลูกสาวฉัน....เขามีโรคประจำตัวนะ”

“ลุงนะหรอจะไป” เขาสำรวจชายวัยกลางคนตรงหน้าแล้วเริ่มคิดว่าชายคนนี้จะช่วยพวกเขาหรือพวกเขาจะต้องคอยช่วยชายคนนี้กันแน่ แต่ไม่ทันให้คำตอบที่แน่ชัด โอ้กับยื่นมือออกไปแล้วพูดว่า “ด้วยความยินดีครับ”

“เฮ้ย...”

“เอาน่า มีคนเพิ่มดีกว่าไม่มีนะ อีกอย่างฉันเชื่อว่าลุงคนนี้พร้อมทำทุกอย่างเพื่อยานั้น....นายคงไม่เห็นด้วยและบอกไม่เข้าใจสินะ”

“....ก็เออดิ”ก็พ่อเขาไม่ใช่คนอย่างนี้นี่ เท่าที่เขาจำได้ เพื่อนเขาแค่ยิ้มน้อยๆเท่านั้น เพราะมันเข้าใจดีจากเรื่องที่เขาเล่า

“เอาน่าเพื่อน พอเป็นพ่อคนนายอาจจะเข้าใจ”

“ทำอย่างกะนายเคยเป็นพ่อคนแล้วนี่ เฮอะ”เขาเริ่มยิ้มออก เพราะเพื่อนเขานั้นเหมือนเขา แฟนจริงๆยังไม่เคยมีเล้ย

“ให้...ให้ฉันไปด้วยนะ”ชายในชุด รปภ.เดินเข้ามา เขามีปืนด้วย!

“คุณไม่ต้องไปก็ได้นะ แค่เอาปืนนั้นมาให้เราก็ได้”

“ไม่! เอ่อ...ไม่ได้มันเป็นของอันตรายและอีกอย่าง ฉันแค่ต้องการไปดูเท่านั้นว่าเพื่อน...เพื่อนฉันโอเครึเปล่า” แน่อยู่แล้วว่าไม่โอเคเพราะเขาเห็นกับตาว่าเพื่อนเขาถูกพวกมันกัด ขย้ำและกินไป ในขณะที่เขาวิ่งหนีออกมา แต่เขาสะเพร่านักเพราะเพื่อนเขาคือคนที่ถือกุญแจห้องพนักงานที่ในล็อคเกอร์ มีปืนกับกระสุน เก็บอยู่

ไอ้โกหก! เขารู้สันดายชายคนนี้ดีแค่มองตาก็เห็นนมไก่ เพราะเขาเป็นงูที่มีตีนนะเอง

“ก็ได้เอาสิ Left 4 Dead พอดีเลย”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
6.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา