ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  97.62K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

103) บทที่ ๑๐๓ : จดหมายจากพงสณะกับความไม่สบายใจของอสุรา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๑๐๒

[บรรยายโดยตัวละครหญิง เด็กหญิงสังรศรี วีรสังฆะ]

จดหมายจากพงสณะกับความไม่สบายใจของอสุรา

                                                       

                                                         ๑๑๒/--- ต.หนองปรือ

                                                                                                                                               อ.บางละมุง จ.ชลบุรี

                                                                                                                                                                       ๒๐๑๕๐

                                                         ๒ เมษายน ๒๕๕๙

ศรีที่รัก

               สวัสดีศรีที่รัก สบายดีไหม ช่วงนี้อากาศร้อนมากเลย อย่างไรก็ดูแลตนเองด้วยนะฉันเป็นห่วง นี่ถ้าไม่ติดว่าเรียนที่อื่นฉันจะมาดูแลไม่ให้บกพร่องเชียวล่ะ

               จดหมายฉบับนี้อาจจะเป็นฉบับที่ ๒๖ แล้ว แอบกตกใจนะที่เราเขียนตอบกลับมาขนาดนี้ ฉันเป็นคนที่ไม่ชอบเขียนจดหมายจริงๆ นั่นแหละ แต่รู้สึกว่าสนุกขึ้นมาบ้างแล้ว ตามที่ศรีบอกว่าทำให้สัมผัสได้ถึงความรู้สึกของอีกฝ่าย รู้สึกว่าโรแมนติกดีเหมือนในสมัยก่อนที่ยังไม่มีการสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ และทำให้ฉันฝึกการใช้ภาษาไทยไปด้วย ก่อนที่จะได้เขียนจดหมายกับเธอนั้น ฉันที่ไม่ค่อยเขียนอะไรในวันหยุด พอเปิดเรียนก็เขียนสวยน้อยกว่าเดิมแถมไม่ค่อยคล่องด้วย แต่พอได้เขียนจดหมายตอบกลับกับศรีทำให้ฉันพัฒนาทั้งสามอย่างที่กล่าวมา (ถึงอย่างนั้นฉันก็ชอบพิมพ์เมล์มากกว่าอยู่ดี) ขอบคุณนะ

               เกือบจะไม่ได้เขียนจดหมายเสียแล้ว เพราะต้องไปทบทวนบทเรียนที่กำลังสอบเข้ากับเพื่อนๆ …แล้วศรีเข้าเรียนที่ไหนเหรอ สอบหรือยัง ถ้ามีตรงไหนไม่เข้าใจติดต่อมาถามได้นะ ฉันยินดีช่วยเสมอ (ถึงวิชาภาษาไทยฉันจะเป็นรองเธอก็ตาม) ฉันคิดว่าจะไปเยี่ยมด้วยล่ะ ตอนนี้โรงเรียนแถวๆ ที่ศรีอยู่คงจะปิดอยู่สินะ ถ้าอย่างนั้นช่วยรอด้วยอย่าเพิ่งไปเที่ยวที่ไหนล่ะ เพราะฉันวางแผนจะพาไปเที่ยวที่ชลบุรี ก่อนหน้านี้ว่าจะชวนไปแล้วแต่มีที่อื่นอยู่ก่อนเลยไม่ได้พาไป ที่จะพาไปก็คือตลาดน้ำ ถึงจะไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษแต่อาหาร ขนม ของแบบไทยนี่มีมากเลยล่ะ รับรองว่าเธอต้องชอบแน่ (แม้ว่าช่วงนี้อากาศจะร้อนและมีฝนตกแปรปรวนก็ตาม)

               จริงด้วยสิ ถ้าเกิดฉันไปเยี่ยมศรีอยากได้ดอกไม้อะไรเหรอ ดอกบัวดีไหม ตอนนี้มีทุ่งดอกบัวหลากชนิดเปิดให้เข้าชมและซื้อด้วยล่ะ ที่ฉันไปลองดูมาสวยมากๆ เลย มีชนิดใหม่และที่เพิ่งนำเข้าด้วย บางอย่างฉันไม่เคยเห็นมาก่อนไม่รู้ว่าศรีจะเคยเห็นหรือยัง แต่ถึงจะเคยเห็นฉันก็จะซื้อมาให้หมดทุกชนิดเลย พอกล่าวถึงดอกไม้ฉันก็นึกถึงดอกกุหลาบที่ส่งให้ศรีในวันวาเลนไทน์ ได้รับหรือยัง สวยไหม ฉันตั้งใจเลือกชนิดและสีที่คิดว่าจะถูกใจเธอหวังว่าจะชอบนะ จะว่าไปเรื่องเที่ยวฉันเปลี่ยนใจพาเธอไปสองที่เลยดีกว่า ตลาดน้ำกับทุ่งดอกบัวละกันนะ แล้วช็อกโกแลตที่ส่งให้เธอพร้อมดอกกุหลาบอร่อยไหม นี่ทำด้วยสวมผสมชั้นดีเลยนะ ตอนแรกว่าจะสั่งทำพิเศษให้เป็นรูปศรีด้วย แต่คิดอีกทีคงไม่ดีฉันกลัวว่าจดหมายจากเธอจะต้องมีระเบิดมาด้วยแน่ๆ (ล้อเล่น)

               มีอีกหลายเรื่องเลยล่ะที่ฉันอยากจะเล่าอยากจะถาม แต่ไว้เพียงเท่านี้ดีกว่าเดี๋ยวฉบับหน้าไม่มีอะไรจะเขียน เพราะถ้าฝืนเช่นนั้นฉันจะใส่น้ำตาลให้มดขึ้น ไม่เชื่อคอยดู (ไม่เข้าใจคำนี้ไหม ฉันคิดว่าศรีต้องเข้าใจอยู่แล้วล่ะ) เท่านี้ละกันนะ น่าเสียดายจังแต่ไม่เป็นไร คราวหน้าจะเพิ่มเป็น ๕ แผ่นของกระดาษเอสี่เลยล่ะ (ล้อเล่น)

               เกือบจะสุดท้ายแล้ว ก็ฝากความรู้สึกไว้เช่นเดิม …คิดถึงเธอมากๆ เลยนะ ฉันจะพยายามทำให้เธอรักฉันให้ได้ ถึงจะเป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ ก็ตาม นี่ก็จะขึ้นมัธยมแล้วก็คงจะมีคนมาชอบเธอมากขึ้นแน่ กระนั้นฉันก็ไม่หวั่นหรอก ทำขนมจีบให้ศรีทานทุกครั้งที่ได้เจอถ้าไม่มีใจให้แม้เพียงเล็กน้อยก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรแล้วล่ะ

สุดท้ายนี้… ขอให้เธอมีความสุขมากๆ มีเรื่องดีๆ เข้ามา ขอให้โชคดีนะ

รักและคิดถึง

พงสณะ ปรารัตน์ราพณ์

 

                “ดีจังที่ยังไม่ลืม”

               หนูพึมพำพลางยิ้มบางๆ หลังจากอ่านจดหมายจากพงสณะที่บุรุษไปรษณีย์เพิ่งส่งมาไม่นานนี้ แต่ละถ้อยคำนั้นช่างเต็มไปด้วยความรู้สึกอันแสนอบอุ่น ความจริงใจนั้นสื่อให้รู้สึกในแต่ละตัวอักษร มีบ้างที่ร้อนรุ่มในอกอย่างน่าแปลกใจตรงที่เขากล่าวเหมือนจะบอกรัก คำว่าคิดถึงทำให้ว้าเหว่ขึ้นมาเพราะห่างจากกัน ความเศร้าฉายออกมาตรงช่วงท้ายๆ ความอบอุ่นที่คลอบคลุมความรู้สึกสามอย่างนี้ทำให้สัมผัสได้ถึงตัวตนของพงสณะ …บางครั้งหนูก็ไม่ชอบจดหมายตรงที่สื่อความรู้สึกได้อย่างตรงไปตรงมานี่แหละ ต่างกับจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่กระด้างนัก กระนั้นหนูก็ชอบจดหมายจริงๆ มากกว่า

               …จะว่าไปเรื่องการเขียนจดหมายตอบกลับระหว่างหนูกับพสงณะก็เริ่มที่ช่วง ป. ๕ ในวันหยุดปีใหม่สากลเดือนมกราคม วันนั้นหนูไปเที่ยวแถวๆ บ้านของพงสณะที่อยู่ในจังหวัดชลบุรี ตอนนั้นเขาคิดว่านานๆ ทีจะได้เจอถ้ารอมีหวังตนเองคงจะไม่เป็นอันกินอันนอนแน่ เขาเลยขอหมายเลขโทรศัพท์ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วหนูไม่ชอบการสื่อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์สักเท่าไหร่ (เอ๊ะ จะว่าไปการติดต่อผ่านโทรศัพท์นี่เป็นอิเล็กทรอนิกส์เปล่านะ) เลยให้เขาเขียนจดหมายมาหาหนูแทน ทีแรกเขาก็สลดไปเพราะไม่ชอบแต่ด้วยความที่อดทนไม่ไหวกับการรอคอยเลยยอมรับข้อเสนอ ซึ่งแรกๆ นั้นก็เขียนผิดเขียนถูกเพราะเพิ่งเคยเขียนจดหมายครั้งแรก แต่หนูก็ไม่ว่าอะไร อย่างภาษาการเขียนนั้นเขาก็ใช้แบบเป็นกันเองเพราะความสนิทสนมระหว่างเราก็ไล่เลี่ยแบบเดียวกับหนูและเฉาก๊วยเลยไม่ถือสา หนูบอกให้เขาส่งเดือนละฉบับจะได้ไม่ยุ่งยาก เพราะหากให้เขียนบ่อยๆ คงจะไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแน่

               …ถ้าเกิดจะถามว่าทำไมทีกับเฉาก๊วยถึงใช้โทรศัพท์ได้ หนูก็คงต้องตอบว่าเพราะเราสนิทกันมากหนูเลยยอมใช้

               จะว่าไปไม่ว่าฉบับไหนก็หวานได้ตลอดจริง นี่ขนาดไม่ใส่น้ำตาลนะ ตงิดๆ กับคำว่าทีรักตรงขึ้นต้นจริงๆ

                อา… พอเขากล่าวถึงดอกกุหลาบที่ส่งให้ในวันวาเลนไทน์ใจก็เต้นตึกตัก ไม่ชอบเลยทั้งๆ ที่หนูไม่รู้สึกว่าชอบเขาแต่ใจมันขัดกับความคิดเสียนี่ …หรือจริงๆ แล้วหนูจะชอบเขาแต่ไม่รู้ตัว… จะว่าไปพอกล่าวถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ นี่ก็คงจะไม่ควรนักเพราะหนูกำลังจะก้าวขึ้นมัธยมต้นเอง อย่างไรเสียอนาคตที่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเกิดขึ้นก็คือการสมรสระหว่างหนูกับพงสณะ เราถูกหมั้นหมายมาตั้งแต่ยังไม่เกิดเหตุผลนั้นหนูก็ไม่ทราบแน่ชัด ลองเขียนถามดีกว่าเพื่อเขาจะรู้

                หนูมองไปทางแจกันลายไทยเริ่มมีฝุ่นเกาะเล็กน้อยเพราะไม่ค่อยได้ทำความสะอาด ในแจกันนั้นใส่ดอกกุหลาบสีแดงอ่อนและเข้ม …ความหมายของกุหลาบสีแดงอ่อนก็คือการตกหลุมรักหรือปลื้มใครสักคน ส่วนสีเข้มมีความหมายถึงความรักที่ลึกซึ้งและมั่งคงแบบไม่มีวันจืดจาง… ไม่แน่ใจว่าเขารู้สึกเช่นนั้นจริงหรือไม่ แต่ความหมายของกุหลาบสีแดงอ่อนน่าจะจริง หนูคิดว่าความรู้สึกของเขาน่าจะเป็นดอกกุหลาบสีชมพูมากกว่า ความหมายของมันคือความเพ้อฝันในเรื่องรักและความรักที่หวานซึ้ง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปไปว่าดี เพราะตามจริงแล้วเป็นเพียงความรักที่ฉาบฉวยต้องการเปลี่ยนแปลงเพื่อแสวงหาสิ่งที่คิดว่าดีที่สุด หนูยังไม่เชื่อว่าพงสณะรักหนูจริง ตอนนี้เรายังเด็กนักการที่จะมีความรักที่แท้จริงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก ไม่ช้าไม่นานเขาก็ต้องชอบคนอื่นอยู่ดี นี่ก็จะขึ้นมัธยมแล้วก็คงมีอะไรใหม่ๆ เข้ามามากมาย เขาก็จะลืมไปว่าเคยมีความรู้สึกนี้ให้หนู

                เฮ้อ… คิดแล้วหนักใจจริงๆ หวังว่าจะไม่มีเรื่องที่น่าเจ็บใจกว่านี้ละกันนะ หนูพยายามไล่ความคิดฟุ้งซ่านก่อนจะหยิบดินสอกับกระดาษขึ้นมาแล้วเขียน ระหว่างนั้นก็มีสายลมพัดผ่านเข้ามาในห้องผ่าหน้าต่างไม้ทีเปิด ดวงอาทิตย์และแสงของมันถูกต้นไม้ที่ปลูกบังเลยไม่ค่อยรู้สึกร้อน กลับกันให้ความรู้สึกร่มรื่นมากกว่า หนูเงยหน้ามองท้องฟ้าที่โปร่งสดใส เมฆเคลื่อนไปตามกระแสลมพร้อมๆ กับที่นกบางตัวบินไปด้วย มองด้วยความเพลิดเพลินไม่ทันไรก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

                “ศรี ออกไปเที่ยวเล่นกับพี่ไหมจ๊ะ? อยู่แต่ในบ้านมันอุดอู้น่าเบื่อ เปลี่ยนบรรยากาศหน่อยก็ดีนะ” หนูลุกขึ้นจากเก้าอี้ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้พี่อสุราเข้ามา จากนั้นท่านก็เข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มก่อนจะอุ้มหนูไปนั่งบนเตียง ท่านมักจะทำเช่นนี้ค่อนข้างบ่อยซึ่งหนูก็ไม่เคืองแต่อย่างใด กลับกันหนูชอบให้พี่อสุราทำแบบนี้ด้วยซ้ำ

                “จริงๆ แล้วที่จะพาไปก็ไม่แปลกใหม่หรอกจ้ะ เพราะที่นั่นคือหนองน้ำแถวๆ บ้านเรา ศรีจะไปไหมจ๊ะ?” หนูพยักหน้าก่อนจะเข้าไปกอดพี่อสุราแล้วกล่าว “ถึงไม่แปลกใหม่แต่หนูก็อยากไปค่ะ เราก็ไม่ได้ไปมานานแล้วเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีตามที่พี่บอกนั่นแหละค่ะ” พี่อสุรายิ้มบางๆ ดวงตาสีดำฉายแววอ่อนโยนจนหัวใจหนูพองโตด้วยความอบอุ่น หลังจากนั้นเราก็ออกจากห้องไปแล้วขึ้นรถจักรยานยนต์สีดำของพี่อสุรา มุ่งหน้าไปยังหนองน้ำที่ไม่ได้ไปมานานแล้ว

                ผ่านไปเรื่อยๆ บ้านก็เริ่มน้อยลง มีสวนต้นไม้และพืชไร่มากขึ้น ถนนที่ทอดยาวระหว่างสวนด้านข้างทำให้รู้สึกว่าไกล แสงอาทิตย์ส่องลอดตามใบและแมกไม้ระยิบระยับ หนูมองวิวข้างทางอย่างเพลิดเพลินพลางกอดเอวพี่อสุราด้วยความเคยชิน ความอบอุ่นจากแผ่นหลังและบรรยากาศนี้ทำให้หนูรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝัน แม้ทางที่ผ่านมาจะไม่ได้งดงามถึงเพียงนั้นแต่สร้างความสุขได้ดี

                เมื่อมาถึงพี่อสุราก็ลงจากรถฯ แล้วช่วยพยุงหนูตอนที่ลง ท่านหยิบขนมก่อนจะเดินไปนั่งที่ขอบหนองน้ำพร้อมกับหนู แกะขนมทานพลางสนทนาเรื่องสัพเพเหระอย่างสบายๆ ตอนนี่ก็จะบ่ายแล้วเลยไม่ค่อยร้อนสักเท่าไหร่ น้ำในหนองนั้นถูกแสงอาทิตย์ต้องจนเกิดประกายระยิบระยับ ดอกบัวและหญ้าชนิดต่างๆ ช่วยทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น …อืม บรรยากาศแบบนี้แหละที่หนูชอบ บางอย่างถึงแม้ไม่แปลกใหม่หรือหรูหราอลังการแต่ก็งดงามในตัวมันเองได้

                “ศรี หนูคิดยังไงกับพงสณะเหรอจ๊ะ?” หนูเผลอหันไปจ้องด้วยความแปลกใจ เพราะพี่อสุราไม่ค่อยพอใจพงสณะเลยไม่กล่าวถึงเท่าไหร่ แต่พอมาวันนี้ท่านกล่าวขึ้นมาหนูเลยทำตัวไม่ถูก

                “ก็… ทีแรกก็คิดว่าเขาเป็นพวกกะล่อน แต่จริงๆ แล้วก็มีด้านดีๆ อยู่…” ไม่แน่ใจว่าพี่อสุราหมายถึงเช่นนี้หรือเปล่า แต่ก็ตอบไปตามความคิดของตนเอง ท่านหันมามองด้วยแววตาที่ยากจะคาดเดาก่อนจะถามเบาๆ

                “…อืม ก็นะ แล้วเรื่องการแต่งงานล่ะ หนูเต็มใจไหม?”

                “ถ้าเกิดแต่งแล้วพ่อแม่สบายใจหนูก็ยินดี คิดว่าลองใช้ชีวิตคู่หนูอาจจะรักเขาจริงๆ ก็ได้ แต่นั่นก็เป็นเรื่องในอนาคตยังบอกอะไรได้ไม่แน่นอนหรอกค่ะ” พี่อสุราเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะครางในลำคอเบาๆ ท่านหันไปมองเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยพลางเคี้ยวขนมอย่างช้าๆ หนูมองท่านด้วยความเป็นห่วง พักนี้พี่อสุรามักจะมีท่าทางไม่สบายใจมากขึ้น ถ้าให้เดาน่าจะเป็นเพราะหนู พอคิดดังนั้นก็รู้สึกผิดขึ้นมา อดไม่ได้ที่จะถาม

                “พี่อสุรา พักนี้ดูไม่สบายนะคะ หนูทำให้พี่หนักใจอะไรหรือเปล่า? บอกมาเถอะหนูไม่โกรธพี่หรอกค่ะ” พี่อสุราค่อยๆ หันมาก่อนจะกล่าวเสียงแผ่ว “ก่อนหน้านี้คงเรียนหนักไปน่ะจ้ะ ไม่มีอะไรหรอก”

                ว่าแล้วเชียว พี่อสุราพอมีเรื่องไม่สบายใจมักจะปกปิดเสมอ หนูไม่โกรธหรอกหากท่านจะดุตักเตือนหรือโกรธ แต่ไม่เปิดเผยความในใจที่ทำให้ต้องหม่นหมองนี่สิที่น่าโกรธอยู่ หนูเขยิบไปด้านหน้าพี่อสุราก่อนจะจับใบหน้าของท่านเบาๆ ก่อนจะกล่าว

                “อย่าเก็บไว้คนเดียวสิคะ มีอะไรก็บอกหนูมาเถอะค่ะ เราเป็นพี่น้องกันก็ต้องแบ่งปันสุขทุกข์ด้วยกัน พี่เป็นอย่างนี้จะทำให้หนูพลอยไม่สบายใจไปด้วยนะคะ” พี่อสุราเบิกตาด้วยความแปลกใจก่อนจะหรี่ลง ดวงตาสีดำของท่านลอกแลกไปมาก่อนจะสบกับหนูตรงๆ

                “พี่ไม่อยากให้หนูคิดมาก”

                “หนูก็ไม่อยากให้พี่คิดมากเหมือนกันค่ะ” พี่อสุราถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะหนู หนูซบหน้าลงกับอกของท่านพร้อมกับรอรับฟัง ท่านเงียบไปนานจนหนูเกือบจะทักท้วง

                “จริงๆ แล้วก็มีหลายเรื่อง แต่ถ้าให้เล่าตอนนี้คงจะไม่หมดแน่ เอาเป็นว่าเรื่องที่เกิดไม่นานแล้วกันนะ”

                “ค่ะ” หนูรับคำ ทำใจเตรียมไว้ก่อนที่พี่อสุราจะกล่าว “พี่ไม่พอใจพงสณะเท่าไหร่ ถึงเขาจะใส่ใจหนูไม่ขาดบกพร่องแต่ก็ไม่แน่ว่าสักวันอาจจะเปลี่ยนใจ ศรีรักใครพี่ไม่ว่า แต่ก็อยากให้หนูทำใจไว้แต่เนิ่นๆ พี่รู้จักเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งที่คบกับแฟนมา ๔ ปีแล้ว ฝ่ายชายดูแลมาตลอดอย่างดี ทว่ามีเรื่องบาดหมางเลยเลิกกันไป …พี่เลยอยากจะเตือนหนูว่าต่อให้เขาดูแลเราเท่าไหร่ก็ไม่สามารถบอกว่าเขารักเราจริง ที่บอกก็เพราะเห็นว่าหนูจะขึ้นมัธยมแล้ว พวกเรื่องรักๆ ใคร่ๆ ก็จะเข้ามามากขึ้นและเปิดเผยกว่าเดิม ช่วงวัยรุ่นเป็นวัยที่น่ากลัวเพราะใช้แต่อารมณ์มากกว่าเหตุผล ถึงแม้วัยอื่นจะเป็นด้วยแต่สำหรับพี่วัยนี้จะรุนแรงพี่เลยอยากให้หนูระวังตัวมากขึ้น …โกรธไหม จะว่าก็ได้พี่ไม่โกรธหรอกนะ”

                พี่อสุรากอดหนูหลังจากกล่าวจบ แต่ละถ้อยคำนั้นไม่มีความโกรธแฝงอยู่ เต็มไปด้วยความจริงใจและความเป็นห่วง น้ำตาพานจะไหลอย่างไรไม่รู้

                “ไม่โกรธหรอกค่ะ พี่อสุราเป็นห่วงขนาดนี้จะให้หนูโกรธได้อย่างไรกันคะ” หนูกอดพี่อสุราพลางซุกหน้าเข้าไปมากกว่าเดิม ความอบอุ่นนั้นช่างอ่อนโยนนัก หนูหลับตาในขณะที่น้ำตาคลอออกมา

                น่าแปลกทั้งๆ ที่ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไร แต่พอนึกถึงสิ่งที่ผ่านมาก็รู้สึกตื้นตันจนหักห้ามใจไม่ได้…

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา