Oh! My Girl Friend สะดุดหัวใจ ยัยเพื่อนซี้

9.0

เขียนโดย ตะขบพบรัก

วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.51 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  11.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 20.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เผลอใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

            “ดึกแล้ว ไม่ต้องกลับหรอกนะลูก คืนนี้นอนค้างที่นี่เถอะ เป็นผู้หญิงกลับบ้านดึกๆ มันอันตราย”  เสียงของสุภาวิณีแม่ของฟ้าใส  ห้ามปรามเชิงขอร้องให้ใบหม่อนนอนค้างที่บ้าน เพราะเห็นว่าตอนนี้มันดึกมากแล้ว

            “ไม่เป็นไรหรอกคะคุณแม่  จากที่นี่ไปคอนโดฯ ใช้เวลาแค่ 10 นาทีเอง”   ใบหม่อนยังดึงดันหาเหตุผลมาให้สุภาวิณีสบายใจ

            “ทำตามที่แม่บอกเถอะหม่อน  พ่อเองก็เป็นห่วง ช่วงนี้ไอ้พวกแก็งค์ซิ่งมอไซต์ ยิ่งอาระวาดอยู่ด้วย จับยังไงมันก็ไม่หมดสักที!”  พ่อของฟ้าใสเป็นตำรวจ ซึ่งมียศสูงอยู่ในระดับผู้บังคับบัญชา  พอพูดถึงเรื่องแบบนี้ก็เลยดูจะจริงจังไปสักหน่อย

            “คะ”   ใบหม่อนทำหน้าเจื่อนๆ ปกติเธอไม่ค่อยได้ออกไปนอนค้างนอกบ้าน นอกเสียจากว่าจะมีกิจกรรมเข้าค่าย หรือไปทัศนะศึกษาต่างจังหวัด ถึงแม้ว่าจะมาที่บ้านของฟ้าใสบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะได้นอนค้างที่นี่สักที  ใบหม่อนเข้าใจถึงความห่วงใยของผู้ใหญ่ทั้งสอง ถึงจะอยากปฏิเสธแต่ก็ไม่กล้า

            “ดีแล้วละ คุณพ่อของใบหม่อนก็ต้องออกไปทำงานข้างนอกนานๆ ถึงจะได้กลับมาบ้านสักครั้ง ถ้าเหงาหรือกลัวก็มาอยู่ที่นี่กับฟ้าใสเลยก็ได้ จะได้ช่วยกันทำการบ้าน”สุภาวิณีพูดด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย

            ใบหม่อนไม่พูดอะไร นอกจากยิ้มตื้นตันกับความห่วงใยที่สุภาวิณีมอบให้  พ่อของใบหม่อนเป็นหัวหน้าวิศวกรปิโตรเลียม  ซึ่งต้องทำงานอยู่ที่แท่งขุดเจาะกลางทะเล เดือนหนึ่งพ่อจะได้กลับมาสักครั้งสองครั้ง  หลังจากที่แม่ของใบหม่อนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ใบหม่อนก็เลือกที่ย้ายมาอยู่กับพ่อที่ชลบุรี  ถึงแม้บรรดาญาติๆ ทั้งฝ่ายของพ่อและแม่ จะคัดค้านไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าใบหม่อนจะไม่มีใครดูแล แต่ใบหม่อนก็ยังยืนกรานที่จะอยู่กับพ่อ ถึงแม้ว้าจะต้องอยู่คนเดียวบ่อยๆ ก็ตาม

            “เดี๋ยวหม่อนเก็บจานไปล้างให้นะคะ”  ใบหม่อนเก็บถ้วยชามที่กินเสร็จแล้วใส่ถาด สายตาก็ชำเลืองมองฟ้าใสที่กำลังเก็บแก้วน้ำ             เธอไม่เข้าใจกับท่าทางแปลกๆ ของฟ้าใส เพราะตั้งแต่กลับมาถึงบ้านฟ้าใสก็ไม่พูดจาอะไรกับเธอเลย ทั้งๆ ที่ปกติจะชอบสรรหาเรื่องนู้น นี่ นั้น มาคุยเวลาทานข้าวเสมอ แต่วันนี้กลับนั่งนิ่งไม่พูดอะไร  แถมชอบทำหน้าแดงเวลามองเธออีกด้วย!!  

            ‘เธอเป็นอะไรไปนะ ฟ้าใส?’

            ‘ฉันทำอะไรให้เธอไม่พอใจรึเปล่า?’  

        

            เมื่อเปิดเข้าไปในห้องนอนของฟ้าใส  พื้นผนังทั้งห้องถูกแต่งแต้มด้วยโทนสีฟ้าอ่อนๆ  ดูสบายตา  บนเพดานมีแถบดาวเรืองแสงติดอยู่มากมาย  มีเตียงเดี่ยวเล็กๆ  ตั้งอยู่ด้านซ้ายมือ  ตรงผนังหัวเตียงถูกตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ลายดอกไม้สีสันสดใส  ข้างๆเตียงนอนเป็นโต๊ะเขียนหนังสือซึ่งอยู่ติดกับหน้าต่าง  บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก  กรอบรูปครอบครัว และสมุดสองสามเล่มวางอยู่ และกองหนังสือที่วางไม่เป็นที่ แต่ที่สะดุดตาใบหม่อนก็คือกระถางต้นกุหลาบหินและต้นเฟิร์นเงิน  ถัดจากโต๊ะเขียนหนังสือก็เป็นห้องน้ำ  ซึ่งพ่อของฟ้าใสทำขึ้นมาใหม่ให้ฟ้าใสใช้แบบส่วนตัว  ตรงข้ามเตียงนอนจะเป็นทีวีจอแบนขนาดกลาง  ข้างๆเป็นชั้นวางของกระจุกกระจิกและหนังสือของฟ้าใสใบหม่อนกวาดสายตาสำรวจห้องนอนของฟ้าใสอย่างละเอียด  ในใจก็คิดว่า ห้องนอนของฟ้าใสดูสดใสสมชื่อเจ้าของห้องจริงๆ 

            “ห้องฟ้าใสรกหน่อยนะ”  ฟ้าใสเอากระเป๋าไปวางที่โต๊ะเขียนหนังสือใบหม่อนเดินตามหลังฟ้าใสไปติดๆ แล้วไปหยุดตรงกลางห้อง เธอรู้สึกว่าฟ้าใสมีอาการแปลกๆ มาตั้งแต่ช่วงหัวค่ำแล้ว

            “หม่อนจะอาบน้ำเลยไหม เดี๋ยวฟ้าใสเอาชุดมาให้”

            “ฟ้าใส” ใบหม่อนเดินเข้าไปใกล้ๆ

            “อื้อ”

            “เธอเป็นอะไรรึเปล่า?”

            “ไม่นิ!” ฟ้าใสปฏิเสธเสียงสูง 

            “วันนี้เธอดูแปลกๆ นะ มันทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจ มีเรื่องอะไรที่เราทำให้เธอไม่พอใจรึเปล่า”

            “มะ ไม่ใช่!  ไม่ใช่ หม่อนไม่ได้ทำอะไรให้เราไม่พอใจหรอก”ฟ้าใสรีบปฏิเสธแล้วหันไปมองใบหม่อน

            “แล้วมันอะไรล่ะ เธอไม่คุยกับเราเลยตั้งแต่กลับมาถึงบ้าน”ใบหม่อนเริ่มขมวดคิ้วจริงจัง

            “เอ่อ...  คือว่า”  ฟ้าใสทำหน้าไม่ถูกใบหม่อนนิ่ง ไม่พูดอะไร เธอรอฟังคำตอบจากปากของฟ้าใส

            “คือ....”

            “คืออะไร!”

            “ก็...  ตอนที่หม่อนกำลังถอดหมวกให้ ฟ้าใสแอบคิดอะไรทะลึ่งๆ พอต้องมองหน้าหม่อน ฟ้าใสก็เลยรู้สึกอายๆ ก็แค่นั้น”  ฟ้าใสพูดความในใจออกมาทั้งๆ ก้มหน้าอยู่

            “คิดอะไรทะลึ่งๆ งั้นเหรอ?”  สิ่งที่พูดอาจจะเป็นเรื่องจริง เพราะแก้มของฟ้าใสแดงขึ้นๆเรื่อยๆ  แต่ใบหม่อนรู้สึกสงสัยในประโยคนี้ เธออยากรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอคนนี้แอบคิดทะลึ่งๆ แบบไหนกันนะ

            “ใช่...แต่อย่าถามต่อนะว่าทะลึ่งแบบไหน”  ฟ้าใสไม่พูดโดยไม่สบตาอีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

            “เข้าใจแล้วล่ะ ไม่ถามต่อก็ได้  ...ถ้างั้นเราขออาบน้ำก่อนนะ”  ถึงแม้จะอยากรู้ และอยากถามต่ออีก แต่พอได้เห็นท่าทางของฟ้าใสแล้ว ใบหม่อนก็เลิกล้มความตั้งใจ

            “อึ้ม.. เดี๋ยวเราเอาชุดนอนกะผ้ามาให้นะ”  ถึงแม้ทุกอย่างจะคลี่คลาย แต่ฟ้าใสยังคงเดินก้มหน้าอายไปที่ตู้เสื้อผ้า

            “ฟ้าใส!”

            “ฮึ!”  ฟ้าใสสะดุ้งเสียงเรียกของใบหม่อน

            “เลิกทำแบบนั้นสักที่เหอะฉันเห็นแล้วสยอง”  ใบหม่อนทำหน้าแหยๆ

            “แฮะๆ!”ฟ้าใสหัวเราะแห้งๆ“จ๊ะ!”

 

            จูบยังงั้นหรอ... 

            เฮ้อ.. นี่เราแอบคิดแบบนั้นได้ยังไงนะ ไม่เข้าใจเลย?

            ถ้าใบหม่อนรู้ แล้วเราจะเอาหน้าไปซ้อนไว้ที่ไหนกันล่ะเนี่ย!

            โอ๊ยๆๆ!  อยากเอาหัวโขกกำแพงสักสามทีให้หายมึน....

           

            ฟิ๊ว!

            “เฮ้ย!”

            “ฟ้าใส!”

            “ระวัง!”

            “...!!!!!!!”

            “อะไรหรอ?” ฟ้าใสแหงนหน้ามองวัตถุกลมๆ  ซึ่งกำลังตรงดิ่งมาด้วยความเร็วสูง 

           

            โครม!!

 

            อ๊าก! 

           

            กว่าจะรู้ตัวว่าสิ่งที่กำลังพุ่งมาหานั้นคือลูกวอลเลย์บอล ตอนนี้ฟ้าใสก็ขาชี้ฟ้านอนนับดาวอยู่บนพื้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

            “ฟ้าใสเป็นไรป่าว?” เพื่อนๆ  รีบวิ่งเข้ามาดูอาการของฟ้าใส ซึ้งไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่

            “ฉาน...  เหง...  อู... กา... บาก... คร๊อก!” ดูจากอาการแล้วคิดว่าอีกนานกว่าฟ้าใสจะได้สติกลับคืน

            ไนน์เข้าไปประคองหัวของฟ้าใส ส่วนฮารีก็เอายาดมไปให้แต่เปลี่ยนใจเอาทิชชูให้แทนเพราะเห็นว่าเลือดกำเดาของฟ้าใสไหลออกมา

            “ง้า!  มีเลือดด้วยอ่าไนน์  ฟ้าใสแกอย่าเพิ่งตายนะ ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจตบบอลมาโดนแกนะ!”  ฮารีเอาทิชชูหยัดจมูกของฟ้าใสทั้งสองข้าง จากนั้นก็เขย่าคนที่หมดสติไปมา

            “นี่ๆๆ!  หยุดได้แล้ว เดี๋ยวไอ้ใสก็ตายจริงๆ หรอก แล้วก็ช่วยเอาทิชชูออกจากจมูกมันก่อนที่มันจะหายใจไม่ออก!”  ไนน์รีบห้ามฮารีซึ้งกำลังเขย่าฟ้าใสจนคอฟ้าใสแทบจะหลุด

            “ก็ฉันกลัวนิ..”  ฮารีทำหน้าเหมือนหมาหงอย

            “ฟ้าใสไม่เป็นอะไรหรอกฮารี  โดนบอลแค่นี้ เดี๋ยวสักพักก็ฟื้น”  ใบหม่อนปลอบใจฮารีที่กำลังนั่งหงอยอยู่

            ใบหม่อนลุกไปหยิบขวดน้ำของตนเองที่วางอยู่ข้างสนาม แต่น้ำในขวดก็หมดความเย็นซะแล้ว  เธอจึงไปขอน้ำแข็งที่ห้องพยาบาล

            “ใครเป็นอะไรหรอเมธาวินี?”  ครูราณี ครูสาวแสนสวยขวัญใจนักเรียนชายซึ้งเรียกได้ว่าแทบจะทั้งโรงเรียน เป็นครูประจำห้องพยาบาลถามถึงสาเหตุที่ใบหม่อนมาขอน้ำแข็ง

            “ฟ้าใสโดนบอลอัดหน้าคะ”  ใบหม่อนเอาน้ำแข็งใส่ขวดน้ำ แล้วเติมน้ำให้พอดีกับระดับน้ำแข็งในขวด

            “แล้วอิงระดาเป็นอะไรมากรึเปล่า?”  ครูราณีถามถึงอาการของลูกศิษย์เพราะเป็นห่วง    กลัวว่าจะเป็นอะไรมาก

            “ไม่เป็นอะไรมากคะ แค่มีเลือดกำเดาไหลออกมานิดหน่อย”

            “ถึงกับเลือดออกเลย!”  ครูสาวทำหน้าตกใจ

            “คะ.. ขอบคุณสำหรับน้ำแข็งนะคะ”  เมื่อเสร็จธุระใบหม่อนขอบคุณและไหว้ครูราณี  ครูสาวรับไหว้จากนั้นก็มองตามหลังลูกศิษย์จนกระทั้งเดินออกจากห้องพยาบาลไป

           

............................................................................................

 

            “อุ๊ย!  เจ็บชะมัดเลย ฉันเข้าใจแล้วว่าเห็นดาวตอนกลางวันเป็นยังไง”  ฟ้าใสลูบหน้าผากของตัวเองไปมา

            “แล้วเธอมัวเหม่ออะไรอยู่ละ ไม่เห็นรึไงว่าบอลมันลอยมา?”   ฮารียื่นยาดมให้ฟ้าใสดมให้หายมึน

            “ถ้าเห็นแล้วฉันจะโดนไหม!  โอ๊ะๆ อุ้ย..  แปลกแฮะบอลโดนหัวแต่ทำไมฉันถึงเจ็บไปทั่วตัวก็ไม่รู้นะ?”  เพราะใส่อารมณ์มากเกินไป ฟ้าใสจึงรู้สึกว่าเจ็บสะท้านไปทั้งตัว

            “ฉันเปล่าทำอะไรนะ!”  ฮารีรีบแก้ตัว

            “แลดูจะร้อนตัวนะ ..น่าสงสัย?”  ฟ้าใสใช้สายตาจิกฮารีเหมือนจะค้นหาความจริงบางอย่าง  ส่วนฮารีก็พยายามหลบสายตาแล้วมองโน้นนี่นั้นไปเรื่อย

            “ฟื้นแล้วเหรอ” ใบหม่อนเดินเข้ามา

            “อึ้ม.. แต่ก็ยังมองเห็นดาวตอนกลางวันอยู่”

            “ได้น้ำแข็งมาแหระ เดี๋ยวประคบให้” ใบหม่อนนั่งลงใกล้ๆ ฟ้าใสเพรื่อจะได้ประคบให้ถนัด

            “ขอบคุณนะ หม่อนใจดีที่สุดเลย” ฟ้าใสขอบคุณใบหม่อน พร้อมกับฉีกยิ้มให้  ใบหม่อนรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าทันทีที่เห็นรอยยิ้มของฟ้าใส เธอรู้สึกได้ว่าตอนนี้แก้มของเธอคงจะเริ่มแดงขึ้นมาแล้ว บางครั้งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอต้องรู้สึก

            ‘อะไรกันนะ ความรู้สึกแบบนี้’

 

            ขณะที่เธอกำลังเก็บชุดฝึกและกระเป๋านักเรียน ฟ้าใสเองก็ดูท่าจะถอดหมวกไม่ออกสักที เธอจึงเข้าไปช่วยฟ้าใสอีกแรง

          “เป็นอะไร?”

          “มันติดอ่ะ ถอดไม่ออก”

          “ไหน.. ขอเราดูหน่อย”

          เธอวางกระเป๋าลงกับพื้นแล้วเข้าไปดูว่าตัวล็อกมีอะไรติดอยู่รึเปล่า แต่ในช่วงจังหวะที่เธอกำลังขยับเข้าไปดูใกล้ๆ ฟ้าใสก็กำลังขยับตัวเหมือนกัน ใบหน้าของฟ้าใสอยู่ห่างเธอแค่เพียงเส้นผมบัง ปากเรียวเล็กอมชมพู่ของฟ้าใสบวกกับกลิ่นลิปมันกลิ่นสตอร์เบอร์รี่ที่เพิ่งทาไปตอนเลิกเรียน ยังคงสงกลิ่นหอมหวาน ชวนลิ้มลอง และยิ่งถูกฟ้าใสสัมผัสเอวบางคอดของเธอ ก็ยิ่งส่งผลให้เธอรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้อง เธอไม่รู้ว่าภายในดวงตาเรียวเล็กที่จ้องเธออยู่ในขณะนี้ ภายในตาคู่นั้นจะคิดหรือรู้สึกแบบเดียวกับเธอรึเปล่า????

 เพราะตอนนี้......  

            ‘ฉันอยากจูบเธอเหลือเกินฟ้าใส

          เธอรู้สึกแปลกใจและอายในสิ่งที่เธอคิด เธอพยายามเก็บความรู้สึกและสีหน้าเอาไว้ เพื่อไม่ให้ฟ้าใสอ่านสิ่งที่เธอกำลังคิดออก

            แกร๊ก!     เสียงล็อกของหมวกหลุด

          เธอรู้สึกขอบคุณที่ตัวล็อกหลุดออกมาได้สักที เพราะไม่เช่นนั้นเธออาจจะจูบฟ้าใสจริงๆ อย่างที่เธอรู้สึกเป็นแน่ เธอถอดหมวกออกให้ฟ้าใส แต่ก็ต้องตกใจเมื่อว่าแก้มของฟ้าใสแดงไปจนถึงใบหู

          ตลอดช่วงมื้อเย็นฟ้าใสแทบจะไม่พูดคุยกับใครเลย ได้แต่ยิ้มแห้งๆ และพยักหน้าเมื่อถูกถาม ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ฟ้าใสพยายามหลบสายตาเธอตลอดเวลา

          หรือว่าฟ้าใสจะรู้ว่าเราคิดอะไร?

          เธอรู้สึกกังวลใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของฟ้าใส ใจหนึ่งก็อยากถามออกไปตรงๆ อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าฟ้าใสจะโกรธหากรู้ว่าเธอแอบคิดอะไรแต่ถ้าจะให้ปล่อยเอาไว้แบบนี้คืนนี้ทั้งคืนเธอคงนอนไม่หลับแน่ๆ แต่ในคืนนั้น เธอถึงกับอึ้งเมื่อได้ยินคำตอบที่ของฟ้าใส

          คิดอะไรทะลึ่งๆ อย่างนั้นหรอ เธอคงไม่ได้คิดแบบเดียวกับฉันนะ?

 

            “เฮ้อ...” พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ไร ใบหม่อนก็ถอนหายใจทุกที

            “หม่อน..” ฟ้าใสเรียกใบหม่อนเบาๆ เพราะเห็นว่าเพื่อนสาวคนนี้กำลังทำตาเหม่อลอย

            “....ฮึ!” ใบหม่อนหันตามเสียงเรียกของฟ้าใส

            “คิดอะไรอยู่ ดูเหม่อๆ นะ แถมถอนหายใจอีกด้วย”

            “...กำลังคิดเรื่องแข่ง มันใกล้เข้ามาแล้ว”  ใบหม่อนรู้ดีว่าการโกหกมันไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก แต่สำหรับเรื่องที่เธอคิด ถ้าพูดความจริงออกไปว่าคิดอะไร คงยุ่งแน่ๆ

            “พยายามเข้านะ ฟ้าใสเป็นกำลังใจให้” ไม่ใช่แค่พูดเปล่าๆ ฟ้าใสยังทำท่าชูกำปั่นให้ใบหม่อนอีกด้วย เมื่อได้เห็นแบบนั้นใบหม่อนก็อดขำไม่ได้ เจ็บแบบนี้ยังให้กำลังใจคนอื่นได้อีกนะ

            “ขอบใจนะ”

            “เพื่อเป็นการตอบแทนสำหรับน้ำแข็ง เย็นนี้เดี๋ยวฟ้าใสเลี้ยงไอศกรีมละกัน ตกลงนะ”

            “โอเค”

 

--ที่ร้านเค้กของไนน์--

            “สตอร์เบอร์รี่ชีส  บลูเบอร์รี่กีวี่  และน้ำแตงโมปั่น 2 ที่ มาแล้วคะ ทานให้อร่อยนะค่ะ” เสียงใสๆ ของฮารีดังก้องไปทั้งร้าน เมื่อนำออเดอร์ไปเสิร์ฟที่โต๊ะ  แต่พอหันกลับมาที่หน้าเคาน์เตอร์ สาวใต้ตาคมอย่างฮารีก็เริ่มฉุนขึ้นมาทันที เมื่อหันไปเจอเพื่อนสาวเจ้าของร้าน “นี่!  ฉันมาในฐานะลูกค้านะ ไม่ใช่เด็กเสิร์ฟของร้านเธอ!”  ปัง!! ฮารีวางถาดไว้ตรงหน้าของไนน์ ด้วยสิหน้าไม่พอใจ

            ไนน์ซึ่งกำลังหัวหมุนอยู่กับการเช็คออเดอร์ของลูกค้า พอได้ยินเสียงอันไม่พึงประสงค์ของฮารีก็เริ่มฉุนขึ้นมาเช่นเดียวกัน

            “ช่วยเพื่อนทำมาหากิน หาค่าเทอม ค่าโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต แค่นี้ไม่ได้รึไงฮ่ะ! บ่นจริงๆ เอานี่ไปเสิร์ฟต่อที่โต๊ะ3” ถึงแม้ตัวจะเล็กกว่าฮารี แต่พลังเสียงของเธอก็ไม่ได้เล็กตาม 

            ถึงแม้ถูกเพื่อนสาวตะคอกให้เจ็บใจ แต่สุดท้ายฮารีก็ต้องหยิบเอาถาดแล้วเดินสะบัดบ๊อบไปเสิร์ฟอยู่ดี “ชิ!”

            โดยปกตินอกจากจะมีแม่ของไนน์ แล้วก็ยังมีพนักงานพาร์ทไทม์อีก 2 คน แต่บังเอิญว่าก่อนหน้านี้สักชั่วโมงพี่พนักงานออกไปส่งออเดอร์ให้ลูกค้า แต่หมาดันวิ่งตัดหน้ารถจนทำให้รถเสียหลักชนเข้ากับพุ่มไม้ข้างทาง แม่ก็เลยต้องรีบไปที่โรงพยาบาลอย่างด่วน  ส่วนพี่พนักงานอีกคนก็ลางานไปสอบ เพราะเหตุนี้งานที่ร้านก็เลยดูจะวุ่นวายไปสักหน่อย

            “รู้สึกว่าวันนี้ลูกค้าจะแน่นร้านเลยนะหม่อน พอจะมีโต๊ะว่างเหลือให้เราไหมเนี่ย” ฟ้าใสมองบรรยากาศในร้านแล้วก็รู้สึกถอดใจ เพราะมีลูกค้ามาซะแน่นร้าน

            “ไหนๆ ก็มาแล้วเราเข้าไปหาไนน์ก่อนละกัน”เพียงแค่เปิดประตูก้าวเท้าเข้าไปยังไม่ทันจะแตะถึงพื้น ทั้งสองสาวก็ได้ยินเสียงเจี๊ยวจ๊าวใสๆ ของฮารีดังขึ้นมาทันที

            “ร้านเค้กฟู สวัสดีคะ เชิญด้านในเลยคะ  อ่ะ!  ใบหม่อน ฟ้าใส นางฟ้ามาโปรดของฉัน!!” พอเห็นว่าลูกค้าที่เพิ่งเข้ามาคือใบหม่อน และฟ้าใส ฮารีก็รีบวิ่งเข้าไปกอดทันทีเหมือนลูกหมาเจอเจ้านายยังไงยังงั้น ฟ้าใสและใบหม่อนหันไปมองหน้ากัน ยังไม่ทันหายสงสัยทั้งสองก็ถูกฮารีพามาที่หน้าเคาน์เตอร์ซะแล้ว

            “วันนี้ที่ร้านดูยุ่งๆ นะ แม่ไม่อยู่หรอ?” ฟ้าใสสงสัยเพราะปกติจะเห็นแม่ของไนน์เป็นคนเฝ้าหน้าเคาน์เตอร์

            “แม่ไปโรงพยาบาล พี่ปอนด์รถล้ม”

            “อ้าว! แล้วเป็นอะไรมากป่ะ?”

            “แขนหักอ่า แม่บอกว่าต้องรอให้น้ำเกลือหมดกระปุกก่อนถึงจะได้กลับบ้าน คงอีกนานกว่าแม่จะมา แถมวันนี้ก็มีคนเข้าร้านเยอะด้วย แต่ก็โชคดีนะที่มีเพื่อนสาวแสนสวย ผู้แสนดีแสนน่ารักอย่างฮารีมาคอยช่วย หึหึ” เหมือนจะชมแต่ไนน์ก็ทิ้งท้ายเสียงหัวเราะให้ฮารีอารมณ์เสียเล่นๆ

            “หึหึ ฉันรู้สึกดีมากขอบคุณ!” ฮารีหันไปกัดฟันพูดใส่ไนน์ซึ่งกำลังยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่

            “งั้นเดี๋ยวเราสองคนจะช่วยอีกแรงนะ”ฟ้าใสเสนอช่วย

            “เอางั้นหรอ..”

            “อึ้ม” สองสาวพยักหน้าพร้อมกัน

            “ขอบใจนะ งั้นเอากระเป๋าเข้ามาเก็บที่หลังเคาน์เตอร์ก่อนละกัน เดี๋ยวเราไปเอาผ้ากันเปื้อนมาให้”

            “ได้ๆ  เอ้อ! แล้วเราจะแบ่งหน้าที่กันยังไงล่ะ”  ฟ้าใสรีบถามก่อนที่ไนน์จะเดินออกไป

            “นั้นสิ งั้นเอาแบบนี้นะเราจะประจำอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ ฟ้าใสรับออเดอร์ของลูกค้า ส่วนใบหม่อนและฮารีช่วยกันเสิร์ฟ โอเคป่ะ”

            “โอเค” ทั้งสามสาวพูดพร้อมกัน

            ทั้งสี่สาวต่างก็ช่วยกันทำงานตามตำแหน่งที่ตกลงกันเอาไว้อย่างขมักเขม่น ฮารีเลิกบ่นให้ไนน์เพราะมีฟ้าใสและใบหม่อนมาช่วย ฟ้าใสก็รับออเดอร์จากลูกค้าที่เข้ามาใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่สายตาก็คอยชำเลืองมองใบหม่อนที่กำลังยิ้มเจื่อนๆ ปฏิเสธพวกรุ่นพี่หน้าหม้อที่ชอบขอเบอร์เธออยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะอยู่ในโรงเรียนหรือที่ไหนก็ตามใบหม่อนก็มักจะเป็นที่สนใจของบรรดาหนุ่มๆ อยู่เสมอ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะให้ความสนใจใครเป็นพิเศษเลยสักคน

            “นะครับน้องใบหม่อน พี่บอมขอเบอร์ไปตั้งหลายครั้งแล้วน้องใบหม่อนก็ไม่ยอมให้สักทีเลย ครั้งนี้พี่บอมไม่ยอมจริงๆ นะครับ” เสียงของบอม รู่นพี่ม.6 ที่ขึ้นชื่อในเรื่องความเจ้าชู้ หน้าหม้อ ขี้หลีประจำโรงเรียนฉีกยิ้มหวานพลางส่งโทรศัพท์มือถือให้กับใบหม่อน เธอเผยรอยยิ้มออกมาเล็กๆ พร้อมยื่นมือรับโทรศัพท์มือถือ จากนั้นก็กดเบอร์โทรศัพท์ลงไปแล้วส่งคืนให้แก่รุ่นพี่หนุ่มก่อนจะเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์

            “ขอบคุณครับน้องใบหม่อน” บอมรับโทรศัพท์มือถือคืนแล้วรีบโทรฯ ไปหาใบหม่อนทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าจะใช่เบอร์โทรศัพท์ของเธอจริงๆ หรือเปล่า เมื่อได้ยินเสียงสัญญาณจากปลายสายที่แสดงว่าสามารถติดต่อได้บวกกับใบหม่อนยกโทรศัพท์มือถือชูขึ้นเป็นสัญญาณว่ามีสายโทรฯ เข้ามา รุ่นพี่หนุ่มก็หันไปยิ้มกรุ้มกริ่มพร้อมส่งสายตาหวานให้ใบหม่อนจากนั้นก็รีบบันทึกชื่อลงในเครื่องทันที

            “นี่ๆ ใบหม่อนเธอให้เบอร์พี่บอมไปจริงๆเหรอ?” ฮารีสะกิดแขนใบหม่อนเบาๆ ด้วยความสึกสงสัยเพราะปกติเพื่อนสาวคนนี้ไม่ค่อยแจกเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองกับใครง่ายๆ  ใบหม่อนหันไปยิ้มเล็กๆให้ฮารีไม่พูดอะไรเพียงแค่พยักหน้าให้เป็นคำตอบ

            “เฮ้ย!” เมื่อเห็นอย่างนั้นฮารีก็ทำหน้าเหวออุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าใบหม่อนจะสนใจผู้ชายลักษณะแบบนี้

            “ตกใจทำไม ให้ไปจริงๆ แต่เป็นเบอร์ของครูวินัย ครูฝ่ายปกครองของโรงเรียนเรา” ใบหม่อนรีบเฉลยก่อนที่ฮารีจะทำหน้าเหวอไปมากกว่านี้  เมื่อได้ยินอย่างนั้นฮารียิ้มออกด้วยสีหน้าโล่งอก

            เวลาผ่านไปใกล้จะสองทุ่ม ลูกค้าในร้านก็เหลืออยู่แค่โต๊ะเดี๋ยว ฟ้าใสนั่งซบไหลของใบหม่อนอยู่ตรงบาร์หน้าเคาน์เตอร์ ส่วนฮารีก็นอนฟูบอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์โดยมีไนน์นั่งนวดไหล่ให้ ไนน์มองดูเพื่อนๆ จึงนึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เลิกเรียนยังไม่มีใครทานอะไรลองท้องเลยสักคนรวมทั้งตัวเธอด้วย เธอลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์แล้วหันมาถามเพื่อนๆ

            “สาวๆ หิวกันหรือยังเอ่ย?”

            “หิว!” ทั้งสามสาวหันมาพูดพร้อมกัน

            “อู้!  ไม่ได้นัดหมายกันเลยนะ กินพิชซ่ากันป่ะเดี๋ยวป๋าจ่ายเองสั่งมาเลย”

            “ดีๆ เอาหน้าอะไรก็ได้นะแต่ขอสองถาดใหญ่ๆ แป้งบาง ใส่ชีสเยอะๆ” ฮารีรีบสั่งก่อนเพื่อน

            “ฟ้าใสขอขนมปังหน้ากระเทียม น่องไก่ย่างพริกไทยดำแล้วก็สปาเก็ตตี้ด้วยนะ”แค่ได้ยินแต่ละเมนูที่ฮารีและฟ้าใสสั่งไนน์เชื่อทันที่เลยว่าหิวกันจริงๆ

            “แล้วเธอละใบหม่อนกินอะไร” ใบหม่อนไม่รู้จะสั่งอะไรเพราะแค่สองเพื่อนสาวก็สั่งก็แทบจะทานไม่หมด เธอนิ่งไปสักพักนึงก่อนจะเอ่ยถึงเมนูที่ชอบทานอยู่บ่อยๆ

            “ขอลาซานญ่าแล้วก็สลัดบาร์”

            “โอเค!” เมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ สั่งกันครบหมดทุกคนแล้ว ไนน์ก็รีบโทรฯ ไปที่ร้านพิชซ่าทันที

            “ไม่เกิน 20 นาที เตรียมล้างท้องรอได้เลยนะสาวๆ”

            “น้องครับ.. เช็คบิลด้วยครับ” เสียงลูกค้ากลุ่มสุดท้ายเรียกให้ไปเช็คบิล ไนน์รีบออกไปตามที่ลูกค้าเรียกทันที เมื่อลูกค้ากลุ่มสุดท้ายกลับกลับ ไนน์จึงถือโอกาสแขวนป้ายปิดร้านซะเลย แต่งานชิ้นสุดท้ายของวันนี้คือการเก็บกวาดร้าน ก่อนที่อาหารจะมาส่งเธอขอให้เพื่อนๆ ช่วยเก็บกวาดร้าน แต่เพื่อความยุติธรรมไนน์จึงเขียนรายชื่อแต่ภารกิจใส่กระดาษแล้วให้จับฉลากเลือก ไนน์และใบหม่อนจับได้งานหน้าร้านคือเช็ดโต๊ะ กวาดพื้น และถูพื้น ส่วนฟ้าใสและฮารีได้งานหลังร้านคือล้างแก้วล้างจานและเอาขยะไปทิ้ง แต่ฮารีก็งอแงไม่อยากล้างจานเพราะกลัวว่าเล็บที่เพิ่งไปทำมาเมื่อตอนเย็นจะลอกออกหมด สุดท้ายใบหม่อนจึงอาสาเปลี่ยนหน้าที่ของตัวเองให้กับฮารี เมื่อทุกอย่างลงตัวกันแล้วทั้งสี่สาวก็แยกย้ายกันไปตามภารกิจของตนเอง    

            “ยัยบ้า!  เก็บเก้าอี้ขึ้นบนโต๊ะยังไม่หมดเลย แล้วพื้นน่ะดูดฝุ่นก่อนแล้วค่อยถู” ไนน์ว๊ากใส่ฮารีที่กำลังใช้ไม้ถูพื้นถูอยู่ตรงทางประตูเข้าร้าน

            “แล้วทำไมไม่บอกฉันก่อนละยัยเจ้าของร้านขี้โมโห!”ถึงแม้จะเป็นฝ่ายผิดจริง แต่ฮารีก็ไม่ยอมที่จะถูกว๊ากอยู่ฝ่ายเดียว

            “ไม่ต้องมาเถียงฉันเลยนะ ไปเอาเครื่องดูดฝุ่นมาเดี๋ยวนี้เลย”

            “คิดว่าเป็นเจ้าของร้านแล้วจะสั่งเอ้าสั่งเอาเหรอยัยบ้า”

            “แล้วจะไปไหม!”

            “ไปสิ! รอก่อนนะเดี๋ยวแม่จะกลับมาแก้แค้น”  

 

            ฝั่งหน้าร้านคล้ายๆ เหมือนจะเกิดสงครามโลกครั้งที่สามก็เป็นได้ เพราะสองสาวยังคงถกเถียงกันอย่างไม่ลดละ ซึ่งต่างกับฝั่งหลังร้านเป็นอย่างมาก

            “เดี๋ยวเราเป็นคนล้างนะ ส่วนฟ้าใสล้างน้ำเปล่าแล้วก็เช็ดละกัน” ใบหม่อนเสนอ

            “รับทราบครับ” ฟ้าใสยกมือขึ้นแตะที่หางคิ้วเหมือนตำรวจ ใบหม่อนยิ้มออกมาทันทีที่เป็นท่าทางของฟ้าใส  ก่อนที่จะลงมือทำภารกิจใบหม่อนล้วงมือไปหยิบเอาหูฟังและโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากระโปรงออกมาเปิดเพลงฟังให้เข้ากับบรรยากาศฝนตก

            ไม่รู้เพราะอะไรแต่ฟ้าใสแอบใช้หางตามองใบหม่อนอยู่หลายครั้ง ก็ไม่รู้ว่าใบหม่อนจะสังเกตเห็นบ้างหรือเปล่าว่ากำลังมีคนแอบมองเธออยู่ ใบหน้าของใบหม่อนในตอนนี้ดูมีความสุขมาก บ้างก็ขยับปากฮัมเพลงเบาๆ ตามจังหวะเพลง บ้างก็เผลอยิ้มเล็กๆ ออกมา ฟ้าใสไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงมาแอบมองใบหม่อนแบบนี้ แต่มองไปมองมาก็น่ารักดีเหมือนกันนะเพื่อนเราเนี่ย มิน่าล่ะถึงมีแต่หนุ่มๆ ขยันมาขายขนมจีบให้ไม่เว้นแต่ละวัน

            “ฟ้าใส... ฟ้าใส... ฟ้า...าใส!”

            “...ห๊ะ!  อ่าว่าไง” ฟ้าใสสะดุ้ง

            “มีอะไรติดอยู่ที่หน้าเราเหรอ?”ใบหม่อน

            “มะ... ไม่ไม่มี ไม่มีอะไร ฟ้าใสก็แค่สังสัยน่ะว่าหม่อนกำลังฟังเพลงอะไรอยู่ ใจร้ายนะฟังแค่คนเดียวเนี่ย”

            “อ่อ.. ขอโทษนะเราไม่รู้ว่าฟ้าใสก็อยากฟัง” ถึงคำตอบของฟ้าใสจะฟังแล้วไม่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมเออออตาม  ใบหม่อนเขยิบเข้าไปใกล้ๆ ดึงหูฟังฝั่งด้านซ้ายของตัวเองออกมา พลางเอามือจับผมตรงแก้มของฟ้าใสไปทัดที่หูก่อนจะใส่หูฟังให้

            “งั้นมาฟังด้วยกันนะ” ใบหม่อนกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของฟ้าใส

            “...อื้อ”

เหมือนหยดน้ำ... ที่ค่อยๆ ซึมสู่ใจฉันข้างใน

รักตอนไหน... บอกได้คำเดียวว่าไม่รู้

 

            สายตาของเด็กสาวทั้งสองจ้องประสานกันอย่างมีความหมาย ใบหม่อนมองลึกไปในดวงตาของฟ้าใส พยายามที่จะค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่ซุกซ้อนอยู่ภายใต้ดวงตาคู่เล็กคู่นี้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ...อะไรที่ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

 

แค่ชอบคิดถึงทุกๆ คืนก่อนนอน

แบบนี้เรียกว่ารักหรือเปล่า (รักหรือเปล่า)

 

            ทันทีที่เห็นแววตาของอีกคนที่มองเธอ ฟ้าใสรู้สึกได้เลยว่าเสียงเพลงที่ก้องอยู่ในหู ยังดังไม่เท่าเสียงหัวใจของเธอในตอนนี้ สายตาคู่สวยที่กำลังจับจ้องเหมือนจะมองให้ทะลุผ่านไปถึงจิตใจของเธอ

 

ฉันก็สงสัยใจตัวเองไม่เบา (มันไม่เข้าใจ)

เผลอใจให้เธอตอนไหน (ไม่รู้ตัว

 

            ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้ชิดกันจนสามารถสัมผัสถึงลมหายใจของกันและกัน ใบหม่อนยื่นหน้าเข้าไปจุมพิตลงบนหน้าผากของฟ้าใสอย่างอ่อนโยนและแผ่วเบา ลมหายใจร้อนผ่าวของใบหม่อนทำให้ใบหน้าของฟ้าใสเริ่มมีสีเลือดฝาดปรากฏ เธอหลับตาพริ้มลงทันทีเมื่อริมฝีปากของใบหม่อนค่อยๆ ลื่นไปสัมผัสที่เปือกตาของเธอ ตึกตัก! เสียงหัวใจของฟ้าใสเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะและไม่เป็นจังหวะมากขึ้นเมื่อริมฝีปากของใบหม่อนไล่ช้าๆ มาที่สันจมูกของเธอและเลื่อนลงมาเรื่อยๆ จนกระทั้งจะสัมผัสริมฝีปากของกันและกัน แต่ทว่า  -- จี๊ดา จี๊ดา จี๊ดาๆ!  เสียงโทรศัพท์มือถือของฟ้าใสก็ดังขึ้นมาซะก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้น

แล้วฉันควรทำอย่างไร (ถ้าหากรักจริง)

แล้วเธอจะเป็นอย่างฉันไหม (ฉันกลัวจะแอบรักเธอไปคนเดียว)

 

           

            “มัวทำอะไรอยู่นะ วิ่งไล่จับเครื่องดูดฝุ่นรึไงยังไม่ออกมาสักที น่าหงุดหงิดจริงๆ!”ผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่มีวี่แววว่าฮารีจะกลับออกมาสักที แต่บ่นยังไม่ทันขาดคำ ฮารีก็เดินหน้าซีดอุ้มเครื่องดูดฝุ่นมาหาไนน์ ไม่พูดไม่จา ซึ่งต่างจากตอนที่เดินเข้าไปด้านหลังร้านอย่างสิ้นเชิง

            “ฉันขอออกไปสูดอากาศข้างนอกนะแก” ไม่รอให้ไนน์ได้อ้าปากถามอะไร ฮารีวางเครื่องดูดฝุ่นแล้วก็รีบเดินออกไปข้างนอกทันที จะทิ้งไว้ก็แต่ความสงสัยของไนน์ที่ยื่นมองท่าทางแปลกๆของเพื่อนสาวคนนี้

           

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา