Oh! My Girl Friend สะดุดหัวใจ ยัยเพื่อนซี้

9.0

เขียนโดย ตะขบพบรัก

วันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 17.51 น.

  6 ตอน
  2 วิจารณ์
  11.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 20.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) คำถามซึ่งไร้คำตอบ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

     ครืนๆๆ  ซ่าๆๆ!!

 

            เสียงฟ้าร้องดังขึ้นเรื่อยๆ ประกอบกับฝนที่ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย สภาพอากาศในช่วงหน้าฝน ช่างเป็นอะไรที่น่าเบื่อในความคิดของฟ้าใส  ไม่ว่าจะไปไหนทั้งถนนและทางเดินก็มีแต่น้ำขัง โดยเฉพาะไส้เดือน งู กิ้งกือ สัตว์เลื้อยคานต่างๆ ที่หนีน้ำไต่ยั้วเหยื่ยไปทั่วทุกที  ฟ้าใสเกลียดยิ่งกว่าอะไรในโลก เธอชอบอากาศแห้งๆ ในช่วงหน้าร้อนซะมากกว่า  เพราะเวลาออกไปไหนก็ไม่ต้องเปียกแฉะ และที่สำคัญคือไม่มีสับประหลาดที่เธอเกลียดอีกด้วย

            ‘เฮ้อ.. เมื่อไหร่ฝนจะหยุดตกซะทีนะ?’  

            ฟ้าใสพึมพำกับตัวเองเบาๆ  ตั้งแต่วันที่ฟ้าใสหนีการประชุมที่ชมรม ประธานแว่นที่ฟ้าใสเหม็นขี้หน้า ก็ลงโทษเธอโดยการให้ทำความสะอาดเครื่องดนตรีทั้งหมดคนเดียวเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ นี้เพิ่งจะผ่านไปแค่ 3 วัน เธอก็เริ่มจะเบื่อกับการต้องมานั่งขัดๆ ถูๆ เครื่องดนตรี

            ‘แล้วจะกลับยังไงละทีนี้... คิดแล้วก็เซ็ง!’  

            ฟ้าใสยังคงบ่นกลับตัวเองอยู่อย่างนั้น เมื่อเช้าก่อนจะมาโรงเรียนแม่ก็กำชับนักกำชับหนาให้เธอถือร่มติดมือมาด้วย แต่เธอก็ดันสับเพล้าลืมทิ้งไว้บนชั้นวางรองเท้า

            สายฝนก็ยังคงพร้อมใจกันตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย  ฟ้าใสนึกด่าฝนอยู่ในใจ แต่ไม่ว่าจะด่ายังไง มันก็ยังทำหน้าที่ของมันต่อไปเหมือนเดิม  เธอภาวนาว่า ในตอนนี้อย่างน้อยๆ ก็ขอสักคนเถอะที่มายืนคุยเป็นเพื่อนเธอ

 

            “ฟ้าใส!”

            “.......”  

            “ฟ้าใส!”

            “........???”   ฟ้าใสหันมองซ้ายขวาหาต้นเสียงที่เรียกเธอ พรางคิดไปว่าตัวเองหูฝาดไปเองรึเปล่า

            “อยู่ข้างหลัง” 

            ฟ้าใสหันกลับไปด้านหลังตามที่เสียงนั้นบอก 

            แต่เมื่อได้เห็นต้นเสียงนั้น (O_O) ฟ้าใสถึงตาเบิกกว้างตกใจ ตึ้ก ตึ้ก ตึ้ก เสียงหัวใจของฟ้ใสดูเหมือนจะเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะไม่คิดเลยว่ารุ่นพี่ที่เธอชอบและคอยแอบมองอยู่ห่างๆ ทุกวัน จะมายืนอยู่ใกล้เธอขนาดนี้

            “พี่ทิม!”  ฟ้าใสตกใจจนรีบถอยหลังออกไปสองก้าว และก้มหน้ามองพื้นเพราะกลัวทิมจะเห็นว่าตอนนี้แก้มเธอแดงซะยิ่งกว่าลูกเชอร์รี่

            “ทำไมต้องทำเสียงตกใจด้วยล่ะ" ยื่นหน้าเข้าไปดูใกล้ๆ "แล้วมายืนทำอะไรอยู่ตรงนี้?”  ทิมรู้สึกขำกับท่าทางของฟ้าใส

            “เอ่อ.. ฟ้าใสจะกลับบ้านคะ”  ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่คุยกัน แต่ไม่ว่ายังไงฟ้าใสก็ยังคงรู้สึกประหม่าอยู่ดี

            “อ่อ.. พี่นึกว่าฟ้าใสจะไปที่โรงยิมซะอีก ปกติเห็นกลับบ้านพร้อมใบหม่อนประจำ”

            “วันนี้หม่อนบอกว่ามีซ้อมดึกคะ ฟ้าใสเลยต้องกลับคนเดียว”  ฟ้าใสก้มหน้าพูด

            “อึม.. ถ้างั้นเอาร่มพี่ไปใช้ก่อนละกัน จะได้รีบกลับบ้าน”  ทิมยื่นร่มให้ฟ้าใส

            “ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวรออีกสักพักฝนคงหยุดตก”  ฟ้าใสรีบยกมือปฏิเสธทันที

            “มันไม่หยุดหรอก  ฝนแบบนี้คงอีกนานกว่าจะหยุด” 

            “ ........!!”  ฟ้าใสทำหน้าตกใจ

            “พี่ว่าฟ้าใสเอาร่มนี้ไปแล้วก็รีบกลับบ้านจะดีกว่านะ ก่อนที่มันจะมืด”  ทิมยื่นร่มให้ฟ้าใสอีกครั้ง

            “แล้วพี่ทิมไม่ต้องใช้มันเหรอคะ?”

            “ใช้! แต่กว่าพี่จะกลับฝนคงหยุดพอดี”  

            “คะ.. ขอบคุณสำหรับร่มนะคะ  แล้วพรุ่งนี้ฟ้าใสจะเอาร่มมาคืน” ฟ้าใสรับร่มแล้วโค้งขอบคุณ

            “ไม่เป็นไรหรอก ถือซะว่าเป็นการขอบคุณที่ฟ้าใสทำให้ใบหม่อนเปลี่ยนใจลงแข่งได้.. พี่ไปล่ะ แล้วเจอกัน”  พูดจบทิมก็ใช้กระเป๋าบังหัวแล้ววิ่งฝ่าสายฝนออกไป

            ฟ้าใสยืนมองทิมวิ่งออกไปจากตึก ในออมแขนก็กอดร่มของทิมเอาไว้ 

'ฟ้าใส.. ชอบพี่ทิมนะคะ'

ก็คงพูดได้แค่ในใจ  ไม่ว่าจะตะโกนดังแค่ไหนก็คงไม่ได้ยินสินะ

 

     อยากได้ยินคำว่ารักแทนคำบอกลา เมฆฝนบนฟ้าคงรู้ดี คืนนี้ให้ฉันได้อยู่ใกล้ๆ เธอ

                                                     เพลง อยู่ต่อเลยได้ไหม   ศิลปิน สิงโต

        เสียงเพลงยังคงขับกล่อมให้สามน้อยเคลิบเคลิ้มไปในห้วงความรัก 

 

            “แล้วยังไงต่อ” ใบหม่อนถามอย่างสนอกสนใจ ถึงแม้น้ำเสียงจะดูเรียบเฉย ก็ตาม

            “แล้วพี่ทิมก็วิ่งออกไป”

            “แค่นั้น!

            “อึ้ม... แค่นั้น”

            “ฟ้าใส ถ้าเธอชอบพี่ทิมจริงๆ ทำไมถึงไม่บอกพี่เขาไปตรงๆ ละ”

            “บ้า! ใครจะไปกล้า ฟ้าใสก็อายเป็นนะ” 

            “แล้วเก็บเอาไว้แบบนี้พี่ทิมจะรู้ไหม”  พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

            “ฟ้าใสก็คิดอยู่ แต่ก็พูดไม่ออกจริงๆ ไม่รู้สิ พออยู่ในสถานการณ์แบบนั้นแล้วอะไรๆ มันก็ว่างเปล่าไปหมด ใสคิดอะไรไม่ออกเลย” 

            “เอาเหอะ สักวันเธอคงจะกล้าพอ เราต้องวางสายแล้วนะ วันนี้รู้สึกเพลียมากเลย”

            “จ้า.. ขอบใจนะที่ทนฟัง ใสคงกล้าเล่าให้หม่อนฟังคนเดียว ถ้าเป็นสองคนนั้น คงด่าจนหูชาแน่ๆ ราตรีสวัสดิ์นะ คืนนี้พักผ่อนให้เต็มที่ จุ๊บๆ” 

            “อึ้ม.. ราตรีสวัสดิ์”  

            ติ้ด!!  

            หลังจากที่วางสายของฟ้าใส ใบหม่อนไม่ได้เข้านอนอย่างที่บอกเอาไว้ เธอเดินออกไปนอกระเบียงห้อง และแหงนหน้ามองดูท้องฟ้า  

            ท้องฟ้าคืนนี้ไม่มีดาวเลยสักดวง ก็แหง๋ล่ะฝนเพิ่งจะหยุดตกนิ สมควรอยู่หรอกที่จะไม่มีดาว     

            "ใบหม่อน!"  แฮ้กๆๆ   เสียงหายใจของทิมฟังดูไม่เป็นจังหวะ เนื่องจากเขาต้องวิ่งข้ามตึกถึงสองตึกกว่าจะมาถึงโรงยิมได้

            "คะ!"  .ใบหม่อนรู้สึกตกใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนของทิม

            "พะ.. พี่ขอยืมร่มหน่อยสิ"

            "เอ๊ะ!  พี่ทิมจะกลับแล้วเหรอคะ?"

            "เปล่าครับ  พี่เห็นฟ้าใสยืนอยู่หน้าตึกตั้งนาน สงสัยไม่ได้พกร่มมา เอ่อ.. พี่ก็เลย.."

            "อ่อ.. พอเข้าใจแล้ว อยากยืมร่มหม่อนให้ฟ้าใสใช่ไหมคะ"  

            "ครับ"  เมื่อได้ร่มจากใบหม่อน ทิมก็รีบวิ่งไปตึกที่ฟ้ใสยืนอยู่ และแกล้งทำเป็นว่าเจอฟ้าใสโดยบังเอิญ

 

            ตั้งแต่ทิมรู้ว่าใบหม่อนเป็นเพื่อนสนิทของฟ้าใส ทิมก็ขอให้ใบหม่อนช่วยเหลือ โดยการเป็นแม่สื่อให้กับเค้า  ถึงแม้ใบหม่อนพยายามปฏิเสธ แต่ท้ายที่สุดแล้วก็ต้องยอมเพราะทนลูกตื้อของทิมไม่ได้ 

 

'เฮ้อ.. จะต้องทำแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่?'

'ทำไมต้องรู้สึกแย่แบบนี้ด้วยนะ?'

'ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?'

ดวงดาว.. ช่วยตอบคำถามของฉันหน่อยได้ไหม

และถ้าท้องฟ้าในคืนนี้คือคำตอบ

คำตอบที่ฉันควรจะได้ คือ.....  ความมืดมนอย่างงั้นหรือ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา