"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

33) ความหวัง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เมื่อสองวันก่อนศิริและพลภัทรเดือดเนื้อร้อนใจที่อยู่ๆ ลูกสาวคนโตมาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ และหมดสติไปเป็นเวลานาน ทั้งๆ ที่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย แม้แต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด เมื่อวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้พวกเขาทั้งสองจึงนึกถึงหลวงพ่อที่เลื่อมใสท่านหนึ่ง และตัดสินใจเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อไปพบท่าน ศิริเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นพร้อมให้ข้อมูลวันเดือนปีเกิดของอริสาแก่หลวงพ่อ ขอให้ท่านช่วยตรวจสอบดวงชะตาให้ เมื่อหลวงพ่อพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็กล่าวเสียงเรียบว่าอริสาไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงไม่ต้องเป็นห่วง ถึงเวลาก็จะฟื้นขึ้นมาเอง และเมื่อผ่านวันแต่งงานไปทุกอย่างก็จะดีขึ้น ได้ยินดังนั้นผู้ใหญ่ทั้งสองคนก็เบาใจไปเปราะหนึ่ง วันต่อมานิชนกก็โทรศัพท์มาบอกข่าวดีเรื่องอริสา ศิริและพลภัทรจึงรีบจองเที่ยวบินที่เร็วที่สุดเดินทางกลับมานางาซากิ

     “หลวงพ่อท่านพูดไว้ไม่มีผิด เมื่อถึงเวลาลูกก็จะฟื้นขึ้นมาเอง” ศิริย้ำความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อ

     “พ่อกับแม่เลยคิดว่าเราควรจะเลื่อนวันแต่งงานของลูกให้เร็วขึ้น” พลภัทรเสนอ

     “ดีเลยคะ หนูเห็นด้วย” นิชนกเงยหน้าจากหนังสือเมนูของหวานขึ้นมาแสดงความเห็น หลังจากที่จัดการนางาซากิ ซาราอูด้ง หมดเกลี้ยงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจะหันไปแปลที่ผู้เป็นพ่อพูดให้ว่าที่พี่เขยฟังและถามความเห็นเขาด้วย

     “อืม ผมก็ว่าดีนะครับ อริสจังหละว่ายังไง” เคนอิจิหันมาถามคนรัก อริสานั่งเงียบไปนานจนทุกคนมองเธอเป็นตาเดียว นิชนกเห็นอย่างนั้นก็รีบพูดแทรกขึ้นมา

     “พี่สา เอานี่ไหม น้ำแข็งไส” เธอส่งเมนูให้พี่สาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามดู

     “เอ่อ...เอาสิ สั่งมาเลยยัยนิช” อริสาตอบ น้องสาวขยิบตาส่งให้เพื่อเรียกสติเธอ

     “ยัยนิชนี่นะ เขากำลังคุยเรื่องซีเรียสกันอยู่ ห่วงแต่เรื่องกิน เพลาๆ ลงบ้าง พอไปทำงานเดี๋ยวหัวหน้าก็ไล่กลับมาลดน้ำหนักหรอก” พลภัทรเอ็ดเล็กน้อย

     “ขอโทษคะ” ลูกสาวคนเล็กหน้างอ ทำปากจู๋ แล้วหันไปคุยกับบริกรเพื่อสั่งของหวาน

     “ว่ายังไงหละลูก” ผู้เป็นแม่ถามย้ำอีกรอบ

     “เอ่อคือ...หนูไม่แน่ใจว่า ทางร้านเวดดิ้งเขาจะเตรียมการทันไหมหนะคะ” เธอบอกพ่อแม่ ก่อนหันมาบอกคนรัก

     “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงครับ ทางร้านจัดการทุกอย่างรอไว้เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่เรื่องชุดของคุณที่สั่งแก้ไขไว้ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะพาคุณเข้าไปลอง ก็น่าจะเรียบร้อย” เคนอิจิเล่า ระหว่างที่อริสาหมดสติพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนานเป็นสัปดาห์ เขาได้เตรียมการทุกอย่างไว้เพื่อรอเจ้าสาวของเขาฟื้นขึ้นมา

     “อ๋อ หรอค่ะ ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็โอเคคะ” อริสาตอบพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด แต่ในใจกำลังนึกถึงตอนที่เข้าพิธีกับยูทากะ วันนั้นเธอและเขายืนอยู่หน้ารูปไม้สลักพระแม่มารีโอบอุ้มพระบุตรอยู่ในอ้อมกอดและบาทหลวงอาซากิ มันคงเจ็บปวดมาก ถ้าเธอตอบรับคำปฏิญาณกับคนอื่น นิชนกลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พี่สาวไม่แสดงอาการแปลกๆ ให้พ่อแม่เห็นมากไปกว่านี้ ก่อนที่ของหวานจะถูกนำมาเสริฟต์อย่างรวดเร็วทันใจ แอร์โฮสเตทสาวจอมเขมือบรับถ้วยแก้วเล็กๆ  มาก่อนส่งให้พี่สาว

     “อ่ะนี่ของพี่”

     “น้ำแข็งไสนี่นา น้ำแข็งไสจริงๆ ด้วย” อริสาพรึมพรําเบาๆ เธอหวนนึกถึงคืนวันเทศกาลดอกไม้ไฟเล็กๆ ของไดกิ ฮิคารุซัดน้ำแข็งไสไปเยอะมาก จนซาซาโกะต้องปรามไว้เพราะกลัวฮิคารุจะท้องแตกไปซะก่อน แต่เด็กชายก็ไม่ได้เชื่อฟังแต่อย่างใด สุดท้ายเขาแทบจะเดินกลับบ้านไม่ได้เพราะแน่นท้องมาก จึงเรียกเสียงหัวเราะจากทุกๆ คนที่เดินกลับบ้านไปพร้อมกันหลังจากจบงานแล้ว 

     “ก็เมื่อกี้พี่สั่งน้ำแข็งไสนะ” นิชนกหูดีมาก แม้จะนั่งฝั่งตรงข้ามพี่สาวก็ยังได้ยินจึงพูดขึ้น

     “อืม อร่อยดีนะ” อริสาบอกหลังจากตักเข้าปากไปคำหนึ่ง พร้อมยิ้มบางๆ ก่อนก้มหน้าทานคำต่อไป นิชนกขมวดคิ้วมองอริสาอย่างสงสัย แน่นอนว่าพี่สาวเธอคงกำลังคิดอะไรสักอย่าง เธอสังเกตได้ว่ารอยยิ้มนั้นมีแววเศร้าหมองแฝงอยู่

     หลังจากทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้วเคนอิจิก็มาส่งคนรักและครอบครัวที่โรงแรม ส่วนตัวเขายังคงต้องไปทำงานต่อ เขาได้โทรศัพท์คุยกับทางร้านเวดดิ้งไว้เบื้องต้น เกี่ยวกับเรื่องที่ต้องการเลื่อนวันจัดพิธีแต่งงานเข้ามา ทางร้านเองก็ไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด

     นิชนกเป็นแอร์โฮสเตทได้เดินทางไปยังประเทศนู้นทีประเทศนี้ทีก็จริง แต่ก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ท่องเที่ยวสักเท่าไหร่ เธอลาพักร้อนยาวได้เพราะต้องมาช่วยเตรียมงานแต่งงานของอริสาที่ญี่ปุ่น จึงวางแผนการท่องเที่ยวไว้ยาวเหยียด แต่แผนดันมาชะงักลงเพราะพี่สาวดันเกิดอุบัติเหตุเข้าโรงพยาบาลเสียก่อน ตอนนี้พี่สาวเธอฟื้นกลับมาเป็นปกติ แผนการท่องเที่ยวจึงสามารถดำเนินต่อไปได้

     “ไม่ไปด้วยกันจริงๆ หรอ” นิชนกถามเสียงออดอ้อน

     “ไม่หละยัยนิช พี่ปวดหัวอยากนอนพักหนะ” อริสาตอบพรางตบๆ หมอนแล้วเอนตัวลงนอน

     “ฉันไม่อยากเห็นพี่เก็บตัวอย่างนี้เลย เห็นแล้วไม่สบายใจเลยนะ” น้องสาวนั่งลงข้างๆ

     “ไม่ต้องห่วงพี่หรอก พี่ไม่เป็นอะไร แค่ปวดหัวจริงๆ รีบไปเถอะ พ่อกับแม่รออยู่” พี่สาวบอกก่อนหลับตาใส่

     “หูย ก็ได้ๆ” นิชนกยอมแพ้ ลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเป้และกล้องตัวเก่งคล้องคอก่อนเดินออกจากห้องไป

     อริสาหลับไปจริงๆ ด้วยฤทธิ์ยาแก้ปวดที่ทานเข้าไป แต่ไม่นานก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงของสายฝนที่ตกกระทบประตูกระจกระเบียง ดังเปาะแปะเป็นจังหวะ มือเรียวเสยผมที่ร่วงลงมาปรกหน้าแล้วดึงผ้าห่มออก เธอค่อยๆ ลุกเดินมายืนหน้าประตูกระจกนั้น มองท้องฟ้าสีเทาที่ถูกปรกคุลมด้วยม่านฝนหนาทึบ ทำให้เห็นทัศนียภาพด้านนอกเพียงเลือนราง อริสาหวนคิดถึงวันที่ติดฝนอยู่กับยูทากะตอนที่ไปรับฮิคารุที่โรงเรียน เธอเผลอหลับซบไหล่กว้างของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ในความรู้สึกของเธอไออุ่นจากกายเขานั้นยังคงอบอวลอยู่ อริสายกมือขึ้นกอดตัวเองแล้วถอนหายใจเบาๆ จะมีหนทางไหนที่จะทำให้ได้พบเขาอีกครั้ง...

     พายุฤดูร้อนกระหน่ำนางาซากิอยู่ขณะนี้ นิชนกนึกเจ็บใจที่ไม่ดูพยากรณ์อากาศก่อนจะออกจากโรงแรม แม้จะพยายามฝืนขับรถต่อไป แต่สุดท้ายพ่อกับแม่ก็สั่งให้วนรถกลับเพราะกลัวจะอันตรายและมีใครเป็นอะไรไปอีก หญิงสาวร่างเล็กแต่งตัวทะมัดทะแมงสะพายกระเป๋าเป้เดินหน้างอกลับมาที่ห้องพักของตัวเอง เธอเข้าไปที่ห้องนอนแต่ไม่พบพี่สาวอยู่บนเตียง จึงวางกระเป๋าและกล้อง ก่อนเดินกลับออกมาที่ห้องนั่งเล่น เธอมองไปที่เค้าน์เตอร์บาร์ไม้แดงสีเข้มที่กั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัว เห็นอริสายืนอยู่ ในมือถือมีดปลอกผลไม้ไว้ นิชนกตาเบิกโพลง รีบวิ่งเข้าไปแย่งมีดออกจากมือพี่สาวทันที

     “พี่สาจะทำอะไรหนะ!!! ทำอย่างนี้ไม่ได้นะ!!!”  

     “อะไรของแกยัยนิช??? พี่จะปลอกแอปเปิ้ล” อริสาหน้าเหวอถามน้องสาวกลับ

     “อะอ้าว พี่จะกินแอปเปิ้ลหรอ เอ่อ แฮ่ๆๆ” นิชนกยิ้มแห้งๆ ก่อนส่งมีดคืนพี่สาว

     “แกคิดว่าพี่จะทำอะไรหรอยัยนิช”

     “ปะเปล่า”

     “เปล่าอะไร อยู่ดีๆก็วิ่งมาแย่งมีดไปอย่างนี้ อย่าบอกนะว่าแกคิดว่าพี่จะฆ่าตัวตาย” อริสาถามเสียงดุ

     “กะก็...” น้องสาวพยักหน้ายอมรับเบาๆ

     “แกจะบ้าหรอยัยนิช ถึงได้คิดว่าพี่จะทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้น” คนพี่เริ่มเสียงดัง

     “ฉันไม่รู้หรอก ฉันก็แค่รู้สึกไม่ดีที่เห็นพี่ซึมเศร้า พี่คงคิดถึงตายูทากะอะไรนั่น และถ้าเขายังไม่มาเกิดจริงๆ นี่ก็เป็นวิธีเดียวไม่ใช่หรอ ที่จะทำให้พี่ได้เจอเขา ทุกอย่างที่พี่เล่า เหตุการณ์ในฝันของพี่ มันเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าก็พิสูจน์ไม่ได้ พี่ลืมเรื่องบ้าๆ พวกนั้นไปไม่ได้หรอ เรื่องยูทากะหนะ” นิชนกพูดยาวเป็นชุด

     ‘เธอจะลืมอะไรก็ได้....แต่อย่าลืมฉันก็พอ’ ประโยคนี้ของยูทากะผุดขึ้นมาในความทรงจำของอริสา ชัดเจนมาก

     “ยัยนิช...เรื่องยูทากะไม่ใช่เรื่องบ้าๆนะ” อริสาพูดเสียงเครือ

     “ฉะฉัน..ขอโทษ ฉันแค่เป็นห่วงพี่ ฉันไม่อยากเสียพี่ไป พ่อ แม่ แล้วก็พี่เคน ไม่มีใครอยากเสียพี่ไปทั้งนั้น พวกเรารักพี่นะ” นิชนกน้ำตาคลอหน้าเบะเป็นเด็กๆ อริสาจึงเข้ามากอดน้องสาวและลูบหลังเบาๆ

     “พี่รู้ ยัยนิช พี่ไม่ทำอะไรโง่ๆ อย่างนั้นหรอก อย่าคิดมากเลยนะ”

     “ฉันเห็นพี่เป็นอย่างนี้แล้วไม่สบายใจเลย ฉันอยากช่วย”

     “ช่างเถอะ เราทำอะไรไม่ได้แล้ว” อริสาพูดหลังจากคลายกอด สองพี่น้องผลัดกันเช็ดน้ำตาให้กัน

     “ทำไมพี่ไม่ลองไปที่โบสถ์อุราคามิหละ บาทหลวงลึกลับคนนั้นอาจมีวิธีก็ได้นะ” นิชนกเสนอขึ้น อริสาคิดตาม แต่เธอจำได้ว่าหนึ่งสัปดาห์ก่อนเธอขับรถชนเขาเข้าจังๆ พอฟื้นขึ้นมาน้องสาวบอกว่าเธอขับรถชนเสาไฟ มันจะเป็นไปได้ยังไง นักบวชคนนี้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน แล้วเขาจะมีวิธีที่ทำให้เธอได้พบยูทากะอีกครั้งหรือเปล่า??? ตอนนี้อริสาเริ่มจะมีความหวังขึ้นมาอีกครั้งแล้ว

 

ขอบคุณเพลงประกอบ

https://www.youtube.com/watch?v=NEVv49imnBs

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา