"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

26) โชคชะตา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     พี่สาวคนโตจอมโหด ที่วันนี้มีรอยยิ้มแสนหวานแต้มอยู่บนใบหน้า เมื่อพบกับคนรักที่ยืนตอนรับนักเรียนอยู่หน้าโรงเรียน ทำเอาน้องชายรู้สึกหมั่นไส้ ปนหวงพี่สาวขึ้นมา จึงทำเป็นถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วเบือนหน้าหนีอย่างน้อยใจ

     “เฮ้อ...โอ๊ย!!!!” ทันใดนั้นก็โดนน้ำหนักมือที่คุ้นเคยเขกเข้ากลางหัวอย่างแรง จนต้องอุทานออกมาเสียงดัง ฮิคารุหันมาค้อนพี่สาวเล็กน้อยขณะลูบหัวถี่ๆ เพื่อคลายความเจ็บ ก่อนจะยืนก้มหน้าอย่างไม่รู้จะทำตัวอย่างไร

     “สงสัยฮิคารุจะหวงพี่สาวหนะ” โกโร่พูดขึ้น

     “ฮิคารุเนี่ยหนะ ทีฮิเดโกะกับยูทากะไม่เห็นหวงเลย” ซาซาโกะพูดกลั้วขำในลำคอ ก่อนจะหันมายื่นข้าวกล่องที่ทำด้วยตัวเองให้ชายหนุ่ม เขารับมาแล้วยิ้มอย่างปลื้มใจ

     “ขอบคุณนะซาซาโกะจังทำมาให้จริงๆหรอเนี่ย”

     “ก็ต้องจริงสิ ทานให้อร่อยนะคะ” เธอพูด ชายหนุ่มยักหน้ารับ

     “งั้น..ผมขอตัวไปชิมฝีมือซาซาโกะจังก่อนนะ” โกโร่ขอตัวไปทานข้าวเช้า แต่จริงๆตั้งใจจะให้พี่น้องได้คุยกัน ดูท่าทางลูกศิษย์จะหวงพี่สาวคนโตเอามากๆ พอเขาเดินจากไปซาซาโกะก็หันมามองน้องชายที่ยืนก้มหน้านิ่ง

     “นี่ เข้าโรงเรียนไปได้แล้ว” เธอสั่งห้วนๆ ขึ้นมา ฮิคารุพยักหน้าแล้วเดินเข้ารั้วโรงเรียนไปได้สองสามก้าวก็ถูกพี่สาวเรียกไว้

     “ฮิคารุ”

     “อะไรอีกหละ” เด็กชายหันมาถาม

     “ตั้งใจเรียนหละ แล้วเดี๋ยวตอนเย็นมารับ สู้ๆ” ซาซาโกะพูดพร้อมทำท่าให้กำลังใจน้องชาย จนเขาหลุดขำก่อนส่ายหัว แล้วหันหลังเดินเข้าโรงเรียนไป แม้ในใจยังแอบคิดไปว่าพี่สาวคงอยากมาพบครูประจำชั้นของเขา และรู้สึกหวงอยู่ไม่น้อย แต่ก็รู้สึกดีที่ยังถูกให้ความสำคัญ เพราะการเป็นน้องชายคนเล็กของบ้าน ทุกคนต่างรุมรักเอาอกเอาใจ ยกเว้นซาซาโกะที่เหมือนจะเป็นคู่ปรับกันมากกว่า จริงๆแล้วเธอก็รักน้องชายไม่ต่างจากสมาชิกคนอื่นๆในบ้าน แต่ไม่แสดงออก เพราะไม่อยากให้เขานิสัยเสีย จึงต้องเป็นคนคอยขัดใจอยู่เสมอ พอซาซาโกะมีคนรักฮิคารุจึงหวงมากเป็นธรรมดา เพราะกลัวหมดความสำคัญ 

     ยูทากะหลังจากแยกกับคนรักที่ร้านหนังสือ ก็เดินคิดเรื่องข้อเสนอของหมอแฮรี่มาตลอดทาง คำตอบในใจยังไม่ถูกสรุป ถ้าเขาไม่ไปอังกฤษกับหมอแฮรี่ เขาจะทำงานอะไรต่อไป คงไม่มีใครที่ไหนรับเขาเป็นผู้ช่วยแพทย์เพราะจบการศึกษาแค่มัธยมปลาย แม่เขาก็ต้องป่วยต่อไปและเมื่อร่างกายทรุดโทรมจนถึงที่สุดคงจากเขาไปเหมือนพ่อ

     เผลอแป๊บเดียวเขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของตัวเองแล้ว ยูทากะถอนหายใจเฮือกหนึ่งก่อนเข้าบ้านไป แล้วทำทุกอย่างเป็นปกติอย่างที่เคยทำ เขาตรงไปที่ห้องทานอาหาร ซึ่งต้องเก็บถ้วยชามไปล้าง แต่บนโต๊ะกลับมีข้าวร้อนๆ พร้อมกับข้าวสามอย่าง ข้างกันนั้นมีชาร้อนๆ ที่รินใส่จอกไว้ ยูทากะประหลาดใจ ก่อนกลอกตาครุ่นคิดไปว่าคนรักคงเข้ามาเตรียมไว้ให้แม่ของเขา แต่หน้าตาอาหารที่เห็นนี้ เหมือนที่แม่เขาทำไม่มีผิด จึงหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบชิม ทันทีที่ลิ้มรสชาติของอาหาร ดวงตาสีนิลก็เบิกกว้าง

     “รสชาตินี้ นี่มัน!!!” พูดจบเขาก็รีบวิ่งไปที่ห้องข้างๆ ก่อนเลื่อนเปิดประตูอย่างแรง

     “แม่ครับ” เขาเรียก แต่คาซูมิก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนเดิม เขาคอตกเมื่อไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แม้วันนี้แม่ของเขาจะแต่งตัว ทำผมสวยเป็นพิเศษ คงเพราะคนรักเข้ามาดูแลให้ เห็นดังนั้นจึงค่อยๆเลื่อนปิดประตู

     “ยูทากะ” เสียงแผ่วๆ ของผู้เป็นแม่เรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมามองผ่านช่องประตูที่กำลังจะปิด

     “ที่ผ่านมาคงเหนื่อยแย่ แม่ขอโทษนะ” คาซูมิหันมองลูกชายด้วยแววตาสงสาร และสำนึกผิด น้ำใสเอ่อคลอ

     “แม่ครับ!!! แม่หายแล้วหรอ แม่ของผมคนเดิมกลับมาแล้ว” ยูทากะเปิดประตู ก่อนรีบวิ่งพรวดเข้ามานั่งคุกเข่า สวมกอดผู้เป็นแม่ น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาอย่างกับเป็นเด็กๆ

     “ทำไมถึงได้ดูผอมขนาดนี้หละ คงลำบากมากสินะยูทากะ แม่ขอโทษนะ” คาซูมิพูดพร้อมเช็ดน้ำตาให้ลูกชาย

     “ไม่หรอกครับแม่ อย่าขอโทษอีกเลยนะครับ”

     “จ๊ะ ไม่ขอโทษแล้วก็ได้ ต่อจากนี้ไปก็สู้ไปด้วยกันนะ”

     “ครับแม่” ยูทากะยิ้มดีใจทั้งน้ำตา เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่ของเขาคนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ นี่เป็นสิ่งที่ทำให้เขามีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไปเป็นอย่างมาก

     อริสากลับมาทำงานของตัวเองเช่นเดิม หลังจากจัดเรียง และปัดฝุ่นทำความสะอาดหนังสือเรียบร้อยแล้ว ก็มาหามุมเหมาะๆ นั่งอ่านหนังสือที่ยืมคริสโตเฟอร์มาเมื่อเช้า พออ่านจบ ก็ปิดหนังสือลงอย่างแรง พร้อมถอนหายใจอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

     “เป็นอะไรไปหละ ฮิเดโกะ” เจ้านายใจดีเหลือบเห็นอาการนั้นจึงถามขึ้น

     “ก็หนังสือของคุณนี่สิค่ะ จบไม่ดีเลย ไม่เห็นยุติธรรมกับเกรเกอร์เลย” เธอตอบหน้ายู้ ทำเอาคริสโตเฟอร์กลั้นขำไม่ได้

     “จากคนที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของบ้าน วันหนึ่งกลับกลายมาเป็นภาระแทน จบอย่างนั้นก็ถือว่าสมเหตุสมผลไม่ใช่หรอ” เขาถาม

     “แหมถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะคะ เอาหนังสือของคุณคืนไปเลย” อริสาเดินหน้างอมายื่นหนังสือคืนนายจ้างที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์

     “ว่าแต่เธอเถอะ รู้เรื่องประกาศของฝ่ายสัมพันธมิตรแล้วไม่คิดจะย้ายไปอยู่เมืองอื่น หรือประเทศอื่นบ้างหรอ” คำถามของคริสโตเฟอร์ ทำให้คนฟังกระตุกยิ้มที่มุมปาก

     “อย่าว่าแต่จะย้ายไปอยู่ที่อื่นเลยคะ ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงยังไม่รู้เลย”

     “หือ???” เขาอุทานในลำคอ

     “ถ้า ฉันบอกว่าฉันมาจากอนาคต คุณจะเชื่อไหม” อริสาแกล้งหยอกถาม

     “ฮิเดโกะนี่อ่านหนังสือมากไปแล้วนะ ฮ่าๆๆๆ” คริสโตเฟอร์หัวเราะดัง

     “นั่นสินะ” เธอขำเบาๆ ทำเป็นเออออตาม แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าพูดไปยังไงก็ไม่มีใครเชื่อ อริสาคิดถูกแล้วจริงๆ ที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ทุกคนฟังตั้งแต่แรก

     “เอ๊ะ วันนี้ฉันยังไม่เห็นฮิมาวาริจังเลยนะ ลูกค้ารายสำคัญหายไปไหนกัน” คริสโตเฟอร์ถามขึ้นอย่างพึ่งนึกได้

     “อ๋อ ฮิมาวาริจังโดนงูกัด พอดีที่โรงหมอเครื่องไม้เครื่องมือไม่ครบ หมอแฮรี่เลยส่งตัวไปพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในตัวเมืองหนะคะ” อริสาอธิบายยาวเหยียด

     “ฮะ!!?? จริงหรอเนี่ย”

     “แต่เห็นยูทากะบอกว่าอาการพ้นขีดอันตรายแล้วนะคะ ไม่เป็นอะไรมากแล้ว”

     “อ่อ ถ้าอย่างนั้นก็โล่งอกไปทีนะ” เจ้านายพุงพลุ้ยคลายตกใจ

     “พรุ่งนี้เราไปเยี่ยมฮิมาวาริจังกันไหมค่ะ” อริสาเอ่ยชวน

     “อืม เป็นความคิดที่ดีนะ ฉันมีหนังสือนิทานหลายเล่ม ที่อยากยกให้ฮิมาวาริจังด้วยหนะ” เขาพูดเสียงเรียบ พยายามข่มความรู้สึกสงสารเด็กน้อย ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ต้องมาหมดโอกาสเติบโต หมดโอกาสมีอนาคต เพราะความขัดแย้งของผู้ใหญ่ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แม้คริสโตเฟอร์จะพยายามไม่แสดงออกถึงความรู้สึกอ่อนไหวนั้น แต่อริสาก็รู้สึกได้ เพราะเธอเองก็คิดเหมือนกันกับเขา  

     มื้อเย็นที่แสนครื้นเครง ณ บ้านฟูคูดะ เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง เมื่ออยู่ๆ อริสาป่าวประกาศข่าวดีกับทุกๆ คน เรื่องเทศกาลดอกไม้ไฟเล็กๆ ที่จะจัดขึ้นในคืนพรุ่งนี้ ที่แม่น้ำอุราคามิ

     “ฮะ!!! จริงหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย” จิโร่พูดทั้งๆที่ข้าวยังเต็มปากด้วยความตื่นเต้น

     “เป็นข่าวดีจริงๆ ด้วยสินะ” คุมิโกะก็พูดเสริม

     “โอ้โห้ ดีใจจังเลย ผมนึกว่าปีนี้จะอดดูดอกไม้ไฟซะแล้ว” ฮิคารุตาโต ร้องดีใจเสียงหลง

     “ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ” ซาซาโกะยิ้มกว้าง แก้มเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหันมาสบตากับโกโร่ที่นั่งอยู่ข้างๆ

     “ซาซาโกะจังไปด้วยกันนะ” ชายหนุ่มเอ่ย

     “อืมๆ” พี่สาวคนโตพยักหน้าตอบ ก่อนหลบแววตาหวานฉ่ำของคนรัก

     “แหม สองคนนี้หวานตลอดเลยนะ” อริสาพูดแซว คนพี่เลยหันมาค้อนเข้าให้ ระว่างมื้อค่ำทุกคนก็ยังไม่หยุดคุยเรื่องเทศกาลดอกไม้ไฟในวันพรุ่งนี้ คุมิโกะกำลังคิดหนักว่าจะแต่งตัวอย่างไรให้ลูกสาวสองคนดี เธอมีชุดยูกาตะสวยๆ อยู่มาก จึงยังตัดสินใจไม่ได้ ส่วนจิโร่กำลังขอความเห็นว่าที่หลานเขยว่าจะทำอะไรไปเป็นกับแกล้มสุราดี บรรยากาศแบบนั้นคงจะดื่มเพลินอยู่ไม่น้อย โกโร่ก็ออกความเห็นไปตามประสาผู้ชาย แต่เหลือบมาเห็นแววตาอำมหิตของคนรัก จึงหันมาก้มหน้าก้มตาทานอาหารต่อไปจะดีกว่า ฮิคารุเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน เด็กชายเผลอเล่าไปถึงเทศกาลดอกไม้ไฟในปีก่อนๆ ที่เคยมีผู้เป็นพ่อพาไป

     “ผมชอบกินคาคิโกริมากๆ เลย พ่อหนะรู้ใจผมที่สุด ต้องซื้อให้ผม...ทุกปีเลย” เสียงร่าเริงของเด็กชายแผ่วลงเมื่อถึงท้ายประโยค ทุกๆคนหยุดนิ่งฟัง ไม่มีคำพูดจาใดๆเกิดขึ้นอีกระหว่างมื้อคำนั้น อริสามองดูคนอื่นๆ สีหน้าเศร้าสลด ก็เข้าใจว่าพวกเขาคงอยากให้ทาคาชิได้อยู่ร่วมเทศกาลดอกไม้ไฟอย่างเช่นทุกปีที่ผ่านมา เธอไม่รู้หรอกว่าเทศกาลดอกไม้ไฟที่มีทาคาชิมันเป็นอย่างไร แต่คิดว่าคงดีแน่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็คงได้แค่คิด เพราะว่าเขาได้จากโลกนี้ไปแล้ว ผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอจะทำอะไรได้ เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของใคร ไม่ว่าจะเป็นทาคาชิ หรือคนอื่นๆ หรือแม้แต่ตัวเองด้วยซ้ำไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา