"Yes, I do" ปาฏิหาริย์ครั้งสุดท้าย

8.9

เขียนโดย January13

วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2557 เวลา 16.54 น.

  37 ตอน
  25 วิจารณ์
  37.13K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2562 20.46 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) พยาบาลจำเป็น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     วันทำงานอันเงียบเหงาผ่านไปอย่างเชื่องช้า จนในที่สุดก็ถึงเวลาเลิกงาน คริสโตเฟอร์นั่งซึมหงอยอยู่หลังเคาน์เตอร์ ตั้งแต่ทราบข่าวร้ายที่เพื่อนชาวอังกฤษส่งโทรเลขมา

     “คริสโตเฟอร์ค่ะ เลิกงานแล้วฉันกลับก่อนนะคะ” อริสาเดินเข้ามาออกมาบอก

     “อ๋อ อืมๆ ขอบใจมากนะ นี่ค่าแรงของเธอ” เจ้านายพุงกลมหยิบถุงสีแดงในลิ้นชักก่อนส่งให้อริสาแล้วนั่งเงียบเช่นเดิม ลูกจ้างเห็นสภาพนั้นก็ถอนหายใจเฮือก ปกติคริสโตเฟอร์เป็นคนอารมณ์ดียิ้มแย้มแจ่มใส เธอจึงรู้สึกไม่ดีที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ อริสาก้าวออกจากร้านหนังสือก็ต้องประหลาดใจ เมื่อไม่เห็นใครยืนยิ้มอยู่หลังประตู อย่างเช่นทุกวัน

     “หายไปไหนของเขานะ” เธอถามขึ้นลอยๆ ก่อนบ่นต่อ

     “ใช้ไม่ได้ผู้ชายคนนี้ ไม่เสมอต้นเสมอปลายเลย...เอ๊ะ แล้วนี่เราจะรอเขาทำไมนะ บ้าจริงไปหาดูโกศให้คุณทาเคชิดีกว่า” หลังจากสับสนกับตัวเองอยู่พักหนึ่ง ก็นึกขึ้นได้ว่ามีธุระที่ต้องไปทำ อริสาจึงเดินย้อนขึ้นทางไปโรงเรียน จำได้ว่าตอนไปรับฮิคารุ เธอเดินผ่านร้านค้าหลายร้าน แต่ไม่ทันสังเกตว่าร้านที่ขายโกศใส่อัฐิอยู่ตรงไหน เดินมาสักระยะก็เจอป้ายไม้ใหญ่หน้าร้านเก่าๆ สลักตัวอักษรญี่ปุ่นว่า ‘จำหน่ายเครื่องบูชา โกศ รับทำป้ายชื่อ’ เธอจึงเดินเข้าไปดู มุมของร้านด้านหนึ่งมีชั้นไม้วางโกศหินอ่อนหลากหลายสีเรียงอยู่ อริสากวาดตามองไปเรื่อยๆ จนไปสะดุดเข้ากับโกศหินสีน้ำตาลอ่อนลายเปลือกไม้ มือเรียวจึงเอื้อมไปพลิกป้ายราคากระดาษสีขาวเล็กๆ ที่คล้องฝาโกศไว้ แล้วยกมือขึ้นมาขมุบขมิบปากทำท่านับ

     “ค่าแรงอีกสองวันก็ยังไม่พออยู่ดี” เธอพรึมพรำ

     “ชอบอันนี้หรอจ๊ะหนู” หญิงชราในชุดยูกาตะสีเข้มเดินเข้ามาถาม

     “ค่ะ แต่ว่า....มันแพงจัง” อริสาพูดเสียงอ่อน หน้าจ๋อย หญิงชราเจ้าของร้านหัวเราะก่อนถามขึ้น

     “ว่าแต่จะเอาไปใส่อัฐิของใครกันจ๊ะ”

     “คุณพ่อของฉันหนะคะ” เธอตอบ เรียกทาเคชิว่าพ่อเต็มปากเต็มคำอย่างไม่รู้ตัว

     “อ๋อ ดีจริงๆเลยนะ ถ้าหนูอยากได้จริงๆ ฉันลดราคาให้ก็ได้นะ” หญิงชราพูดน้ำเสียงจริงใจ

     “จริงหรอค่ะ??!!” อริสาพูดน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มแวววาวเป็นประกาย หญิงชราพยักหน้าแล้วยิ้มให้อย่างใจดี

     “ถ้าอย่างนั้นฉันจองอันนี้ไว้ก่อนนะคะ อีกสองสามวันฉันจะมาเอา”

     “ได้จ๊ะ”

     “ขอบคุณมากๆเลยนะคะ” เมื่อกล่าวขอบคุณและบอกลาเรียบร้อยแล้ว อริสาก็เดินยิ้มออกมาจากร้าน เธอหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกดีใจขนาดนี้ ทั้งๆที่ทาเคชิเป็นพ่อของผู้หญิงที่ชื่อฮิเดโกะไม่ใช่เธอ

     “หรือว่าเรากับฮิเดโกะจะเป็นคนๆเดียวกัน ฮิเดโกะคือเราเมื่อชาติก่อนอย่างนั้นหรอ แต่ทำไมเราจำอะไรเกี่ยวกับตัวเองตอนเป็นฮิเดโกะไม่ได้เลย เฮ้อ ยังไงกันแน่นะ” อีกครั้งที่อริสาพยายามหาคำอธิบายให้กับเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นนี้ แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งงง เธอจำอะไรไม่ได้หรอก แต่เธอรู้สึกถึงความผูกพันและคุ้นเคยกับวิถีชีวิต และคนรอบข้างอย่างไม่รู้ตัว ขณะที่เดินคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น อริสาก็เห็นหญิงสาวร่างอวบหน้าตาคุ้นๆ เดินสวนไป ร่างเล็กหันหลังกลับแล้วเดินตามเข้าไปยังร้านๆหนึ่ง

     “อ้าว ฮิเดโกะ สวัสดีจ๊ะ” นามิทักทาย ขณะวางข้าวของพะรุงพะรังลงบนเคาน์เตอร์ไม้ อริสาไม่รู้หรอกว่า ผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไร แต่จำได้ว่าเห็นเธอผู้นี้ในหนังสือรุ่นที่ยูทากะเคยให้ดู

     “สวัสดีจ๊ะ” เธอยิ้มแห้งๆทักกลับ

     “ยูทากะหนะนอนพักอยู่ในห้อง ไม่รู้ตอนนี้ได้สติหรือยัง”

     “ยูทากะเป็นอะไรหรอค่ะ!!??”

     “ตอนเช้าคุณลุงไดกิพาหลานสาวที่โดนงูกัดมารักษา ยูทากะเลยช่วยปฐมพยาบาลให้ พอดีผิดวิธีไปหน่อย เลยหมดสติไป แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ สามีฉันหนะจะดูแลเป็นอย่างดี นี่ถึงกับจะมานอนเฝ้าเลยหละ ฉันเลยไปหาซื้ออาหารเย็นมาเตรียมไว้ให้” เภสัชกรสาวอธิบาย

     “ฮิมาวาริ!! ฮิมาวาริโดนงูกัดหรอ!!??”

     “ใช่จ๊ะ แต่ตอนนี้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองแล้ว อาการยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอกจ๊ะ ต้องยกให้เป็นผลงานของยูทากะเลยนะเนี่ย ฮิเดโกะจะเข้าไปเยี่ยมเขาหน่อยไหมหละ” นามิถามอริสาพยักหน้าเบาๆ ก่อนเดินตรงไปยังห้องพักผู้ป่วย มือเรียวเลื่อนประตูบานหนึ่งเปิดออก เห็นยูทากะในชุดผู้ป่วยเป็นยูกาตะสีฟ้า นอนหลับอยู่บนที่นอนริมขวามือ เธอจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ ก่อนดึงผ้าห่มที่คลุ่มร่างชายหนุ่มแค่ช่วงเอว ให้ขึ้นมาคลุมถึงอก

     “ยูทากะ” เธอเรียกเบาๆ แต่เขาก็ยังนอนนิ่งไม่กระดุกกระดิก อริสาคิดว่าควรให้ยูทากะพักผ่อนดีกว่า ขณะกำลังจะลุกขึ้น ชายหนุ่มก็คว้ามือเธอไว้

     “ฮิเดโกะจัง” เขาเรียกเสียงแผ่ว

     “อ้าวยูทากะ ฟื้นแล้วหรอ”

     “ขอน้ำให้ฉันหน่อยสิ” ยูทากะพูดจบก็ไอแห้งๆ

     “ได้สิ อ่ะนี่ค่อยๆดื่มนะ” อริสาหยิบแก้วน้ำที่อยู่ใกล้ๆนั้น มาป้อนคนป่วยมืออีกข้างช่วยประคองร่างของเขาให้ลุกขึ้นนั่ง

     “พอแล้วหละ” ยูทากะบอกหลังจากดื่มน้ำอย่างหิวกระหายเสร็จ หญิงสาวจึงวางแก้วเก็บไว้ที่เดิม จังหวะนั้นเองที่เธอไม่ทันระวัง ยูทากะยื่นจมูกโด่งโค้งมาจรดแก้มเธอ ขโมยหอมไปฟอดใหญ่

     “ว๊าย!!!!!” ด้วยความตกใจอริสาผลักร่างชายหนุ่มเต็มแรงจนหงายลงไปนอนหัวกระแทกพื้นอย่างจัง

     “โอ๊ย!!! ฉันป่วยอยู่นะ ฮิเดโกะจัง” ยูทากะร้องใหญ่

     “ช่วยไม่ได้นี่นา นายอยากมาทำรุ่มร่ามกับฉันก่อนนี่” เธอส่งค้อนให้วงใหญ่ แต่ก็อมยิ้มบางด้วยความเขิน

     “ใจร้ายจัง ฉันก็แค่อยากได้กำลังใจบ้างหนะ” เขาพูดพร้อมส่งแววตาออดอ้อนให้ ก่อนเอื้อมมากุมมือเธอไว้ อริสาไม่ได้ต่อว่าอะไร สีหน้าดุเมื่อครู่กลายลงไป

     “ฮิเดโกะจัง ฉันรบกวนอะไรเธอสักอย่างจะได้ไหม” ยูทากะถามขึ้น

     “อะไรหรอ”

     “ตอนนี้ฉันรู้สึกเพลียมากๆเลย หมอแฮรี่ไม่ยอมให้ฉันกลับบ้านแน่ แต่ว่าแม่ฉันหนะ....”

     “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ ระหว่างที่นายพักฟื้นอยู่ ฉันจะดูแลแม่ของนายให้เอง” อริสาอาสาอย่างเต็มใจ

     “ขอบใจมากๆเลยนะ ส่วนเรื่องที่แม่ฉันป่วยหนะ ขอให้เก็บเป็นความลับได้ไหม” ยูทากะไม่อยากให้ใครรู้ว่าแม่ของเขาตกอยู่ในสภาพย่ำแย่แบบนั้น

     “อืม ได้สิ” หญิงสาวรับคำ สบตาเขาอย่างเห็นอกเห็นใจ จู่ๆเสียงประตูเลื่อนเปิดก็ดังขึ้น ทำลายบรรยากาศที่กำลังละมุนใจ

     “ขอโทษนะจ๊ะที่ขัดจังหวะ เห็นฮิเดโกะมาพอดี ช่วยเป็นพยาบาลเช็ดตัวคนไข้ให้หน่อยนะ ฉันต้องเตรียมอาหารเย็นให้คุณสามี และยูทากะหนะ รบกวนด้วยนะจ๊ะ” นามิวางถังไม้เล็กๆ ที่ใส่น้ำอุ่นไว้ พร้อมผ้าขนหนูสีขาว และชุดยูกาตะสีฟ้าชุดใหม่ไว้ข้างๆกัน แล้วกลับออกไปอย่างรีบร้อน ปล่อยให้อริสานั่งหน้าเหวอ งงกับหน้าที่ใหม่ที่พึ่งได้รับมอบหมาย เธอเลื่อนถังน้ำเข้ามาใกล้ๆ ก่อนจุมผ้าขนหนูชุบน้ำ บิดหมาดๆ แล้วหันมาเห็นคนป่วยนั่งยิ้มให้ จึงเอื้อมไปเช็ดหน้าให้อย่างลวกๆ

     “โอ๊ย เบาๆหน่อยสิ คุณพยาบาล” ยูทากะพูดแซวคนรัก ที่ดูท่าจะเขินมาก ถึงรีบๆเช็ดโดยไม่มอง เธอหันกลับมาชุบน้ำอีกที พอหันกลับไปก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังถอดชุดช่วงบนออก เผยให้เห็นอกและไหล่กว้าง

     “นะนะนายจะทำอะไรหนะ!!!???” อริสาร้องถาม

     “อ้าว ก็เธอจะเช็ดตัวไม่ใช่หรอ ฉันก็ต้องถอดชุดออกสิ”

     “ตะตะแต่...มันโป้นะ” อริสาก้มหน้างุด ช้อนตาชำเลืองมองชายหนุ่มอย่างเคอะเขิน แก้มแดงเรื่อร้อนผ่าวอย่างไม่สามารถควบคุมได้ ยูทากะได้ยินดังนั้นก็หัวเราะชอบใจใหญ่

     “ไม่เป็ไรหรอก เธอเช็ดแค่ท่อนบน เดี๋ยวท่อนล่างฉันจัดการเอง”

     “อืม” คนหน้าแดงพยักหน้าน้อยๆ แล้วเข้ามาเช็ดตัวคนป่วยอย่างกล้าๆ กลัวๆ ชายหนุ่มเห็นท่าทางของคนรักแบบนั้นก็เอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ จนเจ้าตัวเงยหน้าขึ้นมาเห็น

     “ยิ้มอะไรของนาย”

     “เปล่าสักหน่อย”

     “ยังจะมาเปล่าอีก  ก็เห็นอยู่ว่ายิ้มหนะ” อริสาถามเสียงดุ แต่แก้มแดงไปถึงหู เมื่อเห็นเขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้จึงหยิกเข้าที่ต้นแขนแน่นๆของยูทากะอย่างแรง

     “โอ๊ย เจ็บนะ คุณพยาบาลอย่าทำร้ายคนป่วยสิครับ” เขาทำเสียงออดอ้อน อริสาเม้มปากปิดบังรอยยิ้มเขิน รีบๆเช็ดแผ่นอก แผ่นหลัง และแขนทั้งสองข้างอย่างไม่ปราณีต

     “อ่ะ เสร็จแล้ว ที่เหลือก็จัดเองแล้วกันนะ” เธอเอาผ้าขนหนูชุบน้ำปิดหมาดๆ ส่งให้ยูทากะ ก่อนจะขยับตัวนั่งหันหลังให้เขา คนป่วยเอาผ้าห่มออก แล้วคลายผ้าคาดเอว ถอดชุดยูกาตะที่หุ้มร่างกายเพียงครึ่งท่อนล่างออก จัดการเช็ดตัวเองเสร็จเรียบร้อย ก็พาดผ้าขนหนูไว้ที่ขอบถังไม้

     “ฮิเดโกะจังส่งชุดใหม่ให้ฉันหน่อยสิ”  

     “อะอ่อ ได้สิ อ่ะนี่” พูดแล้วก็ส่งให้โดยไม่หันไปมอง ยามเย็นเช่นนี้อากาศไม่ได้ร้อนมากเท่าตอนกลางวัน แต่เธอกลับรู้สึกเหมือนกระแสความร้อนไหลเวียนไปทั่วตัว เม็ดเหงื่อใสๆผุดขึ้นมาเกาะทั่วบริเวณไรผม แล้วยูทากะก็เกิดอยากจะแกล้งคนรักขึ้นมา

     “นี่ส่งมาใกล้กว่านี้อีกหน่อยสิ ฉันเอื้อมไม่ถึงหนะ”

     “อ่ะ รับไปสินี่ฉันเอื้อมสุดๆแล้วนะ” อริสาส่งแขนมาทางด้านหลังแบบสุดตัว แต่หันหน้าไปทางตรงกันข้าม

     “อีกนิดนึงได้ไหม” จริงๆเป็นระยะที่ยูทากะสามารถเอื้อมถึง แต่แกล้งคนรักแบบนี้ตลกดี เขาเลยแกล้งต่อ พยาบาลจำเป็นเลยต้องจำใจต้องเอี้ยวตัวหันไปเล็กน้อย มือข้างหนึ่งส่งชุดให้ อีกข้างหนึ่งปิดตาไว้มิด ยูทากะเห็นอย่างนั้นก็อดขำไม่ได้

     “รับไปสักทีสิยูทากะ หัวเราะอยู่นั่นแหละ” อริสาเสียงเริ่มฉุน เขาเลยคิดว่าควรพอแค่นี้ พอยูทากะรับชุดไป เธอก็รีบหันกลับมา หายใจเข้าลึกๆ แล้วผ่อนออกอย่างแรง สักพักคนป่วยก็จัดแจงแต่งตัวเสร็จ

     “เสร็จแล้วหละ หันมาเถอะ” อริสาหันมาตามเสียงเรียก หน้าแดงแจ๋ แก้มร้อนผ่าวเมื่อสักครู่ยังไม่หายไป

     “หนิ เหมือนฉันทำเองทุกอย่างเลยนะคุณพยาบาล” ยูทากะแซว ขณะพับชุดยูกาตะตัวเก่าแล้ววางไว้ข้างๆถังน้ำ

     “อะไรเล่า” พยาบาลจำเป็นหน้ามุ่ยใหญ่  อีกครั้งที่เสียงเลื่อนเปิดประตูดังขึ้นทำลายบรรยากาศ

     “อาหารเย็นสำหรับคนป่วยมาแล้วจ๊ะ อ่ะฮิเดโกะ” นามิส่งถาดที่มีถ้วยข้าวต้ม น้ำเปล่า และยาในถ้วยแก้วเล็กๆ ให้อริสา  ก่อนนั่งลงใกล้ๆ พยาบาลหน้าใหม่รับมาก็วางไว้ข้างๆ ตัว ก่อนหันมาเห็นยูทากะนั่งมองตาปริบๆ

     “ดูท่าทางยูทากะจะหิวแล้วนะ” นามิพูดขึ้น อริสายิ้มแห้งๆ ให้ว่าที่คุณแม่ แล้วยกถ้วยข้าวต้มขึ้นมาตักป้อนคนป่วยที่แสร้งทำหน้าตาอ่อนแอ เธอส่งกระแสอํามหิตผ่านแววตาดุใส่ยูทากะ แต่เขาไม่ได้มีทีท่าเกรงกลัว เพราะถือว่าตัวเองป่วยอยู่ อริสาคิดในใจว่าถ้าเขาไม่ได้ป่วยต้องโดนดีแน่ๆ

     “น่ารังจังเลยนะคู่นี้ เมื่อไหร่จะมีข่าวดีสักทีหละจ๊ะ” ว่าที่คุณแม่ถามขึ้น ทำเอาทั้งคู่ชะงัก

     “อ๋อ เรื่องนั้นหนะ ฉันก็กำลังคิดๆอยู่เหมือนกัน” ยูทากะตอบแบ่งรับแบ่งสู้ ตัวเขาเองยังไม่ค่อยมั่นใจ เพราะผู้เป็นแม่ยังป่วยอยู่ ถ้าขอคนรักแต่งงานตอนนี้ ก็เหมือนกับว่าจะหาคนไปดูแลแม่ตัวเอง ซึ่งแบบนั้นมันดูเห็นแก่ตัวเกินไป

     “จริงหรอ ฉันหนะรอฟังข่าวดีอยู่นะ รีบๆแต่ง รีบๆมีเจ้าตัวเล็ก จะได้มาเป็นเพื่อนเล่นกัน” นามิพูดพรางลูบท้องตัวเองอย่างทะนุถนอม ยูทากะก็ได้แต่ยิ้มน้อยๆ ส่งให้

     “ถ้าอย่างนั้นฉันไม่รบกวนเวลาพวกเธอสองคนแล้วนะ ขอตัวไปเสริฟอาหารให้สามีที่ห้องตรวจก่อนนะจ๊ะ” พอพูดจบก็คว้าเอาถังน้ำและชุดผู้ป่วยตัวเก่าออกไปด้วย อริสาหันกลับมาป้อนข้าวต้มต่อ เธอไม่สบตาชายหนุ่มตรงหน้าเลยสักนิด พอพูดถึงเรื่องข่าวดี อริสาก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับเคนอิจิ หลายวันมานี้มีแต่เรื่องยุ่งๆ จนเธอลืมเรื่องนี้ไปเลย เธอติดอยู่ในอดีต 69 ปีก่อนหน้าปัจจุบัน จะกลับไปยังไงก็ยังไม่รู้ แล้วจู่ๆ ก็มีผู้ชายอีกคนที่อ้างว่าเป็นคนรักของเธอ ที่รักและผูกพันกันมานาน ก็กำลังคิดเรื่องแต่งงานกับเธอเหมือนกัน และที่สำคัญเขาทำให้หัวใจเธอปั่นป่วนอย่างบอกไม่ถูก ถ้าเธอแต่งงานกับเขา...แล้วเคนอิจิหละ...

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา