กับดัก เด็กบ้านนอก

8.0

เขียนโดย Zitraphat

วันที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557 เวลา 19.42 น.

  4 บท
  4 วิจารณ์
  9,072 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 17.52 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ ๑ ฝนหอบฟ้า..

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ..ไอดินฟุ้งกระจายในตอนที่สายลมพัดพาเอาเมฆฝนที่ตั้งเค้ามาแต่ไกลให้รวมกลุ่มเสียเขียวคลึ้ม..

           ไอ้เปลวเกือบจะปิดประตูไม้บานหนาเตรียมตัวเข้านอนแต่หัววัน  ถ้าลมแรงมันไม่พัดเสียจนหน้าต่างกระแทกเปิดเสียงดังโครมคราม สาวเท้าก้าวไปหวังจะปิดหน้าต่าง แต่ไอ้เปลวต้องชะงักค้างเพราะ เสียงเรียกจากเรือพายลำน้อย.. เผลอชะโงกหน้าไปมอง ก็เห็นเรือลำเล็กของผู้ใหญ่ตี๋ ที่คนพายพายโคลงไปมาเหมือนจะกึ่มๆ เมา เรือลำร้อยคัดพายมาเทียบท่าผู้ใหญ่แกวางพายแล้วขวักมือเรียกให้ไอ้เปลวเข้ามาช่วยดึงเรือ ไอ้เปลวดึงเรือผู้ใหญ่เข้าเทียบท่าได้แกก็วักน้ำล้างหน้าล้างตาเอื้อมมือไป หยิบเชือกเรือมาผูกกับเสา ก่อนจะดึงข้อมือร่างที่นอนนิ่งในลำเรือขึ้นมาส่งให้ไอ้เปลว

“ฝากเรือหน่อย..เออ..ฝากคนด้วยนะไอ้เปลว ...ข้าไปล่ะ..”

ผู้ใหญ่ ตี๋แกพูดง่ายๆ แล้วถีบหัวเรือก้าวขึ้นท่าไปซะอย่างนั้น ทิ้งให้ไอ้เปลวต้องหันกลับไปมองไล่ตั้งแต่ข้อมือกลมจนไปถึงร่างไร้สติที่ ต้องพยุงดึง

“..เพื่อนไอ้ไผ่ลูกชายลุง..มาจากกรุงเทพฯ ไอ้ไผ่มันไปงานศพกับแม่เพ็ญ เลยฝากเพื่อนมันไว้  อยู่กันสองคนไม่มีอะไรทำลุงเลยพาไอ้หนุ่มมันไปดวนเหล้าโรงร้านเจ๊กเฮง ..แล้วก็อย่างที่เห็น..คนหนุ่มมันเมาเป็นหมาหอบแดดหลับลึกไปแล้ว ..”

“แล้วผู้ใหญ่จะเอายังไง?”

ไอ้เปลวดึงข้อมือร่างอ่อนให้ลุก ร่างโปร่งยืนโงนเงนกลัวเรือลำเล็กจะเอียงล่มไอ้เปลวเลยฉุดข้อมือพร้อมคล้อง แขนเข้าที่เอวคนเมาแล้วดึงร่างในเรือลำนั้นมาแปะพักไว้ที่แผงอก

“ข้า..ไม่ เอา...ฝากมึงเอาแล้วกัน ..ฝนตั้งท่าจะตกแล้วด้วย ข้ากลับก่อนแม่เพ็ญจะมาเพ่นกระบาลดีกว่า..ฝากไอ้หนุ่มมันหน่อย พรุ่งนี้สายๆ ข้าค่อยให้ไอ้ไผ่มันมารับ ”

ผู้ใหญ่ตี๋แกพูดแค่นั้น ก่อนจะเดินเซถลาแซดๆๆ แล้วหายลับไปทางปลายสวนมะพร้าว

 

...มาเร็วไปเร็วเสียจนไอ้เปลวตามไม่ทัน ใช่...ไม่ทันจะอ้าปากปฎิเสธด้วยซ้ำในตอนที่ผู้ใหญ่ตี๋เดินดุ่มๆ หายลับไปจากสายตา..จนเม็ดฝนเม็ดใหญ่หล่นโดนหน้า ไอ้เปลวถึงได้รู้สึกตัวว่า มีหนุ่มเมืองกรุงตัวไม่ใช่เล็กยืนเอนซุกหน้าซบอยู่กับแผงอกที่หัวใจเต้น ระส่ำ..

ไอ้เปลวโอบเอวลากคนเมามาโยนลงบนที่นอนผ้า เดินไปเปิดหน้าต่างชะโงกหน้าดูฝนฟ้า ดูท่าว่าคืนนี้ฝนคงจะตกทั้งคืน ปิดหน้าต่าง แล้วจุดยากันยุงเมื่อหันไปเห็นคนเมานอนปัดป่ายมือไปมาที่เขาว่าคนกรุงเนื้อ หอมท่าจะจริง ..ไอ้เปลวยกยิ้มแล้วก้มลงไปถอดรองเท้าผ้าใบที่คาดว่าราคาน่าจะแพง ..ถอดจากเท้าคนกรุงแล้ววางไว้ใต้เตียงนอน แปลกใจอยู่บ้างที่เท้าทั้งสองข้างของคนหลับมันไม่ได้หยาบกร้านเหมือนของตัวเอง  ถ้าเทียบกันดีไม่ดี เท้านิ่มสองข้างนั้นมันนิ่มกว่ามือใหญ่หยาบกระด้างทั้งสองของเขาเสียอีก... เม็ด ฝนหล่นกระทบหลังคาเสียงดัง ไอ้เปลวจัดที่จัดทาง จัดท่านอนของคนเมาแล้วเอื้อมมือไปดึงมุ้งผ้าที่พับตลบให้ลงมาคลี่คลุมที่นอน ไล่ยุงไล่แมลง แล้วกันมุ้ง กันของมุ้งยัดใส่ใต้ชายเตียง... พนมมือก้มกราบหมอนก่อนจะล้มตัวลงนอนฟังเสียงฟ้าเสียงฝนที่กระหน่ำลงมาอย่าง ไม่ลืมหูลืมตา... .. เสียงโทรศัพท์ที่ดังอย่างถือวิสาสะ ถูกคนขี้เซาตะปบมือล้วงออกมาจากกระเป๋ากางเกง แสงไฟจากหน้าจอแทรกเสียดบาดตา เมื่อบรรยากาศรอบข้างมันมืดมิด นายกระปุ๊ก หรือคุณปุ๊ก ของคุณนายแม่ หรี่ตามองชื่อบนหน้าจอ พอเห็นว่าเป้นชื่อของคนที่ไม่อยากเจอหน้า แค่นั้นอารมณ์ร้อนมันก็สั่งสมองให้ปาโทรศัพท์ทิ้งอย่างไม่ใยดี ..สะลึมสะลือ ทั้งง่วง ทั้งหนาว ทั้งอารมณ์เสีย  และเหมือนว่าปาไปไม่ได้ไกล เมื่อโทรศัพท์เครื่องนั้นเหมือนจะติดมุ้งที่กั้นไว้ไปหล่นอยู่ขอบเตียง.. มันยังสั่นและดังอยู่ชั่วครู่  ก่อนคุณปุ๊กจะตะกายตัวข้ามร่างหนาที่นอนขวางไปเอื้อมหยิบโทรศัพท์เครื่อง นั้นแล้วกดรับสาย พร้อมตะคอกใส่ไปอย่างไร้สติ

“fucking time ,Bitch!!”   

ตะคอก ใส่ไปทุกอย่าง สิ้นเรี่ยวแรงและความเข้มแข็ง สุดท้ายแสงไฟมันก็ดับลงพร้อมกับหยดน้ำตาที่หล่นร่วง คุณปุ๊กค่อยๆ ทรุดตัวนอนแนบลงบนแผ่นอกกว้าง เสียงหัวใจและเสียงหายใจยังคงกระเพื่อมไหว ..ไม่ได้ใส่ใจ เพราะคนเมาอย่างคุณปุ๊กเผลอคิดไปว่านี้คงเป็นหนึ่งในคุ่ขาที่พามาขึ้นเตียง เพื่อที่จะทำให้ลืมเรื่องไร้สาระของใครบางคน..

.

.

.

.. อากาศ เย็นและชื้น ..คุณปุ๊กนอนนิ่งพร้อมสูดหายใจเข้าปอดช้าๆ กลิ่นหญ้ากลิ่นไอดิน กลิ่นฝน..กลิ่นมันเย็นฉ่ำปอด เย็นสดชื้นและหอมเสียยิ่งกว่าน้ำหอมปรับอากาศในห้องแอร์ คุณปุ๊กสะดุ้งเล็กน้อยตอนที่ฝ่ามือใหญ่เจ้าของแผงอกลูบหัวคุณปุ๊กเบาๆ คล้ายกล่อมให้นอน...รอบข้างมืดไปหมด มืดจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร  มันเป็นความมืดที่ยากจะอธิบายกับคนที่เคยเผชิญแต่กับความมืดของเมืองกรุง .. เพราะมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน..มืดมิดแต่อบอุ่น ..คุณปุ๊กเลื่อนตัวไปโอบคล้องมือรอบลำคอหนา แล้วซุกหน้าฝังจมูกลงกับแผ่นอกอุ่นๆ ...อุ่นจะทำให้เผลอหลับลงไปอีกครั้ง..

 

***

.. เสียงแสบสันต์ เมื่อนกกางเขนแผดร้องส่งทำนองเสียงปลุกที่ขอบหน้าต่าง ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่ดังเท่านาฬิกาปลุกที่คุณปุ๊กเคยใช้ ..แต่เสียอย่างไรนกน้อยก็ยังมีความพยายามมากกว่านาฬิกาไร้จิตวิญญาณที่ได้ แต่ดังตามหน้าที่ ที่ระบบตั้งค่าขึ้นมา นกกางเขนใจกล้าโผบินมากระดกหางแผดเสียงริมขอบมุ้ง

..คุณปุ๊กสะดุ้งรำคาญตัวกวนเสียจนต้องขดตัวซุกหน้าหนีเข้าแผงอกไอ้เปลว..

ยามเช้าแสนหนาวซ้ำยังน่ารำคาญหู คุณปุ๊กซุกตัวหาไออุ่นอย่างเชื่องช้า สองขาค่อยๆ สอดก่ายแล้วแทรกไซ้เข้าหว่างขาใหญ่ของคนนอนข้างๆ สองแขนโอบรอบเอวหนาแล้วเบียดตัวเข้าหาแน่นแนบ จนคนที่นอนอยู่ด้วยกันเผลอกอดรัดตามด้วยวงแขนใหญ่ เหมือนโดนงูเหลือมป่ารัดเข้ากับเอว คุณปุ๊กอึดอัดจนต้องพลิกตัวหนี และสุดท้ายมันกลับกลายเป็นว่า ไอ้เปลวนอนซ้อนและโอบเอวคุณปุ๊กไว้ไม่ต่างจากนอนกอดหมอนข้าง ปลายจมูกเย็นของไอ้เปลวซุกฝังอยู่บนหลังลำคออุ่น ของคุณปุ๊ก มือใหญ่ข้างหนึ่งสอดโอบเอวคุณปุ๊ก ในขณะที่อีกข้างล้วงลากมือกร้านไล้ผ่านตามผิวเนียนๆ เสียงครางของ คุณปุ๊ก ถูกส่งออกมาอย่างไร้สติ เมื่อมือหยาบลากผ่านแล้วลูบวน.. วนไล้และลูบลาก สัมผัสหยาบๆ มันกระทบผิว...แข็งกระด้างแต่ก็อบอุ่น  คุณปุ๊กเอียงคอให้จมูกคมฝังซุกลงมาได้ถนัด จนไอ้เปลวที่ไร้สติไม่ต่างกันแทบอยากจะฟัดคมเขี้ยวเข้ากับลำคอเนียนๆ..

.

.

.

.. ท้องฟ้ายังคงคลึ้ม เมื่อกลุ่มฝนมีแต่จะเพิ่มขึ้นพร้อมลงเม็ดหนา กลุ่มเมฆสีดำบังแสงฟ้าไว้จนหมดหนทาง..นกกางเขนตัวน้อยไร้ความพยายามที่จะ ปลุกเจ้าของบ้าน เมื่ออากาศมันเหมือนม่านหมอกที่ดึงให้ทั้งสองร่างยิ่งเข้ามาใกล้กัน  เหล้าโรงของเจ๊กเฮงมันยังมอมเมาได้ไม่เท่าผิวสัมผัสของมือหยาบที่ทั้งล้วง ทั้งลากแล้วลูบวน ..คุณปุ๊กเคลิ้มไปกับสัมผัสนั้น สัมผัสที่รุ้สึกได้เลยว่ามันไม่ใช่แค่ความกำหนัดและความใคร่..เมื่อสัมผัส หยาบนั้นมันทั้งใส่ใจและถนุถนอม..

สัมผัสปานยักษ์ปักหลั่นบรรจงจับประคองแก้วเคลือบล้ำค่า..แล้วกลัวว่ามือหยาบจะทำมันภินท์พังคามือ..

..ผ่านมาเกือบสาย แต่ดวงตะวันยังไม่โงพ้นกลุ่มเมฆ ไอ้เปลวลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งนานแล้วแต่ไม่กล้าขยับตัว  ดวงตาคมลึกได้แต่นอนมองนอนจ้องใบหน้าคนขี้เซา วงแขนใหญ่ยังคงโอบคล้องตะคองกอดเอวอีกคนไว้หลวมๆ ลมหายใจร้อนอุ่นรดปลายจมูก..ยิ่งมองแล้วบอกไม่ถูกกับความรู้สึกหวงแหนที่ก่อตัวขึ้นกะทันหันทำเอาไอ้เปลวแทบไม่กล้าขยับเพราะ กลัวว่าตอนนี้จะเพียงแค่ฝันไป..หนุ่มโสดอย่างไอ้เปลวไม่รุ้จะเรียกความรุ้ สึกนี้ว่ายังไง ?

ไม่รู้ว่ามันจะเหมือนกับผัวหนุ่มเมียสาวอย่างที่ใครเขาเคยว่าเคยแซวกันหรือเปล่า เพราะนอกจากหวงแล้วไอ้เปลวยังห่วงกลัวว่าคนในอ้อมกอดจะหนาวจนต้องกระชับกอด ให้ยิ่งแน่น..

ไอ้เปลวง่วง..ง่วงแต่ไม่อยากหลับตาไอ้เปลวกลัวเหลือเกินว่าถ้าลืมตาขึ้นมาคนที่นอนกอดอยู่ตรงหน้าจะหายไป.. ฝืน จนได้เรื่องจู่ๆ ความง่วงก็จุ่โจมบุกกระชากเปลือกตาไอ้เปลวให้ลงมาจนจวนจะหลับเหล่ไม่หลับเหล่  จนหนังตาเกือบปรือปิด ไอ้เปลวถึงได้กระตุกมือตัวเองมาตบเข้าหน้าฉาดใหญ่!

..ทำโดยไม่คิดเลยว่าเสียงเพี้ยะ ดังข้างหูมันจะปลุกคนขี้เซาที่กำลังหลับให้ลืมตา.. ไอ้เปลวถึงกับตา สว่างสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตรงหน้าค่อยๆ เปิดเปลือกตาแล้วจ้องมอง ดวงตากลมเป็นสีแปลกมันไม่ได้เป็นสีดำแต่เป็นสีน้ำตาลเจือเขียว ดวงตาคู่นั้นเปิดขึ้นแล้วปิดลง สักพักกว่ามันจะเปิดขึ้นมาใหม่ พร้อมๆ กับความอุ่นของริมฝีปากที่แนบทาบลงมาบนปลายจมูกไอ้เปลว .. หัวใจหนุ่มโสดเต้นระส่ำแต่กระนั้นมันก็ยังไม่กล้าหลับตา ไอ้เปลวกลั้นใจ ดวงตาคมลึกเบิกโพลงในขณะที่หัวใจเต้นแรง ริมฝีปากอุ่นมันก็เลื่อนลงมาประกบเบาๆ ที่ริมฝีปากของตัวเอง.. เพิ่งเคยครั้งแรกกับไอ้อะไรที่ใครต่างเรียกมันว่า ‘จูบ ..’ มือ นิ่มๆ เอื้อมมาลูบแก้มที่สากเพราะหนวดเครา ลูบเบาๆ แต่อ่อนโยนจนไอ้เปลวเคลิ้มหลงซบหน้าลงไปกับฝ่ามือ ริมฝีปากบรรจงแนบชิดแล้วถูกรุกไล่ด้วยปลายลิ้นจากอีกคนที่โอบกอด สองขากอดก่ายแล้วเสือกใสให้ถูเสียดสัมผัสกันตามแรงอารมณ์ ..หัวใจไอ้เปลวแปลกไปเหมือนมันจะเต้นจนกระเด็นกระดอนออกมานอกอกทั้งๆที่ ไอ้เปลวขืนตัวกลั้นหายใจระงับอาการไว้จนใกล้จะหมดลม ริมฝีปากนิ่มอุ่นที่แทรกเข้ามายังมีรสชาติขมๆ ของเหล้าโรงติดมาจากปลายลิ้น ไอ้เปลวปล่อยตัวปล่อยใจให้ไหลไปตามแรงปรารถนา จากไม่ประสีประสาไอ้เปลวก็กล้าที่จะดูดดุนเรียวลิ้นนิ่ม..ทุกอย่างเป็นไปตาม สันชาตญาณเป้นไปอย่างนั้นทั้งๆ ที่ๆ ไอ้เปลวไม่เคยมีครูคนไหนมาเสี้ยมสอน..

“Don't leave me alone.. ”

เสียงพร่าๆ ดังออกมาหลังจากจูบที่วาบหวาน ไอ้เปลวไม่รู้หรอกว่าภาษาประกิตที่คนในอ้อมแขนถามมัน เขาถามว่าอะไร สิ่งเดียวที่อยู่ในหัวพาให้ปากพูดตอบไปอย่างไม่ต้องคิด..ตามที่ความรู้ที่ เรียนอยู่แค่ ม.3

“Ya..YES…”

เพียงแค่เสียงกระซิบตอบที่เบา แสนเบา.. แต่ผลลัพธ์มันกลับคุ้มค่า ไอ้เปลวสุขใจเหลือล้นเมื่อเห็นคนเบื้องหน้ายิ้มแล้วหลับตาลง..วงแขนที่โอบ รอบลำคอไอ้เปลวกระชับแน่นขึ้นอีก เมื่อปลายจมูกเย็นซุกลงบนซอกคอแล้วจมลงนิทรา..

.

.

.

 

..ไอ้เปลวยิ้มกว้างตามแล้วหลับตา..ในใจเพียงคิดว่า ขอให้ฝนยังคงตกอยู่จนมันตื่น...แล้วลืมตามาพบคนข้างๆ อีกครั้ง..      

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา