Darksiders :The Chaos Word

7.2

เขียนโดย ไีรโฮ

วันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.44 น.

  7 ตอน
  2 วิจารณ์
  10.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Day 3 Mission 10 CrowSilver

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เปรี้ยง!! โครวซิลเวอร์ปล่อยฟ้าผ่าใส่วายุ แต่วายุกระโดดหลบออกจากบริเวณได้ทันแล้วยิงคาออสกันสวนไป เป้ง! โครวซิลเวอร์มีบาเรียเวทย์กันกระสุนตลอดเวลา

‘บ้าจริง กระสุนเราเจาะบาเรียมันไม่ได้เลย!!’

ทันใดนั้นโครวซิลเวอร์ก็พุ่งเข้าหาวายุอย่างรวดเร็วพร้อมฟาดดาบทั้งสองเล่มใส่วายุทันที  วายุหลบคมดาบได้ทันแต่ผ้าคลุ่มถูกดาบสองเล่มตัดขาดออก   วายุหันฟาดอมาเกดอนเบลดใส่ทันที แต่โครวซิลเวอร์ก็ใช้ดาบทั้งสองเล่มรับอมาเกดอนเบลดไว้ได้

“ผู้สืบทอดพลังของวอร์ จงมาเป็นพวกของเราซะ”โครวซิลเวอร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หึ  ชักชวนเข้ากลุ่มง่ายไปมั้ง”วายุยกขาขึ้นแล้วถีบโครวซิลเวอร์ทันที

โครวซิลเวอร์กระเด็นออกไปเล็กน้อยแต่ไม่มีท่าทีจะแสดงอาการเจ็บหรือจุกเลยสักนิด ทันใดโครวซิลเวอร์ก็ฟาดคลื่นพลังจากดาบสองเล่มใส่วายุอย่างรวดเร็ว   วายุหลบคลื่งพลังที่ถูกฟาดมาได้ทัน

“แฮ่กๆ”วายุหอบขึ้นคอ

“ถ้าไม่ยอมมาเป็นฝ่ายเดียวกันก็เตรียมตัวตายได้แล้ว”

โครวซิลเวอร์ใช้ดาบสองเล่มประสานกันแล้วฟ้าก็ผ่าลงใส่ดาบทั้งสองเล่ม ดาบทั้งสองเล่มเปี่ยมไปด้วยพลังสายฟ้าอย่างมากแล้วโครวซิลเวอร์ก็ตั้งท่าพร้อมจะฟาดพลังใส่วายุ

“ฮ่าๆๆ”วายุหัวเราะออกมา

“มีอะไรน่าขำงั้นเหรอ”

“ฮ่าๆ เธอลืมไอ้นี้ไปแล้วเหรอ”

ทันใดนั้นวายุก็ปล่อยพลังวิญญาญสีดำออกมาแล้วรวมกันที่หน้าของวายุกลายเป็นหน้ากากสีดำ แล้วดวงตาของวายุก็ลุกเป็นไฟ

“อึก! แมสออฟชาโดว!!”โครวซิลเวอร์แสดงท่าทีตกใจออกมาเล็กน้อย

โครวซิลเวอร์ฟาดพลังสายฟ้าออกจากดาบทั้งสองข้างด้วยพลังมหาศาล แต่พลังก็พุ่งผ่านตัววายุไปเฉยๆโดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น วายุฟาดพลังออกจากอมาเกดอนเบลดเข้าใส่โครวซิลเวอร์ทันที เป้ง! บาเรียเวทย์ของโครวซิลเวอร์แตกทันทีที่สัมผัสกับพลังที่วายุฟาดมา

‘เพราะพลังของหน้ากากของเงา เลยทำให้บวกกลายเป็นลบ ลบกลายเป็นบวก!!! พลังมหาศาลของเราเลยไม่มีผลกับมัน แต่พลังเล็กๆของมันทำบาเรียเวทย์เราแตกได้!!!’โครวซิลเวอร์แสดงท่าทีตกใจออกมาได้อย่างเห็นได้ชัด

“ตราบใดที่เธอยังไม่ยอมทำตามกฎของแมสออฟชาโดว เธอก็เอาชนะฉันไม่ได้แน่”

“ชิ!!!!!!”

เปรี้ยง!! ฟ้าผ่าลงมาที่ตัวโครวซิลเวอร์แล้วโครวซิลเวอร์ก็หายไปพร้อมกับฟ้าผ่า  วายุสลายหน้ากากไปแล้วเดินค่อยๆเดินออกจากป่าเพื่อที่จะเดินกลับไปยังที่พัก

‘น่ากลัวใช้เล่น โครวซิลเวอร์’

ขณะนั้นเองวายุก็สัมผัสได้ถึงบางอย่าง

‘สัมผัสนี้มัน!!!!!’

วายุมองไปรอบๆตัวที่มีป่ารายล้อมอยู่เต็มไปหมด ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงอย่างเห็นได้ชัด

‘หลงป่า!!!!!!’วายุหน้าซีดเผือกทันที

ขณะนั้นเองเวลา 18.30 น. ณ ที่ทานอาหารของรีสอร์ท

‘แปลกจังนี้ก็ใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเย็นแล้วทำไหมยังไม่มาอีกหน่อ’โซม่าที่นั่งยู่โต๊ะริมสุดพูดพลางเคาะนิ้วบนโต๊ะ

โซม่าเหลือบไปนาฬิกา แล้วลุกขึ้นก่อนที่จะเดินออกจากที่ทานอาหารไป มุ่งหน้าไปยังที่พักของวายุ

‘หวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้นน่ะ วายุ’

2 นาทีต่อมา โซม่าเดินเข้าไปในบ้านพักของวายุแล้วตกใจเล็กน้อย

‘รอยพื้นราวเป็นลักษณะดาบแบบนี้’

โซม่าเหลือบไปเห็นกระจกที่แตกออก ก่อนที่จะเดินไปดูหลังบ้านหลังนี้เป็นป่าทึบล้วนและด้วยตอนกลางคืนทำให้ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนมาก โซม่ามองเห็นต้นไม้สองสามต้นที่หักโค่นและรอยไถลพื้น แต่เนื่องจากตอนกลางคืนจึงถูกความมืดกลบรอยไว้

‘วายุ เกิดอะไรขึ้นกับเธอกัน’

โซม่ากระจายพลังออร่าสีม่วงออกมา ขณะนั้นแมงมุมทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณก็ออกมารวมตัวกัน

“ไปตามหาเขาคนนี้ซะ!! ถ้าเจอแล้วรีบนำทางเข้ากลับมาด้วย!!”โซม่าแสดงรูปของวายุที่แอบถ่ายไว้ขึ้นมา

แล้วแมงมุมทั้งหมดก็กระจายตัวออกไปตามหาวายุ ตามคำสั่งของโซม่าทันที

ณ บ้านของลิเวีย

ลิเวียนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยอาการที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาก  กึก  กึก  กึก เสียงฝีเท้าบางอย่างเดินเข้ามาในห้อง

“หลับแล้วงั้นเหรอ น้องข้า”

ร่างนั้นนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆเตียงของลิเวีย ขณะนั้นเองดวงจันทร์ที่เต็มดวงก็ส่องแส่งเข้ามาในห้อง เจ้าของร่างนั้นก็คือ โครวซิลเวอร์ ที่กำลังนั่งดูลิเวียนอนหลับอยู่

“แม้ว่าเจ้าจะเป็นผู้ครอบครองพลังแห่งซาเมล แต่เจ้าก็ยังคือน้องสาวข้า”

“แต่กลับมาตั้งตัวเป็นศัตรูกับพวกของน้องแบบนี้นะเหรอ พี่ค่ะ”ลิเวียพูดขึ้นแล้วค่อยๆลุกขึ้น

“เจ้าก็คงต้องเข้าใจ ว่าหนึ่งในพวกของเจ้าคนที่มีพลังของวอร์ จะนำภัยมาสู้เทือกเขาโอลิมปัสเมื่อข้า สถาปาณาตัวเป็นผู้ครองเทือกเขาโอลิมปัสคนใหม่”

“แต่ที่สิ่งที่พี่ต้องการจะทำหลังจากนั้นต่อไป มันเกินกว่าจะรับได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเขา หรือหนูก็ตาม พี่ค่ะขึ้นเป็นผู้ปกครองโอลิมปัสคนใหม่แล้วอยู่เฉยๆมันจะไม่ดีกว่าเหรอค่ะ”

“หึๆ  คิดที่จะรักษาสมดุลเหมือนเดิมเพื่อไม่ให้เกิดสงครามวันสิ้นโลกสิน่ะ ฟังน่ะน้องพี่ สภาแห่งเพลิงตอนนี้ไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีกแล้ว นี้เป็นโอกาสดีที่พี่จะขึ้นเป็นผู้ปกครองคนใหม่ ทั้งโอลิมปัส และ มิติโลกมนุษย์!”

เพี๊ยะ! ลิเวียตบหน้าโครวซิลเวอร์ไปทีหนึ่ง  โครวซิลเวอร์จับบริเวณแก้มตัวเองที่โดนตบ

“สำหรับหนูในตอนนี้แล้วต่อให้เกิดสงครามวันสิ้นโลกขึ้น มันก็ไม่มีผลกับหนูเพราะหนูคือผู้ครอบครองขุมพลังความรู้แห่งสามมิติ! แต่ว่า! หนูยังไม่เคยลืมว่าตัวหนูเคยเป็นมนุษย์มาก่อน!! และหนูก็ไม่เคยลืมสมัยที่พี่ยังเป็นมนุษย์ ไม่ใช้โครวซิลเวอร์! หนูจึงคิดที่จะปกป้องเหล่าวิญญาญสีขาวที่ชื่อ มนุษย์ และรักษาสมดุลไว้!”

“งั้นเหรอ ยังไม่ยอมละทิ้งความเป็นมนุษย์สิน่ะ งั้นก็ขอให้โชคดีน้องข้า”

แล้วร่างของโครวซิลเวอร์ก็หายไปในลักษณะสลายไปกับสายลม

ด้านวายุ

“เฮ้ย  ทำไหมเราต้องมาหลงกลางป่าแบบนี้ด้วย น่า”วายุพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ

วายุเดินหาทางออกจากป่าไปเรื่อยๆ ขณะนั้นเองวายุก็ยืนสังเกตต้นไม้ต้นหนึ่งที่สูงกว่าต้นอื่นมาก

“อืม ลองขึ้นไปสังเกตจากด้านบนหน่อยละกัน”

วายุดึงพลังออกมาสร้างเป็นโซ่ที่แขนซ้ายแล้วยิงโซ่ขึ้นไปเกาะบนต้นไม้ ก่อนที่จะดึงตัวเองขึ้นไปบนต้นไม้ แล้วใช้ปลายโซ่เกาะต้นไม้ไว้สักพักก่อนที่จะหันออกไปสำรวจบริเวณโดยรอบ

‘เห็นแล้ว  แต่ว่า เรามาไกลขนาดนี้เลยเรอะ!!!!!?’

วายุสังเกตเห็นไฟจากรีสอร์ทอยู่แว่วๆ แต่มีภูเขาขนาดปานกลางกั้นไว้อยู่เล็กน้อย

‘ช่างเถอะ แถวนี้พอที่จะมีบ้านคนอยู่ไหมน่ะจะได้ขอไปพักด้วยสักคืน’

ขณะนั้นวายุก็เหลือบไปเห็นตัวบ้านคฤหาสน์หลังหนึ่ง แต่ไม่มีแสงไฟ วายุปล่อยพลังพอทอลไปเขตบ้านหลังนั้นแล้วปล่อยพลังพอทอลใส่พื้นข้างล่างแล้วกระโดดลงไป วายุทะลุประตูวาปไปโผล่หน้าบ้านคฤหาสน์

หน้าบ้านคถหาสน์

วายุสลายพลังประตูพอทอลไป แล้วค่อยๆเดินขึ้นบันไดสามขั้นไปยังประตูบ้าน

‘เสียดายแฮะ ที่รีสอร์ทอยู่ไกลไปพลังพอทอลไปไม่ถึง แต่อย่างน้อยก็มีที่ให้พักแล้วล่ะ’

ก๊อกๆ ก๊อกๆ วายุเคาะประตู วายุกำลังจะอ้าปากพูดแต่ทันใดประตูก็ถูกเปิดออก แอ๊ด   เสียงสนิมของประตูดังทำให้ฟังดูน่ากลัวแต่เมื่อมองเข้าไปข้างในกลับมืดมิดยิ่งกว่าข้างนอก   วายุค่อยๆเดินเข้าไปในข้างในตัวคฤหาสน์อันมืดมืด แอ๊ด! ปึง! ประตูทั้งสองบานปิดไปเอง

“บ้านร้างเหรอ น่าสนุกดีนิ”วายุดีดนิ้ว

ทันทีที่วายุดีดนิ้วเสร็จแสงสว่างก็จ้าขึ้น ไฟทั้งหมดในบ้านถูกเปิดขึ้นด้วยพลังวิญญาญของวายุที่เข้าไปเปิดไฟให้ทุกจุด ทันทีที่เริ่มมองเห็นวายุก็มองเห็นกองเลือด และรอยเลือดตามพื้น 

“เป็นบ้านที่น่าสนใจดีแฮะ มีอะไรเกิดขึ้นในนี้ล่ะ”

วายุสังเกตไปรอบๆเห็นรอยเลือดที่ลากเข้าไปข้างในตัวคฤหาสน์ ซึ่งเป็นรอยสดๆใหม่ๆ

“โหย!!!!!!! ใครที่อยู่ในบ้านนี้ออกมาแสดงตัวหน่อยสิ!!!!! แขกมาเยี่ยม!”วายุตะโกนออกไป

เสียงของวายุดังก้องในคฤหาสน์  วายุเห็นว่าไม่มีเสียงตอบจึงเดินตามรอยเลือดเข้าไปข้างในตัวคฤหาสน์ขณะที่วายุเดินเข้าไปข้างในก็สังเกตเห็นซากศพมากมายและเลือด บางศพหัวขาดบางศพร่างกายถูกฉีกออกเป็นสองท่อนแต่วายุไม่ได้กลัวกับซากศพ ขณะนั้นเองวายุก็มาหยุดที่ห้องโถงข้างในซึ่งมีสภาพค่อนข้างจะกว้างและหน้าต่างใส มองเห็นพระจันทร์เต็มดวงได้อย่างชัดเจน

“อ่อ ที่แท้คฤหาสน์ก็เป็นของ เคาท์แดรกคูล่าเองเหรอ”วายุสร้างคาออสกันแล้วถือไว้มั่น

“หึๆ ช่างเป็นมนุษย์ที่น่าสนใจจริงๆ ฉันอยากจะดูดเลือดแกแล้วสิ”แดรกคูล่าที่ห้อยหัวจากเพดานด้านหลังวายุเอ่ยขึ้น

“พอดีคืนนี้ฉันหลงทาง ขอพักด้วยสักคืนจะได้ไหม”

“ไม่เคยมีมนุษย์ที่ไหนจะไม่เกรงกลัวข้า แกช่างเหยียดหยามข้าเสียจริง”

ทันใดแดรกคูล่าก็มาโผล่ตรงหน้าวายุ ร่างซีดเผือกใบ้หน้าซีดเผือกเหมือนไม่มีเลือดดวงตาสีแดงก่ำในเสื้อคลุ่มสีดำ

“แล้วก็ไม่เคยมีปีศาจที่ไหน  ที่ฉันจะกลัว”วายุใช้คาออสกันจ่อที่หัวของแดรกคูล่า

“แกเป็นนักล่าปีศาจเหรอ แต่เปล่าประโยชณ์ถ้าไม่ใช้กระสุนเงินก็ทำอะไรข้าไม่ได้”

ปัง! วายุยิงคาออสกันใส่เข่าของแดรกคูล่า ทันทีที่แดรกคูล่าถูกยิงก็ลงไปทรุดกับพื้นทันที

“โทษทีว่ะ ฉันไม่ใช้นักล่าปีศาจและก็ไม่ใช้มนุษย์ธรรมดาด้วย ถามจริงแกไม่สังเกตเห็นตอนที่ฉันใช้พลังสร้างคาออสกันเลยรึยังไงกัน”

“อึก! คาออสกันงั้นเหรอ!!! มิน่าทำไหมข้าถึงบาดเจ็บได้!”

“ถ้าไม่รู้จะบอกให้ก็ได้น่ะ ฉันคือวายุ หรือวอร์คนที่สองหนึ่งในสี่ม้าแห่งวันสิ้นโลก ปีศาจนับร้อยล้านตัวฉันยังฆ่าได้โดยไม่มีบาดแผลนับประสาอะไรกับปีศาจกระจอกๆตัวเดียวอย่างแก”วายุยังเล็ยคาออสกันใส่แดรกคูล่า

“วอร์!!!!แกคือ วอร์ผู้นั้นนะเหรอ!!? แกต้องการอะไร!”

“ขอพักที่นี้ด้วยสักคืน ฉันหลงป่าพรุ่งนี้เช้าจะรีบกลับ”วายุสลายคาออสกันไป

“กะ..ก็ได้”

“ห้องนอนอยู่ไหน”

“อยู่ชั้นสองตรงขึ้นไปเลี้ยวซ้ายตรงไปเลี้ยวขวาจะเจอห้องนอนเก่าที่ข้าใช้เก็บของ”

“อ่า ขอบใจ”

วายุหันหลังให้แดรกคูล่าแล้วเดินไปตามที่บอก แต่ก่อนที่จะเดินไปวายุหันมาพูดว่า

“ยังไงซะ ก็อย่าคิดที่จะลอบกัดฉันละกัน เพราะถ้าแกกัดคอฉันแล้วเขี้ยวแกหัก ไม่รู้ด้วยล่ะ”วายุพูดจบแล้วส่งพลังวิญญาญสีเขียวไปรักษาแผลที่หัวเข่าให้แดรกคูล่า

วายุเดินขึ้นไปบนชั้นสองตามที่แดรกคูล่าบอกหมดทุกอย่าง

‘ประตูห้องดูโทรมๆแฮะ’วายุพูดพลางเปิดประตูห้องเข้าไป

ภายในห้องเป็นห้องที่ค่อนข้างจะเก่าพอตัว  บริเวณมุมกำแพงของแต่ละมุมมีรอยยักไย้อยู่ แต่ไม่มีแมงมุมสักตัวในบริเวณส่วนมากจะเก็บโลงศพหรือของบางอย่างที่อยู่ในกล่องไว้ แต่มีเตียงนอนอยู่หนึ่งเตียง  วายุถอดผ้าคลุ่มที่ขาดออกแล้ววางพาดไว้ที่ลูกบิดประตู ก่อนที่จะเดินไปเอนตัวลงกับเตียง

‘ป่านนี้ที่รีสอร์ทไม่พากันยุ่งวุ่นวายกันยกใหญ่เรอะ แต่ว่าไกลแบบนั้นกว่าจะถึงก็คงใช้เวลาเป็นวันอีกอย่าง อาจลงป่าอีกตอนไหนก็ได้ใครจะรู้’

ขณะนั้นเองวายุก็ได้ยินเสียงสนทนาจากด้านล่าง แต่ก็ค่อนข้างเบาทำให้ไม่ค่อยได้ยิน

‘ไอ้เจ้าแดรกคูล่านั้นคุยอะไรกับใครอยู่’วายุพูดแล้วลุกขึ้นจากเตียง

วายุเดินออกจากห้องก่อนที่จะเดินออกไปก็หยิบผ้าคลุ่มที่ขาดมาใส่ ก่อนที่จะเดินตรงไปแล้วเลี้ยวขวาไปทางบันได วายุเหลือบไปเห็นชายร่างสูงใหญ่ที่ไม่น่าจะใช้คน มีคนปกคลุมทั่วตัวมีเล็บที่แหลมคมปากอ้าตลอดเวลา มีฟันที่แหลมคมเหมือนสุนัข แบกร่างหญิงสาวไว้ กำลังยืนคุยกับแดรกคูล่า

“เห้ย เหยื่อนี้กว่าข้าจะหามาได้มันยากลำบากน่ะ คืนนี้ขอกินยัยนี้ละกัน”ชายร่างสุนัขที่คาดเดาไว้น่าจะเป็น มนุษย์หมาป่าพูดขึ้นกับแดรกคูล่า

“แต่วันนี้ พวกนั้นมันจะมาที่นี้น่ะ ถ้าไม่มีเหยื่อให้มัน มันจะฆ่าพวกเราเอาน่ะ”แดรกคูล่าทักท้วง

“เหอะ! จะทำไงได้ล่ะพวกเราก็ไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วน่ะ”

“แต่ถ้าไอ้พวกนั้นมาแล้วไม่มีเหยื่อให้พวกเราก็จะตายกันน่ะ”

“เห้ๆ  พวกที่ว่ามานั้นคืออะไรเล่าให้ฟังสิ”วายุพูดแทรกขึ้น

มนุษย์หมาป่าหันขึ้นไปมองวายุ ด้วยท่าทีแปลกใจ แล้วทำจมูก ฟุด ฟิด

“เจ้าไม่ใช้มนุษย์ เจ้าเป็นตัวอะไรกัน”มนุษย์หมาป่าถามขึ้น

“ม้าแห่งวันสิ้นโลก ตราผนึกที่ 3  วอร์คนที่ 2 ที่มีนามว่า วายุ”

“ม้าแห่งวันสิ้นโลกงั้นเหรอ!? ถ้าแบบนี้เจ้าก็ช่วยพวกข้าได้น่ะสิ”

“เห้ๆ ก่อนจะให้ช่วยเล่าเรื่องที่ถามไปก่อนหน้านี้มาก่อนสิ”วายุพูดแล้วกระโดดลงจากชั้นสองลงมาต่อหน้ามนุษย์หมาป่าและแดรกคูล่าก่อนที่จะเดินเข้าร่วมวงสนทนา

“พวกที่ข้าพูดไปเหมือกี้ก็คือพวกก็อปลิน พวกมันอาศัยอยู่ใต้ดินของเขตนี้พวกมันจะขึ้นมาที่คฤหาสน์พวกเราทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง ถ้าไม่มีเหยื่อมนุษย์ไปให้มัน พวกมันก็จะฆ่าเรา”แดรกคูล่าตอบแทนมนุษย์หมาป่า

“อะไรกัน มนุษย์หมาป่า กับ แดรกคูล่า สองตัวรวมกันจะสู้พวกก็อปลินกระจอกๆไม่ได้เลยรึไงกัน”

“พวกมันมีอาวุธประเภทกระสุนเงิน อาวุธทุกอย่างมันคือของที่ทำจากเงิน และพวกมันก็มีจำนวนมากมายด้วย”มนุษย์หมาป่าตอบด้วยสีหน้ากังวล

“ส่งหญิงสาวคนนั้นมา แล้วฉันจะหาทางช่วย รวมถึงพวกนายไม่ต้องอดอยากและไม่ต้องมากินมนุษย์”วายุกระดิ้กนิ้ว

มนุษย์หมาป่าส่งร่างหญิงสาวให้วายุ วายุรับร่างนั้นมาร่างหญิงสาวผอมสูงผมยาวบลอนริมฝีปากสีแดง

‘กำลังสลบอยู่งั้นเหรอ คงต้องแบ่งพลังนั้นให้เจ้าสองตัวนี้แล้วล่ะ’

“ท่านจะจัดการพวกก็อปลินให้พวกเรา น่ะพอเข้าใจแต่ท่านจะแก้ปัญหาเรื่องการกินของพวกเรายังไง”มนุษย์หมาป่าถาม

“ง่ายๆ ก็กินก็อปลินพวกนั้นแทนซะสิ”

“จะบ้าเหรอ!! แบบนั้นพวกเราไม่โดนกระสุนเงินฆ่าตายก่อนเหรอ!!?”

“ลืมแล้วเหรอ ว่าฉันเป็นใคร ฉันจะให้พลังเศษเสี้ยวของฉันให้ แต่มันก็มากพอที่จะฆ่าก็อปลินพวกนั้น”

วายุส่งพลังวิญญาญจำนวนหนึ่งไปให้มนุษย์หมาป่าและแดรกคูล่า ทันใดร่างของมนุษย์หมาป่าก็ค่อยๆกำยำขึ้นจากขนสีออกเหลืองกลายเป็นสีน้ำเงินปากยืนออกมา ร่างกายเหมือนหมาป่าแต่มีเค้าโครงของมนุษย์ กลายเป็นมนุษย์หมาป่าเต็มตัว ส่วนแดรกคูล่ามีพลังทางกายภาพเพิ่มมากขึ้น

“เจ้าทำอะไรกับร่างกายพวกข้า”แดรกคูล่าถามไป “ให้พลังปีศาจชั้นต่ำไง ที่นี้พวกเจ้าก็ไม่ต้องห่วงเรื่องกระสุนเงินแล้ว ไม่มีอาวุธใดนอกจากอาวุธที่ทำจากพลังปีศาจชั้นเจเนรอลขึ้นไปทำอะไรพวกเจ้าได้”วายุตอบแล้วหันหลังเดินขึ้นชั้นสอง

“แล้วเจ้าจะเอาหญิงสาวนั้นไปไหน”มนุษย์หมาป่าถามไล่หลัง

“ก็ พากลับไปส่งที่บ้านของเธอ ส่วนพวกเจ้าก็ เตรียมชำระแค้นและกินพวกก็อปลินได้เลย มันเยอะมากขนาดนั้นคงกินไปได้ตลอดล้านปีเลยน่ะ”

บนห้องของชั้นสอง

วายุวางร่างของหญิงสาวลงบนเตียง  แล้วใช้มือข้างขวาสัมผัสที่หน้าผากเพื่อดูความทรงจำคราวๆ

‘เธอ คนนี้ชื่อ แอนนา มาเรีย งั้นเหรอดูเหมือนจะลงป่าเหมือนกับเรา’

วายุยกมือขวาอกแล้ว ดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆเตียง ก่อนที่จะนั่งมองดูแอนนา ที่นอนสลบไม่ได้สติอยู่ เพื่อรอให้เจ้าตัวตื่นแล้วจะได้พากันเดินทางมุ่งหน้าไปยังรีสอร์ทที่พัก  ขณะนั้นเองตัวแอนนาเองก็เริ่มเหมือนได้สติ

“ที่นี้ ที่ไหน”แอนนาค่อยๆพูดขึ้น

“คุณปลอดภัยแล้วละครับ  พักสักครู่แล้วผมจะพามุ่งหน้ากลับไปรีสอร์ทที่ผมพัก”วายุพูดทักทาย

“ฉันอยากกลับแล้วพาไปตอนนี้ได้ไหม”

“คุณมั่นใจเหรอครับ ที่จะไปตอนนี้ ร่างกายคุณก็ไม่ค่อยจะแข็งแรงเท่าไหร่น่ะ”

“ฉัน อยากจะกลับบ้านแล้ว ฉันคิดผิดที่ทิ้งสิ่งนั้นเอาไว้”

วายุนึกถึงภาพๆหนึ่งที่เข้ามองเห็นจากการดูความทรงจำ และสิ่งนั้นทำให้วายุคิดว่าเธอคือสมาชิกขององกรค์ไฟตติ้งฮิวแมนอย่างแน่นอน

“งั้นเหรอครับ เหนื่อยบ้างละกันน่ะครับ ถ้างั้นก็คงต้องลงไปบอกลาเจ้าของบ้านก่อน”

วายุยืนขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป แอนนาลุกขึ้นแล้วเดินตามมาวายุออกไป บรรยากาศในบ้านทำให้แอนนาขนลุกและกลัวๆขึ้นมาเล็กน้อย

“เห้! ไอ้เจ้าของบ้านสองคนน่ะ ฉันจะกลับล่ะ เรื่องหลังจากนี้ก็คงจะเคลียร์กันได้ล่ะน่ะขอบใจสำหรับที่พัก”วายุตะโกนขึ้น

ทันใดวายุก็คว้าตัวแอนนามาอุ้มไว้ แล้ววิ่งลงจากบันไดไปด้วยความเร็ว

“นี้ช้าๆก็ได้!!! เราทำไหมต้องอุ้มกันด้วย!!!”แอนนาพูดทักขึ้น

“อยากจะกลับไหวๆไหมละครับ สักหน่อยแถวนี้ก็จะวุ่นวายกันแล้ว”

วายุถีบประตูออกแล้ววิ่งต่อก่อนที่จะดีดตัวแล้วกระโดดขึ้นกลางอากาศ

“ฮี้!! ฮี้!!”เสียงม้าร้องแว่วมา

ทันใดนั้นก็มีม้าทีดำทมิฬ ที่ใต้กีบทั้งสี่ข้างมีไฟ วายุพุ่งลงมาขี่หลังม้าตัวนั้นทันที

“ไปกันเลย Ruin(รูน)!!!”

“เธอไม่ใช้มนุษย์ธรรมดางั้นเหรอ!?”แอนนาถามด้วยความตกใจ

“ก็ขอโทษทีละกันครับ แต่ผมรับรองว่าผมไม่ใช้ฝ่ายที่พวกไฟตติ้งฮิวแมนอย่างคุณจะสู้หรอกนะครับ ผมน่ะฝ่ายไลทคาออสที่ต้องการจะจัดการพวกดาร์คคาออส ที่แพร่พันธ์ซอมบี้นั้นไง”

“นายรู้ได้ไงว่าฉันเป็นกลุ่มไฟตติ้งฮิวแมน”

“ฮ่าๆ ขอโทษทีที่แอบอ่านใจละกันครับ”

รูนวิ่งด้วยความเร็วสูงมุ่งไปยังทิศที่วายุต้องการ ขณะนั้นเองวายุก็สังเกตเห็นแมงมุมหลายตัวตามต้นไม้ วายุจึงสั่งให้รูนหยุดวิ่งแล้วมองไปรอบๆ

“มีอะไรเหรอ?”แอนนาถาม

“แมงมุมพวกนี้หรือว่าคุณโซม่าจะส่งมา”

แมงมุมแต่ละตัวที่อยู่ตามต้นไม้ลงมาบนพื้นแล้ววิ่งด้วยความเร็วที่แมงมุมทั่วไปทำไม่ได้นำหน้าทั้งสองไป

“ใช้จริงด้วย! รูนตามแมงมุมพวกนี้ไปมันนำทางให้พวกเราแล้ว!!!”

ด้านรีสอร์ท

โซม่ายืนรอวายุที่จะกลับมาในบ้านพักของวายุอยู่อย่าเหงาๆ

‘เมื่อไหร่จะกลับมาน่ะ นี้ก็มืดมากแล้วน่ะอีก  2 ชั่วโมงก็จะเที่ยงคืนละน่ะ’โซม่าคิดพลางเหลือบไปดูนาฬิกา

ขณะนั้นเองเสียฝีเท้าม้าก็ดังขึ้นมาเรื่อยๆ โซม่ามองเห็นบางอย่างที่กำลังวิ่งมา

“นั้น วายุ!”

วายุอุ้มแอนนากระโดดลงจากรูนก่อนที่รูนจะหายไป แล้วงวางแอนนาลงยืน

“รีบกลับไปที่บ้านของคุณเถอะครับ ของสำคัญแบบนั้นจะให้มันตกอยู่ในมือบริษัทเฮลการ์ดไม่ได้”

“ฉันเข้าใจแล้ว ส่วนเรื่องไลทคาออสและดาร์คคาออส ฉันจะรายงานเบื้อบนให้”

“ขอบคุณครับ”

แล้วแอนนาก็รีบวิ่งไปอีกทิศ วายุวิ่งกลับไปที่บ้านพักของตัวเองอย่างรวดเร็ว

“วายุ!!!!!!!”โซม่าตะโกนเรียก

‘คุณโซม่าอยู่ฝ่ายดาร์คคาออส ตะกี้หวังว่าคงไม่เห็นน่ะ’

2 นาทีต่อมา

“งั้นเหรอ ต่อสู้กับออลเดรย์จนไถลไปถึงโน้นเลยเหรอ แถมเจอกับโครวซิลเวอร์ ที่ประกาศตัวเป็นซีอุสคนใหม่”โซม่ายืนพิจราณาเรื่องทั้งหมด

“ก็น่ะครับ หวังว่าเจ้าออลเดรย์คงไม่รู้เรื่องที่คุณมาญาติดีกับผมหรอกน่ะ”วายุพูดด้วยความเป็นห่วง

“นั้นสิน่ะถ้าท่าประธานรู้เขาก็คงเป็นเรื่องแน่ ยิ่งนายเป็นที่หมายหัวอันดับ 1 ของเฮลการ์ดซะด้วย”

“เห ผมน่ะเหรออันดับ 1”

“ก็ใช้น่ะสิ นี้พึ่งจะรู้เหรอ”

“ก็งั้นล่ะครับ”

“ช่างเถอะ ไปนอนได้แล้วล่ะ นี้ก็ใกล้จะเที่ยงคืนแล้วด้วย”

“ครับๆ ฝันดีน่ะครับ”

ณ  ยอดเขาเอเวอเรสต์

เป้ง! เป้ง! เป้ง! เสียงตีดาบที่ดังขึ้นพร้อมมาเป็นระยะท่ามกลางพายุหิมะที่ยังรุนแรง   ธนากรในร่างเสื้อสีขาวด้านในด้านนอกเป็นเสื้อเกราะสีน้ำเงินทับไว้ ที่ด้านหลังเป็นปีกขนก กำลังร่ายเวทย์พลังเพื่อใช้ในการตีดาบ   เป้ง! ทันทีที่เสียงตีดาบดังขึ้นแขนในลักษณะวิญญาญสีน้ำเงินของธนากร ก็เทยาพิษจากขวาดยาพิษใส่ลงไปในตัวดาบที่กำลังถูกตี พร้อมกันตัวดาบก็ดูดซึมพลังของลมและไฟในบริเวณนั้นเท่าที่พอจะดูดได้ ขณะนั้นเองธนากรก็ร่ายเวทย์เสร็จ แล้วแขนวิญญาญก็เถขวาดยาพิษ และยาฟื้นฟูใส่ตัวดาบอย่างรวดเร็ว

“จงดูดซึมพลังแห่งพิษและการฟื้นฟู พร้อมด้วยซึมซับพลังแห่งลมและไฟ เพื่อตื่นขึ้นเป็นดาบที่แข็งแกร่งในนาม...”ธนากรรวมพลังที่ลมที่ฝ่ามือซ้าย รวมพลังไฟที่ฝ่ามือขวา

ขณะนั้นเองตัวดาบที่ซึมซับพลังฟื้นฟูยาพิษและลมไฟ ก็ค่อยลอยขึ้นกลางอากาศพร้อมกันที่ตัวดาบก็เปล่งแสงสีน้ำเงินออกมา  ธนากรปล่อยพลังทั้งสองจากฝ่ามือไปใส่ตัวดาบ วิ้ง! แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากดาบ แสงสีทองกระจายไปทั่วบริเวณ

“ดาบเซงยาฉะ....”ธนการเอื้อมมือไปจับดาบ

ทันทีที่ธนากรจับดาบ แสงสีทองที่กระจายไปทั่วก็หายไปแล้วรวมกันกลายเป็นดาบคมเดียวประเภทดาบคานตานะค่อนข้างจะยาวที่ปลายดาบสลักอักษรโบราญไว้    ธนากรใช้มือข้างซ้ายลูบบริเวณคมของดาบ ทันทีที่มือสัมผัสคมของดาบก็บาดมือของธนากรเลือดไหลออกมาแต่ ถูกดาบที่มีชื่อว่าเซงยาฉะดูดซับเข้าไป

“คมแบบนี้สิ ถึงจะเป็นเซงยาฉะ และก็จงดูดซึมเลือดของข้าไปเพื่อเพิ่มพลังให้แก่ข้าผู้ใช้ตัวเจ้า!”

ธนากรตวัดดาบเซงยาฉะ อย่างรวดเร็วจังหวะที่ดาบเซงยาฉะถูกตวัด ตัวดาบมีพลังไฟและพลังลม ออกมาจากตัวคมดาบในระยะที่ห่างจากคมดาบประมาณ  10 มิล

“หึๆ นั้นน่ะเหรอ เซงยาฉะเบลด ที่เจ้าได้สร้างขึ้น”เสียงหนึ่งดังมา

“ถ้าต้องการจะมาชวนเข้าร่วมเป็นหนึ่งในกองกำลังปฏิวัติผู้เขาโอลิมปัสน่ะ ฝันไปเถอะ”ธนากรตอบเสียงที่แว่วมานั้นก่อนที่จะหันหลังไปตามเสียง

โครวซิลเวอร์ที่กางปีกที่มีขนอีกาแต่เป็น สีเงินบินอยู่ต่อหน้าธนากร

“ไม่คิดจะเข้าร่วมด้วยจริงๆเหรอ พลังอย่างเจ้าน่ะมันเหมาะมากเลยน่ะ”โครวซิลเวอร์เลื่อนมือทั้งสองข้างไปที่จับดาบทั้งสองเล่มที่เก็บอยู่ในฟัก

“ฉันน่ะ ก็คือตัวแทนแห่งความยุติธรรม ด้วยพลังแห่งอบาดอน ฉันจะค่อยจัดการกับสิ่งที่ทำให้ความยุติธรรมหายไป นั้นก็รวมถึงการที่เธอต้องการจะให้โลกอยู่ใต้การปกครองของโอลิมปัสอีกครั้ง”

“นั้นน่ะคือความยุติธรรมต่างหาก มนุษย์ที่อ่อนแอ่ควรที่จะถูกโอลิมปัสที่แข็งแกร่งปกครองสิถึงจะถูกต้อง”

“แต่เพราะมีผู้อ่อนแอ่ จึงมีผู้ที่แข็งแกร่ง ทั้งเธอและฉันต่างก็เคยเป็น มนุษย์ มาก่อนอย่าลืมข้อนี้ซะสิ..”ธนากรจับเซงยาฉะเบลดด้วยมือข้าขวาไว้มั่นเตรียมพร้อมที่จะฟาดใส่ได้ทุกเมื่อ

“มนุษย์ที่อ่อนแอ่นั้นน่ะ ข้าลืมไปหมดแล้วว่าเคยเป็นมนุษย์มาก่อน..”

ทันใดโครวซิลเวอร์ก็ฟาดคลื่นพลังสายฟ้าจากดาบทั้งสองข้างใส่ธนากรทันที  ปึง! ธนากรใช้บาเรียเวทย์กันไว้ได้ทันแล้วบินขึ้นท้องฟ้าทันที

“เข้ามาเลย!!!!! อบาดอน!!!!!”

“ฉันมีชื่อว่าธนากร!!! อย่ามาเรียกฉันว่าอบาดอน!”

โครวซิลเวอร์และธนากรบินเข้าหากันทันที เป้ง! เป้ง! ดาบของทั้งสองฟาดฟันใส่กันอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งที่เข้าปะทะโครวซิลเวอร์ต้องเว้นระยะห่างไว้เพื่อไม่ให้โดนพลังลมไฟที่ออกมาจากคมดาบ

“เอานี้ไป!!!!!”ธนากรตะโกน

ธนากรฟาดเซงยาฉะเบลดใส่โครวซิลเวอร์ ทันทีที่ดาบถูกฟาดก็มีคลื่นพลังไฟพุ่งออกมาในรลักษณะพระจันทร์เสี้ยวจำนวนมากเข้าใส่โครวซิลเวอร์

“คิดว่าจะโดนเรอะ!!!!?”โครวซิลเวอร์หลบไฟพระจันทร์เสี้ยวที่พุ่งเข้ามาจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว

โครวซิลเวอร์ฟาดสายฟ้าสวนคืนไป แต่ธนากรก็ใช้บาเรียเวทย์กันได้ทุกครั้งที่สายฟ้าฟาดเข้าใส่ แล้วบินด้วยความเร็วสูงหลบสายฟ้าที่ฟาดมาพุ่งเข้าหาโครวซิลเวอร์ทันที

“แกคิดจะทำบ้าอะไรน่ะ!!!!!!”โครวซิลเวอร์พูดพลางบินถอยหลังหนี

“คิดว่าจะหลบพ้นระยะดาบเรอะ!!!!!”

ธนากรบินเข้าเขตระยะตัวดาบแล้วหมุนตัวฟันสามร้อยหกสิบองศาแล้วฟาดดาบใส่โครวซิลเวอร์ทันที ทันใดพลังลมในลักษณะพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวก็ถูกปล่อยเข้าใส่โครวซิลเวอร์ ฉัวะ!  โครวซิลเวอร์หลบออกจากด้านข้างแต่พลังลมโดนเข้าที่บริเวณแก้มข้างซ้ายของโครวซิลเวอร์

“อึก!!! แก!!!!!!!”โครวซิลเวอร์พูดด้วยความโมโห

“นี้แหละคือพลังแห่งความยุติธรรม พลังแห่งจัสติก!!!!!”

“คราวหน้าถ้าฉันเจอแก ฉันจะไม่เอาแกไว้แน่!!!!”

เปรี้ยง! สายฟ้าผ่าลงมาที่ตัวของโครวซิลเวอร์แล้วโครวซิลเวอร์ก็หายตัวไป ธนากรร่ายเวทย์เปิดประตูมิติออกมา

“โครวซิลเวอร์  ฉันจะต้องนำพาเธอกลับมาเป็นเทพที่มีจิตใจของมนุษย์ให้ได้ ไม่ใช้เพื่อฉันแต่เพื่อน้องสาวของเธอต่างหากล่ะ”ธนากรพูดจบแล้วบินเข้าประมิติไป

สถานที่แห่งหนึ่ง เขตทะเลทราย

ครืด!! ครืด!! เสียงบางอย่างที่อยู่ใต้ทะเลทรายกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง มุ่งไปหาขบวนรถย์หลายขบวนที่วิ่งต่อกันยาวเยียดเพื่อมุ่งหน้าไปที่หนึ่ง   ที่รถทุกคันเขียนชื่อบริษัทแม่ไว้ “เฮลการ์ด”

ทันใดนั้น ซูม!!!! บางอย่างพุ่งขึ้นมาจากทะเลทรายอย่างรวดเร็ว ร่างของชายหนุ่มที่อยู่กับลิเวียเมื่อตอนนั้นโผล่ขึ้นมาจากทะเลทรายด้วยพลังอันรุนแรง มือซ้ายแบกกีตาร์ไว้

“เห้ๆ!!! ไอ้พวกเฮลการ์ดน่ะ อย่าหวังว่าจะรอดไปได้!!!”

ชายหนุ่มสะพายกีตาร์แล้วเตรียมพร้อมที่จะโซโลทันที ก่อนที่จะพูดขึ้น

“ไอ้พวกเชื้อไวรัสพวกนั้นน่ะ ท่านแซนร็อคคนนี้จะจัดการให้มันไปไม่ถึงที่ของมันเอง!!!!!”ชายหนุ่มที่ชื่อแซนร็อคพูดจบแล้วเริ่มโซโลเพลงทันที

ทันทีที่กีตาร์ถูกดีดตัวกีตาร์ก็สลายไปเป็นพลังวิญญาญเข้าสู่ตัวแซนร็อค แล้วแซนร็อคก็พุ่งเข้าหาขบวนรถย์อย่างรวดเร็วท่ามกลางพวกเจเนรอลเบลดและเจเนรอลแฮมมเมอร์หลายตัวที่โผล่ออกมา

“ยี้ฮ้า!!!! เข้ามาๆ!!!!!”แซนร็อคตะโกนด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา