Chronicles Of Legend. ปฐมบทแห่งตำนาน

7.3

เขียนโดย LanzaDeLuZ

วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เวลา 19.07 น.

  67 chapter
  7 วิจารณ์
  54.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 19.20 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

44) ...เคลือบแคลง...(2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 





========================================================

 

 

            ...ห้องสอบสวน อันมีลักษณะเป็นห้องทึบตันทึมๆ เล็กๆ ที่มีกระจกสำหรับมองด้านเดียวขนาดใหญ่ประดับอยู่ด้านนึง...

 

             " จะปากแข็งไปถึงไหน?!! คลาเดีย! ยอมรับสารภาพมาโดยตรงดีกว่าน่า...หลักฐานออกจะมัดตัวขนาดนี้!! "  อาจารย์ผู้ใช้พลังจิตร่างล่ำบึ้กหน้าตาเหมือนทหารผ่านศึกคำรามลั่นพร้อมๆ กับทุบโต๊ะตรงหน้าเสียงดังสนั่น

 

             " จะให้พูดกี่ครั้งก็เหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ! ฉันไม่ได้ต้องการจะขโมยอะไรที่ถูกฝังอยู่ใต้ตึกอาคารเรียนกลางทั้งสิ้น! อันที่จริง ฉันยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่านายกำลังพูดถึงเรื่องบ้าอะไร...ตกลงว่าตำนานที่พวกนักเรียนว่ามีสมบัติฝังอยู่ใต้อาคารมีอยู่จริงงั้นสิ?!! "  คลาเดีย สรอมการ์ด หญิงสาวผู้มีตำแหน่งเป็นถึงรักษาการเจ้าปราการลมก็ใช้มือที่ถูกสวมไว้ด้้วยกุญแจมือพิเศษอันแน่นหนาทุบโต๊ะพร้อมกับเถียงด้วยเสียงอันดังไม่แพ้กัน

 

             " จนป่านนี้ยังจะมาไขสืออีกเหรอ!! หล่อนถูกจับได้อย่างคาหนังคาเขาพร้อมกับหลักฐานอย่างเคียวยักษ์นี่!! "  อาจารย์หน้าโหดชี้ไปที่ราชศาสตราเคียวทมิฬเนเมซิส ที่ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่สีเงินลงอาคมกำกับไว้อย่างแน่นหนาที่มุมห้องพร้อมกับตะคอกอีกครั้ง   " หลักฐานมันบอกทุกอย่างอยู่แล้วว่าเธอคือคนที่พยายามบุกเข้าอาคารเรียนกลาง แถมยังเป็นคนทำร้ายสารวัตรนักเรียนและอาจารย์ที่อยู่โยงเฝ้าอาคารจนปางตายไปถึง 5 คน!! แค่สารภาพว่าเธอคือ ชาโดว์  ชื่อที่เธอเองก็เป็นคนคิดให้ มาซะ เรื่องมันก็จบไปแล้ว!!! "

 

             " อุบ๊ะ!! ตาแก่หัวเกรียนนี่! จะให้บอกกี่ครั้งถึงจะเข้าใจนะว่าฉันไม่ใช่คนที่ชื่อชาโดว์ชาแด้อะไรนั่น...ไม่สิ! ฉันยังไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินคนที่ชื่อชาโดว์อะไรนี่ด้วยซ้ำ...ถ้าฉันเป็นคนคิดชื่อจริงๆ คงจะตั้งชื่อได้อลังการงานสร้างกว่าชื่อเชยๆ นี่เป็นกองแน่ๆ "




            ...เบื้องหลังกระจกมองด้านเดียวอันถูกสร้างให้มีลักษณะเป็นห้องสังเกตการณ์การสอบปากคำ...



             " ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละค่ะ... "  อันนาเทียน่าเอ่ยเบาๆ พลางพยักเพยิดไปที่อีกด้านหนึ่งของกระจกเหมือนจะฟ้องกลายๆ

 

             " หืม?...ชะช้า!...เป็นผู้ร้ายปากแข็งหรอกเรอะเนี่ย?...ไม่ยากๆ ...ฉันเองก็ค่อนข้างพิศมัยเวทย์ที่มีฤทธิ์ทรมานเพื่อเค้นความจริงอยู่พอสมควร...ขอเวลาซัก 10 นาที...เดี๋ยวแม่จะจัดการเอง "  เชรีน่าว่าก่อนจะถลกแขนเสื้อจอมเวทย์ยาวของเธอขึ้นพลางบีบมือดังกร๊อบๆ...น้ำเสียงที่ไร้แววล้อเล่นชวนหัวของเธอทำเอาทุกคนถึงกับเหงื่อตก

 

             " คือ...ทำยังงั้นไม่ได้หรอกค่ะ...นอกจากจะติดอนุสัญญา CAT (Convention against Torture and Other Cruel, Inhuman or Degrading Treatment or Punishment : CAT - อนุสัญญาต่อต้านการทรมานฯ ) แล้ว...ฉันยังไม่ค่อยปลื้มการทรมานเพื่อเค้นความจริงซักเท่าไหร่ ใช่ว่าฉันจะสนเรื่องสิทธิมนุษยชนอะไรหรอกนะคะ...แต่เพราะคำตอบที่ได้จากการทรมานมักไม่ใช่คำตอบจริงๆ ที่เราต้องการน่ะค่ะ  "  ผู้อำนวยการสาวบนรถเข็นเอ่ยห้ามเบาๆ พลางโน้มตัวเข้าไปเพื่อเพ่งมองการสอบสวนที่อยู่คนละด้านของกระจกให้ชัดๆ

 

            " คือ...ถามจริงๆ นะ...เลือดของพวกเธอยังเป็นสีแดงอยู่รึเปล่าเนี่ย? "  แลนซ์ที่ได้รับสิทธิพิเศษให้อยู่ที่นี่ในฐานะพยานและคนที่ใกล้ชิดคลาเดียที่สุดอดที่จะเอ่ยถามขึ้นอย่างหวาดๆ ไม่ได้...คำพูดที่เลือดเย็นของหญิงสาวสองคนเล่นเอาเขาขนลุกไปทั้งตัวเลย

 

               เรย์ลาลีนที่เงียบอยู่นานเพ่งมองไปที่ผู้ต้องหาสาวนามคลาเดียอย่างพินิจพลางลูบคางอย่างครุ่นคิดอะไรบางอย่าง 

 

             " ...ผมขอเข้าไปคุยกับเธอได้ไหมครับ?...หมายถึง...สอบสวนน่ะ "  ชายหนุ่มพูดเบาๆ พลางชี้ไปในห้องนั้น

 

             " หือ...นายจะเข้าไปทำไม?...อย่าบอกนะว่าคล้อยตามเรื่องที่ยัยชาโดว์นี่ชวนนายไปเป็นพวกน่ะ "  เชรีน่าหันกลับมามองด้วยแววตาจับผิด...ถึงแม้ว่าใจจริงจะเป็นเพราะเธอเป็นห่วงว่ายัยคนที่ถูกจับอยู่นั่นจะเล่นลูกไม้อะไรกับน้องชายเธอก็ตามที...

 

             " ป...เปล่าๆ คือ...สมัยอยู่ที่เกาะทองคำ ผมค่อนข้างจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับการสอบสวนแบบนี้อยู่บ่อยๆ ...ถ้าให้ผมที่มีประสบการณ์ทางด้านนี้โดยตรงเข้าไปแทนน่าจะมีประโยชน์มากกว่าตาอาจารย์ที่ดูเหมือนจะปากกล้าแต่ขาสั่นนั่นเป็นกองเลยนะครับ "  ...ถ้าดูจากภายในห้องสอบสวนจะเป็นยังไงก็ไม่รู้หรอกนะ แต่พอดูจากด้านนอกนี่ เขาสามารถบอกได้ทันทีเลยว่าอาจารย์ที่กำลังทำการสอบสวนคลาเดียอยู่ค่อนข้างจะกลัวหญิงสาวที่เขาสอบปากคำอยู่ชนิดเกือบจะลนลานทีเดียวล่ะ...

 

               พวกสาวๆ ต่างหันไปมองหน้ากันเหมือนจะปรึกษากันโดยไม่ใช้คำพูด ก่อนที่ซานดร้าจะถอนหายใจเฮือกและเคาะกระจกเบาๆ เป็นเชิงเรียกให้อาจารย์ปากกล้าขาสั่นตามที่เรย์ลาลีนว่าออกมาจากห้อง

 

             " ก็ได้...คุณเรย์ลาลีน...ไม่สิ...เรย์ฯ...ฉันให้เวลานาย 10 นาที...ลองบีบให้เธอพูดดู แล้วนายต้องให้นาเดียเข้าไปข้างในนั้นด้วย...ความสามารถในการจับเท็จของนาเดียเป็นหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด และเธอไม่สามารถใช้พลังได้หากมีสสารที่เป็นของแข็งอย่างเช่นกระจกนี่ขวางอยู่ "  เทียน่าเอ่ยเป็นเชิงอนุญาตเบาๆ พร้อมกับพยักเพยิดไปให้นาเดียเพื่อให้เธอเตรียมตัว

 

             " เข้าใจแล้วครับ "

 

             " เรย์ฯ! "

 

             " เอาน่า พี่...ข้างในนั่นอาจจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดเท่าที่ผมจะเข้าไปในรอบเดือนนี้ก็ได้...อีกอย่าง...ผมรู้สึกตะหงิดใจกับเรื่องนี้ชอบกลแฮะ "  ชายหนุ่มพูดพลางหยิบเสื้อคลุมจอมเวทย์ขึ้นมาสวมพร้อมกับผลักประตูนิรภัยเข้าไปพร้อมกับนาเดีย




            ...ภายในห้องสอบสวน...


             " เรย์ฯ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าจะถามอะไรก็รีบถาม เพราะความสามารถจับเท็จของฉันหากใช้งานจะใช้ค่าพลังจิตต่อวินาทีค่อนข้างสูง ทำให้ฉันไม่สามารถใช้มันได้ตลอดเวลา...และฉันก็ไม่อยากเดินไปไหนมาไหนด้วยสภาพที่ค่าพลังจิตเหลือน้อยๆ ด้วย "  นาเดียกระซิบบอกเขาก่อนจะเดินตามเข้ามาในห้องสอบสวนอย่างช้าๆ เมื่อเห็นเรย์ลาลีนพยักหน้ารับเป็นเชิงเข้าใจ

             " โอ้! ว่าไงจ๊ะ เรย์...มาที่นี่เพื่อปล่อยฉันใช่ไหมล่ะ...บอกแล้วว่าไอ้เรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องเข้าใจผิดทั้งเพ "  คลาเดียเอ่ยทักขึ้นทันทีเมื่อเห็นชายหนุ่มเข้ามาในห้อง...ดวงตาของเธอเท่าที่เรย์ลาลีนเพ่งมองมันไร้ซึ่งความเท็จหรือร่องรอยแห่งการโกหกเลยจนเรย์ลาลีนชักสับสน

 

             " ขอโทษนะ...ชาโดว์...แต่ความผิดของคุณไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยตัวกันได้ง่ายๆ หรอกนะ "  ชายหนุ่มพูดเบาๆ ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าไปที่นาเดียเป็นเชิงให้นั่ง แต่หญิงสาวส่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะเดินอ้อมไปอยู่ด้านหลังของผู้ต้องหา  เรย์ลาลีนจึงลงนั่งเอง

 

             " อุบ๊ะ! ก็บอกไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าฉันไม่ได้ชื่อชาโด้ชาแด้อะไรนั่น...นี่มันเป็นรายการล้อกันเล่นรึไงกันนะ! อย่าบอกนะว่าด้านหลังกระจกนั่นก็มีกล้องกับทีมงานถ่ายทำอยู่น่ะ "

 

             ' ย...ยัยผู้หญิงคนนี้ ...รู้จักความตึงเครียดของสถานการณ์ในตอนนี้บ้างไหมเนี่ย ? '  เรย์ลาลีนคิดในใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะพูดต่อ

 

             " ขอโทษทีนะครับ...แต่เรื่องนี้ชักจะเริ่มไม่ฮาแล้วนะ...เอาเถอะ...คุณคลาเดีย...ผมขอถามอะไรซักสองสามข้อล่ะกันนะ...คุณคลาเดีย...ความสามารถด้านพลังจิตของคุณคืออะไรครับ? "

 

               คราวนี้คลาเดียถึงกับเอียงคอเลิกคิ้วอย่างสงสัยเล็กน้อย เพราะชายหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เข้ามาเพื่อคาดคั้นให้เธอรับสารภาพบ้าบออะไรอย่างที่เธอคิด

 

             " หือ...ความจริงเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่ได้บอกใครต่อใครกันง่ายๆ หรอกนะ...แต่เอาเถอะ...เห็นแก่นายเป็นผู้ใช้ธาตุสายลมเหมือนกัน...ความสามารถของฉันคือ Blink (ยุทธ์พริบตา) รูปแบบความสามารถคือการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดจนมากกว่าความเร็วเสียง จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่งในระยะพอสมควรได้ในพริบตา "

 

              เรย์ลาลีนเหลือบไปมองนาเดียที่อยู่ด้านหลังคลาเดีย...หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงว่าที่เธอพูดเป็นความจริง

 

             " งั้น...คุณมีความสามารถที่สองรึเปล่า?...หรือไม่...ความสามารถ Blink ของคุณมีความสามารถแฝงอื่นอยู่รึเปล่าครับ? "

 

             " เอ๋?...ถามอะไรแปลกๆ ...ไม่มีหรอก...ความสามารถของฉันเป็นความสามารถด้านสายลมสายหลบหลีกที่อยู่ในระดับสูงที่สุดแล้ว...ไม่มีความสามารถแฝงอะไร...แล้วก็ฉันก็ไม่ได้มีความสามารถด้านพลังจิตที่สองอย่างยัยปิศาจนาเดียที่ยืนอยู่ด้านหลังฉันนี่มีด้วย "

 

               นาเดียเลิกคิ้วเล็กน้อยเพราะถูกกระทบชิ่ง ก่อนที่เธอจะพยักหน้าเบาๆ หลังจากที่ความสามารถ จับเท็จ ของเธอไม่มีปฏิกริยาเมื่อได้ฟังคำพูดของหญิงสาว

 

             " คุณรู้สึกคุ้นเคยกับท่าที่เรียกว่า Hall of Millionknives (หอวายุ ล้านคมมีด) บ้างรึเปล่าครับ? "

 

             " หือ?...ฮอลล์ อ๊อฟ อะไรนะ?...นายพูดถึงเรื่องอะไรกันเนี่ย? "

 

             " แค่...ตอบคำถามมาก็พอครับ "

 

             " ...อืม...ไม่คุ้นเลยแฮะ...ถ้าจะพูดกันตามตรงฉันพึ่งได้ยินคำๆ นี้เป็นครั้งแรกจากนายด้วยซ้ำ " 

 

            ...ไม่มีปฏิกริยา...อีกแล้ว...นาเดียขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...เธอชักจะเริ่มไม่แน่ใจในความเสถียรของความสามารถจับเท็จของตนเองซะแล้วสิ...ก่อนที่หญิงสาวจะสะกิดถามคลาเดียเบาๆ

 

             " คลาเดีย...ตกลงเรื่องที่เขาซุบซิบกันว่าเธอแอบชอบรุ่นพี่ปี 6 คนนึงของปราการน้ำนี่เรื่องจริงหรือเปล่า? "

 

             " ห...หา?!! พ...พูดอะไรของเธอ...ไม่ใช่เรื่องจริงซะหน่อย!! เรื่องเหลวไหลทั้งเพ! "

 

             " อ๊ะ! ' เท็จ '  ...เอ๋...ความสามารถเราก็ยังไม่มีปัญหานี่นา...แปลกแฮะ "

 

 

             " อย่าใช้ความสามารถแบบสุรุ่ยสุร่ายแบบนี้สิย้าาาาา !! "

 

 

               เรย์ลาลีนเกาหัวแกรกๆ เขารีบถามต่อก่อนที่นาเดียจะถามอะไรที่เป็นการชักใบให้เรือเสียไปมากกว่านี้

 

             " คุณคลาเดีย...คุณได้เคียวเล่มนั้นมาได้ยังไงกันหรือครับ? "  ชายหนุ่มถามพลางชี้ไปที่เคียวสีดำเล่มยักษ์ที่ถูกล่ามไว้ด้วยโซ่เงินลงอาคมพันจนแทบมิด

 

             " หา?...เคียว? ไม่ๆๆๆๆ ฉันไม่ได้เป็นเจ้าของเคียวเล่มนี้นะ ...ฉันก็บอกตาอาจารย์นั่นไปแล้วไม่ใช่รึไงว่าฉันพึ่งเคยเห็นเคียวเล่มนี้เป็นครั้งแรกวันนี้ด้วยซ้ำ ฉันจะไปเป็นเจ้าของเคียวเล่มนี้ได้ยังไงกัน! "  

 

             " ... "  เรย์ลาลีนมองลึกเข้าไปในดวงตาสีม่วงอ่อนของคลาเดียนิ่ง ก่อนที่อึดใจต่อมาเขาจะถอนหายใจเฮือก

 

             " หมดคำถามแล้วครับ... "  เขาพูดเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินออกไป...ชายหนุ่มแทบไม่จำเป็นต้องหันไปมองท่าทีของนาเดียด้วยซ้ำ...เขารู้ด้วยประสบการณ์อยู่แล้วว่าที่หญิงสาวตรงหน้าพูดเป็นความจริงทั้งหมดแน่นอน

 

 

 

 

......................................................

 

 

 

 

            ...ในห้องสังเกตการณ์การสืบสวน...เวลาต่อมา...

 

             " ว่าไง...เรย์ฯ "  ทุกคนถามขึ้นทันทีเมื่อเห็นเรย์ลาลีนและนาเดียเดินเข้ามาในห้อง ในขณะที่เรย์ลาลีนส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะถอนหายใจเฮือก...เขาเลือกที่จะเงียบโดยปล่อยให้นาเดียที่ตามเข้ามาเป็นคนตอบแทน

 

             " ถ้า...นับตามวัตถุพยาน พยานบุคคลและพยานแวดล้อมแล้ว ฉันคงต้องบอกว่าคลาเดียต้องเป็นคนเดียวกับชาโดว์อย่างไม่ต้องสงสัยเลย...เพราะหลักฐานทั้งหมดชี้ไปที่ตัวเธอเพียงคนเดียว...แต่ถ้าถามความสามารถของฉัน มันกลับบอกต่างออกไป...ความรู้สึกมันเหมือนกับกำลังสอบสวนผู้บริสุทธิ์อยู่อย่างงั้นแหละ...แล้วฉันก็ลองตรวจสอบดูแล้ว  คลาเดียไม่มีอาการของโรค Bipolar  หรืออาการของบุคคลสองบุคคลิกเลย...ไม่รู้สิ...เรื่องนี้ทำให้ฉันสับสนจริงๆ นะเนี่ย "  นาเดียสรุปพลางเบะปากและยักไหล่เบาๆ

 

             " เราจับผิดตัว...คลาเดียเป็นผู้บริสุทธิ์ "  เรย์ลาลีนกลับพูดทะลุปล้องขึ้นด้วยน้ำเสียงไร้ความรู้สึก

 

             " หมายความว่ายังไง?! "  ซานดร้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกร้าวๆ เพราะคำพูดของเรย์ลาลีนมันเหมือนกับบ่งบอกอย่างกลายๆ ว่าเป็นความบกพร่องของเธอที่เป็นคนรับหน้าที่จับกุมชาโดว์ แล้วเธอทำพลาดด้วยการจับผิดตัว

 

             " ตอนอยู่ที่เกาะทองคำ ผมสอบสวนเชลยฝ่ายข้าศึกมามากเกินพอจะทำให้ผมรู้ว่า ในภาวะกดดันเช่นนี้ ถ้าหากผู้ถูกสอบสวนปิดบังความลับอะไรไว้ ปฏิกริยาต่างๆ ของเขาจะเป็นตัวฟ้องออกมาเอง...ทำนองเดียวกับยิ่งปิดยิ่งเห็นชัดนั่นแหละ...แต่สำหรับคลาเดีย...ถึงแม้รูปแบบพลังจิตของเธอจะสอดคล้องกับท่าของชาโดว์ แต่พวกเธอก็เห็นแล้วว่าคลาเดียไม่รู้เรื่องของร่างติดตาที่สามารถระเบิดได้เลย...และฉันยังมองไม่เห็นสิ่งที่เธอคนนี้ปิดบังอยู่ด้วย...อีกอย่างนึง จำที่ผมบอกเรื่องรูปพรรณสัญฐานของชาโดว์ในตอนแรกสุดได้ไหม?  "

 

             " ...เอ่อ...ดวงตาสีม่วงเข้ม...ผมยาวสีดำสนิท และ...จริงสิ...รอยสักสีดำขนาดใหญ่ ลามจากหน้าผากมาถึงโหนกแก้ม "  เทียน่าตอบเบาๆ 

 

             " ใช่ไหมล่ะ?...และผมใช้ชื่อเสียงของผมเป็นประกันได้ว่าผมไม่ได้ดูผิด...สีของดวงตาหรือสีผมอาจจะพออำพรางได้ด้วยคอนแท็คเลนส์หรือสีย้อมผมก็จริง แต่จมูกของผมก็ไม่ได้กลิ่นยาย้อมผมเลย...ต่อให้เป็นแบบธรรมชาติก็เถอะ แถมเรื่องรอยสักนี่อีก...ผมเดาไม่ออกจริงๆ ว่าจะทำยังไงเพื่อปิดบังรอยสักที่ไม่ใช่รอยสักที่ลบออกได้นั้นได้ "

 

             " แต่นั่นก็เป็นแค่พยานหลักฐานจากปากคำของนายคนเดียว คงจะไม่ต้องบอกใช่ไหมว่าน้ำหนักของหลักฐานมันอ่อนแค่ไหน "  เชรีน่ากอดอกเถียงเรียบๆ 

 

             " คือ...ขอโทษที่ขัดจังหวะนะ...แต่คราวนี้ฉันเห็นด้วยกับเรย์ฯ นะคะ...ถ้าคนที่เราต้องการตามจับคือ ผู้ใช้ราชศาสตรา เคียวทมิฬเนเมซิส  ล่ะก็...ฉันก็คงจะยืนยันได้เหมือนกันว่าเราคงจะจับผิดตัวแล้วล่ะ "  เฮเลนที่ตลอดเวลาเอาแต่มองราชศาสตราเคียวทมิฬ เนเมซิส ที่ถูกมัดด้วยโซ่มนตรา เอ่ยโพล่งขึ้นเบาๆ สร้างความเงียบงันให้แก่ทุกคนในห้องอีกครั้ง

 

             " เดี๋ยวนะ...เมื่อกี๊เธอพึ่งจะพูดว่า ราชศาสตรา  งั้นเหรอ? ...นี่จะบอกว่าเคียวเล่มนั้นเป็นราชศาสตรา และผมพึ่งสู้กับผู้ใช้ราชศาสตรางั้นเหรอ?! ...เรื่องอันตรายแบบนี้ไหงถึงได้ไม่มีใครบอกผมเลยล่ะ!? "  เรย์ลาลีนโวยลั่นเมื่อได้รู้ความจริง

 

             " เรื่องมันออกจะยาวนิดหน่อยน่ะ ไว้คราวหลังจะเล่าให้ฟัง "  เชรีน่าพูดพลางหลบตา...ให้ตายเธอก็ไม่ยอมรับสารภาพหรอกว่าที่เธอจงใจปิดบัง ก็เป็นเพราะเธอตั้งใจจะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์เพื่อปลุกพลังจิตของเรย์ลาลีนให้ตื่นขึ้น

 

             " ถ้าจะมีหลักฐานเพิ่มเติมก็ให้พูดมาเลย เฮเลน พวกเรารอฟังอยู่ "  เทียน่าบอกเป็นเชิงกึ่งบังคับกึ่งขอร้อง เพราะหากเรื่องที่ว่าพวกเธอจับผิดตัวเป็นเรื่องจริง ชาโดว์ตัวจริงก็อาจจะกำลังสร้างหายนะอยู่บนส่วนไหนซักแห่งบนเกาะนี้ในเวลานี้ก็เป็นได้

 

             " หลักฐานเพิ่มเติมก็คือเคียวนั่นยังไงล่ะคะ... "  หญิงสาวชี้ไปที่เคียวสีดำสนิทที่ถูกผนึกด้วยโซ่อาคมนั่น

 

             " อธิบายให้มันกระจ่างกว่านี้หน่อยไม่ได้รีไงยะ? "  ซานดร้าแขวะเบาๆ

 

             " เดี๋ยวสิยะ! ขอฉันเรียบเรียงคำพูดแปปนึงสิ "  เฮเลนมองไปที่ราชศาสตราเคียวทมิฬเนเมซิส กับราชศาสตราดาบอัคคีเอ็กโซดัส ของเธอสลับกันไปมา ก่อนที่อึดใจต่อมาเธอจะถอนหายใจเฮือกพร้อมกับพูดต่อ

 

             " ก็อย่างที่รู้กัน...ราชศาสตราต่างจากศาสตราหรืออาวุธทั่วไปอย่างมาก...ว่ากันว่าราชศาสตราจะผูกพันกับผู้ใช้จนไม่อาจแยกจากกันได้...ต่างคนก็ต่างใช้จิตวิญญาณร่วมกันจนมีลักษณะของ จิตและอาวุธรวมเป็นหนึ่ง  --- "

 

             " ขอร้องล่ะเฮเลน ช่วยข้ามไอ้การบรรยายสรรพคุณเชิงขี้โอ่นั่น แล้วเข้าเรื่องเลยซะทีได้ไหม? ฉันรู้ว่าไม่มีใครรู้จักราชศาสตราได้ดีเท่าเธอ แต่ตอนนี้เรามีเวลาไม่มากนะ "  ซานดร้าเบรกเฮเลนจนหัวแทบทิ่ม จนเฮเลนถึงกับอ้าปากค้างก่อนจะทำปากขมุบขมิบจับใจความไม่ได้

 

             " สรุปกันสั้นๆ ง่ายๆ ก็คือ ถ้าหากเป็นฉันไปอยู่ตรงนั้นแทนคลาเดียล่ะก็...ต่อให้ถูกผนึกด้วยโซ่ที่มีอาคมสูงกว่านี้ ฉันว่าก็ยังไม่อาจหยุดการอาละวาดของดาบของฉันได้แน่ๆ ...แต่พวกเธอลองดูที่เคียวนั่นสิ...มันนิ่งสนิทอย่างกับไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับคลาเดียเลย "

 

               ทุกคนที่อยู่ในห้องหันกลับไปมองที่เคียวเล่มนั้นโดยพร้อมเพรียงกัน และก็เป็นอย่างที่เฮเลนบอกไม่มีผิด...ทั้งๆที่เมื่อเจ้าของตกอยู่ในสถานการณ์คับขันแบบนี้ แต่ราชศาสตราชั้นสูงนั่นกลับไม่มีท่าทีดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือใดๆ เลย...ทั้งๆ ที่ราชศาสตรามีชื่อเสียงที่สุดด้านการปกป้องผู้ใช้ราชศาสตราแท้ๆ

 

             " แปลกอย่างที่เธอว่าจริงๆ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าราชศาสตราของเธอทำงานยังไงก็เถอะ...แต่ถ้ายึดในแง่ของ จิตและอาวุธรวมเป็นหนึ่ง  ล่ะก็ เคียวนั่นก็ควรจะดิ้นรนเพื่อช่วยเจ้าของอย่างที่เธอว่าจริงๆ นั่นแหละ "  พริสซิลล่าเอ่ยอย่างงงงวยขณะที่ตัวเองโน้มตัวเข้าไปจนหน้าเกือบจะติดกระจก

 

             " งั้นมันหมายความว่ายังไงกันแน่?! จะบอกว่าเคียวเล่มนั้นไม่ใช่เคียวทมิฬเนเมซิสงั้นเหรอ? "  เชรีน่าถามขึ้นอย่างเริ่มตามไม่ทันเสียแล้ว

 

             " ไม่ค่ะ...จากที่ฉันลองหยั่งสัมผัสด้วยราชศาสตราแล้ว เคียวนั่นจะต้องเป็นราชศาสตราเหมือนดาบเอ็กโซดัสของฉัน และราชศาสตราชนิดเดียวที่มีรูปลักษณ์เป็นเคียวตามที่พี่บอก ก็คือเคียวทมิฬเนเมซิสแน่นอน...เพียงแต่...สิ่งที่ฉันยืนยันได้อีกอย่างนึงก็คือ คลาเดียไม่ใช่ผู้ใช้ราชศาสตราเคียวทมิฬเนเมซิสนี้อย่างแน่นอนค่ะ! "  เฮเลนกล้ารับรองเรื่องนี้ด้วยราชศาสตราของเธอได้เลย เพราะถึงจะพูดจาอย่างไร้ความถ่อมตนไปบ้าง แต่เธอก็เป็นผู้ที่รู้เรื่องเกี่ยวกับราชศาสตราที่สุดในทวีปนี้!

 

             " เอ๋?...จะบอกว่าเรื่องนี้ยังไม่จบอีกงั้นเหรอ? "  แลนซ์อุทานออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ในขณะที่เรย์ลาลีนถึงกับเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะฉีกยิ้มหลอนๆ

 

             " ขอโทษที่ฉันลากนายเข้ามารับรู้เรื่องบ้าๆ พรรค์นี้นะ แลนซ์...แต่ถ้าจะให้ตอบตามตรง ก็คงจะต้องตอบว่า...ใช่แล้วล่ะ ไอ้ศิษย์รักเอ๋ย ...ดีไม่ดีเรื่องนี้อาจเป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้นด้วยซ้ำ !! "



               ชั่วเสี้ยววินาทีที่เรย์ลาลีนพูดจบ ประตูห้องก็ถูกกระแทกเปิดออกมาโดยแรง พร้อมกับอาจารย์สาวคนหนึ่งที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยท่าทีตื่นตระหนกและรีบร้อนสุดขีด



             " ท่านผู้อำนวยการคะ !! เกิดเหตุจู่โจมจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่บริเวณอาณาเขตของปราการดินค่ะ !!!! "

 

 

             " ว่าไงนะ ?!!! "

 

 

 

 

        ........................................................

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.6 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา