Phantom School

8.8

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.

  20 บท
  2 วิจารณ์
  20.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ปม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    ในขณะที่งานรื่นเริงสำหรับต้อนรับนักเรียนใหม่เริ่มขึ้น  จู่ๆก็มีเสียงหวีดร้องของหญิงสาวดังขึ้น  เธอตกใจจนสลบไปเนื่องจากไปเห็นสภาพอันแสนจะสยกสยองของศพศพหนึ่งเข้า  ทุกคนในงานต่างก็คิดว่านี่คงเป็นเพียงอีเวนท์เท่านั้น  โดยไม่มีใครเอะใจเลยว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้อำนวยการเตรียมไว้ให้พวกเขาแต่เป็นคนอื่นต่างหาก

 

    เด็กสาวผมสีดำเป็นลอนสะกิดเพื่อนผู้เป็นเด็กหนุ่มผมเงินเพื่อเรียกให้เขาหันมา

    "อะไรหรือ"ซีโร่ถามด้วยความสงสัย  เขารู้สึกเหมือนเธอรู้อะไรที่เขาและคนอื่นๆไม่รู้  เพราะอะไรหนะหรือ...  อืม  คงเป็นเพราะว่าเธอมีสัญชาตญาณที่ดีและตอบสนองเร็วกว่าพวกเขาหละมั้ง  เธอเลยดูน่าจะรู้สึกอันตรายเร็วกว่า

    คิลล์อ้าปากทำท่าจะพูดแต่เธอก็หุบปากลงแทบจะในทันที  ความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านประสาทของเธอ  มันเป็นเหมือนกับการกระตุ้นดีๆนี่เอง  นี่มันไม่ใช่อีเวนท์ซะแล้วหละ

    ตึกๆ  หัวใจเธอกระตุกวูบอย่างแรงเหมือนเร่งเร้าให้เธอทำบางอย่าง "ซีโร่" เธอเรียกอีกฝ่ายมือมองเธอด้วยความมึนงง "หนี..." เธอพูดต่อแล้วบีบมือเขาแน่นถึงแม้จะพยายามเกร็งเอาไว้แล้วก็ตาม  ใช่แล้ว...  สัญชาตญาณเตือนเธอ  เตือนให้รุ้ถึงสิ่งที่อันตรายและไม่เป้นมิตร  และจิตบ้าคลั่งก็กำลังอยู่ไม่เป็นสุขและหิวกระหาย

    "หนี?"ซีโร่ถามพรางมองมือตัวเองที่ถูกบีบจนเริ่มแดง "หนีทำไม?" เขาถามซ้ำ  ทำไมจะต้องหนี...  เขาคิดว่านี่มันไม่ปกติแล้ว  เขาจึงตั้งสมาธิและเปิดสัมผัสพิเศษอย่างหนึ่งของตนซึ่งเป็นสัมผัสที่เผ่ามนุษย์ไม่มี...  การสัมผัสถึงกลิ่นไอของเผ่าอื่น "นี่มันอะไรกัน..."

     พรึบ!  เสียงบางอย่างปะทะกับลมดังขึ้นพร้อมกับร่างของผู้อำนวยการเซเรฟซึ่งกระโดดลงมาจากชั้น5ของตัวปราสาท  สีหน้าเย็นชาและคิ้วที่ขมวดเข้าหากันบอกถึงความยุ่งยากของเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมาก

     "นักเรียนที่รักของข้า  นี่ไม่ใช่อีเวนท์ อีเวร  หรืออะไรก้ตามที่พวกเจ้าคิด  มันคือของจริง"เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูจะเดือดดาลเล็กน้อย  โดยหามีใครรุ้ไม่ว่าจริงๆในใจเขานั้นแสนจะร้อนรุ่มและเกรี้ยวกราด  พวกนั้นกำลังจะมา...

     เมื่อได้ยินดังนั้นเหล่านักเรียนขวัญอ่อนผู้รู้และไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นต่างก็เริ่มกรีดร้องและเป็นลมล้มพับไปหลายคน  สงสัยจริงๆว่าวันนี้พวกเขาเป็นลมกันกี่รอบกันแล้วเนี่ยให้ตายเถอะ  เขออะไรก็เป้นลมเป็นลม  ถึงว่าทำไมบนนี้เย็นจัง(?)

     "พวกบ้า!  นี่ไม่ใช่เวลามาเป็นลมนะ..."

     ตูม!   เพร้ง!  เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับเสียงที่ฟังเหมือนเสัยงแก้วแตก  กลางท้องฟ้าเหนือหัวของพวกเขานั้นเกิดรอยแยกขนาดใหญ่และแตกออก  เศษผลึดขนาดใหญ่ที่แตกออกมาค่อยๆสลายหายไปกลายเป็นผงฝุ่นในอากาศ  นั่นทำให้พวกที่แกล้งเป็นลมต่างก็ลุกฮือขึ้นแล้วลนลานรีบหามคนที่เป็นลมจริงๆไปไว้ในที่ปลอดภัย

     เสียงกรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดและหวาดกลัวดังไปทั่วทั้งอาณาบริเวณ  มันดังมากเสียงจนทำให้หลายๆคนยกมือขึ้นปิดหูและน่ากลัวเสียจนหลายๆคนถึงกลับสติกระเจิงก้าวขาวิ่งไม่ออก  ในวินาทีต่อมาเจ้าของเสียงก็ลอยตัวลงมาจากฟากฟ้าสีดำทมิฬ  พวกนั้นดูกลมกลืนอย่างยิ่งกับยามค่ำคืนเช่นนี้  

     ร่างที่ก่อเกิดจากควันดำมืดที่เต็มไปด้วยกลิ่นไอแห่งความตายอยุ่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำขาดเป็นริ้ว  รอบตัวของพวกมันเต็มไปด้วยไอเย็นไร้ซึ่งชีวิตและดำไฟหลากสีดวงน้อยๆที่แต่ละดวงดูซีดจางจนเกินกว่าจะแยกออกมาเป้นสีขาวหรือสีอะไร    

     "ชิ  ไม่คิดว่ามันจะมาจนได้..."เซเรฟส่งเสียงจิ๊จ๊ะอย่างขัดใจแล้ววาดมือไปข้างหน้า  ปรากฏให้เห็นบาเรียสีรุ้งโปร่งใสที่ดูราวโดมทรงกลมที่ทำจากกระจก "บอกให้ทุกคนเตรียมสู้  มันคงจะแย่ถ้าต้องอยุ่อย่างนี้ไปนาน"

     "ท่านคงจะเบื่อ  ข้ารู้น่าๆ"ไซด์กอดอกแล้วจิกจักผู้อำนวยการโรงเรียนของตนอย่างเหลืออด "เฮ้ย  ไอ้งั่งทั้งหลาย  ถ้าพวกแกไม่อยากตายหละก็เตรียมไปฟัดกับวิญญาณงี่เง่าพวกนั้นซะ  ใครไม่สู้หละก็  อย่าให้ข้ารู้เชียว  เพราะนั่นหมายถึงจะมีคนเปลี่ยนสถานะไปเป็นคนล้างคอกสัตว์พาหนะ" พูดขู่จบเขาก็ดึงดาบยาวเล่มงามออก  ตัวดาบสีเพลิงเป็นเงาบ่งบอกความคมกริบและกระหาย  ด้ามจับสีดำฝังมุกเป็นลวดลายอัขระเวทย์ของพ่อมด

     "รู้ทันข้าจริงนะ"เซเรฟค้อนตาใส่เขาแล้วผ่อนพลังจิตลง  ทำให้สัตว์ร้ายหรือที่ไซด์เรียกว่าวิญญาณนั้นพังเข้ามาได้พวกมันต่างก่้พุ่งเข้าหาเด็กนักเรียนผู้น่าสงสาร  เพราะอะไรหนะหรือ  เพราะคุณผ.อ.และคุณรุ่นพี่ผมทองไม่คิดจะยื่นมือไปช่วยหนะสิ  เขาถือคติว่าทุกประสบการณ์คือการเรียนรู้

     ไซด์มองเด็กใหม่ที่กำลังเงื้อดาบขึ้นและฟันลงบนร่างที่ก่อเกิดจากควันนั้น  ดาบหรืออาวุะอะไรก็ตามต่างก็ทะลุผ่านผีร้ายไปได้อย่างง่ายดาย  เขาทนไม่ได้จึงป้องปากแล้วตะโกนด่าไปว่า "ไอ้พวกบรมงั่ง  แกใช้อะไรสุ้กับผีฟ่ะ!  เวทย์มนต์เฟ้ยเวทย์มนต์  จะฟันเปล่าๆไปเพื่ออะไรวะ  อยากโดนกินนักหรือไง!"

    และยังไม่ทันขาดคำ  เด็กชายคนหนึ่งถูกจับเอาไว้  เขามองวิญญาณตรงหน้าด้วยดวงตาที่อ่อนประกายลงเรื่อยๆ  มีเลือดไหลออกทางตา  ไม่นานนักก็มีลูกไฟสีแดงฉานลอยหลุดออกจากร่างเขาไป  ผีร้ายตนนั้นจึงปล่อยร่างอ่อนยวบลงกระแทกพื้น

    เืมื่อเห็นดังนั้นทุกคนจึงใส่พลังเวทย์ลงในอาวุธหรือไม่ก็เปลี่ยนมาใช้เวทย์แทน

    เสียงกรีดร้องโหยหวนของผีร้ายดังขึ้นไม่ขาดสาย  พวกมันไม่อาจจะหยุดร้องได้  ไม่ว่าพวกมันจะโดนแทงหรือไม่  แต่ทว่ามันกลับดังขึ้นทุกทีทุกที  ดังขึ้นเสียงหนึ่งแล้วเงียลง  ดังขึ้นเสียงหนึ่งแล้วเงียบลงอีก

    เงาร่างสีดำโฉบผ่านผีร้ายตนหนึ่ง  มันกรีดร้องแล้วสลายหายไป  เส้นผมสีดำเป้นลอนถูกสายลมยามค่ำคืนพัดให้พริ้วสยาย  นัยน์ตาสีดำดั่งท้องฟ้ายามราตรีดูดุร้ายและเย็นชาจนดุราวกับเป็นคนละคน  เล็บมือสั้นกุดอย่างมนุษย์ยาวออกเป็นกรงเล็บสีเงินซึ่งในยามนี้มันอาบด้วยของเหลวและเปลวไฟสีดำ

    เธอมองทุกอย่างอย่างเย็นชาและฆ่าผีร้ายทุกตัวที่เข้ามาใกล้  โชคดีที่ไม่มีใครหันมาเห็นเธอเพราะทุกคนต่างก็ยุ่งอยู่กับผีร้ายตรงหน้า

    หลังจากหยุดนิ่งอยุ่กับที่สักพักหนึ่งเธอก็กระโดดหายไปในความมืดของฟ้าฟากก่อนจะปรากฏตัวอีกทีที่หน้าของแจ๊คซึ่งเป็นเพื่อนของเธออย่างรวดเร็ว  ตอนนี้เขาดูเหมือนจะไม่ใช่มามนุษย์เพราะที่ลำแขนของเขามีคมดาบโค้งสีขาวงอกออกมา  แน่นอนมันไม่ใช่โล่หะแต่เป็นกระดูก

    คิลล์กระชากร่างสีดำมืดของผีร้ายตนหนึ่งแล้วหายวับไปต่อหน้าเขาโดยที่เขาไม่ทันได้รู้เลยว่าเป็นเธอ

    ทางด้านเซวีและจีเคนั้นพวกเธอ2คนหันหลังชนกันและฟาดฟันด้วยดาบที่อาบด้วยไอเวทย์ที่มีสีเฉพาะตัว  ดาบของเซวีมีแสงเรืองสีขาวบริสุทธิ์  ส่วนดาบของจีเคมีไอสีเขียวอ่อนหมุนวนอยู่รอบๆพร้อมกับกระแสไฟฟ้า  ซึ่งดุท่าจะไม่มีปัญหาอะไร

    พวกมันคือภูตรับใช้...  คิลล์วิเคราะห์ในใจพรางกวาดสายตาไปมองใบหน้าของผู้อำนวยการซึ่งในบัดนี้ไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด  เธอจึงมั่นใจว่าภูตรับใช้พวกนี้ไม่ใช่ฝีมือของคนใน  แล้วพวกมันต้องการอะไร?

    "อ๊ากกกกกกกก"เสียงครางหนักดังขึ้น  ซึ่งนั่นไม่ได้ทำให้การต่อสุ้หยุดชะงักลงเลย  เพราะมันมีแบบนี้แทบตลอดเวลา  แต่มันกลับทำให้มือสังหารมืออาชีพอย่างคิลล์ต้องหันไปมองทางต้นเสียง

    ภาพที่เห็นนั้นเป็นสิ่งที่ชวนให้เด็กสาวใจหาย  เด็กหนุ่มผมเงินกำลังถูกรุมล้อมไปด้วยวิญญาณร้ายซึ่งมีระดับต่างจากพวกที่เธอฆ่าไปเพราะว่าพวกมันสามารถใช้พลังวิญญาณและพลังเวทย์ได้ในระดับหนึ่ง  พวกมันต่างก้ปล่อยเวทย์ใส่เขาโดยส่วนใหญ่มักจะเป้นเวทย์ไฟ

    โล่น้ำแข็งที่เด็กหนุ่มสร้างขึ้นละลายไปอย่างรวดเร็วและเพราะไม่ได้โจมตีมาจากทางเดียวจึงทำให้บนตัวเรามีรอยไหม้และแผลพุพองหรือแม้กระทั่งแผลที่โดนใบมีดวายุ

    "ซีโร่!" เธอพึมพำอย่างตื่นตระหนกแล้วหันกลับไปฟันภูตรับใช้ตัวหนึ่งก่อนจะฉีกชุดเดรสส์ออกแล้วเผาทิ้งด้วยเพลิงสีฟ้า  เผยให้เห็นเสื้อหนังแขนกุกสีดำและกางเกงขาสั้นสีดำเช่นกัน  มันเป็นชุดสำหรับมือสังหารที่ใช้ในงานตามล่า  เธอยกหน้ากากแฟนซีสีขาวสะอาดขึ้นสวมบนใบหน้า

 

    ถามว่าทำไปทำไม?  ก็เพราะว่าเดรสส์มันเกะกะและรุ่มร่ามนะสิ  แต่จะใส่ชุดของมือสังหารมันก็กะไรอยู่ดังนั้นไม่สู้เป็นมือสังหารที่มีตัวตนอยู่จริงไปเลยหละ  สงสัยหละสิว่าทำไมถึงใส่ชุดมือสังหารอย่างเดียวไม่ได้  เพราะพวกราชวงศ์หลายๆคนรุ้หนะสิว่า 'ผู้พิพากษาจากความมืด' เป็นผู้หญิงผมสีดำ  ถ้าไม่ใส่หน้ากาก  ความก็แตกกันพอดี

 

     เจ้าของฉายาผู้พิพากษาจากเงามืดปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลังของผีร้ายซึ่งกำลังใช้เวทย์ไฟใส่เด็กหนุ่ม  เธอเงื้อกรงเล็บขึ้นและกระชากผีตนนั้นจนขาดวิ่นเหมือนฉีกกระดาษ  มันอ้าปากคิดจะโหยหวนเพื่อเตือนเพื่อนๆแต่ก็ทำไมได้  ไม่มีเสียงใดเ็ดรอดออกมาจากปากของมันเลย...

     เธอทำเช่นเดิมอีกครั้งเพียงแต่ว่าคราวนี้เธอปล่อยให้มันโหยหวนออกมา  และเป็นอย่างที่เธอหวัง  พวกมันหันมาสนใจเธอแทนเขาแล้วเริ่มสงคราม  ทั้งกายภาพและศาสตร์มืด  เวทย์มนต์  ทุกอย่าง  ทุกความสามาถ

     เด็กหนุ่มผมเงินเบิกตากว้างมองเธออย่างตกใจแล้วลุกขึ้น  เขาขยับปากพุดบางอย่างโดยไร้สุ้มเสียงแล้วจึงกวาดมือไปทางภูตรับใช้2ตัว  ทำให้มันเป็นน้ำแข็ง  แล้วกำมือ  น้ำแข็งแตกออกเป็นเสี่ยงๆพร้อมกับวิญญาณของพวกมัน

     "จะบ้าหรือไงทำอะไรแบบนี้"ซีโร่กัดฟันกรอดอย่างหงุดหงิดพรางแช่แข็งผีร้ายตนหนึ่งพร้อมกับใช้ไอเย็นสะกัดไฟของผีร้ายอีกตน

     "ใครบ้ากันแน่"มือสังหารถามกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาไร้ความรู้สึกแล้วพุ่งผ่านผีร้าย3ตนพร้อมกับฉีกพวกมันเป็นชิ้นๆในพริบตา  เธอกระโดดถอยหลังไปยืนชิดกับเด็กหนุ่ม  แผ่นหลังของทั้ง2แนบติดกันจนรู้สึกถึงอุณหภูมิร่างกายและเส้นหัวใจที่สั่นรวดของอีกฝ่าย

     "โดนรุมขนาดนี้ยังจะไม่เรียกข้า  บอกสิว่าใครบ้า?"เธอถามอย่างเดือดดาลแล้ววาดมือสร้างม่านพลังขาวป้องกันหอกน้ำแข็งจำนวนไม่ต่ำกว่า30เล่มที่พุ่งเข้ามา  ซึ่งน่าแปลกแทนที่มันจะเปล่งแสงแต่มันกลับสะท้อนประกายเป็นสีดำมืดจนแทบจะกลมกลืนไปกับความมืดยามราตร(ถ้าหากไม่มีคบเพลิงและแสงรอบๆหละก็นะ)

     "เจ้า!" ซีโร่ตวาดเสียงดัง  ไม่ใช่ว่าเขาคิดคำด่าไม่ออกแต่ว่าเขาตอบตามที่คิด "คนที่เข้ามาช่วยทั้งๆที่เห็นว่าข้าโดนรุมนั่นแหละบ้า!  ชีวิตหนะไม่รักบ้างหรือไง!" ยิ่งพูดความสงบในใจของเขาก็เริ่มหมดลงทุกที  นี่เจ้าไม่รู้เลยหรือไงว่าที่ข้าไม่ขอให้ช่วยเพราะข้าไม่อยากให้เจ้าเจ็บตัว

     "ถ้ารักข้าคงไม่ฆ่าคนอื่นหรอก  อีตาบ้างี่เง่าเอ๊ย!" เด็กสาวเถียงกลับด้วยร้ำเสียงที่ไร้ความสงบอีกต่อไป  ซึ่งนั่นทำให้ม่านพลังสั่นและมีลูกไฟเล็ดรอดเข้ามา  มันเฉียดผ่านไหล่หม่นของเธอและทิ้งรอยแผลไหม้เอาไว้ "ฮึ่มมมมมมมมม" เธอครางด้วยความขัดใจแล้วพุ่งไปฟัดกับพวกมันเรียงตัวโดยไม่ให้โอกาสมันได้ร่ายเวทย์  และแน่นอนผลที่ตามาคือตายไปเป็นเบือ  แต่ว่าจำนวนของพวกมันโดยรวมที่เธอเห็นกลับแทบจะไม่ลดลงเลย...

 

      "ไม่หมดซักที่วุ้ย" แจ๊คบ่นในขณะที่ฟาดฟันกับพวกมัน  เขารู้สึกอ่อนแรงอย่างมากเพราะเขาใช้ความสามารถพิเศษควบกับพลังเวทย์มานานจนจะไม่เหลือแรงแล้ว

      "แจ๊ค!  ระวังหลัง!" จีเคและเซวีซึ่งเปลี่ยนมารวมกลุ่มกับแจ๊คเอ่ยเตือนเขาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

      ส่วนเจ้าตัวที่โดนเตือนก็รีบหันไปทันทีแต่ไม่ทันเสียแล้ว  เขาแทบไม่เหลือแรงจะปัดมันออกไปได้เพราะไหล่ที่สัมผัสกับความเย็นสุดขั่วนั้นชาไปหมดแล้ว   ไม่รอดแน่เรา  เขาคิดพรางค่อยๆหลับตาลงแล้วทำให้ใจเข้มแข็งที่สุด  เพราะเคยมีคนบอกเขาว่าถ้าใจเข้มแข็งอะไรก็ทำอะไรเขาไม่ได้

      ฉึก!   เสียงแทงดังขึ้นพร้อมกับเสียงโหยหวนของผีร้าย  มันสลายไปทำให้สามารถมองเห็นคนมีช่วยชีวิตเด็กหนุ่มเอาไว้ได้  เขาก้คือรุ่นพี่หน้าโหดนั่นเอง  เขาส่งยิ้มเหี้ยมที่มุมปากให้แล้วเอ่ยว่า "ไอ้หนู  ความสามารถของแกน่าสนใจดีนี่หว่า  แต่ตอนนี้ตัวประกอบหลบไปพระเอกมาช่วยสาวๆแล้ว"เขาพูดแล้วตบหลังคงใกล้หมดแรงดังป๊าบ

     ไอร้อนแล่นผ่านฝ่ามือของไซด์ไปยังแขนทั้ง2ของแจ๊ค  เขารู้สึกตกใจเล็กน้อยที่รุ่นหน้าโหดนิสัยเสีย  ปากไม่ดี  คนนี้ก็ช่วยคนเป็นเหมือนกัน

      "แล้วผู้อำนวยการหละ?"จีเคถามเสียงเรียบพรางฟัดผีร้ายที่พุ่งเข้ามา

      "กำลังเล่นอยู่บนฟ้าโน่น  เห็นตาแก่บอกว่าพวกมันกลัวแสงอาทิตย์ให้ถ่วงเวลาจนกว่าจะเช้า  ส่วนตัวเองก็ขอเล่นให้สะใจก่อนที่จะถึงเช้า" ไซด์ตอบด้วยท่าทางแสนกวนโอ๊ยปนหาเรื่องแล้วฟาดฟันดายสีแดงเพลิง  ทุกสิ่งที่ดาบตัดผ่านจะปรากฏเปลวเพลิงขึ้นและเผาสิ่งนั้นจนเป็นธุลีผง

      เด็กๆต่างก็นึกตกใจที่ชายหนุ่มตรงหน้าเรีกยผู้อำนวยการซึ่งน่าจะอายุไล่ๆกันว่าตาแก่  เพราะพวกเธอหารู้ไม่ว่าจริงๆแล้วผ.อ.เซเรฟนั้นอายุมากกว่าพวกเธอหลายเท่านัก

 

     "นี่จะต้องสู้ไปถึงเมื่อไหร่?"ซีโร่เอ่ยถามในขณะที่ส่งให้หอกน้ำแข็งหลาย10เล่มโจมตีใส่ผีร่ายที่ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลย  อย่าบอกนะว่าจนกว่าจะหมด  นี่ข้ายังไม่รู้เลยว่ามันมีอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่?  ถ้ามันเกิดขึ้นเองได้  ข้าตายดีกว่า

     "จนกว่าตะวันจะขึ้นสู่ฟากฟ้า"มือสังหารตอบแล้วถอดหน้ากากออก "ใกล้แล้ว" เธอพึมพำเบาๆ  แววตาที่เคยแข็งกร้าวและหืดกระหายเริ่มสงบลงและกลับเป็นเฉยชาเช่นเดิม

     เป็นอย่างที่เธอบอก  ใกล้แล้ว

     ดวงอาทิตย์โผล่พ้นขึ้นมาทำให้ท้องฟ้าสีดำมืดสว่างขึ้นและกลายเป็นสีฟ้าคราม  อาณาเขตที่แตกเป็นรูเริ่มสานผลึกเล็กๆและกลับมาเป็นปกติ  ภูตรับใช้หรือผีร้ายหวีดร้องด้วยเสียงแหลมสูงก่อนจะสลายไปเองโดยไม่ต้องทำอะไร  ทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้ง

     ทุกคนมองรอบๆตัวอย่างมึนงง  แต่เมื่อหันไปเจอเพื่อนของตนก้หัวเราะออกมาเนื่องจากสภาพเลอะเทอะมอมแมมและชุดหรูที่ขาดรุ่งริ่ง  หรือผุ้หญิงบางคนที่โดนเวทย์น้ำเข้าไปจนเครื่องสำอางลอกเปื้อนหน้าเป็นสีๆ  ทำให้รอบด้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะขบขัน

     ร่างของชายผมทองซึ่งเป็นผู้อำนวยการค่อยๆร่วง...  ไม่สิ  ค่อยๆเดินลงมาจากท้องฟ้าและหยุดนั่งบนหลังคาปราสาท  เขามองนักเรียนของตนแล้วหัวเราะออกมาพร้อมกับรอยยิ้มอบอุ่น  ก่อนที่มันจะเลือนหายไปและเหลือไว้เพียงความเศร้าและกังวล

     ซีโร่และคิลล์ซึ่งใช้ออพชั่นพิเศษของสมุดพกเวทย์มนต์เรียกชุดที่เธอเผาไปกลับมา  มันมีรอยไหม้และเปื้อนเต็มไปหมดจึงไม่ทำให้ใครสงสัยแน่นอน  เธอสวมชุดทับชุดมือสังหารที่เธอใส่แล้วเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ(แน่นอนว่าซ่อนหน้ากากเรียบร้อยแล้ว)

     "สภาพเป็นหมาหอบเชียวนะแจ๊ค"เด็กหนุ่มผมเงินทักเพื่อนผมแดงที่นอนแผ่อยู่บนพื้นที่เต็มไปด้ายรอยไหม้และน้ำนอง

     "แกก็ไม่ต่างจากฉันหรอกหวะ  ฮ่าฮ่าฮ่า  แอ๊ก!" แจ๊คย้อนแล้วหัวเราะเสียงดังอย่างสะใจ  แต่ว่าด้วยความที่ผู้หญิงผมดำตรงแถวนั้นเกิดอาการหมั่นไส้ขึ้นมาจึงกระแทกส้นเท้าเบาๆที่ซี่โครงของเขา "ดูทำเข้าสิ  จีเคเจ้าใจร้าย!  ข้าหิวข้าวแล้วเว้ยยยยย"เด็กหนุ่มเริ่มชักดิ้นชักงองอแงเหมือนเด็กๆ  ซึ่งสำหรับอายุ17ปีของเขาแล้วมันดูไม่น่ารักเอาเสียเลย...

     มันบ้าไปแล้วแน่ๆ...  ทุกคนต่างคิดอย่างอย่างพร้อมเพรียงโดยมีได้นัดหมาย  นี่นาจะถูกบันทึกเอาไว้ในประวัติศาสตร์โลกเกี่ยวกับการนินทาคนในใจที่พร้อมเพรียงและมากที่สุดที่เคยเกิดขึ้น

     "อ๊ะ  ซีโร่   คิลล์หายไปไหนซะแล้วหละ"เซวีซึ่งกำลังหัวเราะอยู่หันไปเห็นข้างตัวของเขาจึงเอ่ยทักถาม

     "คิลล์!?"ซีโร่หันไปแล้วก็ถึงกับสะดุ้งโหย่ง  เขารีบวิ่งออกไปตามหาเด้กสาวทันทีด้วยควาเป็นห่วง  ให้ตายเถอะไปไหนไม่บอกไม่กล่าว  โกรธเราหรือไรกันนะ  ผู้หญิงเข้าใจยาก! 

    

     "ดูเป็นสุขกันจริงๆ...  แต่ปมแห่งโศกนาฏกรรมนั้นกำลังถูกผู้ขึ้นอีกคราแล้ว" เซเรฟยิ้มบางๆที่มุมด้วยความเศร้าโศก

     มือเรียวโปร่งแสงมือหนึ่งยื่นมาแตะบ่าเขาอย่างเบามือ  เขาจึงใช้มือขวากุมมือนั้นเอาไว้แล้วพูดด้วยเสียงเบาหวิวว่า "ครานั้นข้ามันอ่อนแอจึงเสียเจ้าไป...  แต่ครานี้ข้าจะไม่ยอมให้มันเอาใครไปทั้งนั้น  โดยเฉพาะ..."

     เงาร่างโปร่งแสงของหญิงสาวข้างกายเขายิ้มแล้วย่อตัวลงกอดคอของชายหนุ่มเอาไว้เหมือนกำลังปลอบโยนเขาอยู่

 

    

    

    

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา