Phantom School

8.8

เขียนโดย Wondergirl

วันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2556 เวลา 18.10 น.

  20 บท
  2 วิจารณ์
  20.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 21.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) รถม้าสู่โรงเรียนปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     กึกกัก  กึกกัก  เสียงของรถม้าดังขึ้นภายในโสตประสาทที่มืดดำมากตลอดพร้อมกันนั้นก็ตามมาด้วยแรงสั่นสะเทือนขึ้นๆลงๆ   บอกชัดให้รู้ว่าเธอกำลังนั่งอยู่ในรถม้าที่วิ่งอยุ่บนเส้นทางอันแสนขรุขระ   เธอมึนงงเล็กน้อยกับเหตุการณ์นี้  ตอนแรกล่าสุดเธอกำลังเดินอยู่บนทางเปลี่ยวๆหลังจากสำเร็จภารกิจ...   แล้วเธอก็โดนยิงที่อกซ้าย...?  

     เพื่อให้แน่ใจว่าตนยังไม่ตาย   เธอรอจนร่างกายกลับมารับรู้ได้ตามปกติแล้วลองสั่งการร่างกายดู   เธอยกมือซ้ายขึ้นสัมผัสใบหน้าเพื่อให้แน่ใจว่าหน้ากากยังอยู่แล้วจึงค่อยๆลืมตาขึ้น

     ด้านหน้าของเธอคือผนังสีกรมท่ามีลายดอกลิลลี่สีขาวที่มีโคมไฟเล็กๆ2อันประดับไว้เพื่อให้ความสว่าง  ทางซ้ายของเธอคือหน้าต่างสำหรับมองออกไปข้างนอก  ซึ่งถูกปิดไว้ด้วยม่านสีฟ้าโปร่งแสง  เธอหันไปมองด้านขวาของเธอ  ก็พบว่ามีอีกคนกำลังนั่งหลับอยู่ด้วย

     เขามีผมสีเงินยุ่งเหยิงยาวประบ่าซึ่งดูแปลกตามากสำหรับเธอ...  ปกติที่เธอจะเคยเห็นก็แค่คนแก่หัวสีหงอกเงินแต่นี่อะไร  หมอนี่ยังเป็น...  เด็กหนุ่มน่าจะอายุราวๆกับเธอ  ผิวของเขาขาวตามธรรมชาติและเนียนละเอียดเหมือนผิวหญิงสาว  ส่วนชุดที่เขาใส่อยู่นั้นก็ดูคล้ายๆชุดบาทหลวง  เพีัยงแต่ดูธรรมดากว่า  ดวงตาของเขายังปิดสนิท  แผ่นอกภายใต้ชุดสีดำขยับขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ

     หลับอยู่...  เธอถอดถุงมือเปื้อนเลือดออกแล้วรูดซิปที่คอเสื้อลงมาจนสุดแล้วถอดมันออก  เผยให้เห็นเนินอกอวบขาวและเสื้อกล้ามสีดำ  เธอตรวจดูคราบเลือดที่แห้งกรังบนเสื้อแล้วจึงวางมันลงกับพื้นรถม้า

     "อืม..."เสียงครางเบาๆดังมาจากร่างข้างๆ   เปลือกตาของเด็กหนุ่มค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้าๆ  เผยให้เห็นนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเล  เขาเหลียวซ้ายแลขวาอย่างมึนงง  ก่อนจะหันมามองเด็กสาวที่แต่งตัวไม่ค่อยเรียบร้อยตามที่ควรที่นั่งอยู่ด้านข้าง  ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินและประหม่า "ขะ...ข้า...  ข้า  ข้าไม่ได้ตั้งใจจะ... จะมองนะ  เอ้า"เขาพูดด้วยท่าทางลนลานเมื่อหันไปสบตา(?)กับเด็กสาวสวมหน้ากาก  แล้วจึงรีบถอยเสื้อนอกแขนยาวสีดำของเขาให้เธอแล้วหันไปทางอีก

     "ไม่ต้อง  ไม่เป็นไร"เธอพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบพยามผลักมือที่ยื่นมาออก "มันร้อน" เธออธิบายสั้นๆแล้วเลิกผ้าม่านมองออกไปข้างนอก   สีดำ...  หน้าต่างถูกบดบังด้วยสีดำ  เธอจึงปิดมันไว้ดังเดิมโดยไม่คิดที่จะพังหน้าต่างแล้วหนีออกไป  เพราะยังไงซะมันคงเป็นสถานที่ที่เธอไม่รู้จักอยู่ดี  ถึงแม้เธอจะเคยไปทำงานมาหลายๆที่แต่ว่าที่ที่มีถนนขรุขระนั้นไม่ค่อยมีนักเพราะเริ่มมีการทำถนนขึ้นใหม่  ให้สะดวกต่อการเดินทาง

     "ที่นี่ที่ไหน?"เด็กหนุ่มเอ่ยถามพรางสอดมือทั้ง2เข้าใต้หัวเพื่อใช้่แทนหมอน

     "ข้าไม่รู้"เธอตอบ

     "อ่า...  อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ  เจ้าชื่อ..."เขาหันไปมองอีกฝ่ายโดนหวังลึกว่าจะให้เธอหันมามองเขาเหมือนกัน...  เพราะอะไรนะ?

     "คิลล์  เรียกข้าว่าคิลล์  เจ้าชื่ออะไร"เด็กสาวผมดำตอบทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องไปยังผนังสีกรมท่าอย่างเหม่อลอย  นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีคนถามชื่อ?  ครั้งสุดท้ายมันเมื่อไหร่กันนะที่มีคนเรียกชื่อข้า...  เธอเริ่มคิดเรื่องไร้สาระเนื่องจากไม่มีอะไรทำ

     ว่าแต่แม่คุณไม่คิดจะถอนหน้ากากเปื้อนเลือดนั่นหน่อยหรือ...  เด็กหนุ่มมองเด็กสาวแสนแปลกคนนี้อย่างปลงและเหมือนจะนึกอะไรได้  อะไรนะ?  หน้ากากเปื้อน... "เลือด!"เขาแหกปากตะโกนอย่างตกใจ

     "นั่นชื่อ?"คิลล์พูดเสียงสูงเป็นเชิงถามพร้อมทั้งหันไปมองอย่างหงุดหงิด  ถ้าไม่มีหน้ากากแฟนซีช่วยไว้ป่านนี้ท่าทางเด็กหนุ่มผมเงินคนนี้จะถูกฆ่าด้วยการมองเป็นคนแรกของโลก

     "หน้ากากเปื้อน'เลือด' "เขาเน้นคำว่าเลือดชัดๆเน้นๆ

     "หยุดแหกปาก!  อย่าได้สน"เธอพูดสั้นๆด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวแกมตะคอก "ตอบมา เจ้า-ชื่อ-อะไร"เธอถามซ้ำโดยเน้นย้ำอย่างชัดถ้อยชัดคำน่าเกรงขามเหมือนขู่ฆ่า(?)

     "ซีโร่  ข้าชื่อซีโร่"เขาสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อลดอาการตกใจของตน  ผู้หญิงอะไรน่ากลัวชะมัด  แล้่วหมายความว่าไงหนะอย่าได้สนที่ว่าเนี่ย?  เลือดอาบตั้งเกือบครึ่งหน้าแถมยังกระเซ็นเป็นดวงๆ...  เอ๋?  กระเซ็น?  เดี๋ยวนะหน้ากากแฟนซีสีขาว  

     "ผู้พิพากษาจากเงามืด?"ซีโร่เอ่ยถามเบาๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจในความคิดของตัวเอง  

     นั่นคือฉายาที่ทางอาณาจักรใช้เรียกฆาตกรสาวผู้โด่งดังคนหนึ่ง  เธอมีลักษณะการฆ่าที่เหี้ยมโหดและมักทิ้งตัวอักษรเลือดที่เขียนด้วยลายมือปราณีตบรรจงไว้ในที่เกิดเหตุ  ซึ่งน่าแปลกที่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังคงไม่มีใครหาตัวจริงของเธอได้

     "บิงโก" คิลล์ดีดนิ้วดังเป๊าะแล้วยืดตัวนั่งพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ "นึกว่าจะไม่เคยมีคนอื่นเห็นแล้วซะอีก"เธอพูดด้วยท่าทางที่ดูเป็นมิตรขึ้นเล็กน้อย

     "อ้อ  ข้าก็ไม่เคยเห็นหรอกนะ  แต่ข้าได้ยินมาจากท่านพ่อว่า 'เป็นมือสังหารที่มีค่าหัวสูง  ก่อแต่คดีใหญ่  แต่น้อย  ไม่มีร่องรอยบ่งชี้ตัวตนนอกจากอักษรเลือด  เบาะแสที่รู้คือ เป็นผู้หญิืงสวยที่สวมหน้ากากแฟนซีสีขาว' ที่รู้ว่าสวมหน้ากากแฟนซีก็..."

     "คดีแรกที่ข้าก่อข้าลืมหน้ากากเอาไว้ที่โต๊ะทำงานของนักการเมืองโลภคนนั้น..."คิลล์ชิงตอบเองแล้วก็ขมวดคิ้วเล้กก่อนพูดต่ออย่างติดตลกร้ายว่า "ที่จริงตอนที่ข้าเข้าไปคิดจะฆ่าเขาเขาตายแล้วแถมยังช๊อคจนเสลด น้ำเหลือง น้ำเลือดไหลพุ่งออกทางปากมาโดนหน้ากาก  ข้าเลยขยาดไม่กล้าใส่" แหงหละ  แค่เลือดกับน้ำน้ำเหลืองหนะพอว่า  แต่นี่! น้ำลาย เสลด  แหวะจะตาย

     "อ้อใช่ๆ  พ่อข้าบอกว่ามันสกปรกเหลือรับจนถ้าไม่ใช่หลักฐานหละก็พ่อจะเอาไปเผ่าทำลายฆ่าเชื้อโรคให้สิ้นซากเลย"ซีโร่พูดอย่างสนุกปากเหมือนไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าคนตรงหน้าเป็นฆาตรกรรม "ว่าแต่...  เจ้าหมายความว่าไง?  ที่ไม่ได้ฆ่า?"

     นี่มันไม่กลัวจริงหรือกลัวจนเสียสติ?  คิลล์ไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้นแต่กลับรู้สึกสงสัยขึ้นมาเกี่ยวกับท่าทางของเขามากกว่า

     "พอดีตอนที่ข้ายังเป็นเจ้าชายอยู่ในวังพ่อชอบเอาคดีมาเล่าเป็นนิทานก่อนนอนหรือมุกตลกคลายเครียดบ่อยๆหนะ"

     ข้าว่าแล้ว...  ว่าแต่ราชาแบบไหนกันนะที่เล่าเรื่องแบบนี้ให้ลูกฟัง?  

     หลังจากเขาพูดจบก็ไม่มีใครปริปากพูดอะไรอีกจนทำให้ความเงียบเริ่มปกคลุม  ซึ่งมันให้คนหนึ่งเริ่มคิดที่จะนอนหลับจริงเสียที  ส่วนอีกคนก็อึดอัดอย่างบอกไม่ถูก  ก็เขากำลังอยู่ในรถม้าที่จะพาไปที่ไหนไม่รู้  แถมอยู่กับใครไม่อยู่  อยู่กับมือสังหารมืออาชีพที่สวมหน้ากากเปื้อนเลือด  ไม่ค่อยจะพูดเว้นแต่จะถาม

     "ถอดออกได้ไหม"  ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจึงเอ่ยขอไปตามตรง

     คิลล์หันไปมองอย่างเฉื่อยๆ  เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะให้เธอถอดอะไร?

     "หน้ากากหนะ  ถอดออกเถอะ  ข้าอึดอัดเหมือนเจ้าไม่อยากจะรู้จักข้า" ซีโร่พูดอย่างอายๆ  นี่ถ้าเธอตอกกลับมาว่ารู้ตัวก็ดีเขาคงหน้าแตกหมอไม่รับเย็บแน่ๆ

     เธอพยักหน้าช้าๆอย่างขี้เกียจแล้วจึงปลดหน้ากากออก  เผยให้เห็นคิ้วโก่งดั่งคันศรและดวงตาโตคู่สวย  นัยน์ตาสีดำสนิทดั่งผืนฟ้ายามราตรี  จมูกโด่งได้รูป  ประกอบกับริมฝีปากบางชมพูระเรื่อ  เธอคงเป็นมือสังหารที่น่ารักที่สุดที่มีอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้

     ซีโร่มองหน้าเธออย่างตกตะลึงก่อนจะพยักหน้าช้าๆำพร้อมพูดว่า "อืม...  ขอบคุณ"

     เธอพยักหน้ารับแล้วจึงหันหลังให้เขาและสัปหงกตามที่ตั้งใจไว้

 

     รถม้ายังคงวิ่งต่อไปเรื่อยอีกประมาณ1ชั่วโมงเต็มหรืออาจเกินแล้วมันก็หยุดลง   ประตูรถม้าถูกเปิดออกโดยชายแก่หลังค่อมตัวเตี้ย  เขายิ้มให้เด็กหนุ่มซึ่งยังคงตื่นอยุ๋และยิ้มให้เขา

     "ถึงที่หมายแล้วขอรับ  ช่วยปลุกนางแล้วตามข้ามาด้วยนะขอรับ  โปรดทำตามนะขอรับ"เขาพูดอย่างสุภาพแต่ดูเหมือนจะเป็นการสั่งมากกว่า 

     นอบน้อมแต่แข็งกร้าว  ซีโร่พยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบเฉยพร้อมทั้งหันกลับไปคิดจะปลุกเด็กสาวที่หลับสนิทอยู่ข้างตน  ปรากฏว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วแถมยังสวมหน้ากากเรียบร้อยแล้วด้วย  เธอหยิบเสื้อนอกสีดำพาดบนไหล่แล้วเดินลงจากรถม้าไปก่อนทั้งๆที่เธอนั่งอยู่ด้านใน

     "ซีโร่  ลงมาสิ"คิลล์พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงพร้อมกับเหม่อมองไปรอบๆ  

     ที่นี่ดูเหมือนเป็นเกาะ...  เกาะที่ลอยอยู่กลางอากาศ  เธอกำลังยืนอยุ่บนที่ที่เหมือนหาดซึ่งไม่มีทราย  มันเป็นหินโปร่งแสงทรงรี  ตรงหน้าเป็นประตูรั้วสูงตระหง่านสีเงินซึ่งมีไม้เลื้อยพัน  ออกดอกสีขาวและสีฟ้า  เพิ่มสีสันให้แก่ที่นี่  ส่วนด้านหลังรั้วนั้นเป็นปราสาทหินสีเทาที่มีสะพานเชื่อมที่หอบนสุดไปยังตึกอีก4หลัง

     "นี่มันอะไรกัน..."ซีโร่ลงมาจากรถแล้วร้องอย่างมึนงง

     "ยินดีต้อนรับสู่โรงเรียนแห่งความหวาดกลัว  โรงเรียนแฟนธ่อม  ครับ"ค่อมพูดพรางเดินนำทั้งคู่เข้าไปยังโรงเรียน

     รั้วเปิดออกและมีแผ่นผินอ่อนปรากฏขึ้นเป็นทางเดินเหมือนกำลังเชื้อเชิญ...

 

     ให้เข้าไปสู่โรงเรียนแห่งเงามืด

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.4 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา