Vampiric Murderer ปริศนารักคดีแวมไพร์
เขียนโดย Zindy
วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 00.16 น.
แก้ไขเมื่อ 5 กันยายน พ.ศ. 2557 22.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
6) เด็กใหม่(อีกคน) (50%)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเขาที่ยืนหันหลังให้กับแสงจันทร์ที่สาดส่องมาทำให้ใบหน้าที่ซารีน่าเห็นถูกทาบทับด้วยเงาจนไม่อาจเห็นสีหน้าของเขาได้ชัดนัก เห็นได้ก็เพียงริมฝีปากบางที่คลี่เป็นรอยยิ้มอย่างจงใจ พร้อมกับคำพูดที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงยากจะบ่งบอกอารมณ์
“ถ้าผมตอบว่าผมเป็นแวมไพรล่ะ”
“เอ๊ะ...”
“ถ้าผมเป็นแวมไพร์ที่ใครอย่างที่ใครต่อใครเขาพูดกันจริงๆล่ะ” ฮาลวิลลิสย่างก้าวเข้ามาใกล้ซารีน่าทีละก้าว “ถ้าหาผมเป็นแวมไพร์... คุณจะทำยังไงล่ะ”
ซารีน่าก้าวถอยหลังอย่างเว้นระยะห่าง บรรยากาศบางอย่างทำให้เธอรู้สึกกลัวในใจลึกๆ ร่างของชายหนุ่มที่ย้อนแสงเป็นเงาดำค่อยก้าวเข้ามาหา ช่างดูน่ากลัวแต่ขณะเดียวกันก็น่าพิศวงจนไม่อาจะละสายตาราวกับเป็นแวมไพร์ที่แฝงตัวอยู่ในเงามืดจริงๆ
ฮาลวิลลิสหยุดก้าวเข้ามาแล้ว อาจจะเป็นเพราะว่าซารีน่าถอยหลังจนติดต้นไม้แล้ว เขาอยู่ใกล้กับซารีน่ามากกว่าแต่แรก
“นั่นสินะ...” เสียงพูดของเขาเบาราวเสียงกระซิบ เขาก้าวถอยออกไปจากร่มเงาของต้นไม้ สู่พื้นที่ที่มีแสงสว่างมากกว่า เขาไม่เหมือนแวมไพร์ในเงาดำอีกต่อไปแล้ว
“ถ้าหากผมเป็นแวมไพร์คุณก็คงจะกลัวผมไม่ต่างจากคนอื่นๆหรอก” สิ้นคำพูดนั้นก็ก็หมุนตัวแล้วเดินกลับไปสู่ทางเข้าหมู่บ้านโดยไม่รอคำตอบจากเธออีก
ไม่ใช่นะ!
“ดะ... เดี๋ยวก่อนสิ”
“ครับ” เขาหันกลับมาหาเธอ ตอบรับด้วยเสียงปกติราวกับเรื่องเมื่อกี้ไม่ใชสิ่งที่จำเป็นต้องใส่ใจ
“นายยังไม่ตอบเลยนะว่านายเป็นแวมไพร์จริงๆรึเปล่า”
“คุณก็ยังไม่ตอบผมเหมือนกันว่าถ้าผมเป็นแวมไพร์คุณจะทำยังไง” ฮาลวิลลิสยอกย้อนกลับมาหน้าตาเฉย มันทำให้ซารีน่าอึกอักไปพักหนึ่ง
“ชั้นไม่เชื่อหรอกนะว่านายจะเป็นแวมไพร์จริงๆ”
เธอได้ยินเสียงของชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ ไม่แน่ใจว่าด้วยความสนุกหรืออย่างอื่น
“ครับ” เขาหันเดินต่อไป และคราวนี้ก็ไม่มีเสียงเรียกให้เขาต้องหยุดเดินอีก
“...ขอบคุณครับ” ราวกับเป็นเสียงของสายลมที่พัดผ่านมา คำขอบคุณเบาๆได้แว่วมาแล้วจางหายไป
ซารีน่ายืนมองฮาลวิลลิสเดินเข้าไปในหมู่บ้านจนลับสายตาแล้วจึงเดินตามเข้าไป รู้สึผิดในใจทั้งที่ไม่คิดจะชื่อว่าเขาเป็นแวมไพร์แต่กลับไม่กล้าที่จะตอบคำถามของเขา ความคลางแคลงใจเพียงแค่นั้นดึงให้เธอไม่สามารถตอบอะไรออกไปได้
‘ถ้าหากผมเป็นแวมไพร์...คุณจะทำยังไง’
‘ถ้าหากว่านายเป็นวมไพร์ชั้นอาจจะกลัวนายก็จริง ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากรู้จักนายอยู่ดีไม่ว่านายจะเป็นมนุษย์หรือแวมไพร์ก็ตาม’
ในวันพรุ่งนี้ถ้าเจอกันอีกเธอจะทำหน้ายังไงเพื่อทักทายเขาดีที่จะดูเป็นธรรมชาติและไม่ทำให้เขาหรือตัวเธอเองต้องคิดมาก
...แต่อย่างไรเสีย ไม่ว่าเธอจะทักทายเขาแบบไหน เธอก็เชื่อว่าเขาจะยิ้มให้เธออยู่ดี ไม่ว่ารอยยิ้มนั่นจะปิดบังอะไรไว้อีกก็ตามที
“เอาล่ะ ผลจากการนับคะแนน ประธานนักเรียนใหม่ก็คือ ซารีน่า เวเอดิส ส่วนรองประธานก็คือ ฮาเวิร์ด ซีฟรอสนะ ...พวกเธอสองคนอีกแล้ว จริงๆเลย” เสียงอาจารย์ที่คุมการเลือกตั้งปรธานนักเรียนนของชั้นปีดังจากลำโพงของหอประชุมที่บัดนี้มีนักเรียนเพียงแค่ชั้นปีเดียวนั่งอยู่ ส่วนตัวอาจารย์เองก็แสร้งทำหน้าเบื่อหน่ายส่งไปให้เจ้าของชื่อทั้งสองคนอยู่ที่โพเดียม
ปกติแล้วชั้นปีอื่นๆจะเลือกประธานนักเรียนกันช้ากว่านี้ แต่ชั้นปีนี้เป็นชั้นเกือบจะสูงสุดการเลือกตั้งเลยเลื่อนมาให้เร็วขึ้น เนื่องจากเป็นปีที่ต้องรับผิดชอบสูงสุด เพราะสูงสุดจริงๆก็จะไม่ค่อยมีเวลามาทำงานกรรมการนักเรียนเท่าไร ส่วนใหญ่ก็มัวแต่จะวุ่นกับการเตรียมสอบเข้ามหาวิทลัยและการเรียนต่อ งานใหญ่ๆเลยตกเป็นของชั้นปีนี้วะส่วนใหญ่
“เอ้า ปรบมือให้สองคนนั่นหน่อยซิ!” อาจารย์สั่ง
เสียงแกล้งเฮอย่างตื่นเต้นพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นจากเพื่อนร่วมชั้น ไม่เว้นกระทั่งลอลินที่นั่งอยู่ข้างซารีน่าก็หัวเราะออกมาชัดเจน ซารีน่ากับฮาเวิร์ดได้แต่นั่งยิ้มฝืดๆอยู่กับที่
“ลอลิน อย่าขำสิ ฉันขำด้วยไม่ออกนะ”
“เอาน่า ซารีน่าเธอจะเป็นประธานอีกแค่ปีนี้กับปีหน้าเองนะ สู้ๆน่านะ” ลอลินพูดไปด้วยปรบมือไปด้วย
ซารีน่าถอนหายใจ นึกอยากจะร้องไห้อยู่นิดๆ ไม่รู้งานปีนี้จะหนักขนาดไหน... ถึงจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่าเพื่อนคงพร้อมใจกันยกตำแหน่งนี้ให้เธอแน่ๆ
ขณะที่อีกฝากของที่นั่งขอประชุม ฮาเวิร์ดก็มีอาการไม่ค่อยต่างจากซารีน่าเท่าไร รองประธานเนี่ยมันก็งานพอๆกับประธานนั่นแหละ
“เฮ้ย คุณรอง”ระหว่างเสียงปรบมือที่ดังอยู่นั้นเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างหน้าข้างหลังของฮาเวิร์ดก็หันมาเรียกเขา “เหลืออีกแค่สองปีเอง เมื่อไรแกจะจีบคุณประธานซะทีล่ะ เห็นชอบมาตั้งนานแล้วไม่ใช่หรอ”
“ไม่รีบเดี๋ยวโดนใครตัดหน้าไปก่อนน้า” เพื่อนแถวนั้นอีกคนเสริม
ฮาเวิร์ดเหลือบไปทางหญิงสาวเรือนผมสีเหลืองส้มแล้วก็ทำหน้าเมื่อยถอนหายใจ “ช่างฉันเถอะน่า”
เรื่องที่เขาแอบชอบซารีน่าน่าจะรู้กันเฉพาะเพื่อนที่สนิทด้วยเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ...หรือจริงๆอาจจะรู้ทั้งระดับชั้นแล้วก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆคือซารีน่ายังไม่รู้ เหมือนเพื่อนแต่ละคนจะสนุกเหลือเกินกับการที่เห็นเขาได้แต่มองซารีน่าตาละห้อย
...สองปีสุดท้ายแล้วสินะ
ฮาเวิร์ดรู้จักซารีน่ามาตั้งแต่ม.ต้นแล้ว และแทบจะเป็นกรรมการนักเรียนมาด้วยกันตลอด เขาก็รู้ตัวว่าแอบมองซารีน่ามานานแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความที่รู้จักกันมานาน จึงอาจจะพูดได้แค่ว่าหากซารีน่าจะชอบก็คงจะเป็นอย่างนั้นไปนานแล้วล่ะ
“เอาล่ะๆ ต่อจากการเลือกประธานนักเรียน จะเป็นการบอกกำหนดการต่างๆของปีนี้ให้ฟังนะ ไหนๆปีหน้าพวกเธอก็ต้องตั้งใจกับการสอบเข้ามหาวิทลัย ปีนี้เลยจะมีกิจกรรมเข้าค่าย” เสียงอาจารย์คนเดิมขัดบรรยากาศเฮฮาของนักเรียน
“โดยปีนี้จะมีการเข้าค่าย... พวกเธออาจะบอกว่ามันก็มีเข้าค่ายทุกปีไม่ใช่หรอ แต่ปีนี้พวกเธอจะได้เลือกสถานที่เข้าค่ายเอง “ อาจารย์มองไปทางซารีน่าแล้พูดใส่ไมค์ “ประธาน หาเวลาจัดประชุมระดับชั้นด้วยล่ะว่าจะไปค่ายกันที่ไหน ติดต่อกันเองนะแล้วส่งเรื่องมาให้โรงเรียน ไม่ต้องรีบก็ได้แต่ต้องส่งภายในเทอมหนึ่งนะ”
นั่นไง งานมาแล้ว
“...ค่ะอาจารย์”
“ส่วนเรื่องกำหนดการสอบ....”
ตอนที่ซารีน่าไปถึงโรงอาหารคนก็นั่งกันเต็มแล้ว เพราะการประชุมเลิกช้าเป็นพิเศษ นักเรียนชั้นอื่นๆก็มาที่โรงอาหารนี้กันหมดแล้ว
“นั่งไหนกันดีล่ะ...” ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกโต๊ะก็มีแต่คนนั่งอยู่ก่อนแล้วทั้งนั้น ซารีน่าอยู่กับลอลินแล้วก็เพื่อนอีกสองคนที่ชื่อ รีวากับเฟลิน
ถ้าไม่นับลอลินที่เป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอแล้ว ซารีน่าก็มีเพื่อนสนิทอีกของคนก็คือรีวากับเฟลินนี่แหละ น่าเสียดายที่ปีนี้ไม่ได้อยู่ห้องเดียวกับทั้งสองคน เลยต้องนัดกันกินข้าวด้วยกันบ่อยๆแทน
“อ๊ะ ทางนี้ๆ” รีวาสอดส่องหาที่นั่งจนเจอจึงดึงมือของลอลินตามไปด้วย ซารีน่ากับเฟลินรีบเดินตามไป
รีวาเดินไปที่โต๊ะนั่งขนาดห้าคนที่มีคนนั่งอยู่เพียงคนเดียว
“อาดิเน่ พวกเราขอนั่งด้วยได้มั้ย”
เจ้าเรือนผมสีทองยาวสลวยซึ่งกำลังนั่งทานอาหารอยู่นั้นเหลือบดวงตาที่เป็นสีฟ้าอ่อนขึ้นมองคนที่มาทักตน ใบหน้าสะสวยไม่ต่างจากดาราจ้องมาที่พวกเธออย่างนิ่งเฉยก่อนที่ริมฝีปากได้รูปจะเอ่ยช้าๆ
“ตามใจเถอะค่ะ” อาดิเน่ตอบสั้นๆ
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงไม่มีใครกล้าขอมานั่งกับเธอทั้งที่เธอนั่งอยู่คนเดียว ก็เพราะท่าทางไม่รับแขกของเธอน่ะสิ
“ขะ...ขอบใจมากนะ ซารี่ ลอลินจองที่ให้แป๊ปนึงสิ เดี๋ยวกลับมา” รีวาบอกรีบๆแล้ววิ่งไปซื้ออาหารพร้อมเฟลิน ซารีน่าก็ไม่ได้ว่าอะไรจึงนั่งลงที่โต๊ะตัวนั้น
เจ้าของโต๊ะนั่งทานอาหารต่อไปแบบไม่สนใจพวกเธอเลย แต่ซารีน่ากลับมองไปที่อาดิเน่อย่างสนใจ อาดิเน่เป็นนักเรียนที่ย้ายเข้ามาตอนม.ต้นปีสาม เธอไม่เคยอยู่ห้องเดียวกับอาดิเน่ก็จริง แต่ก็รู้ว่าเธอเป็นคนสวยมากจนผู้ชายหลายๆคนแอบชอบเธออยู่ ถึงอย่างนั้นกลับมีแต่คนบอกว่าอาดิเน่เป็นคนที่เข้าถึงยาก เย็นชา พูดน้อยและมักจะชอบทำอะไรตัวคนเดียวเสมอ เรียกได้ว่าเธอไม่มีเพื่อนสนิทแม้แต่คนเดียว ขนาดตัวซารีน่าเองที่มั่นใจว่ารู้จักเพื่อนทุกคนยังไม่เคยคุยด้วยเลยซักประโยค
“จริงสิ สรุปว่าฮาลวิลลิสย้ายไปอยู่หมู่บ้านเดียวกับเธอจริงๆใช่ไหม” ลอลินหาเรื่องชวนคุย ซึ่งต่อมาจากเมื่อเช้าที่ซารีน่าเล่าค้างไว้
หญิงสาวดวงตาสีน้ำตาลส้มละสายตาจากสาวสวยที่ร่วมโต๊ะมาตอบ “อ้อใช่”
“แล้วสรุปว่าเขาย้ายไปบ้านที่เธอบอกว่าเปิดเช่าไว้อยู่รึเปล่า”
“ไม่รู้แฮะ... ไม่ได้ตามเข้าไปดูด้วยสิ”
แม้ซารีน่าจะเล่าเรื่องที่เจอฮาลวิลลิสตอนค่ำเมื่อวานให้ลอลินฟัง แต่เธอไม่ได้เล่ารายละเอียดไปถึงบทสนทนาที่ได้คุยกัน เธอจะบอกลอลินยังไงล่ะว่าเธอแกล้งทำใจกล้าถามฮาลวิลลิสเรื่องแวมไพร์ แต่พอโดนถามกลับก็ดันตอบไม่ออก
จะว่าไปแล้ว... วันนี้ทั้งเช้าเธอยังไม่เห็นตัวชายหนุ่มผมสีดำคนนั้นเลย ไม่รู้ว่าตอนเลือกตั้งเขาจะไปนั่งตรงไหน คงจะได้เจอกันอีกทีก็คาบบ่าย
เพล้ง!
ก่อนที่ซารีน่ากับลอลินจะได้คุยอะไรมากกว่านั้นก็มีเสียงเหมือนจะแตกดังมาจากที่ห่างออกไปหลายเมตร เมื่อมองไปก็พบว่ามีนักเรียนหญิงสองคนล้มอยู่ ข้างๆมีเศษแก้วที่แตกกระจายซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นต้นตอสองเสียงที่ได้ยิน
นักเรียนหญิงที่มีผมสีดำคล้ายใครบางคนลุกขึ้นมาได้ก่อน ซารีน่าจำได้ว่าเธอคือนักเรียนใหม่อีกคนที่ย้ายเข้ามาพร้อมฮาลวิลลิสชื่อว่ารีเบคก้า เธอรวบผมแค่ครึ่งหัว ปล่อยให้ผมสีดำที่ยาวสยายกลางแผ่นหลังและผูกผมด้วยริบบิ้นสีขาวตัดกับผมโดยสิ้นเชิง เธอลุกขึ้นมาก่อนจะลูบจัดผมที่ยุ่งไปเพราะล้มเมื่อครู่ หน้าตาน่ารักยิ่งกว่าตุ๊กตาแสดงสีหน้าไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
...ที่จริง เธอไม่แม้แต่จะหันไปมองครู่กรณีด้วยซ้ำ
“ขะ...ขอโทษนะ เป็นอะไรรึเปล่า” คู่กรณีเป็นนักเรียนหญิงอีกคนละล่ำละลักขอโทษ หากเธอก็ไม่ด้รับการตอบกลับจากนักเรียนใหม่หน้าตาน่ารักคนนั้น
รีเบคก้าเหลือบมองคนที่ยังล้มอยู่ด้วยหางตา แล้วสะบัดหน้าเดินออกไป ทิ้งให้คนขอโทษเก้อมองตาค้าง สีหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นจะร้องไห้ ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก เพราะขอโทษไปแล้วแต่ดันโดนเมิน ร้อนถึงเพื่อนของเธอที่ต้องรีบวิ่งเข้าไปช่วยพยุงขึ้นมา
ถึงตอนนั้นภารโรงก็มาพอดี เธอมาพร้อมไว้กวาด แล้วก็โบกมือไล่นักเรียนหญิงคนนั้นออกไป เป็นอันจบเรื่อง
“นักเรียนคนนั้นรู้สึกจะไปเติมน้ำ แต่ดันเดินสะดุดไปชนคนข้างหน้าล้ม ก็ผิดล่ะนะ” ซารีน่าได้ยินเสียงของเฟลินพูดข้างหลัง เพื่อนของเธอกลับมาพร้อมถาดอาหารที่มีแก้วน้ำใบคล้ายๆที่แตกไปอยู่
“แต่เด็กใหม่ก็เหลือเกินนะ ไม่สนใจจะรับคำขอโทษด้วยซ้ำ” รีวาเดินตามมาทีหลังด้วยอาหารหน้าตาคนละอย่างแสดงความเห็นบ้าง “เหมือนเด็กใหม่ของม.ต้นจะมีปัญหามากกว่าเด็กใหม่ของเราอีกนะ”
“เอ่อ... ก็จริงมั้ง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ