ดาวเสี่ยงเธียร(ปาฏิหาริย์รักในคืนฝนดาวตก)

8.1

เขียนโดย มะมาย

วันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556 เวลา 11.02 น.

  8 ตอน
  5 วิจารณ์
  11.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 18.34 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ศึกแย่งชิงเกาหลีและสาเหตุของการจากลา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครในบ้านกล้าขึ้นมายุ่งวุ่นวายกับเขตหวงห้ามบนชั้นสามสักคนแม้แต่จะทำความสะอาด แต่วันนี้กฎทุกอย่างถูกทำลายไปหมดสิ้นโดยผู้อาศัยอย่างประกายดาว ไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดยังไงถึงได้กล้าเกณพาคนขึ้นมาทำความสะอาดถึงบนนี้โดยไม่กลัวเจ้าของห้องหน้าโหดสักนิด

“คุณดาวคะ คุณเธียร..!”                                          

กานดาสะกิดเรียกพลางชำเรืองมองไปยังคนที่กล่าวถึงซึ่งเจ้าตัวกำลังเดินตรงมาทางนี้ด้วยสีหน้าเลวร้าย ประกายดาวรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้เธอจึงบอกให้กานดาพาคนอื่นๆออกไปจากที่นี่ก่อน ตามคาดมาถึงชายหนุ่มก็คว้ามับจับที่แขนประกายดาวอย่างแรง ใบหน้าและแววตาของเขาไม่ได้ต่างไปจากวันนั้นเลยสักนิดแต่ประกายดาวกลับไม่รู้สึกกลัวเขาแต่อย่างใด

“ขึ้นมาวุ่นวายกับที่นี่อีกทำไม!” เขาขึงตาดุใส่เธอ

“ไม่สวยหรอไง” ว่าพลางบิดข้อมือแล้วเดินไปจัดช่อดอกไม้ที่ทำค้างไว้ต่อหน้าตาเฉย

“เธอไม่มีสิทธิ์!” เขาทำเสียงเข้ม

“ฉันว่านายควรเปลี่ยนจากด่ามาขอบคุณฉันมากกว่านะ ไม่เห็นหรอว่าที่นี่ดูน่าอยู่ขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะเลย”

ใช่ ห้องดูสว่างขึ้นเพราะหญิงสาวเปิดม่านออกจนเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกซึ่งเป็นแม่น้ำกว้าง ฝุ่นที่เคยหน้าจนจับเป็นก้อนบัดนี้ไม่หลงเหลือมีให้เห็นแม้แต่เม็ดเดียว ภาพนับสิบถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบน่ามองขึ้นมาก แซมด้วยความงามและความสดชื่นจากกระถางดอกไม้สีสันสดใสซึ่งเธอกำลังยกไปวางไว้ที่โต๊ะทว่าระหว่างนั้นสายตาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งวางอยู่ ดูเหมือนกับว่าเธอจะเคยเห็นมาก่อนว่าแล้วจึงหยิบขึ้นมากางออกดู ที่แท้มันก็คือใบประกาศที่เจออยู่ที่ปั้ม ขณะที่กำลังอึ้ง

“เห็นก็ดีแล้ว ฉันกำลังหาโอกาสเหมาะๆบอกเธออยู่พอดี”

“นายจะบอกอะไร”

“พรุ่งนี้เราจะพาเกาหลีไปคืนเจ้าของ”

“ว่าไงนะ! นายทำแบบนั้นไม่ได้ แค่กระดาษแผ่นเดียวเราจะแน่ใจได้ยังไง”

“ก็ปลอกคอที่ติดตัวมันมาไงล่ะ”

“โธ่ ปลอกคอสีน้ำเงินแบบนั้นมีอันเดียวบนโลกซะที่ไหน”

“เหอะ ฉันเริ่มสับสนแล้วล่ะว่าใครกันแน่ที่เข้าใจอะไรยากเย็น ฉันหรือเธอกันแน่”

“ฉันไม่สนว่านั่นจะใช่เกาหลีหรือไม่แต่ยังไงฉันก็ไม่มีทางยอมให้นายทำแบบนั้นเด็ดขาด”

“เธอไม่แต่ฉันต้อง เพราะฉันโทรไปนัดกับเจ้าของมันไว้แล้ว”

“คุณเธียร! ฉันตั้งหากที่เป็นคนเจอเกาหลีไม่ใช่คุณ”

เธอตวาดและอาละวาดเหมือนหมาบ้า

ชายหนุ่มขี้เกียจฟังเธอบ่นจึงหันหลังเดินออกจากห้องไป

อิตาบ้า!เขาคิดว่าตัวเองเป็นใครกัน ไม่ได้การล่ะฉันต้องลงมือทำอะไรสักอย่างก่อนที่ทุกอย่างมันจะสาย

วันต่อมา ประกายดาวเดินด้อมๆมองๆเกาหลีอยู่ห่างๆเธอจะผลีผลามพรวดพลาดเข้าไปเลยซะทีเดียวไม่ได้ เพราะเธียรทัดสั่งให้คนเฝ้ามันไว้ตลอดเวลา แต่หนทางยังพอมีอยู่ คือเธอจะแอบไปขโมยมันกลับคืนมาตอนที่ถูกปล่อยให้เดินเล่น นั่นเกาหลียืนอยู่ตรงนั้น! เธอมองตามหลังไวๆของมัน เกาหลีหยุดอยู่ตรงมุมห้อง หางของมันส่ายอย่างชัดเจน เธอจึงใช้จังหวะนี้ย่องเข้าไปหาโดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนแล้วและใครคนนั้นก็อุ้มมันไปก่อนที่จะมาถึงมือเธอซะอีก

เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง “คุณเธียร!”

“ไงประกายดาว เธอคิดว่าจะฉลาดเป็นกรดอยู่คนเดียวหรอ” เขาหัวเราะเยาะ

“ไม่นะฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้น”

“เธอฟังฉันให้ดีนะ เราแค่พาเกาหลีไปดูตัวเฉยๆ ถ้าไม่ ก็เอากลับ”

“แล้วถ้าใช่…”

“เธอก็ต้องทำใจ”

“เห้ย ทำไมนายพูดแมวๆแบบนี้ล่ะ นายไม่ได้เลี้ยงเกาหลีมาไม่มีทางเข้าใจหรอก” เธอทำเสียงสะบัด

เธียรทัดนิ่งพยายามทำใจเย็น

“รู้ไหมว่าฉันชักรำคาญเธอมากขึ้นทุกที ถ้าขืนยังพูดมากเป็นเป็ดออกไข่แบบนี้ รับรองว่าฉันไม่มีทางให้เธอไปด้วยแน่”

ฉันโวยสุดตัวแต่สุดท้ายฉันก็ยอมไปกับเขาอยู่ดี ลึกๆฉันก็อยากให้เกาหลีได้กลับไปอยู่กับเจ้าของที่แท้จริงอยู่หรอก แต่แค่ยังทำใจไม่ได้ก็เท่านั้นเอง

  ประตูเปิดออกมาจากด้านในพร้อมกับรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความดีใจของผู้เป็นเจ้าของ ฉันฝืนยิ้มก่อนจะส่งมันคืนกลับไปให้

“ขอบคุณคุณทั้งสองคนมากๆเลยนะคะ ลิลลี่จะต้องดีใจมากแน่เลยที่ได้ลูกคืนกลับมา”

“ลิลลี่?”

“ลิลลี่เป็นแม่ของเจ้าแต้มค่ะ ตั้งแต่หายตัวไปก็ไม่ยอมกินอะไรเลย” เธอเศร้า

“มาค่ะฉันจะพาคุณไปพบ”

เธอเดินนำลึกเข้าไปด้านในซึ่งภาพที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าฉันยิ่งตอกย้ำความเห็นแก่ตัวที่ฉันจะรั้งเกาหลีไว้  ลิลลี่ดูผอมเกินไป  ทันทีที่แม่ลูกได้พบหน้ากันเกาหลีก็เข้าไปคลอเคลียกับผู้เป็นแม่ที่นอนอยู่พลางร้องอย่างดีใจ  เมื่อรู้สึกตัวลิลลี่ก็ลืมตาขึ้นมาพอเห็นลูกก็ร้องตอบและเลียขนให้  ตอนนี้ฉันพอจะรู้แล้วว่าที่เขาพูดมามันถูกทุกอย่าง  ไม่ได้มีแค่ฉันที่รักและต้องการเกาหลี

“ยังไงอยู่ทานของว่างด้วยกันก่อนนะคะ”

ไม่รอช้าเธอพาเรามานั่งที่โต๊ะอาหารซึ่งสามารถมองดูพฤติกรรมระหว่างลิลลี่กับเกาหลีรวมทั้งเหล่าพี่น้องตัวแสบได้อย่างชัดเจนทั้งหมดเข้ากันได้เป็นอย่างดี  ฉันเองโล่งใจไปได้เปราะหนึ่งที่เกาหลีสามารถปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้ดีกว่าทีฉันคิดไว้“คุณคงเป็นแฟนกันใช่ไหมคะ” เจ้าของบ้านเอ่ยถาม

“ไม่ใช่!”(ช/ญ)

“ใจเย็นค่ะไม่ใช่ก็ไม่ใช่”

นี่เป็นอาหารว่างที่รสชาติขมขื่นมากที่สุดที่ฉันเคยกินมาเลยก็ว่าได้  เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่สำหรับบางคนไม่ใช่  “กลับกันได้แล้ว  หูตึงหรือไงฉันบอกว่าให้กลับได้แล้ว”

ต่อให้เขาทำเสียงดุดังลั่นมากแค่ไหนฉันก็เอาแต่นั่งนิ่งเล่นอยู่กับแต่เกาหลี หมับ!เขาจับแขนฉันแล้วก็ลากออกมา

“ปล่อยฉันได้แล้ว” ฉันพยายามสะบัดมือให้พ้นจากเขา

“เรากำลังจะกลับครับ” เขาว่า

“อ้าวจะกลับกันแล้วหรอคะ…..เจ้าแต้มมานี่เร็ว”

เธอเรียกหลายครั้งแต่ดูเกาหลีจะวางเฉย  ก็เพราะคงไม่คุ้นกับชื่อนี้เลยไม่ยอมมา

“เกาหลีมาหาหน่อยสิจะกลับแล้วนะ”

ฉันเอ่ยปากเรียกเท่านั้นเองมันก็รีบวิ่งมาหา  ฉันลูบหัวมันเบาๆ

“เป็นเด็กดีนะแล้วฉันจะมาหาบ่อยๆ”

เหมียว

“คุณคะถ้าอย่างนั้นฉันขอเรียกเขาว่าเกาหลีต่อไปจะได้ไหมคะ”

“ยินดีมากเลยล่ะคะ”

 กล่าวลาเสร็จเราก็เดินกลับไปที่รถทว่าเมื่อไปถึงฉันกลับไม่ยอมขึ้นแต่กลับเดินไปต่อ

“ทำไมไม่ขึ้นรถ”

“นายอยากจะไหนก็ไปเลย  ฉันไม่อยากเห็นหน้านาย”

บรื้น  รถเคลื่อตัวผ่านฉันไปอย่างรวดเร็ว เขาจะรู้บ้างไหมเนี่ยว่าฉันพูดประชดแล้วทีนี้จะกลับบ้านยังไงในเมื่อฉันไม่ได้หยิบกระเป๋าตังลงมาจากรถ คงเหลือทางเดียวแล้วสำหรับฉันตอนนี้ก็คือ  เดิน  เดิน  แล้วก็เดินต่อไปเรื่อยๆ  จนกระทั่งตะคิวกินขาฉันจึงนั่งพักอยู่ที่ริมฟุตบาท นี่ก็หัวค่ำแล้วเขาคิดจะลอยแพปล่อยฉันไว้ที่นี่จริงๆหรือยังไง  จู่ๆก็มีชายสองคนเดินตรงมาทางฉัน

“นั่งทำอะไรคนเดียวจ๊ะน้องสาว”

“ฉันไปเป็นลูกแม่แกตั้งแต่เมื่อไร  คนยิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่อย่ามากวนได้ไหม” ฉันพูดอย่างไม่สบอารมณ์

“งั้นไปคลายเครียดกับพวกพี่หน่อยดีไหมจ๊ะ”

“ปล่อยแขนฉันนะ”

“ต่อให้เอาช้างมาฉุดพี่ก็ไม่ปล่อยน้องไปหรอกจ้า”

พูดพลางก็หันไปหัวเราะชอบใจกับลูกน้องของมัน

“แน่ใจ?” ฉันถาม

ก่อนที่ฉันซัดหมัดเข้าไปเต็มๆหน้ามันหนึ่งดอกเป็นการทักทาย  แต่ดูเหมือนจะเป็นการทักทายที่โหดร้ายไปซักหน่อย 

“เห้ย  ทำลูกพี่ข้าเรอะ”

ผัวะ  พอหันกลับมาเท่านั้นหน้ามันก็ชาไปหมด

“ประกายดาวระวัง!”

“นายมาได้ยังไงเนี่ย”

มาถึงเขาก็ล็อกแขนไอ้ชั่วที่ตบหน้าฉันไว้

“กลับมาอีกทำไม  ไม่ปล่อยให้ฉันเดินกลับไปถึงบ้านก่อนซะเลยเล่า”

“อ้าวรู้อย่างนี้ไม่มาให้เสียเวลาหรอก ปล่อยให้พวกขี้ยาปล้ำทำเมียไปซะก็ดี”

“นาย….”

“เห้ยหยุด  จะทำอะไรก็รีบทำยืนเถียงกันอยู่ได้”

“ต่อยมันเร็วสิ”

เขาที่ยืนล็อกแขนไอ้ชั่วนั่นอยู่สั่งแต่ว่าเป้ามันไม่ยอมนิ่ง

“นายจับให้มันนิ่งๆหน่อยได้ไหมถ้าเป็นอย่างนี้ฉันต่อยไม่โดนหรอก”

“แล้วถ้ามัวแต่ยืนเล็งเป้าอยู่แบบนั้นเมื่อไหร่จะได้ต่อยมันเล่า”

“เอาอย่างนั้นก็ได้”

ฉันปล่อยหมัดออกไป เรียบร้อย  ไม่ใช่มันแต่เป็นเขา 

“ขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไร ต่อยมาใหม่เร็วเข้า”

ครั้งนี้ฉันเล็งเป้าหมายให้ตรงมากที่สุด  แม่นเหมือนผีบอกทุกหมัดโดนเขาเข้าเต็มๆอย่างนี้ต้องใช้ไม้ตาย  ฉันง้างหมัดสุดชีวิตและทำท่าจะต่อยทว่าฉันกลับใช้เท้าเตะไปที่ไอ้นั้นของมันทันที  ก่อนที่มันจะล่วงไปกองอยู่ที่พื้นและรีบวิ่งไปประครองลูกพี่กระจอกและวิ่งหนีเผ่นหายไปอย่างไร้ร่องลอย  แต่หันกลับมาอีกทีดันพบว่าเขานั่งจุกอยู่ที่พื้น  คงไม่ได้หมายความว่าเขาคงจะโดนท่าไม้ตายของฉันด้วยหรอกนะ

“โดนด้วยหรอ” (^^)’

“ถ้าไม่โดนฉันจะนั่งอยู่ในสภาพแบบนี้หรอห๊ะแม่คุณ”

“ฉันไม่ได้ตั้งใจนี่หน่า  ขามันเลยไปเอง”

ดูท่าทางเขาจะช้ำเอามากโดยเฉพาะอย่างสุดท้าย  ว่าแล้วเขาก็หยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาแต่เดี๋ยวก่อนนะ

“ผ้าเช็ดหน้าของฉันนายยังเก็บเอาไว้ด้วย”

“เนี่ยหรอ…ใช่ที่ไหนของเธอฉันให้แม่บ้านเก็บไปทำผ้าขี้ริ้วแล้ว”

ฉันจ้องหน้าอย่างสงสัยก็ในเมื่อเห็นกันชัดๆอยู่ว่านี่มันผ้าเช็ดหน้าของฉัน

“อ้อเหรอ  แล้วนี้หัดพกผ้าเช็ดหน้าตั้งแต่เมื่อไร”

“แค่หยิบติดมือมาเฉยๆจะถามให้ได้อะไรขึ้นมา  อีกอย่างผ้าเช็ดหน้าแบบเธอก็ไม่ได่มีผืนเดียวในโลกสักหน่อย”

เถียงข้างๆคูๆ

ครึ่ม!จู่ๆฟ้าก็ร้อง ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม

“หาอะไรอยู่” เธียรทัดถามทักเมื่อเห็นประกายดาวก้มๆมองๆที่พื้น

“ปลอกคอของเกาหลีน่ะสงสัยฉันคงทำตกตอนที่เกิดเรื่อง”

ไม่ทันไรฝนก็ตกปรอยปรายลงมา

“ปลอกคอเอาไว้ก่อนตอนนี้ฉันว่าเราขึ้นไปหลบฝนบนรถเถอะ”

“นายขึ้นไปก่อนเลยฉันขอหาให้เจอก่อนแล้วจะตามไป”

ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาไม่ขาดสาย  กับความพยายามของเราทั้งคู่

“ฉันเจอแล้ว!” เธียรทัดพูดออกมา

“เจอจนได้ขอบคุณนะ”

“อย่ามัวแต่ขอบอกขอบใจฉันอยู่เลยไปหลบฝนบนรถก่อน”

กว่าจะเจอปลอกคอของมีโซก็เล่นเอาเราทั้งคู่เปียกปอนไปทั้งตัว  ระหว่างนั้นฉันก็สังเกตเห็นถึงพฤติกรรมผิดปกติของเขา   “นายแอบมองฉันทำไม”

ฉันเขยิบออกห่างเพราะไม่ไว้ใจเขาโดยเฉพาะเวลาที่อยู่กันสองต่อสองแถมเสื้อผ้าฉันยังเปียกจนแนบติดเนื้อ

“ใครว่าฉันแอบมอง เธอตั้งหากที่นั่งให้ฉันมองเอง”

“อย่ามาคิดอุบาตห์ๆกับฉันนะ”

“ฉันล้อเล่น….ดูท่าเธอจะหนาวมากเอาเสื้อฉันไปคลุมไว้ก่อนก็แล้วกัน”

ว่าแล้วเขาก็ถอดเสื้อและคลุมมันไว้บนไหล่ของฉัน  ทำไมใจฉันจะต้องเต้นแรงด้วยล่ะ

“เอิ่ม…คือว่าฝนก็ซาลงแล้วฉันว่าเรากลับบ้านกันเถอะ”

ฉันรีบตัดบทพูดก่อนที่จะทำอะไรๆต่อไปไม่ถูก

บ้านสหสมุทร

ที่หน้าห้องของประกายดาว

“อ้าวนายยังไม่นอนอีกเหรอ” ฉันเอ่ยปากถามเมื่อพบเขายืนทำลับๆล่อๆอยู่

“แล้วนี่ถืออะไรมาด้วย”

“ดูไม่ออกหรือไงว่าถาดยา”

“งั้นดีเลยเดี๋ยวฉันทำแผลให้นะ”

“เห็นไหมนี่อะไร” พูดพลางก็ชูมือขึ้นมา

“ถามได้ก็มือไง” ฉันอมยิ้มและก็ต้องรีบหุบ

“ใช่ฉันมีมือฉะงั้นฉันทำเองได้”

คนอุตส่าห์หวังดีแท้ๆดันมาพูดกวนประสาท

“แต่ที่นายเป็นแบบนี้ก็ฝีมือฉัน ฉะนั้นฉันต้องเป็นคนทำแผลให้สิถึงจะแฟร์ จริงไหม”

ไม่พูดพร่ำทำเพลงฉันลากเขาไปนั่งที่เก้าอี้  ว่าแต่มีฉันชกนายไปทั้งหมดกี่หมัดนะ

“สรุปว่าจะพาฉันมาทำแผลหรือมานั่งจ้องหน้าฉันกันแน่”

“ก็ได้ๆฉันควรรีบทำ….ใช่ไหม…..ยังไงเรื่องวันนี้ก็ขอบคุณนายมากนะที่ไม่ปล่อยฉันไว้”

เขานั่งนิ่งไม่พูดอะไร เขายังฟังฉันอยู่หรือเปล่า  ฉันวางมือบนหน้าผากของเขา ตัวก็ไม่ร้อนนี่น่า

“ท่าทางนายดูไม่ค่อยดีฉันไปหยิบยามาให้ดีกว่า”

“ไม่ต้อง” เขาดึงมือฉันไว้แล้วออกคำสั่ง

“นั่งลง”

ฉันนั่งกลับลงไปอย่างเดิม ว่าแล้วเขาก็จับที่ปลายคางฉันอย่างนุ่มนวลค่อยๆหันซ้ายและขวา

“ที่หน้าเธอมีแผล”

เท่านั้นเขาก็ลงมือนำสำลีชุบยาแล้วแต้มไปที่แก้มของฉันอย่างระวัง

“เสร็จแล้ว”  เสียงเขาทำให้ฉันสะดุ้ง

“หน้าเธอ” เขาขมวดคิ้ว

“หน้าฉันมีอะไร” ฉันลูบๆคลำๆไปทั่วหน้า

“เปล่า  หน้าเธอแดงกินยาตามหมอสั่งหรือเปล่า”

“ยังเลย ถ้าอย่างนั้นฉันกลับห้องก่อนนะ”

ไม่รอช้าฉันรีบเดินกลับไปยังห้องของตัวเองทันที

วันต่อมา

ฟิ้ว  จ๋อม!  หินก้อนแล้วก้อนเล่าถูกฉันจับขว้างลงไปในแม่น้ำสายกว้าง  เป็นเพราะเขาคนเดียวที่ทำให้ฉันต้องมานั่งเหงาเพราะคิดถึงเกาหลีแบบนี้  เอาเกาหลีของฉันคืนมานะY^Y ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูเหมือนว่าจะมีแต่ภาพของเกาหลีผุดขึ้นมาทุกที่  เห้อฉันถอนหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่าก่อนจะก้มหน้าฟุบลงไปที่เข่าและพยายามปรับอารมณ์ให้ดีขึ้นแล้วฉันก็รู้สึกได้ว่ามีคนมานั่งลงข้างๆฉันเลยเงยหน้าขึ้นไปมองและพบกับ

“คุณเกษ…”

เธอควรอยู่ในบ้านทานของว่างกับหมอนั่นแล้วทำไม?

“เหนื่อยไหม”

เกษราถามทั้งที่สายตาของเธอมองออกไปยังแม่น้ำสายกว้างเบื้องหน้า

“คะ??”

“คอยหลบๆซ่อนๆเสี่ยประยูรไม่เหนื่อยหรอ”

คราวนี้เธอเป็นฝ่ายหยิบก้อนหินขว้างออกไปบ้าง

“คุณเกษรู้จักเสี่ยประยูรด้วยหรอคะ”

เกษราค่อยๆหันมามองประกายดาวด้วยสีหน้าผิดปกติ

“อย่าหาว่าฉันดูถูกเธอเลยนะ”

ว่าแล้วก็หยิบซองอะไรบางอย่างยื่นมาให้ฉัน  ฉันรับเอาไว้แล้วเปิดซองออกดูแล้วก็ต้องตาลุกวาวเมื่อพบว่าด้านในเป็นเงิน  เงินเยอะแยะเลยOoO

“คุณเกษให้เงินฉันทำไมคะ?”

“เธอเอาเงินนี่ไปใช้หนี้เสี่ยเขาซะ  จะได้ไม่โดนลากขึ้นเตียงเหมือนวันนั้น”

‘ลากขึ้นเตียง  วันนั้น’   ทำไมเธอพูดอยากกับเห็นกับตาตัวเอง

“สงสัยล่ะสิ”

(‘ ‘)(. .)(‘ ‘)(. .)(‘ ‘)  สงสัยมากด้วย

“วันนั้น…..”

ฉันตั้งใจฟังเรื่องราวทั้งหมดอย่างตั้งใจ  ที่แท้สิ่งที่เป็นชนวนเหตุให้นักพนันบ่อนเสี่ยประยูรทะเลาะกันก็คือเกษรา

“ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้นะคะ  ไม่งั้นฉันคงเสร็จไอ้เสี่ยนั่นไปแล้ว”

เกษรายิ้มบางๆแต่จะมีเหตุผลอะไรที่อยู่ๆเธอก็ยื่นมือมาช่วยฉันด้วยเงินจำนวนไม่ใช่น้อยทั้งที่เราสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน

“ที่คุณยอมช่วยฉันแบบนี้คงไม่ได้แค่ต้องการให้ฉันเอาเงินไปใช้หนี้เสี่ยประยูรอย่างเดียวหรอกนะคะ”

เกษรายิ้มเย็นๆ  “ดีจังที่เธอรู้ทัน”

ว่าแล้วเชียว  “ว่ามาเลยค่ะฉันยินดีทำในสิ่งที่คุณต้องการ”

“เธอแน่ใจหรอว่าจะทำได้”

“ค่ะ”

“ออกไปจากที่นี่ซะ”

ฉันมองคนข้างๆอย่างทึ่งๆ  ให้ออกไปจากที่นี่งั้นหรอ?  เกษราหันมาสบตาฉันแวบนึงแน่นอนว่ายังไม่มีอะไรหลุดออกมาจากปากฉันเพราะมีบางอย่างมันจุกอกอยู่

ไปให้เร็วที่สุด…..ได้ไหม

“เอ่อ…..คือว่า….”

“ว่าไงล่ะ” 

เธอทวงถามคำถามเดิมซึ่งฉันหลบสายตาคู่นั้นด้วยการก้มมองซองเงินในมือ  ตอนนี้ฉันก็มีในสิ่งที่ต้องการแล้วนั่นก็เท่ากับว่าไม่มีความจำเป็นอะไรที่ฉันจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป…ไม่ต้องอยู่อีกต่อไปแล้ว

ฉันควรดีใจและหัวเราะออกมาดังๆให้กับอิสรภาพที่ฉันเฝ้าถามหามันทุกวันแต่ทำไม  ทำไมถึงได้รู้สึกแบบนี้นะ  ให้ตายเถอะ!

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา