จอมใจ....สุดที่รัก

7.7

วันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13.25 น.

  23 ตอน
  50 วิจารณ์
  119.77K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556 21.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) +++ หัวใจ....ผูกกัน +++

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

น้องหมาไม่เกี่ยว แต่รูปสวยดีได้บรรยากาศ ><!!!

 

VS

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

 

“ดาจ๋า….ที่รักผมต้องการคุณ”

 

 

                เสียงแหบพร่าเปรยออกมาสลับกับพรมจูบไปทั่วเนินออกขาว ชุดนอนยาวที่ปกปิดกายงามบัดนี้ถูกมือดีปลดออกให้หล่นมากองอยู่ตรงเอวคอด ร่างเล็กเกร็งตัวถี่เมื่อไอร้อนจากปากหยักสัมผัสกับเนื้อนุ่มจนเกิดเป็นรอยช้ำแดงจางๆ สติสัมปชัญญะหลุดลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ความช่ำชองในการเล้าโลมกายสาวของเขามันช่างทำให้คนที่ไม่ประสีประสาอย่างเธอคล้อยตามได้อย่างง่ายดาย หากแต่จิตใต้สำนึกของความเป็นหญิงที่ร่ำร้องบอกให้เธอต่อต้านไม่ขาดสาย ทำให้หญิงสาวเริ่มมีสติขึ้นมาอีกครั้งและเริ่มจะขัดขืนขึ้นมาเสียแล้ว

 

 

“ไม่….คุณวิล….หยุด!”

 

 

                ปากสวยร้องห้ามทันทีที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา มือเรียวพยายามดันร่างแกร่งให้ห่างจากกายสาวหากแต่อีกฝ่ายกลับยังคงดื่มด่ำกับผิวนุ่มอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด ปากหยักฝังจุมพิตไปทั่วฐานคอลามมายังไหล่มลและเลื่อนกลับไปยังซอกคอขาวเนียนจนถึงกกหู เสียงนุ่มพร่าก็เปล่งโน้มน้าวให้สาวเจ้าคล้อยตามตนเป็นระยะๆ มือหนาลูบไล้ไปตามเอวคอดก่อนที่จะเลื่อนไปทางด้านหลัง และทำการปลดตะขอบราลูกไม้สีชมพูอ่อนตัวสวยทำเอามือเล็กต้องรีบจับบราเอาไว้เพื่อไม่ให้มันล่วงหล่นจากอกอิ่มด้วยความตกใจในทันใด

 

 

“อืม….ที่รัก….เด็กดี….ไม่ต้องกลัวนะ” เสียงทุ้มพร่าเอ่ยปลอบอีกฝ่ายพลางพยายามปัดมือเรียวเล็กของหญิงสาวออกจากเต้าทรวงอิ่มหากแต่เธอกลับไม่ยอมและทำการขัดขืนเขามากเข้าไปอีก

 

 

“หยุดเดี๋ยวนี้คุณวิลเลียม!”

 

 

             หญิงสาวว่าพร้อมกับพยายามเอี้ยวตัวหลบหลีกปากร้ายที่คอยเล้าโลมกายสาวให้หวิววาบจนแทบจะควบคุมอารมณ์สวาทไว้ไม่ไหว หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมฟังเสียงของเธอเลยสักนิดเขากลับดันให้เธอนอนลงบนพื้นเตียงนุ่มโดยมีร่างใหญ่ของเขาทาบทับตามมาด้วย ถึงแม้ว่าเธอจะดิ้นและขัดขืนเขามากแค่ไหนก็ตาม

 

 

“คุณวิลปล่อยดาเถอะนะคะ” กานดาเอ่ยเสียงสั่นเครือพลางใช้มือที่ไม่ได้จับบราลูกไม้ไว้ดันอกกว้างให้ห่างออกจากตัวถึงแม้ตอนนี้เรี่ยวแรงของเธอจะเหลือน้อยเต็มทีแล้วก็ตาม

 

 

“แต่ผมต้องการคุณ” ชายหนุ่มพูดออกมาแบบดื้อๆ เสียงทุ้มดูจะเข้มขึ้นเล็กน้อยเพราะเริ่มจะหงุดหงิดที่คนใต้ร่างไม่ยอมเลิกดันเขาให้ออกห่างเสียที

 

 

                ร่างบอบบางพยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากเงื้อมมือมาร หากแต่ความแข็งแรงของคนบนร่างทำให้กายสาวไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนอกจากบิดหลบปากร้ายและมือแกร่งไปมาเพียงเท่านั้น น้ำตาหยดใสเริ่มไหลอาบแก้มอย่างสุดจะกลั้น ความกลัวและความเสียใจอย่างยวดยิ่งประดังประเดเข้ามาเมื่อร่างกายที่อ่อนล้าถูกอีกฝ่ายจับตรึงเอาไว้จนไม่มีหนทางที่จะขัดขืนหรือดิ้นรนอีกต่อไป

 

 

“อย่าทำร้ายดาเลยนะคะคุณวิลเลียม”

 

 

                   หญิงสาวกล่าวออกมาทั้งน้ำตาพลางเริ่มสะอึกสะอื้นจนคนที่หลงระเริงไปกับอารมณ์สวาทถึงกับได้สติกลับคืนมาในทันใด ร่างใหญ่ยกตัวขึ้นให้ห่างจากร่างเล็กพร้อมกับจ้องมองสิ่งที่เกิดจากการกระทำของตนด้วยความตื่นตระหนก เสียงสะอื้นไห้ที่ดังเล็ดลอดจากปากสวยทำเอาชายหนุ่มต้องหัวใจหล่นวูบเหมือนมีคนมาฉุดกระชากก็มิปาน กายงามที่สั่นเทิ้มจนกายแกร่งรู้สึกได้ทำให้เขาต้องรีบดึงตัวเธอขึ้นมากอดปลอบใจในทันใด

 

 

“ผมขอโทษนะครับดา ผมขอโทษ”

 

 

                วิลเลียมเอ่ยเสียงร้อนรนด้วยความร้อนใจอย่างที่สุด แขนแกร่งโอบกอดร่างเล็กที่สั่นเทาเอาไว้อย่างแนบแน่นด้วยหัวใจที่หายวาบเมื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเมื่อสักครู่ แล้วก็ยิ่งใจแป้วเข้าไปกันใหญ่เมื่อคนในอ้อมกอดกลับดิ้นทุรนทุรายเพื่อนให้หลุดพ้นออกจากอ้อมกอดของเขาดั่งเหมือนกับเธอรังเกียจกอดนี้จนสุดขั้วของหัวใจ จนเขาต้องยอมจำใจปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระด้วยความรู้สึกผิดอย่างยวดยิ่งจนไม่อาจจะหาคำใดมาบอกความรู้สึกนี้ได้เลย

 

 

“ดา….ผมไม่ได้ตั้งใจ ผม….”

 

 

‘อา….แกทำอะไรขอแกเนี่ยวิลเลียม!’ ชายหนุ่มว่าตัวเองอยู่ในใจอย่างหัวเสียพร้อมกับทำคิ้วขมวดจนแทบจะจับเป็นปมแน่นพลางมองคนตรงหน้าที่กำลังรีบเลื่อนชุดนอนมาปกปิดส่วนบนเอาไว้ก่อนจะจับตรงรอยแยกเอาไว้มั่น

 

 

“ขอตัวก่อนนะคะ” กานดาก้มหน้าพลางพยายามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนที่ร่างเล็กจะทำท่าลุกออกจากเตียงทำให้มือใหญ่ต้องรีบรั้งแขนเรียวเอาไว้อย่างเร็วรี่

 

 

“เดี๋ยวก่อนสิดา….ที่รัก….ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มันเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบ”

 

 

                 วิลเลียมแก้ตัวออกมาด้วยหัวใจที่ร้อนรนและแทบจะขาดอยู่รอนๆ หากแต่คำพูดที่ว่าแค่อารมณ์ชั่ววูบของเขากลับทำให้ดวงหน้าหวานต้อนหันไปมองใบหน้าหล่อคมด้วยสายตาตัดพ้อในทันใด ก่อนที่เธอจะสะบัดข้อมือให้หลุดจากมือใหญ่และรีบลงจากเตียงนุ่มใหญ่ในทันที

 

 

“เดี๋ยวก่อนดา ฟังผมก่อน” ชายหนุ่มรีบตามร่างเล็กไปและรั้งแขนเรียวนุ่มไว้อีกครั้งไม่ให้เธอกลับไปยังห้องของตัวเองที่ยังคงมืดสนิทได้

 

 

“ปล่อยค่ะ” หญิงสาวกล่าวออกมาเสียงแข็ง ทำเอากายแกร่งต้องรู้สึกเย็นวาบจนลามไปทั่วทั้งหัวใจ

 

 

“ไม่….คุณต้องฟังผมก่อน หันมานี่กานดา” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างขอร้องแกมบังคับเล็กน้อย หากแต่อีกฝ่ายกลับสะบัดมือแกร่งทิ้งอีกรอบก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องและปิดประตูใส่เขาทันที

 

 

“ดา….เดี๋ยวก่อนสิดา ออกมาฟังผมก่อน ผมขอโทษ”

 

 

                มือแกร่งเคาะประตูรัวหวังให้คนที่อยู่อีกห้องเปิดประตูมาคุยกับตนให้รู้เรื่อง หัวใจดวงแกร่งตอนนี้มันเจ็บแปลบและปวดหนึบจนเกินจะทนไหว การกระทำที่ผิดมหันต์เพราะความไม่ยับยั้งชั่งใจทำให้ความสัมพันธ์ที่เหมือนจะดีขึ้นระหว่างเขาและเธอมันกลับเลวร้ายลงจนไม่คิดว่าเธอจะให้อภัยเขาได้อีก แต่ถึงกระนั้นก็ขอแค่ให้เขาได้อธิบายสักนิด ให้เขาได้บอกขอโทษเธอ ร่ำร้องอ้อนวอนเธอให้เธอยกโทษให้เขาบ้าง ขอแค่โอกาสครั้งสุดท้ายที่เขาจะไม่ทำผิดอีก ขอแค่ให้เขาได้ยินเสียงหวานๆและรอยยิ้มพิมพ์ใจอย่างที่เธอเคยให้เขามาตลอด

 

 

แค่นี้….เขาจะไม่ขออะไรอีกแล้ว….

 

 

 

 

                เป็นเวลากว่าสัปดาห์แล้วหลังจากที่เรื่องวาบหวามที่ทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองร้าวฉานจนต่อกันไม่ติดเกิดขึ้น ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมหันหน้ามาปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน ฝ่ายหญิงก็เอาแต่หลบหน้าหลบตาไม่ยอมพูดยอมจาจนอีกฝ่ายไม่กล้าที่จะยุ่มย่ามหรือก้าวก่าย ฝ่ายชายก็กลับกลัวว่าจะโดนรังเกียจไปมากกว่าที่เป็นอยู่จึงทำได้แต่อยู่เฉยๆไม่ยอมขอโอกาสให้ตัวเองอีกสักครั้งอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่คืนนั้นเลยสักนิด ทั้งสองหลบหน้ากันไปหลบหน้ากันมาด้วยแม้แต่เวลารับประทานอาหารทุกมื้อก็ยังไม่ยอมมาทานพร้อมกัน มีก็แต่ตอนทำงานนี่แหละที่พอจะเจอหน้ากันบ้างเพราะต้องทำงานในห้องเดียวกันจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ผู้เป็นนายก็มักจะหาเรื่องออกไปทำงานข้างนอกอยู่บ่อยๆโดยที่ไม่พาเลขาสาวไปด้วย ทำให้เวลาเจอหน้ากันน้อยลงจนความสัมพันธ์ของคนทั้งสองดูจะห่างเหิน แทบไม่เหลือเค้าโครงของคนที่รู้จักและสนิทสนมกันเลยสักนิด

 

 

“สวัสดีค่ะวิล วันนี้เราออกไปทานข้าวกลางวันกันนะคะ”

 

 

                เสียงเซ็กซี่ดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงเพรียวที่ก้าวฉับเข้ามาในห้องทำงานใหญ่อันเงียบเชียบ โมนิก้าชายตามองกานดาอย่างหยามๆ ก่อนที่เธอจะส่งยิ้มหวานให้กับอดีตคนรักหนุ่มที่เงยหน้ามามองเธอด้วยสีหน้าราบเรียบไม่แสดงความดีใจใดๆทั้งสิ้นทั้งๆที่เธอมาหาเขาแท้ๆ

 

 

“วันนี้ผมมีประชุม” วิลเลียมตอบพลางก้มหน้ากลับไปสนใจเอกสารบนโต๊ะเหมือนเดิม

 

 

“ประชุมอะไรคะ เมื่อวานคุณก็ประชุมไปแล้วไม่ใช่หรอ ฉันเช็คแล้ววันนี้คุณไม่มีประชุม” โมนิก้ากล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด หล่อนอุตส่าห์มาชวนเขาถึงที่แล้วแต่เขากลับปฏิเสธหล่อนทุกครั้งไป อ้างโน่นอ้างนี่จนหล่อนอยากจะบีบคอเขาให้ตายนัก แต่ยังดีที่พักหลังๆเขาออกไปกับหล่อนบ้างไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน แต่มันก็ทำให้หล่อนมั่นใจได้บ้างว่าเขาอาจจะยังมีใจให้หล่อนอยู่ และหล่อนจะสามารถตะครุบหัวใจของเขามาขย้ำเล่นได้อีกครั้ง!

 

 

“คุณมีสิทธิ์อะไรมาเช็คตารางงานของผม” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุแข็ง ดั่งกับว่าเขากำลังโกรธหล่อนอยู่ก็มิปาน ทำเอาใบหน้าสวยคมต้องทำหน้าเจื่อนลงในทันใด

 

 

“เอ่อ….ขอโทษค่ะ” หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อย ก่อนที่หล่อนจะปั้นหน้าฝืนส่งยิ้มหวานให้เขาอีกครั้งเป็นการยั่วยวน “ถ้าอย่างนั้นไว้ตอนคุณเลิกงานแล้วก็ได้ค่ะ ฉันรอได้”

 

 

“วันนี้ผมไม่ว่าง แล้วก็ไม่อยากจะไปไหนด้วย ไว้พรุ่งนี้ผมจะออกไปกับคุณก็แล้วกัน” วิลเลียมบอกปัดอย่างอยากจะตัดปัญหา หากแต่มันกลับทำให้อดีตคนรักสาวถึงกับฉีกยิ้มหวานให้เขาไม่ยอมหยุดเพราะความดีใจ ส่วนคนนอกที่ไม่ได้ตั้งใจฟังแต่กลับได้ยินเต็มสองหูก็กลับรู้สึกใจหวิวขึ้นมาเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายนั้น

 

 

“งั้นพรุ่งนี้เราไปดินเนอร์กันนะคะวิล หลังเลิกงานฉันจะมาหาคุณที่บริษัท คอยฉันด้วยนะคะ” เสียงเซ็กซี่กล่าวพร้อมกับทำสายตายั่วยวนคนตรงหน้าที่ไม่แม้แต่อยากจะชายตามองหล่อนเลยสักนิด

 

 

“ตกลง….คุณกลับไปได้แล้ว” เสียงทุ้มตอบรับน้ำเสียงราบเรียบ ก่อนจะเอ่ยไล่อดีตคนรักไปแบบตรงๆและทำทีสนใจงานตรงหน้าต่อ

 

 

                ความดีใจทำให้โมนิก้ายอมออกไปจากห้องทำงานใหญ่อย่างว่าง่าย แต่ก็มิวายที่หล่อนจะชายตามองหญิงสาวอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วยอีกครั้งด้วยสายตาของผู้ชนะ ก่อนที่หล่อนจะเดินอย่างมาดมั่นออกจากห้องไปทิ้งให้ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้องทำงานแสนหรูอีกครั้งเหมือนตอนก่อนที่หล่อนจะเข้ามา

 

 

 

                เวลาล่วงเลยมาจนถึงเวลาเลิกงาน วันนี้ถึงแม้ว่าเจ้านายหนุ่มและเลขาสาวจะเจอหน้ากันทั้งวันหากแต่ทั้งสองกลับไม่คุยเล่นอะไรกันเลยสักนิด มีก็แต่คุยเรื่องงานเล็กๆน้อยๆเพราะความจำเป็นเท่านั้น ดั่งเหมือนว่าพวกเขาเป็นแค่เจ้านายและลูกน้องจริงๆเท่านั้น แถมยังเป็นเจ้านายและลูกน้องที่ห่างเหินกันมากเสียด้วย จนทำให้พนักงานในบริษัทที่ได้เข้ามาในห้องทำงานอันแสนอึมครึมต้องรู้สึกแปลกใจไปตามๆกัน ไม่เว้นแม้แต่มิสซิสเทนดี้ที่พอได้ฟังเรื่องจากปากของพนักงานคนหนึ่งแล้วก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วด้วยความประหลาดใจเลยทีเดียว

 

 

“พวกเขาไม่คุยกันเลยงั้นเหรอ”

 

 

“ใช่ค่ะมิสซิสเทนดี้ ฉันเดินเข้าไปนี่นึกว่าอยู่ในสุสานเสียอีก เพราะบรรยากาศดูอึมครึมยังไงไม่รู้ค่ะ”

 

 

“เงียบก่อน”

 

 

                 ลอร่าเอ่ยเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มกำลังเดินมาทางตนโดยที่มีเลขาสาวเดินก้มหน้าตามหลังมา ใบหน้าของคนทั้งสองช่างเหมือนคนอมทุกข์เอาไว้ไม่มีผิด จนหล่อนนึกแปลกใจยิ่งกว่าเก่าพลางนึกไปว่าแผนที่หล่อนได้เตี๊ยมกับผู้เป็นนายใหญ่ไว้ไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ หรือว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีกกันทั้งสองคนถึงได้ทำเหมือนมองหน้ากันไม่ติดขนาดนี้

 

 

“เกิดอะไรขึ้นกันคะ” หล่อนรีบกระซิบถามผู้เป็นนายทันทีที่เขามายืนอยู่ตรงหน้า

 

 

“ไม่มีอะไรครับ” ชายหนุ่มตอบพลางจะยิ้มบางๆให้กับพนักงานคนสนิท ก่อนที่เขาจะหันไปหาคนด้านหลังที่ยืนก้มหน้าทันทีที่เขาหันมา

 

 

“วันนี้คุณกลับกับโทมัสก็แล้วกันนะ ผมมีงานด่วนน่ะ” เขากล่าวถึงลูกน้องอีกคนที่ตอนนี้มายืนคอยอยู่หน้าบริษัทกับลูกน้องคนสนิทอย่างโจเซฟแล้ว

 

 

“ค่ะ” หญิงสาวตอบกลับเสียงแผ่วและยังคงยืนก้มหน้าไม่ยอมคิดที่จะเงยมามองคนตรงหน้าเลยสักนิด

 

 

“ผมไปก่อนนะครับมิสซิสเทนดี้ แล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ” วิลเลียมหันไปบอกลากับพนักงานคนสนิทด้วยสีหน้าแช่มชื่นเล็กน้อย หากแต่หล่อนกลับดูออกว่าเขาแกล้งฝืนทำไปอย่างนั้น ก่อนที่ร่างใหญ่จะเดินนำหน้าร่างเล็กออกจากบริษัทไปทิ้งให้เหล่าพนักงานต้องแปลกใจและสงสัยไปตามๆกัน

 

 

“ขับรถดีๆนะโทมัส” ผู้เป็นนายสั่งลูกน้องเสียงเครียดเล็กน้อยเมื่อเขาเดินมาอยู่ตรงหน้าบริษัทแล้ว

 

 

“ครับคุณวิลเลียม” โทมัสรับคำพลางโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหันไปเปิดประตูให้กับเลขาสาวของเจ้านายหนุ่ม

 

 

“เข้าไปสิ” ชายหนุ่มหันมาพูดกับหญิงสาวเสียงขรึมหากแต่ยังแฝงไปด้วยความอ่อนโยน ร่างเล็กจึงเดินขึ้นรถไปตามที่เขาสั่ง

 

 

                วิลเลียมมองตามรถคันโก้ที่แล่นออกจากหน้าบริษัทไปด้วยสายตาว้าวุ่นระคนเหนื่อยล้า ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทำให้คนเป็นลูกน้องอดที่จะนึกสงสารผู้เป็นนายขึ้นมาไม่ได้ เพราะถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้านายและผู้หญิงของเจ้านาย แต่การที่เขาต้องเห็นผู้เป็นนายทำหน้าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบอย่างนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกไม่ดีตามไปด้วยเหมือนกัน

 

 

“วันนี้จะไปไหนดีครับ” โจเซฟถามออกมาเพราะรู้ว่าความจริงแล้วที่นายของเขาไม่กลับกับเลขาสาวไม่ใช่ว่าติดงานด่วนแต่อย่างใด หากแต่เป็นเพราะเจ้านายหนุ่มไม่อยากสร้างความอึดอัดใจให้กับหญิงสาวเท่านั้นเอง

 

 

“ไปหาอะไรดื่มในเมืองหน่อยดีกว่า” เสียงทุ้มกล่าวก่อนที่ร่างใหญ่จะเข้าไปนั่งในรถคันหรูอีกคันด้วยความอ่อนล้าทั้งกายและใจ       

 

 

                รถยนต์สีดำขลับคันโก้แล่นไปตามถนนที่มีผู้คนจอแจ ทั้งกลุ่มวัยรุ่นหญิงชายที่ออกมาพบปะและสรรค์สันกัน ทั้งเหล่านักธุรกิจที่มาเจรจากับลูกค้าของบริษัท ทั้งครอบครัวที่ออกมาหาอะไรทานเป็นมื้อเย็นของวัน มันช่างเป็นภาพที่ทำให้หัวใจของประธานบริษัทเฟอร์นิเจอร์และจัดตกแต่งบ้านพันล้านห่อเหี่ยวเหลือเกิน

 

 

เพราะมันจะดีกว่านี้ถ้าหากคนที่เขาพึ่งส่งกลับคฤหาสน์ไป….จะมากับเขาด้วย

 

 

เป็นเช่นนั้นหัวใจของเขาคงจะพองโตและสุกหง่อม เขาคงจะเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในเมืองปาล์มบีชแห่งนี้เลยทีเดียว….

 

 

“ลงไหมครับคุณวิลเลียม” โจเซฟถามขึ้นเมื่อรถแล่นมาหยุดอยู่ที่ร้านบาร์แห่งหนึ่งแล้ว

 

 

“ไปเที่ยวแถวชายหาดดีกว่าโจ….ฉันรู้สึกอึดอัดยังไงไม่รู้” ผู้เป็นนายตอบเสียงเหนื่อยทำให้คนเป็นลูกน้องต้องลอบมองใบหน้าหล่อคมที่เศร้าหมองผ่านกระจกเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะขับรถตรงไปยังฝั่งชายหาดตามที่เจ้านายหนุ่มสั่ง

 

 

                ดวงตาคมทอดมองเกรียวคลื่นกระทบชายฝั่งด้วยแววตาหมองหม่นเมื่อรถยนต์แล่นไปตามแนวชายหาดแสนสวย พระอาทิตย์ที่คล้อยลอยต่ำยิ่งทำให้วิวทิวทัศน์ที่เห็นช่างงดงามจับหัวใจนัก หากแต่มันกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเย็นยะเยือกไปถึงขั้วของหัวใจ หนาว….จนอยากได้ไออุ่นจากใครสักคน เหงา….จนอยากมีใครสักคนอยู่เคียงข้างกาย

 

 

และดูพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า….ไปด้วยกัน….

 

 

“จอดตรงนี้แหละโจเซฟ”

 

 

                เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นทำให้ผู้เป็นสารถีและลูกน้องคนสนิทต้องรีบเลี้ยวรถจอดเทียบชายหาดโดยเร็ว ก่อนที่ร่างสูงสง่าจะลงจากรถและทอดมองทะเลตรงหน้าไปไกลสุดลูกหูลูกตา สูทราคาแพงถูกถอดและโยนไว้ในรถเพื่อคลายความอึดอัดทั้งกายและใจ มือแกร่งทำการปลดเนคไทก่อนจะชะงักเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเนคไทเส้นนี้เป็นของที่ใครบางคนซื้อมาให้เขา ในวันที่เขา….ทำร้ายเธอ

 

 

‘กานดา….จะมีนาทีไหนมั้ย….ที่ผมจะไม่คิดถึงคุณ’

 

 

                วิลเลียมคิดอยู่ในใจก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ สองเท้าแกร่งก้าวช้าๆไปตามแนวชายหาดอันเงียบสงบ เม็ดทรายขาวสะอาดและผืนทะเลอันกว้างไกลสะท้อนเป็นสีส้มจากแสงดวงอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า เสียงคลื่นกระทบฝั่งช่างฟังดูเหมือนเสียงหัวใจที่เงียบเหงาและว้าเหว่เสียเหลือเกิน ท้องฟ้าแสนสวยงามดูเวิ้งว้างจนรู้สึกหนาวเหน็บที่หัวใจเมื่อได้เชยชม

 

 

                ความรู้สึกเหงาอย่างนี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไรนะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนเลย เพราะเพียงแค่เขากดโทรศัพท์เพียงแค่แกรกเดียวก็มีผู้หญิงนับไม่ถ้วนมารอมอบความสุขให้เขาแล้ว แต่ก่อนคำว่าเหงาคำนี้ไม่เคยมีอยู่ในพจนานุกรมของเขาเลยด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ตอนนี้เขาถึงกลับรู้สึกถึงคำนั้นกัน ทั้งเหงาทั้งว้าเหว่ อยากจะมีใครสักคนมาอยู่เคียงข้างกาย ไม่ใช่เป็นเพียงแค่คู่นอน ที่พอเสร็จกิจก็แยกกันไปดั่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่เพียงแค่ชั่วค่ำชั่วคืน แต่เป็นคนที่จะอยู่กับเขาชั่วชีวิต ให้เขาได้เห็นหน้าตั้งแต่เวลาตื่น นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาทุกค่ำคืน และส่งรอยยิ้มหวานพิมพ์ใจให้กับเขาชั่วนิจนิรันดร์….

 

 

ใครคนนั้น ขอเป็น….ได้หรือเปล่านะ

 

 

“คุณวิลระวังครับ!”

 

 

‘ปัง!!!!’

 

 

                โจเซฟตะโกนลั่นพร้อมกับกระโจนไปผลักร่างใหญ่ของผู้เป็นนายให้เซถลาไปทางอื่นพอดีกับที่กระสุนปืนแล่นมาตรงจุดนั้น ทำให้ร่างกำยำของผู้เป็นลูกน้องถูกกระสุนปืนฝังเข้าไปที่ต้นแขนด้านซ้ายแทน ความเจ็บแปลบจากการโดนกระสุนเจาะทำให้ใบหน้าคมเข้มเหยเกโดยอัตโนมัติ ก่อนที่มือแกร่งจะควักปืนสั้นออกมายิงโต้ตอบศัตรูนิรนามและรีบพาผู้เป็นนายหลบหนีทันที

 

 

“เอาปืนมาโจ นายเจ็บอยู่!” วิลเลียมตะโกนบอกลูกน้องคนสนิทที่ไม่ยอมคิดถึงชีวิตตัวเองเลยแม้แต่นิด

 

 

“ไม่ได้ครับคุณวิล มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องดูแลคุณ” เสียงทุ้มเข้มตอบกลับพร้อมกับกดไกปืนไม่ยั้งเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายยิงสวนกลับมาได้

 

 

‘ปัง! ปัง! ปัง!’

 

 

“เฮ้ย!”

 

 

‘ปังๆ!!!’

 

 

“คุณวิล!”

 

 

‘ปังๆๆ!!!!!’

 

 

                ผู้เป็นลูกน้องรัวกดไกปืนไม่ยั้งพร้อมกับพาผู้เป็นนายที่บาดเจ็บจากการโดนดักยิงเมื่อครู่เข้าไปหลบในรถยนต์คันหรูอย่างเร็วรี่ ก่อนที่เขาจะหันไปยิงฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งเพื่อป้องกันตัวเองพลางรีบขึ้นรถและรีบขับออกไปจากบริเวณนั้นทันที!

 

 

“เป็นอะไรมากไหมครับคุณวิล!” โจเซฟถามผู้เป็นนายเสียงเข้มด้วยใจที่เป็นกังวลกลัวว่าเจ้านายจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

 

 

“ฉันไม่เป็นอะไรมาก กระสุนแค่เฉียดไปน่ะ” วิลเลียมตอบพลางดูแผลระหว่างรอยแยกของแขนเสื้อตรงต้นแขนที่ถูกกระสุนถากไปจนเกิดเป็นรอยไหม้ และถึงแม้มันจะเฉียดไปแค่นิด แต่ความเจ็บแสบก็ทำเอาเขาต้องเบ้หน้าแถมเลือดก็ยังไหลออกมาพอสมควรอีกด้วย “นายนั่นแหละ โดนยิงเข้าไปเต็มๆไม่ใช่หรอ ยังจะมีแรงขับรถอีก”

 

 

“ผมไม่เป็นไรครับ ผมทนไหว แต่เรารีบไปโรงพยาบาลกันก่อนเถอะนะครับ” ลูกน้องแสนอึดกล่าวพร้อมกับรีบเร่งเครื่องตรงไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ไกลนัก พลางคอยมองกระจกมองหลังเป็นระยะๆว่ามีใครตามมาหรือเปล่า

 

 

                โชคดีที่กลุ่มคนร้ายพวกนั้นไม่ได้ตามมาด้วยทำให้พวกเขามาถึงโรงพยาบาลแบบที่ไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีก ร่างแกร่งทั้งสองถูกพาไปทำแผลโดยเร็วโดยที่คนเป็นเจ้านายเพียงแค่ทำแผลเล็กๆน้อยๆหากแต่คนเป็นลูกน้องนี่สิถึงกับต้องผ่าเอากระสุนที่ฝังอยู่ในต้นแขนออกเลยทีเดียว ทำเอาคนไม่ค่อยถูกกับโรงพยาบาลอย่างโจเซฟต้องทำหน้าเหยเกบอกบุญไม่รับจนผู้เป็นนายต้องนึกขำเมื่อเห็นสีหน้าของลูกน้องคนสนิท ก่อนที่วิลเลียมจะเดินออกมารอยังด้านนอกแผนกฉุกเฉิน และรีบโทรไปแจ้งเรื่องให้แม่บ้านประจำตระกูลทราบทันทีเพราะกลัวว่านางจะเป็นห่วงที่เขาต้องกลับบ้านดึกๆดื่นๆ

 

 

               

                ส่วนทางด้านคนที่กลับถึงคฤหาสน์มานานแล้วก็เอาแต่นั่งเหม่อลอยอยู่ตรงเคาน์เตอร์ในห้องครัว จนเชฟประจำตระกูลเลสเซิ้ลต้องถอนหายใจออกมาและส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย เพราะตั้งแต่ที่แขกคนสำคัญของเจ้านายใหญ่กลับมาพอเธอขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเธอก็ลงมานั่งเหม่อลอยอยู่อย่างนี้ไม่ยอมไปไหน แถมเขาหาอะไรให้ทานเธอก็ไม่ยอมทานเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหวานที่เศร้าสร้อยและหมองหม่นไม่ต่างจากผู้เป็นนายหนุ่มมันช่างทำให้เขาสงสัยยิ่งนักว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กัน และดูท่าว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงจะเป็นเรื่องใหญ่มากเสียด้วย ไม่เช่นนั้นผ่านไปอาทิตย์นึงแล้วทั้งสองคนคงไม่มานั่งทำเมินใส่กันอย่างนี้หรอก คงจะคืนดีกันไปตั้งแต่ยังไม่ครบยี่สิบสี่ชั่วโมงไปแล้ว

 

 

เอ….หรือว่าแผนง้อขอคืนดีของเจ้านายหนุ่มไม่สำเร็จกัน ทั้งสองถึงได้ยังทำเหมือนโกรธกันอยู่อย่างนี้

 

 

“ทานอะไรหน่อยสิจ๊ะ ไม่หิวบ้างหรือไงกลับมาเย็นๆแบบนี้” มอร์แกนกล่าวพลางเลื่อนถาดพายรสเลิศไปตรงหน้าหญิงสาว

 

 

“ไม่ค่ะ ฉันไม่หิว” กานดาตอบอย่างเลื่อนลอย ดวงตากลมยังคงเหม่อมองไปด้านหน้าอย่างไร้เป้าหมาย

 

 

“คุณดา! คุณดาคะ!” แม่บ้านสูงวัยประจำตระกูลวิ่งหน้าเลิกลักเข้ามาในครัวพร้อมกับเรียกแขกสาวด้วยความตื่นตระหนก

 

 

“มีอะไรหรอคะป้าจวน” หญิงสาวหันไปถามร่างท้วมด้วยความงุนงงกับการเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรนของนาง

 

 

“คุณวิลค่ะ คุณวิล” นางกล่าวก่อนจะหอบหายใจด้วยความเหนื่อย

 

 

“คุณวิลทำไมคะ” ร่างเล็กรีบลงจากเก้าอี้บาร์ด้วยความตื่นตระหนกตามนางทันที

 

 

“เอ่อ….คุณวิล” รัญจวนทำท่าอึกๆอักๆไม่ยอมบอกอะไรออกมาเสียที

 

 

“พูดมาสิคุณเจนนี่ มัวแต่เอ่ออ่าอยู่ได้” มอร์แกนเอ่ยด้วยความร้อนใจไม่แพ้กัน

 

 

“คุณวิลเลียมโดนยิงค่ะคุณดา” เสียงนุ่มหอบกล่าวออกมาพร้อมกับทำหน้าดั่งคนจะร้องไห้ก็มิปาน

 

 

“อะไรนะคะ!” กานดาถามกลับด้วยความตกใจ

 

 

“คุณวิลกับโจเซฟถูกลอบยิงค่ะ ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล” นางตอบอย่างเป็นกังวลกลัวว่าผู้เป็นนายจะบาดเจ็บสาหัส ทั้งๆที่เขาก็บอกนางแล้วว่าเขาเพียงแค่โดนกระสุดเฉียดไปก็เท่านั้น

 

 

                กานดาถึงกับนิ่งงันไปเมื่อได้ยินคำตอบนั้น สมองของเธอหยุดสั่งการไปชั่วครู่หากแต่หัวใจของเธอกลับเจ็บแปลบและแทบจะแหลกสลายเมื่อนึกถึงคนเจ็บ ร่างเล็กแทบทรุดฮวบเมื่อจู่ๆขาแข้งก็รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรงลงเสียดื้อๆ ความเป็นห่วงคนไกลตัววิ่งแล่นไปทั่วกายและท่วมท้นไปทั่วใจจนเธอต้องมองหาโทมัสลูกน้องหนุ่มอีกคนของเขาให้ควัก

 

 

“คุณดา! คุณดาจะไปไหนคะ” รัญจวนรีบเอ่ยถามเมื่อร่างบางกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกจากห้องครัวไป

 

 

“ไปโรงพยาบาลค่ะ คุณโทมัส! คุณโทมัสช่วยเอารถออกทีค่ะ!”

 

 

“ไม่ต้องไปคะคุณกานดา คุณวิลเลียมกำลังกลับมาแล้วค่ะ” นางรีบห้ามเอาไว้ก่อนที่หญิงสาวจะวิ่งออกจากคฤหาสน์ไป

 

 

“จริงหรือคะ คุณวิลกำลังกลับมาจริงหรือคะป้าจวน” กานดาหันไปถามแม่บ้านสูงวัยด้วยความที่ร้อนรน

 

 

“ค่ะ คุณวิลบอกป้ามาอย่างนั้นค่ะ” เสียงนุ่มตอบพลางจับแขนเรียวของคนตรงหน้าไว้แน่น

 

 

“คุณวิล….คุณวิลเป็นอะไรมากไหมคะป้า คุณวิลบาดเจ็บตรงไหนบ้างคะอาการสาหัสหรือเปล่า” เสียงหวานถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดใสเริ่มเอ่อคลอหน่วยเพราะความหวาดกลัวจนจับขั้วของหัวใจว่าชายหนุ่มจะเป็นอะไรไป ถึงแม้จะรู้ว่าเขากำลังเดินทางกลับมายังคฤหาสน์แล้วก็เถอะ

 

 

“ไม่ค่ะคุณดา คุณวิลแค่โดนกระสุนเฉียดแขนไปเท่านั้น ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ” แม่บ้านสูงวัยรีบอธิบายให้แขกคนสำคัญของผู้เป็นนายฟังเพื่อให้เธอคลายความกังวลลงบ้าง

 

 

“แล้วคุณโจเซฟล่ะคะ” หญิงสาวถามไปถึงลูกน้องคนสนิทของชายหนุ่มที่โดนยิงด้วยเหมือนกัน

 

 

“โจเซฟโดนยิงเข้าที่แขนค่ะ แต่เขาปลอดภัยไม่ได้เป็นอะไรมากเหมือนกัน”

 

 

“แล้วเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงคะ เคยเกิดมาแล้วหรือเปล่าคะ” เธอถามต่อด้วยสีหน้าวิตกกังวลจนใบหน้าหวานยุ่งเหยิงไปหมด

 

 

“ไม่เคยเลยค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณวิลถูกลอบยิง” รัญจวนตอบตามความจริงแต่นั่นกลับทำให้อีกฝ่ายกังวลหนักเข้าไปใหญ่

 

 

“ลอบยิง….ป้าขา ถ้าตอนพวกเขากลับมาที่นี่พวกเขาโดนลอบยิงอีกล่ะคะ ดากลัวคะคุณป้า” กานดากล่าวก่อนจะปล่อยน้ำตาออกมาอย่างสุดจะกลั้น

 

 

“ไม่หรอกค่ะคุณวิลบอกว่าพวกมันไม่ได้ตามมาแล้ว และคุณวิลก็สั่งให้ลูกน้องที่เหลือไปตามสืบแล้วด้วยค่ะพวกมันคงไม่กล้าทำอะไรตอนนี้แน่ๆ” นางเอ่ยเสียงมั่นเพื่อให้แขกสาวได้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ถึงแม้ว่าในใจของนางจะยังมีความกังวลอยู่ไม่น้อยก็เถอะ

 

 

“คุณดาขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะนะคะ ความจริงคุณวิลไม่ให้ป้าบอกคุณดา แต่ป้าตกใจและกังวลมากก็เลยเผลอบอกคุณดาไป”

 

 

“ไม่ค่ะดาจะคอยคุณวิล ดาอยากรู้ว่าคุณวิลปลอดภัยจริงๆ ดาจะคอยเขากลับมา” หญิงสาวตอบกลับพลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้มทั้งสองข้างและมองไปยังภายนอกคฤหาสน์ที่มีเพียงแสงไฟจากลานน้ำพุเท่านั้น

 

 

“ขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะค่ะคุณดา ไว้ถ้าคุณวิลมาถึงแล้วป้าจะขึ้นไปตาม นะคะเชื่อป้านะคะคุณกานดา”

 

 

                รัญจวนกล่าวก่อนจะพาร่างเล็กที่เริ่มร้องห่มร้องไห้ขึ้นไปยังชั้นบนและตรงไปยังห้องนอนแสนสวยของเธอ หญิงสาวปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้นเมื่อความกลัวยังคงประดังประเดเข้ามาในหัวใจ สมองก็คิดไปต่างๆนาๆว่าเขาจะเป็นอย่างไรถ้าหากว่าโดนลอบทำร้ายอีก ใจก็คิดว่าหากว่าเขาเป็นอะไรไปแล้วเธอจะทำอย่างไร แค่ทุกวันที่ห่างเหินกันนี้มันก็ทำให้ชีวิตของเธอหดหู่มากพอแล้ว แล้วถ้าหากเขากลับจากเธอไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ โดยที่ไม่ได้ปรับความเข้าใจกันเลยสักนิด เธอจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร

 

 

แค่คิดว่าเขาตกอยู่ในอันตราย….หัวใจของเธอมันก็แตกสลายไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!

 

 

“คุณวิลขา….อย่าพึ่งเป็นอะไรนะคะ ได้โปรดกลับมาหาดา ดาไม่อยากเสียคุณไปได้โปรดเถอะนะคะคุณวิล” เสียงหวานสั่นเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยหัวใจที่ปวดร้าว พลางภาวนาขอให้คนที่อยู่ดวงใจกลับมาอย่างปลอดภัยอย่างไม่มีอันตรายใดๆเข้ามาย่างกายได้อีก

 

 

 

                ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงกว่าที่คนบาดเจ็บทั้งสองจะกลับมาถึงคฤหาสน์สุดหรู โดยที่ขากลับมานี้ผู้เป็นนายใหญ่ของตระกูลกลับกลายเป็นคนขับแทนเพราะเป็นห่วงลูกน้องที่บาดเจ็บยิ่งกว่าเขาเป็นไหนๆ แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นลูกน้องก็มิวายร้องขอให้ตนขับรถให้แทนเพราะเกรงใจเจ้านายหนุ่มที่ต้องมาขับรถให้คนเป็นลูกน้องนั่ง และมันก็ไม่เหมาะสมเป็นไหนๆหากแต่คนเป็นนายกลับไม่ยอมเชื่อฟังและดุลูกน้องแสนถ่อมตัวไปจนไม่กล้าพูดอะไรมากอีกเลย

 

 

“ผมเอารถไปเก็บเองครับคุณวิล” โจเซฟรีบบอกพลางพยายามเปิดประตูรถด้านคนขับอีกครั้งเมื่อร่างสูงใหญ่ออกจากรถและปิดประตูเรียบร้อยแล้ว

 

 

“ไม่ต้อง ให้โทมัสไปเก็บแทน นายน่ะไปพักได้แล้วบาดเจ็บซะขนาดนี้ บอกว่าให้นอนพักที่โรงพยาบาลก็ไม่เอา ดื้อจริงๆ” วิลเลียมบ่นพร้อมกับทำหน้ายุ่งใส่ลูกน้องคนสนิทที่แสนจะดื้อเสียเหลือเกิน

 

 

“ก็ผมไม่ชอบโรงพยาบาลหนิครับ คุณวิลก็รู้ แล้วผมก็เกรงใจไม่อยากให้คุณต้องเสียเงินให้ผมมากมาย แค่นี้คุณก็เสียให้ผมตั้งมากแล้ว” ผู้เป็นลูกน้องเอ่ยเสียงอ้อมแอ้มพลางก้มหน้าดั่งคนสำนึกผิด

 

 

“เงินแค่นั้นสำหรับนายมันแค่น้อยนิดโจเซฟ นายทั้งทำงานให้ฉันแลดูแลฉันมากกว่าเงินที่ฉันเสียให้นายไปเสียอีก” ผู้เป็นนายกล่าวพลางหลีกให้ลูกน้องอีกคนนำรถไปเก็บแทน “ยิ่งกว่าเงินเดือนที่ฉันให้นายทุกเดือนด้วย”

 

 

“ไม่หรอกครับ คุณให้ผมตั้งมาก ทั้งชุบเลี้ยงผม ให้ที่ซุกหัวนอนอย่างดี ให้ข้าวทานครบทุกมื้อแถมยังให้เงินเดือนอีก แค่นี้มันยังน้อยไปสำหรับที่ผมจะใช้หนี้บุญคุณคุณ” โจเซฟพูดด้วยความซาบซึ้ง หากแต่ผู้เป็นนายกลับส่ายหน้าไปมาพลางตบบ่าข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บเป็นการปลอบใจ

 

 

“ช่างเถอะหน่า ไปๆ พักผ่อนได้แล้วจะได้หายเร็วๆมาใช้หนี้บุญคุณฉันไวๆ” วิลเลียมกล่าวก่อนที่เขาจะเดินนำหน้าเข้าคฤหาสน์ไปพอดีกับที่แม่บ้านประจำตระกูลลงมารับเขาพอดี

 

 

“มาแล้วหรอคะคุณวิล เป็นยังไงบ้างคะเจ็บมากไหมคะคุณ” รัญจวนรีบปรี่ไปหานายใหญ่พร้อมกับถามซักไซ้ด้วยความเป็นห่วงพลางตรวจดูว่าผู้เป็นนายบาดเจ็บตรงไหนบ้าง

 

 

“ไม่มากหรอกครับป้าจวน….กานดาล่ะครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยภาษาไทยก่อนที่เขาจะถามถึงเลขาสาวของเขาที่ป่านนี้คงจะนอนหลับสนิทไปแล้ว

 

 

“อยู่บนห้องน่ะค่ะ” นางตอบเสียงแผ่วเล็กน้อยพลางยิ้มเจื่อนๆ

 

 

“เธอยังไม่รู้เรื่องของผมใช่มั้ย” เสียงทุ้มถามด้วยเสียงที่เบาลง

 

 

“เอ่อ….อ่า….” แม่บ้านประจำตระกูลได้แต่อ้ำๆอึ้งๆเพราะกลัวว่าถ้าตอบความจริงออกไปเจ้านายหนุ่มอาจจะเกิดอาการไม่พอใจเอาได้

 

 

“พวกสาวๆเลสเซิ้ลนอนแล้วหรือครับ” วิลเลียมเปลี่ยนเรื่องแทนเมื่อเห็นท่าทีของคนตรงหน้าที่บอกคำตอบมาอย่างชัดเจน

 

 

“นอนแล้วค่ะ เห็นว่าพรุ่งนี้ต้องไปงานแต่งของคุณโวลดี้” นางรีบตอบก่อนจะส่งยิ้มแหยๆให้กับผู้เป็นนายใหญ่

 

 

“งั้นผมไปพักผ่อนก่อนนะครับป้า ราตรีสวัสดิ์ครับ” กล่าวจบร่างใหญ่ก็รีบขึ้นไปยังชั้นบนทันที

 

 

                ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้องของตัวเองพลางเช็คดูแผลตรงต้นแขนว่าที่ปิดแผลปิดสนิทดีหรือไม่ ก่อนที่เขาจะทำการอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวโดยที่พยายามไม่ให้แผลโดนน้ำตามที่คุณหมอสั่ง หลังจากนั้นเขาก็เดินมาทิ้งตัวลงบนเตียงนุ่มเมื่อแต่งตัวด้วยเสื้อกล้ามสีขาวและกางเกงนอนขายาวสีเทาเรียบร้อยแล้ว 

 

    

‘ก๊อกๆๆๆๆๆๆ’

 

 

                เสียงคนเคาะประตูแบบรัวๆดังขึ้นทันทีเมื่อร่างใหญ่ทอดกายลงบนเตียงขนาดใหญ่แสนนุ่ม จนใบหน้าคมต้องเลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างฉงนเพราะเสียงประตูที่ดังนั้นมันมาจากฝั่งประตูเชื่อมระหว่างห้องของเขาและเลขาสาวของเขา ร่างแกร่งรีบลุกไปเปิดประตูให้หญิงสาวทันทีเพราะกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายอะไรเข้าเธอถึงได้ตั้งหน้าตั้งตาเคาะประตูรัวแบบนี้

 

 

                เมื่อประตูเปิดออกทั้งสองก็มองหน้ากันหากแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา ใบหน้าหวานทำสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดแถมดวงตากลมยังทำตาโตด้วยความตื่นตระหนกเหมือนดั่งเธอไปเจออะไรที่มันน่าตกใจเข้า ส่วนใบหน้าหล่อคมก็ได้แต่ส่งยิ้มบางๆอย่างคนเหนื่อยล้าให้กับเธอ ก่อนที่ร่างใหญ่จะหันหลังกลับและเดินไปที่เตียงอีกครั้งโดยที่ไม่พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว

 

 

“คุณวิล....”

 

 

                เสียงหวานเครือครางเรียกชื่อชายหนุ่มก่อนที่ร่างบางจะถลาไปกอดกายแกร่งจากด้านหลังไว้แนบแน่น ทำเอาคนโดนกอดถึงกับรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย เสียงสะอื้นไห้ที่ดังขึ้นจากปากสวยทำให้ชายหนุ่มต้องอมยิ้มน้อยๆก่อนที่เขาจะหันไปหาเธอและโน้มตัวลงพลางเอื้อมมือมาปาดหยาดน้ำตานั้นออกจากแก้มนิ่มทั้งสองข้าง ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานอย่างเอ็นดูดั่งกับเธอเป็นเด็กเล็กที่เขาต้องถะนุถนอมก็ไม่ปาน ร่างงามที่สั่นไหวไปตามเสียงสะอื้นทำให้หัวใจดวงแกร่งของอีกฝ่ายต้องสั่นไหวตามไปด้วย

 

 

“เป็นอะไรครับคนดี ร้องไห้ทำไมฮึ?” วิลเลียมถามออกไปด้วยภาษาไทยดั่งที่เขาใช้คุยกับเธอทุกครั้ง พลางเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนิ่มอีกครั้ง

 

 

“คุณวิลขา….” กานดาครางเสียงเรียกเจ้านายหนุ่มอีกครั้งพร้อมกับโอบกอดร่างแกร่งไว้แน่นและนำศีรษะซบอิงอกกว้างพลางร้องไห้สะอึกสะอื้น

 

 

“อย่าร้องนะครับดา โอ๋ๆเด็กดี ไม่ร้องนะ” ชายหนุ่มปลอบประโลมหญิงสาวให้คลายความเศร้าเหมือนดั่งกำลังโอ๋เด็กน้อยอยู่ก็มิปาน หัวใจดวงแกร่งรู้สึกเจ็บแปลบทุกครั้งที่ได้ยินเสียงหวานสะอึกสะอื้นไม่ยอมหยุด “เป็นอะไรครับ ใครทำอะไรคุณงั้นหรือกานดา บอกผมมาสิผมจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”

 

 

“ไม่มี….ไม่มีค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงสั่นพร้อมกับส่ายหน้าไปมาบนอกแกร่ง

 

 

“อ่าว….แล้วร้องไห้ทำไมล่ะฮึ?” เขาถามต่อด้วยความสงสัย มือใหญ่ก็คอยลูบผมนุ่มปลอบใจหญิงสาวที่ยังคงร้องไห้โฮเหมือนเด็กๆ

 

 

“ดากลัวค่ะคุณวิล ดากลัวว่าคุณจะเป็นอะไรไป” เธอตอบออกมาตามความจริงก่อนที่เธอจะปล่อยโฮอีกครั้ง เล่นเอาคนปลอบต้องกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีก “ถ้าคุณเป็นอะไรไปแล้วดาจะอยู่ยังไงล่ะคะ”

 

 

“โถ่ที่รัก….ผมก็ไม่ได้เป็นอะไรหนิครับ เห็นไหม….ผมยังยืนปลอบคุณอยู่นี่เลยไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหนเสียหน่อย” วิลเลียมกล่าวแบบติดตลกนิดๆเพื่อให้คนในอ้อมกอดรู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้าง

 

 

“ก็ดากลัวนี่คะแล้วก็เป็นห่วงคุณมากด้วย คุณจะให้ดาทำยังไงล่ะคะ” กานดาตอบเสียงสั่นพลางพยายามกลั้นลูกสะอื้นเอาไว้

 

 

“โอ๋ๆไม่ร้องนะไม่ร้อง ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงผมมากขนาดนี้” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม รู้สึกดีใจอย่างยิ่งที่ได้ยินประโยคเหล่านั้นจากปากของคนร่างเล็กที่ซบอิงอกกว้างไม่ยอมห่าง

 

 

“รู้ไหมคะตอนที่ดารู้ว่าคุณถูกยิงหัวใจของดามันก็แทบจะแหลกสลายอยู่แล้ว ดาได้แต่คิดว่าคุณจะเป็นยังไง อาการของคุณจะสาหัสแค่ไหน คุณจะจากดาไปหรือเปล่า ตอนนั้นดาไม่รู้จะทำยังไงจริงๆค่ะคุณวิล ดารู้สึกมืดแปดด้านไปหมดเลยค่ะ อยากจะไปหาคุณที่โรงพยาบาลแต่ป้าจวนก็ห้ามเอาไว้ดาก็เลยไม่ได้ไป” หญิงสาวระบายความในใจออกมาให้อีกฝ่ายรู้จนหมดเปลือก ก่อนที่เธอจะขยับตัวเล็กน้อยและกอดกายแกร่งไว้แน่นดั่งกลัวว่าเขาจะหายไปไหนไกลตัวอย่างไงอย่างงั้น

 

 

“จริงหรือครับ” เสียงทุ้มถามกลับอย่างไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง หากแต่หัวใจดวงแกร่งกลับเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะและโครมครามจนแทบออกมานอกอก

 

 

“จริงค่ะ ดากลัวเหลือเกิน….คุณวิลคะ ดาไม่อยากอยู่ห่างจากคุณอีกแล้วค่ะ ดากลัวว่าถ้าเกิดดาอยู่ห่างจากคุณแล้วเรื่องแบบวันนี้มันเกิดขึ้นอีก….ดาคงจะหัวใจสลายแน่ๆค่ะ”

 

 

                ดวงหน้าหวานเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาพลางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่จริงใจ ดวงตากลมใสจ้องสบกับดวงตาคมด้วยแววตาลึกซึ้ง ทุกความรู้สึกถูกถ่ายทอดออกมาทางสีหน้าแววตาและจนอีกฝ่ายสัมผัสถึงความรู้สึกเหล่านั้นได้ ใจสองใจที่ขวนขวายหากันและกัน ณ ตอนนี้ได้ผูกมัดกันเป็นหนึ่งเดียว

 

 

“ดา….คืนนี้นอนกับผมได้มั้ย” จู่ๆชายหนุ่มก็เอ่ยขึ้นมาทำเอาอีกฝ่ายต้องทำหน้างวยงงระคนสงสัยในทันที

 

 

“แค่นอนน่ะ นอนกอดกัน….นะ” เขาอธิบายให้เธอเข้าใจกระจ่างชัดขึ้น

 

 

“เอ่อ….ดา….” ใบหน้าหวานก้มหน้าลงพลางอ้ำๆอึ้งๆ หัวใจดวงน้อยก็เต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะยิ่งกว่าตอนที่ได้สบตาแบบลึกซึ้งกับเขาเมื่อครู่นี้เสียอีก

 

 

“ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรครับ”

 

 

                    เสียงทุ้มบอกด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจะผิดหวังเล็กน้อยจนหญิงสาวต้องเงยหน้ามองใบหน้าคมอีกครั้งอย่างชั่งใจ รอยยิ้มนุ่มปรากฏขึ้นทันทีที่เธอมองมา ก่อนที่เสียงหวานจะเอ่ยเป็นคำตอบที่ทำให้หัวใจดวงแกร่งพองโตขึ้นมาในทันที

 

 

“ก็ได้ค่ะ” กานดาตอบเสียงอ้อมแอ้มก่อนที่เธอก้มหน้ามามองอดกว้างเป็นการแก้เขินแทน “ดานอนกับคุณก็ได้….แต่แค่นอนเฉยๆนะคะ”

 

 

“ครับ แค่นอนเฉยๆ ผมคงไม่มีแรงทำอะไรคุณหรอกดาเจ็บซะขนาดนี้แล้วก็เหนื่อยซะขนาดนี้….ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวแล้วรู้ไหม” วิลเลียมเอ่ยอย่างบ่นๆเล็กน้อย

 

 

“ให้ดานวดให้ไหมคะ” ใบหน้าหวานเงยหน้ามองคนตรงหน้าอีกครั้ง พร้อมกับทำตาแป๋วจนคนเห็นอดนึกหมั่นเขี้ยวในความน่ารักของแม่กระรอกน้อยแสนสวยไม่ได้

 

 

“อย่าเลยครับ นอนเถอะนี่ก็ดึกมากแล้ว” ชายหนุ่มปฏิเสธไปเพราะไม่อยากให้หญิงสาวต้องมาเหนื่อยเพราะเขา และแถมถ้าหากเขาปล่อยให้เธอนวดตัวเขาโดยที่อยู่ในห้องสองต่อสองแบบนี้ เขาคงรับประกันความปลอดภัยของเธอไม่ได้แน่

 

 

ก็ตอนนี้เขารู้สึกอยากจะขบกัดเนื้อกระรอกขึ้นมาซะแล้วสิ!

 

 

                ร่างใหญ่คลายกอดออกจากร่างเล็กก่อนที่เขาจะเดินไปยังเตียงนุ่มขนาดใหญ่อีกฝั่งหนึ่งและนั่งลง พลางหันมามองคนที่ยังคงยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนตัวเสียที แถมสีหน้าก็ดูจะลังเลจนเสียงทุ้มต้องเอ่ยชวนอีกรอบพร้อมกับรอยยิ้ม

 

 

“มานอนสิครับ”

 

 

                หญิงสาวมองผู้เป็นเจ้าของห้องอย่างชั่งใจชั่วครู่ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจเดินไปยังเตียงนุ่มและนั่งลงบนขอบเตียง เว้นระยะห่างจากกายแกร่งไว้พอสมควร ใบหน้าสวยแดงระเรื่อขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะนี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเธอที่ต้องมานอนเคียงข้างชายหนุ่มอย่างนี้ตั้งแต่ที่โตเป็นสาวสะพรั่งมา มันจึงทำให้รู้สึกหวาดหวั่นและเกร็งอยู่ไม่น้อยจนทำอะไรไม่ถูก

 

 

                วิลเลียมมองคนตรงหน้าพลางอมยิ้มน้อยๆให้กับความไร้เดียงสาของเธอ ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนหากแต่ดวงตายังคงจ้องไปที่ร่างระหงอยู่อย่างนั้น มือหนาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมท่อนล่างไว้ก่อนจะเลื่อนมาตบพื้นเตียงข้างตัวเบาๆเป็นการบอกให้หญิงสาวขยับมานอนข้างกาย ทำให้เธอต้องคิดอยู่พักใหญ่ก่อนที่ร่างน้อยจะยอมล้มตัวลงนอนใกล้ๆกายแกร่งในที่สุด

 

 

“ฝันดีนะครับ….ที่รัก” เสียงทุ้มนุ่มชวนฝันเอ่ยแผ่วพร้อมกับแขนแข็งแรงเลื่อนมาโอบกอดร่างเล็กเอาไว้อย่างถวิลหา “ฝันถึงผมด้วยนะ”

 

 

“ฝันดีค่ะคุณวิล”

 

 

                เสียงหวานเอ่ยกลับพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆก่อนที่ใบหน้าสวยจะซุกซบอกกว้างดั่งต้องการไออุ่น ร่างสองร่างอยู่ในอ้อมกอดของกันและกันเหมือนดั่งฝันที่รอคอยมานานแสนนาน ราตรีแสนหวานผ่านไปพร้อมกับกรุ่นไอรักที่กระจายไปทั่วชั้นบรรยากาศ จันทราที่เปล่งแสงแวววาวทำให้คืนที่มืดมิดเป็นคืนที่สว่างไสว เหมือนกับใจสองใจที่ตกเป็นของกันและกัน….

 

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

 

ด่าป๋าได้ตามสบาย ไอป๋าหื่น!!! -0-! 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา