ชมรมวิจัยเรื่องลึกลับ (หลังเลิกเรียน)

6.8

เขียนโดย shotaro

วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 15.35 น.

  32 ตอน
  8 วิจารณ์
  32.25K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 15.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) คาบเรียนที่7: อีกตัวตนและชมรม

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

คาบเรียนที่ 7 : อีกตัวตนและชมรม (บทโบโต1)

          “ไค” โตยืนก้มหน้ากำมือแน่น ในขณะที่รถพยาบาลพาไคออกไปจากโรงเรียนโดยมีแอนนานั่งตามไปดูอาการด้วย

          ขณะนี้เวลา 19.00 น. ท้องฟ้ายามราตรีเผยแสงจันทร์นวลผ่อง น้ำตาของอีฟและโจหยดลงพื้นครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งสามคนยืนมองรถพยาบาลจากไป มีนักเรียนจำนวนมากมายืนมองอย่างสนใจ

          “แบบนี้มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะพี่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย” โจหันมาคุยกับโต ด้วยท่าทีจริงจัง

          “พี่ก็ไม่รู้” โตตอบอย่างเจ็บใจ นำมือมาลูบคางขณะคิด

          “แต่พี่โตเป็นคนโทรมาบอกให้พวกเราออกไปนอกห้องตอนเกิดเรื่องเองนะ” อีฟพูดสวนกลับมา ใบหน้าเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา “พี่ต้องรู้อะไรบ้างสิ”

          “อีฟ” โตตะโกนลั่น ผู้คนที่กำลังทยอยกลับหลังจากรถโรงพยาบาลจากไปสะดุ้งหยุดหันมามองด้วยความสงสัย ก่อนจะเดินจากไป  “พี่ก็ไม่รู้”  (‘นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันตอนที่ฉันไม่อยู่วะเนี่ย’)

           “ต..แต่ว่า” อีฟพยายามจะเถียง แต่พอมองแววตาที่มีน้ำตาคลออยู่ของโต ทำให้เธอไม่อาจจะเถียงได้อีก เธอเกิดข้อสะกิดใจ “พี่โตความกดดันต่างจากตอนที่อยู่ในห้องลิบลับเลย” เธอหลุดพูดสิ่งที่คิดออกมา

          “อยู่ในห้อง ห้องไหน” โตถามกลับทันทีทันใด

          “ก็ห้องชมรม” อีฟตอบเสียงเบาลง

          “ฟังนะวันนี้พี่ไม่ได้เข้าไปที่ห้องชมรมเลย นอกจากนั้นก็ไม่ได้โทรหาโจเลยด้วย” โตยื่นมือถือให้ดูบันทึกการโทร ไม่พบเบอร์ของโจเลยแม้แต่เบอร์เดียว

          “ป…เป็นไปได้ไง” โจทำหน้าตาเคร่งเครียดขมวดคิ้ว

          “ดอพเพลแกงเกอร์” โตเอ่ยขึ้นด้วยท่าทางคิดอะไรออก ดวงตาเบิกโพลง น้ำตาที่คลออยู่ไหลออกมาสองหยด

            “ฮะ อะไรแกงๆ เกอร์ๆ นะ” อีฟถามอย่างงุนงงเพราะเธอฟังรุ่นพี่ไม่ทัน

             “ปรากฏการณ์ที่มีการพบเห็นบุคคลหนึ่งคนในเวลาเดียวกันแต่ต่างสถานที่ โดยทั่วไปแล้วดอพเพลแกงเกอร์ถูกถือเป็นสัญญาณแห่งความโชคร้าย ความเจ็บป่วยหรือภยันตรายจะเกิดขึ้นหากเพื่อนฝูงหรือเครือญาติได้พบเห็น ในขณะที่การพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนจะนำมาซึ่งความตาย มันเป็นความเชื่อของชาวเยอรมันน่ะ” โตล้วงคว้าสมุดบันทึกออกมาเปิดอ่าน

            “เรื่องแบบนั้นมันก็แค่เรื่องเล่าล่ะน่า” โจเอ่ยค้าน

           “ไม่หรอกเคยมีผู้พบเจอในความเป็นจริงอยู่มาบ้างเหมือนกัน” โตยกมือมาลูบคางอีกครั้ง

          “แล้วจะทำยังไงกันดีล่ะ” อีฟถามอย่างร้อนรน เธอกังวลเรื่องของไคเป็นอย่างมาก

           “ไหลไปตามน้ำสิ” โตเอ่ยขึ้นยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ราวกับแผนการทั้งหมดได้วางไว้เสร็จสิ้นทั้งหมดแล้ว “ถ้าเจ้านั่นเป็นดอพเพลแกงเกอร์จริง อีกไม่นานมันก็คงจะมาปรากฎตัวตรงหน้าฉันนี่แหละ เพื่อที่จะนำความตายมาเยือน”

          “เดี๋ยวสิ ทำไมมันถึงต้องทำแบบนั้นด้วยล่ะคะ”

          “มีคนเคยบอกว่ามันเหมือนเงาหลุดออกมาจากตัวเรา ดังนั้นก็ไม่แปลกที่จะบอกว่ามันอยากจะมาแทนที่เราล่ะนะ ฮิฮิฮิ” โตยิ้มอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

          “ถ้ามันเป็นเงาที่หลุดออกมา แล้วไอเจ้าดำๆ ที่ขารุ่นพี่มันคืออะไรล่ะครับ” โจเอ่ยขึ้นอย่างเวทนา

          “ฮิฮิฮิ ดอพเพลแกงเกอร์น่ะ ไม่ใช่เงาธรรมดาที่เกิดจากแสงแดดหรือแสงอื่นใดที่ฉายมาถูกตัวหรอกนะ แต่มันเป็นภูตเงาที่ไม่มีใครมองเห็นต่างหากไม่สะท้อนในกระจกเงาหรือพื้นผิว ใดๆ เพียงเจ้าของเงาเองเท่านั้นที่รู้สึกว่ามีตัวตนอยู่ ดอพเพลแกงเกอร์นั้นจะไม่มีเงาของตัวเอง รวมทั้งไม่มีภาพสะท้อนบนกระจกหรือผิวน้ำ มันอาจจะให้คำแนะนำอะไรบางอย่างกับบุคคลต้นแบบของมันด้วยเจตนาร้ายซึ่งยุแยง ให้เกิดความเข้าใจผิดต่างๆ หรืออาจจะปรากฎตัวต่อหน้าญาติมิตรเพื่อทำให้เกิดความสับสน และมันอาจจะปรากฎตัวในลักษณะที่สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ยามที่บุคคลต้นแบบของ มันเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยเหมือนกัน” โตอธิบายตามที่เขียนไว้ในสมุดบันทึกของตน

              “ถ้าแบบนั้นแล้วจะจัดการกับมันยังไงได้ล่ะ ป่านนี้มันไปอยู่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่สิแล้วนี่มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าตัวการ” โจคิดไปพูดไป

          “บางทีดอพเพลแกงเกอร์ของฉันอาจจะหลุดออกมาตอนที่จิตใจสับสนเรื่องพี่ยามก็ได้ล่ะนะ ที่หมอนั่นฆ่าพี่ยามบางทีก็คงเล็งเรื่องนี้ไว้แต่แรก” โตกัดฟันก้มลงช้าๆ “ฮิฮิฮิ ได้เวลาตีก้นเด็กเลวซะแล้วสิ”

          “หมายความว่าที่ฆ่าพี่ยามก็เพื่อที่จะเรียกดอพเพลแกงเกอร์ของพี่โตออกมา เพื่อสร้างโชคร้ายให้เรางั้นเหรอ” อีฟพูดอย่างที่เข้าใจ

          “อา..ก็ประมาณนั้นแหละ มันคงจะเล็งคนที่มีพลังวิญญาณสูงอย่างฉันเอาไว้แต่แรก เลยต้องทำให้จิตใจหวั่นไหวเสียก่อน” โตมองไปที่ป้อมยาม ในใจของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแค้นสุมใจ (‘บางทีดอพเพลแกงเกอร์ก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน’)

          “ถ้าแบบนั้นแล้วเราจะเอาชนะเจ้าตัวการมันยังไงล่ะ มันฉลาดขนาดนี้ถ้าขืนปล่อยไว้ชมรมเราได้ตายกันหมดแน่” โจพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง

          “นั่นสินะ ถ้าฉันมองเห็นเจ้านั่นขึ้นมาคงจะตายแน่ๆ เลย” โตหลุดขำเล็กน้อยขณะเดินกลับเข้าไปในอาคาร เวลานี้เริ่มจะใกล้ทุ่มเต็มที

          “จะไปไหนน่ะ” โจตะโกนถาม ตอนนี้ในใจของเขาควบคุมความโกรธไว้ไม่อยู่จนไม่รู้ว่าจะไปลงที่ใคร

          “ก็ไปจัดการกับตัวเองยังไงล่ะ” โตหันมายิ้มแล้วหันกลับเดินต่อ

          โจ และอีฟ ทั้งสองมองดูแผ่นหลังของโตที่เดินกลับเข้าไปในอาคาร หลังจากนั้นแล้วจึงเดินตามกันเข้าไป ขณะเดินอยู่ มีเด็กผู้หญิงไว้ผมยาวประบ่า ผิวขาวนวลผ่องราวแสงจันทร์ ดวงตากลมโตสีน้ำตาลแดง เดินกอดเอกสารออกมาจากอาคาร เธอคือเดียร์นั่นเอง เธอทำเอกสารตกพื้นไปหนึ่งใบ ทว่าพอก้มลงเก็บก็ดันเผลอทำเอกสารใบอื่นตกไปอีก พอเธอจะหันไปเก็บอีกใบคราวนี้ก็เผลอทำทั้งกองหลุดมือ

          “ห..ให้ช่วยมั้ยน้อง” โจยิ้มเฝื่อนๆ ขณะมองเด็กสาวอย่างสงสารผสมกับชวนหัวเราะ

          “ม..ไม่เป็นไรค่ะ”

          ถึงเด็กสาวจะตอบเช่นนั้น แต่ด้วยความเป็นลูกผู้ชายของโจก็ไม่อาจทนนิ่งดูเธอก้มลงเก็บแล้วเก็บอีกได้ จึงต้องลงมือมานั่งยองๆ ช่วยเก็บเอกสาร

          “อีฟเธอตามพี่โตไปก่อนเลย เดี๋ยวเสร็จแล้วฉันจะตามไป” โจเงยหน้าขึ้นพูดกับอีฟ

              “อ..อื้ม”

              หลัง จากตอบตกลง อีฟก็รีบเดินกลับเข้าไปยังอาคาร วิ่งขึ้นบันไดชั้นแล้วชั้นเล่าตามหาโต ทว่ากลับไม่พบเลย ทั้งในห้องพักครู ห้องเรียน หรือกระทั่งห้องชมรม บางห้องก็ล็อค ทั่วทั้งอาคารมืดลงแล้ว ทางเดินเริ่มมองไม่เห็น เดินลำบากขึ้นไปทุกที มีเพียงแสงจันทร์รำไรส่องผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างห้องเรียน

              “พี่โต” อีฟตะโกนเรียกลั่นอาคาร

              ทันใดนั้นอีฟก็ต้องสะดุ้ง มีมือผิวสีขาวจับไหล่ของเธอไว้ “กรี๊ด”

“โอย จะร้องลั่นทำไม เธอเรียกฉันเองนะ ฉันก็อยู่นี่ไง” โตเอานิ้วอุดปิดรูหูไว้

              “โธ่ ให้ตายสิพี่โตทำเอาตกใจหมด” อีฟถอนหายใจเบาๆ หัวใจของเธอเต้นรัวไม่เป็นจังหวะด้วยความตกใจ

              “ว่าแต่มีอะไรงั้นเหรอ” โตยิ้มถาม ดูท่าทางของเธอร้อนรนเหลือเกิน

              “จู่ๆ พี่ก็เดินเข้ามาในนี้ไม่บอกไม่กล่าว คิดว่าพวกหนูจะปล่อยให้พี่ทำอะไรคนเดียวได้หรือไง” อีฟเหงื่อท่วมตัว จนเสื้อนักเรียนชุ่มไปหมด

              “นี่ๆ จะไม่ปล่อยให้ฉันทำอะไรคนเดียวเลยหรือไงฮะ” โตตอบอย่างงอนๆ

              “ก็..ค่ะ” อีฟยังคงยืนยันคำตอบเดิมโตไม่ควรที่จะทำอะไรคนเดียวเป็นอย่างยิ่ง

              “….” โตเงียบไปสักพัก

              “ม..มีอะไรหรือคะ”

              “ชู่ว..ได้ยินเสียงอะไรมั้ย” โตก้มหน้าเอียงหูฟัง ตึก ตึก ตึก มีเสียงเท้าก้าวเข้ามา

              ทั้งสองรีบวิ่งเข้าไปหลบในห้องเรียนใกล้ๆ อีฟแอบมองลอดออกมานอกหน้าต่างประตู เธอเกือบจะร้องกรี๊ด แต่โตนำมือปิดปากไว้แล้วฉุดหลบลงมาใต้โต๊ะเรียน

          “จะบ้าหรือไงร้องกรี๊ดแบบนั้นมันก็รู้ตัวน่ะสิ เอ๊ะ ว่าแต่ทำไมถึงร้องกรี๊ดล่ะ” โตพูดเสียงเบามากขณะถาม

          “พ..พี่” อีฟมองหน้าพี่โต แววตาเบิกโพลง

           “มีอะไรงั้นหรือ” โตมองหน้าอีฟ รอฟังคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ

            “พี่ยาม”

           “ว่าไงนะ” โตเข้าใจว่าตัวเองฟังผิดเนื่องจากทั้งคู่คุยกันเบามาก

           “พี่ยามค่ะ หนูเห็นเต็มสองตาเลย” อีฟใช้มือชี้ตาตัวเองประกอบท่าทาง

             “บ้าน่าเป็นไปไม่ได้” โตค่อยๆ คลาน เปิดประตูยื่นหัวออกไปมองซ้ายแลขวาไม่พบใครเลย มีแต่ความมืดรอบด้าน

              อีฟได้แต่มองดูรุ่นพี่ด้วยความกลัว เธอกำลังหวาดผวาและนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับไค “พี่โตพอเถอะ”

              ทางโตมองซ้ายแลขวาแล้วลุกออกไปเดินตามทางมองหาจนทั่ว ปล่อยอีฟรออยู่ในห้อง เขาเดินออกไปจนสุดทางลงบันได แต่ก็ไม่มีอะไรเลย โตก้มหน้าลงคิด เขาสังเกตเห็นกลุ่มควันบางอย่างในความมืดใต้เท้า จึงรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นอย่างเร่งด่วน มุ่งกลับไปยังห้องเรียนเดิมที่มีอีฟอยู่

          “อีฟออกมาเร็ว เราต้องรีบออกไปจากที่นี่ เรากำลังจะตกเป็นเป้าหมาย” โตตะโกนลั่นห้องเรียนเขามองใต้โต๊ะจนทั่วห้อง (‘อีฟหายไปไหน’)

          โตรีบวิ่งออกตามหาอีฟอย่างรวดเร็วด้วยความเป็นห่วง (‘บ้าเอ้ย ถ้าเราไม่ปล่อยให้อีฟอยู่คนเดียวละก็’) เขาวิ่งขึ้นไปยังห้องชมรมอย่างเร่งด่วน เปิดไฟ ล้วงกระเป๋ากางเกงหาสมุดบันทึก ทว่าหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ (‘เป็นไปได้ไง หรือว่าเราไปทำตกที่ไหนกัน’)

              “พี่โต” เสียงโจดังขึ้นท่ามกลางวิกฤต “แล้วอีฟล่ะ ไม่ได้อยู่ด้วยกันหรือ”

          “อีฟ” โตก้มหน้าน้ำตาตก “อีฟหายไปแล้ว”

          “ว..ว่าไงนะ” โจวิ่งพุ่งเข้ามาจับคอเสื้อโต ยกขึ้นอย่างแรง “นี่แก” โจกำหมัดทำทีจะต่อย กัดฟัน ความโกรธเข้าครอบงำ “ทำไมไม่ดูแลเธอให้ดี” โจซัดหมัดทรงพลังเข้ากลางหน้าของโต

              โตเงยหน้าขึ้น ปากแตก กำเดาออก เป็นการเตือนสติได้ดีทีเดียว โตเริ่มที่จะเดินออกไปภายนอกห้อง

              “นี่แกจะไปไหนอีกน่ะ” โจตะโกนถาม

          “ไม่เห็นต้องถาม” โตเดินออกจากห้องใช้มือซ้ายกุมปากและจมูกที่เลือดออกไว้ “ก็ไปตามหาอีฟไง”

          “เดี๋ยว” โจเดินออกตามมา ก้มหน้าลงเล็กน้อย “ฉันไปด้วย”

              ทั้งสองเดินตามหาอีฟจนเกือบทั่วทั้งอาคาร กินเวลาไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ขณะนี้เวลาเกือบจะสองทุ่มครึ่งแล้ว  พวกเขายังคงเดินต่อไป หาทั้งตามห้องเรียน ห้องครู ห้องดนตรี ห้องแล้วห้องเล่าจนเริ่มเหนื่อยเมื่อยล้า

           “ไม่ไหวไม่เจอเลย บ้าเอ้ย อีฟ อีฟ” โจนั่งเอามือกุมศีรษะรําพึงรําพัน

           “ยังเหลืออีกที่” โตเอ่ยขึ้น โจเงยหน้ามองรุ่นพี่ก่อนที่โตจะพูดต่อ “ห้องน้ำ”

            ทันทีทันใดทั้งคู่รีบวิ่งออกตามหาทั่วทุกห้องน้ำชายและหญิงของโรงเรียน ด้วยความหวังสุดท้ายที่เหลืออยู่ จนเหลือห้องน้ำชั้น 7 เป็นชั้นสุดท้าย  ทั้งคู่ไปหยุดอยู่หน้าห้องน้ำ

             “เอาล่ะ จะเข้าห้องน้ำหญิงหรือชายก่อนดีล่ะ” โจพูดขึ้นด้วยท่าทีเหนื่อยล้า

โตก้มลงมองพื้นเห็นกลุ่มควันลอยมาจากห้องน้ำชาย “ห้องน้ำชาย” โตเอ่ยขึ้นแล้วเดินไปเปิดประตูห้องเดินเข้าไปทันที แต่สักพักโตก็หยุดชะงัก

          “ม..มีอะไรหรือ” โจเดินตามหลังถึงกับใจหายกับภาพที่เห็น ความหนาวเย็นกลืนกินไปถึงกระดูก

          มีโตอีกคนยืนอยู่เบื้องหน้าเขาแสยะยิ้มช่างชวนขนลุก

            “ไม่นะ” โจเอ่ยขึ้นอย่างหวาดหวั่น

          โตที่วิ่งเข้ามาล้มลงนอนคว่ำกับพื้นดัง ตุบ ความตายจะมาเยือนต่อผู้ที่มองเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนเอง กลุ่มไอแห่งความตายเข้าปกคลุมรุ่นพี่ที่เขานับถือ ความโกรธทั้งหมดเข้ามาสะสมไว้ที่โจ ทั้งรุ่นน้อง ทั้งคนที่ตัวเองชอบ และทั้งรุ่นพี่ที่ตนนับถือ ต่างเจอเรื่องราวเลวร้าย เขาพุ่งตรงวิ่งเข้าใช้หมัดจะต่อยใส่ดอพเพลแกงเกอร์ ทว่ากลับต้องหยุดชะงักก่อน

             “ทำไมถึงหลับตา” เมื่อสังเกตดูให้ดีโจจึงมองเห็นมันหลับตาอยู่

              “พี่โตคะ มันตายไปแล้วค่ะ” อีฟโผล่ออกมาจากห้องส้วมห้องแรก แล้วเดินมาหาโจที่กำลังงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น

              “อะไรตายแล้วเหรอ ไอ้เราก็นึกว่าจะตื่นเต้นกว่านี้ซะอีก ฮิฮิฮิ” โตค่อยๆ ลืมตาขึ้น “กุ๊กกรู สวัสดี” ทำท่าทางกวนประสาทใส่โจ

              “นี่มันอะไรกันครับ” โจถามอย่างจริงจังปรับตัวไม่ทันกันสิ่งที่เกิดขึ้น

          อีฟยกมือขึ้นตบไหล่โจเบาๆ “หนูขอเป็นคนเล่าเองค่ะพี่โต” อีฟพูด “คือ ว่านะก่อนอื่นเลย ตอนแรกฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้น พอวิ่งตามหาพี่โตไปทั่วก็บังเอิญไปเจอเข้า สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเลยพากันไปหลบในห้องนักเรียน ตอนนั้นฉันแอบชะโงกหน้าออกไปดูทางกระจกประตูว่าเป็นใคร ก็เห็นพี่โตโผล่มาตาสบตาตรงหน้าพอดี ในเวลานั้นฉันก็เลยได้อ่านใจไปด้วยก่อนจะร้องกรี๊ดเพราะตกใจ ทำให้รู้ว่าพี่โตที่อยู่ด้วยกันเป็นดอพเพลแกงเกอร์ แถมยังรู้แผนของพี่โตมาส่วนหนึ่งด้วย ฉันโกหกมันไปว่าเห็นพี่ยาม เพื่อหลอกล่อให้มันออกจากห้องไปอย่างเนียนที่สุด ”

            โตเอ่ยขึ้นแทรกเล็กน้อย “พอดีว่าฉันแอบตามหลังอีฟมาน่ะนะ เพราะคิดว่าเจ้านั่นต้องโผล่มาตอนเธออยู่คนเดียวแน่ๆ”

              “อื้ม ฉันกลัวแทบแย่เลยล่ะ พอเจ้านั่นออกจากห้องไป พี่โตตัวจริงก็วิ่งเข้ามาพาฉันหนีมาหลบที่นี่แล้วบอกว่า อีกไม่นานเจ้านั่นจะตามมาเอง ให้ฉันคอยดักรอมันเข้ามาคอยบอกพี่โตว่าลืมตาได้แล้วหรือยัง ไงล่ะ” อีฟบรรยายทั้งหมดที่ตนรู้

              “ฉัน รู้อยู่แล้วว่านายต้องมา อันที่จริงแผนนี้กะว่า ระหว่างที่มันมาเจอกับพวกนายก็จะหาโอกาสบอกแผนให้อีฟหนีตามฉันมา ให้นายหลอกพามันตามหาอีฟมาจนถึงที่นี่ แต่ว่านายไม่ได้ตามอีฟมาด้วย เลยต้องเปลี่ยนแผนนิดหน่อย เป็นหลอกพวกเดียวกันอย่างนายไปด้วย มันก็ทำเอาเสียเวลาพอตัวเลยล่ะ กว่านายจะมาถึงที่นี่ เอาเถอะมันก็คล้ายกับแผนเดิมอยู่ล่ะนะ” โตยักไหล่ขณะเล่าเรื่อง

              “แล้วเจ้านี่ล่ะ” โจชี้ไปที่ศพของโตอีกคนที่นอนกองอยู่กับพื้นเงาดำปกคลุม

              โตยกนิ้วขึ้นชี้ไปที่กระจกเงาหน้าอ่างล้างมือ “ตัว เองไงล่ะ จริงอยู่ที่ถ้าพบเห็นดอพเพลแกงเกอร์ของตนเองแล้วจะต้องตาย แต่ถ้ามองมุมกลับดอพเพลแกงเกอร์ถ้ามองเห็นตัวจริงของเราก็น่าจะตายไปด้วย เหมือนกัน ฉันก็แค่ต้องมองไม่เห็นมันซะอย่าง แค่หลับตาตอนมันมาก็พอ”

              “พี่มั่นใจได้ไงว่าเราจะหลอกมันสำเร็จ ถ้าอีฟเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆ จะทำยังไง” โจดูจะยังไม่หายโกรธสักเท่าไหร่นัก

              “ดอพ เพลแกงเกอร์นอกจากจะเหมือนเราทุกอย่างแล้ว ยังรวมไปถึงนิสัยและความทรงจำก่อนจะแยกตัวออกมาด้วย หรือก็คือถ้าเป็นฉันอีฟหายตัวไปก็คงดิ้นรนตามหาอย่างรวดเร็วจนไม่ระวังอะไร ล่ะนะ มันเหมือนฉันทุกอย่างจนน่าขยะแขยงเลยล่ะ” โตเดินเข้าไปหาโจ “ชกพี่ซะสิ”

          “ฮะ” โจทำท่าประหลาดใจ

          “จะได้หายกันไง” โตยิ้มให้ มันทำให้โจชกไม่ลง เขาจึงค่อยๆ สงบสติลง

           “ไม่ล่ะ ทำไปแล้วจะได้อะไร”

          “ให้ตายเถอะ ยังรักกันดีไม่เปลี่ยนเลยนะชมรมนี้น่ะ” ท่าม กลางความมืดในห้องน้ำชาย กลุ่มควันดำมืดจากสุดทางลงบันไดที่ดอพเพลแกงเกอร์ของโตมองเห็น และกลุ่มควันดำจากดอพเพลแกงเกอร์ รวมกันมาหมุนวนรอบตัวของเด็กผู้ชายผมยาวคนหนึ่ง กลิ่นไอแห่งความตายที่น่าขนลุก เริ่มสลายไปอย่างช้าๆ

   จบตอนที่7

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

สวัสดีครับ นักอ่านทุกท่าน ขอบคุณที่อ่านกันจบไปอีกตอนนะครับ สำหรับตอนนี้เป็นยังไงบ้างครับ ^^ ผมล่ะคิดถึงคนอ่านตั้งหลายคนแน่ะ                                         ไว้เจอกันในตอนที่7.5 นะครับ ^^

ปล. รักนะ คนอ่าน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6.6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา