เผลอรัก...จับใจ

10.0

เขียนโดย soso_sung

วันที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 14.15 น.

  20 chapter
  0 วิจารณ์
  21.94K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2556 20.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่8

 

            “แหม ตั้งแต่มีแฟนนี้ไม่เห็นหน้าเห็นตากันเลยนะจ๊ะ” พอเข้ามาถึงห้องเรียนฉันก็ถูกอาเยียนแซวใหญ่

            “อะไรละ เธอต่างหากที่หนีฉันไปจิ๊จ๊ะกับอาฉิน”

            “นั้นมันแน่อยู่แล้วย่ะ แต่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเธอจะเป็นแฟนกับเหวินอี้จริงๆ”

            “ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกันว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะเป็นแฟนกับเหวินอี้” จู่ๆเสียงแหลมปรี๊ดขึ้นสมองก็ดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของเสียงที่ยืนอยู่ตรงหน้า และข้างหลังก็มีเพื่อนสาวร่วมอีกสองคน

            “นี้พวกเธออย่ามาหาเรื่องกันได้ไม” อาเยียนลุกขึ้นว่าให้

            “เธอไม่เกี่ยวอย่ายุ่ง” แล้วสองสาวข้างหลังยูมิก็เข้ามาล็อคแขนอาเยียน

            “นี้ปล่อยอาเยียนนะ”

            “ถ้าเธอไม่อยากให้เพื่อนเธอเป็นอะไรหรือแม้แต่ตัวเธอ เธอก็ต้องมาตามที่อยู่นี้” ยูมิโยนบัตรเล็กๆมาใส่หน้าแล้วก็เดินน้ำออกไป

            “อย่าลืมนะจ๊ะ” สองสาวพูดทิ้งท้ายพร้อมโบกมือนิดๆแล้วก็เดินออกไป

            “แกอย่าไปนะ ฉันไม่เป็นอะไรหรอก” อาเยียนเข้ามาคว้านามบัตรที่เขียนชื่อผับแห่งหนึ่ง

            “ฉันไม่ไปหรอก เธอวางใจได้” ฉันบอกอาเยียนแต่ในใจนั้นฉันกลับคิดว่าจะรับมือกับสิ่งที่จะเกิดยังไง

            “อีกอย่างเธอควรบอกเหวินอี้ด้วยนะว่ายูมิมารังความเธอ”

            “อย่าบอกเขาเลย แค่เรื่องเรียนเขาก็เครียดมากพออยู่แล้ว”

            “แต่เธอเป็นแฟนเขานะ”

            “ใช่ไงฉันถึงไม่อยากรบกวนเขามาก”

            “แต่ฉันก็ยังอยากให้เธอบอกเหวินอี้อยู่ดี” อาเยียนยังคงเกลี้ยงกล่อมให้ฉับอกเหวินอี้อยู่ดี

            “โอเค ฉันจะบอกเหวินอี้ ส่วนเธอก็ต้องติดอาฉีอย่าให้ห่าง เข้าไจไม”

            “ตกลงตามนี้ ฉันจะไม่คลาดจากอาฉี จะติดหนึบแบบนี้เลย” แล้วอาเยียนก็เข้ามาเกาะแขนฉันแน่นไม่ยอมปล่อยจนอาจารย์เข้ามา

           

            “วันนี้หลังเลิกงานเธอต้องกลับบ้านเลยนะ” อาเยียนกำชับอีกครั้ง

            “จ้า เลิกงานเสร็จฉันจะโทรเรียกเหวินอี้มารับฉันกลับบ้านทันทีจ้า”

            “งั้นฉันไปก่อนนะ”

            “พรุ่งนี้เจอกัน”

หลังจากที่แยกกับอาเยียนฉันก็ตรงกลับบ้านเพื่อที่จะไปตามนัดของยูมิทันทีเพราะฉันไม่อยากให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ ดังนั้นฉันจะต้องยุติเรื่องทุกอย่างก่อนที่มันจะแย่ไปมากกว่านี้เพื่อความรักของฉันที่มีต่อเหวินอี้

 

            ตอนนี้ฉันมายืนอยู่สถานที่นัดกับยูมินั้นคือผับและตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยดึกเท่าไรคนก็เลยไม่เยอะ ฉันตั้งใจจะมาคุยให้จบเรื่องแล้วก็รีบกลับบ้านดังนั้นฉันเลยก้าวเข้าไปในร้านอย่างกล้าหาญ และพอก้าวเข้าไปก็เจอกับสีของไฟหลายหลายที่ตัดผ่านกันอย่างสวยงามพร้อมกับเสียงเพลงเบาๆเพราะอาจจะเป็นเพราะว่ายังมีคนมาไม่มากนัก

            “ทางนี้” ฉันยืนมองหายูมิได้สักพักก็เห็นเธอโบกมือมาจากมุมในสุดของร้าน

            “มาเร็วกว่าที่คิดนะ”

            “อืม เธอมีอะไรก็ว่ามาเลยดีกว่า” เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาฉันเลยเข้าประเด็นทันที

            “เธอพึ่งมาเหนื่อยๆ นั่งดื่มอะไรก่อนสิ” เพื่อสาวยูมิที่ชื่อว่าเซร่าเดินเข้ามาลากฉันให้ลงไปนั่งข้างๆเธอ

            “ใช่ เธอพึ่งมาเหนื่อยๆ เดี๋ยวฉันสั่งน้ำให้น่ะ” แล้วเรล่าก็ไปที่เคาร์เตอร์เพื่อสั่งน้ำให้ฉัน

            “เธอคบกับเหวินอี้ตั้งแต่เมื่อไร” ยูมิถาม

            “ก็ไม่นาน ทำไม”

            “เธอไม่รู้หรอว่าเหวินอี้นะเป็นแฟน...” ก่อนที่เซร่าจะพูดจบ ยูมิก็พูดแทรก

            “หยุดเซร่า”

            “แต่ว่า...”

            “นี้มันเรื่องของฉัน”

            “โย่ว! ยูมิ เซร่า แล้วนี้...” ก่อนที่บรรยากาศจะตึงเครียดไปมากกว่านี้ก็ได้มีกลุ่มผู้ชายหน้าตาดีประมาณสามสี่คนเดินเข้ามาทักทายยูมิอย่างสนิทสนม

            “ฉันหรอ” พวกเขายืนมองฉันไม่ยอมไปไหนเหมือนกับต้องรู้ชื่อฉันให้ได้

            “ก็ใช่นะสิ อ่อ!ลืมไป ฉัน เคน นี้ฟาร์ล ส่วนหมอนี้ก็เซีย แล้วเธอ...” เคนแนะนำตัวเองและเพื่อนๆของเขาเสร็จก็หันมาถามชื่อฉัน

            “ฉันไขไข่” ฉันตอบ

            “ชื่อแปลกดีแฮะ”

            “พวกนายแนะนำตัวกันเสร็จหรือยัง” ยูมิพูดขึ้น

            “โอ๊ะโอ” เคนทำเสียงแปลกๆแล้วก็เดินเข้ามานั่งข้างๆฉัน

            “เธอมีแฟนหรือยัง ฉันพึ่งจะอกหักจากยูมิ ถ้าเธอไม่รังเกียจ เป็นแฟนกับฉันนะ” เคนจับมือฉันยกขึ้นมาจูบแล้วมองตาหวานซึ้ง

            “เอ่อ ฉันมีแฟนแล้ว ขอโทษด้วยนะ” ฉันชักมือออกจากมือเคนแล้วขยับถอยห่าง

            “หว่า นี้ฉันโดนสาวสวยอกหักถึงสองครั้งรวดเลยหรอเนี่ย” เคนบ่นอย่าไม่จริงจังนัก

            “ฟาร์ล!!ฉันคิดถึงนายจัง” เรร่าที่หายไปสั่งเครื่องดื่มรีบวิ่งเข้ามากอดฟาร์ลที่ยืนอ้าแขนรอรับอยู่แล้ว

            “ฉันก็คิดถึงเธอ” ฟาร์ลพูดเสร็จก็ก้มลงจูบเซร่าที่เงยหน้ารอรับจุมพิตนั้นเหมือนรู้กันอยู่แล้ว

            “อ่ะ ดื่มให้กับเพื่อนใหม่หน่อยเร็ว” เซียแยกสองคนที่จูบกันอย่างดูดดื่มเข้ามายกเครื่องดื่มที่บริกรยกมาว่างอยู่บนโต๊ะ

            “มาๆๆ” แล้วทุกคนก็หยิบเครื่องดื่มของตัวเองขึ้นมา

            “นี้ของขายไข่” เคนหยิบแก้วที่เหลือให้ฉันเมื่อไม่เห็นว่าฉันจะหยิบ

            “คือฉัน...” ฉันยังไม่ทันได้แย้งอะไรเคนก็หยัดแก้วใส่มือฉัน

            “ดื่ม!!!” แล้วทุกคนก็ดื่มรวดเดียวจนหมด แต่เคนเห็นฉันไม่ดื่มก็ช่วยจับแก้วยัดใส่ปากฉัน

            “แหวะ ไม่เห็นอร่อยเลยดื่มเข้าไปได้ยังไงเนี่ย” เคนเอาน้ำสีเหลืองให้ฉันกินและพอหมดแก้วฉันก็ต้องรีบหาน้ำเพื่อที่จะล้างคอและสายตาก็ไปเหลือบเห็นน้ำสีฟ้าๆเข้าก็รีบกระดกอย่างไม่รอช้า

            “อร่อยใช่ไม” เคนถาม

            “อื้อ ก็ดีกว่าเมื่อกี้หน่อย” แต่ฉันก็ยังรู้สึกขมๆที่ปลายลิ้นอยู่ดี

            “เอาละ เรามาเล่นเกมส์กันเถอะ” จากที่เงียบไปนานยูมิก็พูดขึ้นพร้อมกับเพลงที่เริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

            “เกมส์...เกมส์อะไร” ฉันถามด้วยความงงงวย นี้ฉันมาที่นี้เพื่อมาคุยเรื่องของเหวินอี้แต่ทำไมยูมิกลับชวนฉันเล่นเกมส์ซะอย่างนั้นละ

            “เกมส์เผยความลับ” เคนเป็นคนตอบ

            “กติกามีอยู่ว่า เราจะเลือกผู้เล่นมาหนึ่งคู่และให้ทั้งคู่พูดในสิ่งที่น่าจะเป็นความลับของอีกฝ่าย ถ้าถูกฝ่ายที่ถูกเปิดเผยก็จะดื่มเจ้านี้และถ้าเปิดเผยความลับของอีกฝ่ายไม่ได้ก็เช่นกัน จงดื่มเจ้านี้ไปซะโดยแต่ละคู่จะตั้งคำถามได้เพียงคำถามเดียวแล้วเราก็จะเปลี่ยนคู่กัน” เคนอธิบายกติกามาทั้งหมดฉันก็ยังไม่เข้าใจ เพราะฉันจะไปรู้ความลับของทุกคนได้ยังไงกัน

            “แต่ถ้าเธอไม่อยากดื่มเธอก็ต้องบอกความลับของเธอแทน” ยูมิต่อความ

            “เข้าใจกติกา ดังนั้นเริ่มเล่นได้” การเริ่มเล่นก็คือเลือกคู่เล่นโดยที่เราจะเป่ายิงชุบกัน และตอนนี้ฉันได้คู่กับเคน

            “เธอมีปานที่แก้มก้นด้านซ้ายใช่ไม” พอเคนพูดจบฉันก็รีบพูดทันที

            “นายจะบ้าหรอ ฉันไม่มีปานที่แก้มก้นข้างซ้ายอย่าที่นายว่าน่ะ”

            “หรอ งั้นฉันควรดื่มใช่ไม”

            “แน่นอสิ” แล้วเซนก็ยื่นน้ำสีเหลืองให้เคน แล้วเคนก็ดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

            “ต่อไป...เธอ”

            “นายต้องเป็นเกย์แน่ๆ” พอฉันพูดเสร็จ เคนก็ถึงกลับตาโต และก็หัวเราะออกมากร๊ากใหญ่

            “เธอดื่มซะเถอะ ฉันแมนทั้งแท่ง เธออยากพิสูจน์ไม”

“ไม่ดีกว่า” ฉันจำใจคว้าแก้วที่มีน้ำอยู่เต็มแก้ว เพียงรวดเดียวฉันก็ดื่มจนหมด

และพวกเราก็สลับกันเล่นจนคบคู่โดยที่ตอนนี้ฉันก็เริ่มรู้สึกมึนๆยังไงไม่รู้ พอมองไปรอบร้านก็เห็นว่าผู้คนเข้ามากันอย่างหนาแน่นทำให้อาการมึนของฉันหนักเข้าไปอีก

            “เธอไม่ได้รักเหวินอี้” และคู่สุดท้ายฉันกับยูมิซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะรอมานานแล้วที่จะได้คู่กับฉัน แต่คำถามของเธอออกจะเป็นการบังคับให้ฉันพูดมากกว่า

            “ฉันรัก...” ฉันพยายามที่จะตอบยูมิแต่เหมือนกับว่าไอ้ที่ฉันกินเข้าไปนั้นจะเริ่มทำให้ฉันไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวเพราะตอนนี้ในหัวของฉันมีแต่ตาบ้าที่คอยตามมาหลอกหลอนฉันอยู่ตลอดเวลา

            “เธอไม่ได้รักเหวินอี้ใช่ไม” เสียงยูมิตะโกนดังขึ้น

            “ฉันรัก...”ฉันพยายามตอบออกไปว่าฉันรักเหวินอี้แต่ไม่รู้ทำไมเสียงของฉันมักจะหายไป

            ซ่า!!!

            “เธออยากตายใช่ไม” ยูมิสาดน้ำใส่หน้าฉันอย่าโมโหจัดที่เธอไม่ได้คำตอบอย่างที่ต้องการ

            “ยูมิใจเย็นๆ” เซร่าและเซร่ารีบเข้ามาห้ามไม่ให้ยูมิเข้ามาทำร้ายฉัน และเสียงของเธอก็ทำให้คนที่อยู่บริเวณใกล้ๆหันมามอง

            “ฉันรักเหวินอี้ แล้วจะไม่เลิกกับเขาเด็ดขาด” ฉันประกาศลั่นอย่างโมโหที่จู่ๆก็โดนน้ำสาดใส่หน้า

            “ฉันจะฆ่าเธอ!!!” ยูมิพยายามจะกระโจนเข้าใส่ฉันแต่ก็ถูกเพื่อนสาวทั้งสองห้ามไว้แต่ก็ดูเหมือนว่าแรงของยูมิตอนนี้จะไม่สามารถหยุดสองคนนั้นได้เลย

            “พอเถอะยูมิ” เคนที่มองดูเหตุการณ์อยู่เงียบๆก็ลุกขึ้นเข้ามาหายูมิและพยายามลากเธอออกจากตรงนี้

            “เธอก็ควรจะกลับบ้านได้แล้ว” เซนบอกฉันแล้วเดินตามเคนออกไปโดยที่เซร่าตามออกไป

            “กลับบ้านดีๆนะสาวน้อย” ฟาร์ลบอกเสร็จก็เข้าไปกอดคอเซร่าแล้วพากันเดินออกไป

            “โอ้ย มึนหัวจังเลย” ฉันพยายามลุกขึ้นแต่ก็ลุกไม่ขึ้น ได้แต่เอาหัวถูไปตามเบาะนั่งและตามด้วยตัวและนอนแบะอย่างไม่อายใคร

            “ขอพักตรงนี้แปบแล้วกันน่า” แล้วฉันก็หลับไปทั้งอย่างนั้น ไม่รู้เลยว่าตัวเองกำลังจะเจอะอะไรข้างหน้า

           

           

 

            “นี้ฉันอยู่ไหนเนี่ย” ฉันควรที่จะอยู่ที่ผับกับพวกยูมิสิ แต่นี้ทำไมฉันกลับมาอยู่ท่ามกลางก้อนเมฆแบบนี้ละและเหมือนกับว่าฉันเคยมาที่แห่งนี้แล้วนะ

            “มีใครอยู่ไมค่ะ” ฉันตะโกนเรียกถามหาคนช่วยแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครอยู่เลย

            “หรือว่าฉันตายแล้ว” ไม่จริงใช่ไม ฉันต้องไม่ตายสิ

            “ไขไข่” เสียงทุ้มอันอบอุ่นดังขึ้นข้างๆหู และพอหันหลังไปก็เจอกับ

            “เหวินอี้ คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง” ฉันทั้งตกใจทั้งดีใจที่ได้เห็นใครสักคนและคนนั้นก็เป็นคนที่ฉันรัก

            “ผมมีเรื่องจะสารภาพ” เหวินอี้ก้มหน้า

            “เรื่องอะไรคะ” ฉันถามอย่างสงสัย

            “ผมรักคุณ ไขไข่” คำสารภาพของเขาทำให้ฉันอึ้งไปเลย

“คุณจะรักผมได้ไม” เหวินอี้ยื่นช่อดอกไม้มาตรงหน้าฉันและฉันก็สังเกตเห็นว่าในกลุ่มดอกไมนั้นมีประกายแวววาวบางอย่าง แต่ก็ไม่แน่ใจว่าคืออะไร

“ฉันก็รักคุณค่ะ” ฉันตอบกลับด้วยความจริงที่ว่าฉันรักเหวินอี้และไม่มีทางที่ฉันจะเลิกกับเขา

“งั้นเราแต่งงานกันนะ” และคำพูดเขาก็ทำให้ฉันอึ้งอีกครั้ง และพอได้สติฉันก็ตอบ

“ค่ะ ฉันแต่งกับคุณ” แล้วเหวินอี้ก็เอาแหวนที่อยู่หลางกลุ่มดอกไม้ที่เขาถือยื่นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้าย แล้วก้มลงจูบอย่างนุ่มนวล

ฉันภาวนาว่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดตรงหน้าฉันนั้นให้ความรู้สึกว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความฝัน ทั้งการสัมผัสของเขาที่ทำให้ฉันรู้สึกอบอุ่นถึงใจและอ้อมกอดที่เขากอดฉันมันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาจะปกป้องฉันตลอดไปมันชั่งทำให้ฉันมีความสุขเหลือเกิน ฉันไม่อยากตื่นจากฝันนี้เลยอยากให้เรื่องที่เกิดนั้นเป็นความจริง

“เฮือกก” ฉันสะดุ้งตื่นเหมือนกับมีอะไรบางอย่างกระชากฉันออกจากความฝันอันหอมหวาน

“ที่นี้ที่ไหนกัน” ฉันต้องอยู่ที่ผับสิ

“โอ้ย ปวดหัวจัง” และเหคุการณ์เมื่อกี้มันคือความฝันจริงๆหรอ

“แต่ฉันรู้สึก...” เหมือนฉันได้รับสัมผัสนั้นจริงๆ

และฉันก็มองไปรอบห้องที่ฉันอยู่ มันเป็นห้องที่รู้สึกคุ้นมาเลยจริงๆ และพอฉันคิดมาถึงตรงนี้ก็ทำให้ฉันเบิกตาด้วยความตกใจ

            “นี้มันห้องของตาบ้านั้นนิ แล้วฉันมาอยู่นี้ได้ยังไงกัน” ฉันพยายามคิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ครั้งสุดท้ายที่จำได้ก็คือฉันทะเลาะกับยูมิและ...ฉันก็...

            “เฮ้ย!” ให้ตายสิ ฉันนอนไปทั้งอย่างนั้นได้ยังไงกันนะ

            “แล้วนี้ใครมาเปลี่ยนเสื้อให้ฉันกัน” ฉันมองสำรวจตัวเองว่ามีความเสียหายอะไรไมก็ต้องตกใจอีกครั้งที่เครื่องแต่งกายของฉันที่ควรจะเป็นเสื้อยืดกางเกงยีนแต่ตอนนี้ได้กลายเป็นเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่กว่าตัวพร้อมกับ...ความโล่ง

            “เสื้อชั้นในของฉันหายไปไหน” ฉันอยากจะบ้าตายกับความผิดพลาดครั้งใหญ่หลวงครั้งนี้เหลือเกิน

            “ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่แตะต้องไอ้น้ำบ้านั้นอีกเป็นอันขาด”

            “เธอตื่นแล้วหรอ” ก่อนที่ฉันจะสติแตกไปมากกว่านี้และด้วยไม่ทันได้ยินเสียงของคนเข้ามาก็ทำให้ฉันเกือบหลุดกรี๊ด

            “นายเข้ามาทำไมไม่เคาะประตู” ฉันแหวดใส่เขาอย่างควบคุมสติไม่อยู่

            “อ่าว ก็ไม่คิดว่าเธอจะตื่นแล้วนิ” เขาเดินตรงเข้ามาหา

            “นายอย่าเข้ามานะ ฉันบอกว่าอย่าเข้ามาไง” ฉันกระโดดลุกขึ้นเตรียมพร้อมสู้หากว่าเขาคิดจะทำอะไร

            “นายมองอะไร” เขาหยุดนิ่งแต่สายตาเขากลับมองมาที่ตัวฉัน

            “เฮ้ย! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ออกไปเลยนะ” ฉันทั้งด่าทั้งมุดตัวเข้าไปในผ้าห่มเพื่อหลบจากสายตาของเขา

            “อะไรกัน ผมก็ไม่ได้อยากมองหรอกนะ แต่คุณยืนให้ผมดูเอง” เขาพูดกลั้วหัวเราะและเข้ามานั่งข้างเตียง

            “ฉันบอกให้นายออกไปไง” ฉันรับรู้ถึงที่นอนที่ยุบตัวลงและผ้าห่มที่เริ่มขยับเองได้

            “คุมอย่างนั้นเดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก” ที่แท้เขาก็พยายามดึงมันออก

            “นายอย่ามายุ่งนะ นายออกไปให้พ้นเลย” ฉันพยายามดึงผ้าห่มไม่ให้เขาดึงออกไปได้ แต่แรงผู้หญิงหรือจะสู้แรงผู้ชายแถมหัวของฉันก็ยังปวดตุบๆ

            “ออกมาคุยกันก่อน ผมสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรคุณ” เขาก็ยังพยายามดึงผ้าห่มให้ออกจากตัวฉันแต่ฉันก็ยังยื้อไว้ไม่ยอมปล่อย

            “ไม่ฉันจะออกก็ต่อเมื่อคุณออกจากห้องไปแล้ว”

            “ก็ได้ ผมออกคุณก็จะออกใช่ไม” เขาหยุดการดึงผ้าห่ม

            “ใช่”

            “งั้นผมออกละนะ”

            “อืม”

และฉันก็ได้ยินเสียงเดินตามด้วยเสียงเปิดประตูและปิดประตูตามมา จากนั้นฉันก็ค่อยๆเอาหัวมุดออกจาผ้าห่มแต่ปรากฏว่า...

            “ทำไมนายยังไม่ออกไป” นี้เขากล้าโกหกฉันเลยหรอเนี่ย

            “ฉันมีเรื่องที่จะคุยกับเธอ” เขากระโจนเข้ามารวบตัวฉันที่มีผ้าห่มพันรอบตัวยกเว้นส่วนหัว

            “ไม่คุย ฉันไม่คุยอะไรทั้งนั้น ปล่อยนะ” ฉันทั้งดิ้นทั้งถีบขาคู่ให้เขาออกจาตัวฉันแต่ก็ไม่เป็นผล

            “ถ้าไม่หยุดผมปล้ำคุณจริงๆ” เขาพูดเสียงเข้มขึ้นมาทันที

            “คุณต้องการอะไรก็พูดๆมาเถอะ ฉันอยากกลับบ้าน” ฉันมองเขาที่ยังไม่ยอมลุกออกไปจากตัวฉันและฉันอยากจะเข้าไปอยู่ในสองของเขาจริงว่าเขากำลังคิดจะแกล้งอะไรฉันอยู่

            “หึ ไปดื่มเหล่าจนเมาแบบนี้ยังคิดอยากจะกลับบ้านด้วยหรอ” เขาพูดน้ำเสียงประชด

            “นายยุ่งอะไรด้วยเล่า ฉันเมานะไม่ใช่นาย” ฉันเถียงกลับด้วยความหงุดหงิด

            “ถ้าผมไม่ไปเจอคุณเข้าไม่รู้ปานนี้...” เข้าก้มสำรวจตัวฉันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

            “อ้าย หยุดมองได้แล้ว คุณมีอะไรก็ว่ามา” ฉันดื้นขลุกขลักเพื่อไม่ให้เขาสนใจร่างกายของฉันที่มีผ้าห่มพันรอบ

            “ผมมีเงื่อนไขให้คุณ”

            “เงื่อนไข...เงื่อนไขอะไร”

            “ผมให้คุณเลือกระหว่างอยู่กับผมอย่างเต็มใจหรือว่าให้ผมบังคับ”

            “นี้...นี้มันเงื่อนไขบ้าอะไรของนายกัน” เมื่อกี้ฉันหูฝาดไปใช่ไม

            “ตอบ” ไม่ใช่แค่น้ำเสียงที่เข้มแต่สายตาของเขาก็จริงจังทำให้ฉันเริ่มกลัวๆ

            “มีอันไหนที่ฉันไม่ต้องอยู่กับนายบ้างไม”

            “ไม่มี ถ้าเธอยังไม่ตอบฉันจะเลือกให้เธอเอง”

“แล้วมันแตกต่างกันตรงไหนเล่า ที่นายพูดมาก็คือให้ฉันอยู่กับนาย ฉันไม่อยากอยู่กับนาย...” ฉันยังว่าเขาไม่ทันจบเข้ามาก้มมาจูบฉัน จูบครั้งนี้เนิ่นนานจนเกือบทำให้ฉันหมดสติไปอีกครั้ง

            “เธอหมดสิทธิ์ที่จะตอบแล้วละ” เขาถอนจูบแล้วปล่อยตัวฉันให้เป็นอิสระ

            “หมายความว่ายังไง” ฉันตั้งสติได้ก็ลุกขึ้นถาม

 เขาไม่ตอบแต่กลับยิ้มที่มุมปากเหมือนได้สิ่งที่ถูกใจ

            “หมายความว่ายังไงกัน”

ฉันยังไม่เห็นจะเข้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้นี้ และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ใต้ฝักบัวที่มีสายน้ำไหลมาเป็นสาย แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรฉันได้มากนักเพราะฉันก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาต้องการอะไรจากฉัน

            “อีกห้านาทีถ้าเธอไม่ออกมาฉันจะเข้าไปลากเธอ” เสียงคำสั่งดังออกมาทำให้ฉันหยุดคิดแล้วรีบจัดการตัวเองให้เสร็จเพราะไม่อย่างนั้นฉันคงเละแน่และฉันก็ไม่อยากจะลองดีกับเขาอีกแล้ว

            “นั่งลงสิ” พอฉันจัดการตัวเองเสร็จก็เดินออกมาที่ห้องรับแขกที่มีเขานั่งดูทีวีอยู่ก่อนแล้ว

            “ไม่” ฉันกอดออกแล้วหันหน้าไปทางอื่นไม่สนใจเขา

            “ว้าย!!! ปล่อยนะ” คาร์ลดึงฉันให้ไปนั่งบนตกเขาและเขาก็กอดแน่นไม่ยอมปล่อย

            “ถ้าเธอไม่หยุดดิ้นฉันจะจูบ” เขาไม่เพียงแค่พูดแต่โน้มหน้าลงมาหมายจะจูบจริงๆนั้นเลยทำให้ฉันหยุดดิ้นทันที

            “น่ารักจริง” เขาไม่ได้จูบอ่างที่พูดแต่เขากลับหอมแก้มฉันสะฟอดใหญ่ “หอมจัง”

            “นายปล่อยฉันได้หรือยัง” ฉันพูดเสียงเบาๆกลัวว่าเขาจะแกล้งฉันอีก

            “ยัง” เขาตอบโดยที่ตาก็ยังมองไปที่จอทีวีที่ตอนนี้ฉายหนังแอคชั่นอยู่

            “แต่ฉันหิว” ไม่เพียงเท่านั้นเสียงท้องของฉันก็ร้องประท้วงด้วยเช่นกัน

            “หึ เธอนี้จริงๆเลยน่า” เขาหันมายิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่หวานมากๆ

            “เอ่อ...” และนั้นทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว

            “ฮ่าๆๆ เธออยากกินอะไรละ” เขาปล่อยฉันลงแล้วก็ลุกเดินไปทางห้องครัว

            “อะไรก็ได้”

            “ถ้าอยากกินก็ต้องมาเป็นลูกมือฉัน”

            “ฉันทำไม่เป็น” ฉันตอบหน้าตาย

            “เธอทำไม่เป็นไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันสอน”

            “ไม่เอา ฉันไม่ชอบเข้าครัว” ฉันยืนกอดอกตอบเสียงเรียบ

            “ก็ได้ ฉันจะเป็นลูกมือนาย” ฉันยอมแพ้เพราะเขาทำท่าจะเดินเข้ามาเขย่าตัวฉันเหมือนไม่พอใจที่ฉันขัดคำสั่งเขา

            “เราจะทำสปาเกตตี้ซอสคาโบนาร่ากัน” คาร์ลพูดเสร็จก็เตรียมวัตถุดิบอย่างมืออาชีพ

            “เธอช่วยปอกหอมหัวใหญ่ให้หน่อยละกัน” เขาล้างหอมหัวใหญ่แล้วเอามาให้ฉันพร้อมกับมีด

            “ฉันบอกแล้วนะว่าฉันทำไมเป็น” ฉันเตือนเขาอีกครั้ง

            “ก็ผมจะสอนคุณนี้ไง” ว่าแล้วเขาก็สอนวิธีปอกโดยเริ่มจากจากแกะเปลือกที่เป็นสีน้ำตาลออกก่อนแล้วก็เริ่มลงมือหั่นเป็นแว่นๆ

            “ต่อไปเธอก็สับให้เละเลยนะ ทำเป็นใช่ไม” แล้วเขาก็ยื่นหอมหัวใหญ่ที่ปอกเปลือกมาให้ฉัน

            “สับให้เละหรอ” ฉันถามย้ำอีกครั้ง

            “ใช่” เขาพูดเสร็จก็หันไปเตรียมทำอย่างอื่นต่อ

ปัก ปัก ปัก

            “คิดถูกจริงที่ให้เธอทำอะไรแบบนี้” เขาหันมามองด้วยความตกใจที่เธอสับด้วยความเร็วและแรงแต่ก็ยิ้มชอบใจเห็นเธอขะมักเขม้นในการสับหอมหัวใหญ่

            “โอ้ย” แต่สับไปได้ไม่นานน้ำของหอมหัวใหญ่ก็กระเด็นเข้าตา

            “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ห้ามเอามือไปขยี้ตาแบบนั้นสิ” คาร์ลรีบเข้ามาดูทันทีที่ได้ยินเสียงร้อง

            “มานี้ ล้างตาก่อนอย่าเอามือไปขยี้” เขาต้องพยายามดึงเอามือออกจากตาเมื่อเห็นฉันพยายามจะเอาไปขยี้อยู่ตลอด

            “ก็มันแสบนี้” ฉันเถียง

            “เอาล้างน้ำก่อน” คาร์ลเปิดก๊อกน้ำให้ไหลแล้วก็เอาน้ำมาเช็ดตาเธอให้สะอาด

            “หายยัง” ขายไข่หันหน้ากระพริบตาใส่เขาสองสามที่แล้วก็เอาหน้าไปเช็ดกับเสื้อของเขา

            “ยัง” เธอยังคงเอาหน้าถูกับเสื้อของเขาโดยไม่รู้เลยว่าชายหนุ่มนั้นเริ่มเกิดอาการแปลกๆ

            “หายแล้ว” เธอเงยหน้ามองตาเขาแล้วก็ทำหน้าแปลกใจ

            “เป็นอะไร” เธอถามด้วยน้ำเสียงซื่อๆ

            “ไม่มีอะไรเธอไปดูทีวีรอข้างนอกดีกว่านะ” เขาดันหลังเธอให้ออกจากห้องครัวไป

            “อะไรกัน ไหนนายบอกฉันช่วยไงแล้วทำไมถึงมาไล่กันแบบนี้ละ” เธอโวยวายทันทีที่คาร์ลไล่เธอออกจากห้องครัว

            “ห้ามเข้ามาจนกว่าผมจะสั่ง” แต่เมื่อขายไข่จะเข้าไปช่วยเขาก็สั่งห้ามเธอทันที

            “แต่ฉันยังไม่ได้ล้างมือ...” เธอชูมือทั้งสองข้างขึ้นมาให้เขาดูว่าเศษหอมหัวใหญ่ยังติดอยู่เลยนะ

            “ไปล้างที่ห้องน้ำนู่น แล้วก็ไม่มีแต่” เขาสั่งเสียงเฉียบขาด

            “ก็ได้” และเธอก็ยอมแพ้เดินสะบัดตูดไปที่ห้องน้ำ

            “เฮ้อ เกือบไปแล้วไมละเรา” เมื่อขายไข่ออกไปแล้วเขาก็ถึงกับถอนหายใจโล่งอก

และเพียงไม่นาน กลิ่นหอมๆของสปาเกตตี้ซอสคาโบนาร่าก็โชยอกมาให้หญิงสาวที่นอนดูทีวีถึงกลับเด้งตัวแล้วรีบตรงดิ่งมาที่ห้องครัว

            “หอมจังเลย” เธอวิ่งเข้ามาสูดกลิ่นหอมตรงหน้ากระทะที่คาร์ลเตรียมจะยกใส่จาน

            “อย่าเข้ามาใกล้สิ เดี๋ยวโดนหรอก” เขาเอ็ดเธอเมื่อจู่ๆเธอก็วิ่งพรวดเข้ามา

            “ก็มันหอมนิ” เธอว่าเสร็จก็รีบไปนั่งรอให้คาร์ลเอาสปาเกตตี้ซอสคาโบนาร่าลงจาน

            “ว้าว น่ากินจังเลย”

            “อย่าพึ่งกิน รอฉันก่อน” คาร์ลเอ็ดอีกครั้งเมื่อขายไข่เตรียมเอาเส้นสปาเกตตี้เข้าปาก

            “อย่าช้าสิ คนกำลังหิว”

            “แหม ช่วยก็ไม่ช่วยยังมาบ่น” เมื่อเขาจัดการเก็บอุปกรณ์เรียบร้อยก็มานั่งลงตรงข้างหญิงสาว

            “ก็นายไม่ให้ฉันช่วยนิ” เธอยังคงเถียงแล้วมองเขาว่า เธอสามารถกินได้หรือยัง

            “กินเลย” เมื่อเขาเห็นสายตาของเธอที่เต้นระริกก็ได้แต่ยิ้ม

            “ว้าว อร่อยจังเลย” ไม่รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ในช่วงอารมณ์ไหนกันแน่ เมื่อกี้ออกจะเหม็นขี้หน้าเขาแต่พอมาตอนนี้กลับยิ้มใส่เขาหน้าตาเฉย

            “ถ้าเหวินอี้ได้มากินด้วยก็คงดี” เธอเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว

            “อยู่กับฉันอย่าพูดถึงผู้ชายคนอื่น” เขาพูดเสียงเรียบหน้าขรึมทันที พร้อมกับพูดอะไรออกมาแปลก “เธอแน่ใจหรือไงว่าผู้ชายคนนั้นไม่ได้หรอกเธอ”

            “หืม” เธอเงยหน้ามาฟังว่าเมื่อกี้เขาพูดอะไร

            “กินเสร็จแล้วก็ล้างด้วยแล้วกัน” แล้วเขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป

            “นายจะไปไหนนะ” เธอถามเขาทันที

            “เรื่องของฉัน” เขาไม่หันมาตอบแล้วเดินออกจากห้องทันที

            “เป็นอะไรของเขา เมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่” เธอไม่ได้สนใจเขาอีกแต่หันมาสนใจอาหารที่อยู่ตรงหน้าแทน

            “อร่อยจริงๆเลย” เธอกินอย่างมีความสุขแต่ผิดกับอีกคนหนึ่งที่หนีไปนั่งงอนโดยที่เธอไม่รู้อะไรเลย

            “คุณจะไม่กินหน่อยหรอ” แต่ฉันก็ต้องหยุดแล้วยกจากไปหาเขาที่ตอนนี้นั่งกอดอกดูทีวีอยู่

            “ผมไม่อยาก” เขาตอบเพียงแค่นั้น

            “ที่คุณไม่กินเพราะคุณใส่ยาพิษใช่ไม ฉันจะตายไมเนี่ย” ฉันถามอย่างระแวงๆและได้คำตอบเป็นสายตาเอือมๆ

            “ถ้าฉันจะฆ่าเธอฉันไม่ลงทุนทำอาหารหรอก”

            “แล้วทำไมคุณไม่กินละ” เธอลงไปนั่งข้างๆเขาแล้วเอาจานอาหารวางไว้ที่โต๊ะ

            “อะไร ทำไมคุณมองหน้าฉันแบบนั้นละ” ดูเขาสิมองหน้าอย่างกับโกรธใครมาอย่างนั้นแหละ

            “เธอไม่รู้จริงๆหรอ” คาร์ลถามด้วยเสียงเรียบ

            “ไม่...ไม่รู้” ฉันตอบตะกุกจะกักเมื่อรู้สึกถึงความผิดปกติ

            “เธออยากรู้ไม” คาร์ลถามแล้วเริ่มเคลื่อนตัวมาใกล้ๆ

            “ฉันไม่อยากรู้ ว้าย!!!” ฉันตอบพลางลุกหนีเมื่อคาร์ลทำท่าจะขย้ำฉัน

            “แต่ฉันอยากบอกเธอ” ตอนนี้ฉันถูกรวบอยู่ภายใต้ร่างของเขาแล้ว

            “บอกดีๆก็ได้ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย” ฉันถามเสียงสั่นๆ

            “กว่าเธอไม่ได้ยิน” เขาตอบแค่นั้นก็เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หูฉัน บ่งบอกได้ว่ากลัวฉันจะไม่ได้ยิน

            “ฉันได้ยิน นายออกไปนะ” ฉันพยายามดิ้นมากขึ้นเมื่อรับรู้ถึงลมหายใจที่มาคลอเคลียบริเวณหูแล้วเลื่อนต่ำลง

            “สัญญาก่อนว่าเธอจะทำตามที่ฉันบอกถูกอย่าง” น้ำเสียงของเขาตอนนี้บอกได้คำเดียวว่าถ้าฉันไม่ตอบตกลง ฉันคงไม่มีทางได้หลุดไปจากเขา

            “ได้ ฉันสัญญา” ฉันตอบอย่างรวดเรียว โดยไม่รู้เลยว่าคำตอบของฉันทำให้เขายิ้มอย่างพอใจ

            “ต่อไปนี้เธอห้ามเรียกฉันว่าคุณหรือนาย” คาร์ลเงยหน้าสบตาฉัน

            “แล้วฉันจะเรียกคุณว่าอะไรล่ะ” ฉันเลี่ยงที่จะสบตาเขาแล้วถามกลับ

            “คาร์ล ที่รัก ดาร์ลิ้ง อะไรก็ได้”

            “อืม ฉันรู้แล้ว”

            “และเธอต้องเรียกตัวเองด้วยชื่อเล่น”

            “อะไร...ฉันไม่เอาด้วยหรอกอีกอย่างเราสนิทกันพอที่จะต้องเรียกชื่อเล่นกันด้วย” ฉันหันไปมองเขาแล้วส่ายหน้าเป็นพัลวันและอ้างว่าเราไม่ได้สนิทกันถึงขั้นต้องเอ่ยชื่อเล่น

            “เธอจะปฏิเสธหรอ หืม..” เขาก้มเอาปลายจมูกโด่งๆของเขามาคลอเคลียที่ปลายจมูกฉัน

            “ก็ได้ๆฉัน...ขายไข่จะเรียกตัวเองว่าขายไข่ค่ะ” ฉันตอบไปด้วยเสียงหวานๆ

            “ดีมาก เรื่องต่อไป.”

            “ยังไม่หมดอีกหรอ แค่นี้ก็มากแล้วนะ” ฉันแย้งเขาขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขายังมีเรื่องต่อ

            “ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉัน เธอต้องอยู่กับฉัน ฉันโทรหาเธอก็ต้องรับถ้าฉันบอกให้เธอมาหาเธอก็ต้องมาหาฉันทันทีและเวลาอยู่กับฉันห้ามมองผู้ชายคนอื่น ห้ามพูดถึงผู้ชายคนอื่นนอกจากฉัน เข้าใจไม” เขาร่ายยาวไม่หยุดเหมือนกลัวว่าฉันจะขัดเขาอีก นี้เขาเป็นถึงเจ้าของห้างใหญ่ที่สุดในประเทศแล้มีหุ้นส่วนมากมายพร้อมตำแหน่งหนุ่มฮอตที่สาวๆทั้งประเทศคลั่งไคล้เขามากขนาดนี้และเขาทำให้ฉันทึ้งจริงๆ

            “ผมถามว่าเข้าใจไมคุณขายไข่” คาร์ลถามย้ำอีกครั้งเมื่อไม่เห็นเธอคอบ

            “ไม่เข้าใจ ทำไมคุณถึงทำแบบนี้ละ ฉันไม่ได้เพอร์เฟคที่จะเหมาะสมอยู่กับคุณ แต่ทำไมคุณกลับ...” ฉันถามเขาด้วยความสงสัย

            “คุณไม่ต้องรู้หรอก ทำตามอย่างที่ผมบอกก็พอ” เขาไม่ตอบแต่หันไปสนใจอย่างอื่นมากกว่าและสิ่งที่เขาสนใจคือแกล้งฉัน

            “คุณเลิกแกล้งฉันสักที ฮ่าๆๆ” คาร์ลเอาหน้าไซร้ไปที่คอไปมาทำให้ฉันรู้สึกจั๊กจี๊ ฉันทั้งดิ้นทั้งร้องเขาก็ไม่ยอมหยุด จนฉันต้องตอบว่า ‘เข้าใจ’ เขาถึงจะยอมหยุด

            ทำไมนะเวลาอยู่กับเขาฉันถึงได้มีความสุขเสมอจนลืมคิดถึงคนอื่นไปเลย หรือว่าฉันจะเริ่มหลงรักเขาเข้าแล้ว

หลังจากนั้นคาร์ลก็ยอมปล่อยตัวฉันให้กลับบ้านโดยที่เขาก็ขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน แต่ก่อนที่จะกลับเขาก็ได้ฝากความแค้นไว้ก่อนกลับไป

            ‘ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะจ๊ะที่รัก แล้วผมจะโทรหา’ แล้วคาร์ลก็เข้ามาหอมแก้มโดยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว

            “ฝากไว้ก่อนเถอะตาบ้า” หลังจากที่เขาไปแล้วฉันก็ได้แต่ว่าเขาลับหลัง

            “เฮ้อ ฉันต้องคบกับหมอนั้นจริงๆหรอเนี่ย”

และในการที่ฉันคบกับคาร์ลนั้นก็จะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะครบสามเดือน นั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่ฉันกลุ้มมากๆ ถ้าฉันเจอเหวินอี้ฉันจะทำยังไงนะ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา