คดีร้าย พ่ายพิศวาส (สำนักพิมพ์ simplybook ตีพิมพ์)

-

วันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เวลา 17.38 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,887 อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เข้าดงเสือ 100%

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตอนที่ 1 เข้าดงเสือ

 

    พศิกาขับรถออกนอกถนนใหญ่ สองข้างทางเป็นพุ่มไม้หนาทึบ เพราะหญิงสาวไม่ได้พักอาศัยในย่านตัวเมือง เธอแยกออกมาอยู่ชานเมือง แทบจะเรียกว่าชนบทก็ได้ แต่คงไม่ถึงขั้นนั้น เพราะตำแหน่งหน้าที่การงานของบิดา ทำให้หญิงสาวได้กินอยู่อย่างสุขสบาย มีเงินพอใช้ และอาจพูดได้ว่าเธอมีฐานะที่ร่ำรวยระดับหนึ่ง แต่พศิกาก็ยังคงใช้เงินอย่างประหยัด เพราะตระหนักถึงคุณค่าเงินที่บิดาหามาด้วยหยาดเหงื่อและภยันตรายรอบตัว

     รถยนต์ที่ขับไปตามปกติ กลับกระตุกขึ้นครั้งหนึ่ง คราแรกหญิงสาวไม่คิดอะไร เพราะคิดในใจว่ารถคงตกหลุมตกบ่อจึงทำให้เกิดอาการกระตุก แต่เมื่อขับไปได้อีกไม่ถึงนาที รถก็กระตุกอีกครั้ง แถมกระตุกถี่ขึ้นเรื่อยๆจนเธอรู้สึกหวาดกลัว ตัดสินใจเหยียบเบรก จึงเป็นจังหวะเดียวกับที่รถหยุดเคลื่อนที่เอง แรงดันของรถที่หยุดอย่างกะทันหันส่งผลให้เธอพุ่งตัวไปข้างหน้า แต่โชคดีที่พศิกาคาดเข็มขัดไว้เธอจึงปลอดภัย

     “ บ้าจริง! น้ำมันหมดหรือนี่ ”

     หญิงสาวอุทานด้วยอารมณ์เสียระคนตกใจ เพราะกลางป่ารกทึบเช่นนี้ เธอจะหาใครช่วยได้ มองไปทางไหนก็ป่าทั้งนั้น เมื่อสองข้างทางพบเจอแต่ความเขียวขจี หญิงสาวจึงชาไปทั้งร่าง พลางควานหาเครื่องมือสื่อสาร แต่ก็ต้องอุทานเสียงดังอีกครั้ง

     “ ลืมเอามือถือมา ล้อเล่นใช่ไหมยัยพิณ ”

     เธอขับออกมาไกลมากแล้ว ถ้าจะวิ่งกลับไปบอกบิดาให้คนมาช่วยลากรถ เธอคงได้ตายก่อนบอก หญิงสาวกุมขมับ เมื่อหมดหนทาง เมื่อมืดแปดด้าน ในที่สุด เธอก็ไม่มีทางเลือก เอาก็เอา! ลองเดินดู เผื่อจะมีใครผ่านมาทางนี้ หรืออยู่แถวนี้ ยังดีกว่านั่งรอในรถให้มันไม่ได้อะไรขึ้นมา

     พศิกาเปิดประตูรถออกมาด้วยใจกล้าๆกลัวๆ ด้วยความเป็นลูกคุณหนู หญิงสาวไม่เคยประสบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนจึงทำอะไรไม่ถูก เธอเดินเข้าพุ่มไม้หนา แล้วหันมามองรถเป็นระยะ เพื่อไม่ให้หลงและออกนอกเส้นทางมากเกินไป เธอก้าวเดินไม่ถึงสามก้าว เสียงที่ได้ยินก็หยุดขาเรียวเอาไว้

     “ ครับนาย ทางนี้เรียบร้อยดี ไม่มีปัญหาอะไร โชคดีแถวนี้เปลี่ยว ไม่มีใครสักคน ”

     เธอฟังประโยคหลังไม่ ชัดเจน ชัดเจนก็แต่ประโยคแรกๆ เพราะคนงานหนุ่มร่างสูงอยู่ห่างจากเธอไม่ถึงสิบห้าเมตรพูดเสียงเบา แต่หญิงสาวก็ยังไม่กล้าเดินออกไปอยู่ดี ได้แต่หลบอยู่ใต้ใบไม้ใบใหญ่ที่ปกคลุมตัวเธอจนมิด คนงานหนุ่มผิวดำอีกคนวิ่งมาหาคนงานหนุ่มร่างสูงที่ยืนคุยโทรศัพท์กับปลาย สายอยู่

     “ เฮ้ย! รายงานนายด้วยว่าอีกฟากก็เรียบร้อยดี งานวันนี้คงผ่านไปอย่างปลอดภัย นับว่าเป็นโชคของเราที่พวกตำรวจมันไม่ผ่านมาแถวนี้ เดี๋ยวแกไปช่วยงานฝั่งนั้นหน่อย ฉันจะสลับตรวจเวรฟากนี้เอง ”

     คราวนี้เธอได้ยินเต็มสองรูหู ‘ตำรวจ!’ ตำรวจงั้นหรือ! เมื่อพวกเขาทั้งสองพูดถึงตำรวจ นั่นก็ไม่ต้องอธิบายสิ่งใดมากมาย เธอรู้โดยทันทีว่านายสองคนนั่นต้องทำเรื่องไม่ดีอะไรเอาไว้แน่ๆ ว่าแล้วสองขาเรียวก็รีบวิ่งออกไปทันที แต่เป็นโชคร้ายของหญิงสาวที่คนงานหนุ่มร่างสูงหันขวับมามองเธอโดยฉับพลัน เขาตะโกนบอกเพื่อนทันที

     “ นั่นคนหรือเปล่าวะ ”

     “ ไหน เฮ้ย! หรือว่าจะมีใครแอบเข้ามาเห็นอะไร ”

     คนงานหนุ่มผิวดำว่า เร็วเท่าความคิด คนงานทั้งสองรีบวิ่งไปดักหน้าหญิงสาวไว้อย่างรวดเร็ว

     “ โอ๊ะ! โอ... สาวสวยเสียด้วยว่ะเพื่อน ”

     คนงานหนุ่มผิวดำกล่าว ก่อนจะเลียปากตัวเองอย่างน่าเกลียด พศิกาตัวสั่นอยู่ข้างรถตนเอง เธอน่าจะตรวจสอบรถให้เรียบร้อยก่อนออกมา เพราะถ้าเธอมีความรอบคอบมากกว่านี้ ก็คงไม่ต้องมาพบเจออะไรแบบนี้หรอก

     “ ว่า ไงสาวน้อย มาทำอะไรแถวนี้จ๊ะ แถวนี้ไม่มีอะไรให้คนสวยๆอย่างน้องทำเลยนะ นอกจาก... มาสนุกกับพวกพี่ ”

     “ อย่าเข้ามานะ! ”       

     พศิการ้องขึ้นอย่างหวาดกลัว พลางวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิต แต่วิ่งห่างจากตัวรถได้ไม่ถึงคืบเธอก็ถูกแรงมหาศาลดึงให้ร่างล้มลงไปนั่งกับ พื้นดินอย่างแรง ส่งผลให้หญิงสาวจุกจนร้องไม่ออก เมื่อรู้ตัวอีกที คนงานหนุ่มร่างสูงก็เข้าทับร่างของเธอไว้เสียแล้ว

     หญิงสาวร้องกรี๊ดอีกหน พลางใช้มือน้อยๆปัดป้องไปมา หวังให้ร่างคนชั่วช้าเลวทรามออกไปพ้นๆตัว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ได้ผล เธอกลับยิ่งหมดแรงขึ้นเรื่อยๆ

     “ เฮ้ย! อยู่เฉยๆได้ไหมวะ น่ารำคาญจริง ”

     คนงานหนุ่มร่างสูงสบถ ออกมาอย่างอารมณ์เสีย เมื่อถูกหญิงสาวใต้ร่างทุบตีอย่างแรงจนเริ่มหมดอารมณ์ มือใหญ่ของคนใจชั่วจึงฟาดเข้าที่ใบหน้าพศิกาเต็มแรง หญิงสาวหน้าหันไปตามแรงตบ แต่มันกลับยังไม่พอใจ เดนนรกยังต่อยเข้าที่หน้าท้องเธอจนหญิงสาวชาไปทั้งร่าง ก่อนที่สติจะดับวูบลงตรงนั้น

     เมื่อเห็นเธอสลบ แทนที่มันจะสงสาร คนงานหนุ่มใจโฉดกลับหัวเราะออกมาอย่างสมหมาย

     “ เฮ้ย! สลบไปแล้วว่ะเพื่อน ”

     “ เออ! แกรีบจัดการซะ แล้วอย่าลืม... ฉันต่อนะเว้ย ”

     คนงานหนุ่มผิวดำว่า มันเลียปากอีกครั้งอย่างน่าเกลียด พลางมองร่างบางระหงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นอย่างจาบจ้วง คนงานหนุ่มร่างสูงมองพศิกาอย่างหยาบคาย ก่อนมือใหญ่จะดึงกระชากเสื้อผ้าเธอออกอย่างแรง เสื้อผ้าส่วนบนเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นไหล่ขาวนวลน่าสัมผัส มันกำลังจะได้ลิ้มลองรสชาติ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

     “ เฮ้ย! นั่นพวกแกทำอะไร ”

     คนงานหนุ่มทั้งสองหันหน้าไปมองพร้อมกัน เพียงแค่เสียงก็ทำให้พวกมันตกใจกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นร่างสูงใหญ่ของกุลพัทธ์เดินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว

     “ คุณกร! ”

     เมื่อเห็นผู้เป็นเจ้านาย คนงานหนุ่มร่างสูงก็รีบถอยออกห่างจากร่างบางระหงทันที เมื่อพวกมันถอยห่าง กุลพัทธ์จึงมองเห็นเธอเต็มสองตา

     แม้เป็นใบหน้าอันซีด เซียว แต่เขาก็ยอมรับว่าเธอสวยมาก กุลพัทธ์หันไปตะคอกถามคนงานของตัวเอง

     “ เธอเป็นใคร! ”

     “ มะ... ไม่รู้ครับคุณกร คือ... ผมเห็นเธอทำลับๆล่อๆอยู่แถวๆนี้ ”

     คนงานหนุ่มผิวดำว่าปากคอสั่น

     “ ผมคิดว่าเธอคงเข้าไปเห็นพวกเราขนไม้กันด้านใน ก็เลยตกใจวิ่งออกมา พวกผมเลยจับตัวไว้ ”

     คนงานหนุ่มร่างสูง รีบกล่าวให้พ้นตัว แต่กุลพัทธ์กลับเหยียดปากอย่างรู้ทัน

     “ ถ้าเมื่อกี้นี้ฉันไม่ได้เดินมาดู พวกแกสองคนคงข่มขืนยัยนี่ไปแล้วใช่ไหม ”

     ทั้งสองพากันก้มหัวไม่กล้าสบตาผู้เป็นนาย กุลพัทธ์เห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ๆหญิงสาว ก่อนจะทรุดเข่าลงข้างพศิกา

     “ พวกแกสองคนมาอุ้มเธอเข้าไปข้างใน ”

     “ เอ่อ... แล้ว... ให้พาเธอไปไว้ที่ไหนครับ ”

     คนงานหนุ่มผิวดำถามอย่างกล้าๆกลัวๆ พลางเดินเข้ามาหาผู้เป็นนายใกล้ๆ

     “ ที่ห้องพักคนงานหญิงแล้ว กัน มีสองห้องว่างอยู่ พาไปไว้สักห้องนึง อย่าให้แตกตื่นมากล่ะ โดยเฉพาะน้องสาวฉันห้ามให้เธอเห็นโดยเด็ดขาด แล้วก็รีบๆเข้า เดี๋ยวมีใครผ่านมาล่ะได้ซวยกันหมด  ”

     เสียงสั่งมีอิทธิพลยิ่งนัก คนงานหนุ่มทั้งสองรีบกุลีกุจอมาแบกร่างบางระหงออกไปทันที คนงานหนุ่มผิวดำอุ้ม ส่วนคนงานหนุ่มร่างสูงก็คอยเดินปกปิดร่างบางเอาไว้ เพราะกลัวกวิสรา น้องสาวกุลพัทธ์ซึ่งเป็นเจ้านายของเขาคนนึงเห็น ไม่สิ! ไม่เพียงแต่น้องสาวเจ้านาย ไม่ว่าใครก็อย่าให้เห็นเลยจะดีกว่า!!!

     กุลพัทธ์ถอนหายใจ ที่เขาไม่อยากให้น้องสาวเห็น เพราะเธอเป็นคนเดียวในบ้านที่ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวกับ...ไม้เถื่อนที่ เขาและพ่อกำลังร่วมกันกระทำอยู่ อีกทั้งห้องพักคนงานหญิงก็ดันติดกับเรือนใหญ่ ซึ่งกวิสราพักอยู่พอดี หากพวกมันสองคนอุ้มผู้หญิงคนนั้นไปให้เป็นที่จับตามองของใครหลายคนล่ะก็ แน่นอน! น้องสาวเขาต้องรู้แน่ และงานนี้ก็จะวุ่นวายขึ้นมา ทางที่ดี อย่าให้ยัยวิมาเห็นเลยจะดีที่สุด

     ชายหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง พลางเสยผมอย่างหงุดหงิด อากาศที่ร้อนจัดบวกกับมีเรื่องเข้ามาให้ปวดหัว ทำให้เขาอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างกะทันหัน ก่อนจะรีบเดินตามคนงานหนุ่มสองคนนั้นไปติดๆ



     ถึงวันนี้้จะเป็นวันที่พศิกามีเคราะห์ แต่ก็ยังนับว่ามีโชคอยู่บ้าง เพราะกวิสรานึกอยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางป่าไม้และขุนเขา เธอจึงเดินออกมารับลมที่หน้าบ้าน หญิงสาวยืนอยู่ชิดริมระเบียงด้านนอกของห้องนอน เป็นมุมที่เห็นบรรยากาศอันแสนสวยงาม แต่บรรยากาศแสนสวยที่หญิงสาวกำลังได้สัมผัสก็หมดไปเมื่อดวงตาหวานเห็นคนงาน หนุ่มสองคนแบกร่างบางระหงเข้ามาอย่างรวดเร็วดูมีพิรุษ กวิสราจ้องตาไม่กะพริบ เธอรีบวิ่งลงชั้นล่างอย่างรวดเร็ว

     “ นี่พวกแกทำอะไรน่ะ ”

     เมื่อเห็นเจ้านายสาววิ่งมาขวางไว้ตรงหน้า ลูกน้องสองคนก็ทำอะไรไม่ถูก จะตอบก็ไม่ได้ จะไม่ตอบก็ไม่ได้อีก เมื่อไม่มีคำตอบ เธอจึงตะคอกถามอีกครั้ง

     “ ฉันถามว่าพวกแกทำอะไร ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร แล้วพวกแกจะพาเธอไปไหน! ”

     คำถามมาเป็นชุด คนงานหนุ่มทั้งสองยิ่งลนลาน ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด กุลพัทธ์ก็วิ่งเข้ามาพอดี หน้าเขาซีดไปพอสมควรเมื่อเห็นน้องสาวมายืนตะคอกถามลูกน้องเขา เธอเห็นหมดแล้ว!!!

     “ พี่กร! มาพอดีเลย พวกมันจะเอาผู้หญิงคนนี้ไปไหนคะ ”

     “ เอ่อ... คือว่า... ”

     เขาก็อึกอักไม่แพ้กัน เมื่อถูกน้องสาวตัวเองซักไซ้แบบนี้ เพราะไม่ได้เตรียมคำพูดมาก่อน เขาไม่คิดว่าเธอจะลงมาเห็นพอดี กุลพัทธ์พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ก่อนจะทำมือไล่ให้คนงานหนุ่มทั้งสองรีบๆไป คนงานหนุ่มทั้งสองหันไปมองนายสาวสลับกับนายหนุ่ม ก่อนจะตัดสินใจเดินไป แต่ก้าวขาไปได้ไม่ถึงสามก้าว กวิสราก็ขวางไว้อีกครั้ง

     “ วิยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะเอาเธอไปทำอะไร ดังนั้นพวกแกก็ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น ”

     “ วิ! ”

     กุลพัทธ์โพล่งขึ้น เมื่อเห็นว่าเรื่องชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่ น้องสาวเขาหันมาจ้องตาตอบ เป็นเชิงว่าต้องการคำตอบที่แน่ชัด มิเช่นนั้นเธอก็ไม่ปล่อยให้พวกเขาผ่านไปได้ ชายหนุ่มถอนใจ ก่อนจะจำต้องโกหกกวิสรา

     “ เธอเป็นลมอยู่หน้าปากทาง เข้าไร่ พี่เลยให้คนงานอุ้มเข้ามานอนพักก่อน รอจนฟื้น แล้วพี่จะให้คนพาไปส่งบ้าน ”

     “ วิไม่เชื่อค่ะ แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นสักครั้ง และพี่กรกับทุกคนก็ชอบทำตัวลึกลับมีพิรุษตลอดเวลา วิยิ่งไม่เชื่อใหญ่ ”

     “ จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ พี่พูดความจริงแล้ว ไป! พวกแกพาเธอไปได้แล้ว! ”

     เขาผลักคนงานทั้งสองให้เดินไป พวกมันจึงรีบสาวเท้าไปอย่างรวดเร็ว กวิสราร้องเรียกตามไปแต่ก็ไร้ผล กุลพัทธ์ขี้เกียจคุยต่อแล้ว เขาจะรีบตามพวกมันไปหากไม่ถูกกวิสราดึงชายเสื้อไว้เสียก่อน

     “ หยุดเลยนะ พี่กรโกหกวิ พวกมันมีพิรุษซะขนาดนั้น พี่จะเอาเธอไปทำอะไร บอกมานะ! วิไม่มีวันให้พี่ทำอะไรใครในบ้านเราเป็นอันขาด ”

     น้ำเสียงยืนกรานหนักแน่น แต่กุลพัทธ์ปัดมือเธอออก ก่อนจะรีบวิ่งตามคนงานไป หญิงสาวอ้าปากค้าง ไม่รู้จะทำอย่างไรดีกับเหตุการณ์ตรงหน้า เธอเป็นห่วงผู้หญิงคนนั้น ดวงหน้าซีดมาก ที่สำคัญ เหตุผลหนึ่งที่เธอไม่ไว้ใจคำพูดพี่ชาย เพราะเสื้อผู้หญิงคนนั้นขาดจนช่วงไหล่เปิดเผยให้เห็นเนื้อใน เธอจึงรู้ทันทีว่าพี่ชายโกหก เมื่อมองไปไม่เห็นใคร กวิสราจึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านทันที จุดหมายปลายทางของเธอคือ ห้องของนันทิพัฒน์!!!



     นันทิพัฒน์ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องทางสาย เลือดกับใครในบ้าน ชายหนุ่มเป็นเด็กที่ถูกพิยุทธ พ่อกุลพัทธ์กับกวิสราเก็บมาเลี้ยงตั้งแต่เด็กๆ เขาไม่เห็นด้วยกับการค้าไม้เถื่อนที่กุลพัทธ์กับพิยุทธกำลังกระทำในขณะนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขวางอะไร ชายหนุ่มไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขามีเพียงธุรกิจส่วนตัวไว้เป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองก็เพียงพอแล้ว

     ความเพลิดเพลินในการอ่านหนังสือของเขาถูกขัดขวางจากเสียงรบกวนภายนอกห้อง คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างรู้สึกขัดใจนิดๆ เมื่อเสียงเคาะประตูดังถี่รัว ราวกับคนเคาะมีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจใหญ่หลวงเหมือนเป็นเรื่องคอขาดบาด ตายอย่างไรอย่างนั้น

     “ ใคร! ”

     “ วิเองค่ะพี่นน เปิดประตูด่วนที่สุดเลยค่ะ ”

     เสียงกวิสราตะโกนดังลั่น พร้อมกับเสียงเคาะประตูที่ดังไม่ยอมหยุด ทำให้นันทิพัฒน์ต้องรีบกระโดดลงจากเตียงนอนที่เขาใช้นั่งอ่านหนังสือคลาย เครียด มือใหญ่กระชากลูกบิดประตูเปิดออกอย่างรวดเร็ว เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนอกร้อนใจของน้องสาวต่างสายเลือด

     “ มีอะไรยัยวิ ประตูจะพังก็เพราะมือเรานี่แหละ ”

     เขาถามจบประโยค กวิสราก็เข้ามาดึงแขนเสื้อพี่ชายให้ออกไปด้วยกัน

     “ อะไรน่ะใจเย็นๆสิ บอกพี่มาก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงทำท่าลุกลี้ลุกลนแบบนี้ ”

     “ ก็พี่กรน่ะสิคะ พี่กรให้พวกคนงานอุ้มผู้หญิงคนนึงเข้ามาในบ้านเรา จะทำอะไรเธอก็ไม่รู้ วิไม่ยอมเด็ดขาดนะคะ พี่นนต้องไปช่วยผู้หญิงคนนั้นกับวินะ ”

     กวิสราเป็นคนที่มีจิตใจดีและเมตตาคนอื่นพอสมควร แม้นิสัยเธอจะเป็นคนกระโชกโฮกฮากเหมือนเด็กผู้ชายในบางครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยยอมใคร ความเพราะถูกเลี้ยงมาอย่างตามใจตั้งแต่เด็ก แต่ในเรื่องของความถูกต้อง ย่อมมาเป็นที่หนึ่งในใจเธออยู่แล้ว หญิงสาวไม่มีวันยอมแน่ หากใครจะทำอะไรไม่ดีในบ้านตัวเอง

     ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้นก็ฉุกคิดสักพัก

     ‘ไอ้กรมันพาผู้หญิง เข้ามางั้นหรือ มันพาเธอมาทำไม หรือมันคิดจะขืนใจผู้หญิง! ’

     นันทิพัฒน์จับแขนเรียวของน้องสาวไว้ ก่อนจะถามอย่างใจเย็น

     “ เห็นไอ้กรมันพาเธอไปที่ไหน ”

     “ วิเห็นพวกคนงานอุ้มเธอเดินตรงไปทางห้องพักคนงานหญิงค่ะ ”

     พูดจบประโยค นันทิพัฒน์ก็ไม่รอช้า เขาดึงมือน้องสาวให้เดินตรงไปยังห้องพักคนงานหญิงทันที



     ร่างของพศิกาที่ยังสลบไสลไม่ได้สติถูกอุ้มมา วางบนเตียงนอนในห้องพักคนงานหญิงห้องหนึ่ง คนงานทั้งสองหลังจากเสร็จภารกิจแล้ว มันก็รีบเดินออกจากห้องเพื่อไป กุลพัทธ์เดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียงข้างหนึ่ง เขากวาดตามองร่างบางระหง มือใหญ่ลูบเบาๆบนใบหน้านวล พลางพึมพำออกมาเบาๆ

     “ เธอเข้ามาทำอะไรที่นี่ หรือจะเห็นทุกอย่างหมดแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ฉันก็ไม่มีวันปล่อยเธอกลับบ้านง่ายๆแน่ ”

     “ แกคิดจะทำอะไรน่ะไอ้กร! ”

     เสียงตะโกนที่ดังเข้ามาในห้องพัก ทำให้กุลพัทธ์หันไปมอง ไม่ทันขาดคำร่างเขาก็ปลิวว่อนออกไปตามแรงกระชาก ชายหนุ่มทรงตัวยืนสักครู่ อาการเซเล็กน้อยจึงค่อยๆหมดไป แต่ร่างของนันทิพัฒน์ตรงหน้าทำให้เขายิ้มที่มุมปากอย่างยียวน

     “ ไม่ทราบว่าจะมาทำไมวะ ”

     เขาพอจะรู้ว่าใครเป็นคนวิ่งโร่ไปฟ้องมัน ยิ่งเห็นร่างของน้องสาววิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาในห้อง เขาก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาที่ไม่ผิดของตนเอง

     “ ฉันถามว่าแกจะทำอะไรเธอ ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร! ”

     “ ฉันต้องตอบคำถามแก ด้วยหรือ ฉันว่ามันไม่จำเป็นหรอกนะ เพราะมันไม่ใช่เรื่องอะไรของแก อย่าเข้ามายุ่งดีกว่า ”

     เขาพูดพลางยิ้มเล็ก น้อยอย่างคนกวนประสาท นันทิพัฒน์มองตรงไปยังร่างของพศิกา เมื่อเห็นดวงหน้าซีดขาว เสื้อมีร่องรอยฉีกขาด ก็เข้าใจว่าเป็นฝีมือของน้องชายต่างสายเลือดที่ชอบทำตัวเป็นศัตรูกับเขา

     “ แกคิดจะขืนใจเธอใช่ไหม แกลักพาตัวเธอมาเพื่อจะกระทำการชั่วๆอย่างที่ตัวแกชอบทำอยู่บ่อยๆ ฉันบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าฉันไม่มีวันให้แกมาทำเรื่องชั่วๆในบ้านแน่ ”

     เมื่อเห็นนันทิพัฒน์เดือดพล่านราวกับไฟ เขาก็ยิ่งอยากเป็นน้ำมันที่ต่อเติมเชื้อเพลิงให้ลุกไหม้โหมกระหน่ำเข้าไปอีก

     “ เออ! ฉันเอายัยนี่มาข่มขืน ได้ยินไหม! และไม่ว่าแกจะห้ามหรือขัดขวางฉันยังไง ฉันก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจหรอกเว้ย ก็คนมันอยาก ใครจะห้ามได้วะ ”

     นันทิพัฒน์ทนฟังคำพูดของกุลพัทธ์ไม่ไหว มือใหญ่ต่อยเปรี้ยงลงบนใบหน้าคมเข้มนั้นอย่างแรง ร่างของน้องชายต่างสายเลือดล้มโครมลงกับพื้น ข้าวของใกล้มือกระจัดกระจายไปหมด เพราะมือใหญ่กวาดหาของเพื่อจับยึดพยุงตัวเอง กวิสราตกใจจนร้องกรี๊ด เธอกำลังจะเข้าไปประคองร่างพี่ชาย นันทิพัฒน์ก็ตรงรี่เข้าไปต่อยซ้ำสอง สองหนุ่มเข้าแลกหมัดใส่กันไม่ยั้งจนร่างกวิสราถอยห่างออกไปเรื่อยๆจนกระทั่ง ชิดริมผนังห้อง เมื่อเธอห้ามอะไรไม่ได้ หญิงสาวจึงรีบวิ่งออกจากห้องไปทันที

     “ แกมันเลวสิ้นดี! จะมีเรื่องไหนไหมที่แกทำดีเป็นกับเขาบ้าง ”

     ระหว่างที่แลกหมัดกันอยู่นั้น นันทิพัฒน์ก็โพล่งออกมาอย่างเหลืออด เพราะสิ่งที่กุลพัทธ์ทำไปวันๆนึงคือการออกไประเริงกับผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า แล้วก็ใช้เงินฟาดหัวเพื่อไล่ไป เงินที่ใช้อย่างฟุ่มเฟือย ก็ใช่ว่าจะได้มาอย่างบริสุทธิ์เสียเมื่อไหร่ เขาไม่มีวันเอาตัวเข้าไปพัวพันกับการค้าไม้เถื่อนที่ผิดกฎหมายแบบนี้แน่นอน

     “ แกจะโมโหทำไมวะ ถ้าฉันพอใจแล้ว แกอยากจะต่อฉันก็ไม่ห้ามอะไรนะเว้ย ”

     “ แกนี่มัน... ”

     นันทิพัฒน์ต่อยเปรี้ยง ที่ใบหน้าคนพูดเต็มแรง ต่างคนต่างแลกหมัด ต่างคนต่างไม่ยอมกัน จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

     “ หยุดบ้ากันสักที! ”

     การต่อสู้เป็นอันยุติลง สองหนุ่มหันไปมองพร้อมกัน พิยุทธเดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง ใบหน้าถมึงทึงที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธ ทำให้สองหนุ่มผละออกจากกันทันใด พร้อมจัดเสื้อให้เรียบร้อยตามเดิม กวิสราเดินเข้ามาหยุดยืนที่หน้าห้องไม่กล้าเข้า แต่ก็ไม่วายถูกสายตากุลพัทธ์จิกใส่ด้วยความเกรี้ยวกราด

     “ แกไม่ต้องไปมองยัยวิแบบนั้นเลยนะไอ้กร ถ้าไม่มีคนไปตามฉัน พวกแกสองคนได้กัดกันตายไปแล้ว ”

     สองหนุ่มนิ่งเงียบ ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาแม้แต่คนเดียว พิยุทธจึงตะคอกถาม

     “ มีเรื่องอะไรถึงได้ กัดกันเป็นหมาแบบนี้ อยู่บ้านเดียวกันถึงไม่ใช่พี่น้องแท้ๆก็เถอะ แทนที่จะรักกัน กลับใช้กำลังต่อสู้เพื่อแก้ปัญหาอย่างนั้นรึ!  ”

     “ คือ... ”

     สองหนุ่มพูดไม่ออก นันทิพัฒน์หายใจถี่รัว ด้วยเพราะใช้แรงอย่างหนักต่อยไอ้น้องชายต่างสายเลือดข้างๆ พิยุทธเห็นดังนั้นจึงผลักคนทั้งคู่ออกไป ก่อนจะเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นผู้หญิง เขาจึงหันมาตะคอกถามคนทั้งคู่เสียงแข็ง

     “ ใครพาเธอมาไว้ที่นี่! ”

     “ ผมเองครับพ่อ ”

     กุลพัทธ์ตอบเสียงเรียบ ไม่มีใครคาดคิด หน้าเขาหันไปตามแรงตบ กวิสราวิ่งมาหลบหลังนันทิพัฒน์ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่สู้ดีแล้ว แต่หากเธอไม่ไปตามบิดามา คาดว่าสงครามคงยังไม่ยอมจบ หากยังไม่มีใครตาย

     “ บัดซบสิ้นดี! แกกล้าพาผู้หญิงเข้ามาไว้ในบ้านเรางั้นหรือ ”

     “ มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะครับ ผมเห็นพวกคนงานมันกำลังจะปล้ำยัยนี่ ก็เลยสั่งให้พามาไว้ในห้องเพราะเห็นว่าสลบไปแล้ว พอถามคนงานพวกนั้น พวกมันก็บอกว่าเห็นเธอทำตัวมีพิรุษอยู่แถวๆที่เรา... เอ่อ... แถวๆนี้น่ะครับ ”

     คิ้วเรียวของกวิสราแอบ ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางมีพิรุษของผู้เป็นพี่ชาย กุลพัทธ์นึกโล่งอกที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาให้น้องสาวเขารู้ แต่นันทิพัฒน์และพิยุทธกลับเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มพูดว่าเขาหมายถึงอะไร

     “ จะทำยังไงกับเธอดีครับพ่อ ”

     กุลพัทธ์ถามบิดาต่อ เมื่อเห็นว่าท่านไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาเลย พิยุทธหันไปมองลูกสาว หากเขาไล่ให้เธอออกไปตอนนี้ เธอคงไม่มีวันยอมแน่นอนอยู่แล้ว ครั้นจะสั่งให้จัดการผู้หญิงคนนี้ก็ยิ่งไม่ได้อีก แต่เขากลับคิดว่า เธอคงไม่ได้มาเห็นพวกเราขนไม้เถื่อนหรอก เพราะด้านในที่กำลังขนไม้กันอยู่ พวกคนงานทุกคนจะพกอาวุธปืนติดตัว หากผู้หญิงคนนี้เข้าไปเห็นจริงๆ เธอคงถูกยิงตายไปแล้ว แต่พวกคนงานที่เฝ้าเวรด้านนอกเขาสั่งห้ามไม่ให้พกปืน เพราะหากตำรวจผ่านมาเห็นเข้า คงได้ซวยกันหมด ฐานมีอาวุธปืนครอบครองและพกพาทั่วราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต

     ยังไม่มีเสียงใดหลุดลอดออกมาจากริมฝีปากหนานั้น หากแต่พิยุทธเดินตรงเข้าไปยังร่างบางระหงที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียง พลางมองสำรวจร่างเธอนิ่งๆ ครั้นเหลือบไปเห็นจี้ locket รูปหัวใจสีเงินสวย เจิดจรัสแวววาวส่องประกายด้วยความงาม ห้อยที่ลำคอระหง เขาก็เอื้อมไปหยิบจี้เส้นนั้นขึ้นมาพินิจดู ก่อนจะเปิดออก ดวงตาเบิกกว้างทันใดเมื่อเห็นรูปนายตำรวจคนหนึ่งท่าทางอาวุโสยืนคู่กับเธอ ด้วยสีหน้าท่าทางยิ้มแย้ม ยิ่งทำให้เขาหวาดระแวงในตัวเธอเข้าไปใหญ่ แต่จะฆ่าเธอตอนนี้ก็ทำไม่ได้ ครั้นจะรอให้เธอตื่น แล้วพาไปส่งที่บ้านก่อนจะฆ่าก็ทำไม่ได้อีก เพราะคนในรูปคงเป็นบิดาเธอ เขาไม่อยากมีปัญหาตามมาทีหลัง เพียงเพราะคนๆเดียว

     “ ไอ้กร! สั่งคนมาดูแลเธอด้วย ฟื้นเมื่อไหร่ เรียกฉันทันที ”

     พิยุทธกระชากจี้เส้นนั้นออกมาเก็บไว้ เขาปรายตามองนันทิพัฒน์ชั่วครู่ ก่อนจะเดินหายออกไปจากห้อง กุลพัทธ์เดินตามผู้เป็นพ่อออกไป ไม่วายจงใจชนไหล่หนาของนันทิพัฒน์จนเขาเซไปเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรนันทิพัฒน์ก็ไม่อยากแค้นเคืองให้เปลืองเนื้อที่สมอง ด้วยรู้ดีอยู่แก่ใจว่าหมอนั่นจงใจยั่วโมโหเขา ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะเดินตรงไปยังร่างบางระหงด้วยสายตาที่เป็นห่วง ดวงตาเขาอ่อนโยนเมื่อมองเธอใกล้ๆ พศิกายังคงไม่ได้สติ แต่ชายหนุ่มกลับนั่งที่ขอบเตียง แล้วเกลี่ยเส้นผมที่ตกลงบนใบหน้าเธอออกอย่างแผ่วเบา

     กวิสราไม่ได้ตามออกไปด้วย เธอยืนข้างๆเขาก่อนจะถอนหายใจตาม เธอถามนันทิพัฒน์ด้วยความไม่เข้าใจ

     “ พี่นน... วิอยากถามอะไรหน่อย ”

     “ อะไรหรือ! ”

     ดวงตาคมเหร่มองแวบนึง ก่อนจะหันไปมองร่างของพศิกาต่อ

     “ พ่อทำเหมือนบ้านเรามีอะไร วิสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ทุกคนทำตัวมีพิรุษกับวิเวลาวิถามอะไรที่เกี่ยวกับงาน นี่ก็เหมือนกัน ผู้หญิงคนนี้ดูๆแล้วเธอก็ไม่ใช่คนร้ายเสียหน่อย คงไม่มีทางเข้ามาขโมยของในบ้านเรา หรือเข้ามาทำร้ายเราได้ แต่พี่กรพูดเหมือนบ้านเราทำผิดอะไรสักอย่างที่ไม่อยากให้ใครเข้ามาเห็น ”

     นันทิพัฒน์สะอึกเบาๆ เมื่อน้องสาวจี้ได้ตรงจุด เขาหันมายิ้มให้น้องสาวอย่างอ่อนโยน

     “ วิพูดเหมือนไม่เชื่อใจอายุทธแล้วก็ไอ้กร อายุทธทำเฟอร์นิเจอร์ไม้ส่งออกต่างประเทศ เรื่องนี้วิเองก็รู้ดีไม่ใช่หรือ ส่วนไอ้กรมันก็เป็นผู้ช่วยอายุทธ แต่... ถึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ช่วย แต่มันเคยทำงานซะที่ไหน นอกจากใช้เงินไปวันๆ ”

     ประโยคหลังเขาพูดเพียงในภวังค์ กวิสราถอนหายใจอีกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากเชื่อใจพ่อและพี่กร แต่เพียงเพราะผู้หญิงคนหนึ่งทำตัวมีพิรุษแทนที่จะส่งตำรวจ นี่กลับทำเหมือนเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ศาลเตี้ยบงการกันเองในบ้าน

     “ วิขอไปเค้นถามพวกคนงาน หน่อยนะคะ วิคิดว่าพวกมันอาจกุเรื่องขึ้นเอง เพียงเพราะต้องการจะทำร้ายผู้หญิงคนนึงที่ไม่มีทางสู้ พอพี่กรไปเห็นเข้า ก็อาจจะพูดโกหกเพื่อให้พ้นตัวก็เป็นได้ค่ะ ”

     กวิสราเดินผุนผลันออกจากห้อง นันทิพัฒน์ได้แต่เรียกชื่อเธอตามไป แต่กลับหยุดเธอไม่ได้ เขาส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ แล้วหันมามองร่างบางระหง ทำไมนะ... ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลกๆเมื่อมองหน้าเธอ เหมือนจิตใจข้างในคิดกลับไปกลับมา ว่าควรยุ่งเรื่องของเธอดีไหม หากว่าเขายุ่ง ชีวิตเขา อาจเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลเลยก็เป็นได้

.............................................................................................................................................................


     - นายใหญ่มาสงบศึกเอง รอดูคนถูกเชือดว่าจะเป็นใครนะคะ ที่รู้ๆ งานนี้นางเอกเราไม่ปลอดภัยแน่ พระเอกจะทำยังไงกับนางเอกเรา และน้องพิณจะรอดออกไปจากดงเสือร้ายนี้หรือไม่ ติดตามอ่านกันได้ค่ะ

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา