ดาบสะท้านยุทธภพ

7.7

เขียนโดย wutna

วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 เวลา 00.44 น.

  12 ตอน
  21 วิจารณ์
  19.64K อ่าน
แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) โลกที่เปลี่ยนแปลงไป

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ลูกกกกกกกกกกกกกกก มาหาแม่เดี๋ยวนี้นะ”

หญิงสาวหน้าตาสะสวยอายุ 35 ปี ตะโกนออกมาด้วยท่าทีไม่พอใจ

“ครับ แม่มีอะไร”

เด็กชาย อายุ 15 ปี หน้าตาหล่อไม่แพ้แม่ของเราเหมือนกัน ตอบแม่ของเขา

“สอบได้ 0 คะแนนอีกแล้วใช่มั้ย”

“อะ อะ แม่รู้ได้ยังไงครับ”

“ครูประจำชั้น โทรมาหาแม่เองเลย ว่าลูกสอบได้ 0 คะแนน”

แม่ของเราโกรธมากๆ

“ครับแม่ ต่อไปนี้ผมจะตั้งใจเรียนให้มากๆครับ”

“ลูกก็พูดแบบนี้ทุกที เย็นนี้ไม่ต้องกินข้าวนะ”

“ทำไมครับแม่”

“เป็นการลงโทษ”

แล้วแม่ของเด็กชายก็เดินเข้าห้องครัวไป

‘ทำไมแม่เราถึงได้ดุอย่างนี้นะ’

เด็กชายคิดในใจ

‘ใช่สิไปหาอะไรเล่นดีกว่า’

แล้วชายหนุ่มก็เดินไปที่หลังบ้านของเขา ที่หลังบ้านเขาเป็นป่า

“ฮ่า ๆ ๆ นอนกลางวันดีกว่า”

‘อยากให้โลกเรามีพลังวิเศษจังเลยคงทำอะไรได้สบายกว่านี้’

ชายหนุ่มคิดในใจแล้วก้อหลับไป

ในขณะที่ชายหนุ่มหลับอยู่ก็มีควันดีขาวลอยมาจากไหนก็ไม่รู้แล้วควันก็รวมกันกลายเป็นหน้าตาของชายแก่

“เด็กน้อยเจ้าอยากได้โลกแบบนั้นจิงๆ”

“ข้าจะทำให้เจ้าเอง ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

แล้วควันเหล่านั้นก็จางหายใป

ชายหนุ่มก็ตื่นขึ้นมา

“กี่โมงแล้วเนี่ย”

ชายหนุ่มหันมาดูนาฬิกาที่ข้อมือ

“ตายแล้ว 5 ทุ่มแล้ว โดนแม่ด่าอีกแน่เรา”

ชายหนุ่มก็เดินกลับบ้านไป

‘ทำไมมันแปลกๆนะ หรือเราหลงทาง ไม่หน้าจะใช่นะเราจะหลงได้ยังไง’

ชายหนุ่มรู้สึกว่าเส้นทางมันไม่เหมือนเดิมและมันแปลกๆไปจากเดิม

‘แล้วบ้านเราอยู่ไหนนะ’

ชายหนุ่มเดินไป

“เหลียงจิ้ง ไปไหนมา”

‘ใครเรียกเรานะ เสียงคุ้นๆ’

ชายหนุ่มก็หันมาหาต้นเสียง

“แม่”

“ลูกไปไหนมากลับมาซักดึกเลย ถ้าโดนพวกอธรรมจับไปล่ะจะทำยังไง”

“ครับแม่”

‘อะไรคืออธรรม’

ชายหนุ่มคิดในใจ

แล้วทั้งสองก็เดินเข้าบ้านไป

“แม่ทำไมบ้านเราเป็นแบบนี้ บ้านเราเป็นปุนไม่ใช่หรอ”

“ลูกพูดอะไร อะไรคือปุน บ้านของใครๆเขาก็เป็นไม้หมด ลูกเป็นอะไรไปแปลกๆตั้งแต่เมื่อกี้ละ”

“อ อ ไม่มีอะไรครับ”

‘มันเกิดอะไรขึ้นน้า’

ชายหนุ่มรู้สึกแปลกใจมาก

‘ชั่งเหอะนอนดีกว่า’

 

ตื่น ๆ เดี๋ยวไปโรงเรียนสายอีก”

“ครับแม่ตื่นแล้ว”

“ตั้งใจเรียนวรยุทธให้ดีๆนะลูกอย่าไปแพ้เขาอีกนะ”

‘อะไร วรยุทธอะไร งง จัง เลย’

“ครับแม่ ผมจะตั้งใจเรียนครับ”

“แม่ชุดนักเรียนผมหายไปไหนหมด”

“ชุดนักเรียนอะไรกันก็ใส่เสื้อคลุมประจำสำนักแล้วก็ไปเรียนได้แล้ว”

แม่ของเขาก็เอาชุดคลุมมาให้ เหลียงจิ้งใส่แล้วเดินไปโรงเรียน

‘มันเป็นอะกันแน่นะโลกเราของ’

‘นั่นสิทำไมบ้านของใครเขาก็เป็นไม่ไปหมด’

‘ขนาดโรงเรียนเรายังเป็นตึกไม้เลยหรอ’

‘ได้เวลาเข้าเรียนคาบแรกแล้วสินะ’

ชายหนุ่มก็เดินไปเข้าห้องเรียนตามปกติ

“ไป่พอ วิชาแรกวิชาอะไรนะ”

เขาทักทายเพื่อนสนิทของเรา

“เออคิดก่อน วิชาแนะแนว”

“ขอบใจมาก”

“แล้วมีการบ้านอะไรมั้ย”

“อาจารย์บอกว่าให้ไปคิดว่า คลาส 2 จะเปลี่ยนเป็นธรรมะหรือว่าอธรรม”

‘ธรรมะกับอธรรมหรอ ทุกคนเปลี่ยนไปจิงๆด้วยสิ’

“อาจารย์มาแล้ว นั่งที่ๆ”

หัวหน้าห้องสั่ง

“เหลียงจิ้ง ดาบของเจ้าอยู่ไหน ไม่เอามาเดียวอาจารย์ก็ด่าอีกหลอก”

“ดาบหรอเอามาทำไม”

ชายหนุ่มตอบกลับ

“ไม่รู้หรอว่าดาบคือ อุปกรการเรียนของเจ้าไง ก็เจ้าเรียนสายดาบหนิ”

เหลียงจิ้งงงมากตอนนี้

“เหลียงจิ้งว่าไง วันนี้คงไม่ลืมเอาอุปกรณ์การเรียนมาด้วยหลอกนะ”

อาจารย์ถามเหลียงจิ้ง อาจารย์ของเขาเป็นผู้หญิงอายุ ราวๆ 40 ปี

“อ อ”

“ตอบอย่างนี้แสดงว่าลืมอีกแล้วสินะ”

“ครับอาจารย์”

เหลียงจิ้งตอบ

“อาจารย์จะทำยังไงกับศิษย์คนนี้ดีนะ ไปนั่งคุกเข่าหลังห้องไป”

“ครับอาจารย์”

เหลียงจิ้งก็ไปนั่งคุกเข่าหลังห้องจนหมดชั่วโมงแนะแนว

 

วิชาสุดท้ายแล้วสินะ

“ไป่พอ ต่อไปวิชาอะไร”

“อ่อ วิชาตัวเบาน่ะ”

“อาจารย์มาแล้วทุกนั่งที่”

หัวหน้าห้องสั่งเช่นเคย

“สวัสดีนักเรียน”

ชายแก่อายุ 40 กว่าปีพูด

“ว่าไงนักเรียนไปซ้อมมากันหรือเปล่า”

“ซ้อมมาค่ะ ซ้อมมาครับ”

นักเรียนทุกคนต่างพูดออกมาพร้อมกัน

‘จะเจออะไรบ้างเนี่ยเรา’

เหลียงจิ้งคิดในใจ

“ศิษย์ทุกคนตามอาจารย์มาไปสนามฝึกยุทธกัน”

แล้วอาจารย์ก็พาพวกเราไปที่สนามฝึกยุทธ

“ไหนแต่ละคนแสดงวิชาตัวเบาให้อาจารย์ดูหน่อย”

มีเสาอยู่เป็นจำนวนมากศิษย์ทุกคนต่างกระโดนกันไปมาอย่างน่าสนุก

“อ่าวเหลียงจิ้งยืนเฉยทำไม”

อาจารย์ทักเหลียงจิ้ง

“เออคือ ศิษย์ทำไม่เป็นครับ”

เหลียงจิ้งก้มหน้าตอบอาจารย์

“อะไรกันไม่ได้ไปซ้อมมาหรอ”

อาจารย์ขึ้นเสียง

‘ตอบไปว่าไม่ซ้อมดีกว่าเรา โลกมันมันเปลกๆยังไงไม่รู้’

“ครับไม่ได้ซ้อม”

เหลียงจิ้งจำใจตอบไป

“มาอาจารย์สอนให้”

“จริงหรอครับ”

“จริงสิ”

“ก่อนอื่นต้องทำใจให้สงบก่อนนะแล้วรวบรวมลมปราณไว้ที่เท้า หน้าท้อง  มือ ลมปราณที่เท้าจะช่วยให้เจ้ากระโดนได้ไกลสูงและยึดเกาะกับวัตถุต่างๆได้ดี ส่วนที่ท้องจะทำให้ร่างรายของเจ้าเบาลง มือจะช่วยในการทรงตัว...จบล่ะไหนลองทำสิ ”

อาจารย์สอนให้เหลียงจิ้งอย่างละเอียด

“แล้วจะเรียกลมปราณมาได้ยังไงครับ”

เหลียงจิ้งถามแล้วความมึนงงและไม่รู้

“อะไรกันเจ้ามาถึงคลาส 1 แล้วยังไม่รู้จักลมปราณหรอ”

อาจารย์ถามอย่างเป็นห่วง

“ศิษย์ไม่รู้จิงๆครับ”

“เอาเหอะๆไว้วันหลังอาจารย์จะสอนใหม่ให้นะ”

เหลียงจิ้งไม่ตอบแล้วก็เดินจากไป

“อาจารย์เลิกเรียนแล้วใช่มั้ย ศิษย์กลับบ้านละนะ”

เหลียงหันมาถามอาจารย์อีกครั้ง

“อื่มไปเหอะไป”

เหลียงจิ้งก็เดินกลับบ้านไปพร้อมถามตัวเองตลอดทางว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“กระบี่จันทราครองนภา”

‘เสียงๆเสียงอะไร’

เหลียงจิ้งรีบหันไปมองทางต้นเสียง ก็พบชายหนุ่ม 3 คนกำลังสู้กับหญิงสาวอยู่

สิ้นเสียงหญิงสาวก็ถอยออกมา 1 ก้าวแล้วถือกระบี่ไว้ที่กลางระหว่างอกแล้วพุ่งเข้าหาชาย 1 ใน 3 คนนั้น มีแสงสีเหลืองเป็นรูปจันทรเสี้ยวล้อมรอบตัวหญิงสาว

“เพลงกระบี่แว่วเสียงปีศาจ”

สิ้งเสียงชายคนที่ถูกหญิงสาวจู่โจมก็กระโดดไปด้านหลังประมาณ 2 ก้าวเพื่อนหลบการโจมตีของเธอแล้วกระโดดขึ้นไปบนฟ้าแล้วพุ่งลงอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งมีเสียงดัง (วี้งงงงงงงงง) เพื่อนทำลายสมาธีของฝ่านตรงข้าม

“ข้างบนระวัง”

เหลียงจิ้งตะโตนเพื่อเตือนหญิงสาว

หญิงสาวได้ยินก็รีบดิดตัวไปด้วนหลังประมาณ 2 ก้าวเพื่อหลบการโจมตีทันที นางถูกกระบี่ฟันที่หัวไหล่เป็นแผลยาวกว่า 2 นิ้ว ยังดีที่นางหลบการโจมตีแบบเต็มๆได้ ถ้าถูกโจมตีแบบเต็มๆอาจทำให้นางต้องเสียแขนข้างนั้นไปเลย เพราะอนุภาพของกระบี่ที่ชายหนุ่มใช้นั่นรุนแรงมากสามารถตัดเหล็กหนา 5 นิ้วได้อย่างสบายๆเลย

“ยอดเยี่ยมๆ”

“ที่สามารถมองเห็นการโจมตีที่รวดเร็วของข้าได้ ไอ่หนุ่มสนใจประลองกับข้ามั้ย”

ชายหนุ่มอายุราวๆ20ปีหน้าตาพอดูได้มีแผลเป็นที่แก้มซ้ายยาว 3 นิ้วเขาหันมาพูดกับเหลียงจิ้งด้วยทีท่าไม่ค่อยพอใจ

‘งานเข้าแล้วเราจะเอาอะไรไปสู้เขา’

เหลียงจิ้งไม่อยากจะสู้เลยเพราะเขาไม่เป็นวรยุทธเลย

"อ อ”

เหลียงจิ้งกำลังจะปฏิเสธแต่เขาเห็นหญิงสาวที่หมดทางสู้เท่านั้นเอง

‘เป็นไงเป็นกัน’

“ได้”

“ดี ดี ดีมาก แล้วอาวุธของเจ้าล่ะอย่าบอกนะว่าจะสู้กับข้าด้วยมือเปล่า ฮ่าๆๆ”

ชายหนุ่มหน้าตาหน้ากลัวหัวเลาะอย่างไม่แกรงใจใคร

“ถ้าไม่รังเกียจใช่กระบี่ของข้าก็ได้นะ”

หญิงสาวหน้าตาสะสวยไร้สิวผ้า พูดกับเหลียงจิ้ง พร้อมยื่นกระบี่ของนางให้

“อื่มขอบใจมาก”

เหลียงจิ้งก็เดินมาหาหญิงสาวแล้วรับกระบี่ไป

“รับมือ”

ชายหนุ่มตะโกนแล้วจู่โจมเหลียงจิ้งอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เหลียงจิ้งได้แต่หลบอย่างเดียวเลยแม่แต่โอกาสพักหายใจยังไม่มีเลย

“เจ้าไม่เป็นวรยุทธหนิ”

หญิงสาวพูดออกมาด้วยความเป็นห่วง

“ไอ่หนุ่มหลบอย่างเดียวจะเรียกว่าสู้กันหรอ”

ทันได้นั้นเองชายหนุ่มหน้าตาหน้ากลัวก็จู่โจมเข้ามาหาเหลียงจิ้งแบบไม่ทันตั้งตัวเลย

‘หลบไม่ทันแล้ว’

เหลียงจิ้งยกกระบี่ขึ้นมาประทะกับกระบี่ของชายหนุ่ม เหลียงจิ้งรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆจากหน้าท้องกระจายไปทั่วร่างกาย กระบี่ของเหลียงจิ้งมีแสงสีเหลืองส่องออกมา ทุกคนต้องหลับตาถ้าไม่หลับอาจจะทำให้ตามองไม่เห็นเป็นเวลาสั้น เวลาผ่านไปซัก 10 วินาที

“ไม่นะไม่”

ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างไม่เชื่อสายตา

เหลียงจิ้งลืมตาขึ้นมาดูเห็นว่ากระบี่ของคู่ต่อสู่แยกออกจากกันเป็น 2 ชิ้น

“แก ไอ่เด็กเวร ตายซะ”

ชายหนุ่มวิ่งเข้ามาหาเหลียงจิ้งอย่างรวดเร็ว

“พอแล้วเซียวเหลิ่ง”

ชายหนุ่มหน้าตาหน้าเกรงขาม ใส่หมวกชาวนาใส่ชุดเกราะสีดำมีผ้าคลุมหลังสีแดงถือกระบี่อยู่ข้างกาย พูดเบาๆชายหนุ่มที่กำลังเข้ามาจู่โจมเหลียงจิ้งก็หยุดทันที

“ท่านพี่แต่มันทำกระบี่ของข้าหัก”

“ข้าเข้าใจแต่ใจเย็นๆไว้ก่อน”

“อายุยังน้อยแต่มีกำลังภายในแกร่งกล้า ข้าชื่อ เซียวหวี่ยิง หวังว่าเราจะได้พบกันอีก”

“พวกเรากลับ”

“แต่ๆข้ายังไม่ได้”

ชายหนุ่มที่มีแผลอยู่แก้มซ้ายพูดออกมา

“ได้ยินมั้ยข้าบอกให้กลับ”

ชายหนุ่มในชุดเกราะสีดำพูดออกมาอย่างเย็นชา

ชายหนุ่มต้องจำใจกลับไปโดยดี

‘ลอดแล้วเรา’

“เห้อ”

เหลียงจิ้งทอนหายใจ

แล้วหันมามองหญิวสาวที่ยืนอยู่ด้านหนังเขา

“เป็นอะไรมั้ยครับ”

เหลียงจิ้งถามหญิงสาวเบาๆ แต่หญิวสาวไม่ตอบยืนตัวแข็งอยู่เหมือนเดิม

“แม่นางเป็นอะไรมั้ย”

นางก็ยังไม่ตอบ

เหลียงจิ้งจึงเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วพูดอีกครั้ง

“เป็นอะไรมั้ยครับ”

“อ่อ ไม่เป็นไร ข้าก็แค่ตกใจนิดหน่อย”

“ตกกใจพวกนั้นหรอ”

“ไม่ใช่ ข้าตกใจเจ้า คนที่อายุเท่าเจ้า ข้ายังไม่เคยเจอใครที่มีกำลังภายในแกร่งเท่าเจ้าเลยนะ”

หญิงสาวสงสัยมาก

“นั้นหรอครับ”

เหลียงจิ้งตอบไปเบาๆ เข้าก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำได้ยังไง เหลียงจิ้งมองไปที่หัวใหล่ข้างขาวของนางจึงเห็นเลือดไหลออกมาไม่หยุด

“เจ็บมากมั้ยครับไปหาหมอมั้ย”

เหลียงจิ้งพูดด้วยความเป็นห่วง

“ไม่เป็นไร ข้าสกัดจุดไว้แล้วเดี๋ยวเลือกก็หยุดไหลเอง”

“อ่อจริงสิเจ้าชื่ออะไร ข้าชื่อเซียวอี้หลิง นะ”

“เราชื่อ เหลียงจี้ง”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

“อันนี้เบอร์ข้านะมีอะไรให้ข้าช่วยก็เรียกได้เสมอนะ”

เซียวอี้หลิงเขียนเบอร์ของเธอให้เหลียงจิ้งแล้วก็เดินจากไป

เหลียงจิ้งได้เห็นหน้าของเธอแบบชัดๆทำให้เขาตกหลุมรักเซียวอี้หลิงแบบลุกไม่ขึ้นเลย

‘สวยๆสวยมาก กลับบ้านดีกว่าเราแม่คงเป็นห่วงละ’

เหลียงจิ้งเดินไปคิดถึงหน้าเซียวอี้หลิงไป

“กลับมาละครับแม่”

เหลียงจิ้งเดินไปทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ

“แม่โทรศัพท์บ้านเราไปไหน”

“โทรศัพท์อะไรกัน มันเป็นยังไง”

แม่ของเขาตอบด้วยความงงและสงสัยว่ามันคืออะไร

“ก็เครื่องที่เขาใช้สื่อสารกันไงแม่”

“เครื่องอะไรไม่มีหลอกของแบบนั้น”

“ทำไมจะไม่มีนี้ไงเพื่อนลูกพึ่งให้เบอร์ลูกมาเนี่ย”

เหลียงจิ้งพูดออกมาพร้อมเอาเบอร์ของเซียวอี้หลิงออกมาให้แม่ของเราดู

“มันไม่ได้เรียกว่าโทรศัพท์ลูก เขาเรียกว่านกพิราบสื่อสารจร้า”

แม่ของเหลียงจิ้งพยายามอธิบายให้เหลียงจิ้งเข้าใจ

“มันใช้อย่างนี้นะ เอาเบอร์เนี่ยให้นกพิราบดูแล้วเขียนข้อความมามัดไว้ที่ขาของมันเดียวมันก็จะบินไปหาบ้านที่มีหมายเลขตรงตามนี้เองเข้าใจมั้ย”

“ไม่ๆๆๆๆๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้”

เหลียงจิ้งตะโกนออกมาสุดเสียง

 

 

โปรดติดตามตอนต่อไป

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
6 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา